กว่าจะรู้ตัวว่าได้สูญเสียสิ่งที่มีค่าที่สุดไปก็ในวันที่สายไปแล้ว ทว่าในเมื่อฟ้าให้โอกาสได้เจอเธออีกครั้ง เขาจะต้องรั้งเธอไว้ด้วยทั้งหมดที่มี ไม่ว่าจะต้องแลกด้วยอะไรก็ตาม
View Moreหายนะ! บอกได้คำเดียวว่านี่มันหายนะชัด ๆ !น้ำตาลได้แต่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ภูริวัฒน์เหมือนสวมวิญญาณผีบ้า ประเคนหมัดใส่ชายหนุ่มอีกคนหลุน ๆ ทางด้านชานนท์แม้จะเพลี่ยงพล้ำในตอนแรก แต่พอตั้งตัวได้ก็ซัดกลับไปไม่ยิ่งหย่อนไม่กว่ากัน“พี่ภู!”เมื่อได้สติน้ำตาลรีบพาตัวเองเข้าไปแทรกกลาง เธอกางแขนออกหันหน้าไปทางสามี“หยุดได้แล้วค่ะ!” เธอสั่ง มองหน้าภูริวัฒน์ที่โมโหจนเลือดขึ้นหน้า และรู้สึกว่าเขาไม่ได้โมโหแค่ชานนท์คนเดียว เธอไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน เขาสุภาพอ่อนโยนเสมอ ไม่เคยมีเรื่องชกต่อยกับใคร“พี่ภูเข้าไปรอตาลในบ้านก่อนนะคะ” เธอส่งสายตาขอร้อง“ตาล” เขาทำท่าไม่ยอม“ตาลขอร้อง” เธอบอกอีกครั้งสามีหนุ่มลังเล จ้องผู้ชายอีกคนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แล้วจึงเดินเข้าไปในบ้าน แต่ก็ไม่วายส่งสายตาอาฆาตใส่ชานนท์ที่จ้องเขากลับเช่นกัน
หนึ่งสัปดาห์ในการรอคอยเหมือนกับว่านานเป็นเดือนเป็นปี น้ำตาลกำลังใจจดใจจ่อรอการกลับมาของชานนท์เพื่อที่จะได้คุยกับเขาให้รู้เรื่อง ยิ่งได้ยินสิ่งที่แหวนบอกเธอยิ่งกังวล อยากเคลียร์ทุกอย่างให้เร็วที่สุด คิดว่าเรื่องนี้ควรจะคุยกับเขาที่ไหนดี สุดท้ายคิดว่าที่บ้านตัวเองน่าจะดีสุดเพราะมีความเป็นส่วนตัว ถ้าไปในที่สาธารณะ ไม่รู้ว่าเขาจะเสียหน้ารึเปล่า และในที่สุดเขาก็กลับมา และเธอนัดกับเขาในวันนี้“พี่อยากให้หวานอยู่ด้วยมั้ย หวานจะอยู่ในห้อง ไม่ออกมาเสนอหน้าเด็ดขาด” น้องสาวเสนอตัว“ไม่เป็นไร หวานไปบ้านเพื่อนก่อนน่ะดีแล้ว”“ตามใจ” บอกแล้วมองอาหารที่ถูกเตรียม “พี่เข้าครัวเองแบบนี้หวานว่ามีแต่จะทำให้เขาหลงพี่หัวปักหัวปำมากกว่า พี่สาวหวานช่างโหดร้าย”แม้น้องสาวจะพูดเล่นแต่น้ำตาลกลับสะอึก เธอหยุดมือที่กำลังคนแกงอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะค่อยคนต่อ“พี่แค่อยากทำอะไรให้มันดีหน่อย แบบไม่อยากพูดโพล่งออกไปเลย”“พี่บอ
น้ำตาลเหลียวกลับมามองขณะที่กำลังจะผ่านประตูเข้าไปขึ้นเครื่อง โล่งอกที่กำลังจะกลับบ้าน แต่รู้สึกเศร้าอย่างบอกไม่ถูกที่ต้องแยกจากภูริวัฒน์ ครั้งนี้มันทำใจได้ยากเหลือเกิน โดยเฉพาะหลังจากช่วงเวลาอันแสนพิเศษเมื่อคืน เขาทำให้เธอรู้สึกเหมือนเป็นผู้หญิงเต็มตัวอีกครั้ง เขาตอกย้ำความเป็นสามีของเธอในทุกทาง ซึ่งเธอยังรู้สึกจนถึงตอนนี้ หลักฐานก็คือตรงนั้นของเธอรู้สึกเจ็บแปลบเวลาขยับตัว แถมยังเปียกชุ่มจากความรักที่เขาบรรจงรดน้ำพรวนดินสร้างความสุขสมให้เธอครั้งแล้วครั้งเล่า ทำให้ร่างกายร่ำร้องหาเขาราวกับเสพติด และรวดร้าวต้องการสัมผัสจากเขาอีกครั้งและอีกครั้ง เธอต้องพยายามทำสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด กลัวว่าคนอื่นจะรู้โดยเฉพาะน้องสาว เธออาย“ตาลสัญญากับพี่นะว่าจะไม่หายไปอีก”ภูริวัฒน์บอกกับเธอเมื่อเช้าก่อนจากกัน เขาเชื่อใจเธอ แต่ก็กลัว ครั้งนี้เขาคงรับมันไม่ไหว สองแขนโอบรัดเธอแน่น“ตาลสัญญาค่ะ ตาลจะไม่ไปไหนอีกแล้ว” น้ำตาลจ้องตาเป็นคำมั่นแล้วยิ้มให้เขาจูบเธออย่างด
“นะ นี่ นี่ ภู! หัดลืมตามองซะบ้าง มันไม่คิดถึงลูกเลย ถ้ามันรักลูกจริงมันจะไม่ทิ้งลูกแล้วปล่อยให้ลูกเสียใจแบบนี้”ภูริวัฒน์ยอมรับว่ากำลังไม่พอใจย่างมาก เขาสูดหายใจเข้าออกยาว ๆ เพื่อข่มกลั้นอารมณ์ เขาไม่พูดอะไรกับแม่อีก เขาเดินกลับมาที่ห้องที่สองพี่น้องกำลังนั่งคุยอะไรบางอย่างอยู่บนเตียง“เราะจะไปเช่าโรงแรมนอนกัน” เขาบอกภรรยาใบหน้าชายหนุ่มเคร่งเครียด น้ำตาลเข้าใจได้ทันที เธอพยักหน้า แล้วหันไปสั่งน้องสาว “หวานไปเก็บของ”“ค่ะ” น้ำหวานเข้าใจสถานการณ์ รีบไปทำตามที่พี่สั่ง“พี่ภูเป็นอะไรมั้ยคะ” น้ำตาลดึงมือเขามาจับไว้ บีบเบา ๆ ให้กำลังใจภูริวัฒน์ไม่ตอบ แต่สีหน้าอ่อนล้าบอกได้เป็นอย่างดี ดวงตาเขาจ้องที่ริมฝีปากอิ่ม ใช้สองแขนโอบกอดรอบร่างบางแล้วดึงเข้าหาเพื่อที่จะได้จูบเธอ เขาจูบเธออย่างลึกซึ้งหนักหน่วง เพื่อระบายความเหนื่อยอ่อน ผิดหวังและความโมโหที่มีต่อมารดาน้ำตาล
ภูริวัฒน์กระวนกระวายใจ และยังอึ้งไม่หายที่จู่ ๆ แม่กลับบ้านก่อนกำหนด ตลอดสองวันที่ผ่านมาเขากับน้ำตาลมีช่วงเวลาที่พิเศษกันมาก แต่พอแม่ปรากฏกาย การกระทำและการพูดจาของหล่อนทำให้เขาขบคิดเรื่องที่น้ำตาลบอก“ภูยอมให้นังเด็กชั้นต่ำนั่นกลับเข้ามาในชีวิตลูกได้ยังไง” แม่ตะคอกเมื่อเห็นหน้าเขา“แม่ครับ แม่ไม่ควรพูดถึงตาลแบบนี้นะครับ ตาลเป็นภรรยาผม” เขาไม่ชอบใจที่แม่จิกหัวเรียกภรรยารักแบบนี้ เขาพยายามอดกลั้นให้ถึงที่สุดเพราะไม่อยากแสดงความไม่เคารพบุพการี“ลูกยังเรียกมันว่าเมียอีกเหรอ มันทิ้งลูกไปตั้งสามปีแล้ว ไม่ใช่แค่สามวันหรือสามเดือน แต่นี่สามปี มันไม่เหลียวตาแลลูกเลยว่าลูกจะเป็นยังไงบ้าง แล้วลูกยังยอมให้มันกลับเข้ามาง่าย ๆ ได้ยังไง”“ตาลเป็นภรรยาผมครับ” สันกรามภูริวัฒน์ขบกันแน่น เขายังยืนยันคำเดิม“มันไม่ใช่เมียลูกตั้งแต่ตอนที่มันทิ้งลูกไปแล้ว เหลือแค่ให้มันเซ็นใบหย่าให้ลูกซะนั่นแหละ คิดดูดี ๆ นะภู”
เมื่อกลับถึงบ้านในตอนเย็น น้ำตาลจัดการแพ็คกระเป๋า เพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับในวันพรุ่งนี้ เธอเปิดกระเป๋าวางไว้บนเตียง จัดการพับเสื้อผ้าใส่ลงไปทีละชุด เป็นชุดที่เธอนำมาจากบ้าน เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องขนชุดอื่น ๆ กลับไปด้วย เมื่อเธอเอื้อมมือไปหยิบเสื้อที่อยู่กลางเตียง ก็ถูกสวมกอดจากด้านหลัง จากนั้นก็ถูกเขาซุกใบหน้าข้างซอกคอแล้วเริ่มจูบ“ตาลจะไปจริง ๆ เหรอ” เขาถามเสียงอ้อนกอดเธอแน่นขึ้นราวกับว่ากลัวเธอจะหนีหายไป“หวานต้องไปโรงเรียนนะคะ” เธอหันกลับมาหาเขา “แล้วตาลก็ต้องไปจัดการเรื่องต่าง ๆ ด้วยไง” เธอตอบเขาด้วยเหตุผลเดียวกับทุกครั้งที่เขาถามชายหนุ่มทำหน้าไม่ชอบใจ ดูแล้วเหมือนเด็กเอาแต่ใจ“ตาลรู้ว่ามันไม่ยุติธรรมสำหรับพี่ แต่ถ้าเราจะเริ่มต้นกันใหม่…”“ไม่ตาล” เขาขัด “เราไม่ได้จะเริ่มต้นกันใหม่ แต่เรากำลังแก้ไขสิ่งต่าง ๆ ให้ถูกต้องต่างหาก”“ค่ะ” น้ำตาลยิ้ม เขาว่าอย่างไรก็ว่าตามนั้น เพราะส
“ตกลงพี่ตาลจะกลับมาอยู่กับพี่ภูใช่มั้ย”“น่าจะเป็นอย่างนั้น”“แต่พี่จะยังกลับบ้านเราก่อนใช่มั้ย หวานดีใจกับพี่ตาลมาก ๆ แต่ว่าหวานไม่อยากอยู่คนเดียวจนกว่าจะเรียนจบ”“ไม่ต้องห่วง พี่จะกลับบ้านเราพร้อมกับหวาน พี่จะทิ้งหวานได้ยังไง จะไปจัดการเรื่องงานด้วย และจะไม่ย้ายจนกว่าหวานจะเรียนจบแน่นอน” น้ำตาลยืนยัน“ขอบคุณค่ะพี่ตาล” น้องสาวยิ้มแล้วคว้ามือพี่สาวมาบีบเบา ๆ “หวานมีความสุขจริง ๆ ดีใจที่พวกพี่สองคนคืนดีกัน พี่ภูเป็นคนดี หวานดูออกว่าเขารักพี่ตาลมาก แล้วพี่ตาลก็รักพี่ภูอยู่”“ทำเป็นรู้ดี” เมื่อน้องสาวพูดตรง ๆ แบบนี้ น้ำตาลรู้สึกอายเล็กน้อย แต่ก็ยอมรับ “พี่ก็รักเขา ขอบคุณนะหวานที่วันนั้นหวานโทรหาพี่ภู”ถ้าวันนั้นน้ำหวานไม่โทรหาภูริวัฒน์ วันนี้เขากับเธอก็ไม่สามารถปรับความเข้าใจและได้คืนดีกัน การได้พบเจอกัน ได้ใช้เวลาร่วมกัน เตือนให้นึกถึงช่วงเวลาดี ๆ ในอดีต ที่ทำให้รู้ว่ามีความสุขมากแค่ไหน
สามสิบนาทีถัดมาน้ำตาลกับภูริวัฒน์ถึงออกจากห้องน้ำ เธอค้อนเขาขณะกำลังแต่งตัว เมื่อเรียบร้อยแล้วก่อนจะเปิดประตูออกจากห้อง ก็ถูกเขาจูบปากเร็ว ๆ ไปหนึ่งที“หวานชอบเสื้อตัวนี้จัง สวย” น้ำหวานทักเมื่อเห็นพี่สาวปรากฏตัวขึ้นในห้องนั่งเล่น จากนั้นก็หันไปให้ความสนใจกับโทรศัพท์มือถือในมือต่อน้ำตาลก้มมองตัวเอง ลืมว่าตัวเองใส่ชุดไหน อ้อ วันนี้เธอสวมเสื้อสีชมพูกุหลาบที่เคยทิ้งไว้ที่นี่กับกางเกงยีน“ขอบใจจ้ะ”“มอร์นิ่งทุกคน” เสียงของภูริวัฒน์ดังมาก่อนตัว เขาเดินผ่านไปยังห้องครัว หน้าตายิ้มแย้มอารมณ์ดีผิดจากทุกวันทันใดนั้นน้ำหวานเพิ่งสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง“เอ๊ะ! พี่ตาลสวมแหวนเหรอคะ” เธอพูดเสียงดัง“เงียบ ๆ หน่อยหวาน” น้ำตาลเตือน รู้สึกอายชอบกลแต่คนเป็นน้องกลับหัวเราะ พอดีกับที่ภูริวัฒน์เดินกลับมาพร้อมกับขวดน้ำสองขวด “สองสาวหัวเราะอะไรกันอยู่เ
ชายหนุ่มยิ้มบาง ยกมือลูบผมนุ่ม “ถ้าตาลยืนกราน…”“ค่ะ” น้ำตาลยิ้ม“พี่ยกโทษให้ตาล แล้วตาลยกโทษให้พี่ที่ไม่ทำหน้าที่สามีให้ดีได้มั้ย”“งานพี่ต้องการความเสียสละ ตาลเข้าใจค่ะ”ภูริวัฒน์ใช้นิ้วหัวแม่มือไล้ริมฝีปากอิ่มที่เจ่อบวมนิด ๆ จากการถูกจูบพร้อมจ้องตาเธอ “พี่ละเลยตาล” เขาพูดเสียงเศร้าน้ำตาลวางมือข้างแก้มเขา “มันผ่านไปแล้วค่ะพี่ภู”นัยน์ตาเข้มมีประกายความหวังขึ้นเล็กน้อย“หมายความว่าตาลจะอยู่กับพี่ใช่มั้ย”น้ำตาลกัดริมฝีปาก แล้วพูดช้า ๆ “ตาลต้องกลับบ้าน”คิ้มเข้มขมวดเป็นปมอีกครั้ง “พี่กลัวว่าตาลจะพูดแบบนี้”“ตาลขอโทษค่ะ แต่โรงเรียนของหวานใกล้จะเปิดแล้ว ตอนนี้หวานต้องเตรียมตัวสอบเข้ามหาลัย ตาลต้องดูแลน้อง แล้วก็ตาลต้องไปทำเรื่องลาออกจากงานด้วย…” น้ำตาลนึกถึงเหตุผลที่เธอต้องก
*****พูดคุยก่อนเริ่มเรื่อง*****ความรักที่ต้องจำจากนั้นเจ็บปวดเสมอ เหมือนกับน้ำตาล นางเอกของเรื่องที่ตัดสินใจหนีหายจากสามีทั้งที่ยังรักเขาอยู่ หลังจากแต่งงานเธอย้ายเข้ามาอยู่ร่วมกับภูริวัฒน์ที่บ้านเขา แต่ด้วยความที่เขากำลังอยู่ในช่วงสร้างฐานะและครอบครัว ทำให้เวลาที่ได้อยู่กับภรรยาเริ่มน้อยลง และด้วยความที่เป็นลูกกตัญญู เขาจึงไม่สังเกตเห็นความผิดปกติระหว่างภรรยากับแม่ตัวเองที่รังเกียจเดียดฉันท์ภรรยาของเขามากเพียงใด น้ำตาลต้องอดทนทุกอย่างเพราะไม่อยากให้สามีลำบากใจ จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้ตัดสินใจที่เดินออกจากบ้านหลังนั้นและไม่คิดย้อนกลับมาอีกเลยปรียาดาตั้งใจเขียนเรื่องนี้ ส่วนหนึ่งนำมาจากเหตุการณ์จริง ซึ่งเชื่อว่าหลาย ๆ คู่เคยประสบเหตุการณ์เดียวกัน ความไม่ลงรอยของแม่สามีกับลูกสะใภ้ เรียกได้ว่าเป็นปัญหาคลาสสิก บางทีหนักหนาอย่างเช่นในเรื่องนี้ที่ทำให้นางเอกถึงกับตัดสินใจยอมไปเสียดีกว่า ทว่าพระนางของเรื่องยังโชคดีที่สามารถปรับความเข้าใจกันได้ ดังนั้นปรียาดาเชื่อว่า ชีวิตคู่เป็นเรื่องของคนสองคน ความกตัญญูรู้คุณเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่คนเราต้องมีความหนักแน่น ยืดหยัดที่จะต่อสู้เพื่อครอบครัวของต...
Comments