Share

ครอบครัวที่เคยฝัน

ตอนที่5

ครอบครัวที่เคยฝัน

          “เลือกซื้อเลยนะ ผมทำอาหารไม่เป็นแต่ชอบให้คนทำให้กิน ผมขอตัวเดินไปดูเครื่องใช้ไฟฟ้าทางด้านหลัง”

         ราเชนเขาเคยมีแม่ที่คอยทำกับข้าวให้เขากินทุกมื้อมาตั้งแต่เด็กๆ แม้แต่ตอนไปโรงเรียนเขายังไม่ยอมกินข้าวของโรงเรียน ต้องให้แม่ทำใส่กล่องไปให้

          แม่ของเขาเสียไปได้หลายปี ก่อนที่เขาจะแต่งงานได้ไม่นาน พอหลังจากแต่งงาน ราเชนตั้งใจที่จะทำครอบครัวให้อบอุ่น อยากให้นิศาอยู่บ้านคอยเป็นแม่บ้านแม่เรือนดูแลเขา แต่สุดท้ายมันไม่ใช่ แรกๆ ภรรยาของเขาก็กลับบ้านตามปกติ ตั้งแต่เพื่อนที่กลับจากอเมริกากลับมา เธอก็เที่ยวกลางคืนตลอด ส่วนกลางวันก็เอาแต่ช่วยบิดาของเธอดูแลกิจการ บางวันแทบจะไม่ได้คุยกันสักคำ

          การมีแพทเข้ามาในชีวิต ขายหนุ่มหวังว่าความฝันของเขาคงจะได้เป็นจริง ถ้าเธอไม่ทิ้งเขาไปก่อน เพราะราเชนก็รู้ว่าหญิงสาวเป็นคนดี คงทนกับสภาพภรรยาน้อยได้ไม่นาน

          “สวัดดีจ๊ะ ไม่ไปทำงานแต่มีเวลามาเดินซื้อของ อยากให้ฝ่ายบุคคลได้มาเห็นจัง”

          หญิงสาวหันไปตามเสียง ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือผู้หญิงที่แย่งคนรักของเธอไปนั่นเอง

          “ทรายไปกลับเถอะได้ครบแล้วนี่”

          ดิวเดินเข้ามาคว้าแขนทรายไว้ โดยที่ไม่ทันได้สังเกตว่า ผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างหน้าคือใคร พอเห็นเต็มตาดิวถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ

          “ผมไปรอที่หน้าห้องน้ำนะ”

          ไม่ใช่แค่สะดุ้งแต่เขาไม่กล้าแม้แต่จะสบตา ผู้หญิงที่เขาเคยรักมาหลายปี แต่ตอนนี้เขากลับทั้งทุบทั้งตีเธอ

          “ซื้อของเยอะจัง เอาไปทำขายเหรอจ๊ะ ลางานนานแบบนี้ระวังจะตกงาน ที่เตือนก็เพราะสงสาร เห็นว่าผัวก็ทิ้งแล้ว ไม่อยากให้ต้องไม่มีงานทำอีก”

          “ขอบใจนะที่เป็นห่วง ชีวิตฉันหลุดพ้นจากนรกแล้ว ขอบคุณเธอด้วยนะที่ลงไปอยู่ในนั้นแทน”

          แพทไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว ความเจ็บช้ำมันทำให้เธอทันคนมากขึ้น เธอไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมากมาย ไม่จำเป็นต้องใช้คำหยาบคาย แต่ก็ทำให้ผู้หญิงตรงหน้ายืนกำมือแน่นด้วยความโมโห

          เมื่อเห็นว่าพูดจนสะใจแล้ว แพทก็เดินไปทางอื่น เพราะไม่อยากจะมีเรื่องให้อายคน เธอเลือกที่จะโทรศัพท์บอกให้ราเชนมาเอาตะกร้ารถเข็นไปคิดเงิน ส่วนเธอจะไปรอที่รถ เพราะไม่อยากให้ทั้งสองคนเห็นว่าเธอมากับใคร

          “คุณเป็นอะไรหรือเปล่าแพท”

          ราเชนถามเมื่อว่าเห็นตั้งแต่ออกมาจากห้างสรรพสินค้า คนข้างๆเขาเอาแต่นั่งเงียบ

          “แพทแค่รู้สึกว่าดิวเขาเปลี่ยนไป หรือจริงๆแล้วเขาเป็นคนแบบนี้ตั้งแต่แรก แต่แพทเองที่มองผิดไป”

          “ทำไมล่ะ” คนขับหันมาถาม

          “ก็ตอนที่ดิวหันมาเห็นว่าทรายกำลังคุยกับแพท เขาก็ชิงเดินหนีออกมาเลย แบบนี้แพทว่ามันดูไม่แมน ตลอดเวลาที่คบกันมา แพทคิดว่าดิวเป็นสุภาพบุรุษที่สุด แต่ตอนนี้คิดว่าตัวเองคงมองคนผิดไป”

          “ผมแอบเห็นนะ ว่าคุณพูดอะไรสักอย่างจนทำให้ทรายเขาสั่นไปทั้งตัว ผมคิดว่าจะมีเรื่องกันเสียแล้ว”

          “นี่คุณแอบดูเหรอคะ ร้ายจริงๆ”

          หญิงสาวหันเอามือเล็กมาตีไปที่แขนของคนขับด้วยความหมั่นไส้

          “แพทจะให้ผมเดินเข้าไปแสดงตัวหรือไงล่ะ ว่าแต่คุณบอกผมสิว่าคุณพูดอะไรกับเขา”

          หญิงสาวเล่าความจริงทุกบทสนทนาให้สามีฟัง ราเชนถึงกับอึ้งไปเลยกับคำพูดของแพทที่ทั้งคมและเป็นการด่าที่สุภาพมาก

          “วาจาใช่เล่นเลยนะ สงสัยถ้าวันไหนนิศาเข้ารู้เรื่องเรา                มีหวังคุณเถียงชนะแน่”

          ราเชนเผลอพูดไปโดยที่ไม่ทันได้คิด กว่าจะคิดได้ก็หลุดปากไปเต็มๆแล้ว

          “ถ้าเป็นคุณนิศา แพทจะยืนให้เธอตบตรงนั้นเลยค่ะ จะไม่ตอบโต้ใด ๆและพร้อมที่จะก้มลงกราบเธอถ้ามันจะทดแทนความผิดที่แพททำกับเธอได้”

          บรรยากาศในรถกลับมาเงียบอีกครั้ง แต่ช่วงนี้เป็นช่วงรถติดเพราะคนกำลังเลิกงานทั้งคู่จึงต้องอยู่บนรถด้วยกันอีกนาน ราเชนไม่ชอบให้เป็นแบบนี้เลย เขาจึงพยายามคิดเรื่องที่จะเอามาชวนคนข้างๆคุย

          “เออเกือบลืมบอกเลย ผมซื้อเครื่องซักผ้า ตู้เย็นแล้วก็เครื่องอบอาหาร พรุ่งนี้ทางห้างจะเอาไปส่ง ผมให้เบอร์คุณไว้แล้ว”

          ราเชนตั้งใจจะบอกพรุ่งนี้ตอนเขาไปทำงานแล้ว เพื่อให้หญิงสาวแปลกใจ แต่เพราะตอนนี้ไม่มีเรื่องจะพูดแล้ว เขาจึงจำเป็นต้องบอกก่อน

          “ตู้เย็นก็มีแล้วนี่คะ จะซื้อใหม่ทำไม” แพทหันมามองหน้าอย่างสงสัย

          “ตู้เก่ามันเล็กเกินไป เดี๋ยวถ้าคุณไปทำงานแล้วเราคงไม่มีเวลาไปซื้อของบ่อยๆ ผมอยากกินอาหารฝีมือคุณทุกวัน เราจะได้ซื้อของสดมาตุนไว้”

          ราเชนอธิบายตามเหตุผลจริงๆ เพราะตู้เย็นที่มีอยู่แช่ขวดน้ำแค่ไม่กี่ขวด หมูแค่ไม่กี่ถุงก็เต็มแล้ว

          “คุณจะมากินข้าวกับแพททุกวันเลยเหรอคะ แล้วคุณนิศาเธอจะกินกับใคร” คนถามทำเสียงเหมือนรู้สึกผิด

          “แพทคุณรู้ไหมเกือบปีแล้วที่ผมกินข้าวคนเดียว นิศาเขามีเวลาอยู่บ้านแค่หลังตีสองจนถึงสามโมงเช้าเท่านั้น”

          “แล้วที่คุณบอกว่าของจะมาส่งพรุ่งนี้ หมายความว่าพรุ่งนี้คุณก็ยังจะไม่ให้แพทไปทำงานเหรอคะ”

          เธอหยุดงานมาสองวันแล้ว ถ้าพรุ่งนี้อีกวันเธอก็จะโดนไล่ออก เพราะไม่มีใบรับรองแพทย์

          “หน้ายังไม่หายดีเลย คุณไต้องกลัวหรอกว่าคนอื่นจะสงสัยหรือคุณจะถูกไล่ออก ผมบอกฝ่ายบุคคลว่าผมขับรถเชี่ยวคุณก็เลยต้องให้คุณลางาน และขอให้เขาเก็บเป็นความลับ เพราะผมกลัวคุณไปแจ้งความเรียกเงิน”

          หญิงสาวหันไปมองหน้าคนเล่า เธอไม่คิดเลยว่าผู้ชายอย่างราเชนจะโกหกได้เป็นเรื่องเป็นราวแบบนี้

          “สงสัยต่อไปถ้าคุณบอกอะไรแพท แพทคงต้องคิดก่อนเชื่อเสียแล้ว เพราะคุณโกหกเก่งใช่เล่นเลย”

          ทั้งคู่ต่างพากันขำ ที่ฝ่ายบุคคลก็ยอมเชื่อในสิ่งที่เจ้านายโกหก

          กว่าจะถึงคอนโดก็เป็นชั่วโมงทั้งที่จริงแล้วคอนโดกับห้างสรรพสินค้าอยู่ห่างกันแค่2กิโลเมตรเท่านั้น แต่รถติดทุกแยกเลย เพราะเป็นช่วงที่คนกำลังเลิกงานแล้วพากันกลับที่พัก

          “วันนี้เหนื่อยแล้วก็ดึกแล้ว แพทขอทำอะไรง่ายๆให้คุณกินไปก่อนนะคะ ขอเวลาไม่เกินยี่สิบนาที”

          ราเชนนั่งเลื่อนโทรศัพท์ไปมา เขารู้สึกผิดขึ้นมาจึงส่งข้อความไปบอกนิศาว่าเขาไม่ได้กลับบ้านนะ ข้อความถูกอ่านแต่ตอบกลับมาเป็นสติ๊กเกอร์ว่าโอเค ชายหนุ่มคิดในใจเขาไม่น่าส่งไปเลย เพราะสุดท้ายอีกฝ่ายก็ไม่ได้สนใจอะไรในตัวเขา

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status