“อืม...ขอบใจนะภา..เอ่อ..คุณคี”
ปิ่นงามรู้สึกตัวค่อยๆเปิดเปลือกตาขึ้นหลังจากที่มีผ้าเย็นๆมาเช็ดอยู่ที่ใบหน้าคราแรกนึกว่าเป็นนภาเพราะเมื่อช่วงสายหญิงสาวก็มาดูแลเธอแต่เมื่อมองเห็นคนที่กำลังเช็ดตัวให้เธอชัดก็ต้องหลบสายตาของเขาเล็กน้อยเพราะยังรู้สึกเขินอายกับเรื่องเมื่อคืนที่ผ่านมาอยู่ไม่น้อย
“ลุกมากินข้าวก่อนสิ.. จะได้กินยา”
“ปิ่นจัดการเองก็ได้ค่ะคุณไปทำงานเถอะ”
“แม่ฉันไล่ให้มาดูแลเธอกลับไปมีหวังก็โดนบ่นอีกน่ะสิ”
ปิ่นงามจำต้องค่อยๆลุกมากินข้าวเพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องมาดูแลอะไรเธอมากนักแม้นตอนนี้จะนั่งลำบากอยู่พอสมควรก็เถอะ
หญิงสาวใช้เวลากินข้าวไม่เท่าไรเธอก็กินยาแล้วจึงนอนพักหวังว่าคีรีจะได้รีบกลับไปทำงานแต่เปล่าเลยเขายังคงนั่งเฝ้าหญิงสาวอยู่ที่ห้องระหว่างที่เธอหลับไม่ยอมห่างไปไหนคอยยื่นมืออังหน้าผากของคนที่นอนหลับอยู่ตลอดจวบจนเย็นเมื่อไข้หญิงสาวลดลงได้เขาก็ออกไปทำอาหารเย็นเพราะรู้ว่าเย็นนี้ปิ่นงามคงลุกมาทำไม่ไหวแน่
“จะไปไหน”
คีรีเห็นปิ่นงามเปิดประตูออกมาจากห้องพร้อมเสื้อผ้าอยู่ในมือสีหน้าของเธอซีดเซียวแถมยังเดินไม่ค่อยจะสะดวกเขาจึงต้องรีบมาพยุงตัวเธอเอาไว้
“ปิ่นจะไปอาบน้ำค่ะ”
“เดินจะไม่ไหวทำไมไม่เรียกฉัน...แล้วเป็นไข้ใครให้อาบน้ำ”
“ปิ่นว่าตัวปิ่นไม่ร้อนแล้วอีกอย่างอาบน้ำน่าจะสดชื่น”
ปิ่นงามเห็นว่าตอนนี้ไข้เธอก็ลดลงแล้วหากอาบน้ำน่าจะสดชื่นขึ้นกว่านี้
“เดี๋ยวฉันไปต้มน้ำอุ่นให้..เธอรออยู่นี่ก่อน”
หากหญิงสาวอยากจะอาบจริงๆคีรีเห็นทีจะต้องให้เธออาบน้ำอุ่นไปก่อนว่าจบเขาก็พยุงหญิงสาวมานั่งรอและรีบไปตัดการค้มน้ำในครัวทันที
“ขอบคุณค่ะ”
ปิ่นงามอมยิ้มอ่อนรู้สึกดีใจลึกๆที่คีรีมีท่าทีเป็นห่วงเป็นใยเธอแม้จะรู้ว่าเขาถูกคนเป็นแม่สั่งมาก็เถอะ
“เอ่อ.. “
ขณะที่หญิงสาวกำลังนั่งรออยู่เพลินๆร่างของเธอก็ลอยขึ้นเพราะคีรีรวบอุ้มเธอขึ้นด้วยท่าเจ้าสาวพาเดินมาที่หน้าห้องน้ำ
“กาน้ำร้อนอยู่ในห้องน้ำเสร็จแล้วก็เรียกฉัน”
“ค่ะ”
คีรีปล่อยหญิงสาวลงก่อนจะเดินกลับไปในครัวเพราะเขายังต้องกลับไปดูหม้อข้าวต้มที่ตั้งเอาไว้
“.....”
ปิ่นงามในตอนนี้พวงแก้มเริ่มแดงมีเลือดฝาดเพราะรู้สึกประหม่าเคอะเขินกับการกระทำของคีรี
“คุณคีรี”
ผ่านมาเกือบชั่วโมงกว่าทีาหญิงสาวจะจัดการชำระล้างร่างกายของเธอเสร็จหลังจากนั้นจึงค่อยๆเดินมาที่ครัวเพื่อที่จะทำกับข้าวแต่เห็นคีรีจัดการอยู่ก่อนแล้ว
“อาบซะนาน..เดี๋ยวก็ไข้ขึ้นอีกหรอกบอกว่าอาบเสร็จให้เรียกฉันทำไมไม่เรียก”
ชายหนุ่มบ่นปิ่นงามอุกขณะยกสำรับกับข้าวออกมาวางที่โต๊ะกินข้าว
“ปิ่นเดินเองได้ค่ะ”
“กับข้าวพวกนี้แม่ทำมาให้เห็นว่าเธอไม่สบายจะได้ไม่ต้องทำกับข้าวมากินเลยสิจะได้กินยา”
“ค่ะ”
ปิ่นงามพยักหน้าเบาๆด้วยรอยยิ้มอ่อนก่อนจะค่อยๆเดินมานั่งที่เก้าอี้โต๊ะกินข้าวตรงข้ามกับคีรี
“นี่แม่ทำเองหมดเลยเหรอคะ”
ปิ่นงามเห็นมีกับข้าวหลายอย่างวางเรียงอยู่บนโต๊ะเห็นทีจะเกรงใจแม่สามีก็คราวนี้
“แม่ทำปลาย่างน้ำพริกผัดกับผักต้มมาให้ส่วนข้าวต้มกับต้มจืดตำลึงนี่ฉันทำไว้ให้เธอ”
คีรีตอบขณะก้มหน้าก้มตาแกะปลาหมอย่างใส่จานข้าวตัวเอง
ปิ่นงามรู้สึกดีในใจอย่างบอกไม่ถูกวันนี้คีรีดูแลเธอไม่พอเขายังทำกับข้าวให้เธออีกนึกว่าผู้ชายอย่างเขาจะทำอะไรแบบนี้ไม่เป็นเสียอีก
“คุณชอบกินปลาย่างเหรอคะ”
ปิ่นงามเห็นชายหนุ่มก้มหน้าก้มตากินข้าวกับปลาย่างขยำน้ำพริกดูท่าเขาจะชอบเมนูนี้ไม่น้อย
“อืม..ทำไม”
“วันหลังปิ่นจะได้ทำให้ค่ะ”
“จะเอาใจฉัน”
“เปล่าค่ะ...ปิ่นแค่ไม่ชอบให้ใครบอกว่าอาหารของปิ่นไม่ถูกปากถ้าปิ่นทำสิ่งที่คุณชอบคุณจะได้ไม่พูดแบบนั้น”
“มันอยู่ที่คนทำ..เธอทำอะไรมาฉันก็ไม่ชอบทั้งหมด”
คนตัวโตพูดจาห้วนแตกต่างจากตอนที่ดูแลเธอเมื่อช่วงกลางวันจากที่ปิ่นงามเริ่มจะมองชายหนุ่มในแง่ดีบ้างกลับต้องย้อนคิดดูใหม่เสียแล้วคิดได้ดังนั้นจึงย้อนกลับใส่อีกฝ่ายให้เขาได้รู้ว่าเธอก็ไม่ได้คิดจะง้อให้เขามากินอาหารฝีมือเธอเหมือนกัน
“ดีค่ะ... วันหลังถ้าฉันทำกับข้าวก็จะทำกินแค่คนเดียว”
“เรื่องของเธอ”
คีรีเงยหน้าตวัดมองค้อนหญิงสาวที่กำลังจ้องหน้าเขาเขม็งครู่หนึ่งก่อนจะก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานต่อ
กลางดึก
“แม่จ๋า...”
หลังจากที่คีรีหลับไปพักใหญ่ก็ต้องตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะคนที่นอนอยู่ข้างๆละเมอเพ้อไม่อยู่สุขจนเขาต้องรีบลุกขึ้นมาดู
“เฮ้อ...ไข้ขึ้นอีกจนได้”
ชายหนุ่มใช้มืออังหน้าผากและจับตามเนื้อตัวของคนที่กำลังละเมอก็รู้ได้เลยว่าเธอไข้ขึ้นคงไม่พ้นเพราะรั้นที่จะอาบน้ำเมื่อเย็น..คืนนี้ทั้งคืนเขาเลยต้องเฝ้าคอยเช็ดตัวให้หญิงสาวเป็นระยะกว่าจะได้นอนก็เกือบฟ้าสาง
เมื่อแรกแย้มเสงอาทิตย์ของเช้าตรู่วันใหม่ปิ่นงามก็รู้สึกสบายตัวขึ้นเธอเห็นชายหนุ่มนอนหลับสนิทในมือยังคงถือผ้าที่ยังเปียกชื้นก็รู้ได้ว่าเมื่อคืนเขาคงไม่ได้นอนเพราะเธอเป็นแน่
ปิ่นงามลุกไปทำกับข้าวเพราะร่างกายค่อยยังชั่วขึ้นมากอีกอย่างเมื่อคีรีตื่นมาเขาจะได้กินข้าวได้เลยแม้นจะเคยพูดว่าจะไม่ทำอาหารเผื่อเขาเพราะเขาไม่ชอบฝีมือเธอแต่ก็ตัดใจทำแบบนั้นไม่ได้อยู่ดีด้วยเพราะเขาอุตส่าห์อดหลับอดนอนดูแลเธอทั้งคืน
“คุณตื่นสายนะคะ”
หลังจากที่ปิ่นงามทำอาหารเสร็จจวบจนเข้าช่วงสายคีรีนั้นพึ่งจะลุกออกจากห้องนอนออกมาข้างนอกปิ่นงามจึงเอ่ยทักชายหนุ่มด้วยสีหน้าระรื่น
“เพราะเธอ...นอนตัวร้อนทั้งคืนจนฉันต้องเช็ดตัวไม่ได้หลับได้นอน”
คีรีมองค้อนหญิงสาวเล็กน้อยที่เขาต้องตื่นสายก็เพราะเธอยังจะมาว่าเขาอีก
“เหรอคะ..”ปิ่นงามยังคงทำหน้าไม่รู้เรื่องรู้ราวทั้งที่เธอรู้อยู่แก่ใจว่าเธอดีขึ้นเพราะใคร“ใช่สิ...ไม่งั้นเธอคงนอนชักไปแล้ว”“ขอบคุณนะคะ...เอ่อ..ในครัวมีข้าวต้มกับหมูทอดแล้วก็ต้มจับฉ่ายถ้าคุณหิวก็กินได้ค่ะปิ่นไม่หวง”ว่าจบก็เดินออกไปเดินเล่นที่หน้าเรือนเธอคิดว่าถ้าหากเธอยังนั่งอยู่ในนี้คีรีคงไม่คิดจะกินอาหารที่เธอทำแน่เพราะเป็นคนที่มาดเยอะอยู่พอสมควรตั้งแต่ช่วงสายเมื่อวานถึงเที่ยงวันนี้คีรีไม่ได้เข้าไร่เพราะมัวแต่ดูแลปิ่นงามจนผกามาส่งขนมและไม่ได้เจอคีรีสองวันแล้ว“ดูแลกันถึงไหนไม่เข้าไร่เข้ากงเลยนะนาย”ทั้งรู้ว่าที่เขาไม่อยู่ก็เพราะดูแลภรรยาอยู่ที่เรือนเล็กยิ่งรู้แบบนี้เธอก็ยิ่งหงุดหงิดเพราะเขาเป็นคนบอกเธอว่าจะไม่สนใจเมียแต่งคนนี้เห็นทีจะไม่ใช่อย่างที่พูดแล้ว“วัว.. วัว”พลั้กกก“โอ้ยย...ฮือๆๆ”ดินเด็กชายวัยห้าขวบลูกของละไมคนงานในไร่ที่เป็นเด็กพิเศษไม่เหมือนเด็กทั่วไปทุกๆวันดินจะมานั่งเล่นใต้ต้นไม้ใหญ่รอคนเป็นแม่ทำงานทุกวันแต่วันนี้เหมือนโชคร้ายที่ทางที่ดินเดินอยู่นั้นเป็นทางที่นางยักษ์ที่กำลังโกธากำลังเดินผ่านมาเมื่อเห็นเด็กชายขวางทางจึงผลักเสียจนล้มเพราะยังคงหงุดหงิดเรื่องคีรีอยู่ใ
“เสียเวลา...ดินการตอบสนองช้ากว่าเด็กทั่วไปแม่ของดินเคยหัดแล้วเจ้านี่ร้องโวยวายก็เลยต้องป้อนกันอยู่อย่างนี้”คีรีเคยตั้งคำถามกับละไมแม่ของดินอย่างที่ปิ่นงามถามก็ได้ความว่าเจ้าหนูนี่โวยวายไม่ยอมกินเลยต้องป้อนกันจะได้ไม่เสียเวลางาน“นาย...ขอโทษทีจะที่ฉันมาช้า...เดี๋ยวฉันป้อนเองจะ”ละไมรีบจ้ำอ้าวมาหาลูกชายเมื่อเห็นคีรีนั่งป้อนข้าวลูกเธออยู่ก่อนหน้าแล้ว“อืม...คราวหลังเร็วหน่อยนะพี่ละไม”“จะนาย”คีรียื่นจานข้าวให้ละไมก่อนจะเดินออกไป“ปกติพาดินมาที่นี่ทุกวันเหรอคะ”ปิ่นงามยังคงนั่งอยู่เพราะอยากจะคุยอะไรบางอย่างกับแม่ของดิน“จะคุณปิ่น...ฉันเลี้ยงลูกคนเดียวทำงานในไร่ก็ต้องพามันมาทุกวันอย่างนี้แหละวันนี้ฉันต่อคิวตักข้าวช้าก็เลยมาช้าจะ”“เอาอย่างนี้..ถ้าเอาดินมาเอามาฝากปิ่นก็ได้..ปิ่นจะดูเค้าให้เอง”ปิ่นงามรู้แบบนี้คงปล่อยให้ดินอยู่ตรงนี้คนเดียวต่อไปไม่ได้วันๆเธอก็ไม่ค่อยได้ทำอะไรนอกจากดูแลงานบ้านงานเรือนกับแปลงผักเล็กๆหน้าเรือนเธอจึงอาสาขอดูแลดินเอง“จะดีเหรอจ๊ะคุณปิ่นเจ้าดินไม่ใช่เด็กปกตินะจ๊ะอารมณ์มันไม่ค่อยคงที่”ละไมไม่เห็นด้วยเท่าไรเพราะที่เธอต้องให้ดินเล่นอยู่คนเดียวตรงนี้เพราะดินไม่เหมื
“ขอบใจ”“ฉันทำฟักทองเชื่อมรสจัดแบบที่นายชอบมาให้เหมือนกันจะ..”บุญตาเองก็ไม่ยอมน้อยหน้ารีบเข้ามานั่งข้างคีรีพร้อมฟักทองเชื่อมในปิ่นโต“นายจะกินของฉัน”ผกาตวัดมองค้อนบุญตาจนตาแทบถลน“ให้นายเลือกเองดีกว่านะ”บุญตายังคงยิ้มหน้าระรื่นไม่ได้มีท่าทีเกรงกลัวสายตาของผกาแม้แต่น้อย“เอ่อ..ฉันขอบใจพวกเธอสองคนมากนะแต่ฉันอิ่มมากแล้วไม่อยากกินอะไรเพิ่ม..ขอตัวก่อน”คีรีรู้สึกรำคาญสองสาวขึ้นมากะทันหันตอนนี้เขาไม่ได้อยากมีคนมาคอยเอาอกเอาใจอยากอยู่เงียบๆมากกว่าว่าจบก็รีบเดินหนีสองสาวออกไปอย่างไม่ใยดี“นาย.. เพราะแกเลยนังบุญตานายจะกินของฉันแล้วเชียว”ผกาแทบจะเฉือนเนื้อบุญตาเป็นชิ้นๆที่เข้ามาสาระแนเวลาที่เธอจะอยู่สองต่อสองกับคีรี“หนุ่มๆในไร่โสดๆตั้งมากมายชอบจริงๆคนมีเมียแล้ว”สรวงไม่ได้อยากปากมากกับผู้หญิงนักแต่เห็นแม่สองสาวนี่เกาะแกะเจ้านายตนทั้งที่รู้อยู่แก่ใจว่าคีรีมีเมียตบเมียแต่งแล้วก็ยังไม่วายคิดที่จะเลิกยุ่ง“จะพูดอย่างนั้นก็ไม่ถูกนายเองต่างหากที่สนใจพวกฉัน”บุญตาตอกหน้าสรวงกลับ“ใช่”ผกาเองก็เอ่ยเสริมผสมโรงเป็นมิตรกันไปโดยปริยายก่อนจะแยกย้ายกันเดินกลับออกไป“เฮ้อ..”สรวงเท้าเอวส่ายหัวก่อนจะถอนหา
“ก็ได้... ก็ได้... พี่ปิ่นไม่ให้ดินเขียนก็ได้ไม่ต้องร้องนะ.. เดี๋ยวเราไปทำขนมกันดีหรือเปล่า”“..ทำขนม”ดินและปิ่นงามง่วนอยู่ในครัวร่วมสองชั่วโมงตอนนี้ก็เย็นพอดีขนมกล้วยปิ้งตอนนี้ก็เสร็จเรียบร้อยทั้งยังหมดไปเกือบครึ่งเพราะปิ้งกันไปกินกันไป“ทำอะไรกันเหรอ”คีรีได้กลิ่นหอมจากในครัวตั้งแต่มาถึงจึงรีบเข้ามาดู“คุณคี”ปิ่นงามคิดว่าวันนี้คีรีจะไม่กลับมานอนที่นี่แล้วเสียอีก“ทำขนมกล้วยปิ้งค่ะ”“ดินเขียนสวยพี่ปิ่นทำขนมให้”ดินรีบวิ่งไปเอาสมุดที่ตัวเองลากเส้นรีบมาให้คีรีดูอย่างรวดเร็วเพราะอยากจะอวดให้คีรีได้ดู“เขียนสวย”เมื่อมาถึงก็พูดอวดคีรียกใหญ่ว่าตนนั้นเขียนได้สวยถึงได้รางวัลเป็นจนมที่กำลังนั่งกินกันอยู่ตอนนี้“ปิ่นสอนดินหัดลากเส้นค่ะ”“ลากเส้น”คีรีมีสีหน้าที่ค่อนข้างอึ้งเล็กน้อยไม่คิดว่าอย่างดินจะมีสมาธิทำอะไรแบบนี้ได้“ค่ะ...ถ้าค่อยๆสอนดินเขียนได้ทำได้เหมือนเด็กทั่วไปนั่นแหละค่ะ”“อ่อ..อืม”คีรีไม่ได้คิดจะเอ่ยชมอะไรปิ่นงามทั้งที่ก็ทึ่งในความสามารถของหญิงสาวอยู่เหมือนกันที่สอนดินได้ตกดึกปิ่นงามเดินเข้าห้องมาพร้อมตะเกียงเจ้าพายุเธอเข้ามาก็เห็นคีรีนอนหลับอยู่ก่อนแล้วแปลกใจพอสมควรที่เห็นเข
“เมียฉันอยู่ได้..อยู่แล้ว..ฉันมันไม่ได้เป็นส่วนสำคัญอะไรกับเธอขนาดนั้น..พวกเอ็งรู้ไหมวันนั้นฉันมานอนที่สำนักงานยังไม่เคยปริปากบ่นหรือตามให้ฉันกลับเลยสักคำ..เหมือนไม่สนใจผัว”คีรีฉุนขึ้นมากะทันหันเพราะรู้สึกว่าปิ่นงามไม่ได้ใส่ใจอยู่แล้วว่าเขาจะอยู่หรือไม่อยู่ด้วยที่เรือน“พูดเหมือนน้อยใจเลยนาย”สรวงแอบอมยิ้มน้อยครั้งนักที่นายของเขาจะเอ่ยในเชิงนี้“ข้าแค่เล่าให้พวกเอ็งฟังเฉยๆไม่ได้น้อยใจโว้ย”สิ้นเสียงคีรีเหล่าคนในวงสังสรรค์ทุกคนต่างก็มองตากันแม้นจะไม่ได้พูดแต่ก็เข้าใจได้ว่าตอนนี้นายตนนั้นปากไม่ตรงกับใจเสียแล้ว“จะกลับมาตอนไหนของเค้านะ”วันนี้ปิ่นงามดูจะกระวนกระวายใจเป็นพิเศษเพราะคีรีไม่ได้บอกเธอว่าจะกลับดึกหรือไม่กลับเธอจึงนั่งรอกินข้าวกับเขาตั้งแต่เย็นจนตอนนี้กับข้าวที่เธอทำเย็นชืดไปหมดแล้วแอบรำคาญตัวเองในใจเหมือนกันที่ปกติแล้วชอบเสียอีกที่อีกฝ่ายไม่อยู่แต่ไม่รู้ว่าวันนี้ทำไมถึงกังวลใจเพราะเขาแปลกๆ“เสียงรถนี่..”เมื่อได้ยินเสียงรถมาจอดที่หน้าเรือนเล็กปิ่นงามก็รีบวิ่งออกไปเปิดประตูต้องรับคีรี“อ.อ๊ายย”กึกกกกร่างบางลืมไปว่าหน้าเรือนเป็นพื้นต่างระดับแถมยังไม่ได้ถือเจ้าตะเกียงมาเพื่อเ
“ฉันแค่จะเดินสายไฟเธอกินข้าวต่อเถอะ”พอปิ่นงามหันมามองได้คนที่มาดเยอะก็รีบหุบยิ้มก่อนจะเดินไปทางอื่น“ค่ะ”ปิ่นงามยิ้มกว้างหลังจากที่คีรีออกไปแล้วแอบคิดเข้าข้างตัวเองว่าไม่ใช่ว่าเพราะเหตุการณ์เมื่อคืนจึงทำให้คีรีอยากจะติดไฟที่นี่เพื่อเพิ่มแสงสว่างให้เธอแม้นจะไม่รู้ว่าใช่หรือไม่ใช่แต่เธอก็ดีใจที่ที่นี่จะได้มีแสงสว่างยามค่ำคืนเสียที“จะรีบไปไหนไอ้สรวง”เทิดศักดิ์คนขับรถคีบอ้อยของไร่เขาเป็นเพื่อนรักของสรวงเห็นสรวงเดินจ้ำอ้าวถือสายไฟแบกลำไม้ไผ่ยาวไปกับคนงานสองสามคนก็รีบตะโกนถาม“เอาสายไฟไปให้นายน่ะสิเผื่อไม่พอ...ปากก็บอกไม่สนใจเมียได้เข้าหอมาไม่เท่าไรรีบอำนวยความสะดวกให้เมียใหญ่”“ฮ่าๆๆ...สวยหยาดเยิ้มขนาดนั้นก็ต้องประเคนความสุขให้หน่อยล่ะโว้ย...”สองหนุ่มเอ่ยถึงนายจอมปากแข็งของตนกันเสียงดังทำเอาคนที่ได้ยินต่างก็อมยิ้มตามกันไปด้วยเพราะก็คิดอย่างคนทั้งสองว่าเหมือนกันค่ำนี้ดูปิ่นงามจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษเพราะที่เรือนเล็กมีแสงสว่างจากไฟฟ้าแล้วตอ่ไปนี้เธอก็จะทำอะไรได้สะดวกยิ่งขึ้น“เธอก็เก่งเหมือนกันนี่ที่สอนดินจนกินข้าวเองเป็น”เป็นครั้งแรกที่คีรีเอ่ยชมหญิงสาวขณะที่นั่งร่วมโต๊ะกินข้าวเย็น“แค่เ
“หนวดคุณ”“อื้มม..”คีรีค่อยๆไล่หอมจากพวงแก้มหญิงสาวเบากว่าเมื่อครู่เพราะกลัวเธอเจ็บก่อนจะเริ่มบดจูบที่ริมฝีปากบางอวบอิ่มอยู่ใกล้ร่างบางนี้ทีไรเป็นอันอดใจไม่ไหวเสียทุกทีคืนนี้กะว่าจะให้เธอพักแต่ก็ไม่ทันเสียแล้วเพราะเจ้าตัวตนใต้กางเกงของเขามันผงาดเด้งผึงตั้งแต่กดหอมแก้มนวลไปฟอดแรกมือของทั้งสองประสานกันแน่นขณะที่คีรีทำการเล้าโลมภรรยาตัวน้อยอย่างนุ่มนวลเขาค่อยๆพรมจูบไล่จากริมฝีปากมาที่ลำคอค่อยๆใช้มือหนาแกะเชือกผูกเสื้อของหญิงสาวออกรู้สึกขัดใจชะมัดทั้งที่เขาสั่งเธอแล้วว่าเวลานอนตอนกลางคืนไม่ต้องใส่ซับในเพราะมันจะเสียเวลาถอด“บอกแล้วไงว่าอย่าใส่”“ก็มันไม่ชินนี่คะ”สาวเจ้าหันหน้าหนีด้วยบอาการเคอะเขินหากเธอไม่ใส่ซับในมีหวังเดินไปเดินมาคงรู้สึกโหวงเหวงไม่น้อย“อ..อื้อ..”ยังไม่ทันพูดขาดคำคีรีก็ใช้สองมือถกซับในตัวบางขึ้นและกดจูบดูดดึงยอดดอกบัวงามที่ตั้งชูชันประจันหน้าเขาก้มฟัดมันอยู่นานเรียกเสียงครางจากร่างบางได้พอสมควรแล้วจึงรีบเปลื้องผ้าผ่อนตัวเองออกจนเหลือตัวล่อนจ้อนแล้วคลุมบั้นท้ายด้วยผ้าห่มเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่เสร็จแล้วจึงดึงร่างบางให้ลุกขึ้นนั่งแล้วถอดเสื้อเธอออกอย่างรวดเร็วเขากอดเธอเอ
“โถ...แล้วก็ไม่บอก..ที่แท้ก็ติดกับข้าวเมีย”สรวงรู้อย่างนั้นก็ยิ้มร่าไม่ได้คิดจะแย่งอะไรของนายตนต่อที่แท้ก็หวงของเมียหากพูดออกมาตรงๆเขาก็ไม่ยุ่งแต่แรกแล้ว“ปากพวกเอ็งนี่นะ...เดี๋ยวจะไม่ได้กินเหล้าฟรี”คีรีชี้หน้าเทิดศักดิ์ก่อนจะรีบก้มหน้าก้มตากินข้าวเพราะไม่อยากให้ใครมาขอแบ่งกับข้าวตน“โทษๆจะนาย”เมื่อถูกขู่ว่าต่อไปจะไม่ได้กินเหล้าฟรีทุกคนต่างก็รีบสงบปากสงบคำไม่พูดอะไรต่อเพราะไม่อยากจะพลาดของฟรีทางด้านบุญตาตอนนี้ที่นั่งอยู่ในโรงครัวพร้อมคนงานเธอก็ได้ยินอะไรไม่ต่างกับทุกคนเธอรีบเดินมาหาผกาที่อยู่กำลังจัดวางขนมที่พึ่งเอามาส่งก่อนจะพูดยุแยงให้หญิงสาวทำอะไรบางอย่าง“นี่ผกา..ฉันว่านายท่าจะหลงเมียเค้าแล้วล่ะแกไม่คิดจะจัดการอะไรบ้างเหรอ...ฉันว่าเธอควรจะทำให้ปิ่นงามออกไปจากชีวิตนายน่าจะดีนะ”“คิดอยู่แล้วฉันไม่มีทางปล่อยนายหลุดมือไปง่ายๆหรอกไม่ว่าใคร..ไม่ต้องมาสะเออะสอน”ผกาเบะปากทั้งพูดจีบปากจีบคอว่าเธอคิดเอาไว้อยู่แล้วว่าต้องทำอย่างไรให้นายกลับมาสนใจตนเหมือนเดิมก่อนจะสะบัดหนีบุญตาออกไป“นังโง่..”บุญตายืนอมยิ้มกริ่มตอนนี้เธอมีเงินใช้ไม่คล่องมือเท่าไรเพราะคีรีไม่ค่อยได้เรียกหาจึงใช้ความอารมณ