ในค่ำคืนที่หนาวเย็นจนรู้สึกถึงความเยือกเย็นที่แทรกซึมเข้าไปในทุกอณูของเมืองหลวง หิมะตกปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้าและพื้นดิน แสงจากเตาไฟที่อยู่ภายในห้องทอแสงอุ่นๆ แต่ความหนาวเย็นนั้นกลับไม่ได้หายไปเสียทีเดียว ภายในห้องที่สงบและเงียบสงัดนี้ องค์ชายที่นอนอยู่บนแท่นไม้เล็กๆ ข้างเตียงดูเหมือนเขาจะไม่สบายจากบาดแผลที่โดนแจกัน และแผลที่มือรับมีดแทนเธอพระชายาที่ยืนมององค์รัชทายาทจากมุมหนึ่งภายในห้อง รู้สึกสงสารพระองค์จับใจ ใบหน้าของพระที่เคยแข็งกร้าวตอนนี้ดูอ่อนโยนและเจ็บปวดกับความหนาวจัดและพิษไข้"หลินเหม่ยเยียน... ข้าหนาว ข้าขอนอนเตียงเจ้าหน่อยได้หรือไม่?"น้ำเสียงออดอ้อนขององค์รัชทายาททำให้หัวใจของพระชายาสะท้าน นางรับรู้ถึงความอ่อนแอที่เขาแอบซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีแข็งกร้าวพระชายาไม่ตอบ นางเพียงเดินไปเปิดตู้ข้างเตียง หยิบผ้าห่มผืนหนาออกมาแล้วหันกลับไปยื่นให้เขา ทว่าก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร ร่างสูงกลับก้าวเข้ามาใกล้… และกอดนางจากด้านหลัง"ข้าไม่ได้อยากได้ผ้าห่ม ข้าอยาก..." เสียงของเขาแผ่วเบา ทว่าซ่อนความนัยลึกซึ้ง"ปล่อยข้าเถอะ ข้าไม่อยากฟาดฟันอะไรกับคนป่วยอย่างท่าน" พระชายารีบพูด แต่กลับไม่มีผลใดๆ เ
เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังใกล้เข้ามา ก่อนที่ร่างองครักษ์หนุ่มจะคุกเข่าลงตรงหน้าองค์รัชายาท ดวงตาของเขาฉายแววเคร่งเครียด“องค์รัชทายาท! ข้าสืบเรื่องนี้จนได้ความแล้วพ่ะย่ะค่ะ”พระองค์เงยหน้าขึ้น ดวงตาคมกริบวาวโรจน์ด้วยความกดดัน“เป็นฝีมือของใคร?”“ตงหยาง พ่ะย่ะค่ะ”บรรยากาศในห้องเงียบสนิท อุณหภูมิราวกับลดต่ำลง องค์ชายหรี่ตา เสียงของพระองค์เย็นเยียบจนทำให้จินฝานรู้สึกเสียวสันหลัง“เจ้าแน่ใจหรือ?”จินฝานกลืนน้ำลาย ก่อนกล่าวต่ออย่างระมัดระวัง“พ่ะย่ะค่ะ ก่อนที่แม่นางเหม่ยจูจะถูกวางยา นางได้ไปพบตงหยางที่ศาลาข้างวัดหยงเห่อ พยานหลายคนเห็นว่าทั้งคู่แอบมาพบกันบ่อยครั้ง...และในวันนั้น พวกเขาทะเลาะกัน ตงหยางพยายามบังคับให้เหม่ยจูกินอะไรบางอย่าง แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไร”องค์รัชทายาทกำหมัดแน่น ความเย็นเยียบในแววตาแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธจินฝานรีบกล่าวต่อ“จากนั้น...แม่นางเหม่ยจูกลับไปที่จวนของพระชายา แต่พระชายาเองก็เหมือนจะถูกวางยาสลบเช่นกัน กระหม่อมให้คนไปตรวจสอบกำยานที่จุดในห้อง พบว่ามีส่วนผสมของยาที่ทำให้หมดสติ”องค์รัชทายาทขมวดคิ้ว ก่อนพึมพำกับตนเอง“ตอนข้าเข้าไปในห้องวันนั้น...ข้าก็ได้กลิ่นแปลก
ตำหนักองค์หญิงเล็ก ในคืนนี้กลับมีแต่ความโกลาหลและเสียงหวีดร้องสะท้อนก้องไปทั่ว เมื่อองค์หญิงเล็กถึงคราวประสูติ หากแต่ความทุกข์ร้อนยิ่งเพิ่มพูนเพราะทารกในครรภ์ไม่ยอมกลับหัว หมอหลวงและหมอตำแยต่างเร่งรุดมายังตำหนักอย่างเร่งรีบ"พวกเจ้าจงช่วยลูกข้าให้ได้!" ฮองเฮาตรัสเสียงสั่น น้ำเสียงแฝงไปด้วยความกังวลพระชายายืนเคียงข้างฮองเฮา เช่นเดียวกับองค์รัชทายาทที่จับพระหัตถ์มารดาไว้แน่น พยายามส่งกำลังใจในยามวิกฤติ"ทำไงดี เด็กไม่กลับหัว จะรอดไหมนะ? นี่ถ้าเป็นคนอื่นที่ทะลุมิติมา ในซีรีส์ส่วนใหญ่เป็นหมอ ผ่าคลอดได้ แต่ฉันเป็นแค่เชฟ ไม่ใช่หมอ... ตาย ๆ อย่าหาทำเลยลี่หรง!"นางบ่นพึมพำในลำคอ หัวใจเต้นระรัว“กลัวหรือ?” องค์ชายเอ่ยถาม ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย“ไม่... ข้าแค่ห่วงองค์หญิงเล็ก” พระชายาตอบเสียงเบา“ข้านึกว่าเจ้าจะกลัวจนไม่กล้ามีองค์ชายให้ข้าเสียอีก” องค์ชายพูดแล้วยิ้มเยาะพระชายา“องค์ชายนี่ไม่ใช่เวลาจะพูดเล่นนะ!” พระชายาหันมาทำตาดุใส่ องค์รัชทายาทได้แต่ยิ้มอย่างสำรวม“ข้ามีกระป๋องออกซิเจน ขอเข้าไปในห้องคลอดได้ไหม อย่างน้อยข้าจะได้ช่วยปลอบโยนองค์หญิงเล็ก” พระชายาเอ่ยขอ ฮองเฮาตรัสอนุญาต นางจ
ท้องพระโรง..."ถวายบังคมฝ่าบาท พ่ะย่ะค่ะ ข้าได้สืบทราบมาว่า มหาเสนาบดีหลินเซียวคิดกบฏ รวบรวมทหารทางตอนเหนือ และซื้อขายอาวุธนอกเหนือจากซื้อให้กับราชสำนัก เกณฑ์ชาวบ้านมาเป็นทหารประจำกองทัพตน ใครไม่ยินยอมฆ่าทิ้งสถานเดียว" เสนาบดีเฉินหลางกล่าวรายงาน"เสนาบดีเฉินหลาง หากเจ้าไม่มีหลักฐาน อย่าได้กล่าวหาข้าโดยไร้เหตุผล ข้าเองจะทำเช่นนั้นไปเพื่ออะไร "เสนาบดีเฉินหลาง—พ่อตาขององค์ชายสี่—แค่นหัวเราะ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน"เจ้าคงกลัวว่า หากวันหนึ่งองค์ชายรัชทายาทไม่ได้ขึ้นครองบัลลังก์จริง บุตรสาวของเจ้าจะพลาดตำแหน่งฮองเฮา ตระกูลของเจ้าก็จะไร้ซึ่งอำนาจและผู้สนับสนุน?""เจ้า!..เจ้าคิดได้อย่างไร เดิมทีองค์ชายรัชทายาทก็มีสิทธิ์ครองบัลลังก์ต่อจากฝ่าบาทอยู่แล้ว ข้าย่อมไม่มีเหตุผลใดต้องทำเช่นนั้น"“เมื่อดูหลักฐานเดี๋ยวก็รู้” เสนาบดีเฉินหลางยิ้มอย่างเย้ยหยัน"หลักฐานการซื้อขายอาวุธ พะยะค่ะ" ขุนนางคนหนึ่งกล่าวพลางยื่นเอกสารให้ฮ่องเต้ฮ่องเต้ทอดพระเนตรหลักฐานครู่หนึ่งก่อนตรัสขึ้น"เรื่องนี้ต้องมีการตรวจสอบ หามิได้ที่ข้าจะตัดสินโทษมหาเสนาบดีโดยไร้ซึ่งความจริง เอาเป็นว่า ข้าจะสั่งให้กักบริเวณมหาเสนาบด
องค์ชายรัชทายาทมุ่งหน้าสู่ทางตอนเหนือของพระราชวัง เพื่อตามสืบเรื่องการซื้อขายอาวุธอย่างลับ ๆ ระหว่างทาง ขบวนของพระองค์ถูกลอบโจมตีโดยกลุ่มชายชุดดำที่โผล่ออกมาจากเงามืดรอบป่า เสียงกระบี่กระทบกันดังสนั่น เปลวไฟจากคบเพลิงสะท้อนกับคมอาวุธที่วาดผ่านอากาศองค์ชายรัชทายาทตวัดกระบี่ในมืออย่างแม่นยำ การเคลื่อนไหวของพระองค์สง่างามดุจพยัคฆ์ร้ายกลางศึก เพียงแค่กวาดสายตา พระองค์ก็มองออกถึงจุดอ่อนของศัตรู กระบี่ในมือพุ่งแทงฉับไวทะลุเกราะของชายชุดดำที่พุ่งเข้ามา เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นก่อนร่างนั้นจะล้มลง“ล้อมให้แน่น! อย่าให้มันหนีไปได้!” เสียงของศัตรูตะโกนสั่งคนของตนแต่ไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานฝีมือขององค์ชายได้ พระองค์หมุนตัว หลบการโจมตีได้อย่างแม่นยำ มือหนึ่งปัดป้องด้วยกระบี่ อีกมือหนึ่งคว้ากริชจากเอวของศัตรูแล้วปักกลับไปอย่างรวดเร็ว เลือดพุ่งกระเซ็นเต็มพื้นดินจินฝาน! คุมกำลังล้อมไว้ อย่าให้เหลือรอด!”“พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย!จินฝานและทหารชั้นดีบุกจู่โจมเข้าไปอย่างพร้อมเพรียง เสียงร้องของศัตรูดังระงม เสียงกระบี่ฟาดฟันกันเป็นจังหวะชวนให้ขนลุกการต่อสู้กินเวลาไม่นาน ศัตรูค่อย ๆ ร่วงลงไปทีละคนจนเหลือเพียงคว
ชุมชนกระบี่กลางป่า เงาของต้นไม้สูงทอดทับพื้นดิน ช่างตีเหล็กมากมายตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เสียงค้อนกระทบเหล็กดังก้องไปทั่ว คลอไปกับไอร้อนจากเตาเผารอบนอกของชุมชน องค์ชายรัชทายาทและทหารชุดดำซุ่มอยู่ในพุ้มไม้ใหญ่พร้อมโจมตีตลอดเวลา ดวงตาคมจับจ้องไปยังกลุ่มทหารจากในวัง พระองค์จำได้ดี—พวกนั้นคือทหารคนสนิทของเสนาบดีเฉินหลาง และตอนนี้ พวกมันกำลังสั่งทำอาวุธจำนวนมาก เอกสารซื้อขายถูกลงนามโดยมหาเสนาบดีหลินเซียว ซึ่งเป็นการปลอมแปลงอย่างเห็นได้ชัด! นี่มันแผนใส่ร้ายที่แยบยลนักองค์รัชทายาทรอจังหวะ จนกระทั่งการซื้อขายเสร็จสิ้นแล้วจึงนำทหารเข้าจับกุม แต่ในตอนนี้ พระองค์อยู่ในชุดดำปิดหน้าไร้ผู้ใดจำได้ เสียงกระบี่ปะทะกันดังก้องกลางป่า การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด ทว่าเมื่อองค์ชายเริ่มเป็นฝ่ายได้เปรียบ ทันใดนั้น! ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งตรงไปยังเจ้าของโรงตีเหล็กฉีเฟิงฉึก!องค์องค์รัชทายาทไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว พระองค์พุ่งเข้าขวาง รับธนูอาบพิษแทน เสียงตะโกนด้วยความตระหนก"องค์ชายรัชทายาท!"จินฝานพึ่งมาถึงพอดี รีบเข้ารับร่างองค์ชายที่กำลังทรุดลง"จับพวกมันให้หมด! อย่าให้หนีได้แม้แต่คนเดียว!" เขาสั่งการด้วยเสีย
เรือนพักชุมชนซุ้มกระบี่แสงแรกของวันค่อย ๆ แทรกผ่านแนวไม้สูง ลำแสงสีทองส่องลอดผ่านใบไม้ที่ไหวเอนตามสายลมเอื่อย ทอดตัวเป็นลวดลายระยับบนพื้นดิน อากาศยามเช้าหลังค่ำคืนแห่งสายหมอกเย็นจัดจนเห็นไอขาวบางลอยเหนือพื้นดิน เสียงสายน้ำจากลำธารเล็ก ๆ ที่ไหลอยู่ไม่ไกลสร้างบรรยากาศเช้าตรู่ที่เงียบสงบแต่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวาทว่า… ภายในห้องพักอันอบอุ่น มีเพียงเสียงหายใจสม่ำเสมอของสองร่างที่แนบชิดใต้ผ้าห่มหนานุ่มเสียงจินฝาน องครักษ์คนสนิท ดังขึ้นจากหน้าห้อง“ขอประทานอภัย องค์ชายรัชทายาทและพระชายาทรงเป็นอย่างไรบ้าง พ่ะย่ะค่ะ”เสียงทุ้มขององค์ชายตอบรับทันที แม้ยังงัวเงียเล็กน้อย“ข้าและพระชายาสบายดี เจ้าวางเครื่องเสวยไว้ในห้องได้เลย ข้าให้พระชายาพักสักครู่ ขอบใจพวกเจ้ามาก”จินฝานและซีจินสบตากันพร้อมรอยยิ้มก่อนรับคำ“พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อเสียงฝีเท้าค่อย ๆ ห่างออกไป ความเงียบก็กลับเข้าปกคลุมห้องอีกครั้งองค์รัชทายาททอดพระเนตรพระชายาผู้ยังคงหลับใหล แก้มเนียนนวลแนบอยู่กับอกของพระองค์ เส้นผมดำขลับสยายเต็มหมอน ลมหายใจอุ่น ๆ ของนางแผ่วเบาบนอกของพระองค์ ความรู้สึกอบอุ่นเอ่อท้นอยู่ในใจองค์รัชทายาทยกมือขึ้น ลูบไล้กล
เสียงคุกเข่ากระทบพื้นดังก้องท่ามกลางบรรยากาศขึงขังแห่งท้องพระโรง"ถวายบังคมฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญ!"ฮ่องเต้เพียงยกพระหัตถ์ขึ้นเล็กน้อย ดวงตาทรงอำนาจทอดมองลงมาที่ขุนนางและองค์รัชทายาทที่หมอบอยู่เบื้องล่าง"ไม่ต้องมากพิธี""เรื่องที่ข้าให้สืบเกี่ยวกับการสั่งซื้ออาวุธจำนวนมาก—นอกเหนือจากของราชสำนัก ผลเป็นอย่างไร?"องค์รัชทายาทเงยหน้าขึ้นขึ้น ดวงตาแน่วแน่ก่อนจะกล่าว"ทูลฝ่าบาท กระหม่อมได้สืบเรื่องนี้ด้วยตัวเองที่ชุมชนซุ้มกระบี่ และพบว่าผู้อยู่เบื้องหลังการสั่งซื้อทั้งหมดคือเสนาบดีเฉินหลาง พ่ะย่ะค่ะ เขาแอบอ้างชื่อของมหาเสนาบดีหลินเซียวเพื่อปกปิดร่องรอย"พระองค์ทรงยื่นม้วนฎีกาและหลักฐานทั้งหมดขึ้นถวาย ฮ่องเต้ทอดพระเนตรเพียงครู่เดียว พระองค์ทรงกริ้วมาก"บังอาจนัก! เจ้า…ทำเช่นนี้เพื่อสิ่งใด? เจ้าคิดก่อกบฏรึ?" เสียงฝ่าบาทก้องกังวานกดดันบรรยากาศทั่วท้องพระโรงให้หนักอึ้งเสนาบดีเฉินหลางรีบหมอบกราบจนหน้าผากแนบกับพื้น หยาดเหงื่อเย็นเยียบเกาะตามไรผม"กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมเพียง…ไม่ชอบมหาเสนาบดีหลินเซียว จึงคิดใส่ร้ายเขา!"เสียงซุบซิบของเหล่าขุนนางดังระงม ทว่าทันใดนั้น ขุนนางอาวุโ
พระราชวังต้องประดับประดาด้วยโคมไฟสีแดงงดงามทั่วทุกทิศ เสียงกลองและฆ้องกึกก้องไปทั่วเพื่อเฉลิมฉลองพิธีสำคัญที่สุดของแผ่นดินพิธีราชาภิเษกขององค์รัชทายาท และการแต่งตั้งฮองเฮาณ ท้องพระโรง เหล่าขุนนางต่างคุกเข่าแสดงความเคารพต่อฮ่องเต้องค์ใหม่ เสียงขานถวายพระพรดังกึกก้อง"ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี!"ฮ่องเต้องค์ก่อนทอดพระเนตรพระโอรสด้วยสายตาภาคภูมิ พระองค์ทรงสละราชบัลลังก์อย่างสง่างามและเต็มไปด้วยความไว้วางใจ"ตั้งแต่นี้ไป เจ้าคือฮ่องเต้ ผู้ครองบัลลังก์แผ่นดินจงหยวน"ฮ่องเต้ตรัสด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนส่งมอบตราพระราชลัญจกรให้องค์รัชทายาทในชุดฉลองพระองค์มังกรยืนอย่างสง่างาม รับตราพระราชลัญจกรด้วยความมั่นคงและหนักแน่น "เสด็จพ่อ ข้าจะปกครองแผ่นดินนี้ด้วยสติปัญญาและความยุติธรรม"เสียงโห่ร้องยินดีดังกึกก้องทั่วทั้งพระราชวัง พิธีบรมราชาภิเษกสำเร็จลุล่วงพิธีแต่งตั้งฮองเฮา...หลังจากพิธีบรมราชาภิเษกสำเร็จ พิธีแต่งตั้งฮองเฮาก็เริ่มต้นขึ้น นางในพากันโปรยกลีบดอกโบตั๋นตลอดทางเดิน พระชายาในชุดแต่งงานสีแดงลวดลายปักไหมทอง สง่างามราวเทพธิดา พระนางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้"ถวายพระพร ฝ่าบาท" พระ
วันมงคล ...ในพระราชวังอันโอฬารถูกประดับประดาด้วยโคมแดงระยับ งานสมรสอันยิ่งใหญ่ถูกจัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติ เสียงฆ้องกังวานดังไปทั่วลานพิธี ชวนให้หัวใจทุกคนเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นองค์รัชทายาทในฉลองพระองค์ชุดแดงเข้มปักลวดลายมังกรยืนตระหง่านอยู่กลางโถง ดวงตาคมกริบทอดมองไปข้างหน้าอย่างแน่นิ่ง ราวกับมิได้มีจิตใจร่วมอยู่ในพิธีการอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ทุกย่างก้าวที่พระองค์ยืนอยู่นั้นคือหน้าที่ มิใช่สิ่งที่หัวใจปรารถนาเสียงฝีเท้าแผ่วเบาของเจ้าสาวในฉลองพระองค์แดงสดดังใกล้เข้ามา ผ้าคลุมหน้าปักลวดลายหงส์ทองสะท้อนแสงเทียนไหวระริก ทุกย่างก้าวชวนให้บรรยากาศราวกับต้องมนต์แต่ดวงตาคมขององค์รัชทายาทยังคงเฉยชา แม้ทุกคนรอบกายจะจับจ้องด้วยความคาดหวัง พระองค์มิได้ยินดีกับงานวิวาห์นี้แม้แต่น้อย เพราะในพระทัยยังคงเชื่อว่าพระชายาที่พระมารดาทรงเลือกให้คือ หมิงจิวทว่า...เมื่อสายลมแผ่วเบาพัดผ่าน กลิ่นหอมละมุนจากร่างบางตรงหน้ากลับทำให้พระวรกายชะงักไปชั่วขณะ กลิ่นอันคุ้นเคย...กลิ่นของ พระชายาลี่หรง หญิงเดียวที่พระองค์รักสุดหัวใจ แต่เธอได้จากไปนานแล้ว มิอาจเป็นไปได้ที่เธอจะมายืนอยู่ตรงหน้าเสียงปี่กู่เจิงดังแว่ว
ตำหนักไป๋ฮวา…ในเช้าวันนี้ปกคลุมไปด้วยม่านหมอกแห่งความเศร้า เหล่านางกำนัลและองครักษ์ต่างยืนนิ่ง เสียงสะอื้นเงียบๆ ปะปนไปกับบรรยากาศแห่งความสูญเสีย ตำหนักที่เคยก้องกังวานไปด้วยเสียงหัวเราะของพระชายา บัดนี้กลับเหลือเพียงความเงียบงันและความว่างเปล่าองค์รัชทายาทประทับยืนอยู่ใต้ต้นเหมย น้ำตาที่เขาพยายามกักเก็บกลับเอ่อล้นออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้“ซีจิน ขอบใจเจ้ามากที่ดูแลข้าอย่างดี ข้าจะไม่ลืมพวกเจ้าเลย”พระชายาเอ่ยขึ้น เสียงของนางสั่นไหวแต่ยังคงแฝงด้วยความอ่อนโยน ราวกับกำลังพยายามปลอบโยนผู้ที่ยังอยู่ซีจินเม้มปากแน่น พยายามสะกดกลั้นน้ำตา แต่สุดท้ายเขากลับต้องก้มหน้าลง ปล่อยหยาดน้ำตาไหลรินลงสู่พื้นดิน“พระชายา... โปรดดูแลพระองค์ให้ดีเพคะ”ลี่หรงพยักหน้าอย่างอ่อนแรง หันไปหาจางจือ นางมองเพื่อนรักทั้งน้ำตา“จางจือ ข้าฝากร้านกับเจ้า ช่วยซีจินดูแลมันให้ดี ขอโทษที่ไม่ได้อยู่ร่วมยินดีในวันสำคัญของเจ้า”จางจือร้องไห้จนตัวสั่น นางสะอื้นไห้แทบเป็นลม ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า“พระชายา... ข้าไม่อยากให้ท่านไป ฮึก... ข้าอยากให้ท่านอยู่กับพวกเราตลอดไป”ลี่หรงแตะไหล่ของจางจือเบาๆ เป็นการปลอบโยนครั้งสุด
ค่ำคืนอันยาวนานผ่านไป พระชายายังคงหมดสติ แม้ได้รับยาถอนพิษแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววจะฟื้น องค์รัชทายาทจับมือพระชายาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยตลอดทั้งคืนจนเผลอหลับไปรุ่งเช้า...เสียงแผ่วเบาของพระชายาที่เพิ่งฟื้นจากพิษดังขึ้นเบาๆ"องค์รัชทายาท... ท่านปลอดภัยดีหรือไม่?"องค์รัชทายาทสะดุ้งตื่น รีบหันไปมองพระชายาด้วยแววตาตื้นตัน"พระชายา! เจ้าได้สติแล้ว ข้าดีใจเหลือเกิน! ข้านึกว่าเจ้าจะไม่กลับมาหาข้าเสียแล้ว"พระชายายิ้มอ่อน แม้ใบหน้าจะยังซีดเซียวเพราะพิษที่เพิ่งถูกขับออกจากร่าง"แล้วทุกคนล่ะ... ปลอดภัยดีหรือไม่?""องค์ชายสี่และทุกคนปลอดภัยดี" องค์รัชทายาทตอบ"ข้าสังหารตงหยางแล้ว จินฝานก็สามารถจับตัวนางกำนัลขององค์ชายสี่ได้ แม่ทัพเหวินจิ้นหงได้ค้นพบอาวุธที่เสนาบดีเฉินหลางลอบสั่งซื้อ ทุกคนสารภาพว่าคิดก่อกบฏและต้องการหนุนให้องค์ชายสี่ขึ้นครองราช ตอนนี้ทั้งหมดถูกจองจำและรอการตัดสินโทษ"พระชายาถอนหายใจยาว รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อย"ในที่สุด ข้าก็สามารถล้างมลทินให้หลินเหม่ยเยียนได้เสียที... ต่อจากนี้ข้าก็สบายใจแล้ว"องค์รัชทายาทบีบมือพระชายาแน่นขึ้น"ใช่ เจ้าทำสำเร็จแล้ว... และจากนี้ไป เราจะได้อยู่ด้วยก
ภายในตำหนักหลวง องค์รัชทายาทถวายรายงานต่อฮ่องเต้ด้วยสีหน้าจริงจัง“เสด็จพ่อ พ่ะย่ะค่ะ ข้าให้แม่ทัพเหวินจิ้นหงไปสืบเรื่องของพระชายาซูซินมาแล้ว นางมีบุตรหนึ่งคนชื่อตงฉี แต่ร่างกายของเขาไม่สมประกอบ ขาซ้ายพิการ และพระชายายังมีบุตรอีกคนหนึ่งชื่อตงหยาง เกิดจากทหารชั้นพิเศษ บัดนี้เขาเสียชีวิตไปแล้ว”ฮ่องเต้พยักพระพักตร์ครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตรัสด้วยเสียงแฝงความลึกซึ้ง“สามารถให้คนไปรับเขากลับมาได้หรือไม่? เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต ควรได้รับการสะสางเสียที”“ได้พ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทตอบรับหนักแน่นฮ่องเต้ทอดพระเนตรองค์รัชทายาทอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตรัสออกมาอย่างอ่อนล้า“ข้าได้หารือกับเสด็จแม่ของเจ้าแล้ว... สุขภาพของข้าไม่ค่อยดีนัก เจ็บออดๆ แอดๆ มาตลอด ข้าอยากสละบัลลังก์ให้เจ้าได้ว่าราชการแทน เพราะข้าเอง... เหนื่อยเต็มทน”ในขณะที่ฮ่องเต้ตรัส นางกำนัลผู้หนึ่งเดินเข้ามาพร้อมของว่างในถาด นางทำทีเป็นรับใช้ แต่แท้จริงแล้วกำลังจับตาดูบทสนทนาอยู่ นางเป็นคนขององค์ชายสี่ องค์รัชทายาทมองดูสีหน้าของนางแล้วจำได้ทันที แต่ทรงแสร้งทำเป็นไม่สนใจเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต“เสด็จพ่อยังทรงแข็งแรงนัก มิจำเป็นต้องรีบแต่
ยามเย็น—แสงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ท้องฟ้าถูกแต้มด้วยสีแดงฉานปะปนม่วงคราม หมู่นกน้อยรีบบินกลับรังในร่มเงาต้นไม้สูงใหญ่ ลมหนาวพัดผ่านพระราชวังอันกว้างใหญ่แต่ทว่าภายในเขตวังหลวงกลับไม่มีความสงบเลยแม้แต่น้อย…ภายในตำหนักหลวง วุ่นวายราวกับรังแตนแตกรัง หมอหลวงในชุดคลุมสีขาวเร่งเดินกันขวักไขว่ เสียงฝีเท้ากระทบพื้นดัง เสียงสั่งการดังขึ้นไม่ขาดระยะ บางคนหอบหิ้วกล่องยา บางคนถือตำราแพทย์พลิกหาวิธีรักษา ข่าวเรื่อง ฮ่องเต้ประชวรหนัก แพร่สะพัดไปทั่วพระราชวังเพียงไม่นาน เสียงขันทีรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหยุดหน้าพระตำหนักขณะที่รถม้าขององค์รัชทายาทและพระชายาค่อย ๆ ชะลอและจอดเสียงร้องเรียกอย่างร้อนรนก็ดังขึ้นทันที“องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ! ขอทรงรีบไปเฝ้าฝ่าบาทเถิดพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ทรงอาการหนักมากแล้ว!”ขันทีที่วิ่งเข้ามาคุกเข่าลงอย่างลนลาน ใบหน้าซีดเผือดดั่งคนสิ้นหวังองค์รัชทายาทก้าวลงจากรถม้าทันที ดวงตาแข็งกร้าวขึ้นแฝงความกังวล “เสด็จพ่อเป็นอะไร?”“ฝ่าบาททรงหน้ามืด มือสั่น เหงื่อออก ตัวเย็น... และที่สำคัญ ทรงเพ้อไม่รู้เรื่องพ่ะย่ะค่ะ!”หัวใจขององค์รัชทายาทกระตุกวูบ คิ้วเข้มขมวดแน่น มือกำหมัดโดยไม่รู้ตัว
ร้านขายชุดนอนของพระชายากลายเป็นที่กล่าวขวัญทั่ววังหลวง ฮูหยินใหญ่ ฮูหยินเล็ก ตลอดจนเหล่าสตรีสูงศักดิ์ต่างพากันมาเลือกสรรด้วยความตื่นตาตื่นใจผ้าที่นำมาจำหน่ายล้วนเป็นเนื้อแพรบางเบาละเอียดอ่อน เมื่อสัมผัสแล้วให้ความรู้สึกราวกับละอองไหมไหลลื่นผ่านปลายนิ้วชุดนอนไม่ได้นอน ของร้านนี้แตกต่างจากชุดนอนทั่วไป สีสันเย้ายวนสะดุดตา ไม่ว่าจะเป็น สีแดงเข้มเย้ายวน สีดำลึกลับน่าค้นหา หรือ สีชมพูหวานละมุน ทุกชุดล้วนถูกออกแบบให้เผยผิวเนียนนวลอย่างมีชั้นเชิง สายเดี่ยวบางเฉียบเปิดไหล่เนียนนุ่ม ลวดลายลูกไม้ปักละเอียดอ่อนเน้นความหรูหรา มีทั้งแบบเรียบโก้และแบบปักดิ้นทองสำหรับงานค่ำคืนสุดพิเศษพื้นที่ในร้านตกแต่งอย่างประณีต ให้บรรยากาศผ่อนคลายและเป็นกันเอง สตรีทั้งหลายสามารถเลือกซื้อได้อย่างเพลิดเพลิน มีสาวใช้คอยบริการอย่างใกล้ชิด เสิร์ฟน้ำชาหอมกรุ่นพร้อมขนมหวานรสเลิศให้ลิ้มลอง ชุดนอนเหล่านี้แม้ราคาไม่แพง แต่เมื่อต้องตาต้องใจแล้ว กลับกลายเป็นสินค้าที่ทำกำไรได้อย่างมหาศาล“การออกแบบชุดในอนาคตที่เราอยู่กลับกลายเป็นที่นิยมสมัยโบราณ ช่างดีจริงๆ รวยแล้วเรา” ลี่หรงพูดกับตัวเองอย่างสุขใจเสียงล้อรถม้าหรูหราดังขึ
ยามเช้าอากาศเย็นสบาย ลมอ่อนพัดพากลิ่นดินหอมกรุ่นหลังจากค่ำคืนที่มีน้ำค้างโปรยปราย แสงอาทิตย์สีทองค่อย ๆ ลอดผ่านแนวต้นไม้กระทบกับผืนดินหลังตำหนักที่เคยรกร้าง ทว่าบัดนี้กำลังจะถูกแปรเปลี่ยนเป็นสวนผักที่อุดมสมบูรณ์กลางลานดินที่เพิ่งถูกไถพรวน พระชายาในชุดชาวสวน สีครีมนวลเรียบง่าย ผมยาวรวบขึ้นมัดด้วยผ้าสีอ่อน ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อจากไอแดด องค์รัชทายาทมองด้วยแววตาหลงใหล ก่อนจะปรายตามองตัวเองที่แต่งกายเช่นเดียวกัน ที่สวมเสื้อชาวสวนสีเข้ม กางเกงผ้าฝ้าย แม้จะแต่งแบบชาวบ้านธรรมดา แต่ความสง่างามยังไม่จางหาย"องค์รัชทายาท ท่านดูดีที่สุดเลยเมื่อแต่งตัวแบบนี้" พระชายาเอ่ยพลางหัวเราะเบา ๆ"พระชายาก็เช่นกัน เจ้าดูน่ารักแปลกตา น่าค้นหาเสียจริง""เลิกชมกันได้แล้ว มาทางนี้เลยองค์รัชทายาท มาขุดดินเตรียมเพาะปลูกเมล็ด"องค์รัชทายาทรีบคว้าจอบขึ้นมา "รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ พระชายา"จินฝานและซีจิน รวมถึงนางกำนัลและองครักษ์ต่างช่วยกัน ถางหญ้า ปรับหน้าดิน และขุดหลุม เตรียมปลูกพืชพันธุ์ เมล็ดพริก ข้าวโพด มันฝรั่ง และมะเขือเทศถูกนำออกมาจัดเตรียมขณะทุกคนลงมือทำงาน ซีจินเอ่ยถามขึ้นมาพลางหยิบเมล็ดข้าวโพดขึ้นดู"
ตำหนักไป๋ฮวา...แสงจันทร์อ่อนโยนสาดส่องลอดผ่านม่านโปร่งบาง ๆ ตกกระทบลงบนพื้นไม้ ภายในตำหนักไป๋ฮวา สถานที่ซึ่งเป็นเสมือนรังรักขององค์รัชทายาทและพระชายา บรรยากาศสงบเงียบ ทว่ากลับอบอวลไปด้วยไออุ่นแห่งความรักของทั้งสองพระชายาทอดสายตามองดวงจันทร์ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเจือรอยยิ้ม"องค์รัชทายาท ข้าได้ซื้อที่สำหรับเปิดร้านขายผ้าเรียบร้อยแล้ว คาดว่าอีกสองสามวันข้าคงได้เปิดร้านและต้องขายดีมากแน่ ๆ"ดวงตาคมลึกขององค์รัชทายาทจับจ้องพระชายาด้วยความเอ็นดู ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ"ชายาของข้า เจ้าไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลยหรือ? หากข้ายังคงออกรบเช่นเมื่อก่อน ข้าคงไม่ได้รับจดหมายจากเจ้าสักฉบับเป็นแน่ เพราะเจ้ามัวแต่ขยันทำงานแทบจะลืมข้าแล้ว"พระชายาหัวเราะเบา ๆ"โธ่... ข้ามาอยู่ที่นี่ทั้งที ข้าย่อมต้องทำงาน เพราะในที่ที่ข้ามา ข้าก็ทำงานทุกวันอยู่แล้ว"องค์รัชทายาทขยับเข้ามาใกล้ ดวงตาฉายแววสนใจ"เจ้าเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ ที่ที่เจ้าจากมานั้นเป็นเช่นไร? ข้าอยากรู้"พระชายายิ้มบาง ๆ พลางทอดสายตาไปยังเบื้องนอก คล้ายหวนนึกถึงอดีต"ได้สิ ข้าเรียกที่แห่งนั้นว่า ‘ฮ่องกง’ ... ที่นั่นเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก