3
ปมแค้น
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อ คุณน้าบอกลิดามาสิคะ”
ปาลิดาโวยวายด้วยคำถามที่เธอต้องการคำตอบเดี๋ยวนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกับบิดาของเธอ
“คุณนิรัชประสบอุบัติเหตุรถชนคอสะพาน เสียชีวิตคาที่ค่ะ”
อัสมาทำท่าจะร้องไห้ เมื่อต้องเล่าเรื่องราว ที่เธอสุดจะเสียใจอีกครั้ง
“คุณพ่อไม่ใช่คนขับรถประมาท ไม่มีทาง ต้องมีอะไรแน่ๆ ลิดาไม่เชื่อเด็ดขาด”
ตั้งแต่เด็กจนโต หญิงสาวรู้ว่าพ่อของเธอ มีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ในการขับรถยนต์ ปฏิบัติตากฎอย่างเคร่งครัด ไม่มีทางที่พ่อจะมาตายแบบไม่มีใครมาชนแบบนี้ เธอส่ายหัวอย่างไม่เชื่อ
“คุณนิรัชดื่มสุราจนเมาค่ะ” อัสมาอธิบายต่อ
“ปกติคุณพี่ไม่ดื่มนะคะ” คราวนี้กานดาสงสัยบ้าง
“ใช่ค่ะ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาฉันเองก็ยังไม่เคยเห็นคุณนิรัชดื่ม เวลาไปเที่ยวร้านอาหาร ยังดื่มแค่เพียงน้ำอัดลมเท่านั้น แต่ตำรวจส่งชันสูตรเบื้องต้นแล้ว พบว่ามีการดื่มสุราค่ะ”
ผลการสืบสวนของตำรวจ ลงความเห็นว่านิรัชเมาจนขับรถชนกับคอสะพาน เสียชีวิตคาที่ เพราะคอหัก ซึ่งทั้งหมดมันคือความจริง
สิ่งที่ยังค้างคาใจกานดาคือ ทำไมพี่เขยของเธอต้องดื่มเหล้า ในเมื่อเขาไม่ใช่นักดื่ม เรียกได้ว่า เต็มที่ก็แก็วเดียว ตามมารยาทเวลาไปงาน
“ลิดา ทำใจนะลูก พ่อเขาจะได้ไปสบาย น้าอยู่ตรงนี้ อยู่ข้างๆหนู มีอะไรเราจะช่วยกันคิด รอให้เสร็จจากงานศพก่อน เราค่อยมาหาคำตอบที่เราค้างคาใจกัน”
กานดารู้ใจหลานสาว ว่าลิดาไม่เข้าใจ ว่าอยู่ดีๆ พ่อของเธอจะดื่มเหล้า เมาจนขับรถชนคอสะพานได้อย่างไรกัน มันต้องมีอะไรเกิดขึ้นก่อนหน้านี้แน่ๆ
งานศพเสร็จสิ้นไป ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี อัสมาและกานดาช่วยกันจัดแจงทุกอย่าง ลิดาเองก็มีแต่ความเสียใจ จนแทบจะทำอะไรไม่ได้เลย
“ถึงเวลาที่เราต้องคุยเรื่องทั้งหมดว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทำไมพี่นิรัชถึงต้องดื่มจนเมาแบบนั้น”
เมื่อกลับมาถึงบ้าน กานดาเปิดฉากคุยกับอัสมา ต่อหน้าปาลิดาทันที
“คุณนิรัชกำลังขยายธุรกิจ ตามคำแนะนำของคุณธรรมสรณ์ โดยที่คุณนิรัชเอง ไม่ได้มีเงินทุนขนาดนั้น จึงขอหยิบยืมจากคุณธรรมสรณ์”
คนเล่าทำท่าจะร้องไห้ กำมือเหมือนกำลังแค้นอะไรบางอย่างอยู่
“คุณธรรมสรณ์หาออเดอร์สินค้ามาให้ โดยที่ คุณนิรัชไม่ได้ขอให้วางมัดจำ เพราะเห็นกับความสนิท แต่สุดท้ายเมื่อผลิตสินค้าเสร็จตามจำนวน ทางนั้นกลับยกเลิก”
อัสมากำมือทั้งสองแน่น ทุบกับขาของตัวเองอย่างโกรธแค้น ยังคงก้มหน้า น้ำตาซึมไม่มองสบตาสองคนที่กำลังฟังอย่างตั้งใจ
“แล้วไงต่อคะคุณน้า” ปาลิดายังไม่เข้าใจ
“คุณนิรัช ใช้เงินที่กู้ยืมมาจากคุณธรรมสรณ์ในการผลิตสินค้า พอสินค้าขายไม่หมดก็ไม่มีเงินใช้หนี้” อัสมาพูดต่อ
“ในเมื่อเขายกเลิกสินค้า พ่อก็ไม่ต้องใช้หนี้สิคะ ถือเป็นค่าเสียหายไป”
“สัญญาในการสั่งซื้อสินค้าไม่มี เป็นเพียงปากเปล่า มีแต่สัญญากู้ยืมเงิน”
อัสมาอธิบายได้คล่องแคล่ว เหมือนเธอรู้ทุกความเป็นไปของธุรกิจของสามี ทั้งที่ตอนแม่ของปาลิดายังมีชีวิตอยู่ นิรัชไม่เคยปล่อยให้แม่ของเธอได้รู้เรื่องธุรกิจเลย
“คืนนั้นคุณธรรมสรณ์โทรมาทวงเงิน เพราะในสัญญาระบุเวลาการใช้หนี้ไว้และ....”
อัสมาลากเสียงยาว สองมือกุมหน้าร้องไห้ อย่างคนที่เสียใจสุดขีด
“และ.. และอะไรคะ”
ปาลิดาเขย่าแขนแม่เลี้ยง อย่างลืมตัว จนกานดาต้องดึงเธอให้นั่งลง
“คุณพ่อของหนู เอาบ้านหลังนี้และที่ดินของตากับยายหนูค้ำประกันไว้” อัสมาปาดน้ำตา
“คุณพ่อก็เลยเครียดแล้วไปดื่มเหล้าจนเมา จนมาเกิดอุบัติเหตุใช่ไหมคะคุณน้าอัสมา”
ปาลิดาประติดประต่อเรื่องได้ จากคำบอกเล่าของแม่เลี้ยง ว่าเพราะอะไรบิดาของเธอถึงต้องไปเมาแบบนั้น
“เลวมาก เลวที่สุด ทำกับเพื่อนแบบนี้”
หญิงสาวผู้สูญเสียกำมือแน่น ยืนขึ้นด้วยความแค้น เธอพอรู้จักกับธรรมสรณ์เพื่อนของพ่ออยู่บ้าง แต่ก็ไม่สนิทเท่าไหร่ เพราะเธอถูกส่งไปเรียนต่างประเทศ
“ตั้งสติ มันอาจมีหนทางที่เราจะไม่ต้องเสียบ้าน เสียที่ดินก็ได้ อย่าใช้แต่อารมณ์”
กานดาไม่อยากจะเชื่อทุกอย่าง ที่อัสมาบอก เพราะเธอรู้จักพี่เขยของเธอดี เขาไม่เคยทำอะไรเสี่ยง มีแต่ชอบคิดอะไรรอบคอบเกินคนทั่วไปคิดด้วยซ้ำ
“จริงด้วยค่ะ น้าว่าหนูลิดาใจเย็นๆก่อน เราอาจพอจะหาเงินไปใช้เขาได้ ถึงแม้มันจะหลายสิบล้านด้วยกัน”
อัสมาพูดเหมือนต้องการให้ลูกเลี้ยงใจเย็นลง แต่จากจำนวนยอดหนี้ที่เธอทำเสียงเน้นย้ำ มันเหมือนกับกำลังโยนไฟใส่น้ำมันอย่างไรไม่รู้
“แล้วคุณอัสมาล่ะจะทำอย่างไรต่อไปคะ ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับพี่นิรัสด้วย”
กานดามีลางสังหรณ์แปลกๆ จึงอยากถามให้แน่ใจ เพราะพี่เขยเคยบอกไว้ ว่าไม่ได้จดทะเบียนสมรสกับภรรยาคนใหม่
“เราเพิ่งไปจดทะเบียนสมรสกันก่อนวันที่จะขึ้นเครื่องไปรับปริญญาหนูลิดาเองค่ะ คุณนิรัชตั้งใจจะบอกในวันที่หนูลิดาเดินทางมาถึงเมืองไทย แต่ก็มาเกิดเรื่องขึ้นเสียก่อน”
อัสมาร้องไห้เสียงดัง จนคนใช้ในบ้านต่างพากันมาดู เพราะตกใจ
“อ๋อ...อย่างที่คิดไว้เลยค่ะ” กานดาพูดอย่างลืมตัว
“หมายความว่าอะไรคะ” อัสมาหยุดร้องไห้มองหน้ากานดาอย่างไม่พอใจ
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ฉันหมายถึงคุณพี่นิรัชดูรักคุณอัสมามาก คงต้องจดทะเบียนให้ถูกต้องแน่ๆ”
ถึงแม้กานดาจะเป็นน้องเมีย แต่เขาก็อยู่กับนิรัชมาตั้งแต่เด็กๆ เพิ่งไปอยู่อเมริกาได้ไม่ถึงสิบปี ดังนั้นเขารู้จักพี่เขยดี ว่าเป็นคนอย่างไร
การที่นิรัชจดทะเบียนกับอัสมา คงเพราะต้องการแสดงความรับผิดชอบให้เกียรติ ตามนิสัยสุภาพบุรษตัวจริง
“ขึ้นไปพักที่ห้องก่อนนะลิดา น้าจะออกไปธุระข้างนอกเสียหน่อย”
กานดาเดินพาหลานสาวขึ้นไปส่งที่ห้องนอนชั้นบนของบ้าน ก่อนจะขับรถของนิรัชที่มีอยู่หลายคันออกไปข้างนอก
4ความแค้นที่เริ่มต้น กานดาตัดสินใจ เดินทางไปหาทนายของนิรัช ถึงแม้เขาอาจไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลทุกอย่างกับเธอ แต่ก็คงได้รู้อะไรเพิ่มมากขึ้น และข้อมูลก็คงน่าเชื่อถือกว่าการฟังจากอัสมา “คุณทนายคะ เรื่องจดทะเบียนสมรสเรื่องจริงใช่ไหม” กานดาเข้าเรื่องทันที เมื่อนั่งลงบนโซฟาที่ห้องรับแขกของทนายดนัย “ใช่ครับ เพิ่งไม่นานมานี้เอง” ทนายยืนยัน “แล้วแบบนี้ ลิดาจะต้องแบ่งครึ่งทุกอย่างให้เธอใช่ไหม” กานดาหมายถึงอัสมาผู้เป็นแม่เลี้ยง “ใช่ครับ เฉพาะทุกอย่างที่เป็นของคุณนิรัชเท่านั้นนะครับ ส่วนมรดกที่คุณแม่คุณลิดาได้มาจากบิดามารดาของท่านไม่เกี่ยว” ทนายอธิบายเพิ่มเติม “อันนั้นฉันเข้าใจ แต่สมบัติของพี่นิรัชไม่ใช่น้อยๆ” กานดากังวล “แต่ที่เหลือก็ไม่มากนะครับ คุณท่านมีหนี้สินที่ต้องชำระอยู่หลายอย่าง เราต้องจัดการเรื่องนี้ก่อน ถึงจะแบ่งทรัพย์สินที่เหลือได้” ทนายความแสดงสีหน้าทำท่าไม่สบายใจ ที่จะต้องอธิบายรายละเอียดอะไรมากไปกว่านี้ เพราะยังไม่ถึงเวลาเปิดพินัยกรรม “อีกนานไหมคะ กว่าจะถึงวันเปิดพินัยกรรม” กา
5ก้าวแรกในบ้านหลังใหม่ เมื่อตัดสินใจแล้วหญิงสาวก็เก็บข้าวของที่จำเป็น เดินทางมายังบ้านของธรรมสรณ์ โดยที่คืนนี้ เธอยังจะมีกานดาน้าสาวที่เหลือเพียงคนเดียวของเธอมานอนด้วย ก่อนที่พรุ่งนี้เย็น น้าสาวจะเดินทางกลับอเมริกา “ยินดีต้อนรับนะหลานสาว” ธรรมสรณ์ยืนกอดอกคอยปาลิดาอยู่ที่หน้าประตูบ้าน “และนี่เขมกร ลูกชายคนเดียวของลุง” ปาลิดายกมือไหว้ ชายหนุ่มที่หน้าตาดีกว่าคนเป็นพ่ออยู่มาก “เขมนี่คุณน้ากานดา” ชายหนุ่มยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม แสดงถึงการที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี “มากันแล้วเหรอจ๊ะ” ภาวินีหญิงเดียวของบ้านนี้ ส่งเสียงทักทายมาก่อนตัว เพราะเธอมัวแต่จัดแจงเรื่องห้องพักของปาลิดา “สวัสดีค่ะพี่ภาวินี” กานดาคุ้นเคยกับภาวินีเป็นอย่างดี เพราะเธอคือเพื่อนสนิทของพี่สาวของเธอ และเป็นยังเป็นแม่สื่อแม่ชักให้พี่สาวของเธอกับนิรัช จนทั้งคู่ได้แต่งงานกัน “เขมพาน้องขึ้นไปที่ห้องหน่อย ช่วยยกกระเป๋าให้น้องกับน้ากานดาด้วย” ธรรมสรณ์หันไปสั่งลูกชาย เพื่อต้องการคุยกันสามคนแบบผู้ใหญ่ ไม่อยากให้เด็กๆอ
6มองหาเป้าหมาย “เดี๋ยวเราแวะกินอาหาร ที่ร้านอาหารใกล้สนามบินกันนะ มีร้านอร่อยๆอยู่” ธรรมสรณ์พยายามจะทำความสนิทสนมให้เกิดขึ้น ระหว่างครอบครัวของเขากับปาลิดา “สวัสดีค่ะเขม ไม่คิดว่าจะมาเจอคุณที่ร้านนี้เลย” นางแบบหุ่นสวย ส่งเสียงทักทายมาก่อนที่มือบางจะจับแขนของชายหนุ่มตรงหน้ามากอดอย่างคุ้นเคย “สวัสดีค่ะคุณพ่อ คุณแม่” หญิงสาวละมือจากแขนของเขมกร มายกมือไหว้ผู้ใหญ่สองคน “สวัสดีจ้าหนูรสริน” ภาวินีส่งยิ้มทักทาย “แล้วนี่ใครคะ ไม่เห็นเขมแนะนำให้รินรู้จักเลย เอ่...หรือว่าแม่บ้านคนใหม่” “ถ้าหมายถึงฉัน คงไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอกค่ะ แต่ที่พี่เขมไม่แนะนำ อาจเป็นเพราะคุณไม่จำเป็นต้องรู้จักทุกคนในครอบครัวของพี่เขาก็ได้นะคะ” รู้จักปาลิดาน้อยไปแล้ว ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน อยู่ดีๆ ก็มาใช้คำพูดที่ดูแคลนกันแบบนี้ มีเหรอนักเรียนนอกอย่างเธอจะยืนนิ่งๆให้ดูถูก เมื่อเจอตอกกลับแบบนี้ รสรินนางแบบสาวที่พยายามทำตัวเป็นผู้ดี ก็แทบจะเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ แต่ด้วยตัวเธอยังไม่รู้ว่าหญิงสาวที่ต่อปากต่อคำกับเธอเป็นใคร เธอจึงเลื
7เริ่มสืบ “ทุกคนครับ ผมขอแนะนำเลขาส่วนตัวของผมคนใหม่ เธอชื่อปาลิดา เป็นลูกสาวของคุณอานิรัช เจ้าของที่นี่ครับ” เขาแนะนำเธอด้วยคำพูดที่ดูยกย่อง ถึงแม้ตอนนี้เธอจะถือหุ้นแค่ไม่ถึงครึ่ง แต่เขาพูดเสียเหมือนเธอถือหุ้นทั้งบริษัท “เรียกลิดาเฉยๆก็ได้ ฝากเนื้อฝากตัวกับทุกคนด้วยนะคะ” หญิงสาวอยากเป็นมิตรและสนิทกับทุกคน เพราะพนักงานที่นี่ ต้องรู้แน่ๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับบริษัท อะไรคือสาเหตุที่ทำให้พ่อของเธอต้องดื่มเมามาย จนเกิดอุบัติเหตุ “พวกเราสิคะ ต้องฝากเนื้อฝากตัวกับคุณลิดา” หนึ่งในพนักงานสาว ส่งเสียงเอาใจดังออกมาจากลุ่มของพนักงานที่ยืนอยู่เกือบยี่สิบคน “แยกย้ายกันทำงานได้แล้วเนาะ ” เขมกรตัดบทเพราะกลัวจะมัวแต่ทักทายกันจนงานไม่เดิน โต๊ะทำงานของปาลิดาอยู่ห่างจากโต๊ะทำงานของเขมกรเกือบห้าเมตร มีฉากกั้นอยู่ตรงโต๊ะ เพื่อความเป็นส่วนตัวในการทำงาน “ให้ลิดานั่งใกล้ประตูเลยเหรอคะ” หญิงสาวรู้สึกว่าเธอ จะต้องเวียนหัวกับการเข้าออกของคนที่มาหาเจ้านายคนใหม่ของเธอแน่ๆ “ปกติโต๊ะที่คุณนั่งคือโต๊ะทำงานของผม แ
8สร้างความไว้วางใจ ร้านอาหารใกล้ตึกของบริษัท เป็นร้านโปรดของ เขมกร เพราะอยู่ใกล้ อาหารรสชาติอร่อย เขาจึงชอบมากินที่นี่ถ้าไม่ได้ออกนอกพื้นที่ไปไหน “ร้านนี้เหรอคะที่พี่เขมชอบ” ปาลิดาแปลกใจ “ใช่ พี่ชอบอะไรที่ดูสบายๆ ง่ายๆ” “รวมถึงผู้หญิงด้วยไหมคะ ที่ว่าชอบง่ายๆ” เขมกรหันมาจ้องตา สาวสวยเลขาส่วนตัวคนใหม่ นอกจากหน้าตาที่ดูจะถูกใจแล้ว คารมที่ดูจะทันเขาแบบนี้ ยิ่งน่าเอาชนะนัก “ถ้าเป็นผู้หญิง พี่ก็ชอบแบบไม่ง่ายและก็ไม่อยากจนเกินไป ถ้ายิ่งหน้าตาดี หุ่นดี ดีกรีนักเรียนนอก แบบนี้ยิ่งถูกใจเลย” สายตาเจ้าชู้จับจ้องมาที่ใบหน้ารูปไข่ของปาลิดา ที่มองสบตาชายหนุ่มอย่างไม่ลดละเหมือนกัน “ถ้าอย่างนั้นลิดาก็ใช่เลย” หญิงสาวเสนอตัว “อย่าพูดเล่นกับพี่นะ เดี๋ยวพี่เดินหน้าจีบจริง แล้วจะมาเล่นตัวทีหลังไม่ได้นะแบบนี้” เขมกรถูกใจปาลิดาตั้งแต่แรกเห็นแล้ว แต่เขาไม่กล้าเดินหน้าจีบ เพราะกลัวจะโดนผู้เป็นพ่อเล่นงานเอา ถ้าเขาเกิดแค่เล่นๆกับหญิงสาวขึ้นมา ตอนนี้ชายหนุ่มเริ่มเปลี่ยนใจ เพราะอีกฝ่ายก็ดูจะทอดสะพานใ
9เสน่ห์ดึงใจ ระหว่างทางกลับบ้าน มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ สองคนจึงพากันแวะเพื่อพาปาลิดาเข้าร้านเครื่องเขียน “หนังน่าดูจังเลยค่ะพี่เขม” อยู่ดีๆหญิงสาวก็คิดแผนพัฒนาความใกล้ชิดขึ้นมาได้ เมื่อเธอเดินผ่านป้ายโฆษณาที่บอกตารางของหนังที่จะฉายในวันนี้ “อยากดูเหรอ เลือกเลยว่าอยากดูเรื่องอะไร” เขมกรเป็นคนชอบดูหนังอยู่แล้ว เพียงแต่ด้วยเวลางานที่กำลังต้องเรียนรู้อีกมาก เขาจึงไม่ค่อยมีเวลา “มีแต่รอบดึกทั้งนั้นเลย พี่เขมเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ลิดาเกรงใจ ไว้วันหลังดีกว่า” หญิงสาวหันมาคว้าแขนชายหนุ่มไปกอดอย่างสนิทสนม ลูบแขนขึ้นลงด้วยใบหน้าใสๆ แบบไม่คิดอะไร ถึงแม้ใบหน้าของเธอจะดูไม่คิดอะไรมากกว่าการ คว้าแขนพี่ชายมากอดไว้ แต่สำหรับชายหนุ่มที่ผ่านอะไรมามากมายอย่างเขมกร เขาจะไม่ยอมเสียโอกาส ที่จะได้เข้าโรงหนังในยามค่ำคืนแบบนี้กับปาลิดาแน่ๆ “เอาอย่างนี้ เดี๋ยวเรากินข้าวเย็นกันที่นี่เลย ระหว่างที่รอ ลิดาก็ไปเดินเล่นร้านเครื่องเขียน อีกแค่สองชั่วโมงเอง” เขมกรออกความคิดเห็น เพราะจริงๆมันก็เหลือเวลาอีกแค่สองชั่วโมง
10หว่านเสน่ห์ หลายวันผ่านไปกับการศึกษาเอกสารทางด้านการเงิน ปาลิดาพบแต่ความผิดปกติทางด้านการเงิน ที่เกิดจากลายเซ็นของพ่อเธอเท่านั้น จากที่คิดมุ่งมั่นว่าจะต้องสืบให้ได้ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับบริษัทระหว่างที่เธอเรียนอยู่ที่อเมริกา ปาลิดาเปลี่ยนเป็นเดินหน้าหาทางใช้หนี้ธรรมสรณ์ให้หมด เพื่อเอาบ้านและที่ดินของแม่คืนให้ได้ “หนูลิดา ตอนนี้น้าออกมาอยู่ข้างนอกแล้วนะ สงสารบ้านจัง พ่อของหนูคงยังอยู่ที่นั่น คงยังไปไหน เพราะท่านคงอยู่รอวันที่เราจะได้บ้านคืนมา” เสียงปลายสายที่พูดด้วยน้ำเสียงที่สุดแสนเศร้ากระตุ้นความแค้นในใจของปาลิดาให้ลุกเป็นไฟ “ลิดาสงสารคุณน้า แต่ยังคิดหาทางไม่ได้เลยค่ะ เงินตั้งมากมาย ไม่รู้จะไปหามาจากไหน” “น้ามีวิธีนะ แต่น้าไม่กล้าแนะนำหนู มันเป็นวิธีที่ไม่ดี น้ากลัวพูดไปหนูลิดาจะโกรธน้า” อัสมาทำน้ำเสียงแบบลังเล ว่าเธอจะให้คำแนะนำลูกลี้ยงดีไหม “คุณน้าบอกลิดามาเถอะค่ะ ถึงลิดาจะไม่ได้สนิทกับคุณน้ามาก แต่เราก็คือครอบครัวเดียวกัน เราทั้งคู่ต่างสูญเสีย” หญิงสาวคิดหาวิธีการมาหลายวัน ที่จะหาหนทา
11สาวแซ่บ ร้านอาหารทะเลที่เขมกรเลือก เป็นร้านอาหารบรรยากาศติดชายทะเลกรุงเทพ อยู่ห่างจากที่ทำงานอยู่ไกลพอควร แต่ถ้าเทียบกับบรรยากาศก็ถือว่าคุ้มที่ต้องเดินทางมาไกล และถูกใจปาลิดามาก “บรรยากาศดีมากเลยค่ะ” ปาลิดาพูดจากใจจริง “พี่ซะอย่าง มีเหรอจะเลือกไม่ถูกใจ” เขมกรทำท่ากอดอกภูมิใจ ในการเลือกร้านอาหารได้ถูกใจหญิงสาวตรงหน้า “สงสัยร้านนี้พี่เขม จะพาสาวๆมากินบ่อย” ปาลิดาลองหยอดถาม เพราะหญิงสาวไม่แน่ใจ ว่าชายหนุ่มตรงหน้ามีคนรักหรือยัง เกือบเดือนที่เธอมาทำงานกับเขา ปาลิดาเคยเห็นเขาออกไปคุยโทรศัพท์อยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยเห็นมีผู้หญิงมาหาที่ทำงาน “ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ พี่ก็พามาแต่เฉพาะคนสำคัญ” เขมกรมองตาคนถาม ด้วยสายตาที่น้ำตาลยังเรียกพี่ จนปาลิดาที่ตั้งใจว่าจะมาทำให้หัวใจชายหนุ่มหวั่นไหว แต่เธอกลับต้องยอมหลบตาเขาเพราะหวั่นไหวเสียเอง “อาหารอร่อยไหม” เขมกรหาเรื่องคุย เมื่อเห็นหน้าของปาลิดา เริ่มแดงเป็นลูกตำลึง เพราะอายเมื่อเจอสายตาหวานของเขาไป “อร่อยน้อยกว่าลิดานิดนึงค่ะ”