ตอนที่9
กอดที่แน่นที่สุด
“คิดถึงจังเลย มาหอมแก้มให้หายคิดถึงหน่อยสิ”
ราเชนโผเข้ากอดสาวโรงงานที่เขาสุดแสนจะคิดถึง เพราะไม่ได้เจอกันนาน
“แพทก็คิดถึงคุณค่ะ ”
หญิงสาวใช้มือข้างขวาลูบท้องของเธอไว้ เพื่อหวังว่าความอบอุ่นของอ้อมกอดราเชนจะส่งไปถึงลูกที่อยู่ในท้อง
อาหารมื้อเย็นวันนี้หญิงสาวจัดเต็ม เพราะเธอรู้ตัว ว่าคงมีโอกาสทำให้เขากินได้อีกไม่นาน เธอกับลูกก็ต้องไปจากที่นี่แล้ว
คืนนี้หญิงสาวแทบจะไม่ได้นอน เพราะถูกอีกฝ่ายแสดงความคิดถึงทั้งคืน แพทก็พยายามระวังเพราะกลัวจะส่งผลถึงลูกของเธอ
วันนี้เป็นวันหยุดราเชนพาหญิงสาวไปเที่ยวจังหวัดที่อยู่ใกล้ๆ ไปไหว้พระ หาของกินอร่อยๆกิน รวมทั้งตอนกลับเขาพาเธอไปซื้อสร้อยคอที่เป็นทองหนักห้าบาท ถ้าเป็นปกติหญิงสาวคงไม่ยอมรับไหว แต่เพราะเธอรู้ ว่าการเลี้ยงเด็กหนึ่งคนต้องใช้เงิน ถ้ากลับไปอยู่บ้านเธอคงไม่ค่อยมีรายได้อะไร ทองนี้คงช่วยเธอกับลูกได้ในตอนนั้น
ก่อนจะกลับคอนโด ชายหนุ่มพาหญิงสาวแวะไปที่ร้านเพชรที่อยู่ในห้างใหญ่ ตอนแรกแพทคิดว่าราเชนคงมาซื้อให้กับนิศา เพราะเขาซื้อทองให้เธอแล้ว แต่เมื่อเขากลับเข้ามาที่รถ ชายหนุ่มไม่พูดอะไร หญิงสาวจึงไม่กล้าถาม
“แพทไปหยิบขนมปังในกล่องในตู้เย็นที่เราซื้อมาวันนี้ให้ผมหน่อย รู้สึกอยากกินขึ้นมา”
ปกติแล้วดึกแบบนี้แพทไม่เคยเห็นราเชนกินขนมหวานเพราะเขาดูแลสุขภาพอยู่ แต่ก็ลุกไปหยิบให้ตามที่ต้องการ
ขนมปังชิ้นใหญ่ หญิงสาวจึงตั้งใจจะหยิบใส่จานมาทีละชิ้น แต่พอเปิดกล่อง เธอกลับพบว่ามีแหวนเพชรอยู่ในนั้น
“ของขวัญครบรอบสี่เดือนสำหรับเรานะครับ”
เสียงของราชันดังมาจากข้างหลังข้างๆเธอ หญิงสาวหยิบแหวนขึ้นมา น้ำตาไหลเหมือนเด็ก มันเป็นน้ำตาแห่งความสุข และในความสุขนั้นมันมีความเสียใจซ่อนอยู่ เพราะอีกไม่นานเธอกับลูกกำลังจะไปจากเขาแล้ว
แหวนถูกสวมเข้ากับนิ้วนางข้างขวา แต่มันถูกมือหนาถอดแล้วเปลี่ยนมาใส่ที่นิ้วนางข้างซ้ายแทน
“ผมจองไว้แล้วนะ ห้ามใครมาสวมทับ”
ราเชนดึงตัวหญิงสาวที่ยังคงร้องไห้อยู่มากอด กอดนี้สำหรับราเชนคงเหมือนทุกครั้ง แต่สำหรับแพทแล้ว ต่อจากนี้ไปทุกอ้อมกอดจะเป็นความทรงจำที่เธอจะเก็บไว้เล่าให้ลูกฟัง
ตั้งแต่ราเชนกลับมาจากไปฮันนิมูนรอบสอง เขาไม่มีแววตาแห่งความเศร้าอีกเลย กลับดูสบายใจ หลายครั้งที่เขาพูดถึงนิศาให้แพทฟัง เหมือนกำลังพูดถึงเพื่อนคนหนึ่ง ทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาไม่เคยพูดถึงเธอเลย
แพทสังเกตมาได้หลายวันแล้ว แต่ก็ไม่อยากถาม เพราะตอนนี้จุดหมายของเธอมีเพียงเรื่องเดียว คือการพาลูกออกไปจากชีวิตเขา และคืนเขาให้กับภรรยาที่ถูกต้อง
“วันนี้คุณใช้น้ำหอมอะไร กลิ่นมันแปลกๆ”
แพทบ่นและใช้มือปิดจมูก ก่อนจะรีบเดินห่างออกไป เมื่อราเชนกลับจากทำงานแล้วจะเข้ามากอดเธอ
“ผมก็ใช้กลิ่นเดิมตลอดนะ สงสัยมันจะหมดอายุมั้งกลิ่นเลยเปลี่ยน ถ้าอย่างนั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะ”
แพทรู้ว่าน้ำหอมของสามีไม่ได้หมดอายุแต่เธอกำลังแพ้ท้องจึงรู้สึกเหม็น
เหลือเวลาอีกแค่สองวันเท่านั้น เงินเดือนจะออก และเธอกับลูกก็จะไปจากที่นี่ เมื่อวานหญิงสาวลองไปกดดูยอดเงินในบัญชี ตั้งแต่ราเชนกลับมาเขาก็โอนเงินมาให้เธอเกือบสองแสนภายในเวลาไม่ถึงเดือน ซึ่งก่อนหน้านี้เต็มที่ก็ห้าหมื่นต่อเดือน ถ้าไม่ติดว่าเธอกำลังต้องการเงินไปใช้เลี้ยงลูก เธอคงไม่ยอมรับแน่ๆเพราะมันมากเกินไป
“ถ้าวันหนึ่งคุณกลับมาแล้วไม่เจอแพท คุณจะทำยังไงคะ”
ก่อนไปทำงานทุกครั้งทั้งคู่จะกอดกันก่อน แพทจึงอาศัยจังหวะนี้กอดและเตรียมบอกลาเขา เพราะวันนี้เธอกลับลูกจะไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว
“ผมก็จะตามหาคุณ ถ้าไม่เจอผมก็จะไม่ยอมหยุด แต่ทำไมถึงถามแบบนี้” คนตอบมองหน้าอย่างสงสัย
“แพทก็แค่ลองถามดู แค่อยากรู้ว่าคุณจะรู้สึกแบบไหน”
“ผมรักคุณนะ ผมอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ”
คำว่ารักที่ตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันมา เขาไม่เคยบอกเธอ แต่กลับมาบอกเอาในวันที่เธอกำลังจะไปจากที่นี่ มันเหมือนเชือกเป็นพันเส้นมาดึงเธอให้ตัดสินใจยากกว่าเดิม
“แพทก็รักคุณมากนะคะ ต่อให้ไม่มีคุณอยู่ใกล้ๆ ต่อให้เราไกลกัน แพทก็จะรักคุณคนเดียวตลอดไป”
หญิงสาวพยายามห้ามน้ำตาตัวเอง เธอกอดชายหนุ่มแน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ หวังให้ความอบอุ่นนี้ เป็นกำลังใจให้เธอกับลูก แม้ว่าจะไม่มีเขาอยู่ใกล้อีกแล้ว
ประตูห้องปิดลง วันนี้ราเชนต้องไปที่โรงงานอีกที่ จึงออกจากห้องก่อนหญิงสาว
ไม่มีเวลาที่จะนั่งร้องไห้ เพราะการเดินทางกลับบ้านที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทยต้องใช้เวลาหลายชั่วโมง
หญิงสาวจึงเก็บของไปและร้องไห้ไปด้วย เธอไม่สามารถเก็บเตรียมไว้ล่วงหน้า เพราะกลัวจะโดนจับได้ก่อน จึงต้องมาเก็บเอาตอนนี้
ของมีค่าแต่ละชิ้นที่แพทเอาไปด้วย มันทำให้เธอรู้สึกว่าตัวเองคือหัวขโมย แต่เธอจำเป็น และมันคงเป็นตัวแทนของความเป็นพ่อที่จะช่วยเธอดูแลลูกที่กำลังจะเกิดมา
วันนี้เธอคงเดินกลับไปที่บ้านยังไม่ได้ จึงตั้งใจจะไปเช่าโรงแรมที่ในตัวเมืองนอน โดยให้น้องสาวมานอนเป็นเพื่อน เพราะแพทเองก็อยากเล่าทุกเรื่องให้น้องสาวฟัง ก่อนที่พ่อกับแม่จะรู้จากปากของเธอ
รถโดยสารออกจากท่ารถแล้ว ดวงตากลมหลับลง เธอไม่อยากหันกลับไปมอง ไม่อยากคิดอะไรอีกแล้ว แพทเริ่มกลัวใจตัวเอง กลัวจะเปลี่ยนใจและกลับไปยืนในตำแหน่งเมียน้อยเหมือนเดิม
รถที่วิ่งสวนไปมาเริ่มน้อยลง เมื่อออกจากเมื่องหลวง หญิงสาวถอนหายใจที่สามารถเอาชนะใจตัวเองได้ เธอพร้อมแล้วที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่
ทุกอย่างในชีวิตไม่มีอะไรที่แน่นอน ความรักครั้งเก่าเพียงข้ามคืนเธอก็ถูกทิ้ง ความรักครั้งนี้เพียงแค่พระอาทิตย์ขึ้น เธอก็เลือกที่จะทิ้งสามีที่เป็นทั้งพ่อของลูกเพื่อตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง
รักที่ไม่สมหวังถึงสองครั้ง ทำให้หญิงสาวตั้งใจ ว่าเธอจะไม่รักใครอีกเลย เธอจะอยู่กับลูก และเก็บความลับนี้ไปตลอดกาล จะไม่มีใครรู้ว่าเธอท้องกับราเชน แต่ถ้าเธอกับเขายังมีบุญต่อกันแพทก็หวังว่าสักวันเขารู้ทุกอย่างและจะตามหาเธอกับลูกเอง
เมื่อเลือกแล้วก็ทำทางที่เลือกให้เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด หญิงสาวเช็ดน้ำตาที่หน้า หักซิมโทรศัพท์ทิ้งและเปลี่ยนเป็นอีกเบอร์ที่เธอกับน้องรู้กันแค่สองคนเท่านั้น
ตอนที่10สูญเสีย วันนี้ทั้งวันราเชนทำงานอย่างไม่มีความสุขเลย เพราะเขาติดต่อแพทไม่ได้ ไม่ว่าแชทหรือการโทรศัพท์ ติดต่อไปที่ฝ่ายบุคคลเขาก็แจ้งว่าหญิงสาวไม่ได้มาทำงาน สิ่งแรกที่ทำหลังจากงานที่ทำเสร็จ คือการรีบกลับมาที่คอนโด “แพทคุณอยู่ไหน แพท คุณได้ยินผมไหม” ราเชนเหมือนคนเสียสติวิ่งไปทั่วห้องพยายามหาภรรยาของเขา ในมือเขาถือทะเบียนหย่าที่วันนี้เขากับนิศาได้ไปทำทุกอย่างให้ถูกต้องตามกฎหมาย แต่คนที่ชายหนุ่มต้องการเอามาอวดกับไม่อยู่แล้ว ข้าวของเครื่องใช้ที่สำคัญหายไป ราเชนมั่นใจว่าเขาได้เสียเธอไปแล้ว ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างถูกขว้างปาทั่วห้องไปหมด ราเชนกำลังเสียสติ เขาคิดว่าแพทต้องกลับไปคืนดีกับคนรักเก่าแน่ๆ เมื่อไม่มีทางออกเขาจึงตัดสินใจโทรศัพท์ไปที่โรงงานเพื่อขอที่อยู่และเบอร์โทรศัพท์ของดิว ราเชนตั้งใจจะไปบุกให้ถึงที่ “เปิด เปิดประตูเดี๋ยวนี้” ราเชนบุกไปที่ห้องของดิวแล้วทุบประตูห้องเช่าขนาดเล็กด้วยความโมโห “อะไรกัน คุณราเชน” คนที่มาเปิดประตูคือทราย เพราะตัวดิวเองกำลังอาบน้ำอยู่
ตอนที่11ตามหาหัวใจ “ราเชน วันนี้ไม่ต้องเข้าโรงงาน มานั่งคุยกับพ่อให้รู้เรื่อง อย่าให้พ่อต้องกลายเป็นคนสุดท้ายที่รู้เรื่องของลูกชายตัวเองเลย” ชาติชายมานั่งรอราเชนอยู่ที่โต๊ะอาหารตั้งแต่เช้า เพราะเขาอดทนต่อไปไม่ไหวแล้ว วันนี้เขาต้องรู้ความจริงทั้งหมดให้ได้ “พ่อแน่ใจนะครับว่าพร้อมจะฟัง” ราเชนคิดมาตลอด ว่าบิดาของเขาไม่มีทางรับได้ที่เขาจะมีภรรยาเป็นแค่เพียงพนักงาน เขาจึงไม่คิดจะเล่าให้ฟัง “คงไม่มีอะไรทำให้พ่อทุกข์ใจ มากไปกว่าการที่พ่อต้องมาเห็นลูกเอาแต่เมาทุกวันแบบนี้” ชาติชายคิดอย่างที่พูดจริงๆ เพราะเขาทุกข์ใจมาหลายวันแล้วกับพฤติกรรมของลูกชาย วันนี้เขาจึงต้องการรู้เรื่องทั้งหมดเพื่อหาทางแก้ไข ก่อนที่ทุกอย่างจะแย่ไปกว่านี้ ราเชนเล่าทุกเรื่องตั้งแต่ปัญหาระหว่างเขากับนิศาจนถึงที่เขาไปเจอแพทกำลังโดนดิวตบตีและเขาพาเธอมาอยู่ที่คอนโดแล้วได้มีความสัมพันธ์กัน จนในที่สุดตอนนี้เธอหนีเขาไปแล้ว “ถ้าคนทั้งโรงงานเขาไม่พูดกัน พ่อคงไม่มีทางได้รู้เรื่องจริงว่ามันเกิดอะไรขึ้น” ชาติชายตัดพ้อลูกชายด้วยความรู้สึกน้อยใจ แ
ตอนที่12หัวใจที่หายไป “แพทคุณท้อง ทำไมคุณไม่บอกผม” เมื่อทั้งคู่เดินออกมาจากร้าน ราเชนก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาถามสิ่งที่ทำให้เขาตกใจมากกว่าการที่ได้เจอแพทเสียอีก นั่นคือการที่เธอกำลังตั้งท้องอยู่ “ไว้เราไปคุยกันที่บ้านดีกว่าค่ะ” หญิงสาวใบหน้าไร้รอยยิ้ม เธอใช้เวลาหลายเดือนเพื่อที่จะทำใจให้ลืมชายหนุ่มให้ได้ แต่วันนี้เมื่อเธอได้เจอเขา ทุกอย่างที่พยายามมา มันช่วยอะไรไม่ได้เลย เธอยังรักเขาอยู่เต็มหัวใจ บ้านของแพทอยู่ชายเขา มีบ้านเพียงไม่กี่หลังที่อยูใกล้ เพราะหลายครอบครัวต่างก็อยากมีบ้านอยู่ติดถนนแต่พ่อของเธอไม่มีเงินพอที่จะซื้อที่ดินติดถนน จึงต้องหลบมาอยู่ชายเขาแบบนี้ “พ่อคะนี่คุณราชัน” แพทแนะนำให้พ่อของเธอรู้จักชายหนุ่มที่เธอพามาด้วยภาษาเหนือ พ่อของหญิงสาวรู้ความจริงทั้งหมด ตั้งแต่วันแรกที่ลูกสาวหิ้วท้องกลับมาบ้าน ถึงแม้จะแอบเสียใจ แต่เขาก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร เพราะเข้าใจดีว่าทุกวันนี้ ทุกคนในครอบครัวมีกินมีใช้เพราะใคร “พ่อรู้เรื่องคุณกับลูกสาวพ่อหมดแล้ว แพทไม่เคยปิดบังอะไรพ่อกับแม่ คุณกลับกรุงเทพไปเถอะ อย
1การเดินทาง “คุณพ่อจะให้ลิดาไปเรียนต่อที่อเมริกาจริงๆเหรอคะ” ปาลิดาเด็กสาววัยเพียงสิบเจ็ดปี เธอเพิ่งสูญเสียมารดา จากโรคเส้นเลือดในสมองแตกไปอย่างไม่ทันตั้งตัว เมื่องานศพเสร็จสิ้น น้ำตายังไม่ทันแห้งไปจากหัวใจ พ่อของเธอก็เตรียมส่งเธอไปเรียนต่อต่างประเทศทันที “ลิดาลูกเห็นที่เราต้องสูญเสียแม่ไปไหม ทุกอย่างมันไม่ได้มีอะไรมาบอกล่วงหน้า ถ้าวันหนึ่ง พ่อต้องจากลูกไป มีแต่การศึกษาเท่านั้น ที่พ่อจะให้ลูกได้ นอกจากทรัพย์สมบัติ” นิรัชให้เหตุผลกับลูกสาว เขาอ้างความสูญเสียในครั้งนี้ เพราะเชื่อว่า ลูกสาวของเขาจะต้องยอมรับ และทำตามที่เขาต้องการ “แล้วคุณพ่อจะอยู่กับใครคะ ลิดาเป็นห่วงพ่อ” เด็กสาวเป็นห่วงผู้เป็นพ่อ เพราะเธอไม่เหลือใครแล้ว แล้วการไปครั้งนี้ ไม่ใช่แค่เพียงไปเรียนต่างจังหวัด แต่มันคือต่างประเทศ “พ่อดูแลตัวเองได้ ถ้าลูกรักพ่อ ตั้งใจเรียนให้จบ กลับมาช่วยงานที่บริษัทของเรา พ่อจะได้นอนตายตาหลับเสียที” นิรัชเองมีบริษัท ที่กิจการยังเพิ่งเริ่มต้นได้กำไร เขาอยากใช้โอกาสนี้ ส่งลูกสาวไปเรียนในที่ดีๆ เพราะขึ้นชื่อว่าธุรกิจ
“ลิดาจะไม่ทำให้คุณพ่อผิดหวังค่ะ” หญิงสาวเริ่มยิ้มได้ “แม่เลี้ยงคนใหม่ของหนูเป็นอย่างไรบ้าง พ่อเล่าให้ฟังบ้างไหม” กานดาแอบเป็นกังวลว่าเมื่อหลานสาวเธอกลับไปเมืองไทย จะมีปัญหากับแม่เลี้ยงเหมือนในหนังไทยหรือเปล่า เพราะตั้งแต่นิรัชมีภรรยาใหม่ ปาลิดายังไม่มีโอกาสได้เจอกับอัสมาเลย “คุณน้าอัสมาเขาดูเป็นคนดีนะคะ คุณพ่อเล่าให้ฟัง ว่าเขาดูแลทุกอย่าง เรื่องเงินก็ไม่เคยใช้จ่ายฟุ่มเฟือย แถมยังช่วยงานบริษัทของพ่อได้ด้วย” ปาลิดารู้จักอัสมา จากคำบอกเล่าของผู้เป็นพ่อ และมีเพียงไม่กี่ครั้งที่เธอมีโอกาสได้วิดีโอคลอกับผู้เป็นแม่เลี้ยง แต่หญิงสาวก็เชื่อและรู้สึกตามที่พ่อบอกเล่าให้ฟัง “ดีแล้ว แบบนี้น้าก็เบาใจ ถ้าเขารักคุณพ่อของหนู หนูก็ต้องรักเขานะลิดา อย่าให้ต้องเป็นปัญหาลูกเลี้ยงแม่เลี้ยง คุณพ่อของหนูจะหนักใจเปล่าๆ” กานดาสอนหลานสาว ก่อนที่อีกสองปี ปาลิดาจะได้กลับไปอยู่เมืองไทย เพราะเธอคิดว่ากันไว้ดีกว่าแก้เวลาผ่านไปอย่างเชื่องช้า แต่ปาลิดาก็อดทนจนเธอสำเร็จการศึกษา และอีกไม่กี่วันเธอจะได้รับปริญญา “คุณพ่อของหนูจะเดินทางมาวันไหน”
อัสมาเธอเป็นคนปากหวาน พูดเป็น มาแต่ไหนแต่ไร ด้วยอาชีพนักร้องที่เธอเคยทำ สร้างความสามารพิเศษของเธอในเรื่องการเอาใจคนให้เก่งเป็นพิเศษอยู่แล้วกานดาพาแขกผู้มาใหม่เดินทางกลับที่พัก ระหว่างทางเธอแอบมองอัสมาอยู่หลายครั้งไม่รู้ทำไมเหมือนกัน กานดาถึงได้รู้สึกไม่ไว้วางใจ ในตัวแม่เลี้ยงของหลานสาว ทั้งที่อัสมาก็ดูไม่มีอะไรคืนนี้สามคนพ่อ ลูกและอัสมา นั่งพูดคุยกันเกือบทั้งคืน โดยมีกานดา คอยมองอยู่ห่าง เพื่อสังเกตแม่เลี้ยงคนใหม่ของหลานสาวหลายปีที่ปาลิดามาอยู่กับเธอที่นี่ เมื่อหลานจะกลับไป เธอก็อดเป็นห่วงไม่ได้ กานดาจึงอยากแน่ใจ ว่าอัสมาเป็นคนดี ไม่ใช่แค่เพียงเสแสร้งแสดงออกมางานรับปริญญาผ่านไปอย่างมีความสุข ทุกคนต่างยินดีกับความสำเร็จของปาลิดา โดยเฉพาะนิรัส เขาดีใจ ที่ลูกสาวโตขึ้นและมีความสามารถ มีความรู้ติดตัวการกลับเมืองไทยครั้งนี้ ปาลิดายังไม่ได้กลับพร้อมกับบิดา เพราะติดขัดเรื่องต้องรอเอกสารเรื่องเรียนอีกนิดหน่อย และเธอตั้งใจจะกลับเมืองไทยพร้อมกับกานดาน้าสาว ที่สามารถลาพักร้อนได้ยาวหลายสัปดาห์“แล้วเจอกันที่เมืองไทยนะลูก” นิรัสหอมแก้มลูกสาว“กานดา พี่ฝากลิดาด้วยนะ ยังไงก็อย่าทิ้งหลาน เราก็เหล
3ปมแค้น “เกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อ คุณน้าบอกลิดามาสิคะ” ปาลิดาโวยวายด้วยคำถามที่เธอต้องการคำตอบเดี๋ยวนี้ มันเกิดอะไรขึ้นกับบิดาของเธอ “คุณนิรัชประสบอุบัติเหตุรถชนคอสะพาน เสียชีวิตคาที่ค่ะ” อัสมาทำท่าจะร้องไห้ เมื่อต้องเล่าเรื่องราว ที่เธอสุดจะเสียใจอีกครั้ง “คุณพ่อไม่ใช่คนขับรถประมาท ไม่มีทาง ต้องมีอะไรแน่ๆ ลิดาไม่เชื่อเด็ดขาด” ตั้งแต่เด็กจนโต หญิงสาวรู้ว่าพ่อของเธอ มีความระมัดระวังเป็นอย่างมาก ในการขับรถยนต์ ปฏิบัติตากฎอย่างเคร่งครัด ไม่มีทางที่พ่อจะมาตายแบบไม่มีใครมาชนแบบนี้ เธอส่ายหัวอย่างไม่เชื่อ “คุณนิรัชดื่มสุราจนเมาค่ะ” อัสมาอธิบายต่อ “ปกติคุณพี่ไม่ดื่มนะคะ” คราวนี้กานดาสงสัยบ้าง “ใช่ค่ะ ตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาฉันเองก็ยังไม่เคยเห็นคุณนิรัชดื่ม เวลาไปเที่ยวร้านอาหาร ยังดื่มแค่เพียงน้ำอัดลมเท่านั้น แต่ตำรวจส่งชันสูตรเบื้องต้นแล้ว พบว่ามีการดื่มสุราค่ะ” ผลการสืบสวนของตำรวจ ลงความเห็นว่านิรัชเมาจนขับรถชนกับคอสะพาน เสียชีวิตคาที่ เพราะคอหัก ซึ่งทั้งหมดมันคือความจริง สิ่งที่ยังค้างคาใ
4ความแค้นที่เริ่มต้น กานดาตัดสินใจ เดินทางไปหาทนายของนิรัช ถึงแม้เขาอาจไม่ยอมเปิดเผยข้อมูลทุกอย่างกับเธอ แต่ก็คงได้รู้อะไรเพิ่มมากขึ้น และข้อมูลก็คงน่าเชื่อถือกว่าการฟังจากอัสมา “คุณทนายคะ เรื่องจดทะเบียนสมรสเรื่องจริงใช่ไหม” กานดาเข้าเรื่องทันที เมื่อนั่งลงบนโซฟาที่ห้องรับแขกของทนายดนัย “ใช่ครับ เพิ่งไม่นานมานี้เอง” ทนายยืนยัน “แล้วแบบนี้ ลิดาจะต้องแบ่งครึ่งทุกอย่างให้เธอใช่ไหม” กานดาหมายถึงอัสมาผู้เป็นแม่เลี้ยง “ใช่ครับ เฉพาะทุกอย่างที่เป็นของคุณนิรัชเท่านั้นนะครับ ส่วนมรดกที่คุณแม่คุณลิดาได้มาจากบิดามารดาของท่านไม่เกี่ยว” ทนายอธิบายเพิ่มเติม “อันนั้นฉันเข้าใจ แต่สมบัติของพี่นิรัชไม่ใช่น้อยๆ” กานดากังวล “แต่ที่เหลือก็ไม่มากนะครับ คุณท่านมีหนี้สินที่ต้องชำระอยู่หลายอย่าง เราต้องจัดการเรื่องนี้ก่อน ถึงจะแบ่งทรัพย์สินที่เหลือได้” ทนายความแสดงสีหน้าทำท่าไม่สบายใจ ที่จะต้องอธิบายรายละเอียดอะไรมากไปกว่านี้ เพราะยังไม่ถึงเวลาเปิดพินัยกรรม “อีกนานไหมคะ กว่าจะถึงวันเปิดพินัยกรรม” กา