น้ำตาลยืนเอามือยันกับผนัง ชะโงกหน้าเหนือชักโครกและรอ แต่ไม่มีอะไรสักอย่าง เธอเป็นแบบนี้มาได้สักพักแล้ว รู้สึกอยากอาเจียน เธอเลยรีบมาที่ห้องน้ำ แต่พอมาถึง โก่งคออาเจียนกลับมีแต่น้ำลายเหนียว ๆ ทำเอาเธอเหนื่อยและเพลียมาก เธออยากให้อาการนี้หายไปสักที สุดท้ายเธอตัดสินใจนั่งลงที่พื้น รู้ว่าถ้ากลับไปนอนพัก อย่างไรเดี๋ยวก็ต้องกลับมาอีก แต่เมื่อนั่งรอไปได้สักพัก ไม่มีทีท่าว่าจะอาเจียนต่อจึงลุกกลับไปนอน แต่เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงดังขึ้น เธอนึกแปลกใจเพราะว่าตอนนี้ใกล้จะตีสี่เข้าไปแล้ว ใครจะโทรมาเวลานี้ เธอควานมือไปหยิบมือถือขึ้นมาดู หัวใจเธอเต้นแรงทันทีเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ เพียงแค่เห็นก็รู้สึกอบอุ่นใจ อาจเป็นเพราะช่วงนี้เธอมีอารมณ์อ่อนไหวมากเป็นพิเศษ
“พี่ภู”
“ตาล พี่ปลุกตาลรึเปล่า” รู้ว่าเวลานี้เป็นเวลานอนแต่ทนคิดถึงไม่ไหว ทั้งยังตื่นเต้นที่กำลังจะได้เจอ
“เปล่าค่ะ” เธอตอบเสียงเหนื่อยจนคนฟังจับได้
“ตาลไม่ได้นอนอยู่เหรอ เป็น
คุณหมอขยับเครื่องมือไปตามหน้าท้องของน้ำตาลเพื่อหาจังหวะการเต้นของหัวใจของทารกในท้อง เธอรู้สึกตื่นเต้นและกังวลไปหมด รู้ว่าไม่มีอะไรต้องกังวลมากแต่ก็อดไม่ได้ ส่วนภูริวัฒน์ยืนอยู่ด้านข้าง จับมือเธอไว้ขณะที่สายตาจับจ้องที่หน้าจอสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ในที่สุดก็ปรากฏภาพทารกที่กำลังเจริญเติบโตในครรภ์ ซึ่งหมอบอกว่าอายุประมาณเก้าสัปดาห์ น้ำตาลแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เมื่อได้เห็นภาพเจ้าตัวเล็กครั้งแรก ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเหลือเชื่อสำหรับเธอมาก เมื่อคุณหมอขยับเครื่องมือ ก็เกิดเสียงดังตุบ ๆ ๆ คุณหมอสาวยิ้มให้“นี่เสียงหัวใจค่ะ” เธอบอกภูริวัฒน์มองหน้าภรรยาพร้อมกับบีบมือ ต่างคนต่างเข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนี้ดี มันตื่นเต้นตื้นตันเกินกว่าจะสามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ พอตรวจเสร็จคุณหมอสั่งปรินต์รูปอัลตราซาวด์เจ้าตัวเล็กให้ จากนั้นพยาบาลก็นำมาให้พร้อมกับทำความสะอาดหน้าท้องคนไข้ เสร็จแล้วภูริวัฒน์ก็ช่วยพยุงภรรยาขึ้นจากเตียง“ทั้งแม่และเด็กแข็งแรงดีค่ะ” คุณหมอบอก
อายุครรภ์ของน้ำตาลล่วงเข้าสู่สัปดาห์ที่ยี่สิบสอง หน้าท้องของเธอตอนนี้นูนขึ้นมาจนสามารถเห็นได้ชัดขึ้นแล้ว และสิ่งที่น่ายินดีคือเธอรู้เพศของลูกแล้ว เธอกับภูริวัฒน์กำลังจะมีลูกสาว ตอนนี้เธอรับรู้การเคลื่อนไหวของแกบ่อยขึ้น น้ำตาลจำได้ว่าครั้งแรกเธอกลัวมาก เธอรู้สึกแปลก ๆ เหมือนมีอะไรขยับในท้อง ด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าลูกจะเป็นอันตรายจึงตื่นตระหนก“พี่ภูคะ!” เธอตะโกนเรียกสามีเสียงดังภูริวัฒน์รีบมาหาเธอทันทีโดยที่พันผ้าขนหนูไว้รอบเอวเท่านั้น ผมมีน้ำหยดติ๋ง ๆ หน้าตาเขาตื่นตกใจ “เกิดอะไรขึ้นตาล”“ตาลไม่รู้”เธอมองหน้าเขา แล้วยกมือวางที่หน้าท้อง “ตาลรู้สึกแปลก ๆ ข้างใน”สามีหนุ่มนั่งลงหน้าภรรยา เขาวางมือลงบนหน้าท้องเธอ ทั้งคู่เฝ้ารอจนกระทั่งความรู้สึกแบบเมื่อครู่เกิดขึ้นอีกครั้ง“พี่ภู” น้ำตาลบอกให้เขารู้รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา
สองปีต่อมาภูริวัฒน์นอนตะแคงข้าง มองผู้หญิงสองคนที่เขารักที่สุดในโลก คนหนึ่งคือภรรยาที่กำลังนอนคว่ำหน้าหมดแรง เนื่องจากเหนื่อยจากการเลี้ยงลูก และอีกหนึ่ง แน่นอนว่าเป็นนางฟ้าตัวน้อยของเขา น้องดาหวัน ซึ่งกำลังหลับปุ๋ยอยู่ระหว่างพ่อและแม่ ในมือกอดขวดนมไว้หลวม ๆ เขาอดใจไม่ไหวยื่นนิ้วออกไปเกลี่ยแพขนตางอนหนาของเจ้าตุ๊กตาตัวน้อย ไม่ได้อยากทำให้ตื่น แต่ทนต่อความน่ารักไม่ไหวจริง ๆไม่มีคำไหนมาบรรยายความรักของเขาที่มีต่อเธอได้เลย ตอนนี้ชีวิตเขากำลังอยู่ในช่วงเวลาอิ่มเอมอย่างที่สุด มีทั้งภรรยาที่รัก และลูกสาวที่น่ารัก นอกจากนี้ แม่เขาก็เปิดใจรับน้ำตาลมากขึ้น หลังจากเกิดเรื่องราวในคืนนั้น แม่กับน้ำตาลแม้จะไม่ได้สนิทกันมากแต่ก็ไม่ได้ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้แบบเมื่อก่อน เขารู้สึกขอบคุณแม่ที่ยอมละทิฐิตัวเองลงไปได้บ้างไม่กี่นาทีถัดมา น้ำตาลรู้สึกตัวตื่นขึ้น เธอหยีตาก่อนที่จะค่อย ๆ ลืมตา“พี่ภูตื่นแล้วเหรอคะ” ถามพร้อมบิดขี้เกียจ
*****พูดคุยก่อนเริ่มเรื่อง*****ความรักที่ต้องจำจากนั้นเจ็บปวดเสมอ เหมือนกับน้ำตาล นางเอกของเรื่องที่ตัดสินใจหนีหายจากสามีทั้งที่ยังรักเขาอยู่ หลังจากแต่งงานเธอย้ายเข้ามาอยู่ร่วมกับภูริวัฒน์ที่บ้านเขา แต่ด้วยความที่เขากำลังอยู่ในช่วงสร้างฐานะและครอบครัว ทำให้เวลาที่ได้อยู่กับภรรยาเริ่มน้อยลง และด้วยความที่เป็นลูกกตัญญู เขาจึงไม่สังเกตเห็นความผิดปกติระหว่างภรรยากับแม่ตัวเองที่รังเกียจเดียดฉันท์ภรรยาของเขามากเพียงใด น้ำตาลต้องอดทนทุกอย่างเพราะไม่อยากให้สามีลำบากใจ จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้ตัดสินใจที่เดินออกจากบ้านหลังนั้นและไม่คิดย้อนกลับมาอีกเลยปรียาดาตั้งใจเขียนเรื่องนี้ ส่วนหนึ่งนำมาจากเหตุการณ์จริง ซึ่งเชื่อว่าหลาย ๆ คู่เคยประสบเหตุการณ์เดียวกัน ความไม่ลงรอยของแม่สามีกับลูกสะใภ้ เรียกได้ว่าเป็นปัญหาคลาสสิก บางทีหนักหนาอย่างเช่นในเรื่องนี้ที่ทำให้นางเอกถึงกับตัดสินใจยอมไปเสียดีกว่า ทว่าพระนางของเรื่องยังโชคดีที่สามารถปรับความเข้าใจกันได้ ดังนั้นปรียาดาเชื่อว่า ชีวิตคู่เป็นเรื่องของคนสองคน ความกตัญญูรู้คุณเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่คนเราต้องมีความหนักแน่น ยืดหยัดที่จะต่อสู้เพื่อครอบครัวของต
น้ำตาลล้มตัวนอนบนเตียงหลังจากพาน้ำหวาน น้องสาวแท้ ๆ ตะลุยสวนสนุกมาทั้งวัน เนื่องจากเป็นวันเกิดครบสิบแปดของน้อง ผู้ซึ่งไม่เคยลงมากรุงเทพฯ มาก่อน เธอจึงพามาเที่ยวเป็นของขวัญวันเกิด ตอนแรกเจ้าตัวตื่นเต้นยกใหญ่ พอได้มาแล้วเห็นน้องสนุกเธอก็พลอยมีความสุขไปด้วย ตอนนี้น้องเธอกำลังไปอาบน้ำ เธอเลยหยิบมือถือมาเช็กยอดเงินในบัญชี เธอวางแผนและเก็บเงินสำหรับทริปนี้มาเป็นเดือนแล้วเพื่อที่จะได้ลางานได้และโชคดีที่วันเกิดของน้ำหวานตรงกับช่วงปิดเทอม เลยไม่ต้องหยุดเรียน“หวานยังไม่อยากกลับเลยพี่ตาล” น้องสาวหันมาบอกขณะกำลังนั่งหวีผมที่โต๊ะเครื่องแป้ง “หวานอยากไปเดินห้างอะ”“เราก็ไปเดินห้างกันออกบ่อย” พี่สาวแกล้ง รู้ดีว่าน้องอยากไปที่ไหน“โธ่…” ครวญเสียงยาว “หวานอยากไปไอคอนสยามอะ นะพี่ตาลนะ นะ” ลุกขึ้นมาอ้อนพี่สาวน้ำตาลกรอกตาใส่คนเป็นน้อง “หวาน พี่ลางานแค่ถึงวันอังคาร”“หวานรู้แล้ว หวานแค่อยากเห็นห้างหรู ๆ ในกรุงเทพฯ บ้างไง แบบไปถ่ายรูปโพสต์ลงอิสตาสแกรมไรงี้ หวานไม่ซื้ออะไรหรอก นะพี่ตาล แล้วเครื่องเราออกตั้งดึก น่าจะมีเวลา”น้ำตาลมองหน้าน้องสาวขี้อ้อนนิ่ง ถอนหายใจ แล้วสายหน้า มันยากมากที่จะทำใจปฏิเสธ และมั
ภูริทัตยืนจ้องหญิงสาวตรงหน้าตาค้าง“ฉันฝันไปรึเปล่าเนี่ย ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเจอเธอที่นี่”น้ำตาลยืนเงียบ ไม่รู้ว่าจะพูดหรือตอบอะไร เพราะตอนนี้ในหัวสมองเธอมีคำเดียวคือต้องรีบไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ยังไม่ทันที่สมองจะได้สั่งการ เธอฉวยมือน้องสาวแล้วรีบหันหลังหนีทันที“เดี๋ยวก่อนตาล เธอจะไปไหน” ภูริทัตร้องเรียกและรีบเดินไปดักหน้าน้ำตาลหยุดเดิน จำใจต้องยอมเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม“นายมีอะไร”“เปล่า ฉันไม่ได้จะทำอะไรเธอ” เขารีบตอบ กลัวว่าเธอจะหันหลังหนีอีกทั้งคู่มองหน้ากันนิ่งครู่หนึ่ง เกิดคำถามและคำพูดมากมายที่อยากเอ่ยออกไป แต่สุดท้ายกลับทำได้เพียงเงียบ พูดไม่ออก“เอ่อ…เธอเปลี่ยนทรงผม” ภูริทัตเอ่ยทำลายความเงียบ สิ่งที่อยากพูดอยากถามกลับไม่ถูกเอ่ยออกมาเขาพูดถูก เมื่อสามปีก่อนเธอไว้ผมยาวตรง แต่ตอนนี้เธอตัดผมสั้นประบ่าและไว้ผมหน้าม้า ถ้าหากว่าสถานการณ์แตกต่างไปน้ำตาลย่อมจะทักเขาด้วย เขาดูเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน ผมเขายาวขึ้น หุ่นล่ำขึ้น โดยรวมคือดูดีขึ้นจากเดิมที่ดูดีอยู่แล้ว“ตาลเธอหายไปไหน เธอรู้มั้ยว่าสามปีมานี้พวกฉันพยายามตามหาเธอแค่ไหน พี่ภู…” เมื่อประโยคแรกได้พูดออกไปแล้วหลังจากความตกตะลึ
“อ๋อ…คุณเป็นน้องชายพี่ภูใช่มั้ยคะ”ภูริทัตพยักหน้ายิ้มให้ “ดีใจที่เธอจำฉันได้”“ต้องจำได้สิคะ ตอนนั้นหวานอายุสิบห้าแล้วไม่ใช่เด็กสองขวบ” น้ำหวานหยุดพูด หันมองพี่สาว “แต่พี่ตาลไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องตอนนั้น” เธอลดเสียงลง“ฉันเข้าใจ” ภูริทัตยิ้มพยักหน้าให้“หวาน!” น้ำตาลส่งเสียงเตือนน้อง“ที่นี่มีร้านอร่อยหลายร้าน พวกเธออยากกินอะไร”“อะไรก็ได้ นายเป็นเจ้ามือมั้ยล่ะ” น้ำตาลรีบบอก ขืนให้เลือกสักร้านในห้างนี้กระเป๋าเธอได้ฉีก“นิสัยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน” เพื่อนหนุ่มส่ายหน้าหัวเราะ“ใครจะไปรวยเหมือนนาย” น้ำตาลค้อนน้ำตาลไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด แต่ที่ยอมมาด้วยเพราะภูริทัตสัญญาว่าจะไม่บอกพี่ชาย เธอรู้ว่าภูริทัตชอบมาเดินที่นี่ ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายสุด ๆ ที่เธอมาที่นี่อีกครั้งในรอบสามปีแล้วเจอเขาเข้าพอดี“พวกเธอมาทำอะไรที่กรุงเทพฯ เหรอ” ภูริทัตถาม “ฉันคิดว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่งั้นพวกฉันคงเจอเธอแล้ว”“เมื่อวานเป็นวันเกิดหวาน พี่ตาลเลยพามาเที่ยวเป็นของขวัญวันเกิด” น้องสาวตอบแทนน้ำตาลหรี่ตาเตือน “หวาน!”“แฮปปี้เบิร์ธเดย์” ภูริทัตอวยพร แกล้งทำเป็นไม่สนใจคนเป็นพี่ที่เอาแต่ปิดกั้นตัวเอง“ขอบคุณค
เมื่อถึงโรงพยายาบาล หลังจากที่ตรวจเบื้องต้นแล้ว น้ำหวานก็ถูกส่งไปยังห้องผ่าตัดโดยด่วนเนื่องจากไส้ติ่งแตก น้ำตาลและภูริทัตรออยู่หน้าห้อง เวลาผ่านไปประมาณชั่วโมงคุณหมอก็เดินออกมา น้ำตาลจึงรีบเดินเข้าไปหา“เป็นยังไงบ้างคะหมอ”“ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง โชคดีที่นำตัวคนไข้มาส่งโรงพยาบาลทัน ให้คนไข้พักดูอาการสักสองสามวันก็กลับบ้านได้แล้วครับ”“ขอบคุณค่ะ”“เดี๋ยวพยาบาลจะรับหน้าที่ต่อจากนี้นะครับ หมอขอตัวก่อน”หมอหนุ่มยิ้มให้แล้วเดินกลับไปภูริทัตเดินเข้ามายืนด้านข้าง “ไม่เป็นไรแล้วนะตาล”“อืม” น้ำตาลพยักหน้ารับ รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก แต่ว่ายังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เธอหนักใจไม่น้อย“ทัต พี่ภูไม่ได้ทำงานที่นี่ใช่มั้ย” ที่เธอถามเพราะภูริทัตเป็นคนพามาโรงพยาบาลนี้เพื่อนหนุ่มส่ายหน้า “ไม่ เธอไม่ต้องกังวล”“อืม” น้ำตาลกัดริมฝีปากและพยักหน้าจากนั้นพยาบาลก็เดินออกมาหาญาติคนไข้ บอกกล่าวเรื่องการนำตัวคนไข้ไปยังห้องพักฟื้นและเรื่องขั้นตอนการรักษาต่าง ๆ“เดี๋ยวฉันจัดการให้ เธอไม่ต้องห่วง” ภูริทัตอาสา“ขอบใจนะทัต”น้ำตาลนั่งมองหน้าน้องสาวที่ขณะนี้กำลังหลับเพราะฤทธิ์ยา การอยู่เงียบ ๆ
สองปีต่อมาภูริวัฒน์นอนตะแคงข้าง มองผู้หญิงสองคนที่เขารักที่สุดในโลก คนหนึ่งคือภรรยาที่กำลังนอนคว่ำหน้าหมดแรง เนื่องจากเหนื่อยจากการเลี้ยงลูก และอีกหนึ่ง แน่นอนว่าเป็นนางฟ้าตัวน้อยของเขา น้องดาหวัน ซึ่งกำลังหลับปุ๋ยอยู่ระหว่างพ่อและแม่ ในมือกอดขวดนมไว้หลวม ๆ เขาอดใจไม่ไหวยื่นนิ้วออกไปเกลี่ยแพขนตางอนหนาของเจ้าตุ๊กตาตัวน้อย ไม่ได้อยากทำให้ตื่น แต่ทนต่อความน่ารักไม่ไหวจริง ๆไม่มีคำไหนมาบรรยายความรักของเขาที่มีต่อเธอได้เลย ตอนนี้ชีวิตเขากำลังอยู่ในช่วงเวลาอิ่มเอมอย่างที่สุด มีทั้งภรรยาที่รัก และลูกสาวที่น่ารัก นอกจากนี้ แม่เขาก็เปิดใจรับน้ำตาลมากขึ้น หลังจากเกิดเรื่องราวในคืนนั้น แม่กับน้ำตาลแม้จะไม่ได้สนิทกันมากแต่ก็ไม่ได้ไม่สามารถอยู่ร่วมกันได้แบบเมื่อก่อน เขารู้สึกขอบคุณแม่ที่ยอมละทิฐิตัวเองลงไปได้บ้างไม่กี่นาทีถัดมา น้ำตาลรู้สึกตัวตื่นขึ้น เธอหยีตาก่อนที่จะค่อย ๆ ลืมตา“พี่ภูตื่นแล้วเหรอคะ” ถามพร้อมบิดขี้เกียจ
อายุครรภ์ของน้ำตาลล่วงเข้าสู่สัปดาห์ที่ยี่สิบสอง หน้าท้องของเธอตอนนี้นูนขึ้นมาจนสามารถเห็นได้ชัดขึ้นแล้ว และสิ่งที่น่ายินดีคือเธอรู้เพศของลูกแล้ว เธอกับภูริวัฒน์กำลังจะมีลูกสาว ตอนนี้เธอรับรู้การเคลื่อนไหวของแกบ่อยขึ้น น้ำตาลจำได้ว่าครั้งแรกเธอกลัวมาก เธอรู้สึกแปลก ๆ เหมือนมีอะไรขยับในท้อง ด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าลูกจะเป็นอันตรายจึงตื่นตระหนก“พี่ภูคะ!” เธอตะโกนเรียกสามีเสียงดังภูริวัฒน์รีบมาหาเธอทันทีโดยที่พันผ้าขนหนูไว้รอบเอวเท่านั้น ผมมีน้ำหยดติ๋ง ๆ หน้าตาเขาตื่นตกใจ “เกิดอะไรขึ้นตาล”“ตาลไม่รู้”เธอมองหน้าเขา แล้วยกมือวางที่หน้าท้อง “ตาลรู้สึกแปลก ๆ ข้างใน”สามีหนุ่มนั่งลงหน้าภรรยา เขาวางมือลงบนหน้าท้องเธอ ทั้งคู่เฝ้ารอจนกระทั่งความรู้สึกแบบเมื่อครู่เกิดขึ้นอีกครั้ง“พี่ภู” น้ำตาลบอกให้เขารู้รอยยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าหล่อเหลา
คุณหมอขยับเครื่องมือไปตามหน้าท้องของน้ำตาลเพื่อหาจังหวะการเต้นของหัวใจของทารกในท้อง เธอรู้สึกตื่นเต้นและกังวลไปหมด รู้ว่าไม่มีอะไรต้องกังวลมากแต่ก็อดไม่ได้ ส่วนภูริวัฒน์ยืนอยู่ด้านข้าง จับมือเธอไว้ขณะที่สายตาจับจ้องที่หน้าจอสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่ในที่สุดก็ปรากฏภาพทารกที่กำลังเจริญเติบโตในครรภ์ ซึ่งหมอบอกว่าอายุประมาณเก้าสัปดาห์ น้ำตาลแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เมื่อได้เห็นภาพเจ้าตัวเล็กครั้งแรก ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงเหลือเชื่อสำหรับเธอมาก เมื่อคุณหมอขยับเครื่องมือ ก็เกิดเสียงดังตุบ ๆ ๆ คุณหมอสาวยิ้มให้“นี่เสียงหัวใจค่ะ” เธอบอกภูริวัฒน์มองหน้าภรรยาพร้อมกับบีบมือ ต่างคนต่างเข้าใจความรู้สึกที่เกิดขึ้นในขณะนี้ดี มันตื่นเต้นตื้นตันเกินกว่าจะสามารถบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้ พอตรวจเสร็จคุณหมอสั่งปรินต์รูปอัลตราซาวด์เจ้าตัวเล็กให้ จากนั้นพยาบาลก็นำมาให้พร้อมกับทำความสะอาดหน้าท้องคนไข้ เสร็จแล้วภูริวัฒน์ก็ช่วยพยุงภรรยาขึ้นจากเตียง“ทั้งแม่และเด็กแข็งแรงดีค่ะ” คุณหมอบอก
น้ำตาลยืนเอามือยันกับผนัง ชะโงกหน้าเหนือชักโครกและรอ แต่ไม่มีอะไรสักอย่าง เธอเป็นแบบนี้มาได้สักพักแล้ว รู้สึกอยากอาเจียน เธอเลยรีบมาที่ห้องน้ำ แต่พอมาถึง โก่งคออาเจียนกลับมีแต่น้ำลายเหนียว ๆ ทำเอาเธอเหนื่อยและเพลียมาก เธออยากให้อาการนี้หายไปสักที สุดท้ายเธอตัดสินใจนั่งลงที่พื้น รู้ว่าถ้ากลับไปนอนพัก อย่างไรเดี๋ยวก็ต้องกลับมาอีก แต่เมื่อนั่งรอไปได้สักพัก ไม่มีทีท่าว่าจะอาเจียนต่อจึงลุกกลับไปนอน แต่เสียงโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงดังขึ้น เธอนึกแปลกใจเพราะว่าตอนนี้ใกล้จะตีสี่เข้าไปแล้ว ใครจะโทรมาเวลานี้ เธอควานมือไปหยิบมือถือขึ้นมาดู หัวใจเธอเต้นแรงทันทีเมื่อเห็นชื่อที่ปรากฏบนหน้าจอ เพียงแค่เห็นก็รู้สึกอบอุ่นใจ อาจเป็นเพราะช่วงนี้เธอมีอารมณ์อ่อนไหวมากเป็นพิเศษ“พี่ภู”“ตาล พี่ปลุกตาลรึเปล่า” รู้ว่าเวลานี้เป็นเวลานอนแต่ทนคิดถึงไม่ไหว ทั้งยังตื่นเต้นที่กำลังจะได้เจอ“เปล่าค่ะ” เธอตอบเสียงเหนื่อยจนคนฟังจับได้“ตาลไม่ได้นอนอยู่เหรอ เป็น
สองสัปดาห์ผ่านไปที่น้ำตาลภรรยาสุดรักกลับไปหลังจากที่เธอมาหาเขาพร้อมกับข่าวดี ภูริวัฒน์ยังคิดว่าตัวเองฝันไปที่กำลังจะมีลูก เขารู้สึกถึงช่วงเวลาสุดพิเศษ มีความสุข ยิ้มได้ทั้งวัน จนคนรอบข้างสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น เขายังไม่ได้บอกเรื่องนี้กับใคร แต่แน่นอนว่าเขาจะต้องบอกน้องชายกับแม่เร็ว ๆ นี้ตอนนี้เขากำลังคิดถึงเรื่องสำคัญบางอย่าง เขากับน้ำตาลอยู่ไกลกันคนละจังหวัด เขาเป็นห่วงเธอกับลูก อยากเจอ อยากไปหา ไปดูแล เพราะเธออยู่ในช่วงที่อารมณ์อ่อนไหวและต้องการการดูแลอย่างระมัดระวังที่สุด ผลสอบชิงทุนของน้ำหวานประกาศแล้ว สรุปว่าเธอได้รับทุนสมใจ จึงต้องเตรียมตัวเพื่อที่จะจัดการเอกสารต่าง ๆ เพื่อที่จะได้เดินทางไปเรียนที่ออสเตรเลียในอีกสี่เดือน เขาไม่อยากให้น้ำตาลอยู่ตัวคนเดียวในช่วงเวลานี้ เพราะเธอยืนกรานว่าจะไม่ย้ายมาอยู่กับเขาก่อนที่น้องจะเดินทาง“พี่ภูไม่ต้องมาหรอกค่ะ ตาลอยู่ได้” เสียงภรรยาตอบกลับเมื่อเขาบอกว่าจะไปอยู่กับเธอ“พี่อยากไปอยู่ใกล้ ๆ ตาลกับลูก”“แ
อาการดีใจของคนที่กำลังจะเป็นพ่อทำให้น้ำตาลน้ำตารื้น เธอรักเขา รักผู้ชายคนนี้ ผลลัพธ์ต่างจากที่เธอคาดเอาไว้มาก“ค่ะ เรากำลังจะเป็นพ่อแม่คน” น้ำตาลหัวเราะกับท่าทางดีใจเกินเหตุของเขาภูริวัฒน์ลุกขึ้นยืน ยกมือขึ้นเสยผมแล้วเดินกลับไปกลับมา“พี่จะทำยังไงดีตาล พี่ไม่ยากแยกจากตาลเลย ให้พี่กลับไปพร้อมกับตาลได้มั้ย…”“เดี๋ยวก่อนค่ะพี่ภู” น้ำตาลรีบขัด “ใจเย็นแล้วนั่งลงก่อนค่ะ พี่เดินไปเดินมาแบบนี้ตาลเวียนหัวนะ”เขาหันกลับมาแล้วคุกเข่าตรงหน้าเธอ ใบหน้าหล่อเหลายิ้มกว้าง“ตาลไม่รู้หรอกว่าพี่ดีใจขนาดไหน ตาลทำให้พี่เป็นผู้ชายที่กำลังมีความสุขที่สุดในโลกรู้มั้ย พี่อยากให้ตาลรู้จริง ๆ ว่าตอนนี้พี่รู้สึกยังไง” น้ำเสียงชายหนุ่มตื่นเต้นดีใจพูดย้ำไปย้ำมาน้ำตาลยิ้ม ยื่นมือออกไปแนบแก้มเขา “ตาลรู้ค่ะ ตาลดีใจที่ข่าวนี้ทำให้พี่มีความสุข”“ตาล พี่รักตาล”เขา
สุดท้ายน้ำตาลก็ผล็อยหลับในห้องทำงานของภูริวัฒน์จนได้ การนั่งหลับทำให้เธอเมื่อยตัวและปวดคอ แต่ทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นหลังจากได้หลับสักงีบ การตั้งครรภ์ทำให้เธอเหนื่อยง่ายและอ่อนเพลียกว่าปกติ หวังว่าจะไม่เป็นแบบนี้จนกระทั่งคลอดหรอกนะ เธอลุกขึ้น เดินไปหยุดที่ริมหน้าต่าง สักพักประตูห้องก็ถูกผลักเข้ามา เธอหันไปมอง ปรากฏว่าไม่ใช่คนที่เธอคิด หญิงสาวร่างสูงโปร่งในชุดเสื้อกาวน์สีขาวกำลังเดินเข้ามา ทำไมเวลาที่เธออยู่ที่นี้ถึงต้องเจอหล่อนแบบนี้ทุกครั้งเธอไม่ได้กินหญ้านะที่ดูไม่ออกว่าคุณหมอสาวคิดอะไรกับสามีตัวเองอยู่ คงลุ้นให้เธอกับเขาเลิกกันแล้วตัวเองจะเข้ามาเสียบละสิ“ตาล ได้ยินว่าเธออยู่ที่นี่ เป็นไงบ้างล่ะ” คุณหมอสาวทัก“สวัสดีค่ะ ตาลสบายดี แล้วคุณล่ะคะ” น้ำตาลถามกลับตามมารยาท“ก็ดี แต่วันนี้ยุ่งทั้งวัน แต่ก็ใกล้จะเสร็จแล้ว”“อ้อค่ะ ตาลเห็นแล้วค่ะ”น้ำตาลไม่ได้เกลียดธรรมิกา เพราะหล่อนไม่เคยทำอะไรไ
ญาติของภูริวัฒน์นิสัยดีทุกคน และก็สนิทกัน ไม่แปลกใจเลยที่พวกเขาจะสงสัยว่าเกิดอะไรขึ้นกับภูริวัฒน์ที่จู่ ๆ ภรรยาก็หายไป“เอ่อ ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจะ…” เขารีบบอกเมื่อเห็นน้ำตาลเงียบ“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันกับพี่ภูมีเรื่องที่ไม่เข้าใจกัน แต่เรากำลังแก้ปัญหากันอยู่” น้ำตาลบอกอย่างตรงไปตรงมา“ผมดีใจด้วยนะครับ อ้อ คุณน่าจะมาที่บ้านเราในช่วงสงกรานต์นี้นะครับ พี่ทัตมาทุกปี ส่วนพี่ภู รายนั้นถ้าไม่ติดงานก็นาน ๆ มาที”“ค่ะ” น้ำตาลยิ้มให้ เธอไม่คิดปฏิเสธเพราะเห็นความจริงใจของคนเชิญ“ตอบตกลงแล้วห้ามเบี้ยวนะครับ ผมจะไปประกาศในไลน์กลุ่มครอบครัว”น้ำตาลหัวเราะ ขณะเดียวกันภูริวัฒน์ก็เดินออกจากห้องตรวจมาพอดี เขาหยุดคุยกับนางพยาบาลก่อนที่จะสังเกตเห็นเธอ การได้ประสานสายตากับชายหนุ่มเพียงเสี้ยววินาทีกลับทำให้น้ำตาลรู้สึกประหม่าแต่ก็ยิ้มบาง ๆ ให้ สีหน้าของเขาดูประหลาดใจไม่น้อย เขายิ้มกว้างให้เธอแล้วรีบเดินตรงมา
หลังออกจากร้านอาหารที่นัดกับแม่สามีไว้ น้ำตาลเดินมาตามถนนเรื่อย ๆ เธอไม่ได้รู้สึกหิวมากแม้ว่าจะใกล้เที่ยงแล้วเพราะเธอกินแซนด์วิชมาแล้วขณะอยู่บนเครื่องบิน เธอเดินผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวเลยตัดสินใจแวะ ตลอดทางยังคิดถึงบทสนทนาระหว่างเธอกับแม่สามีที่หล่อนบอกว่าลูกชายหล่อนต้องเลือกหล่อนอยู่แล้ว ทั้งยังบอกว่าคนที่เหมาะสมกับภูริวัฒน์คือธรรมิกา ยังคงเป็นเช่นเดิมอยู่อย่างนั้นสินะ ถึงจะบอกว่าไม่ใส่ใจ แต่มันก็ยากที่จะไม่ให้คำพูดหล่อนทำร้ายเธอ เมื่อก่อนเธอพยายามขบคิดว่าเธอไปทำอะไรไว้หล่อนถึงเกลียดเธอได้ขนาดนี้ แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าไม่ใช่เป็นเพราะเธอ แต่เป็นเพราะฝ่ายนั้นต่างหากขณะที่กำลังกินมื้อกลางวันอยู่ น้ำตาลก็คิดจะโทรหาภูริวัฒน์เพื่อบอกว่าเธออยู่ไหน ประมาณว่าเธอจะเซอร์ไพรส์เขา แต่ก็อีกนั่นแหละ เธอกับเขาไม่ได้พูดกันมาเป็นอาทิตย์แล้ว บางทีมันอาจไม่ใช่เซอร์ไพรส์ก็ได้ แล้วเรื่องเซอร์ไพรส์หนหลังของทั้งคู่ก็จบลงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และคนที่ผิดเต็ม ๆ เลยคือเธอที่โมโหใส่เขาน้ำตาลถอนใจ หยิบโทรศัพท์มือถือ เปิดรายชื่อผู้ติดต่