ตอนที่10
สูญเสีย
วันนี้ทั้งวันราเชนทำงานอย่างไม่มีความสุขเลย เพราะเขาติดต่อแพทไม่ได้ ไม่ว่าแชทหรือการโทรศัพท์ ติดต่อไปที่ฝ่ายบุคคลเขาก็แจ้งว่าหญิงสาวไม่ได้มาทำงาน
สิ่งแรกที่ทำหลังจากงานที่ทำเสร็จ คือการรีบกลับมาที่คอนโด
“แพทคุณอยู่ไหน แพท คุณได้ยินผมไหม”
ราเชนเหมือนคนเสียสติวิ่งไปทั่วห้องพยายามหาภรรยาของเขา ในมือเขาถือทะเบียนหย่าที่วันนี้เขากับนิศาได้ไปทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่คนที่ชายหนุ่มต้องการเอามาอวดกับไม่อยู่แล้ว
ข้าวของเครื่องใช้ที่สำคัญหายไป ราเชนมั่นใจว่าเขาได้เสียเธอไปแล้ว
ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างถูกขว้างปาทั่วห้องไปหมด ราเชนกำลังเสียสติ เขาคิดว่าแพทต้องกลับไปคืนดีกับคนรักเก่าแน่ๆ
เมื่อไม่มีทางออกเขาจึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปที่โรงงานเพื่อขอที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของดิว ราเชนตั้งใจจะไปบุกให้ถึงที่
“เปิด เปิดประตูเดี๋ยวนี้”
ราเชนบุกไปที่ห้องของดิวแล้วทุบประตูห้องเช่าขนาดเล็กด้วยความโมโห
“อะไรกัน คุณราเชน”
คนที่มาเปิดประตูคือทราย เพราะตัวดิวเองกำลังอาบน้ำอยู่
“แพทอยู่นี่ มันเอาแพทมาที่นี่ใช่ไหม”
ชายหนุ่มตะคอกใส่หน้าพนักงานของเขา ด้วยความลืมตัว ว่าไม่มีใครรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับแพท
“ไม่มี ใครจะไปเอามันมาอยู่ที่นี่ แล้วนี่มันอะไรกันคะ คุณถึงได้ต้องมาตามหากับแค่พนักงงานคนหนึ่ง”
ทรายถามด้วยน้ำเสียงเหมือนกำลังสอบสวนจับผิดผู้ร้ายอยู่
“อะไรกันทรายใครมา เสียงเคาะห้องดังลั่น ป่านนี้ข้างห้องด่าแล้วมั้ง”
ดิวในชุดนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินออกมาจากห้องน้ำ ตรงมาที่หน้าประตู
“มึงเอาแพทมาที่นี่ใช่ไหม”
ยังไม่ทันที่ดิวจะได้ตอบอะไร หมัดหนักของอีกฝ่ายก็ลอยมากระทบเข้ากับหน้าของเขาอย่างจัง
“นี่มันจะมากไปแล้วนะ ถึงคุณจะเป็นเจ้านาย แต่ก็ไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้ แล้วคนที่คุณตามหาก็ไม่ได้อยู่ที่นี่ ”
ทรายไม่กลัวอะไรแล้ว ในเมื่ออยู่ดีๆ สามีของเธอก็ต้องมาโดนทำร้ายแบบนี้
“ฉันถามคุณจริงๆ เถอะ แพทมันเป็นอะไรกับคุณ ถึงได้ทำตัวไร้สติมาเที่ยวตามหามันไปทั่ว ดิวเขาไม่กลับไปกินของเก่าหรอก”
การที่ถูกตะคอกกลับจากพนักงาน ทำให้ราเชนมีสติขึ้นมา ที่ตรงนี้ไม่ใช่ที่ ที่เขาควรจะต้องมาตามหาภรรยา
ไม่มีคำขอโทษ ไม่มีเสียงพูดจากปาก ชายหนุ่มเดินกลับลงมาที่รถ ด้วยความรู้สึกหมดหวังในชีวิต
ราเชนพยายามคิดทบทวนทุกอย่าง ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เขาทำอะไรผิด แพทถึงได้มาทิ้งเขาไปแบบนี้
วันนี้เขากับนิศาตกลงไปหย่ากัน โดยที่ไม่ให้ผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่ายรับรู้ เพราะทั้งคู่ได้ใช้เวลาในการเดินทางไปฮันนีมูนเพื่อทบทวนความสัมพันธ์ว่าควรไปต่อหรือพอแค่นี้
นิศาเองก็ยอมรับว่าเธอมีคนอื่น และไม่ใช่แค่เพียงคนเดียว การยอมรับของหญิงสาวทำให้ราเชนก็ยอมเล่าความจริงทั้งหมดให้ฟัง
การหย่าคือสิ่งที่ทั้งคู่เห็นด้วย นิศารับปากว่าเธอจะเป็นคนพูดกับพ่อของเธอให้เข้าใจเอง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเรื่องธุรกิจของครอบครัวราเชน เพราะเธอไม่มีความสุขที่ต้องฝืนอยู่แบบไม่ได้รักแบบนี้อีกแล้ว
ใบหย่าในมือมันคือสิ่งที่ชายหนุ่มคิดว่ามันมีค่าที่สุด เขาตั้งใจจะเอามันมาให้กับหญิงสาวเพื่อให้รู้ว่าเธอไม่ได้เป็นเมียน้อยอีกต่อไป แต่มันก็สายไป เธอไม่อยู่กับเขาอีกแล้ว
สิ่งเดียวที่ราเชนคิดถึงตอนนี้คือการดื่ม ดื่มเพื่อให้เมา ดื่มเพื่อให้หลับ ให้ผ่านคืนนี้ไปให้ได้
ชาติชายตั้งใจมารอลูกชายที่บ้าน เพราะพ่อของนิศาได้บอกเขาเรื่องที่ทั้งคู่หย่ากันแล้ว ความเป็นพ่อทำให้เขาอดเป็นห่วงลูกไม่ได้ และอยากได้ยินทุกเรื่องจากปากของลูกชายมากกว่าการฟังจากปากของคนอื่น
“ราเชนทำไมเมามาแบบนี้”
ชาติชายเดินมาประคองลูกชายที่เดินเซลงจากรถมา ด้วยความเป็นห่วง
“พ่อผมไม่เหลือใครแล้ว ไม่มีใครรักผมจริงเลยสักคน”
ชายหนุ่มคร่ำครวญ ร้องไห้โดยที่ไม่รู้ตัว เพราะทุกคำพูดทุกการกระทำตอนนี้มันออกมาจากหัวใจล้วนๆ
“แล้วลูกยอมหย่าทำไม ถ้ารักหนูนิศาเขา”
ชาติชายเข้าใจผิด คิดว่าที่ลูกชายเมาแบบนี้เพราะเสียใจที่ต้องหย่า
“ผมไม่ได้รักนิศา ผมรักแพทแต่เขาทิ้งผมไปแล้ว”
ชาติชายได้ยินชื่อ ชื่อที่เขาไม่เคยได้ยินมาก่อน แต่จะถามเอาความจากลูกชายตอนนี้คงไม่ได้เรื่องแน่ๆ จึงเลือกที่จะตะโกนเรียกคนรับใช้ในบ้าน ให้มาช่วยกันพาราเชนเข้าไปนอนในบ้าน
นับจากวันที่หญิงสาวหายไปจากชีวิตเขา ราเชนก็เอาแต่ดื่มเหล้าเมาทุกคืน งานการที่โรงงานก็ทำเหมือนคนไม่มีสติ
พนักงานต่างก็พากันนินทาลับหลัง เพราะทรายนำเหตุการณ์ในคืนนั้นมาเล่าให้คนอื่นฟัง ยิ่งพูดต่อกันไปเรื่อยๆ เรื่องจริงก็ถูกต่อเติมออกไปมากขึ้น
ข่าวลือหนาหูแบบนี้ไม่นานก็เข้าหูชาติชาย เขาจึงลงมือสืบเรื่องนี้อย่างจริงจัง จนรู้ว่าแพทคือใครและเป็นอะไรกับลูกชายของเขา
ชาติชายรู้เรื่องจริงบ้างและไม่จริงบ้าง เพราะบางคนที่เล่าให้เขาฟัง ต่างก็คิดเดากันไปคนละแบบ บางคนก็ว่าหญิงสาวคงหนีไปเพราะไม่อยากเป็นเมียน้อย บางคนก็ว่าเธอแค่ต้องการมาหลอกเอาเงินจากราชันเท่านั้น
ความเป็นผู้ใหญ่ของชาติชาย ทำให้เขายังไม่ได้ตัดสินใจที่จะรู้สึกอย่างไรกับเรื่องนี้ แต่สิ่งที่เขากำลังกังวล คือลูกชายของเขา เพราะถ้ายังเป็นแบบนี้ทุกวัน มีหวังไม่นานเขาคงต้องเสียลูกชายไป อาจจะเพราะอุบัติเหตุ หรือป่วย งานการก็คงไม่ได้เรื่อง ตัวชาติชายเองก็แก่มากแล้ว หวังจะพึ่งพาลูก แต่กลับต้องเป็นคนต้องมาดูแลโรงงานเองทั้งหมด แถมยังต้องมานั่งดูแลลูกชายเวลาเมากลับบ้านมาอีก
ตอนที่11ตามหาหัวใจ “ราเชน วันนี้ไม่ต้องเข้าโรงงาน มานั่งคุยกับพ่อให้รู้เรื่อง อย่าให้พ่อต้องกลายเป็นคนสุดท้ายที่รู้เรื่องของลูกชายตัวเองเลย” ชาติชายมานั่งรอราเชนอยู่ที่โต๊ะอาหารตั้งแต่เช้า เพราะเขาอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว วันนี้เขาต้องรู้ความจริงทั้งหมดให้ได้ “พ่อแน่ใจนะครับว่าพร้อมจะฟัง” ราเชนคิดมาตลอด ว่าบิดาของเขาไม่มีทางรับได้ที่เขาจะมีภรรยาเป็นแค่เพียงพนักงาน เขาจึงไม่คิดจะเล่าให้ฟัง “คงไม่มีอะไรทำให้พ่อทุกข์ใจ มากไปกว่าการที่พ่อต้องมาเห็นลูกเอาแต่เมาทุกวันแบบนี้” ชาติชายคิดอย่างที่พูดจริงๆ เพราะเขาทุกข์ใจมาหลายวันแล้วกับพฤติกรรมของลูกชาย วันนี้เขาจึงต้องการรู้เรื่องทั้งหมดเพื่อหาทางแก้ไข ก่อนที่ทุกอย่างจะแย่ไปกว่านี้ ราเชนเล่าทุกเรื่องตั้งแต่ปัญหาระหว่างเขากับนิศาจนถึงที่เขาไปเจอแพทกำลังโดนดิวตบตีและเขาพาเธอมาอยู่ที่คอนโดแล้วได้มีความสัมพันธ์กัน จนในที่สุดตอนนี้เธอหนีเขาไปแล้ว “ถ้าคนทั้งโรงงานเขาไม่พูดกัน พ่อคงไม่มีทางได้รู้เรื่องจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ชาติชายตัดพ้อลูกชายด้วยความรู้สึกน้อยใจ แ
ตอนที่12หัวใจที่หายไป “แพทคุณท้อง ทำไมคุณไม่บอกผม” เมื่อทั้งคู่เดินออกมาจากร้าน ราเชนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาถามสิ่งที่ทำให้เขาตกใจมากกว่าการที่ได้เจอแพทเสียอีก นั่นคือการที่เธอกำลังตั้งท้องอยู่ “ไว้เราไปคุยกันที่บ้านดีกว่าค่ะ” หญิงสาวใบหน้าไร้รอยยิ้ม เธอใช้เวลาหลายเดือนเพื่อที่จะทำใจให้ลืมชายหนุ่มให้ได้ แต่วันนี้เมื่อเธอได้เจอเขา ทุกอย่างที่พยายามมา มันช่วยอะไรไม่ได้เลย เธอยังรักเขาอยู่เต็มหัวใจ บ้านของแพทอยู่ชายเขา มีบ้านเพียงไม่กี่หลังที่อยูใกล้ เพราะหลายครอบครัวต่างก็อยากมีบ้านอยู่ติดถนนแต่พ่อของเธอไม่มีเงินพอที่จะซื้อที่ดินติดถนน จึงต้องหลบมาอยู่ชายเขาแบบนี้ “พ่อคะนี่คุณราชัน” แพทแนะนำให้พ่อของเธอรู้จักชายหนุ่มที่เธอพามาด้วยภาษาเหนือ พ่อของหญิงสาวรู้ความจริงทั้งหมด ตั้งแต่วันแรกที่ลูกสาวหิ้วท้องกลับมาบ้าน ถึงแม้จะแอบเสียใจ แต่เขาก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร เพราะเข้าใจดีว่าทุกวันนี้ ทุกคนในครอบครัวมีกินมีใช้เพราะใคร “พ่อรู้เรื่องคุณกับลูกสาวพ่อหมดแล้ว แพทไม่เคยปิดบังอะไรพ่อกับแม่ คุณกลับกรุงเทพไปเถอะ อย
1การเดินทาง “คุณพ่อจะให้ลิดาไปเรียนต่อที่อเมริกาจริงๆเหรอคะ” ปาลิดาเด็กสาววัยเพียงสิบเจ็ดปี เธอเพิ่งสูญเสียมารดา จากโรคเส้นเลือดในสมองแตกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว เมื่องานศพเสร็จสิ้น น้ำตายังไม่ทันแห้งไปจากหัวใจ พ่อของเธอก็เตรียมส่งเธอไปเรียนต่อต่างประเทศทันที “ลิดาลูกเห็นที่เราต้องสูญเสียแม่ไปไหม ทุกอย่างมันไม่ได้มีอะไรมาบอกล่วงหน้า ถ้าวันหนึ่ง พ่อต้องจากลูกไป มีแต่การศึกษาเท่านั้น ที่พ่อจะให้ลูกได้ นอกจากทรัพย์สมบัติ” นิรัชให้เหตุผลกับลูกสาว เขาอ้างความสูญเสียในครั้งนี้ เพราะเชื่อว่า ลูกสาวของเขาจะต้องยอมรับ และทำตามที่เขาต้องการ “แล้วคุณพ่อจะอยู่กับใครคะ ลิดาเป็นห่วงพ่อ” เด็กสาวเป็นห่วงผู้เป็นพ่อ เพราะเธอไม่เหลือใครแล้ว แล้วการไปครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เพียงไปเรียนต่างจังหวัด แต่มันคือต่างประเทศ “พ่อดูแลตัวเองได้ ถ้าลูกรักพ่อ ตั้งใจเรียนให้จบ กลับมาช่วยงานที่บริษัทของเรา พ่อจะได้นอนตายตาหลับเสียที” นิรัชเองมีบริษัท ที่กิจการยังเพิ่งเริ่มต้นได้กำไร เขาอยากใช้โอกาสนี้ ส่งลูกสาวไปเรียนในที่ดีๆ เพราะขึ้นชื่อว่าธุรกิจ
“ลิดาจะไม่ทำให้คุณพ่อผิดหวังค่ะ” หญิงสาวเริ่มยิ้มได้ “แม่เลี้ยงคนใหม่ของหนูเป็นอย่างไรบ้าง พ่อเล่าให้ฟังบ้างไหม” กานดาแอบเป็นกังวลว่าเมื่อหลานสาวเธอกลับไปเมืองไทย จะมีปัญหากับแม่เลี้ยงเหมือนในหนังไทยหรือเปล่า เพราะตั้งแต่นิรัชมีภรรยาใหม่ ปาลิดายังไม่มีโอกาสได้เจอกับอัสมาเลย “คุณน้าอัสมาเขาดูเป็นคนดีนะคะ คุณพ่อเล่าให้ฟัง ว่าเขาดูแลทุกอย่าง เรื่องเงินก็ไม่เคยใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แถมยังช่วยงานบริษัทของพ่อได้ด้วย” ปาลิดารู้จักอัสมา จากคำบอกเล่าของผู้เป็นพ่อ และมีเพียงไม่กี่ครั้งที่เธอมีโอกาสได้วิดีโอคลอกับผู้เป็นแม่เลี้ยง แต่หญิงสาวก็เชื่อและรู้สึกตามที่พ่อบอกเล่าให้ฟัง “ดีแล้ว แบบนี้น้าก็เบาใจ ถ้าเขารักคุณพ่อของหนู หนูก็ต้องรักเขานะลิดา อย่าให้ต้องเป็นปัญหาลูกเลี้ยงแม่เลี้ยง คุณพ่อของหนูจะหนักใจเปล่าๆ” กานดาสอนหลานสาว ก่อนที่อีกสองปี ปาลิดาจะได้กลับไปอยู่เมืองไทย เพราะเธอคิดว่ากันไว้ดีกว่าแก้เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า แต่ปาลิดาก็อดทนจนเธอสำเร็จการศึกษา และอีกไม่กี่วันเธอจะได้รับปริญญา “คุณพ่อของหนูจะเดินทางมาวันไหน”
อัสมาเธอเป็นคนปากหวาน พูดเป็น มาแต่ไหนแต่ไร ด้วยอาชีพนักร้องที่เธอเคยทำ สร้างความสามารพิเศษของเธอในเรื่องการเอาใจคนให้เก่งเป็นพิเศษอยู่แล้วกานดาพาแขกผู้มาใหม่เดินทางกลับที่พัก ระหว่างทางเธอแอบมองอัสมาอยู่หลายครั้งไม่รู้ทำไมเหมือนกัน กานดาถึงได้รู้สึกไม่ไว้วางใจ ในตัวแม่เลี้ยงของหลานสาว ทั้งที่อัสมาก็ดูไม่มีอะไรคืนนี้สามคนพ่อ ลูกและอัสมา นั่งพูดคุยกันเกือบทั้งคืน โดยมีกานดา คอยมองอยู่ห่าง เพื่อสังเกตแม่เลี้ยงคนใหม่ของหลานสาวหลายปีที่ปาลิดามาอยู่กับเธอที่นี่ เมื่อหลานจะกลับไป เธอก็อดเป็นห่วงไม่ได้ กานดาจึงอยากแน่ใจ ว่าอัสมาเป็นคนดี ไม่ใช่แค่เพียงเสแสร้งแสดงออกมางานรับปริญญาผ่านไปอย่างมีความสุข ทุกคนต่างยินดีกับความสำเร็จของปาลิดา โดยเฉพาะนิรัส เขาดีใจ ที่ลูกสาวโตขึ้นและมีความสามารถ มีความรู้ติดตัวการกลับเมืองไทยครั้งนี้ ปาลิดายังไม่ได้กลับพร้อมกับบิดา เพราะติดขัดเรื่องต้องรอเอกสารเรื่องเรียนอีกนิดหน่อย และเธอตั้งใจจะกลับเมืองไทยพร้อมกับกานดาน้าสาว ที่สามารถลาพักร้อนได้ยาวหลายสัปดาห์“แล้วเจอกันที่เมืองไทยนะลูก” นิรัสหอมแก้มลูกสาว“กานดา พี่ฝากลิดาด้วยนะ ยังไงก็อย่าทิ้งหลาน เราก็เหล
3ปมแค้น “เกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อ คุณน้าบอกลิดามาสิคะ” ปาลิดาโวยวายด้วยคำถามที่เธอต้องการคำตอบเดี๋ยวนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกับบิดาของเธอ “คุณนิรัชประสบอุบัติเหตุรถชนคอสะพาน เสียชีวิตคาที่ค่ะ” อัสมาทำท่าจะร้องไห้ เมื่อต้องเล่าเรื่องราว ที่เธอสุดจะเสียใจอีกครั้ง “คุณพ่อไม่ใช่คนขับรถประมาท ไม่มีทาง ต้องมีอะไรแน่ๆ ลิดาไม่เชื่อเด็ดขาด” ตั้งแต่เด็กจนโต หญิงสาวรู้ว่าพ่อของเธอ มีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ในการขับรถยนต์ ปฏิบัติตากฎอย่างเคร่งครัด ไม่มีทางที่พ่อจะมาตายแบบไม่มีใครมาชนแบบนี้ เธอส่ายหัวอย่างไม่เชื่อ “คุณนิรัชดื่มสุราจนเมาค่ะ” อัสมาอธิบายต่อ “ปกติคุณพี่ไม่ดื่มนะคะ” คราวนี้กานดาสงสัยบ้าง “ใช่ค่ะ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาฉันเองก็ยังไม่เคยเห็นคุณนิรัชดื่ม เวลาไปเที่ยวร้านอาหาร ยังดื่มแค่เพียงน้ำอัดลมเท่านั้น แต่ตำรวจส่งชันสูตรเบื้องต้นแล้ว พบว่ามีการดื่มสุราค่ะ” ผลการสืบสวนของตำรวจ ลงความเห็นว่านิรัชเมาจนขับรถชนกับคอสะพาน เสียชีวิตคาที่ เพราะคอหัก ซึ่งทั้งหมดมันคือความจริง สิ่งที่ยังค้างคาใ
4ความแค้นที่เริ่มต้น กานดาตัดสินใจ เดินทางไปหาทนายของนิรัช ถึงแม้เขาอาจไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลทุกอย่างกับเธอ แต่ก็คงได้รู้อะไรเพิ่มมากขึ้น และข้อมูลก็คงน่าเชื่อถือกว่าการฟังจากอัสมา “คุณทนายคะ เรื่องจดทะเบียนสมรสเรื่องจริงใช่ไหม” กานดาเข้าเรื่องทันที เมื่อนั่งลงบนโซฟาที่ห้องรับแขกของทนายดนัย “ใช่ครับ เพิ่งไม่นานมานี้เอง” ทนายยืนยัน “แล้วแบบนี้ ลิดาจะต้องแบ่งครึ่งทุกอย่างให้เธอใช่ไหม” กานดาหมายถึงอัสมาผู้เป็นแม่เลี้ยง “ใช่ครับ เฉพาะทุกอย่างที่เป็นของคุณนิรัชเท่านั้นนะครับ ส่วนมรดกที่คุณแม่คุณลิดาได้มาจากบิดามารดาของท่านไม่เกี่ยว” ทนายอธิบายเพิ่มเติม “อันนั้นฉันเข้าใจ แต่สมบัติของพี่นิรัชไม่ใช่น้อยๆ” กานดากังวล “แต่ที่เหลือก็ไม่มากนะครับ คุณท่านมีหนี้สินที่ต้องชำระอยู่หลายอย่าง เราต้องจัดการเรื่องนี้ก่อน ถึงจะแบ่งทรัพย์สินที่เหลือได้” ทนายความแสดงสีหน้าทำท่าไม่สบายใจ ที่จะต้องอธิบายรายละเอียดอะไรมากไปกว่านี้ เพราะยังไม่ถึงเวลาเปิดพินัยกรรม “อีกนานไหมคะ กว่าจะถึงวันเปิดพินัยกรรม” กา
5ก้าวแรกในบ้านหลังใหม่ เมื่อตัดสินใจแล้วหญิงสาวก็เก็บข้าวของที่จำเป็น เดินทางมายังบ้านของธรรมสรณ์ โดยที่คืนนี้ เธอยังจะมีกานดาน้าสาวที่เหลือเพียงคนเดียวของเธอมานอนด้วย ก่อนที่พรุ่งนี้เย็น น้าสาวจะเดินทางกลับอเมริกา “ยินดีต้อนรับนะหลานสาว” ธรรมสรณ์ยืนกอดอกคอยปาลิดาอยู่ที่หน้าประตูบ้าน “และนี่เขมกร ลูกชายคนเดียวของลุง” ปาลิดายกมือไหว้ ชายหนุ่มที่หน้าตาดีกว่าคนเป็นพ่ออยู่มาก “เขมนี่คุณน้ากานดา” ชายหนุ่มยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม แสดงถึงการที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี “มากันแล้วเหรอจ๊ะ” ภาวินีหญิงเดียวของบ้านนี้ ส่งเสียงทักทายมาก่อนตัว เพราะเธอมัวแต่จัดแจงเรื่องห้องพักของปาลิดา “สวัสดีค่ะพี่ภาวินี” กานดาคุ้นเคยกับภาวินีเป็นอย่างดี เพราะเธอคือเพื่อนสนิทของพี่สาวของเธอ และเป็นยังเป็นแม่สื่อแม่ชักให้พี่สาวของเธอกับนิรัช จนทั้งคู่ได้แต่งงานกัน “เขมพาน้องขึ้นไปที่ห้องหน่อย ช่วยยกกระเป๋าให้น้องกับน้ากานดาด้วย” ธรรมสรณ์หันไปสั่งลูกชาย เพื่อต้องการคุยกันสามคนแบบผู้ใหญ่ ไม่อยากให้เด็กๆอ