ตอนที่12
หัวใจที่หายไป
“แพทคุณท้อง ทำไมคุณไม่บอกผม”
เมื่อทั้งคู่เดินออกมาจากร้าน ราเชนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาถามสิ่งที่ทำให้เขาตกใจมากกว่าการที่ได้เจอแพทเสียอีก นั่นคือการที่เธอกำลังตั้งท้องอยู่
“ไว้เราไปคุยกันที่บ้านดีกว่าค่ะ”
หญิงสาวใบหน้าไร้รอยยิ้ม เธอใช้เวลาหลายเดือนเพื่อที่จะทำใจให้ลืมชายหนุ่มให้ได้ แต่วันนี้เมื่อเธอได้เจอเขา ทุกอย่างที่พยายามมา มันช่วยอะไรไม่ได้เลย เธอยังรักเขาอยู่เต็มหัวใจ
บ้านของแพทอยู่ชายเขา มีบ้านเพียงไม่กี่หลังที่อยูใกล้ เพราะหลายครอบครัวต่างก็อยากมีบ้านอยู่ติดถนนแต่พ่อของเธอไม่มีเงินพอที่จะซื้อที่ดินติดถนน จึงต้องหลบมาอยู่ชายเขาแบบนี้
“พ่อคะนี่คุณราชัน”
แพทแนะนำให้พ่อของเธอรู้จักชายหนุ่มที่เธอพามาด้วยภาษาเหนือ
พ่อของหญิงสาวรู้ความจริงทั้งหมด ตั้งแต่วันแรกที่ลูกสาวหิ้วท้องกลับมาบ้าน ถึงแม้จะแอบเสียใจ แต่เขาก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร เพราะเข้าใจดีว่าทุกวันนี้ ทุกคนในครอบครัวมีกินมีใช้เพราะใคร
“พ่อรู้เรื่องคุณกับลูกสาวพ่อหมดแล้ว แพทไม่เคยปิดบังอะไรพ่อกับแม่ คุณกลับกรุงเทพไปเถอะ อย่าให้แพทมันต้องกลับไปเป็นเมียน้อยใครเลย”
ซอมพอไม่เสียเวลาทักทาย เขาพูดตรงๆ เพราะเขาคงทนไม่ได้ถ้าลูกสาวคนเดียวของเขาต้องไปทนกินน้ำใต้ศอกใคร
“มันคืออะไร พ่ออ่านไม่ออกหรอก”
ชายหนุ่มยื่นกระดาษที่แสนสำคัญให้กับพ่อของหญิงสาว แต่ซอมพออ่านหนังสือไม่ได้จึงส่งให้ลูกสาวอ่านแทน
เมื่อแพทเห็นเอกสารที่เขารับมาจากมือบิดา เธอก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
“ร้องไห้ทำไมลูก มันเขียนว่าอะไร”
ซอมพอเป็นห่วงลูกสาวที่อยู่ดีๆก็ร้องไห้ เมื่อเห็นกระดาษใบนั้น
“คุณราชันเขาหย่ากับภรรยาแล้ว ใบนี้เป็นใบหย่าจ๊ะพ่อ”
หญิงสาวอธิบายให้พ่อฟัง น้ำตาของเธอมันไหลออกมาด้วยหลายความรู้สึก ทั้งดีใจที่เธอจะไม่ต้องเป็นเมียน้อยใคร และเสียใจที่เธอทำร้ายนิศาทั้งที่เขาไม่เคยทำร้ายอะไรเธอ
“ทำไมคุณถึงเลิกกับเมีย กลับไปดีกันเถอะ หลานคนเดียวพ่อเลี้ยงได้”
ซอมพอไม่เห็นด้วย ถ้าราชันจะเลิกกับภรรยาเพียงเพราะต้องการมารับผิดชอบเด็กในท้อง
“อดีตภรรยาขอผมเขาต้องการแบบนี้ เราไม่ได้รักกันตั้งแต่แรก พ่อของเราทั้งคู่อยากให้เราแต่งงานกัน เพียงเพื่อผลประโยชน์ของท่าน ตอนนี้เธอก็มีคนรักใหม่แล้ว ให้โอกาสผมนะครับ”
ราเชนลุกออกจากเก้าอี้และก้มกราบลงไปที่เท้าของ ซอมพอ เพื่อเป็นการขอโทษที่เขาเคยทำให้แพทต้องกลายเป็นเมียน้อย และเพื่อต้องการขอโอกาสได้กลับมามาเป็นสามีภรรยากันอีกครั้ง
ทั้งแพทและบิดาต่างตกใจ ที่ชายหนุ่มลงทุนทำถึงเพียงนี้ แม่ของหญิงสาวที่ยืนแอบฟังอยู่จึงเดินออกมา เพราะอยากจะมาช่วยราเชนพูด
“กลับไปเถอะลูก เด็กในท้องเขามีพ่อ แพทอย่าทำให้พ่อกับลูกเขาไม่ได้อยู่ด้วยกันเลย พ่อกับแม่อยู่ทางนี้ได้ไม่ต้องห่วง คิดถึงก็กลับหามาบ่อยๆเอา”
เมื่อมองหน้าพ่อกับแม่หญิงสาวจึงตัดสินใจที่จะกลับกรุงเทพกับราเชน แต่ขอให้คืนนี้เขาค้างที่บ้านของเธอก่อน และหลังจากคลอดลูกแล้ว ราเชนสัญญาว่าจะมาทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามประเพณีของที่นี่
วันนี้ชาติชายไม่เข้าโรงงานเพราะเขาต้องการอยู่รอเจอหน้าลูกสะใภ้คนใหม่
“สวัสดีค่ะคุณท่าน”
แพทเรียกพ่อสามีเหมือนที่เธอเคยเรียกตั้งแต่เมื่อครั้งที่เป็นพนักงาน
“เธอท้องเหรอ”
ชาติชายมองท้องกลมที่โตพอที่จะทำให้รู้ว่า อายุครรภ์น่าจะหลายเดือนแล้ว
“ครับพ่อ แพทท้องได้หลายเดือนแล้ว”
ราเชนตอบแทนภรรยาด้วยความดีใจ เพราะเขาเองอยากมีลูกมานานแต่นิศาไม่ต้องการมีลูกกับเขา
“นี่อยู่ดีๆ พ่อก็ได้ลูกสะใภ้ และได้หลานในเวลาเดียวกันเลย แบบนี้คงต้องฉลอง”
ชาติชายเขารอวันที่จะได้มีหลานมานาน ถึงแม้เขาจะไม่ได้ยินดีที่ลูกชายคนเดียวคว้าสาวโรงงานมาเป็นสะใภ้ แต่เขาได้เห็นแล้วว่าการที่ลูกชายของเขาไม่มีความสุขมันเป็นอย่างไร เขาจึงตัดสินใจที่จะรักผู้หญิงที่ลูกชายเลือก และที่สำคัญเธอเป็นแม่ของหลานเขา
ราเชนพาหญิงสาวไปเปิดตัวที่โรงงานเพื่อยืนยันว่า ที่ทุกคนกำลังนินทาเป็นเรื่องจริง ตอนนี้ทั้งคู่จดทะเบียนสมรสกันอย่างถูกต้อง จึงไม่มีอะไรจำเป็นต้องปิดบังอีกแล้ว
“แพทขอไปหาเพื่อนๆพี่ๆที่แผนกนะคะ”
หญิงสาวคิดถึงทุกคนที่เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมา เธอจึงตั้งใจจะไปหาทุกคน
พี่ๆและเพื่อนๆทุกคนต่างก็ดีใจ ที่แพทหลุดพ้นจากผู้ชายอย่างดิว และได้ดีเป็นถึงเมียลูกชายเจ้าของโรงงาน
หัวหน้าเป็นตัวแทนของเพื่อนๆทุกคน เล่าเรืองที่ดิวกับทรายเลิกกัน และตอนนี้ดิวก็มีผู้หญิงคนใหม่ เหตุผลที่ทุกคนต่างก็รู้ คือดิวต้องการความแปลใหม่ในเรื่องบนเตียงอยู่เรื่อยๆ และเขาก็ไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง
“เราทุกคนมีโอกาสที่จะปล่อยหัวใจให้อยู่ใต้ราคะได้ทุกคน แพทก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่เราต้องใช้สมองดึงความถูกผิดให้กลับมาในหัวใจ ทำผิดแล้วก็ควรยอมรับและแก้ไข ไม่ใช่ทำชั่วโดยไม่คิดถึงหัวใจใคร”
หญิงสาวโผกอดหัวหน้า ที่เป็นเหมือนพี่สาวที่คอยช่วยเหลือเธอทุกเรื่อง คำพูดของแพททำให้ทุกคนรู้ ว่าเธอรู้สึกผิดจึงได้เดินออกไปจากชีวิตราเชนและกลับมาในฐานะที่ถูกต้อง โดยที่เธอไม่ได้แย่งใคร แต่ทั้งคู่ต่างต้องการที่จะเลิกรากันเอง
หลังจากนี้เพียงไม่กี่เดือน หลานชายคนโตของชาติชายก็ลืมตาออกมาดูโลก คนเป็นปู่ยอมวางมือจากงานทุกอย่าง และตั้งหน้าตั้งตาเลี้ยงหลานอย่างเดียว ปล่อยเรื่องงานให้เป็นหน้าที่ขอราเชน
เมื่อถึงเวลาที่ทุกอย่างลงตัว ชาติชายก็เดินทางไปเชียงรายเพื่อไปสู่ขอและทำพิธีตามประเพณีของที่นั่นให้ถูกต้องเพื่อเป็นการให้เกียรติลูกสะใภ้และครอบครัวของเธอ
ความรักที่ดี มันต้องถูกที่ถูกเวลา แต่ถ้าไม่ใช่ เส้นทางรักก็จะเจ็บปวดระหว่างทาง แต่สุดท้ายถ้าหัวใจมีความจริงใจและมีรักที่มันคง ก็จะสามารถเอาชนะทุกอย่างได้
จบบริบูรณ์
เทพพิสุทธิ์
1การเดินทาง “คุณพ่อจะให้ลิดาไปเรียนต่อที่อเมริกาจริงๆเหรอคะ” ปาลิดาเด็กสาววัยเพียงสิบเจ็ดปี เธอเพิ่งสูญเสียมารดา จากโรคเส้นเลือดในสมองแตกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว เมื่องานศพเสร็จสิ้น น้ำตายังไม่ทันแห้งไปจากหัวใจ พ่อของเธอก็เตรียมส่งเธอไปเรียนต่อต่างประเทศทันที “ลิดาลูกเห็นที่เราต้องสูญเสียแม่ไปไหม ทุกอย่างมันไม่ได้มีอะไรมาบอกล่วงหน้า ถ้าวันหนึ่ง พ่อต้องจากลูกไป มีแต่การศึกษาเท่านั้น ที่พ่อจะให้ลูกได้ นอกจากทรัพย์สมบัติ” นิรัชให้เหตุผลกับลูกสาว เขาอ้างความสูญเสียในครั้งนี้ เพราะเชื่อว่า ลูกสาวของเขาจะต้องยอมรับ และทำตามที่เขาต้องการ “แล้วคุณพ่อจะอยู่กับใครคะ ลิดาเป็นห่วงพ่อ” เด็กสาวเป็นห่วงผู้เป็นพ่อ เพราะเธอไม่เหลือใครแล้ว แล้วการไปครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เพียงไปเรียนต่างจังหวัด แต่มันคือต่างประเทศ “พ่อดูแลตัวเองได้ ถ้าลูกรักพ่อ ตั้งใจเรียนให้จบ กลับมาช่วยงานที่บริษัทของเรา พ่อจะได้นอนตายตาหลับเสียที” นิรัชเองมีบริษัท ที่กิจการยังเพิ่งเริ่มต้นได้กำไร เขาอยากใช้โอกาสนี้ ส่งลูกสาวไปเรียนในที่ดีๆ เพราะขึ้นชื่อว่าธุรกิจ
“ลิดาจะไม่ทำให้คุณพ่อผิดหวังค่ะ” หญิงสาวเริ่มยิ้มได้ “แม่เลี้ยงคนใหม่ของหนูเป็นอย่างไรบ้าง พ่อเล่าให้ฟังบ้างไหม” กานดาแอบเป็นกังวลว่าเมื่อหลานสาวเธอกลับไปเมืองไทย จะมีปัญหากับแม่เลี้ยงเหมือนในหนังไทยหรือเปล่า เพราะตั้งแต่นิรัชมีภรรยาใหม่ ปาลิดายังไม่มีโอกาสได้เจอกับอัสมาเลย “คุณน้าอัสมาเขาดูเป็นคนดีนะคะ คุณพ่อเล่าให้ฟัง ว่าเขาดูแลทุกอย่าง เรื่องเงินก็ไม่เคยใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แถมยังช่วยงานบริษัทของพ่อได้ด้วย” ปาลิดารู้จักอัสมา จากคำบอกเล่าของผู้เป็นพ่อ และมีเพียงไม่กี่ครั้งที่เธอมีโอกาสได้วิดีโอคลอกับผู้เป็นแม่เลี้ยง แต่หญิงสาวก็เชื่อและรู้สึกตามที่พ่อบอกเล่าให้ฟัง “ดีแล้ว แบบนี้น้าก็เบาใจ ถ้าเขารักคุณพ่อของหนู หนูก็ต้องรักเขานะลิดา อย่าให้ต้องเป็นปัญหาลูกเลี้ยงแม่เลี้ยง คุณพ่อของหนูจะหนักใจเปล่าๆ” กานดาสอนหลานสาว ก่อนที่อีกสองปี ปาลิดาจะได้กลับไปอยู่เมืองไทย เพราะเธอคิดว่ากันไว้ดีกว่าแก้เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า แต่ปาลิดาก็อดทนจนเธอสำเร็จการศึกษา และอีกไม่กี่วันเธอจะได้รับปริญญา “คุณพ่อของหนูจะเดินทางมาวันไหน”
อัสมาเธอเป็นคนปากหวาน พูดเป็น มาแต่ไหนแต่ไร ด้วยอาชีพนักร้องที่เธอเคยทำ สร้างความสามารพิเศษของเธอในเรื่องการเอาใจคนให้เก่งเป็นพิเศษอยู่แล้วกานดาพาแขกผู้มาใหม่เดินทางกลับที่พัก ระหว่างทางเธอแอบมองอัสมาอยู่หลายครั้งไม่รู้ทำไมเหมือนกัน กานดาถึงได้รู้สึกไม่ไว้วางใจ ในตัวแม่เลี้ยงของหลานสาว ทั้งที่อัสมาก็ดูไม่มีอะไรคืนนี้สามคนพ่อ ลูกและอัสมา นั่งพูดคุยกันเกือบทั้งคืน โดยมีกานดา คอยมองอยู่ห่าง เพื่อสังเกตแม่เลี้ยงคนใหม่ของหลานสาวหลายปีที่ปาลิดามาอยู่กับเธอที่นี่ เมื่อหลานจะกลับไป เธอก็อดเป็นห่วงไม่ได้ กานดาจึงอยากแน่ใจ ว่าอัสมาเป็นคนดี ไม่ใช่แค่เพียงเสแสร้งแสดงออกมางานรับปริญญาผ่านไปอย่างมีความสุข ทุกคนต่างยินดีกับความสำเร็จของปาลิดา โดยเฉพาะนิรัส เขาดีใจ ที่ลูกสาวโตขึ้นและมีความสามารถ มีความรู้ติดตัวการกลับเมืองไทยครั้งนี้ ปาลิดายังไม่ได้กลับพร้อมกับบิดา เพราะติดขัดเรื่องต้องรอเอกสารเรื่องเรียนอีกนิดหน่อย และเธอตั้งใจจะกลับเมืองไทยพร้อมกับกานดาน้าสาว ที่สามารถลาพักร้อนได้ยาวหลายสัปดาห์“แล้วเจอกันที่เมืองไทยนะลูก” นิรัสหอมแก้มลูกสาว“กานดา พี่ฝากลิดาด้วยนะ ยังไงก็อย่าทิ้งหลาน เราก็เหล
3ปมแค้น “เกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อ คุณน้าบอกลิดามาสิคะ” ปาลิดาโวยวายด้วยคำถามที่เธอต้องการคำตอบเดี๋ยวนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกับบิดาของเธอ “คุณนิรัชประสบอุบัติเหตุรถชนคอสะพาน เสียชีวิตคาที่ค่ะ” อัสมาทำท่าจะร้องไห้ เมื่อต้องเล่าเรื่องราว ที่เธอสุดจะเสียใจอีกครั้ง “คุณพ่อไม่ใช่คนขับรถประมาท ไม่มีทาง ต้องมีอะไรแน่ๆ ลิดาไม่เชื่อเด็ดขาด” ตั้งแต่เด็กจนโต หญิงสาวรู้ว่าพ่อของเธอ มีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ในการขับรถยนต์ ปฏิบัติตากฎอย่างเคร่งครัด ไม่มีทางที่พ่อจะมาตายแบบไม่มีใครมาชนแบบนี้ เธอส่ายหัวอย่างไม่เชื่อ “คุณนิรัชดื่มสุราจนเมาค่ะ” อัสมาอธิบายต่อ “ปกติคุณพี่ไม่ดื่มนะคะ” คราวนี้กานดาสงสัยบ้าง “ใช่ค่ะ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาฉันเองก็ยังไม่เคยเห็นคุณนิรัชดื่ม เวลาไปเที่ยวร้านอาหาร ยังดื่มแค่เพียงน้ำอัดลมเท่านั้น แต่ตำรวจส่งชันสูตรเบื้องต้นแล้ว พบว่ามีการดื่มสุราค่ะ” ผลการสืบสวนของตำรวจ ลงความเห็นว่านิรัชเมาจนขับรถชนกับคอสะพาน เสียชีวิตคาที่ เพราะคอหัก ซึ่งทั้งหมดมันคือความจริง สิ่งที่ยังค้างคาใ
4ความแค้นที่เริ่มต้น กานดาตัดสินใจ เดินทางไปหาทนายของนิรัช ถึงแม้เขาอาจไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลทุกอย่างกับเธอ แต่ก็คงได้รู้อะไรเพิ่มมากขึ้น และข้อมูลก็คงน่าเชื่อถือกว่าการฟังจากอัสมา “คุณทนายคะ เรื่องจดทะเบียนสมรสเรื่องจริงใช่ไหม” กานดาเข้าเรื่องทันที เมื่อนั่งลงบนโซฟาที่ห้องรับแขกของทนายดนัย “ใช่ครับ เพิ่งไม่นานมานี้เอง” ทนายยืนยัน “แล้วแบบนี้ ลิดาจะต้องแบ่งครึ่งทุกอย่างให้เธอใช่ไหม” กานดาหมายถึงอัสมาผู้เป็นแม่เลี้ยง “ใช่ครับ เฉพาะทุกอย่างที่เป็นของคุณนิรัชเท่านั้นนะครับ ส่วนมรดกที่คุณแม่คุณลิดาได้มาจากบิดามารดาของท่านไม่เกี่ยว” ทนายอธิบายเพิ่มเติม “อันนั้นฉันเข้าใจ แต่สมบัติของพี่นิรัชไม่ใช่น้อยๆ” กานดากังวล “แต่ที่เหลือก็ไม่มากนะครับ คุณท่านมีหนี้สินที่ต้องชำระอยู่หลายอย่าง เราต้องจัดการเรื่องนี้ก่อน ถึงจะแบ่งทรัพย์สินที่เหลือได้” ทนายความแสดงสีหน้าทำท่าไม่สบายใจ ที่จะต้องอธิบายรายละเอียดอะไรมากไปกว่านี้ เพราะยังไม่ถึงเวลาเปิดพินัยกรรม “อีกนานไหมคะ กว่าจะถึงวันเปิดพินัยกรรม” กา
5ก้าวแรกในบ้านหลังใหม่ เมื่อตัดสินใจแล้วหญิงสาวก็เก็บข้าวของที่จำเป็น เดินทางมายังบ้านของธรรมสรณ์ โดยที่คืนนี้ เธอยังจะมีกานดาน้าสาวที่เหลือเพียงคนเดียวของเธอมานอนด้วย ก่อนที่พรุ่งนี้เย็น น้าสาวจะเดินทางกลับอเมริกา “ยินดีต้อนรับนะหลานสาว” ธรรมสรณ์ยืนกอดอกคอยปาลิดาอยู่ที่หน้าประตูบ้าน “และนี่เขมกร ลูกชายคนเดียวของลุง” ปาลิดายกมือไหว้ ชายหนุ่มที่หน้าตาดีกว่าคนเป็นพ่ออยู่มาก “เขมนี่คุณน้ากานดา” ชายหนุ่มยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม แสดงถึงการที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี “มากันแล้วเหรอจ๊ะ” ภาวินีหญิงเดียวของบ้านนี้ ส่งเสียงทักทายมาก่อนตัว เพราะเธอมัวแต่จัดแจงเรื่องห้องพักของปาลิดา “สวัสดีค่ะพี่ภาวินี” กานดาคุ้นเคยกับภาวินีเป็นอย่างดี เพราะเธอคือเพื่อนสนิทของพี่สาวของเธอ และเป็นยังเป็นแม่สื่อแม่ชักให้พี่สาวของเธอกับนิรัช จนทั้งคู่ได้แต่งงานกัน “เขมพาน้องขึ้นไปที่ห้องหน่อย ช่วยยกกระเป๋าให้น้องกับน้ากานดาด้วย” ธรรมสรณ์หันไปสั่งลูกชาย เพื่อต้องการคุยกันสามคนแบบผู้ใหญ่ ไม่อยากให้เด็กๆอ
6มองหาเป้าหมาย “เดี๋ยวเราแวะกินอาหาร ที่ร้านอาหารใกล้สนามบินกันนะ มีร้านอร่อยๆอยู่” ธรรมสรณ์พยายามจะทำความสนิทสนมให้เกิดขึ้น ระหว่างครอบครัวของเขากับปาลิดา “สวัสดีค่ะเขม ไม่คิดว่าจะมาเจอคุณที่ร้านนี้เลย” นางแบบหุ่นสวย ส่งเสียงทักทายมาก่อนที่มือบางจะจับแขนของชายหนุ่มตรงหน้ามากอดอย่างคุ้นเคย “สวัสดีค่ะคุณพ่อ คุณแม่” หญิงสาวละมือจากแขนของเขมกร มายกมือไหว้ผู้ใหญ่สองคน “สวัสดีจ้าหนูรสริน” ภาวินีส่งยิ้มทักทาย “แล้วนี่ใครคะ ไม่เห็นเขมแนะนำให้รินรู้จักเลย เอ่...หรือว่าแม่บ้านคนใหม่” “ถ้าหมายถึงฉัน คงไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอกค่ะ แต่ที่พี่เขมไม่แนะนำ อาจเป็นเพราะคุณไม่จำเป็นต้องรู้จักทุกคนในครอบครัวของพี่เขาก็ได้นะคะ” รู้จักปาลิดาน้อยไปแล้ว ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน อยู่ดีๆ ก็มาใช้คำพูดที่ดูแคลนกันแบบนี้ มีเหรอนักเรียนนอกอย่างเธอจะยืนนิ่งๆให้ดูถูก เมื่อเจอตอกกลับแบบนี้ รสรินนางแบบสาวที่พยายามทำตัวเป็นผู้ดี ก็แทบจะเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ แต่ด้วยตัวเธอยังไม่รู้ว่าหญิงสาวที่ต่อปากต่อคำกับเธอเป็นใคร เธอจึงเลื
7เริ่มสืบ “ทุกคนครับ ผมขอแนะนำเลขาส่วนตัวของผมคนใหม่ เธอชื่อปาลิดา เป็นลูกสาวของคุณอานิรัช เจ้าของที่นี่ครับ” เขาแนะนำเธอด้วยคำพูดที่ดูยกย่อง ถึงแม้ตอนนี้เธอจะถือหุ้นแค่ไม่ถึงครึ่ง แต่เขาพูดเสียเหมือนเธอถือหุ้นทั้งบริษัท “เรียกลิดาเฉยๆก็ได้ ฝากเนื้อฝากตัวกับทุกคนด้วยนะคะ” หญิงสาวอยากเป็นมิตรและสนิทกับทุกคน เพราะพนักงานที่นี่ ต้องรู้แน่ๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับบริษัท อะไรคือสาเหตุที่ทำให้พ่อของเธอต้องดื่มเมามาย จนเกิดอุบัติเหตุ “พวกเราสิคะ ต้องฝากเนื้อฝากตัวกับคุณลิดา” หนึ่งในพนักงานสาว ส่งเสียงเอาใจดังออกมาจากลุ่มของพนักงานที่ยืนอยู่เกือบยี่สิบคน “แยกย้ายกันทำงานได้แล้วเนาะ ” เขมกรตัดบทเพราะกลัวจะมัวแต่ทักทายกันจนงานไม่เดิน โต๊ะทำงานของปาลิดาอยู่ห่างจากโต๊ะทำงานของเขมกรเกือบห้าเมตร มีฉากกั้นอยู่ตรงโต๊ะ เพื่อความเป็นส่วนตัวในการทำงาน “ให้ลิดานั่งใกล้ประตูเลยเหรอคะ” หญิงสาวรู้สึกว่าเธอ จะต้องเวียนหัวกับการเข้าออกของคนที่มาหาเจ้านายคนใหม่ของเธอแน่ๆ “ปกติโต๊ะที่คุณนั่งคือโต๊ะทำงานของผม แ