ตำหนักไป๋ฮวา…
ในเช้าวันนี้ปกคลุมไปด้วยม่านหมอกแห่งความเศร้า เหล่านางกำนัลและองครักษ์ต่างยืนนิ่ง เสียงสะอื้นเงียบๆ ปะปนไปกับบรรยากาศแห่งความสูญเสีย ตำหนักที่เคยก้องกังวานไปด้วยเสียงหัวเราะของพระชายา บัดนี้กลับเหลือเพียงความเงียบงันและความว่างเปล่า
องค์รัชทายาทประทับยืนอยู่ใต้ต้นเหมย น้ำตาที่เขาพยายามกักเก็บกลับเอ่อล้นออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้
“ซีจิน ขอบใจเจ้ามากที่ดูแลข้าอย่างดี ข้าจะไม่ลืมพวกเจ้าเลย”
พระชายาเอ่ยขึ้น เสียงของนางสั่นไหวแต่ยังคงแฝงด้วยความอ่อนโยน ราวกับกำลังพยายามปลอบโยนผู้ที่ยังอยู่
ซีจินเม้มปากแน่น พยายามสะกดกลั้นน้ำตา แต่สุดท้ายเขากลับต้องก้มหน้าลง ปล่อยหยาดน้ำตาไหลรินลงสู่พื้นดิน
“พระชายา... โปรดดูแลพระองค์ให้ดีเพคะ”
ลี่หรงพยักหน้าอย่างอ่อนแรง หันไปหาจางจือ นางมองเพื่อนรักทั้งน้ำตา
“จางจือ ข้าฝากร้านกับเจ้า ช่วยซีจินดูแลมันให้ดี ขอโทษที่ไม่ได้อยู่ร่วมยินดีในวันสำคัญของเจ้า”
จางจือร้องไห้จนตัวสั่น นางสะอื้นไห้แทบเป็นลม ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า
“พระชายา... ข้าไม่อยากให้ท่านไป ฮึก... ข้าอยากให้ท่านอยู่กับพวกเราตลอดไป”
ลี่หรงแตะไหล่ของจางจือเบาๆ เป็นการปลอบโยนครั้งสุดท้าย ก่อนที่นางจะทอดสายตาไปยังแม่ทัพ
“ท่านแม่ทัพ ข้าฝากองค์รัชทายาทด้วย พวกท่านต้องปกป้องและดูแลพระองค์แทนข้า”
แม่ทัพใหญ่ซึ่งเคยผ่านสมรภูมินับร้อยครั้งถึงกับต้องเบือนหน้าหนี ไม่อยากให้ใครเห็นแววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด เขากำหมัดแน่น ก่อนจะประสานมือรับคำสั่งด้วยสีหน้าหนักแน่น
แต่ผู้ที่เงียบงันที่สุดกลับเป็นองค์รัชทายาท ผู้ที่หัวใจแตกสลายอยู่ในยามนี้
พระชายามองพระสวามีของนาง นางรู้ดีว่าเขากำลังเจ็บปวดเพียงใด นางอยากเช็ดน้ำตาให้เขา อยากปลอบโยนเขา แต่นางกลับทำได้เพียงพูดถ้อยคำสุดท้ายที่ฝืนใจตนเองที่สุด
“องค์รัชทายาท ไม่มีข้าแล้ว ท่านสามารถมีชายาคนใหม่ได้เพื่อราชวงศ์ ท่านอย่าจมอยู่กับความทุกข์ เข้าใจที่ข้าสั่งหรือไม่”
ไม่มีเสียงตอบรับ มีเพียงแววตาแดงก่ำและน้ำตาที่ไหลเป็นทาง
ร่างสูงกำมือแน่น เส้นเลือดปูดโปนบนหลังมือราวกับกำลังแบกรับความเจ็บปวดอันหนักหน่วง
“ข้าไม่ต้องการใครอื่น...”
เสียงของเขาแผ่วเบา ทว่าสั่นสะท้านถึงขั้วหัวใจ
พระชายากัดริมฝีปาก ฝืนยิ้มทั้งน้ำตา
“ถึงเวลาข้าต้องไปลานพิธีแล้ว”
ร่างบางเดินนำหน้าทุกคนไป องค์รัชทายาทก้าวตามไปอย่างเลื่อนลอย ก่อนที่พระองค์จะรุดกายเข้ามาจับมือของพระชายาไว้แน่น ลี่หรงหยุดฝีเท้า หันไปมองพระองค์เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่มือของทั้งสองจะค่อยๆ แยกจากกัน
ที่ลานพิธี เสียงลมพัดกรรโชกกระหน่ำ ราวกับฟ้ากำลังร่ำไห้ ทุกผู้คนต่างยืนนิ่ง มองดูนางที่คุกเข่าลงคำนับเป็นครั้งสุดท้าย น้ำตาของนางไหลอาบสองแก้ม การล่ำลาที่ไม่มีวันหวนกลับมาอีก
องค์รัชทายาทเข้ามากอดนางแน่น ร่างของเขาสั่นสะท้านด้วยความเจ็บปวด
“ข้ารักเจ้าสุดหัวใจ... เจ้าใจร้ายกับข้ามาก”
พระชายายกมือขึ้นลูบหลังพระองค์เบาๆ
“ข้ารักท่าน ขอให้โชคชะตาพาให้เรากลับมารักกันอีกครั้ง... ใช้ชีวิตให้ดีนะ พระสวามีของข้า”
ทันทีที่กล่าวจบ เสียงโหราจารย์เริ่มทำพิธี สุริยุปราคาเกิดขึ้นเหนือท้องฟ้า แสงสีขาวสว่างวาบลงมา โอบอุ้มดวงวิญญาณของพระชายาให้จากไป
ทิ้งไว้เพียงร่างที่ไร้วิญญาณของหลินเหม่ยเยียน องค์รัชทายาททรุดลงกับพื้น กอดร่างไร้วิญญาณนั้นแน่น ราวกับหวังจะดึงนางกลับมา น้ำตาของเขาหยดลงบนแก้มของหญิงที่รักสุดหัวใจ
ฮองเฮาเข้ามาปลอบโยน แต่เขากลับไม่มีแม้แต่เรี่ยวแรงจะขยับตัว ทุกอย่างรอบกายเงียบงันไปหมด ราวกับโลกทั้งใบพังทลายลง
ร่างของเธอถูกเก็บไว้ในถ้ำ ณ หุบเขาดอกไม้ รอคอยวันที่โชคชะตาจะหวนคืนมาอีกครั้ง
โลกปัจจุบัน…
เสียงเครื่องช่วยหายใจดังเป็นจังหวะอันแผ่วเบา ภายในห้องพักผู้ป่วย ไออุ่นของแสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านผ้าม่านโปร่งแสง แต่ไม่อาจทำให้ร่างบนเตียงรับรู้ได้
“ลี่หรง... ลูกแม่”
เสียงสะอื้นของมารดาดังก้องอยู่ข้างเตียง
“อย่าห่วงพ่อแม่เลยลูก... เจ้าทรมานมามากพอแล้ว แม่ไม่อยากให้เจ้าต้องอดทนเพราะพวกเรา”
บิดาของนางลูบเส้นผมของลูกสาวเบาๆ น้ำตาหยดลงบนหน้าผากที่เคยอบอุ่น
“พ่อเพียงหวังให้เจ้าไปสู่ภพภูมิที่ดี...”
นี่ข้ากำลังจะตาย เสียงของพ่อแม่ร่ำลาข้า แม่พ่อชาตินี้ลูกไม่สามารถดูแลพ่อกับแม่ได้ ไว้ชาติหน้าลูกขอเกิดมาทดแทนบุญคุณพ่อแม่อีกนะคะ
ดวงวิญญาณของลี่หรงร้องไห้หนัก นางก้มลงกราบพ่อแม่เป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่แสงสีขาวจะพาเธอกลับไปยังร่างที่อยู่ในถ้ำ...
ในห้วงแห่งการรอคอย ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อใดโชคชะตาจะนำพาให้เธอได้กลับมาอีกครั้ง...
ตำหนักไป๋ฮวา...
องค์รัชทายาทขังพระองค์เองในตำหนักมากว่าครึ่งเดือนแล้ว ตั้งแต่พระชายาสิ้นไป พระองค์ก็แทบไม่ออกมาพบผู้ใดเลย ห้องบรรทมเงียบงัน มีเพียงเสียงลมหายใจหนัก ๆ และเงาของความทุกข์ที่เกาะกินหัวใจพระองค์ ฮองเฮาผู้เป็นมารดามองดูโอรสด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความปวดร้าว นางไม่อาจทนเห็นของตนเป็นเช่นนี้ได้อีกต่อไป
"ฝ่าบาทจะทำอย่างไรดี?" นางกระซิบถามด้วยเสียงสั่นเครือ
ฮ่องเต้ทอดถอนใจลึก แววพระเนตรแม้แข็งกร้าวแต่เต็มไปด้วยความอ่อนล้า พระองค์ทรงก้าวเข้ามาใกล้บุตรชาย พลางตรัสด้วยเสียงหนักแน่น
"องค์รัชทายาท เจ้ามีหน้าที่ต้องสืบทอดแผ่นดิน เจ้าต้องเข้มแข็ง!"
"พ่อรู้ว่าเจ้าเจ็บ แต่เจ้าคิดหรือว่าการปล่อยให้ตัวเองจมอยู่กับความโศกเศร้าจะเปลี่ยนแปลงสิ่งใดได้?"
พระองค์นิ่งไปครู่หนึ่งก่อนตรัสต่อด้วยน้ำเสียงเฉียบขาด
"อีกเจ็ดวัน เจ้าจะต้องเข้าพิธีสมรส และหลังจากนั้น เจ้าจะขึ้นครองบัลลังก์!"
"เจ้าได้ยินที่พ่อสั่งหรือไม่?"
องค์รัชทายาททรุดกายลงคุกเข่ากับพื้น หยาดน้ำตาร่วงเงียบ ๆ เสียงสะอื้นติดขัดอยู่ในลำคอ พระองค์เงยหน้ามองเสด็จพ่อและเสด็จแม่ ดวงตาสีหม่นเต็มไปด้วยความรวดร้าว
"เสด็จพ่อ...เสด็จแม่... ข้าช่างอ่อนแอยิ่งนัก"
ฮองเฮาทรุดกายลงกอดโอรสแน่น ฮ่องเต้เพียงถอนพระทัยหนัก ก่อนย่อตัวลงวางพระหัตถ์บนบ่าของโอรสอย่างหนักแน่น ภายในตำหนักมีเพียงเสียงสะอื้นแผ่วเบาขององค์รัชทายาท องครักษ์และนางกำนัลที่ยืนอยู่ในตำหนัก ต่างพากันเบือนหน้าหลบซ่อนน้ำตา ไม่มีผู้ใดเอื้อนเอ่ยสิ่งใดออกมา
ถ้ำหุบเขาดอกไม้...
ในถ้ำลึกลับกลางหุบเขา เสียงไอเบา ๆ ดังขึ้นจากแท่นหินที่ร่างของพระชายานอนอยู่ โหราจารย์ที่เฝ้าสังเกตการณ์อยู่รีบก้าวเข้าไปอย่างรวดเร็ว
"พระชายา! ท่านยังไม่ตาย... ท่านกลับมาแล้ว!"
มือเหี่ยวย่นสั่นเทาเมื่อสัมผัสชีพจรที่เต้นแผ่วเบาของหญิงสาวตรงหน้า เขาเงยหน้ามองนาง ก่อนพึมพำกับตนเองอย่างตกตะลึง
"ข้าเข้าใจแล้ว... โชคชะตากำหนดให้ท่านกลับมาที่นี่ แต่ข้าเสียใจด้วย... ท่านคงไม่อาจกลับไปยังโลกเดิมของท่านได้อีกตลอดกาล"
ลี่หรงลืมตาขึ้นช้า ๆ นัยน์ตาของนางเต็มไปด้วยความหม่นหมองและว่างเปล่า นางรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง
"ในโลกของข้า ข้าสิ้นอายุขัยแล้วจริง ๆ" นางพึมพำ แววตาไหวระริก "แต่ข้าได้กลับไปกราบเท้าพ่อแม่ของข้าแล้ว อย่างน้อยข้าก็หมดห่วง"
นางหันมองโหราจารย์ ก่อนกล่าวด้วยเสียงแน่วแน่
"ข้าจะไปหาองค์รัชทายาท"
"ยังไม่ใช่ตอนนี้ พระชายา" โหราจารย์รีบห้าม "อีกสามวัน องค์รัชทายาทจะเข้าพิธีสมรส เมื่อถึงเวลานั้น ท่านจะพบพระองค์ได้"
หัวใจของลี่หรงราวกับถูกบีบแน่น นางเม้มริมฝีปากแน่น น้ำตารื้นขึ้นในดวงตา
"องค์รัชทายาทจะแต่งกับผู้ใด?"
"เหมือนฮองเฮากำลังจะไปทาบทามแม่นางหมิงจิว"
ร่างของลี่หรงแข็งทื่อ ความเจ็บปวดแล่นเข้าสู่หัวใจจนแทบหายใจไม่ออก นางข่มอารมณ์ ก่อนเอ่ยเสียงแผ่ว
"พระองค์เต็มใจหรือไม่?"
"องค์รัชทายาทเก็บตัวเงียบตั้งแต่วันที่ท่านจากไป แทบไม่พบผู้ใด น่าจะยังไม่รู้เรื่องนี้..."
ลี่หรงก้มหน้าลง ซ่อนแววตาที่เอ่อคลอด้วยน้ำตา นางพยายามกลั้นสะอื้น
"เช่นนั้น ข้าจะรอที่นี่ก่อน"
หม่อมฉันจะเข้ากราบทูลฮ่องเต้และฮองเฮาทันที ว่าพระชายาทรงกลับมาแล้ว
ในวังหลวง...
หลังจากรับรู้ข่าวการกลับมาของพระชายา ฮองเฮาและฮ่องเต้ทรงยินดีอย่างหาที่สุดมิได้ พระองค์รีบวางแผนให้มีพิธีสมรสระหว่างองค์รัชทายาทและพระชายาขึ้นอีกครั้ง
เมื่อวันเวลาผ่านไปจนใกล้ถึงวันพิธี ฮองเฮาและซีจินรีบรุดมายังถ้ำหุบเขาดอกไม้
"ลี่หรง..." ฮองเฮาเรียกชื่อของนางด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
หญิงสาวหันกลับมา ก่อนที่น้ำตาของนางจะร่วงลงอย่างห้ามไม่อยู่ นางรีบคุกเข่าลงตรงหน้าผู้เป็นมารดา
"เสด็จแม่... ข้าคิดถึงพระองค์เหลือเกินเพคะ"
"ข้าก็คิดถึงเจ้า..." ฮองเฮาทรุดตัวลงโอบกอดนาง น้ำตาหยดลงบนเสื้อคลุมของลี่หรง นางกำนัลซีจินที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ปล่อยโฮออกมา วิ่งเข้ามากอดขาพระชายาแน่น
"ข้าดีใจที่ได้กลับมาอยู่กับพวกท่านอีกครั้ง"
ลี่หรงสะอื้น
ฮองเฮาลูบเส้นผมของนางอย่างแผ่วเบา ก่อนเอ่ยด้วยน้ำเสียงแฝงความกังวล
"อีกสองวัน ข้าจะให้คนมารับเจ้าเข้าพิธีสมรสกับองค์รัชทายาท..."
“ระหว่างนี้ ซีจิน เจ้าจงอยู่ดูแลพระชายาให้ดี หากมีสิ่งใดขาดตกบกพร่อง ให้รีบแจ้งข้า” ฮองเฮาตรัสเสียงอ่อนโยน ก่อนหันไปทางจินฝาน “เจ้าจัดองครักษ์คุ้มกันพระชายา อย่าให้เกิดสิ่งใดขึ้นเป็นอันขาด”
“พ่ะย่ะค่ะ!” จินฝานรับคำหนักแน่น
ทุกคนต่างรู้สึกอิ่มเอมใจที่พระชายากลับมา เปรียบดั่งแสงแห่งความหวังที่คืนสู่พระราชวังอีกครั้ง
วันมงคล ...ในพระราชวังอันโอฬารถูกประดับประดาด้วยโคมแดงระยับ งานสมรสอันยิ่งใหญ่ถูกจัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติ เสียงฆ้องกังวานดังไปทั่วลานพิธี ชวนให้หัวใจทุกคนเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นองค์รัชทายาทในฉลองพระองค์ชุดแดงเข้มปักลวดลายมังกรยืนตระหง่านอยู่กลางโถง ดวงตาคมกริบทอดมองไปข้างหน้าอย่างแน่นิ่ง ราวกับมิได้มีจิตใจร่วมอยู่ในพิธีการอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ทุกย่างก้าวที่พระองค์ยืนอยู่นั้นคือหน้าที่ มิใช่สิ่งที่หัวใจปรารถนาเสียงฝีเท้าแผ่วเบาของเจ้าสาวในฉลองพระองค์แดงสดดังใกล้เข้ามา ผ้าคลุมหน้าปักลวดลายหงส์ทองสะท้อนแสงเทียนไหวระริก ทุกย่างก้าวชวนให้บรรยากาศราวกับต้องมนต์แต่ดวงตาคมขององค์รัชทายาทยังคงเฉยชา แม้ทุกคนรอบกายจะจับจ้องด้วยความคาดหวัง พระองค์มิได้ยินดีกับงานวิวาห์นี้แม้แต่น้อย เพราะในพระทัยยังคงเชื่อว่าพระชายาที่พระมารดาทรงเลือกให้คือ หมิงจิวทว่า...เมื่อสายลมแผ่วเบาพัดผ่าน กลิ่นหอมละมุนจากร่างบางตรงหน้ากลับทำให้พระวรกายชะงักไปชั่วขณะ กลิ่นอันคุ้นเคย...กลิ่นของ พระชายาลี่หรง หญิงเดียวที่พระองค์รักสุดหัวใจ แต่เธอได้จากไปนานแล้ว มิอาจเป็นไปได้ที่เธอจะมายืนอยู่ตรงหน้าเสียงปี่กู่เจิงดังแว่ว
พระราชวังประดับประดาด้วยโคมไฟสีแดงงดงามทั่วทุกทิศ เสียงกลองและฆ้องกึกก้องไปทั่วเพื่อเฉลิมฉลองพิธีสำคัญที่สุดของแผ่นดินพิธีราชาภิเษกขององค์รัชทายาท และการแต่งตั้งฮองเฮาณ ท้องพระโรง เหล่าขุนนางต่างคุกเข่าแสดงความเคารพต่อฮ่องเต้องค์ใหม่ เสียงขานถวายพระพรดังกึกก้อง"ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี!"ฮ่องเต้องค์ก่อนทอดพระเนตรพระโอรสด้วยสายตาภาคภูมิ พระองค์ทรงสละราชบัลลังก์อย่างสง่างามและเต็มไปด้วยความไว้วางใจ"ตั้งแต่นี้ไป เจ้าคือฮ่องเต้ ผู้ครองบัลลังก์แผ่นดินจงหยวน" ฮ่องเต้ตรัสด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนส่งมอบตราพระราชลัญจกรให้องค์รัชทายาทในชุดฉลองพระองค์มังกรยืนอย่างสง่างาม รับตราพระราชลัญจกรด้วยความมั่นคงและหนักแน่น "เสด็จพ่อ ข้าจะปกครองแผ่นดินนี้ด้วยสติปัญญาและความยุติธรรม"เสียงโห่ร้องยินดีดังกึกก้องทั่วทั้งพระราชวัง พิธีบรมราชาภิเษกสำเร็จลุล่วงพิธีแต่งตั้งฮองเฮา...หลังจากพิธีบรมราชาภิเษกสำเร็จ พิธีแต่งตั้งฮองเฮาก็เริ่มต้นขึ้น นางในพากันโปรยกลีบดอกโบตั๋นตลอดทางเดิน พระชายาในชุดแต่งงานสีแดงลวดลายปักไหมทอง สง่างามราวเทพธิดา พระนางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้"ถวายพระพร ฝ่าบาท" พระนา
เสียงโหวกเหวกของลูกค้าและเสียงตะหลิวกระทบกระทะดังไม่ขาดสายในร้านอาหารจีน-ไทยชื่อดังแห่งหนึ่งในที่ฮ่องกง เป็นร้านอาหารเก่าแก่ที่ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติอันจัดจ้านและบรรยากาศคึกคักลี่หรง เชฟสาววัย 29 ปี ลูกครึ่งไทย-จีน เธอเป็นเจ้าของร้าน ทุกวันเธอจะลงมือทำอาหารเอง เพราะร้านของเธอมีลูกค้ามากขายดิบขายดีเธอยืนหน้าหม้อไฟใหญ่ มือหนึ่งจับทัพพี คนซุปอย่างคล่องแคล่ว ขณะที่อีกมือถือทัพพีอีกอัน ตักน้ำซุปใส่ถ้วยให้ลูกค้าตามออเดอร์“เจิ้นหมิงเสิร์ฟโต๊ะ 9” เสียงลี่หรง ตะโกนสั่ง“ได้เลยครับ” ลูกน้องตอบเธอรอยยิ้มพอใจปรากฏบนใบหน้าของเธอเมื่อเห็นลูกค้ารับอาหารไปด้วยความตื่นเต้นเธอรักงานของเธอที่นี่ แม้จะเหนื่อยแต่ก็ภูมิใจที่ได้สืบทอดสูตรอาหารจากอาม่า และสร้างรสชาติที่ทำให้ลูกค้าติดใจ แต่ใครจะไปรู้ว่าเย็นวันนั้น ชีวิตของเธอจะเปลี่ยนไปตลอดกาลลี่หรงขับรถเดินออกจากร้านหลังเลิกงานพร้อมกล่องยาขนาดใหญ่และกล่องเครื่องปรุงสำหรับใช้ในร้านอาหาร ภายในมีสมุดบันทึกสูตรอาหารและหนังสือเกี่ยวกับสมุนไพรจีนที่เธอเพิ่งซื้อมาใหม่ ฝนตกปรอยๆ ทำให้เธอขับรถกลับบ้าน อย่างลำบากเธอขับรถไปช้าๆ อย่างระมัดระวัง ทันใดนั้น หางตาเธอเห
พิธีแต่งงานถูกจัดขึ้นใหญ่โต ลี่หรงและองค์ชายรัชทายาทได้เข้าพิธีแต่งงานตามประเพณี แม้การแต่งงานนี้องค์ชายรัชทายาทไม่เต็มใจ แต่ก็ขัดพระบัญชาฮ่องเต้ไม่ได้ เพราะเป็นการแต่งงานที่หนุนนำตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทให้มั่นคงเสียงกลองและขลุ่ย พิณบรรเลงเบา ๆ คลอเคล้าไปกับกลิ่นกำยานที่ลอยอ้อยอิ่ง ภายในเรือนหอที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา ผ้าม่านสีแดงสดปักลวดลายมงคลพลิ้วไหวตามสายลม โคมไฟแดงถูกจุดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลอง แต่บรรยากาศในห้องหอกลับเงียบงันและเย็นเยียบหลินเหม่ยเยียนนั่งนิ่งบนเตียงเจ้าสาว ในชุดสีแดงที่สวมงดงามราวภาพวาด แต่ภายใต้ผ้าคลุมหน้า ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความกังวล"อะไรนะ!? ข้ามมิติมาก็ต้องมาเสียตัวเลยรึ!?"ลี่หรงแทบจะกรีดร้อง อยู่โลกปัจจุบันยังไม่มีแม้แต่แฟน แต่พอมาที่นี่กลับต้องแต่งงานกะทันหัน นี่นับเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่? เธอนั่งคิดอยู่ครู่ใหญ่"เจ้าบ่าวจะมาไหม...? แล้วถ้ามา... เขาจะทำอะไรกับฉันไหม?" นางกระซิบกับตัวเอง ลุ้นหัวใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้เวลาผ่านไป...ยามโฉว (สามทุ่ม) ผ่านไปแล้วยามจื่อ (ห้าทุ่ม) ก็มาถึง...แต่ชายที่นางแต่งงานด้วยยังไม่มาหานจื่อเหว่ย องค์รัชทายาท แม่ทัพใหญ
เช้าวันใหม่ในพระราชวัง…ตำหนักไป๋ฮวา ยามเช้าลมอ่อนๆ พัดม่านบางเบาปลิวไสว เสียงระฆังจากหอคอยก้องกังวาน ปลุกให้เหล่าข้ารับใช้เริ่มทำงานตามหน้าที่ภายในห้องบรรทม พระชายานอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มเนื้อนุ่ม ใบหน้างามงามผุดผ่อง แก้แดงระเรื่อ บรรยากาศยามเช้าช่างเงียบสงบ หากแต่ไม่ได้สงบไปเสียทั้งหมด...องค์ชาย ซึ่งเอนกายอยู่บนแท่นไม้ข้างเตียง ได้ยินเสียงฝีเท้าของนางกำนัลและองครักษ์ใกล้เข้ามา พร้อมเสียงพูดคุยกันแผ่วเบาเพียงเสี้ยววินาที องค์ชายก็กระโจนขึ้นเตียงอย่างรวดเร็ว ร่างสูงโอบกอดลี่หรงแนบแน่น มือใหญ่กระชับผ้าห่มคลุมร่างทั้งสองให้ดูราวกับว่าอยู่ในอ้อมกอดกันทั้งคืนลี่หรงสะดุ้งตื่น ดวงตาคู่งามเบิกขึ้นอย่างตกใจ"อะไรเนี่ย! ลงไปเดี๋ยวนี้นะ!"นางกระซิบกระเส่า พยายามดิ้นหนีจากวงแขนอบอุ่นแต่ก่อนที่เสียงของนางจะดังไปถึงภายนอก องค์ชายพลิกตัวคร่อมเหนือร่างบาง มือหนาปิดปากนางไว้ทันที ใบหน้าหล่อเหลาต่ำลงมาใกล้ จมูกของเขาแทบชนกับปลายจมูกของนาง"อย่าโวยวาย ข้าไม่ได้อยากทำเช่นนี้นักหรอก หรือว่าเจ้าอยากให้เสด็จแม่รู้ว่าเรานอนแยกกัน?"ดวงตาคมเข้มมองลึกเข้าไปในดวงตาของนาง ลมหายใจร้อนระอุรินรดผิวแก้มเนียนพระ
ศึกในเรือนหลังเป็นบททดสอบอันหนักหน่วงของลี่หรง นางรู้ดีว่าภายในตำหนักในไม่ได้มีเพียงความงามและความจงรักภักดี แต่ยังเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและการชิงดีชิงเด่นฮองเฮาถูกพระสนมของฮ่องเต้แย่งชิงความโปรดปราณ แม้ฮองเฮาจะเป็นผู้ที่ได้รับตำแหน่งสูงสุด แต่กลับถูกลดบทบาทให้ไร้ตัวตนในสายพระเนตรขององค์ฮ่องเต้พระชายาลี่หรง ในฐานะสะใภ้ จึงต้องหาทางปกป้องแม่พระสวามีของตน นางรู้ดีว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป อำนาจของฮองเฮาจะถูกบั่นทอนจนหมดสิ้นตำหนักเฟิงหวง…“ถวายบังคมเสด็จแม่เพคะ หลายวันมานี้หม่อมฉันไม่ได้เข้าเฝ้าเสด็จแม่เลย ไม่ทราบว่าเสด็จแม่มีเรื่องทุกข์ใจสิ่งใดหรือเพคะ สีหน้าเสด็จแม่ดูไม่มีความสุข” หลี่หรงถามไถ่ด้วยความห่วงใยหลังจากได้ยินข่าวว่าฮ่องเต้มิได้เสด็จเยี่ยมฮองเฮามาสองเดือนแล้ว แต่กลับใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับสนมคนโปรดนางเงยหน้ามองฮองเฮาที่นั่งนิ่ง สีหน้าอ่อนล้าแต่แฝงด้วยศักดิ์ศรีของสตรีผู้สูงศักดิ์"เสด็จแม่..." พระชายาเอ่ยขึ้นเบา ๆ หลังตัดสินใจจะถามขึ้นมาทันที"เหตุใดจึงปล่อยให้พวกนางลบหลู่เช่นนี้ ฮองเฮาแห่งแผ่นดินจักถูกลืมเลือนได้เช่นนั้นหรือฮองเฮายิ้มบาง ๆ คล้ายมิได้ใส่ใจ"ภายในตำห
ตำหนักหวงเฟย"พระชายา อีกสามวันจะเป็นวันเฉลิมฉลองพระชนมพรรษาของฮ่องเต้ ข้าอยากให้เจ้าช่วยจัดสำรับอาหารสำหรับแขกในงาน จะได้หรือไม่?"ฮองเฮาตรัสถามพระชายา"ได้เพคะ แต่เสด็จแม่ต้องการให้อาหารแบบไหน หรือมีเมนูพิเศษหรือไม่เพคะ?""เจ้าจัดมาได้เลย ข้าเชื่อมือเจ้า แต่ขอให้มีบะหมี่สักชามสำหรับอวยพรฝ่าบาท""ได้เพคะ แต่ข้าขอออกไปหาวัตถุดิบที่ตลาดนอกวังนะเพคะ""ได้ ข้าอนุญาต… งั้นให้องค์รัชทายาทไปกับเจ้าด้วย""ไม่เป็นไรเพคะ ข้าไม่อยากให้พระองค์ไป องค์รัชทายาทไม่ค่อยอยากจะเจอหน้าข้าสักเท่าไหร่""นี่อย่าบอกนะว่า…พวกเจ้ายังไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน?""เอ่อ…ไม่ใช่อย่างนั้นเพคะ คือ…""เสร็จจากงานเลี้ยง ฝ่าบาทต้องคุยกันสักหน่อยแล้ว"คำพูดของฮองเฮาทำให้พระชายาชะงักไป“ไม่น่าหลุดปากเลยเรา! ฮองเฮาจับได้เสียแล้ว!”หน้าประตูวัง…"เร็วเข้า ซีจิน! เราอยากออกจากที่นี่จะแย่แล้ว!"พระชายาเร่งนางกำนัลคนสนิทให้ขึ้นรถม้า เพื่อมุ่งหน้าไปตลาดแต่เสียงหนึ่งที่คุ้นเคยดังขึ้นขัดจังหวะทันที"รีบร้อนจะไปไหน? ที่นี่เจ้าอยากทำอะไรตามใจตัวเองไม่ได้หรอกนะ"องค์รัชทายาทยืนกอดอกมองนางด้วยสายตาเย็นชา"ก็ไม่ได้จะออกไปทำอะไรไร้สาระที
ในท้องพระโรงพระราชวังที่หรูหรามีแต่เสียงคุยของขุนนางและเหล่าข้าราชบริพารที่ต่างพากันยกย่องความสามารถของพระชายาที่ทำอาหารให้ทุกคนลิ้มรส จนทำให้พระราชวังเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความชื่นชม แต่ท่ามกลางความสุขนั้น กลับมีบางสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นทันใดนั้น หมิงจิว น้องสาวของพระชายาองค์ชายสี่ ซึ่งเป็นสาวงามที่มีชื่อเสียงในเรื่องของคุณสมบัติอันดีงาม กำลังได้รับการทาบทามให้เป็นพระชายารองของรัชทายาทหมิงจิวเริ่มมีอาการผิดปกติ ผิวหนังของเธอเริ่มแดงและมีผื่นขึ้นทั่วร่างกาย แล้วเธอก็ล้มลงหมดสติไป ทำให้ทุกคนในห้องตกใจและรีบเข้ามาช่วยเหลือ องค์ชายสี่และพระชายาองค์ชายสี่มองเหตุการณ์นี้ด้วยสายตาแฝงไปด้วยความไม่พอใจ ทั้งสองคนเริ่มตั้งข้อสงสัยและคิดว่าอาหารที่พระชายาองค์รัชทยาททำเป็นสาเหตุที่ทำให้หมิงจิวเกิดอาการเช่นนี้"มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอก!" พระชายาองค์ชายสี่พูดขึ้นเสียงเย็นชา"พระชายาองค์รัชทายาทคงไม่พอใจที่หมิงจิวกำลังจะได้รับตำแหน่งพระชายารองของรัชทายาท เธอคงวางยาพิษหมิงจิว"คำพูดของพระชายาองค์ชายสี่ทำให้บรรยากาศในห้องนั้นตึงเครียดขึ้นทันที“พระชายาองค์ชายสี่ท่านคิดได้อย่างไรว่าเป็นฝีมือของ
พระราชวังประดับประดาด้วยโคมไฟสีแดงงดงามทั่วทุกทิศ เสียงกลองและฆ้องกึกก้องไปทั่วเพื่อเฉลิมฉลองพิธีสำคัญที่สุดของแผ่นดินพิธีราชาภิเษกขององค์รัชทายาท และการแต่งตั้งฮองเฮาณ ท้องพระโรง เหล่าขุนนางต่างคุกเข่าแสดงความเคารพต่อฮ่องเต้องค์ใหม่ เสียงขานถวายพระพรดังกึกก้อง"ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี!"ฮ่องเต้องค์ก่อนทอดพระเนตรพระโอรสด้วยสายตาภาคภูมิ พระองค์ทรงสละราชบัลลังก์อย่างสง่างามและเต็มไปด้วยความไว้วางใจ"ตั้งแต่นี้ไป เจ้าคือฮ่องเต้ ผู้ครองบัลลังก์แผ่นดินจงหยวน" ฮ่องเต้ตรัสด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนส่งมอบตราพระราชลัญจกรให้องค์รัชทายาทในชุดฉลองพระองค์มังกรยืนอย่างสง่างาม รับตราพระราชลัญจกรด้วยความมั่นคงและหนักแน่น "เสด็จพ่อ ข้าจะปกครองแผ่นดินนี้ด้วยสติปัญญาและความยุติธรรม"เสียงโห่ร้องยินดีดังกึกก้องทั่วทั้งพระราชวัง พิธีบรมราชาภิเษกสำเร็จลุล่วงพิธีแต่งตั้งฮองเฮา...หลังจากพิธีบรมราชาภิเษกสำเร็จ พิธีแต่งตั้งฮองเฮาก็เริ่มต้นขึ้น นางในพากันโปรยกลีบดอกโบตั๋นตลอดทางเดิน พระชายาในชุดแต่งงานสีแดงลวดลายปักไหมทอง สง่างามราวเทพธิดา พระนางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้"ถวายพระพร ฝ่าบาท" พระนา
วันมงคล ...ในพระราชวังอันโอฬารถูกประดับประดาด้วยโคมแดงระยับ งานสมรสอันยิ่งใหญ่ถูกจัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติ เสียงฆ้องกังวานดังไปทั่วลานพิธี ชวนให้หัวใจทุกคนเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นองค์รัชทายาทในฉลองพระองค์ชุดแดงเข้มปักลวดลายมังกรยืนตระหง่านอยู่กลางโถง ดวงตาคมกริบทอดมองไปข้างหน้าอย่างแน่นิ่ง ราวกับมิได้มีจิตใจร่วมอยู่ในพิธีการอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ทุกย่างก้าวที่พระองค์ยืนอยู่นั้นคือหน้าที่ มิใช่สิ่งที่หัวใจปรารถนาเสียงฝีเท้าแผ่วเบาของเจ้าสาวในฉลองพระองค์แดงสดดังใกล้เข้ามา ผ้าคลุมหน้าปักลวดลายหงส์ทองสะท้อนแสงเทียนไหวระริก ทุกย่างก้าวชวนให้บรรยากาศราวกับต้องมนต์แต่ดวงตาคมขององค์รัชทายาทยังคงเฉยชา แม้ทุกคนรอบกายจะจับจ้องด้วยความคาดหวัง พระองค์มิได้ยินดีกับงานวิวาห์นี้แม้แต่น้อย เพราะในพระทัยยังคงเชื่อว่าพระชายาที่พระมารดาทรงเลือกให้คือ หมิงจิวทว่า...เมื่อสายลมแผ่วเบาพัดผ่าน กลิ่นหอมละมุนจากร่างบางตรงหน้ากลับทำให้พระวรกายชะงักไปชั่วขณะ กลิ่นอันคุ้นเคย...กลิ่นของ พระชายาลี่หรง หญิงเดียวที่พระองค์รักสุดหัวใจ แต่เธอได้จากไปนานแล้ว มิอาจเป็นไปได้ที่เธอจะมายืนอยู่ตรงหน้าเสียงปี่กู่เจิงดังแว่ว
ตำหนักไป๋ฮวา…ในเช้าวันนี้ปกคลุมไปด้วยม่านหมอกแห่งความเศร้า เหล่านางกำนัลและองครักษ์ต่างยืนนิ่ง เสียงสะอื้นเงียบๆ ปะปนไปกับบรรยากาศแห่งความสูญเสีย ตำหนักที่เคยก้องกังวานไปด้วยเสียงหัวเราะของพระชายา บัดนี้กลับเหลือเพียงความเงียบงันและความว่างเปล่าองค์รัชทายาทประทับยืนอยู่ใต้ต้นเหมย น้ำตาที่เขาพยายามกักเก็บกลับเอ่อล้นออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้“ซีจิน ขอบใจเจ้ามากที่ดูแลข้าอย่างดี ข้าจะไม่ลืมพวกเจ้าเลย”พระชายาเอ่ยขึ้น เสียงของนางสั่นไหวแต่ยังคงแฝงด้วยความอ่อนโยน ราวกับกำลังพยายามปลอบโยนผู้ที่ยังอยู่ซีจินเม้มปากแน่น พยายามสะกดกลั้นน้ำตา แต่สุดท้ายเขากลับต้องก้มหน้าลง ปล่อยหยาดน้ำตาไหลรินลงสู่พื้นดิน“พระชายา... โปรดดูแลพระองค์ให้ดีเพคะ”ลี่หรงพยักหน้าอย่างอ่อนแรง หันไปหาจางจือ นางมองเพื่อนรักทั้งน้ำตา“จางจือ ข้าฝากร้านกับเจ้า ช่วยซีจินดูแลมันให้ดี ขอโทษที่ไม่ได้อยู่ร่วมยินดีในวันสำคัญของเจ้า”จางจือร้องไห้จนตัวสั่น นางสะอื้นไห้แทบเป็นลม ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า“พระชายา... ข้าไม่อยากให้ท่านไป ฮึก... ข้าอยากให้ท่านอยู่กับพวกเราตลอดไป”ลี่หรงแตะไหล่ของจางจือเบาๆ เป็นการปลอบโยนครั้งสุด
ค่ำคืนอันยาวนานผ่านไป พระชายายังคงหมดสติ แม้ได้รับยาถอนพิษแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววจะฟื้น องค์รัชทายาทจับมือพระชายาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยตลอดทั้งคืนจนเผลอหลับไปรุ่งเช้า...เสียงแผ่วเบาของพระชายาที่เพิ่งฟื้นจากพิษดังขึ้นเบาๆ"องค์รัชทายาท... ท่านปลอดภัยดีหรือไม่?"องค์รัชทายาทสะดุ้งตื่น รีบหันไปมองพระชายาด้วยแววตาตื้นตัน"พระชายา! เจ้าได้สติแล้ว ข้าดีใจเหลือเกิน! ข้านึกว่าเจ้าจะไม่กลับมาหาข้าเสียแล้ว"พระชายายิ้มอ่อน แม้ใบหน้าจะยังซีดเซียวเพราะพิษที่เพิ่งถูกขับออกจากร่าง"แล้วทุกคนล่ะ... ปลอดภัยดีหรือไม่?""องค์ชายสี่และทุกคนปลอดภัยดี" องค์รัชทายาทตอบ"ข้าสังหารตงหยางแล้ว จินฝานก็สามารถจับตัวนางกำนัลขององค์ชายสี่ได้ แม่ทัพเหวินจิ้นหงได้ค้นพบอาวุธที่เสนาบดีเฉินหลางลอบสั่งซื้อ ทุกคนสารภาพว่าคิดก่อกบฏและต้องการหนุนให้องค์ชายสี่ขึ้นครองราช ตอนนี้ทั้งหมดถูกจองจำและรอการตัดสินโทษ"พระชายาถอนหายใจยาว รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อย"ในที่สุด ข้าก็สามารถล้างมลทินให้หลินเหม่ยเยียนได้เสียที... ต่อจากนี้ข้าก็สบายใจแล้ว"องค์รัชทายาทบีบมือพระชายาแน่นขึ้น"ใช่ เจ้าทำสำเร็จแล้ว... และจากนี้ไป เราจะได้อยู่ด้วยก
ภายในตำหนักหลวง องค์รัชทายาทถวายรายงานต่อฮ่องเต้ด้วยสีหน้าจริงจัง“เสด็จพ่อ พ่ะย่ะค่ะ ข้าให้แม่ทัพเหวินจิ้นหงไปสืบเรื่องของพระชายาซูซินมาแล้ว นางมีบุตรหนึ่งคนชื่อตงฉี แต่ร่างกายของเขาไม่สมประกอบ ขาซ้ายพิการ และพระชายายังมีบุตรอีกคนหนึ่งชื่อตงหยาง เกิดจากทหารชั้นพิเศษ บัดนี้เขาเสียชีวิตไปแล้ว”ฮ่องเต้พยักพระพักตร์ครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตรัสด้วยเสียงแฝงความลึกซึ้ง“สามารถให้คนไปรับเขากลับมาได้หรือไม่? เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต ควรได้รับการสะสางเสียที”“ได้พ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทตอบรับหนักแน่นฮ่องเต้ทอดพระเนตรองค์รัชทายาทอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตรัสออกมาอย่างอ่อนล้า“ข้าได้หารือกับเสด็จแม่ของเจ้าแล้ว... สุขภาพของข้าไม่ค่อยดีนัก เจ็บออดๆ แอดๆ มาตลอด ข้าอยากสละบัลลังก์ให้เจ้าได้ว่าราชการแทน เพราะข้าเอง... เหนื่อยเต็มทน”ในขณะที่ฮ่องเต้ตรัส นางกำนัลผู้หนึ่งเดินเข้ามาพร้อมของว่างในถาด นางทำทีเป็นรับใช้ แต่แท้จริงแล้วกำลังจับตาดูบทสนทนาอยู่ นางเป็นคนขององค์ชายสี่ องค์รัชทายาทมองดูสีหน้าของนางแล้วจำได้ทันที แต่ทรงแสร้งทำเป็นไม่สนใจเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต“เสด็จพ่อยังทรงแข็งแรงนัก มิจำเป็นต้องรีบแต่
ยามเย็น—แสงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ท้องฟ้าถูกแต้มด้วยสีแดงฉานปะปนม่วงคราม หมู่นกน้อยรีบบินกลับรังในร่มเงาต้นไม้สูงใหญ่ ลมหนาวพัดผ่านพระราชวังอันกว้างใหญ่แต่ทว่าภายในเขตวังหลวงกลับไม่มีความสงบเลยแม้แต่น้อย…ภายในตำหนักหลวง วุ่นวายราวกับรังแตนแตกรัง หมอหลวงในชุดคลุมสีขาวเร่งเดินกันขวักไขว่ เสียงฝีเท้ากระทบพื้นดัง เสียงสั่งการดังขึ้นไม่ขาดระยะ บางคนหอบหิ้วกล่องยา บางคนถือตำราแพทย์พลิกหาวิธีรักษา ข่าวเรื่อง ฮ่องเต้ประชวรหนัก แพร่สะพัดไปทั่วพระราชวังเพียงไม่นาน เสียงขันทีรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหยุดหน้าพระตำหนักขณะที่รถม้าขององค์รัชทายาทและพระชายาค่อย ๆ ชะลอและจอดเสียงร้องเรียกอย่างร้อนรนก็ดังขึ้นทันที“องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ! ขอทรงรีบไปเฝ้าฝ่าบาทเถิดพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ทรงอาการหนักมากแล้ว!”ขันทีที่วิ่งเข้ามาคุกเข่าลงอย่างลนลาน ใบหน้าซีดเผือดดั่งคนสิ้นหวังองค์รัชทายาทก้าวลงจากรถม้าทันที ดวงตาแข็งกร้าวขึ้นแฝงความกังวล “เสด็จพ่อเป็นอะไร?”“ฝ่าบาททรงหน้ามืด มือสั่น เหงื่อออก ตัวเย็น... และที่สำคัญ ทรงเพ้อไม่รู้เรื่องพ่ะย่ะค่ะ!”หัวใจขององค์รัชทายาทกระตุกวูบ คิ้วเข้มขมวดแน่น มือกำหมัดโดยไม่รู้ตัว
ร้านขายชุดนอนของพระชายากลายเป็นที่กล่าวขวัญทั่ววังหลวง ฮูหยินใหญ่ ฮูหยินเล็ก ตลอดจนเหล่าสตรีสูงศักดิ์ต่างพากันมาเลือกสรรด้วยความตื่นตาตื่นใจผ้าที่นำมาจำหน่ายล้วนเป็นเนื้อแพรบางเบาละเอียดอ่อน เมื่อสัมผัสแล้วให้ความรู้สึกราวกับละอองไหมไหลลื่นผ่านปลายนิ้วชุดนอนไม่ได้นอน ของร้านนี้แตกต่างจากชุดนอนทั่วไป สีสันเย้ายวนสะดุดตา ไม่ว่าจะเป็น สีแดงเข้มเย้ายวน สีดำลึกลับน่าค้นหา หรือ สีชมพูหวานละมุน ทุกชุดล้วนถูกออกแบบให้เผยผิวเนียนนวลอย่างมีชั้นเชิง สายเดี่ยวบางเฉียบเปิดไหล่เนียนนุ่ม ลวดลายลูกไม้ปักละเอียดอ่อนเน้นความหรูหรา มีทั้งแบบเรียบโก้และแบบปักดิ้นทองสำหรับงานค่ำคืนสุดพิเศษพื้นที่ในร้านตกแต่งอย่างประณีต ให้บรรยากาศผ่อนคลายและเป็นกันเอง สตรีทั้งหลายสามารถเลือกซื้อได้อย่างเพลิดเพลิน มีสาวใช้คอยบริการอย่างใกล้ชิด เสิร์ฟน้ำชาหอมกรุ่นพร้อมขนมหวานรสเลิศให้ลิ้มลอง ชุดนอนเหล่านี้แม้ราคาไม่แพง แต่เมื่อต้องตาต้องใจแล้ว กลับกลายเป็นสินค้าที่ทำกำไรได้อย่างมหาศาล“การออกแบบชุดในอนาคตที่เราอยู่กลับกลายเป็นที่นิยมสมัยโบราณ ช่างดีจริงๆ รวยแล้วเรา” ลี่หรงพูดกับตัวเองอย่างสุขใจเสียงล้อรถม้าหรูหราดังขึ
ยามเช้าอากาศเย็นสบาย ลมอ่อนพัดพากลิ่นดินหอมกรุ่นหลังจากค่ำคืนที่มีน้ำค้างโปรยปราย แสงอาทิตย์สีทองค่อย ๆ ลอดผ่านแนวต้นไม้กระทบกับผืนดินหลังตำหนักที่เคยรกร้าง ทว่าบัดนี้กำลังจะถูกแปรเปลี่ยนเป็นสวนผักที่อุดมสมบูรณ์กลางลานดินที่เพิ่งถูกไถพรวน พระชายาในชุดชาวสวน สีครีมนวลเรียบง่าย ผมยาวรวบขึ้นมัดด้วยผ้าสีอ่อน ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อจากไอแดด องค์รัชทายาทมองด้วยแววตาหลงใหล ก่อนจะปรายตามองตัวเองที่แต่งกายเช่นเดียวกัน ที่สวมเสื้อชาวสวนสีเข้ม กางเกงผ้าฝ้าย แม้จะแต่งแบบชาวบ้านธรรมดา แต่ความสง่างามยังไม่จางหาย"องค์รัชทายาท ท่านดูดีที่สุดเลยเมื่อแต่งตัวแบบนี้" พระชายาเอ่ยพลางหัวเราะเบา ๆ"พระชายาก็เช่นกัน เจ้าดูน่ารักแปลกตา น่าค้นหาเสียจริง""เลิกชมกันได้แล้ว มาทางนี้เลยองค์รัชทายาท มาขุดดินเตรียมเพาะปลูกเมล็ด"องค์รัชทายาทรีบคว้าจอบขึ้นมา "รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ พระชายา"จินฝานและซีจิน รวมถึงนางกำนัลและองครักษ์ต่างช่วยกัน ถางหญ้า ปรับหน้าดิน และขุดหลุม เตรียมปลูกพืชพันธุ์ เมล็ดพริก ข้าวโพด มันฝรั่ง และมะเขือเทศถูกนำออกมาจัดเตรียมขณะทุกคนลงมือทำงาน ซีจินเอ่ยถามขึ้นมาพลางหยิบเมล็ดข้าวโพดขึ้นดู"
ตำหนักไป๋ฮวา...แสงจันทร์อ่อนโยนสาดส่องลอดผ่านม่านโปร่งบาง ๆ ตกกระทบลงบนพื้นไม้ ภายในตำหนักไป๋ฮวา สถานที่ซึ่งเป็นเสมือนรังรักขององค์รัชทายาทและพระชายา บรรยากาศสงบเงียบ ทว่ากลับอบอวลไปด้วยไออุ่นแห่งความรักของทั้งสองพระชายาทอดสายตามองดวงจันทร์ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเจือรอยยิ้ม"องค์รัชทายาท ข้าได้ซื้อที่สำหรับเปิดร้านขายผ้าเรียบร้อยแล้ว คาดว่าอีกสองสามวันข้าคงได้เปิดร้านและต้องขายดีมากแน่ ๆ"ดวงตาคมลึกขององค์รัชทายาทจับจ้องพระชายาด้วยความเอ็นดู ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ"ชายาของข้า เจ้าไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลยหรือ? หากข้ายังคงออกรบเช่นเมื่อก่อน ข้าคงไม่ได้รับจดหมายจากเจ้าสักฉบับเป็นแน่ เพราะเจ้ามัวแต่ขยันทำงานแทบจะลืมข้าแล้ว"พระชายาหัวเราะเบา ๆ"โธ่... ข้ามาอยู่ที่นี่ทั้งที ข้าย่อมต้องทำงาน เพราะในที่ที่ข้ามา ข้าก็ทำงานทุกวันอยู่แล้ว"องค์รัชทายาทขยับเข้ามาใกล้ ดวงตาฉายแววสนใจ"เจ้าเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ ที่ที่เจ้าจากมานั้นเป็นเช่นไร? ข้าอยากรู้"พระชายายิ้มบาง ๆ พลางทอดสายตาไปยังเบื้องนอก คล้ายหวนนึกถึงอดีต"ได้สิ ข้าเรียกที่แห่งนั้นว่า ‘ฮ่องกง’ ... ที่นั่นเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก