ตำหนักองค์หญิงเล็ก ในคืนนี้กลับมีแต่ความโกลาหลและเสียงหวีดร้องสะท้อนก้องไปทั่ว
เมื่อองค์หญิงเล็กถึงคราวประสูติ หากแต่ความทุกข์ร้อนยิ่งเพิ่มพูนเพราะทารกในครรภ์ไม่ยอมกลับหัว หมอหลวงและหมอตำแยต่างเร่งรุดมายังตำหนักอย่างเร่งรีบ
"พวกเจ้าจงช่วยลูกข้าให้ได้!" ฮองเฮาตรัสเสียงสั่น น้ำเสียงแฝงไปด้วยความกังวล
พระชายายืนเคียงข้างฮองเฮา เช่นเดียวกับองค์รัชทายาทที่จับพระหัตถ์มารดาไว้แน่น พยายามส่งกำลังใจในยามวิกฤติ
"ทำไงดี เด็กไม่กลับหัว จะรอดไหมนะ? นี่ถ้าเป็นคนอื่นที่ทะลุมิติมา ในซีรีส์ส่วนใหญ่เป็นหมอ ผ่าคลอดได้ แต่ฉันเป็นแค่เชฟ ไม่ใช่หมอ... ตาย ๆ อย่าหาทำเลยลี่หรง!"
นางบ่นพึมพำในลำคอ หัวใจเต้นระรัว
“กลัวหรือ?” องค์ชายเอ่ยถาม ดวงตาเปี่ยมไปด้วยความห่วงใย
“ไม่... ข้าแค่ห่วงองค์หญิงเล็ก” พระชายาตอบเสียงเบา
“ข้านึกว่าเจ้าจะกลัวจนไม่กล้ามีองค์ชายให้ข้าเสียอีก” องค์ชายพูดแล้วยิ้มเยาะพระชายา
“องค์ชายนี่ไม่ใช่เวลาจะพูดเล่นนะ!” พระชายาหันมาทำตาดุใส่ องค์รัชทายาทได้แต่ยิ้มอย่างสำรวม
“ข้ามีกระป๋องออกซิเจน ขอเข้าไปในห้องคลอดได้ไหม อย่างน้อยข้าจะได้ช่วยปลอบโยนองค์หญิงเล็ก” พระชายาเอ่ยขอ ฮองเฮาตรัสอนุญาต นางจึงรีบเข้าไปโดยไม่รั้งรอ
“องค์หญิงอดทนหน่อยนะเพคะ ผ่อนคลาย หายใจลึกๆ” พระชายากล่าวปลอบ มือจับกระป๋องออกซิเจนครอบจมูกองค์หญิงเล็ก ช่วยให้หายใจสะดวกยิ่งขึ้น ขณะหมอตำแยช่วยปรับท่าเด็กให้คลอดได้ง่าย
“ออกแรงอีกนิดเพคะองค์หญิง!” หมอตำแยเร่งสั่ง พระชายาประคองร่างองค์หญิงเล็ก ซบไหล่เธอเป็นที่พึ่งพิง มือทั้งสองจับกันแน่น
“ใกล้แล้วเพคะ อีกนิดเดียว จะได้เห็นพระโอรสแล้ว!”
เสียงหวีดร้องขององค์หญิงเล็กและเสียงลุ้นระทึกของหมอหลวงดังขึ้นพร้อมๆ กัน จนในที่สุดก็มีเสียงร้องเล็กๆ ของทารกแทรกผ่านความเงียบ เสียงนั้นก้องไปทั่วห้อง เป็นสัญญาณของชีวิตใหม่ที่ถือกำเนิด
“คลอดแล้วเพคะ! เป็นองค์ชายน้อย!” หมอตำแยประกาศด้วยน้ำเสียงปีติ
องค์หญิงเล็กมองดูทารกน้อย น้ำตาเอ่อล้นด้วยความสุข นางหันมามองพระชายา ดวงตาเต็มไปด้วยความขอบคุณ
“พักผ่อนมากๆ จะได้ฟื้นตัวเร็ว จะได้มีแรงเลี้ยงองค์ชายน้อยนะ” พระชายากล่าวอย่างอ่อนโยน
“ขอบคุณพระชายา” เสียงอ่อนระโหย แต่แฝงไปด้วยความรู้สึกลึกซึ้ง
“ไม่เป็นไร เจ้าก็เหมือนน้องสาวข้าคนหนึ่ง เห็นเจ้าและลูกปลอดภัย ข้าก็มีความสุขแล้ว” พระชายากล่าวพลางยิ้ม ปลอบประโลมดั่งพี่สาวแท้ๆ
เมื่อออกจากห้องคลอด พระชายาพบองค์ชายรัชทายาทและฮองเฮารออยู่ ทุกคนต่างยินดีปรีดาที่ได้หลานชาย
“เจ้าเหนื่อยไหม?” องค์ชายถามพร้อมเอื้อมมือมาโอบไหล่
“ข้าไม่เหนื่อย ข้าดีใจที่ได้เป็นกำลังใจให้องค์หญิงเล็ก” พระชายากล่าวพร้อมรอยยิ้มบางๆ
“เจ้าช่างน่ารักจริงๆ” องค์ชายกล่าวชื่นชม แววตาเต็มไปด้วยความรักใคร่
“เรากลับไปพักที่ตำหนักก่อนเถอะ” พระองค์พูดเบาๆ พลางพยุงพระชายาอย่างทะนุถนอม สองร่างเดินเคียงข้างกัน
ระหว่างทาง องค์ชายเห็นถึงความผิดปกติ ชายชุดดำ 5-6 คนมุ่งหน้าไปยังตำหนักขององค์ชาย 4 องค์ชายรัชทายาทพยักหน้าให้จินฝานตามไปทันที
“พระชายารีบกลับตำหนักกันเถอะ” องค์รัชทายาทไม่พูดอะไรมากมาย จูงมือพระชายาไปตำหนักให้เร็วที่สุด
ตำหนักไป๋ฮวาในยามราตรีช่างเงียบสงัด…
มีเพียงเสียงลมหนาวที่พัดผ่านยอดไม้ กระทบหน้าต่างจนเกิดเสียงกึกก้องเป็นระยะ โคมไฟในห้องพลิ้วไหวตามแรงลม เผยให้เห็นเงาร่างของสองบุคคลที่กำลังสนทนากันด้วยสีหน้าตึงเครียด
“องค์รัชทายาท...เกิดอะไรขึ้น?” พระชายาถามด้วยความสงสัย น้ำเสียงของนางเต็มไปด้วยความกังวล
องค์รัชทายาทขมวดคิ้ว ค่อย ๆ หันมามองนาง ดวงตาคมลึกฉายแววครุ่นคิดก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ข้าสังเกตเห็นคนชุดดำมุ่งหน้าไปทางตำหนักองค์ชายสี่ ข้าให้จินฝานไปสืบอยู่...พวกเขาต้องมีแผนการบางอย่างแน่”
พระชายานิ่งงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
“ท่านคิดว่าการตายของเหม่ยจูเกี่ยวข้องกับองค์ชายสี่หรือไม่?”
องค์ชายจ้องมองนางด้วยสายตาคมกริบ ก่อนจะเอ่ยตอบช้า ๆ
“ข้าไม่แน่ใจว่าเกี่ยวข้องหรือไม่...แต่มั่นใจว่าตงหยางต้องมีส่วนเกี่ยวข้องแน่นอน”
ความเงียบเข้าปกคลุมระหว่างทั้งสองชั่วขณะ ก่อนที่องค์รัชทายาทจะถอนหายใจลึกแล้วกล่าวขึ้น
“พระชายา...เจ้าควรพักผ่อนเสีย วันนี้เจ้าเหนื่อยมามากแล้ว หากฝืนต่อไป ร่างกายเจ้าจะทนไม่ไหว”
ยังไม่ทันที่พระชายาจะตอบ องค์ชายก็ขยับเข้ามาใกล้และอุ้มนางขึ้นทันที นางสะดุ้งเล็กน้อย แต่ยังไม่ทันได้ทัดทาน องค์ชายก็วางนางลงบนเตียง
“ท่านจะทำอะไร?” พระชายาถามเสียงเบา ดวงตาสั่นระริก
องค์รัชทายาทหัวเราะเบา ๆ พลางส่ายหน้า
“ข้าไม่ทำอะไรเจ้าหรอก...เพียงแค่อยากให้เจ้าพักผ่อน”
พระองค์ค่อย ๆ นั่งลงข้างเตียง ก่อนจะเอื้อมมือไปถอดรองเท้าให้พระชายาด้วยความนุ่มนวล ราวกับทะนุถนอมสิ่งล้ำค่าที่สุดในชีวิต พระชายาจ้องมองพระองค์ด้วยสายตาอบอุ่น หัวใจของนางเต้นแรงอย่างห้ามไม่อยู่
องค์ชายที่เคยเย็นชาของข้า...กลับกลายเป็นคนที่คลั่งรักไปเสียแล้ว โชคดีของข้าจริง ๆ ...
พระชายายิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัว
“เจ้ายิ้มอะไร?” องค์ชายถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ข้าเพียงรู้สึกว่า...ข้าโชคดีมาก ที่ท่านดูแลข้าเช่นนี้”
องค์รัชทายาทสบตานางนิ่ง ก่อนจะกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ก็เจ้าเป็นชายาของข้า...หากข้าไม่ดูแลเจ้า ข้าควรจะไปดูแลใครกัน?”
พระชายาเม้มปากแน่น ก่อนจะกล่าวขึ้นเบา ๆ
“ท่านจะมีแค่ข้าเป็นชายาคนเดียวใช่หรือไม่?”
องค์ชายเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย รอยยิ้มบาง ๆ ปรากฏขึ้นที่มุมปาก
“ทำไม? หรือเจ้าอยากให้ข้ามีชายารองเพิ่ม?”
พระชายาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะพูดเสียงแผ่ว
“ข้าได้ยินพวกนางกำนัลพูดกัน...ว่าจะแต่งตั้งหมิงจิวให้เป็นชายารองของท่าน”
องค์ชายมองนางด้วยสายตาคมกริบ รอยยิ้มของเขาเจือไปด้วยความนึกสนุก
“แล้วเจ้าอยากให้ข้ารับนางเป็นชายารองหรือไม่?”
พระชายาหลุบตาลงก่อนจะเอ่ยช้า ๆ
“หากท่านรักชอบนาง...ข้าจะถอยให้เอง”
นางหยุดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ในชีวิตคู่ของข้า หากอยู่เป็นผัวเดียวเมียเดียวไม่ได้...ข้าไม่ขอมีคู่ดีกว่า”
องค์รัชทายาทจ้องมองนางนิ่ง ดวงตาของเขาทอประกายบางอย่างที่อ่านไม่ออก
“เจ้าพูดเช่นนี้...เจ้าก็รู้คำตอบอยู่แล้ว”
พระชายาเงยหน้าขึ้นสบตาเขา
“หมายความว่าอย่างไร?”
องค์ชายขยับเข้ามาใกล้ ก่อนจะกระซิบชิดริมหูนาง
“ก็หากเจ้าอยากมีผัวเดียวเมียเดียว...ข้าก็จะเป็นเช่นนั้น”
นางเบิกตากว้าง ก่อนที่ใบหน้าจะเริ่มร้อนผ่าว องค์ชายใช้ปลายนิ้วไล้ปลายคางนางเบา ๆ แล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
“ข้ารักเจ้า จะให้ข้ามีชายารองอีกได้อย่างไร? ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องเป็นทุกข์...เช่นเดียวกับเสด็จแม่ของข้า ที่ต้องทนเจ็บปวดเพราะพระสวามี มีชายาหลายคน”
หัวใจของพระชายาเต้นแรงจนแทบหลุดออกจากอก น้ำตาเอ่อคลอเบา ๆ นางพึมพำเสียงสั่น
“ขอบคุณท่าน...ที่เข้าใจข้า”
องค์รัชทายาทไม่พูดอะไร เพียงแต่พยุงนางให้นอนลงอย่างแผ่วเบา ก่อนจะห่มผ้าให้
“นอนเถอะ...คืนนี้ข้าจะอยู่ข้างเจ้า ไม่มีสิ่งใดพรากเราไปได้”
พระชายาสบตาพระองค์อย่างทะเล้น ราวกับอยากจะพูดบางอย่าง แต่ก็ลังเล องค์รัชทายาทชายหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะใช้นิ้วเขี่ยจมูกนางเบา ๆ
“ข้าสัญญา...หากเจ้าไม่เต็มใจ ข้าจะไม่ขืนใจเจ้าเด็ดขาด ข้าจะรอจนกว่าเจ้าพร้อม...เชื่อใจข้านะ”
พระชายาแทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่ นางได้แต่คิดในใจ
"องค์รัชทายาท...สุภาพบุรุษอะไรตอนนี้กัน? ตั้งแต่วันที่ท่านบอกรักข้า ข้าพร้อมทุกเมื่อ เหลือแค่ท่านจะเป็นฝ่ายเริ่มก่อนก็เท่านั้น..."
แต่สุดท้ายนางก็พูดออกไปไม่ได้ ได้แต่ยิ้มแล้วซุกตัวเข้าหาเขาอย่างออดอ้อน
องค์ชายมองดูนางด้วยสายตาเอ็นดู ก่อนจะกดจูบแผ่วเบาที่หน้าผาก แล้วโอบกอดนางแน่น
ไออุ่นของพวกพระองค์แผ่ซ่านไปทั่วห้อง...แม้ข้างนอกจะเต็มไปด้วยหิมะที่ตกหนักก็ตาม
เช้าวันรุ่งขึ้น...
“องค์หญิงเพคะไปต้องตำหนักองค์หญิงเล็กเถิดเพคะ นางไม่สบายมีไข้ทั้งคืน อาการไม่ค่อยดีเลยเพคะ” ซีจินกล่าวดังมาจากนอกห้อง
“ท่านไปทำงานก่อนเถอะ ข้าจะไปดูองค์หญิงเล็กหน่อย”
“ข้าอยากนอนต่อ เจ้านอนเป็นเพื่อนข้าหน่อย”
“องค์ชายท่านต้องตื่นได้แล้วนะ ข้าต้องไปแล้ว ป่านนี้เสด็จแม่ท่านร้อนใจมากแล้ว ข้าจะไปดูพวกนางก่อน”
องค์ชายยิ้มที่เห็นพระชายาเป็นห่วงครอบครัวเขาเช่นนี้
“ท่านยิ้มอะไร”
“ยิ้มที่เจ้าดูลุกลี้ลุกลนเป็นห่วงเสด็จแม่กับน้องข้านะสิ”
“เพราะพวกเขาคือครอบครัวของข้า ข้าจะปล่อยให้เขาทุกข์ใจได้อย่างไร”
“ข้าคิดไม่ผิดที่รักเจ้า ขอบคุณนะพระชายาลี่หรง”
นางยิ้มและพยักหน้ารับทันที
“ซีจินแต่งตัวให้ข้าและไปหาเสด็จแม่กัน”
"องค์หญิงเล็กเป็นอย่างไรบ้างเพคะ เสด็จแม่"
"น้องของเจ้ามีไข้สูงมาก ทำอย่างไรก็ไม่ลด" "หมอหลวงว่าอย่างไรบ้าง" "บอกแค่อาการไข้หลังคลอด ให้ยาลดไข้แล้วแต่ไม่ดีขึ้น" "ข้าขอดูนางหน่อย"พระชายารีบก้าวไปข้างเตียง มองเห็นองค์หญิงเล็กนอนโทรมอยู่ สีหน้าซีดเซียว เหงื่อเม็ดโตไหลซึม เสื้อเปียกไปด้วยน้ำนมที่เอ่อล้นออกมา นางจรดสายตาลงต่ำ ขอจับหน้าอกองค์หญิงเล็กทันที นางสัมผัสได้ถึงก้อนแป้งแข็งที่เต้านม อาการอักเสบจากท่อน้ำนมอุดตันชัดเจน
"ซีจินขอกลองยาให้ข้า"
ซีจินส่งยามาให้ พระชายาหยิบเลซิตินออกมา นางรู้ว่ายาตัวนี้ช่วยลดความหนืดของน้ำนม ทำให้ท่อไขมันไม่อุดตันและไหลได้สะดวกขึ้น จากนั้นเธอสั่งให้นางกำนัลเย็บถุงทราย นำไปนึ่งแล้วประคบลงบนเต้านมให้กับองค์หญิงเล็ก
"องค์หญิงเล็ก อดทนหน่อยนะเพคะ" พระชายากระซิบเสียงอ่อนโยน ก่อนจับถุงทรายอุ่นประคบลงบนผิวเนื้อที่บวมตึง
"อ๊า..." องค์หญิงเล็กกัดฟันสะกดกลั้นความเจ็บ แต่ไม่นาน ความอุ่นจากถุงทรายก็ช่วยให้ก้อนแข็งที่อุดตันเริ่มคลายตัว น้ำนมไหลออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ
ฮองเฮามองภาพนั้นด้วยความประหลาดใจ ก่อนอุทานออกมา "พระชายา เจ้า..."
พระชายาเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มบางๆ
"ไม่เป็นไรหรอกเพคะเสด็จแม่ ผู้หญิงด้วยกัน ข้าช่วยน้องสาวของข้าได้"
ฮองเฮาสัมผัสได้ถึงความจริงใจและความเอื้ออาทรของลูกสะใภ้ นางยิ้มออกมาอย่างชื่นชม
"ข้าจะเตรียมน้ำสมุนไพรบำรุงน้ำนมให้เจ้า ช่วงนี้ดื่มน้ำขิงอุ่นๆ จะช่วยเร่งน้ำนมได้ดี"
"ขอบคุณพระชายามากมาก ท่านช่วยข้าอีกแล้ว"
"อย่าเกรงใจ ข้าบอกเจ้าหลายครั้งแล้วว่าเจ้าเป็นน้องสาวของข้า"
"องค์ชายรัชทายาทโชคดีที่มีท่านข้างกาย" องค์หญิงเล็กพูดออกมาด้วยร้อยยิ้มที่ซึ้งใจ
"แม่ก็ว่าเช่นนั้น" ฮองเฮาพูดจากใจจริง
อาการขององค์หญิงเล็กดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไข้ลดลงมากแล้ว ฮองเฮาจึงโล่งใจ พระชายาจึงขอตัวกลับตำหนัก
ทันทีที่พระชายาเดินออกจากตำหนักองค์หญิงเล็ก หน้าประตูตำหนักก็พบกับองค์ชายรัชทายาทที่เพิ่งมาถึงพอดี
"ข้ามารับเจ้ากลับตำหนัก" เขาเอื้อมมือมาตรงหน้าหญิงสาว ทว่าพระชายาเพียงแค่ยิ้มแล้วส่ายหน้า
"องค์รัชทายาท ข้าเดินไม่ไหวหรอกเพคะ" พระชายาเย้าหยอก
ดวงตาคมกริบขององค์รัชทายาทจ้องนางเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะเอื้อมมือคว้าตัวนางขึ้นในอ้อมแขนอย่างไม่ลังเล
"อ๊ะ! องค์รัชทายาท!" พระชายาอุทานออกมาด้วยความตกใจ มือเล็กตะกุยไหล่กว้างของพระองค์าเบาๆ "ปล่อยข้าเถอะเพคะ!"
"ข้าจะอุ้มเจ้ากลับตำหนักเอง" เขาประกาศหนักแน่น ราวกับไม่รับฟังคำคัดค้านใดๆ
"องค์รัชทายาท! ข้าไม่ได้เป็นอะไร! ข้าล้อเล่นข้าเดินไหว ปล่อยเร็วอายคนอื่นเขานะ"
"แต่ข้าอยากอุ้ม!"
คำพูดสั้นๆ แต่หนักแน่นขององค์รัชทายาท ทำให้พระชายาพูดไม่ออก หัวใจเธอกระตุกวูบ ความร้อนผ่าววิ่งขึ้นมาจนถึงใบหู องค์ชายรัชทายาทเดินอุ้มเธอออกไป โดยไม่สนใจสายตาของเหล่านางกำนัลและองครักษ์ที่มองตามด้วยรอยยิ้ม
จินฝานและซีจินที่เดินตามหลังมาถึงกับหัวเราะเบาๆ พูดพร้อมกันว่า
"องค์ชายรัชทายาท คลั่งรักอีกแล้ว!"
ท้องพระโรง..."ถวายบังคมฝ่าบาท พ่ะย่ะค่ะ ข้าได้สืบทราบมาว่า มหาเสนาบดีหลินเซียวคิดกบฏ รวบรวมทหารทางตอนเหนือ และซื้อขายอาวุธนอกเหนือจากซื้อให้กับราชสำนัก เกณฑ์ชาวบ้านมาเป็นทหารประจำกองทัพตน ใครไม่ยินยอมฆ่าทิ้งสถานเดียว" เสนาบดีเฉินหลางกล่าวรายงาน"เสนาบดีเฉินหลาง หากเจ้าไม่มีหลักฐาน อย่าได้กล่าวหาข้าโดยไร้เหตุผล ข้าเองจะทำเช่นนั้นไปเพื่ออะไร "เสนาบดีเฉินหลาง—พ่อตาขององค์ชายสี่—แค่นหัวเราะ ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน"เจ้าคงกลัวว่า หากวันหนึ่งองค์ชายรัชทายาทไม่ได้ขึ้นครองบัลลังก์จริง บุตรสาวของเจ้าจะพลาดตำแหน่งฮองเฮา ตระกูลของเจ้าก็จะไร้ซึ่งอำนาจและผู้สนับสนุน?""เจ้า!..เจ้าคิดได้อย่างไร เดิมทีองค์ชายรัชทายาทก็มีสิทธิ์ครองบัลลังก์ต่อจากฝ่าบาทอยู่แล้ว ข้าย่อมไม่มีเหตุผลใดต้องทำเช่นนั้น"“เมื่อดูหลักฐานเดี๋ยวก็รู้” เสนาบดีเฉินหลางยิ้มอย่างเย้ยหยัน"หลักฐานการซื้อขายอาวุธ พะยะค่ะ" ขุนนางคนหนึ่งกล่าวพลางยื่นเอกสารให้ฮ่องเต้ฮ่องเต้ทอดพระเนตรหลักฐานครู่หนึ่งก่อนตรัสขึ้น"เรื่องนี้ต้องมีการตรวจสอบ หามิได้ที่ข้าจะตัดสินโทษมหาเสนาบดีโดยไร้ซึ่งความจริง เอาเป็นว่า ข้าจะสั่งให้กักบริเวณมหาเสนาบด
องค์ชายรัชทายาทมุ่งหน้าสู่ทางตอนเหนือของพระราชวัง เพื่อตามสืบเรื่องการซื้อขายอาวุธอย่างลับ ๆ ระหว่างทาง ขบวนของพระองค์ถูกลอบโจมตีโดยกลุ่มชายชุดดำที่โผล่ออกมาจากเงามืดรอบป่า เสียงกระบี่กระทบกันดังสนั่น เปลวไฟจากคบเพลิงสะท้อนกับคมอาวุธที่วาดผ่านอากาศองค์ชายรัชทายาทตวัดกระบี่ในมืออย่างแม่นยำ การเคลื่อนไหวของพระองค์สง่างามดุจพยัคฆ์ร้ายกลางศึก เพียงแค่กวาดสายตา พระองค์ก็มองออกถึงจุดอ่อนของศัตรู กระบี่ในมือพุ่งแทงฉับไวทะลุเกราะของชายชุดดำที่พุ่งเข้ามา เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นก่อนร่างนั้นจะล้มลง“ล้อมให้แน่น! อย่าให้มันหนีไปได้!” เสียงของศัตรูตะโกนสั่งคนของตนแต่ไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานฝีมือขององค์ชายได้ พระองค์หมุนตัว หลบการโจมตีได้อย่างแม่นยำ มือหนึ่งปัดป้องด้วยกระบี่ อีกมือหนึ่งคว้ากริชจากเอวของศัตรูแล้วปักกลับไปอย่างรวดเร็ว เลือดพุ่งกระเซ็นเต็มพื้นดินจินฝาน! คุมกำลังล้อมไว้ อย่าให้เหลือรอด!”“พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย!จินฝานและทหารชั้นดีบุกจู่โจมเข้าไปอย่างพร้อมเพรียง เสียงร้องของศัตรูดังระงม เสียงกระบี่ฟาดฟันกันเป็นจังหวะชวนให้ขนลุกการต่อสู้กินเวลาไม่นาน ศัตรูค่อย ๆ ร่วงลงไปทีละคนจนเหลือเพียงคว
ชุมชนกระบี่กลางป่า เงาของต้นไม้สูงทอดทับพื้นดิน ช่างตีเหล็กมากมายตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เสียงค้อนกระทบเหล็กดังก้องไปทั่ว คลอไปกับไอร้อนจากเตาเผารอบนอกของชุมชน องค์ชายรัชทายาทและทหารชุดดำซุ่มอยู่ในพุ้มไม้ใหญ่พร้อมโจมตีตลอดเวลา ดวงตาคมจับจ้องไปยังกลุ่มทหารจากในวัง พระองค์จำได้ดี—พวกนั้นคือทหารคนสนิทของเสนาบดีเฉินหลาง และตอนนี้ พวกมันกำลังสั่งทำอาวุธจำนวนมาก เอกสารซื้อขายถูกลงนามโดยมหาเสนาบดีหลินเซียว ซึ่งเป็นการปลอมแปลงอย่างเห็นได้ชัด! นี่มันแผนใส่ร้ายที่แยบยลนักองค์รัชทายาทรอจังหวะ จนกระทั่งการซื้อขายเสร็จสิ้นแล้วจึงนำทหารเข้าจับกุม แต่ในตอนนี้ พระองค์อยู่ในชุดดำปิดหน้าไร้ผู้ใดจำได้ เสียงกระบี่ปะทะกันดังก้องกลางป่า การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด ทว่าเมื่อองค์ชายเริ่มเป็นฝ่ายได้เปรียบ ทันใดนั้น! ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งตรงไปยังเจ้าของโรงตีเหล็กฉีเฟิงฉึก!องค์องค์รัชทายาทไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว พระองค์พุ่งเข้าขวาง รับธนูอาบพิษแทน เสียงตะโกนด้วยความตระหนก"องค์ชายรัชทายาท!"จินฝานพึ่งมาถึงพอดี รีบเข้ารับร่างองค์ชายที่กำลังทรุดลง"จับพวกมันให้หมด! อย่าให้หนีได้แม้แต่คนเดียว!" เขาสั่งการด้วยเสีย
เรือนพักชุมชนซุ้มกระบี่แสงแรกของวันค่อย ๆ แทรกผ่านแนวไม้สูง ลำแสงสีทองส่องลอดผ่านใบไม้ที่ไหวเอนตามสายลมเอื่อย ทอดตัวเป็นลวดลายระยับบนพื้นดิน อากาศยามเช้าหลังค่ำคืนแห่งสายหมอกเย็นจัดจนเห็นไอขาวบางลอยเหนือพื้นดิน เสียงสายน้ำจากลำธารเล็ก ๆ ที่ไหลอยู่ไม่ไกลสร้างบรรยากาศเช้าตรู่ที่เงียบสงบแต่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวาทว่า… ภายในห้องพักอันอบอุ่น มีเพียงเสียงหายใจสม่ำเสมอของสองร่างที่แนบชิดใต้ผ้าห่มหนานุ่มเสียงจินฝาน องครักษ์คนสนิท ดังขึ้นจากหน้าห้อง“ขอประทานอภัย องค์ชายรัชทายาทและพระชายาทรงเป็นอย่างไรบ้าง พ่ะย่ะค่ะ”เสียงทุ้มขององค์ชายตอบรับทันที แม้ยังงัวเงียเล็กน้อย“ข้าและพระชายาสบายดี เจ้าวางเครื่องเสวยไว้ในห้องได้เลย ข้าให้พระชายาพักสักครู่ ขอบใจพวกเจ้ามาก”จินฝานและซีจินสบตากันพร้อมรอยยิ้มก่อนรับคำ“พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อเสียงฝีเท้าค่อย ๆ ห่างออกไป ความเงียบก็กลับเข้าปกคลุมห้องอีกครั้งองค์รัชทายาททอดพระเนตรพระชายาผู้ยังคงหลับใหล แก้มเนียนนวลแนบอยู่กับอกของพระองค์ เส้นผมดำขลับสยายเต็มหมอน ลมหายใจอุ่น ๆ ของนางแผ่วเบาบนอกของพระองค์ ความรู้สึกอบอุ่นเอ่อท้นอยู่ในใจองค์รัชทายาทยกมือขึ้น ลูบไล้กล
เสียงคุกเข่ากระทบพื้นดังก้องท่ามกลางบรรยากาศขึงขังแห่งท้องพระโรง"ถวายบังคมฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญ!"ฮ่องเต้เพียงยกพระหัตถ์ขึ้นเล็กน้อย ดวงตาทรงอำนาจทอดมองลงมาที่ขุนนางและองค์รัชทายาทที่หมอบอยู่เบื้องล่าง"ไม่ต้องมากพิธี""เรื่องที่ข้าให้สืบเกี่ยวกับการสั่งซื้ออาวุธจำนวนมาก—นอกเหนือจากของราชสำนัก ผลเป็นอย่างไร?"องค์รัชทายาทเงยหน้าขึ้นขึ้น ดวงตาแน่วแน่ก่อนจะกล่าว"ทูลฝ่าบาท กระหม่อมได้สืบเรื่องนี้ด้วยตัวเองที่ชุมชนซุ้มกระบี่ และพบว่าผู้อยู่เบื้องหลังการสั่งซื้อทั้งหมดคือเสนาบดีเฉินหลาง พ่ะย่ะค่ะ เขาแอบอ้างชื่อของมหาเสนาบดีหลินเซียวเพื่อปกปิดร่องรอย"พระองค์ทรงยื่นม้วนฎีกาและหลักฐานทั้งหมดขึ้นถวาย ฮ่องเต้ทอดพระเนตรเพียงครู่เดียว พระองค์ทรงกริ้วมาก"บังอาจนัก! เจ้า…ทำเช่นนี้เพื่อสิ่งใด? เจ้าคิดก่อกบฏรึ?" เสียงฝ่าบาทก้องกังวานกดดันบรรยากาศทั่วท้องพระโรงให้หนักอึ้งเสนาบดีเฉินหลางรีบหมอบกราบจนหน้าผากแนบกับพื้น หยาดเหงื่อเย็นเยียบเกาะตามไรผม"กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมเพียง…ไม่ชอบมหาเสนาบดีหลินเซียว จึงคิดใส่ร้ายเขา!"เสียงซุบซิบของเหล่าขุนนางดังระงม ทว่าทันใดนั้น ขุนนางอาวุโ
“เร็วเข้า ซีจิน! ข้ากำลังรีบ!” พระชายเร่งเร้า ขณะเตรียมตัวออกจากตำหนัก“พระชายา ใจเย็นๆ เพคะ” ซีจินกล่าว พลางพยายามจัดเสื้อให้พระชายาที่ดูจะกระตือรือร้นเกินไป“วันนี้เป็นวันเปิดร้านหม้อไฟมังกรแดง ต้องเอาฤกษ์เอาชัยให้ดี!” พระชายาพูดอย่างฮึกเหิม ก่อนจะรีบตรงไปขึ้นรถม้ามุ่งสู่ตลาดวังหลวงแต่ทันใดนั้น—ร่างสูงสง่าขององค์รัชทายาทก็ก้าวเข้ามาขวางทาง นัยน์ตาคมจับจ้องมาที่นางด้วยความสงสัย“ทำไมพระชายาของข้าต้องรีบร้อนถึงเพียงนี้?” น้ำเสียงของพระองค์เต็มไปด้วยความเอ็นดูนางยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนตอบ “วันนี้เป็นวันแรกที่ร้านหม่าล่าหม้อไฟมังกรแดงของข้าเปิดร้านเป็นทางการ ต้องไปเตรียมทุกอย่างให้พร้อม… ถ้าองค์รัชทายาททรงงานเสร็จแล้ว อย่าลืมตามไปอุดหนุนด้วยนะเพคะ~”พูดจบ นางก็ฉวยโอกาสโน้มตัวเข้าไปใกล้ จุ๊บเบาๆ บนแก้มของพระองค์ ก่อนจะหัวเราะคิกแล้วรีบกระโดดขึ้นรถม้า ทิ้งให้องค์รัชทายาทยืนตะลึง หน้าแดงซ่านเหล่านางกำนัลและองครักษ์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ต่างแอบกลั้นยิ้มกับภาพตรงหน้าองค์รัชทายาทมองตามรถม้าที่กำลังเคลื่อนออกไปแล้วพึมพำเบาๆ พลางยกมือแตะแก้มตัวเอง“พระชายา… เจ้าช่างแสนซนเสียจริง…”ตลาดเมืองหลวง…ตลาด
ตำหนักเฟิ่งหวง…ยามสายลมโชยแผ่วเบา กลิ่นดอกเหมยหอมกรุ่นไปทั่วสวน พระชายาและคุณหนูจางจือเดินเคียงข้างฮองเฮา พลางทอดสายตามองดอกไม้ที่ผลิบานต้อนรับฤดู“พระชายา แม่ชอบชุดนอนที่เจ้าตัดเย็บให้ ข้าใส่แล้วสบายตัวนัก ฝ่าบาทก็โปรดเช่นกัน เจ้าเย็บให้แม่อีกสักชุดได้หรือไม่?”“ได้เพคะเสด็จแม่” พระชายายิ้มหวาน ดวงตาทอประกายบางอย่าง “ที่จริงหม่อมฉันกำลังคิดจะเปิดร้านตัดเย็บในเร็วๆ นี้ คิดว่าเหล่าฮูหยินคงสนใจไม่น้อย”“ดีเลย” ฮองเฮาพยักหน้าพอใจ “ถ้าเช่นนั้น แม่จะอุดหนุนเจ้าเป็นคนแรก”“ขอบพระทัยเพคะ เสด็จแม่จะได้เป็นผู้ลองสวมใส่แบบใหม่ก่อนใครเลย”ฮองเฮายิ้มละไม ก่อนเอื้อมมือแตะมือพระชายาอย่างเอ็นดู “เจ้าเป็นบุตรสาวที่น่ารักของข้าเสมอ”คุณหนูจางจือเงียบฟังการสนทนา จนกระทั่งฮองเฮาหันมามองนางอย่างอ่อนโยน “จางจือ ข้ากับฝ่าบาทปรึกษากันแล้ว อยากพระราชทานสมรสให้เจ้ากับแม่ทัพเหวินจิ้นหง แม่ทัพใหญ่หนุ่มรูปงามทั้งกายใจ และยังเป็นสหายขององค์รัชทายาท เจ้าคิดเห็นเป็นเช่นไร?”คุณหนูจางจือสะดุ้งเฮือก“ทูลฮองเฮา... ข้ามีคนที่ข้าชอบอยู่แล้วเพคะ”แม้น้ำเสียงหนักแน่น แต่นัยน์ตาของนางยังเจือด้วยความกังวล นางชอบตงหยางมาโ
ตำหนักไป๋ฮวา...แสงจันทร์อ่อนโยนสาดส่องลอดผ่านม่านโปร่งบาง ๆ ตกกระทบลงบนพื้นไม้ ภายในตำหนักไป๋ฮวา สถานที่ซึ่งเป็นเสมือนรังรักขององค์รัชทายาทและพระชายา บรรยากาศสงบเงียบ ทว่ากลับอบอวลไปด้วยไออุ่นแห่งความรักของทั้งสองพระชายาทอดสายตามองดวงจันทร์ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเจือรอยยิ้ม"องค์รัชทายาท ข้าได้ซื้อที่สำหรับเปิดร้านขายผ้าเรียบร้อยแล้ว คาดว่าอีกสองสามวันข้าคงได้เปิดร้านและต้องขายดีมากแน่ ๆ"ดวงตาคมลึกขององค์รัชทายาทจับจ้องพระชายาด้วยความเอ็นดู ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ"ชายาของข้า เจ้าไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลยหรือ? หากข้ายังคงออกรบเช่นเมื่อก่อน ข้าคงไม่ได้รับจดหมายจากเจ้าสักฉบับเป็นแน่ เพราะเจ้ามัวแต่ขยันทำงานแทบจะลืมข้าแล้ว"พระชายาหัวเราะเบา ๆ"โธ่... ข้ามาอยู่ที่นี่ทั้งที ข้าย่อมต้องทำงาน เพราะในที่ที่ข้ามา ข้าก็ทำงานทุกวันอยู่แล้ว"องค์รัชทายาทขยับเข้ามาใกล้ ดวงตาฉายแววสนใจ"เจ้าเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ ที่ที่เจ้าจากมานั้นเป็นเช่นไร? ข้าอยากรู้"พระชายายิ้มบาง ๆ พลางทอดสายตาไปยังเบื้องนอก คล้ายหวนนึกถึงอดีต"ได้สิ ข้าเรียกที่แห่งนั้นว่า ‘ฮ่องกง’ ... ที่นั่นเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก
พระราชวังประดับประดาด้วยโคมไฟสีแดงงดงามทั่วทุกทิศ เสียงกลองและฆ้องกึกก้องไปทั่วเพื่อเฉลิมฉลองพิธีสำคัญที่สุดของแผ่นดินพิธีราชาภิเษกขององค์รัชทายาท และการแต่งตั้งฮองเฮาณ ท้องพระโรง เหล่าขุนนางต่างคุกเข่าแสดงความเคารพต่อฮ่องเต้องค์ใหม่ เสียงขานถวายพระพรดังกึกก้อง"ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี!"ฮ่องเต้องค์ก่อนทอดพระเนตรพระโอรสด้วยสายตาภาคภูมิ พระองค์ทรงสละราชบัลลังก์อย่างสง่างามและเต็มไปด้วยความไว้วางใจ"ตั้งแต่นี้ไป เจ้าคือฮ่องเต้ ผู้ครองบัลลังก์แผ่นดินจงหยวน" ฮ่องเต้ตรัสด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนส่งมอบตราพระราชลัญจกรให้องค์รัชทายาทในชุดฉลองพระองค์มังกรยืนอย่างสง่างาม รับตราพระราชลัญจกรด้วยความมั่นคงและหนักแน่น "เสด็จพ่อ ข้าจะปกครองแผ่นดินนี้ด้วยสติปัญญาและความยุติธรรม"เสียงโห่ร้องยินดีดังกึกก้องทั่วทั้งพระราชวัง พิธีบรมราชาภิเษกสำเร็จลุล่วงพิธีแต่งตั้งฮองเฮา...หลังจากพิธีบรมราชาภิเษกสำเร็จ พิธีแต่งตั้งฮองเฮาก็เริ่มต้นขึ้น นางในพากันโปรยกลีบดอกโบตั๋นตลอดทางเดิน พระชายาในชุดแต่งงานสีแดงลวดลายปักไหมทอง สง่างามราวเทพธิดา พระนางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้"ถวายพระพร ฝ่าบาท" พระนา
วันมงคล ...ในพระราชวังอันโอฬารถูกประดับประดาด้วยโคมแดงระยับ งานสมรสอันยิ่งใหญ่ถูกจัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติ เสียงฆ้องกังวานดังไปทั่วลานพิธี ชวนให้หัวใจทุกคนเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นองค์รัชทายาทในฉลองพระองค์ชุดแดงเข้มปักลวดลายมังกรยืนตระหง่านอยู่กลางโถง ดวงตาคมกริบทอดมองไปข้างหน้าอย่างแน่นิ่ง ราวกับมิได้มีจิตใจร่วมอยู่ในพิธีการอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ทุกย่างก้าวที่พระองค์ยืนอยู่นั้นคือหน้าที่ มิใช่สิ่งที่หัวใจปรารถนาเสียงฝีเท้าแผ่วเบาของเจ้าสาวในฉลองพระองค์แดงสดดังใกล้เข้ามา ผ้าคลุมหน้าปักลวดลายหงส์ทองสะท้อนแสงเทียนไหวระริก ทุกย่างก้าวชวนให้บรรยากาศราวกับต้องมนต์แต่ดวงตาคมขององค์รัชทายาทยังคงเฉยชา แม้ทุกคนรอบกายจะจับจ้องด้วยความคาดหวัง พระองค์มิได้ยินดีกับงานวิวาห์นี้แม้แต่น้อย เพราะในพระทัยยังคงเชื่อว่าพระชายาที่พระมารดาทรงเลือกให้คือ หมิงจิวทว่า...เมื่อสายลมแผ่วเบาพัดผ่าน กลิ่นหอมละมุนจากร่างบางตรงหน้ากลับทำให้พระวรกายชะงักไปชั่วขณะ กลิ่นอันคุ้นเคย...กลิ่นของ พระชายาลี่หรง หญิงเดียวที่พระองค์รักสุดหัวใจ แต่เธอได้จากไปนานแล้ว มิอาจเป็นไปได้ที่เธอจะมายืนอยู่ตรงหน้าเสียงปี่กู่เจิงดังแว่ว
ตำหนักไป๋ฮวา…ในเช้าวันนี้ปกคลุมไปด้วยม่านหมอกแห่งความเศร้า เหล่านางกำนัลและองครักษ์ต่างยืนนิ่ง เสียงสะอื้นเงียบๆ ปะปนไปกับบรรยากาศแห่งความสูญเสีย ตำหนักที่เคยก้องกังวานไปด้วยเสียงหัวเราะของพระชายา บัดนี้กลับเหลือเพียงความเงียบงันและความว่างเปล่าองค์รัชทายาทประทับยืนอยู่ใต้ต้นเหมย น้ำตาที่เขาพยายามกักเก็บกลับเอ่อล้นออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้“ซีจิน ขอบใจเจ้ามากที่ดูแลข้าอย่างดี ข้าจะไม่ลืมพวกเจ้าเลย”พระชายาเอ่ยขึ้น เสียงของนางสั่นไหวแต่ยังคงแฝงด้วยความอ่อนโยน ราวกับกำลังพยายามปลอบโยนผู้ที่ยังอยู่ซีจินเม้มปากแน่น พยายามสะกดกลั้นน้ำตา แต่สุดท้ายเขากลับต้องก้มหน้าลง ปล่อยหยาดน้ำตาไหลรินลงสู่พื้นดิน“พระชายา... โปรดดูแลพระองค์ให้ดีเพคะ”ลี่หรงพยักหน้าอย่างอ่อนแรง หันไปหาจางจือ นางมองเพื่อนรักทั้งน้ำตา“จางจือ ข้าฝากร้านกับเจ้า ช่วยซีจินดูแลมันให้ดี ขอโทษที่ไม่ได้อยู่ร่วมยินดีในวันสำคัญของเจ้า”จางจือร้องไห้จนตัวสั่น นางสะอื้นไห้แทบเป็นลม ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า“พระชายา... ข้าไม่อยากให้ท่านไป ฮึก... ข้าอยากให้ท่านอยู่กับพวกเราตลอดไป”ลี่หรงแตะไหล่ของจางจือเบาๆ เป็นการปลอบโยนครั้งสุด
ค่ำคืนอันยาวนานผ่านไป พระชายายังคงหมดสติ แม้ได้รับยาถอนพิษแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววจะฟื้น องค์รัชทายาทจับมือพระชายาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยตลอดทั้งคืนจนเผลอหลับไปรุ่งเช้า...เสียงแผ่วเบาของพระชายาที่เพิ่งฟื้นจากพิษดังขึ้นเบาๆ"องค์รัชทายาท... ท่านปลอดภัยดีหรือไม่?"องค์รัชทายาทสะดุ้งตื่น รีบหันไปมองพระชายาด้วยแววตาตื้นตัน"พระชายา! เจ้าได้สติแล้ว ข้าดีใจเหลือเกิน! ข้านึกว่าเจ้าจะไม่กลับมาหาข้าเสียแล้ว"พระชายายิ้มอ่อน แม้ใบหน้าจะยังซีดเซียวเพราะพิษที่เพิ่งถูกขับออกจากร่าง"แล้วทุกคนล่ะ... ปลอดภัยดีหรือไม่?""องค์ชายสี่และทุกคนปลอดภัยดี" องค์รัชทายาทตอบ"ข้าสังหารตงหยางแล้ว จินฝานก็สามารถจับตัวนางกำนัลขององค์ชายสี่ได้ แม่ทัพเหวินจิ้นหงได้ค้นพบอาวุธที่เสนาบดีเฉินหลางลอบสั่งซื้อ ทุกคนสารภาพว่าคิดก่อกบฏและต้องการหนุนให้องค์ชายสี่ขึ้นครองราช ตอนนี้ทั้งหมดถูกจองจำและรอการตัดสินโทษ"พระชายาถอนหายใจยาว รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อย"ในที่สุด ข้าก็สามารถล้างมลทินให้หลินเหม่ยเยียนได้เสียที... ต่อจากนี้ข้าก็สบายใจแล้ว"องค์รัชทายาทบีบมือพระชายาแน่นขึ้น"ใช่ เจ้าทำสำเร็จแล้ว... และจากนี้ไป เราจะได้อยู่ด้วยก
ภายในตำหนักหลวง องค์รัชทายาทถวายรายงานต่อฮ่องเต้ด้วยสีหน้าจริงจัง“เสด็จพ่อ พ่ะย่ะค่ะ ข้าให้แม่ทัพเหวินจิ้นหงไปสืบเรื่องของพระชายาซูซินมาแล้ว นางมีบุตรหนึ่งคนชื่อตงฉี แต่ร่างกายของเขาไม่สมประกอบ ขาซ้ายพิการ และพระชายายังมีบุตรอีกคนหนึ่งชื่อตงหยาง เกิดจากทหารชั้นพิเศษ บัดนี้เขาเสียชีวิตไปแล้ว”ฮ่องเต้พยักพระพักตร์ครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตรัสด้วยเสียงแฝงความลึกซึ้ง“สามารถให้คนไปรับเขากลับมาได้หรือไม่? เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต ควรได้รับการสะสางเสียที”“ได้พ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทตอบรับหนักแน่นฮ่องเต้ทอดพระเนตรองค์รัชทายาทอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตรัสออกมาอย่างอ่อนล้า“ข้าได้หารือกับเสด็จแม่ของเจ้าแล้ว... สุขภาพของข้าไม่ค่อยดีนัก เจ็บออดๆ แอดๆ มาตลอด ข้าอยากสละบัลลังก์ให้เจ้าได้ว่าราชการแทน เพราะข้าเอง... เหนื่อยเต็มทน”ในขณะที่ฮ่องเต้ตรัส นางกำนัลผู้หนึ่งเดินเข้ามาพร้อมของว่างในถาด นางทำทีเป็นรับใช้ แต่แท้จริงแล้วกำลังจับตาดูบทสนทนาอยู่ นางเป็นคนขององค์ชายสี่ องค์รัชทายาทมองดูสีหน้าของนางแล้วจำได้ทันที แต่ทรงแสร้งทำเป็นไม่สนใจเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต“เสด็จพ่อยังทรงแข็งแรงนัก มิจำเป็นต้องรีบแต่
ยามเย็น—แสงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ท้องฟ้าถูกแต้มด้วยสีแดงฉานปะปนม่วงคราม หมู่นกน้อยรีบบินกลับรังในร่มเงาต้นไม้สูงใหญ่ ลมหนาวพัดผ่านพระราชวังอันกว้างใหญ่แต่ทว่าภายในเขตวังหลวงกลับไม่มีความสงบเลยแม้แต่น้อย…ภายในตำหนักหลวง วุ่นวายราวกับรังแตนแตกรัง หมอหลวงในชุดคลุมสีขาวเร่งเดินกันขวักไขว่ เสียงฝีเท้ากระทบพื้นดัง เสียงสั่งการดังขึ้นไม่ขาดระยะ บางคนหอบหิ้วกล่องยา บางคนถือตำราแพทย์พลิกหาวิธีรักษา ข่าวเรื่อง ฮ่องเต้ประชวรหนัก แพร่สะพัดไปทั่วพระราชวังเพียงไม่นาน เสียงขันทีรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหยุดหน้าพระตำหนักขณะที่รถม้าขององค์รัชทายาทและพระชายาค่อย ๆ ชะลอและจอดเสียงร้องเรียกอย่างร้อนรนก็ดังขึ้นทันที“องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ! ขอทรงรีบไปเฝ้าฝ่าบาทเถิดพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ทรงอาการหนักมากแล้ว!”ขันทีที่วิ่งเข้ามาคุกเข่าลงอย่างลนลาน ใบหน้าซีดเผือดดั่งคนสิ้นหวังองค์รัชทายาทก้าวลงจากรถม้าทันที ดวงตาแข็งกร้าวขึ้นแฝงความกังวล “เสด็จพ่อเป็นอะไร?”“ฝ่าบาททรงหน้ามืด มือสั่น เหงื่อออก ตัวเย็น... และที่สำคัญ ทรงเพ้อไม่รู้เรื่องพ่ะย่ะค่ะ!”หัวใจขององค์รัชทายาทกระตุกวูบ คิ้วเข้มขมวดแน่น มือกำหมัดโดยไม่รู้ตัว
ร้านขายชุดนอนของพระชายากลายเป็นที่กล่าวขวัญทั่ววังหลวง ฮูหยินใหญ่ ฮูหยินเล็ก ตลอดจนเหล่าสตรีสูงศักดิ์ต่างพากันมาเลือกสรรด้วยความตื่นตาตื่นใจผ้าที่นำมาจำหน่ายล้วนเป็นเนื้อแพรบางเบาละเอียดอ่อน เมื่อสัมผัสแล้วให้ความรู้สึกราวกับละอองไหมไหลลื่นผ่านปลายนิ้วชุดนอนไม่ได้นอน ของร้านนี้แตกต่างจากชุดนอนทั่วไป สีสันเย้ายวนสะดุดตา ไม่ว่าจะเป็น สีแดงเข้มเย้ายวน สีดำลึกลับน่าค้นหา หรือ สีชมพูหวานละมุน ทุกชุดล้วนถูกออกแบบให้เผยผิวเนียนนวลอย่างมีชั้นเชิง สายเดี่ยวบางเฉียบเปิดไหล่เนียนนุ่ม ลวดลายลูกไม้ปักละเอียดอ่อนเน้นความหรูหรา มีทั้งแบบเรียบโก้และแบบปักดิ้นทองสำหรับงานค่ำคืนสุดพิเศษพื้นที่ในร้านตกแต่งอย่างประณีต ให้บรรยากาศผ่อนคลายและเป็นกันเอง สตรีทั้งหลายสามารถเลือกซื้อได้อย่างเพลิดเพลิน มีสาวใช้คอยบริการอย่างใกล้ชิด เสิร์ฟน้ำชาหอมกรุ่นพร้อมขนมหวานรสเลิศให้ลิ้มลอง ชุดนอนเหล่านี้แม้ราคาไม่แพง แต่เมื่อต้องตาต้องใจแล้ว กลับกลายเป็นสินค้าที่ทำกำไรได้อย่างมหาศาล“การออกแบบชุดในอนาคตที่เราอยู่กลับกลายเป็นที่นิยมสมัยโบราณ ช่างดีจริงๆ รวยแล้วเรา” ลี่หรงพูดกับตัวเองอย่างสุขใจเสียงล้อรถม้าหรูหราดังขึ
ยามเช้าอากาศเย็นสบาย ลมอ่อนพัดพากลิ่นดินหอมกรุ่นหลังจากค่ำคืนที่มีน้ำค้างโปรยปราย แสงอาทิตย์สีทองค่อย ๆ ลอดผ่านแนวต้นไม้กระทบกับผืนดินหลังตำหนักที่เคยรกร้าง ทว่าบัดนี้กำลังจะถูกแปรเปลี่ยนเป็นสวนผักที่อุดมสมบูรณ์กลางลานดินที่เพิ่งถูกไถพรวน พระชายาในชุดชาวสวน สีครีมนวลเรียบง่าย ผมยาวรวบขึ้นมัดด้วยผ้าสีอ่อน ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อจากไอแดด องค์รัชทายาทมองด้วยแววตาหลงใหล ก่อนจะปรายตามองตัวเองที่แต่งกายเช่นเดียวกัน ที่สวมเสื้อชาวสวนสีเข้ม กางเกงผ้าฝ้าย แม้จะแต่งแบบชาวบ้านธรรมดา แต่ความสง่างามยังไม่จางหาย"องค์รัชทายาท ท่านดูดีที่สุดเลยเมื่อแต่งตัวแบบนี้" พระชายาเอ่ยพลางหัวเราะเบา ๆ"พระชายาก็เช่นกัน เจ้าดูน่ารักแปลกตา น่าค้นหาเสียจริง""เลิกชมกันได้แล้ว มาทางนี้เลยองค์รัชทายาท มาขุดดินเตรียมเพาะปลูกเมล็ด"องค์รัชทายาทรีบคว้าจอบขึ้นมา "รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ พระชายา"จินฝานและซีจิน รวมถึงนางกำนัลและองครักษ์ต่างช่วยกัน ถางหญ้า ปรับหน้าดิน และขุดหลุม เตรียมปลูกพืชพันธุ์ เมล็ดพริก ข้าวโพด มันฝรั่ง และมะเขือเทศถูกนำออกมาจัดเตรียมขณะทุกคนลงมือทำงาน ซีจินเอ่ยถามขึ้นมาพลางหยิบเมล็ดข้าวโพดขึ้นดู"
ตำหนักไป๋ฮวา...แสงจันทร์อ่อนโยนสาดส่องลอดผ่านม่านโปร่งบาง ๆ ตกกระทบลงบนพื้นไม้ ภายในตำหนักไป๋ฮวา สถานที่ซึ่งเป็นเสมือนรังรักขององค์รัชทายาทและพระชายา บรรยากาศสงบเงียบ ทว่ากลับอบอวลไปด้วยไออุ่นแห่งความรักของทั้งสองพระชายาทอดสายตามองดวงจันทร์ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเจือรอยยิ้ม"องค์รัชทายาท ข้าได้ซื้อที่สำหรับเปิดร้านขายผ้าเรียบร้อยแล้ว คาดว่าอีกสองสามวันข้าคงได้เปิดร้านและต้องขายดีมากแน่ ๆ"ดวงตาคมลึกขององค์รัชทายาทจับจ้องพระชายาด้วยความเอ็นดู ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ"ชายาของข้า เจ้าไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลยหรือ? หากข้ายังคงออกรบเช่นเมื่อก่อน ข้าคงไม่ได้รับจดหมายจากเจ้าสักฉบับเป็นแน่ เพราะเจ้ามัวแต่ขยันทำงานแทบจะลืมข้าแล้ว"พระชายาหัวเราะเบา ๆ"โธ่... ข้ามาอยู่ที่นี่ทั้งที ข้าย่อมต้องทำงาน เพราะในที่ที่ข้ามา ข้าก็ทำงานทุกวันอยู่แล้ว"องค์รัชทายาทขยับเข้ามาใกล้ ดวงตาฉายแววสนใจ"เจ้าเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ ที่ที่เจ้าจากมานั้นเป็นเช่นไร? ข้าอยากรู้"พระชายายิ้มบาง ๆ พลางทอดสายตาไปยังเบื้องนอก คล้ายหวนนึกถึงอดีต"ได้สิ ข้าเรียกที่แห่งนั้นว่า ‘ฮ่องกง’ ... ที่นั่นเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก