4
ความแค้นที่เริ่มต้น
กานดาตัดสินใจ เดินทางไปหาทนายของนิรัช ถึงแม้เขาอาจไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลทุกอย่างกับเธอ แต่ก็คงได้รู้อะไรเพิ่มมากขึ้น และข้อมูลก็คงน่าเชื่อถือกว่าการฟังจากอัสมา
“คุณทนายคะ เรื่องจดทะเบียนสมรสเรื่องจริงใช่ไหม”
กานดาเข้าเรื่องทันที เมื่อนั่งลงบนโซฟาที่ห้องรับแขกของทนายดนัย
“ใช่ครับ เพิ่งไม่นานมานี้เอง” ทนายยืนยัน
“แล้วแบบนี้ ลิดาจะต้องแบ่งครึ่งทุกอย่างให้เธอใช่ไหม” กานดาหมายถึงอัสมาผู้เป็นแม่เลี้ยง
“ใช่ครับ เฉพาะทุกอย่างที่เป็นของคุณนิรัชเท่านั้นนะครับ ส่วนมรดกที่คุณแม่คุณลิดาได้มาจากบิดามารดาของท่านไม่เกี่ยว” ทนายอธิบายเพิ่มเติม
“อันนั้นฉันเข้าใจ แต่สมบัติของพี่นิรัชไม่ใช่น้อยๆ” กานดากังวล
“แต่ที่เหลือก็ไม่มากนะครับ คุณท่านมีหนี้สินที่ต้องชำระอยู่หลายอย่าง เราต้องจัดการเรื่องนี้ก่อน ถึงจะแบ่งทรัพย์สินที่เหลือได้”
ทนายความแสดงสีหน้าทำท่าไม่สบายใจ ที่จะต้องอธิบายรายละเอียดอะไรมากไปกว่านี้ เพราะยังไม่ถึงเวลาเปิดพินัยกรรม
“อีกนานไหมคะ กว่าจะถึงวันเปิดพินัยกรรม”
กานดาลางานมาได้เพียงแค่ไม่นาน เธอกลัวจะไม่ทันอยู่ข้างๆหลานสาวในวันนั้น
“อีกสองวันเท่านั้นครับ ผมแจ้งทางคุณอัสมาไปแล้ว เธอบอกจะแจ้งคุณปาลิดาเอง ยังไม่ได้แจ้งอีกเหรอครับ”
ทนายดนัยเองเข้าใจว่าอัสมาคงแจ้งวันเปิดพินัยกรรม กับลูกสาวผู้เสียชีวิตแล้วเสียอีก
“ไม่ได้มีการพูดถึงเลยค่ะ เดี๋ยวฉันจะไปบอกปาลิดาเอง”
เมื่อรู้ว่าใกล้วันเปิดพินัยกรรมแล้ว กานดาไม่อยากทำให้ทนายดนัยไม่สบายใจมากกว่านี้ เธอจึงเลือกที่จะไม่ซักถามต่อ รอให้ถึงวันนั้นคงจะดีกว่า
ระหว่างที่ปาลิดากับกานดารอวันที่เปิดพินัยกรรม ทั้งคู่ต่างได้รับการดูแลจากอัสมาเป็นอย่างดี หลายครั้งที่ปาลิดาเห็นแม่เลี้ยงของเธอนั่งร้องไห้อยู่คนเดียว เธออดสงสารอัสมาไม่ได้ แม่เลี้ยงของเธอคงรักพ่อของเธอมากจริงๆ
“คุณน้า อย่าร้องไห้เลยค่ะ คุณพ่อจะเป็นห่วง ไม่มีพ่อแล้ว ยังมีลิดา ถ้าคุณน้ายังอยู่ที่บ้านนี้ ลิดาจะดูแลคุณน้าให้เหมือนแม่ของลิดาเลยค่ะ”
ปาลิดาพูดออกจากหัวใจ ที่แสนจะบริสุทธิ์ของเธอ ตัวเธอเองก็ไม่เหลือทั้งพ่อทั้งแม่แล้ว อัสมาเป็นคนรักของพ่อเธอ ก็เปรียบเหมือนญาติของเธออีกคน เพราะอีกไม่กี่วันน้าสาวแท้ๆ ก็ต้องเดินทางกลับต่างประเทศ
วันเปิดพินัยกรรมมาถึง นิรัชต้องเสียบ้านหลังที่เขาอยู่ก่อนเสียชีวิต ที่ดินที่ต่างจังหวัดและหุ้นในบริษัทครึ่งหนึ่งให้กับธรรมสรณ์เพื่อชดใช้หนี้ตามสัญญา
หุ้นส่วนอีกครึ่งหนึ่งให้เป็นของปาลิดากับอัสมาคนละครึ่ง เงินสดในธนาคารก็ให้ทั้งคู่แบ่งครึ่งกัน ซึ่งเงินในบัญชีมีเพียงแค่ไม่กี่ล้านบาทเอง
สีหน้าของอัสมาบ่งบอกถึงความไม่พอใจ เพราะเธอเข้าใจว่า ที่ดินที่ให้เช่าทำตลาดและเครื่องประดับในเซฟจะเป็นของเธอด้วย แต่มันกลับเป็นมรดกที่แม่ของปาลิดาได้มา จึงตกเป็นของปาลิดาเพียงคนเดียว
ยอดเงินในบัญชี อัสมาเอง ก็คิดว่าสามีของเธอน่าจะมีถึงสิบล้าน แต่ผลออกมามียังไม่ถึงห้าล้านเลย เงินแค่นี้เธอใช้เพียงไม่กี่เดือนก็หมดแล้ว
“ในส่วนของบ้าน ลุงจะให้อัสมาอาศัยอยู่อีกไม่เกินสองเดือน ส่วนหนูปาลิดาให้มาอยู่ที่บ้านของลุงแทน ถ้าไม่อย่างนั้นลุงจะขายบ้านของหนูทันที นี่คือข้อเสนอหนูไม่จำเป็นต้องทำตามก็ได้”
ธรรมสรณ์ให้ข้อเสนอ เป็นข้อเสนอที่ทุกคนที่มาฟังต่างพากันแปลกใจ ยกเว้นทนายดนัย ที่ดูเหมือนจะรู้เรื่องนี้มาก่อน
“ไม่เข้าใจ ทำไมคุณลุงต้องอยากให้หนูไปอยู่ที่บ้านด้วย แค่คุณลุงทำให้พวกเราต้องเสียบ้าน เสียที่ดินยังไม่พออีกเหรอคะ”
ปาลิดาลุกขึ้นจากการฟังคำอ่านพินัยกรรม มองไปยังธรรมสรณ์อย่างไม่พอใจ
“หนูไม่จำเป็นต้องเข้าใจ หนูแค่ต้องเลือก”
บุคลิกของความนักธุรกิจ ที่ผ่านโลกมาอย่างมากมาย เขาแสดงออกให้ปาลิดารู้ว่า เธอไม่มีสิทธิ์เรียกร้องให้เขาอธิบายอะไร
“หนูมีหน้าที่ตัดสินใจแค่คืนนี้นะ”
ธรรมสรณ์ยื่นคำขาด ก่อนจะหันหน้าไปพูดกับ อัสมาด้วยรอยยิ้มต่อ
“หุ้นที่คุณได้ครึ่งหนึ่ง ผมของซื้อในราคาห้าล้านบาท ผมให้เวลาคุณตัดสินใจแค่คืนนี้เหมือนกัน”
“ขายค่ะฉันขาย” อัสมาตอบได้ทันที
ธรรมสรณ์ส่งยิ้มอย่างชนะ เพราะเขาคิดไว้ไม่มีผิด ว่าภรรยาคนใหม่ของเพื่อนต้องยอม
“น้าจำเป็นจริงๆ มันไล่น้า มันให้อยู่ที่บ้านได้แค่สองเดือน เงินที่อยู่ในบัญชี ก็มีไม่มาก บริษัทน้าก็บริหารไม่เป็น ปาลิดา หนูอย่าโกรธน้านะ”
ระหว่างเดินทางกลับบ้าน หลังจาฟังการอ่านพินัยกรรมที่บ้านของทนายดนัยเสร็จเรียบร้อย อัสมาก็พยายามอธิบายเหตุผลที่ตัวเองยอมขายหุ้นทั้งหมดให้กับธรรมสรณ์เพื่อไม่ให้ปาลิดารู้สึกแย่กับตัวเธอ
กานดานั่งฟังบทสนทนาระหว่างแม่เลี้ยงและลูกเลี้ยงคุยกัน อย่างไม่คิดจะออกความคิดเห็นอะไร เพราะเธอเองก็งง สับสนไปกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็เชื่อในการตัดสินใจของพี่เขย
“ลิดาเข้าใจค่ะ คุณน้าไม่ต้องห่วงนะคะ สักวันลิดาจะเอาทุกอย่างของพ่อคืนกลับมาให้ได้”
ปาลิดาคิดอย่างที่เธอพูดจริงๆ ไม่ว่ามันจะแลกมาด้วยอะไร เธอก็พร้อมจะยอม
“พรุ่งนี้ลิดาจะย้ายไปอยู่กับเขาค่ะ”
หญิงสาวหันมาบอกน้าสาวที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆเธอ ด้วยสายตาที่มุ่งมั่นเอาจริง
5ก้าวแรกในบ้านหลังใหม่ เมื่อตัดสินใจแล้วหญิงสาวก็เก็บข้าวของที่จำเป็น เดินทางมายังบ้านของธรรมสรณ์ โดยที่คืนนี้ เธอยังจะมีกานดาน้าสาวที่เหลือเพียงคนเดียวของเธอมานอนด้วย ก่อนที่พรุ่งนี้เย็น น้าสาวจะเดินทางกลับอเมริกา “ยินดีต้อนรับนะหลานสาว” ธรรมสรณ์ยืนกอดอกคอยปาลิดาอยู่ที่หน้าประตูบ้าน “และนี่เขมกร ลูกชายคนเดียวของลุง” ปาลิดายกมือไหว้ ชายหนุ่มที่หน้าตาดีกว่าคนเป็นพ่ออยู่มาก “เขมนี่คุณน้ากานดา” ชายหนุ่มยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม แสดงถึงการที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี “มากันแล้วเหรอจ๊ะ” ภาวินีหญิงเดียวของบ้านนี้ ส่งเสียงทักทายมาก่อนตัว เพราะเธอมัวแต่จัดแจงเรื่องห้องพักของปาลิดา “สวัสดีค่ะพี่ภาวินี” กานดาคุ้นเคยกับภาวินีเป็นอย่างดี เพราะเธอคือเพื่อนสนิทของพี่สาวของเธอ และเป็นยังเป็นแม่สื่อแม่ชักให้พี่สาวของเธอกับนิรัช จนทั้งคู่ได้แต่งงานกัน “เขมพาน้องขึ้นไปที่ห้องหน่อย ช่วยยกกระเป๋าให้น้องกับน้ากานดาด้วย” ธรรมสรณ์หันไปสั่งลูกชาย เพื่อต้องการคุยกันสามคนแบบผู้ใหญ่ ไม่อยากให้เด็กๆอ
6มองหาเป้าหมาย “เดี๋ยวเราแวะกินอาหาร ที่ร้านอาหารใกล้สนามบินกันนะ มีร้านอร่อยๆอยู่” ธรรมสรณ์พยายามจะทำความสนิทสนมให้เกิดขึ้น ระหว่างครอบครัวของเขากับปาลิดา “สวัสดีค่ะเขม ไม่คิดว่าจะมาเจอคุณที่ร้านนี้เลย” นางแบบหุ่นสวย ส่งเสียงทักทายมาก่อนที่มือบางจะจับแขนของชายหนุ่มตรงหน้ามากอดอย่างคุ้นเคย “สวัสดีค่ะคุณพ่อ คุณแม่” หญิงสาวละมือจากแขนของเขมกร มายกมือไหว้ผู้ใหญ่สองคน “สวัสดีจ้าหนูรสริน” ภาวินีส่งยิ้มทักทาย “แล้วนี่ใครคะ ไม่เห็นเขมแนะนำให้รินรู้จักเลย เอ่...หรือว่าแม่บ้านคนใหม่” “ถ้าหมายถึงฉัน คงไม่ใช่อย่างที่คุณคิดหรอกค่ะ แต่ที่พี่เขมไม่แนะนำ อาจเป็นเพราะคุณไม่จำเป็นต้องรู้จักทุกคนในครอบครัวของพี่เขาก็ได้นะคะ” รู้จักปาลิดาน้อยไปแล้ว ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน อยู่ดีๆ ก็มาใช้คำพูดที่ดูแคลนกันแบบนี้ มีเหรอนักเรียนนอกอย่างเธอจะยืนนิ่งๆให้ดูถูก เมื่อเจอตอกกลับแบบนี้ รสรินนางแบบสาวที่พยายามทำตัวเป็นผู้ดี ก็แทบจะเก็บอารมณ์ไว้ไม่อยู่ แต่ด้วยตัวเธอยังไม่รู้ว่าหญิงสาวที่ต่อปากต่อคำกับเธอเป็นใคร เธอจึงเลื
7เริ่มสืบ “ทุกคนครับ ผมขอแนะนำเลขาส่วนตัวของผมคนใหม่ เธอชื่อปาลิดา เป็นลูกสาวของคุณอานิรัช เจ้าของที่นี่ครับ” เขาแนะนำเธอด้วยคำพูดที่ดูยกย่อง ถึงแม้ตอนนี้เธอจะถือหุ้นแค่ไม่ถึงครึ่ง แต่เขาพูดเสียเหมือนเธอถือหุ้นทั้งบริษัท “เรียกลิดาเฉยๆก็ได้ ฝากเนื้อฝากตัวกับทุกคนด้วยนะคะ” หญิงสาวอยากเป็นมิตรและสนิทกับทุกคน เพราะพนักงานที่นี่ ต้องรู้แน่ๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับบริษัท อะไรคือสาเหตุที่ทำให้พ่อของเธอต้องดื่มเมามาย จนเกิดอุบัติเหตุ “พวกเราสิคะ ต้องฝากเนื้อฝากตัวกับคุณลิดา” หนึ่งในพนักงานสาว ส่งเสียงเอาใจดังออกมาจากลุ่มของพนักงานที่ยืนอยู่เกือบยี่สิบคน “แยกย้ายกันทำงานได้แล้วเนาะ ” เขมกรตัดบทเพราะกลัวจะมัวแต่ทักทายกันจนงานไม่เดิน โต๊ะทำงานของปาลิดาอยู่ห่างจากโต๊ะทำงานของเขมกรเกือบห้าเมตร มีฉากกั้นอยู่ตรงโต๊ะ เพื่อความเป็นส่วนตัวในการทำงาน “ให้ลิดานั่งใกล้ประตูเลยเหรอคะ” หญิงสาวรู้สึกว่าเธอ จะต้องเวียนหัวกับการเข้าออกของคนที่มาหาเจ้านายคนใหม่ของเธอแน่ๆ “ปกติโต๊ะที่คุณนั่งคือโต๊ะทำงานของผม แ
8สร้างความไว้วางใจ ร้านอาหารใกล้ตึกของบริษัท เป็นร้านโปรดของ เขมกร เพราะอยู่ใกล้ อาหารรสชาติอร่อย เขาจึงชอบมากินที่นี่ถ้าไม่ได้ออกนอกพื้นที่ไปไหน “ร้านนี้เหรอคะที่พี่เขมชอบ” ปาลิดาแปลกใจ “ใช่ พี่ชอบอะไรที่ดูสบายๆ ง่ายๆ” “รวมถึงผู้หญิงด้วยไหมคะ ที่ว่าชอบง่ายๆ” เขมกรหันมาจ้องตา สาวสวยเลขาส่วนตัวคนใหม่ นอกจากหน้าตาที่ดูจะถูกใจแล้ว คารมที่ดูจะทันเขาแบบนี้ ยิ่งน่าเอาชนะนัก “ถ้าเป็นผู้หญิง พี่ก็ชอบแบบไม่ง่ายและก็ไม่อยากจนเกินไป ถ้ายิ่งหน้าตาดี หุ่นดี ดีกรีนักเรียนนอก แบบนี้ยิ่งถูกใจเลย” สายตาเจ้าชู้จับจ้องมาที่ใบหน้ารูปไข่ของปาลิดา ที่มองสบตาชายหนุ่มอย่างไม่ลดละเหมือนกัน “ถ้าอย่างนั้นลิดาก็ใช่เลย” หญิงสาวเสนอตัว “อย่าพูดเล่นกับพี่นะ เดี๋ยวพี่เดินหน้าจีบจริง แล้วจะมาเล่นตัวทีหลังไม่ได้นะแบบนี้” เขมกรถูกใจปาลิดาตั้งแต่แรกเห็นแล้ว แต่เขาไม่กล้าเดินหน้าจีบ เพราะกลัวจะโดนผู้เป็นพ่อเล่นงานเอา ถ้าเขาเกิดแค่เล่นๆกับหญิงสาวขึ้นมา ตอนนี้ชายหนุ่มเริ่มเปลี่ยนใจ เพราะอีกฝ่ายก็ดูจะทอดสะพานใ
9เสน่ห์ดึงใจ ระหว่างทางกลับบ้าน มีห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ สองคนจึงพากันแวะเพื่อพาปาลิดาเข้าร้านเครื่องเขียน “หนังน่าดูจังเลยค่ะพี่เขม” อยู่ดีๆหญิงสาวก็คิดแผนพัฒนาความใกล้ชิดขึ้นมาได้ เมื่อเธอเดินผ่านป้ายโฆษณาที่บอกตารางของหนังที่จะฉายในวันนี้ “อยากดูเหรอ เลือกเลยว่าอยากดูเรื่องอะไร” เขมกรเป็นคนชอบดูหนังอยู่แล้ว เพียงแต่ด้วยเวลางานที่กำลังต้องเรียนรู้อีกมาก เขาจึงไม่ค่อยมีเวลา “มีแต่รอบดึกทั้งนั้นเลย พี่เขมเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ลิดาเกรงใจ ไว้วันหลังดีกว่า” หญิงสาวหันมาคว้าแขนชายหนุ่มไปกอดอย่างสนิทสนม ลูบแขนขึ้นลงด้วยใบหน้าใสๆ แบบไม่คิดอะไร ถึงแม้ใบหน้าของเธอจะดูไม่คิดอะไรมากกว่าการ คว้าแขนพี่ชายมากอดไว้ แต่สำหรับชายหนุ่มที่ผ่านอะไรมามากมายอย่างเขมกร เขาจะไม่ยอมเสียโอกาส ที่จะได้เข้าโรงหนังในยามค่ำคืนแบบนี้กับปาลิดาแน่ๆ “เอาอย่างนี้ เดี๋ยวเรากินข้าวเย็นกันที่นี่เลย ระหว่างที่รอ ลิดาก็ไปเดินเล่นร้านเครื่องเขียน อีกแค่สองชั่วโมงเอง” เขมกรออกความคิดเห็น เพราะจริงๆมันก็เหลือเวลาอีกแค่สองชั่วโมง
10หว่านเสน่ห์ หลายวันผ่านไปกับการศึกษาเอกสารทางด้านการเงิน ปาลิดาพบแต่ความผิดปกติทางด้านการเงิน ที่เกิดจากลายเซ็นของพ่อเธอเท่านั้น จากที่คิดมุ่งมั่นว่าจะต้องสืบให้ได้ ว่าเกิดอะไรขึ้นกับบริษัทระหว่างที่เธอเรียนอยู่ที่อเมริกา ปาลิดาเปลี่ยนเป็นเดินหน้าหาทางใช้หนี้ธรรมสรณ์ให้หมด เพื่อเอาบ้านและที่ดินของแม่คืนให้ได้ “หนูลิดา ตอนนี้น้าออกมาอยู่ข้างนอกแล้วนะ สงสารบ้านจัง พ่อของหนูคงยังอยู่ที่นั่น คงยังไปไหน เพราะท่านคงอยู่รอวันที่เราจะได้บ้านคืนมา” เสียงปลายสายที่พูดด้วยน้ำเสียงที่สุดแสนเศร้ากระตุ้นความแค้นในใจของปาลิดาให้ลุกเป็นไฟ “ลิดาสงสารคุณน้า แต่ยังคิดหาทางไม่ได้เลยค่ะ เงินตั้งมากมาย ไม่รู้จะไปหามาจากไหน” “น้ามีวิธีนะ แต่น้าไม่กล้าแนะนำหนู มันเป็นวิธีที่ไม่ดี น้ากลัวพูดไปหนูลิดาจะโกรธน้า” อัสมาทำน้ำเสียงแบบลังเล ว่าเธอจะให้คำแนะนำลูกลี้ยงดีไหม “คุณน้าบอกลิดามาเถอะค่ะ ถึงลิดาจะไม่ได้สนิทกับคุณน้ามาก แต่เราก็คือครอบครัวเดียวกัน เราทั้งคู่ต่างสูญเสีย” หญิงสาวคิดหาวิธีการมาหลายวัน ที่จะหาหนทา
11สาวแซ่บ ร้านอาหารทะเลที่เขมกรเลือก เป็นร้านอาหารบรรยากาศติดชายทะเลกรุงเทพ อยู่ห่างจากที่ทำงานอยู่ไกลพอควร แต่ถ้าเทียบกับบรรยากาศก็ถือว่าคุ้มที่ต้องเดินทางมาไกล และถูกใจปาลิดามาก “บรรยากาศดีมากเลยค่ะ” ปาลิดาพูดจากใจจริง “พี่ซะอย่าง มีเหรอจะเลือกไม่ถูกใจ” เขมกรทำท่ากอดอกภูมิใจ ในการเลือกร้านอาหารได้ถูกใจหญิงสาวตรงหน้า “สงสัยร้านนี้พี่เขม จะพาสาวๆมากินบ่อย” ปาลิดาลองหยอดถาม เพราะหญิงสาวไม่แน่ใจ ว่าชายหนุ่มตรงหน้ามีคนรักหรือยัง เกือบเดือนที่เธอมาทำงานกับเขา ปาลิดาเคยเห็นเขาออกไปคุยโทรศัพท์อยู่บ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยเห็นมีผู้หญิงมาหาที่ทำงาน “ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ พี่ก็พามาแต่เฉพาะคนสำคัญ” เขมกรมองตาคนถาม ด้วยสายตาที่น้ำตาลยังเรียกพี่ จนปาลิดาที่ตั้งใจว่าจะมาทำให้หัวใจชายหนุ่มหวั่นไหว แต่เธอกลับต้องยอมหลบตาเขาเพราะหวั่นไหวเสียเอง “อาหารอร่อยไหม” เขมกรหาเรื่องคุย เมื่อเห็นหน้าของปาลิดา เริ่มแดงเป็นลูกตำลึง เพราะอายเมื่อเจอสายตาหวานของเขาไป “อร่อยน้อยกว่าลิดานิดนึงค่ะ”
12ทะเลและสองเรา เป็นไปตามคาด ธรรมสรณ์กับภาวินีไม่ยอมไปทะเลกับทั้งคู่ ปล่อยให้หนุ่มสาวไปด้วยกันเพียงสองคน ปาลิดาไม่รู้จะเลือกชุดที่จะไปใส่ที่ทะเลแบบไหน เธอจึงโทรศัพท์ไปขอให้อัสมาช่วยเลือกให้เธอ “กลางวันนี้ ลิดาขอไปกินข้าวกับคุณน้าอัสมานะคะ” ปกติหญิงสาวจะไปกินข้าวกลางวันกับเขมกรตลอด วันนี้เธอจึงขอตัว แต่ก็ไม่ได้บอกเหตุผลที่แท้จริง “พี่ไปด้วยได้ไหม” เขมกรได้รับมอบหมายจากบิดา ให้ดูแลปาลิดาอย่างดี และธรรมสรณ์ก็ไม่ไว้วางใจอัสมา เพราะเขารู้จักผู้หญิงคนนี้ดี “ไม่ได้ค่ะ ลิดาขอไปเจอคุณน้าแบบส่วนตัวนะคะ ไม่มีอะไรหรอกค่ะ ก็แค่พูดคุยกันตามประสาผู้หญิง แล้วจะรีบกลับมานะคะ” ใช้เวลาแค่เพียงไม่นานอัสมาก็เลือกชุดว่ายน้ำ ชุดเดินเล่นชายหาด และชุดใส่ตอนกลางคืน ให้กับลูกเลี้ยง “แต่ละชุด ถ้าคุณน้ากานดามาเห็น มีหวังหัวใจวายแน่ๆค่ะ” ถึงแม้กานดา จะไปอยู่อเมริกานาน แต่เธอก็ยังคงรักษาความเป็นผู้หญิงไทย และปลูกฝังหลานสาวเสมอ ตลอดเวลาที่ปาลิดาอาศัยอยู่กับเธอ “แบบนี้นี่เอง หนูลิดาถึงได้ยังไม่มีแฟนเสียที น้านึกว