*****พูดคุยก่อนเริ่มเรื่อง*****
ความรักที่ต้องจำจากนั้นเจ็บปวดเสมอ เหมือนกับน้ำตาล นางเอกของเรื่องที่ตัดสินใจหนีหายจากสามีทั้งที่ยังรักเขาอยู่ หลังจากแต่งงานเธอย้ายเข้ามาอยู่ร่วมกับภูริวัฒน์ที่บ้านเขา แต่ด้วยความที่เขากำลังอยู่ในช่วงสร้างฐานะและครอบครัว ทำให้เวลาที่ได้อยู่กับภรรยาเริ่มน้อยลง และด้วยความที่เป็นลูกกตัญญู เขาจึงไม่สังเกตเห็นความผิดปกติระหว่างภรรยากับแม่ตัวเองที่รังเกียจเดียดฉันท์ภรรยาของเขามากเพียงใด น้ำตาลต้องอดทนทุกอย่างเพราะไม่อยากให้สามีลำบากใจ จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้ตัดสินใจที่เดินออกจากบ้านหลังนั้นและไม่คิดย้อนกลับมาอีกเลย
ปรียาดาตั้งใจเขียนเรื่องนี้ ส่วนหนึ่งนำมาจากเหตุการณ์จริง ซึ่งเชื่อว่าหลาย ๆ คู่เคยประสบเหตุการณ์เดียวกัน ความไม่ลงรอยของแม่สามีกับลูกสะใภ้ เรียกได้ว่าเป็นปัญหาคลาสสิก บางทีหนักหนาอย่างเช่นในเรื่องนี้ที่ทำให้นางเอกถึงกับตัดสินใจยอมไปเสียดีกว่า ทว่าพระนางของเรื่องยังโชคดีที่สามารถปรับความเข้าใจกันได้ ดังนั้นปรียาดาเชื่อว่า ชีวิตคู่เป็นเรื่องของคนสองคน ความกตัญญูรู้คุณเป็นอีกเรื่องหนึ่ง แต่คนเราต้องมีความหนักแน่น ยืดหยัดที่จะต่อสู้เพื่อครอบครัวของตัวเอง เมื่อนั้นจึงจะรักษาครอบครัวไม่ให้แตกสลายก่อนที่จะสายเกินไป
สุดท้ายนี้ ปรียาดาขอขอบพระคุณนักอ่านทุกท่านที่ติดตามผลงานของปรียาดามาตลอด หวังหว่านิยายเรื่องนี้จะให้ความบันเทิงกับทุกท่าน หากใครกำลังมีปัญหาเหมือนในเรื่อง ขอให้กำลังใจมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ เราจะสู้ไปด้วยกัน
*****************************************************************************************************
บทนำ
มีแต่คนเตือนว่าอย่าเพิ่งรีบร้อนแต่งงาน แน่นอนว่าเธอไม่เชื่อ ด้วยเหตุผลง่าย ๆ คือเธอรักเขา เพราะรักทำให้เธอไม่คิดที่จะไตร่ตรองใด ๆ ทั้งสิ้น
ก่อนหน้านี้เธอเคยคิดว่าจะไม่มีวันแต่งงานก่อนอายุสามสิบ เพราะอยากใช้ชีวิตให้เต็มที่ ไปเที่ยว ไปสนุกกับบรรดาเพื่อนฝูง แต่ทุกสิ่งทุกอย่างถูกโยนทิ้งออกนอกหน้าต่างเมื่อเขาขอเธอแต่งงาน
ทุกคนเตือนเธอแล้ว แต่เธอไม่ยอมฟัง
น้ำตาลล้มตัวนอนบนเตียงหลังจากพาน้ำหวาน น้องสาวแท้ ๆ ตะลุยสวนสนุกมาทั้งวัน เนื่องจากเป็นวันเกิดครบสิบแปดของน้อง ผู้ซึ่งไม่เคยลงมากรุงเทพฯ มาก่อน เธอจึงพามาเที่ยวเป็นของขวัญวันเกิด ตอนแรกเจ้าตัวตื่นเต้นยกใหญ่ พอได้มาแล้วเห็นน้องสนุกเธอก็พลอยมีความสุขไปด้วย ตอนนี้น้องเธอกำลังไปอาบน้ำ เธอเลยหยิบมือถือมาเช็กยอดเงินในบัญชี เธอวางแผนและเก็บเงินสำหรับทริปนี้มาเป็นเดือนแล้วเพื่อที่จะได้ลางานได้และโชคดีที่วันเกิดของน้ำหวานตรงกับช่วงปิดเทอม เลยไม่ต้องหยุดเรียน“หวานยังไม่อยากกลับเลยพี่ตาล” น้องสาวหันมาบอกขณะกำลังนั่งหวีผมที่โต๊ะเครื่องแป้ง “หวานอยากไปเดินห้างอะ”“เราก็ไปเดินห้างกันออกบ่อย” พี่สาวแกล้ง รู้ดีว่าน้องอยากไปที่ไหน“โธ่…” ครวญเสียงยาว “หวานอยากไปไอคอนสยามอะ นะพี่ตาลนะ นะ” ลุกขึ้นมาอ้อนพี่สาวน้ำตาลกรอกตาใส่คนเป็นน้อง “หวาน พี่ลางานแค่ถึงวันอังคาร”“หวานรู้แล้ว หวานแค่อยากเห็นห้างหรู ๆ ในกรุงเทพฯ บ้างไง แบบไปถ่ายรูปโพสต์ลงอิสตาสแกรมไรงี้ หวานไม่ซื้ออะไรหรอก นะพี่ตาล แล้วเครื่องเราออกตั้งดึก น่าจะมีเวลา”น้ำตาลมองหน้าน้องสาวขี้อ้อนนิ่ง ถอนหายใจ แล้วสายหน้า มันยากมากที่จะทำใจปฏิเสธ และมั
ภูริทัตยืนจ้องหญิงสาวตรงหน้าตาค้าง“ฉันฝันไปรึเปล่าเนี่ย ไม่อยากเชื่อเลยว่าจะเจอเธอที่นี่”น้ำตาลยืนเงียบ ไม่รู้ว่าจะพูดหรือตอบอะไร เพราะตอนนี้ในหัวสมองเธอมีคำเดียวคือต้องรีบไปจากตรงนี้ให้เร็วที่สุด ยังไม่ทันที่สมองจะได้สั่งการ เธอฉวยมือน้องสาวแล้วรีบหันหลังหนีทันที“เดี๋ยวก่อนตาล เธอจะไปไหน” ภูริทัตร้องเรียกและรีบเดินไปดักหน้าน้ำตาลหยุดเดิน จำใจต้องยอมเผชิญหน้ากับชายหนุ่ม“นายมีอะไร”“เปล่า ฉันไม่ได้จะทำอะไรเธอ” เขารีบตอบ กลัวว่าเธอจะหันหลังหนีอีกทั้งคู่มองหน้ากันนิ่งครู่หนึ่ง เกิดคำถามและคำพูดมากมายที่อยากเอ่ยออกไป แต่สุดท้ายกลับทำได้เพียงเงียบ พูดไม่ออก“เอ่อ…เธอเปลี่ยนทรงผม” ภูริทัตเอ่ยทำลายความเงียบ สิ่งที่อยากพูดอยากถามกลับไม่ถูกเอ่ยออกมาเขาพูดถูก เมื่อสามปีก่อนเธอไว้ผมยาวตรง แต่ตอนนี้เธอตัดผมสั้นประบ่าและไว้ผมหน้าม้า ถ้าหากว่าสถานการณ์แตกต่างไปน้ำตาลย่อมจะทักเขาด้วย เขาดูเปลี่ยนไปจากเมื่อก่อน ผมเขายาวขึ้น หุ่นล่ำขึ้น โดยรวมคือดูดีขึ้นจากเดิมที่ดูดีอยู่แล้ว“ตาลเธอหายไปไหน เธอรู้มั้ยว่าสามปีมานี้พวกฉันพยายามตามหาเธอแค่ไหน พี่ภู…” เมื่อประโยคแรกได้พูดออกไปแล้วหลังจากความตกตะลึ
“อ๋อ…คุณเป็นน้องชายพี่ภูใช่มั้ยคะ”ภูริทัตพยักหน้ายิ้มให้ “ดีใจที่เธอจำฉันได้”“ต้องจำได้สิคะ ตอนนั้นหวานอายุสิบห้าแล้วไม่ใช่เด็กสองขวบ” น้ำหวานหยุดพูด หันมองพี่สาว “แต่พี่ตาลไม่ค่อยอยากพูดถึงเรื่องตอนนั้น” เธอลดเสียงลง“ฉันเข้าใจ” ภูริทัตยิ้มพยักหน้าให้“หวาน!” น้ำตาลส่งเสียงเตือนน้อง“ที่นี่มีร้านอร่อยหลายร้าน พวกเธออยากกินอะไร”“อะไรก็ได้ นายเป็นเจ้ามือมั้ยล่ะ” น้ำตาลรีบบอก ขืนให้เลือกสักร้านในห้างนี้กระเป๋าเธอได้ฉีก“นิสัยเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน” เพื่อนหนุ่มส่ายหน้าหัวเราะ“ใครจะไปรวยเหมือนนาย” น้ำตาลค้อนน้ำตาลไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด แต่ที่ยอมมาด้วยเพราะภูริทัตสัญญาว่าจะไม่บอกพี่ชาย เธอรู้ว่าภูริทัตชอบมาเดินที่นี่ ไม่รู้ว่าโชคดีหรือโชคร้ายสุด ๆ ที่เธอมาที่นี่อีกครั้งในรอบสามปีแล้วเจอเขาเข้าพอดี“พวกเธอมาทำอะไรที่กรุงเทพฯ เหรอ” ภูริทัตถาม “ฉันคิดว่าเธอไม่ได้อยู่ที่นี่ ไม่งั้นพวกฉันคงเจอเธอแล้ว”“เมื่อวานเป็นวันเกิดหวาน พี่ตาลเลยพามาเที่ยวเป็นของขวัญวันเกิด” น้องสาวตอบแทนน้ำตาลหรี่ตาเตือน “หวาน!”“แฮปปี้เบิร์ธเดย์” ภูริทัตอวยพร แกล้งทำเป็นไม่สนใจคนเป็นพี่ที่เอาแต่ปิดกั้นตัวเอง“ขอบคุณค
เมื่อถึงโรงพยายาบาล หลังจากที่ตรวจเบื้องต้นแล้ว น้ำหวานก็ถูกส่งไปยังห้องผ่าตัดโดยด่วนเนื่องจากไส้ติ่งแตก น้ำตาลและภูริทัตรออยู่หน้าห้อง เวลาผ่านไปประมาณชั่วโมงคุณหมอก็เดินออกมา น้ำตาลจึงรีบเดินเข้าไปหา“เป็นยังไงบ้างคะหมอ”“ทุกอย่างเรียบร้อยดีครับไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง โชคดีที่นำตัวคนไข้มาส่งโรงพยาบาลทัน ให้คนไข้พักดูอาการสักสองสามวันก็กลับบ้านได้แล้วครับ”“ขอบคุณค่ะ”“เดี๋ยวพยาบาลจะรับหน้าที่ต่อจากนี้นะครับ หมอขอตัวก่อน”หมอหนุ่มยิ้มให้แล้วเดินกลับไปภูริทัตเดินเข้ามายืนด้านข้าง “ไม่เป็นไรแล้วนะตาล”“อืม” น้ำตาลพยักหน้ารับ รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก แต่ว่ายังมีอีกเรื่องหนึ่งที่เธอหนักใจไม่น้อย“ทัต พี่ภูไม่ได้ทำงานที่นี่ใช่มั้ย” ที่เธอถามเพราะภูริทัตเป็นคนพามาโรงพยาบาลนี้เพื่อนหนุ่มส่ายหน้า “ไม่ เธอไม่ต้องกังวล”“อืม” น้ำตาลกัดริมฝีปากและพยักหน้าจากนั้นพยาบาลก็เดินออกมาหาญาติคนไข้ บอกกล่าวเรื่องการนำตัวคนไข้ไปยังห้องพักฟื้นและเรื่องขั้นตอนการรักษาต่าง ๆ“เดี๋ยวฉันจัดการให้ เธอไม่ต้องห่วง” ภูริทัตอาสา“ขอบใจนะทัต”น้ำตาลนั่งมองหน้าน้องสาวที่ขณะนี้กำลังหลับเพราะฤทธิ์ยา การอยู่เงียบ ๆ
น้ำตาลกัดริมฝีปากด้วยความรู้สึกผิดเป็นครั้งแรกหลังจากปล่อยให้เวลาผ่านไปนาน “ฉันขอโทษ”“ตาล เธอไม่จำเป็นต้องอธิบายอะไรให้ฉันฟัง และฉันจะไม่ถามอะไรทั้งนั้น” เขายกแขนขึ้นมาโอบไหล่เพื่อนสาวเมื่อเห็นว่าเธอรู้สึกกดดัน “แต่ฉันแค่คิดถึงเธอจริง ๆ”น้ำตาลยิ้ม นึกถึงช่วงเวลาที่เจอกับภูริทัตสมัยเรียน “ฉันก็คิดถึงนาย” น้ำตาลทิ้งช่วงสักระยะแล้วค่อยพูดต่อ “ฉันว่าฉันจะกลับโรงแรมไปเก็บของมาเฝ้าไข้ยัยหวาน แล้วยังต้องยกเลิกตั๋วกลับด้วย”“จะไปเช่าโรงแรมอยู่ให้เปลืองทำไมกันตาล ไปพักที่บ้านฉันสิ”“ฉันไม่อยากกลับไปที่บ้านหลังนั้นอีก” น้ำตาลสวนกลับทันควัน“เพราะแม่ใช่มั้ย”“ฉันไม่อยากตอบเรื่องนี้ด้วยเหมือนกัน”ชายหนุ่มพยักหน้าเข้าใจ “ก็ได้ แต่ไหน ๆ เธอยังต้องอยู่ที่นี่ต่ออีกสักพัก สัญญากับฉันได้มั้ยว่าเธอจะไปเจอพี่ภู ถือว่าฉันขอร้อง”“ทัต…”“ฉันรักษาสัญญากับเธอนะตาล ถึงฉันจะอยากบอกพี่ภูแทบตายว่าเจอเธอแล้ว แต่ฉันไม่คิดจะหักหลังความเชื่อใจเธอ ตาลตอนนี้พี่ภูไม่ค่อยดีเท่าไหร่หรอก แต่ฉันมั่นใจว่าถ้าได้เจอเธอจะทำให้เขาดีขึ้น” ภูริทัตล้วงเอากระเป๋าสตางค์ออกมาเปิด หยิบนามบัตรยื่นส่งให้ “อะ นี่ที่อยู่โรงพยาบาล เผื่อเ
สองวันถัดมาหมออนุญาตให้น้ำหวานกลับบ้านได้ น้ำตาลตัดสินใจเช่าโรงแรมใหม่ที่ค่าห้องถูกกว่าเพื่อประหยัดงบแต่ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันซึ่งยังอยู่ในละแวกเดิมเพราะแถวนี้มีที่พักราคาถูกให้เลือกมากมาย เพื่อนหนุ่มอย่างภูริทัตอาสาแกมบังคับทำหน้าที่รับส่ง ซึ่งเธอยอมรับน้ำใจ แต่เมื่อเขาชวนเธอไปพักที่บ้านตน เธอรีบยืนกรานปฏิเสธหนักแน่นเช้านี้น้ำตาลจ้องนามบัตรในมือเป็นรอบที่ร้อยแล้วเห็นจะได้ แล้วได้แต่ถามตัวเองว่าเธอจะกล้าไปหาเขาเหรอ เธอยังมีหน้าไปหาเขาอีกเหรอ แต่หากจะบอกว่าเธอไม่อยากเจอเขาอีกครั้งต้องยอมรับว่าโกหกประตูห้องน้ำถูกเปิดออก น้ำหวานเดินออกมาหลังจากทำธุระส่วนตัวเสร็จ“พี่อาบน้ำเสร็จแล้วจะออกไปซื้ออะไรมาให้กิน” น้ำตาลลุกขึ้นยืน“หวานอยากกลับบ้านแล้วอะ” น้องสาวครวญ“แหม ก่อนหน้าบอกอยากอยู่ต่อ” พี่สาวแกล้งว่า“พี่ตาลอะ อยู่แต่ในห้องน่าเบื่อจะตาย” บ่นพร้อมหยิบรีโมททีวีมาเปิด“ทนหน่อย ยังเจ็บแผลอยู่ไม่ใช่เหรอ รอดูอาการอีกสองสามวัน ถ้าโอเคแล้วเรากลับบ้านกัน พี่จะดูว่าจะกลับเครื่องหรือรถทัวร์ อันไหนจะกระเทือนน้อยกว่า”“หวานรู้ค่ะ พี่ตาลต้องลำบากลางานเพราะหวานอีก”“ไม่เป็นไร นี่มันเรื่องสุด
ชายหนุ่มตรงหน้าดูสูงขึ้น เขาสวมสูทสีเทาและเสื้อเชิ้ตสีขาว รองเท้าหนังสีดำขัดเงา ผมสีดำตัดรองทรงสูง แต่ที่เด่นที่สุดเห็นจะเป็นรอยคล้ำใต้ตาที่ทำให้เขาดูอ่อนล้าและแก่กว่าอายุจริง ทว่าถึงอย่างนั้นก็ยังคงดูหล่อเหลา เขาเปลี่ยนไปจากตอนที่เธอเจอเขาสมัยเรียนมหาลัยวิทยาลัยมากไม่ใช่น้ำตาลคนเดียวที่ยืนตัวแข็งค้าง ผู้มาเยือนเองก็เช่นกัน เขากวาดตามองหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าจะเป็นเธอที่กำลังยืนอยู่ต่อหน้าเขา เธอที่เป็นภรรยาเขาตัวเป็น ๆน้ำตาลรู้สึกขมฝาดในคอ ไม่คาดคิดเลยว่าจะได้พบกับเขาอีก ทว่ายังแอบชื่นชมความหล่อเหลาของชายหนุ่มตรงหน้า ซ้ำยังเตือนให้นึกถึงหนึ่งในหลายเหตุผลที่ตกหลุมรักเขา แต่ขณะเดียวกันเธอก็ระลึกถึงความทรงจำเมื่อสามปีก่อนว่าทำไมถึงตัดสินใจหนีเขามา เธอรู้สึกว่าหัวใจตัวเองกำลังกระหน่ำเต้นแรง ตกใจ ตื่นเต้น หวั่นเกรง ความรู้สึกเธอตีกันยุ่งสับสนไปหมด“พี่ภู”เสียงเรียกเบาราวกระซิบหลุดรอดจากริมฝีปากเสมือนว่ากำลังตกอยู่ในภวังค์แห่งความฝันทิ้งให้เกิดความเงียบชั่วขณะ พอตั้งสติได้แล้วเธอจึงถามเขาต่อ“ทำไมพี่ถึงมาที่นี่ได้ ทัตบอกพี่เหรอว่าตาลอยู่ที่นี่” เสียงเธอดังขึ้นเมื่อรู้ส
“ตาลหายไปไหนมา ทำไมถึงต้องทิ้งพี่ไป”น้ำเสียงเต็มไปด้วยความกรุ่นโกรธปนน้อยใจที่ทำให้น้ำตาลวางเฉยไม่ได้ แต่เธอไม่พร้อมตอบคำถามนี้เลย เธอสามารถหลีกเลี่ยงที่จะตอบได้ตอนที่ภูริทัตถาม แต่กับคนตรงหน้า มันต่างออกไป“พี่ภู คือว่า…ตาลไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีก” เธอขอร้องสันกรามแกร่งบดเข้าหากันด้วยความอดกลั้นสุดขีด จะด้วยความโกรธหรือน้อยจะอะไรก็แล้วแต่“ตาลบอกทัตว่าตาลอยู่ที่นี่แต่กลับไม่บอกพี่”น้ำตาลเงยหน้ามอง อย่างน้อยก็ไม่อยากให้เขาเข้าใจผิดในเรื่องนี้“ตาลไม่ได้บอกทัตแต่ว่ามันเป็นเรื่องบังเอิญ ตาลเจอทัตที่ห้าง แล้วหวานเกิดปวดท้องไส้ติ่งกะทันหัน”ภูริวัฒน์ส่ายหน้าอย่างผิดหวัง “ทัตไม่ได้บอกพี่เรื่องนี้”“ตาลให้ทัตสัญญาว่าจะไม่บอกพี่ว่าตาลอยู่ที่ไหน”“ทำไม” เขาจ้องหน้าเธอ “พี่เป็นสามีตาลนะ หรือว่าลืมไปแล้ว”
หลังออกจากร้านอาหารที่นัดกับแม่สามีไว้ น้ำตาลเดินมาตามถนนเรื่อย ๆ เธอไม่ได้รู้สึกหิวมากแม้ว่าจะใกล้เที่ยงแล้วเพราะเธอกินแซนด์วิชมาแล้วขณะอยู่บนเครื่องบิน เธอเดินผ่านร้านก๋วยเตี๋ยวเลยตัดสินใจแวะ ตลอดทางยังคิดถึงบทสนทนาระหว่างเธอกับแม่สามีที่หล่อนบอกว่าลูกชายหล่อนต้องเลือกหล่อนอยู่แล้ว ทั้งยังบอกว่าคนที่เหมาะสมกับภูริวัฒน์คือธรรมิกา ยังคงเป็นเช่นเดิมอยู่อย่างนั้นสินะ ถึงจะบอกว่าไม่ใส่ใจ แต่มันก็ยากที่จะไม่ให้คำพูดหล่อนทำร้ายเธอ เมื่อก่อนเธอพยายามขบคิดว่าเธอไปทำอะไรไว้หล่อนถึงเกลียดเธอได้ขนาดนี้ แต่ตอนนี้เธอรู้แล้วว่าไม่ใช่เป็นเพราะเธอ แต่เป็นเพราะฝ่ายนั้นต่างหากขณะที่กำลังกินมื้อกลางวันอยู่ น้ำตาลก็คิดจะโทรหาภูริวัฒน์เพื่อบอกว่าเธออยู่ไหน ประมาณว่าเธอจะเซอร์ไพรส์เขา แต่ก็อีกนั่นแหละ เธอกับเขาไม่ได้พูดกันมาเป็นอาทิตย์แล้ว บางทีมันอาจไม่ใช่เซอร์ไพรส์ก็ได้ แล้วเรื่องเซอร์ไพรส์หนหลังของทั้งคู่ก็จบลงไม่ค่อยดีเท่าไหร่ และคนที่ผิดเต็ม ๆ เลยคือเธอที่โมโหใส่เขาน้ำตาลถอนใจ หยิบโทรศัพท์มือถือ เปิดรายชื่อผู้ติดต่
อีกฝ่ายไม่เอ่ยอะไรน้ำตาลเลยพูดต่อ“ตาลว่าถึงเวลาแล้วค่ะที่เราสองคนจะต้องคุยกันจริงจังซะที จะได้เคลียร์กันให้จบ ๆ ตาลรู้ว่าคุณเกลียดตาล แต่ไม่รู้ว่าทำไม”“แล้วการที่เธอทิ้งลูกชายฉันไปโดยไม่บอกกล่าวเป็นเหตุผลได้มั้ยล่ะ”น้ำตาลยิ้มหยัน “คุณเกลียดตาลก่อนหน้านั้นอีก ตั้งแต่แรกเลย ตาลไม่โง่นะคะ อย่ามาดูถูกตาล”หล่อนจ้องน้ำตาลเขม็ง “เธอเกิดนึกสนใจอะไรขึ้นมา ทำไมจู่ ๆ ถึงได้มาถามเรื่องนี้”“ตาลแค่คิดอะไรบางอย่างได้ก็แค่นั้น”“อ้อเหรอ อะไรล่ะ”“คุณกับตาลยังไงก็อยู่ร่วมกันไม่ได้ มันเป็นความต้องการของพี่ภูที่อยากให้แม่กับเมียอยู่ร่วมกัน แต่เขาไม่เข้าใจว่ามันเป็นไปไม่ได้”“แล้วไง เธอเลยมาขอร้องฉันเพราะรู้ว่าจะเสียภูไปงั้นสิ” แม่สามีกระหยิ่มใจ แต่น้ำตาลยิ่งเห็นแล้วยิ่งรังเกียจน้ำตาลยิ้มให้ เป็นยิ้มการค้าที่ไม่ได้อ
น้ำตาลมาถึงกรุงเทพฯ ในตอนสายของวันรุ่งขึ้น เธอตั้งใจมาแค่วันเดียวจึงจองตั๋วกลับไว้ตอนกลางคืน การมาครั้งนี้ของเธอก็เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาสำคัญ ซึ่งแน่นอนว่าคือแม่ของเขา แผนการของเธอนั้นง่าย ๆ ไม่มีอะไรมาก คือการพูดคุยกับหล่อนอย่างตรงไปตรงมา และมันต้องใช้ความอดทนเป็นอย่างมาก แต่เธอต้องทำ ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อลูกของเธอเธอนัดเจอแม่เขาที่ร้านอาหาร ซึ่งภูริทัตเป็นคนจัดการเรื่องนี้ให้ เพราะรู้ว่าหล่อนจะระมัดระวังตัวและรักษาภาพลักษณ์เวลาอยู่นอกบ้าน อย่างน้อยเธอจะได้ใช้จุดนี้ควบคุมหล่อนได้เมื่อมาถึงร้านอาหารที่นัดไว้ น้ำตาลเดินเข้าไป มองไปรอบ ๆ แล้วก็เห็นเป้าหมายนั่งอยู่ที่โต๊ะทางด้านขวามือ เธอเดินตรงเข้าไปโดยไม่รอช้า แม่ของภูริวัฒน์ไม่ได้สังเกตเห็นเธอตั้งแต่แรก จนกระทั่งเธอไปหยุดยืนข้างโต๊ะนั่นแหละถึงหันหน้ามา สีหน้าเต็มไปด้วยความตกใจ ผู้หญิงตรงหน้าในวัยหกสิบต้น ๆ แต่ยังแต่งตัวกระชากวัยด้วยชุดกระโปรงสีดำ ทับด้วยเสื้อแขนระบายสีเหลือง เธอไม่เห็นว่าหล่อนใส่รองเท้าอะไร แต่กล้าพนันได้เลยว่าต้องเป็นรองเท
คืนนี้เป็นคืนงามพรอมสำหรับนักเรียนที่กำลังจะจบชั้นม.6 น้ำหวานในชุดเดรสสายเดี่ยวสีแดงดูสวยและเจิดจรัสมาก แค่เห็นน้ำตาลก็อยากร้องไห้ ในที่สุดน้องน้อยของเธอก็โตเป็นผู้ใหญ่ เธออยากให้แม่ยังอยู่กับพวกเธอตอนนี้จริง ๆ แม่จะต้องดีใจและภูมิใจมาก เธอพยายามไม่นึกถึงว่าหลังจากนี้น้องสาวกำลังจะไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียในอีกไม่กี่เดือน เธอดีใจที่น้องได้ทุน แต่ตัวเธอเองยังไม่ได้เตรียมใจ“พี่ตาลร้องให้ทำไม” น้ำหวานถามแล้วหยิบกระดาษทิชชู่ยื่นให้“พี่ขอโทษ” น้ำตาลรับกระดาษทิชชู่มาซับน้ำตา พยายามกลั้นสะอื้นไปด้วย “พี่แค่…น้องสาวพี่โตแล้ว”คนเป็นน้องหัวเราะแล้วแกล้งพูด “พี่ตาลเพิ่งรู้เหรอ”น้ำตาลยิ้ม ยังมีหยดน้ำตาที่หางตา “พี่อยากให้แม่ยังอยู่กับพวกเราจัง แม่จะต้องดีใจและภูมิใจในตัวหวานมาก”“โธ่พี่ตาล…พอได้แล้วค่ะ อย่างเพิ่งทำซึ้ง เดี๋ยวหวานก็ร้องไห้ตามหรอก”“ก็ได้ ๆ ไม่ร้องแล้ว”
ภูริทัตเคาะประตูหน้าห้อง สักพักประตูก็เปิดออก สภาพของภูริวัฒน์ที่เดินมาเปิดประตูดูแทบไม่ได้ เขาสวมกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืดสีขาว ขอบใต้ตาคล้ำเป็นวง ผมเผ้ายุ่งเหยิง“ทัต นายมาได้ไง แล้วรู้ได้ไงว่าพี่อยู่ที่นี่” ภูริวัฒน์ตะลึงไปพักหนึ่งเมื่อเห็นน้องชายภูริทัตไม่สนใจที่จะตอบ“แม่เป็นห่วงพี่มากจนเกือบจะไปแจ้งความคนหายแล้วพี่รู้มั้ย” เขาไม่ได้โกหกไปซะทั้งหมด เมื่อเช้าก่อนออกจากบ้านแม่ดูเป็นห่วงและแกล้งทำท่าจะแจ้งความจริง แต่เขาดูออกว่าอย่างหลังเป็นการเล่นละครโอเวอร์ตามประสาแม่“พี่อยากอยู่คนเดียว”ภูริวัฒน์บอกแล้วจะปิดประตูใส่ แต่น้องชายไวกว่า ยันมือไว้ทัน แล้วรีบแทรกตัวเข้าไปในห้อง เมื่อเห็นว่าเปล่าประโยชน์ ภูริวัฒน์จึงปิดประตู เดินไปเปิดตู้เย็น หยิบเบียร์มาหนึ่งกระป๋อง แล้วค่อยไปนั่งที่โซฟาภูริทัตไปหยิบเบียร์มาให้ตัวเองบ้าง แล้วกลับมานั่งสำรวจพี่ชาย เขาเห็นภูริวัฒน์อยู่ในสภาพนี้ครั้งสุดท้าย
ภูริทัตเดินเข้ามาในโรงพยาบาลที่ปกติไม่ค่อยได้มาเท่าไหร่ เพราะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเขา แต่วันนี้ไม่ใช่ วันนี้เขามีภารกิจที่สำคัญมาก คือหาตัวพี่ชายให้พบ แล้วจับมาเขกกะโหลกสักทีภายในห้องรอมีบรรดาพ่อแม่กับเด็ก ๆ ที่บ้างกำลังส่งเสียงร้องจ้า บ้างกำลังเล่นของเล่น เขาไม่สนใจ เดินตรงไปยังพนักงานต้อนรับ แล้วแจ้งความประสงค์ทันที“สวัสดีครับ ผมมาพบหมอภู”“ขอโทษค่ะ ตอนนี้คุณหมอไม่อยู่ค่ะ ไม่ทราบว่าคุณได้นัดไว้ก่อนรึเปล่าคะ”“ผมชื่อภูริทัต เป็นน้องชายเขา ผมต้องการเจอเขา วันนี้เขาได้เข้ามารึยังครับ”“วันนี้คุณหมอยังไม่เข้ามาเลยค่ะ ขอโทษด้วยนะคะ”“ทัต”ภูริทัตหันหลังกลับไปมองตามเสียงเรียก ธรรมมิกากำลังเดินตรงมาหาเขา“สวัสดีมิกา”คุณหมอสาวยิ้มให้เขา “มีอะไรให้ช่วยรึเปล่า”“ผมกำลังหาพี่ภูอ
“พี่ภูอย่าเป็นแบบนี้สิคะ”“พี่เป็นอะไร”“นนท์เขาไปประชุมที่กรุงเทพฯ เพิ่งจะกลับมาเมื่อวาน ตาลไม่ได้เจอเขาเลยจนกระทั่งวันนี้ ตาลกำลังจะบอกเขาเรื่องของเรา แต่พี่ดันโผล่มาซะก่อน” เธอพยายามอธิบายภูริวัฒน์ส่ายหน้าผิดหวัง “ตาลยังทำแบบนี้อยู่อีกเหรอ”“ตาลทำอะไรคะ”“ปิดบังพี่”“ตาลขอโทษ ตาลไม่รู้นี่ว่าต้องรายงานพี่ทุกเรื่องที่ตาลทำ”“ตาลรู้ว่าพี่ไม่ได้ความแบบนั้น ตาลต้องคิดได้สิ ถ้าตาลบอกให้พี่รู้ เรื่องแบบนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น”“ถ้าพี่บอกว่าพี่จะมาเรื่องนี้ก็จะไม่เกิดขึ้นเหมือนกัน“พี่แค่อยากทำตัวโรแมนติกแบบคนอื่นเขาบ้าง อยากมาเซอร์ไพรส์ตาล แต่…” เขาส่ายหน้าด้วยความผิดหวัง “กลายเป็นว่าพี่เป็นฝ่ายผิดซะเอง”น้ำตาลสะอึก รู้ว่าตัวเองทำกับเขาไม่ถูก มันไม่แฟร์กับเขาที่ไปกล่าวโทษเขาทั้งหมด
หายนะ! บอกได้คำเดียวว่านี่มันหายนะชัด ๆ !น้ำตาลได้แต่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก ภูริวัฒน์เหมือนสวมวิญญาณผีบ้า ประเคนหมัดใส่ชายหนุ่มอีกคนหลุน ๆ ทางด้านชานนท์แม้จะเพลี่ยงพล้ำในตอนแรก แต่พอตั้งตัวได้ก็ซัดกลับไปไม่ยิ่งหย่อนไม่กว่ากัน“พี่ภู!”เมื่อได้สติน้ำตาลรีบพาตัวเองเข้าไปแทรกกลาง เธอกางแขนออกหันหน้าไปทางสามี“หยุดได้แล้วค่ะ!” เธอสั่ง มองหน้าภูริวัฒน์ที่โมโหจนเลือดขึ้นหน้า และรู้สึกว่าเขาไม่ได้โมโหแค่ชานนท์คนเดียว เธอไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน เขาสุภาพอ่อนโยนเสมอ ไม่เคยมีเรื่องชกต่อยกับใคร“พี่ภูเข้าไปรอตาลในบ้านก่อนนะคะ” เธอส่งสายตาขอร้อง“ตาล” เขาทำท่าไม่ยอม“ตาลขอร้อง” เธอบอกอีกครั้งสามีหนุ่มลังเล จ้องผู้ชายอีกคนราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ แล้วจึงเดินเข้าไปในบ้าน แต่ก็ไม่วายส่งสายตาอาฆาตใส่ชานนท์ที่จ้องเขากลับเช่นกัน
หนึ่งสัปดาห์ในการรอคอยเหมือนกับว่านานเป็นเดือนเป็นปี น้ำตาลกำลังใจจดใจจ่อรอการกลับมาของชานนท์เพื่อที่จะได้คุยกับเขาให้รู้เรื่อง ยิ่งได้ยินสิ่งที่แหวนบอกเธอยิ่งกังวล อยากเคลียร์ทุกอย่างให้เร็วที่สุด คิดว่าเรื่องนี้ควรจะคุยกับเขาที่ไหนดี สุดท้ายคิดว่าที่บ้านตัวเองน่าจะดีสุดเพราะมีความเป็นส่วนตัว ถ้าไปในที่สาธารณะ ไม่รู้ว่าเขาจะเสียหน้ารึเปล่า และในที่สุดเขาก็กลับมา และเธอนัดกับเขาในวันนี้“พี่อยากให้หวานอยู่ด้วยมั้ย หวานจะอยู่ในห้อง ไม่ออกมาเสนอหน้าเด็ดขาด” น้องสาวเสนอตัว“ไม่เป็นไร หวานไปบ้านเพื่อนก่อนน่ะดีแล้ว”“ตามใจ” บอกแล้วมองอาหารที่ถูกเตรียม “พี่เข้าครัวเองแบบนี้หวานว่ามีแต่จะทำให้เขาหลงพี่หัวปักหัวปำมากกว่า พี่สาวหวานช่างโหดร้าย”แม้น้องสาวจะพูดเล่นแต่น้ำตาลกลับสะอึก เธอหยุดมือที่กำลังคนแกงอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะค่อยคนต่อ“พี่แค่อยากทำอะไรให้มันดีหน่อย แบบไม่อยากพูดโพล่งออกไปเลย”“พี่บอ