พิธีแต่งงานถูกจัดขึ้นใหญ่โต ลี่หรงและองค์ชายรัชทายาทได้เข้าพิธีแต่งงานตามประเพณี แม้การแต่งงานนี้องค์ชายรัชทายาทไม่เต็มใจ แต่ก็ขัดพระบัญชาฮ่องเต้ไม่ได้ เพราะเป็นการแต่งงานที่หนุนนำตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทให้มั่นคง
เสียงกลองและขลุ่ย พิณบรรเลงเบา ๆ คลอเคล้าไปกับกลิ่นกำยานที่ลอยอ้อยอิ่ง ภายในเรือนหอที่ถูกตกแต่งอย่างหรูหรา ผ้าม่านสีแดงสดปักลวดลายมงคลพลิ้วไหวตามสายลม โคมไฟแดงถูกจุดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลอง แต่บรรยากาศในห้องหอกลับเงียบงันและเย็นเยียบ
หลินเหม่ยเยียนนั่งนิ่งบนเตียงเจ้าสาว ในชุดสีแดงที่สวมงดงามราวภาพวาด แต่ภายใต้ผ้าคลุมหน้า ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความกังวล
"อะไรนะ!? ข้ามมิติมาก็ต้องมาเสียตัวเลยรึ!?"
ลี่หรงแทบจะกรีดร้อง อยู่โลกปัจจุบันยังไม่มีแม้แต่แฟน แต่พอมาที่นี่กลับต้องแต่งงานกะทันหัน นี่นับเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่? เธอนั่งคิดอยู่ครู่ใหญ่
"เจ้าบ่าวจะมาไหม...? แล้วถ้ามา... เขาจะทำอะไรกับฉันไหม?" นางกระซิบกับตัวเอง ลุ้นหัวใจเต้นแรงอย่างควบคุมไม่ได้
เวลาผ่านไป...
ยามโฉว (สามทุ่ม) ผ่านไปแล้ว
ยามจื่อ (ห้าทุ่ม) ก็มาถึง...
แต่ชายที่นางแต่งงานด้วยยังไม่มา
หานจื่อเหว่ย องค์รัชทายาท แม่ทัพใหญ่ผู้เกรียงไกร เป็นบุรุษที่หล่อเหลากว่าองค์ชายทั้งหกพระองค์ แต่เขา... เกลียดนางยิ่งนัก!
“ทำไมต้องมาอยู่ในสถานการณ์แบบนี้นะ” ลี่หรงบ่นกับตัวเอง
"ไม่มาก็ไม่ต้องมา ข้าก็อยากนอนเหมือนกัน จะมานั่งรอให้เขามาสาดคำพูดร้าย ๆ ใส่ทำไม?"
ลี่หรงพึมพำ พลางเอื้อมมือจะดึงผ้าคลุมหน้าออก
“ปัง!...”
เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังขึ้น ตามมาด้วยเสียงประตูเรือนหอถูกผลักออกอย่างแรง
ลี่หรงสะดุ้งเฮือก นางเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยภายใต้ผ้าคลุม...
ผ้าคลุมเจ้าสาวถูกกระชากออกอย่างไร้ความเมตตา
บุรุษที่ยืนอยู่ตรงหน้าในชุดเจ้าบ่าวสีแดง รูปโฉมงดงามราวเทพสวรรค์ แต่แววตากลับเยียบเย็น ไร้ซึ่งความรู้สึก
"เจ้าคิดว่า ข้าจะมาดื่มสุราหอมหรือร่วมเตียงกับเจ้าหรือ?"
น้ำเสียงขององค์รัชทายาท ดั่งคมดาบที่เฉือนลงมากลางใจของนาง
นางกำมือแน่น เล็บจิกลงบนฝ่ามือจนรู้สึกเจ็บแปลบ แต่ความเจ็บปวดที่แท้จริงอยู่ในใจของนางต่างหาก
"ท่าน..." นางเอ่ยเสียงแผ่ว
"หากท่านเกลียดข้าถึงเพียงนี้ เหตุใดเราจึงต้องแต่งงานกันเล่า"
"แต่งงาน?"
องค์รัชทายาทหัวเราะเยาะ น้ำเสียงเต็มไปด้วยความเหยียดหยัน
"นี่เป็นเพียงพันธะที่ข้าถูกบังคับให้ยอมรับ หาได้มีค่าอันใด อย่าคิดว่าข้าอยากแต่งกับผู้หญิงที่อยากได้ผู้ชายจนตัวสั่นอย่างเจ้า"
“บ้าจริง” ลี่หรงคิดในใจนี้มันดูถูกเหยียดหยามกันมากไปแล้ว เธอตอบโต้กลับทันที
"ในเมื่อไม่มีค่า ก็ไม่ต้องแต่ง ข้าเองก็ไม่ได้อยากแต่งกับท่าน"
เขาชะงักไปเล็กน้อย ก่อนที่แววตาจะกลับมาเย็นชาอีกครั้ง
"อย่ามาเสแสร้ง เจ้าก็รู้ว่า ราชโองการจากฝ่าบาท... ไม่มีใครขัดได้"
น้ำเสียงของเขาแข็งกร้าว
"ที่ท่านดุด่ารังเกียจข้าเช่นนี้... เพียงเพราะคิดว่าข้าทำให้คนรักของท่านตายใช่หรือไม่?"
ลี่หรงกัดริมฝีปากแน่น
"แต่ข้าไม่ได้"
"หุบปาก!"
องค์ชายตวาดเสียงดัง ใบหน้าหล่อเหลาบิดเบี้ยวด้วยความโกรธ
ลี่หรงตัวสั่นกับท่าทีของเขาตวาด แต่ยังคงเงยหน้ามองอย่างไม่ยอมแพ้
"ต่อให้เจ้าพยายามแก้ตัวเพียงใด ก็ฟังไม่ขึ้น ก็เห็น ๆ กันอยู่ว่านางตายในห้องเจ้า!"
องค์รัชทายาทกัดฟันเอ่ย
"และจงจำไว้ว่า ถึงข้าจะแต่งงานกับเจ้า แต่เจ้าไม่มีวันได้หัวใจข้า!"
ลี่หรงกำมือแน่น ดวงตาหม่นหมองลง แต่ไม่มีคำพูดใดที่จะพูดออกมา
องค์รัชทายาทมองนางอย่างเย็นชา ก่อนจะหมุนตัวเดินออกไปจากเรือนหอไปทันที
ทิ้งให้นางนั่งอยู่ลำพังในห้องที่เงียบงัน ร่างของนางสั่นไหว ดวงตาร้อนผ่าว แต่ไร้หยาดน้ำตาไหลริน
"เวรกรรมอะไรของข้ากันนะ!?"
ลี่หรงพึมพำกับตัวเอง
“โธ่ชีวิต...ข้ามมิติมาทั้งที ได้แต่งงานกับคนหล่อ เป็นถึงองค์รัชทายาท มีตำแหน่งเป็นถึงพระชายา แต่สามีกลับไม่รัก ถูกตราหน้าว่าเป็นฆาตกรอีก แล้วข้าจะอยู่อย่างไรต่อไป!?"
“ยังไม่นับแม่ผัว คู่แข่ง พวกตัวร้ายอีก! ข้าจะต้องเผชิญเรื่องอะไรอีกบ้างเนี่ย!?”
เช้าวันรุ่งขึ้น…
"พระชายาพ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮามีรับสั่งให้เข้าเฝ้า" ขันทีคนสนิทของฮองเฮาเข้ามาแจ้ง
"ห๋า? เราต้องทำตัวยังไง เรียกไปทำไม?"
"พระชายาทรงเคยเข้าเฝ้าฮองเฮาเป็นประจำอยู่แล้วเพคะ" หวงซีจิน นางกำนัลคนสนิทกล่าว
ลี่หรงถอนหายใจยาว
"เอาวะ! ได้เวลาโชว์สกิลซีรีส์จีนโบราณแล้ว เป็นไงเป็นกัน!"
ตำหนักเฟิงหวงศาลาริมน้ำ…
สายลมเย็นพัดผ่านศาลาริมน้ำ ผ้าม่านแพรบาง ๆ เผยให้เห็นหญิงสาวที่เลอโฉม นั่งทอดสายตามองไปยังสระบัว ผืนน้ำสะท้อนแสงแดดเป็นประกายระยิบระยับ ดอกโบตั๋นสีแดงผลิบานละลานตา ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆ ต้องลมโชยมาเป็นระยะ
“สวยจัง นี่มันสวรรค์ชัดๆ” ลี่หรงอุทานเบาๆ
“พระชายาเสด็จแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เสียงขันทีรายงานต่อฮองเฮา
ฮองเฮาคลี่ยิ้มสง่างาม สายตามองลูกสะใภ้ด้วยความพอใจ นางหมายมั่นปั้นมือให้เป็นฮองเฮาคนต่อไป
“หลินเหม่ยเยียน”
ฮองเฮาเรียกนางด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“ถวายบังคมเพคะ ฮองเฮา”
ลี่หรงกล่าวพลางทำความเคารพอย่างเก้ ๆ กัง ๆ
“เจ้าเรียกข้าว่า ‘เสด็จแม่’ เถิด เจ้าสมรสกับรัชทายาท ย่อมถือเป็นบุตรของข้า”
ฮองเฮาลูบศีรษะนางอย่างเอ็นดู
“เพคะ...เสด็จแม่”
ลี่หรงยิ้มด้วยความปีติ ความอบอุ่นจากฮองเฮาทำให้นางรู้สึกรักและเคารพอย่างสุดหัวใจ
ฮองเฮามองสำรวจลี่หรงก่อนจะตรัสถามด้วยความห่วงใย
“เจ้ายังป่วยอยู่ใช่หรือไม่? แผลที่ศีรษะของเจ้าหายดีหรือยัง?”
“ดีขึ้นมากแล้วเพคะ เพียงแต่...ตั้งแต่ฟื้นขึ้นมา หม่อมฉันรู้สึกเหมือนความทรงจำขาดหายไปบางส่วน บางเรื่องจำได้ บางเรื่องกลับเลือนราง”
ฮองเฮาพยักหน้าอย่างเข้าใจ ก่อนจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“เมื่อคืนรัชทายาทมิได้เข้าหอกับเจ้าหรือ? พวกเจ้ามีเรื่องบาดหมางกันหรืออย่างไร?”
ลี่หรงหลุบตาต่ำก่อนเอ่ยเสียงแผ่ว
“องค์ชายไม่ได้ประทับที่ตำหนักของหม่อมฉันเพคะ พระองค์เสด็จมาเพียงเพื่อกล่าวโทษ ว่าหม่อมฉันเป็นต้นเหตุให้คนรักของพระองค์ต้องสิ้นใจ”
ฮองเฮาขมวดคิ้วทันที
“เหลวไหล! เหตุใดรัชทายาทจึงปักใจเช่นนั้น?”
“เพราะเหม่ยจูถูกวางยาพิษในตำหนักของหม่อมฉันเพคะ องค์ชายจึงเชื่อว่าหม่อมฉันเป็นผู้กระทำ แต่หม่อมฉันมิได้มีจิตคิดร้ายต่อเหม่ยจูเลยเพคะ”
“ข้าย่อมรู้ว่าเจ้ามีนิสัยเช่นไร ข้าเลี้ยงเจ้ามาตั้งแต่เล็ก จะไม่รู้ใจเจ้าหรือ?”
ฮองเฮาตรัสปลอบโยน ก่อนจะหันไปสั่งขันทีด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“ไปตามองค์รัชทายาทมาเดี๋ยวนี้”
“พ่ะย่ะค่ะ” ขันทีรับคำแล้วรีบออกไป
ไม่นานนัก ร่างสูงสง่าในชุดสีดำหรูหราเสด็จมาพร้อมองครักษ์รับใช้ เมื่อมาถึง สายเขาที่มองลี่หรงยังคงเย็นชาเช่นเดิม
“ถวายบังคมเสด็จแม่ ท่านเรียกหาข้าด้วยเรื่องใด?”
“เหตุใดเมื่อคืนเจ้าจึงมิได้เข้าหอกับหลินเหม่ยเยียน? เจ้าคิดจะทำให้นางอับอายหรือ?”
องค์รัชทายาทยิ้มอย่างเย็นชา
“นางช่างรีบฟ้องเสด็จแม่เสียจริง”
ลี่หรงเชิดหน้าขึ้น สายตาไม่ไยดี
“ข้ามิได้ฟ้อง เพราะไม่มีเหตุผลให้ต้องฟ้อง อีกทั้งข้าเองก็มิได้อยากร่วมเรียงเคียงหมอนกับพระองค์สักเท่าไหร่ อย่า....หลงตัวเองให้มากไปหน่อยเลยเพคะ”
ทั่วทั้งตำหนักตกอยู่ในความเงียบงัน ทุกคนตะลึงกับคำพูดและท่าทีของพระชายา เพราะแต่เดิม นางเป็นหญิงที่อ่อนโยน พูดจาสุภาพและยอมองค์ชายทุกอย่าง ทว่าบัดนี้กลับดูไม่สนใจพระองค์แม้แต่น้อย
องค์รัชทายาทโกรธนางอย่างเห็นได้ชัด
“เจ้า..!”
ลี่หรงมองพระองค์ด้วยสายตาเฉยชา ก่อนเอ่ยขึ้น
“เสด็จแม่เพคะ หม่อมฉันขอทูลขอหย่าได้หรือไม่เพคะ? เมื่อองค์รัชทายาทมิได้รักหม่อมฉัน และหม่อมฉันเองก็มิได้รักองค์รัชทายาทแล้ว การอยู่ร่วมกันมีแต่จะนำมาซึ่งความขมขื่น”
“เจ้าอาจหาญนัก! การแต่งงานครั้งนี้เป็นราชโองการของฝ่าบาท ผู้ใดก็ขัดมิได้!”
องค์รัชทายาทตรัสทันที
ลี่หรงยิ้มเย็น
“เช่นนั้นข้าจะทูลขอฝ่าบาทเอง”
ฮองเฮาขมวดคิ้ว สายตาเต็มไปด้วยความสงสัย
หลินเหม่ยเยียน เหตุใดเจ้าจึงพูดเช่นนี้? เมื่อก่อนเจ้ามิใช่หรือที่รักองค์รัชทายาทสุดหัวใจ เหตุใดบัดนี้เจ้ากลับเปลี่ยนไปเป็นคนละคน?
ฮองเฮาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนตรัสขึ้น
“พวกเจ้าแยกย้ายกันเถิด ข้าปวดหัวกับพวกเจ้ามากพอแล้ว”
ก่อนที่องค์รัชทายาทจะเอ่ยสิ่งใด ฮองเฮาก็ตรัสสั่งเสียงเฉียบขาด
“องค์รัชทายาท คืนนี้เจ้าไปพักที่ตำหนักของพระชายา”
องค์รัชทายาทขมวดคิ้วทันที
“แต่เสด็จแม่”
“นี่คือคำสั่งของข้า หรือเจ้าคิดจะขัด?”
“ข้ามิกล้าพ่ะย่ะค่ะ”
องค์รัชทายาทจำต้องรับพระบัญชา
ขณะเดียวกัน ลี่หรงรีบหันหลังสะบัดชายกระโปรงกลับตำหนักไปทันที
เมื่อกลับมาถึงตำหนัก ลี่หรงถอนหายใจออกยาว นางมองเงาตัวเองในกระจก ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาเบา ๆ
“เฮอะ...องค์ชายผู้นั้นหน้าตาก็ดีอยู่หรอก แต่คำพูดและนิสัยช่างน่ารังเกียจนัก อยากกลับบ้านไม่อยากเจ้าหน้าองค์รัชทายาทยอมเย็นชา?”
ค่ำคืนนี้ในตำหนักไป๋ฮวา
ดวงจันทร์ลอยเด่นกลางฟากฟ้า ส่องแสงนวลมายังลานหินอ่อนที่ทอดยาวไปยังตำหนัก แสงสว่างจากตะเกียงน้ำมันตามระเบียงส่องให้เห็นเหล่าทหารยามที่เดินตรวจตราคุ้มกันความปลอดภัยของตำหนัก
ภายในห้องนอน ลี่หรงนั่งอยู่ริมหน้าต่าง สายตาเหม่อมองออกไปยังสวนหย่อมเบื้องล่าง แสงจันทร์สะท้อนใบหน้าของนางทำให้ดูงดงาม
ลี่หรงถอนหายใจเบา ๆ หัวใจของนางเต็มไปด้วยความเหนื่อยล้าและสับสน
ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าหนักแน่นก็ดังขึ้นจากด้านนอก ทหารยามโค้งคำนับให้บุคคลผู้มาเยือน ก่อนที่เงาร่างสูง
สง่าก้าวเข้ามาในห้อง เสียงผ้าแพรไหมเสียดสีกันเบา ๆ ขณะองค์รัชทายาทเดินเข้ามา ดวงตาคมเข้มของพระองค์ที่แฝงไปด้วยความเย็นชา มองมายังชายาที่พึ่งแต่งเข้า
ลี่หรงหันมามอง ดวงตาสบกันเพียงชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่นางจะเบือนหน้าหนี มือบางๆ กำชายแขนเสื้อแน่น นางไม่ต้องการให้เขาเห็นความอ่อนแอที่ซ่อนอยู่ในใจ
"อย่าบอกว่ารอข้า?"
เสียงทุ้มต่ำเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ
"ไม่ได้รอข้านอนไม่หลับ"
ลี่หรงตอบเสียงเรียบ นางพยายามเก็บซ่อนความรู้สึกกลัวทั้งหมดไว้
องค์รัชทายาทจ้องมองนาง ริมฝีปากเม้มแน่น ก่อนจะก้าวเข้าไปใกล้ มือใหญ่ยื่นออกไปเหมือนต้องการสัมผัส แต่สุดท้ายกลับหยุดชะงักไว้
“ข้าไม่ได้อยากมาค้างอ้าแรมกับเจ้า แต่ขัดคำสั่งเสด็จแม่ไม่ได้ อย่าเข้าใจผิดไป”
องค์ชายพูดน้ำเสียงเรียบ
“ท่านจะมานอน หรือไม่มานอนตามแต่ท่านเลย อยากนอนตรงไหนนอนเลย แต่เตียงเป็นของข้า”
ลี่หลงพูดไม่ไยดีในตัวองค์รัชทายาทเลยสักนิด
“นี่เจ้า...”
ลี่หรงยื่นหน้าเข้ามาใกล้อย่างท้าทาย องค์ชายถอยหลังหนีทันที
“เจ้าอย่าให้มันมากนัก ทำตัวไม่สมกับเป็นกุลสตรี อยากจะใกล้ชิดบุรุษจนเกินงาม”
พระองค์มองนางด้วยสายตารังเกียจ
“นี่องค์ชายรัชทายาท ถ้ากลัวก็ไปนอนตำหนักตัวเองโน้น มาที่นี่ทำไม เกลียดข้า แต่ต้องมาทนอยู่ใกล้ข้า ระวังจะอกแตกตายนะ”
องค์รัชทายาทมองชายาด้วยสายตาดุดัน
“เจ้าไม่เหมือนหลินเหม่ยเยียน ที่ข้ารู้จัก กิริยาท่าทางของนาง แทบคนละคนกับเจ้า”
“ก็เพราะเมื่อก่อนข้าเป็นแบบนั้นไง ถึงถูกคนใส่ร้ายสร้างมลทินจนมาถึงทุกวันนี้ แล้วเหตุใดข้าต้องกลับไปเป็นเหมือนเดิมเล่า”
ลี่หรงพูดเสียงดังฟังชัด
“แต่อย่างไรเหม่ยจูก็ตายในห้องบรรทมของเจ้า คนที่ฆ่านางจะเป็นใครไปได้”
“นี่องค์ชายสมองมีแค่นี้หรือไง ใครมันจะโง่ฆ่าคนไว้ในห้องนอนตัวเอง”
ลี่หรงมองงค์รัชทายาทด้วยสายตาที่เย็นชาเช่นกัน
องค์รัชทายาทจ้องมองนาง ด้วยแววตาซับซ้อนและครุ่นคิดภายในใจ
"เจ้าช่างเปลี่ยนไปมากนัก..." พระองค์พึมพำเบา ๆ
ลี่หรงยิ้มบาง ๆ แต่มิได้ตอบคำอันใด นางเพียงลุกขึ้น ก้าวผ่านองค์ชายไปอย่างเยือกเย็น ทิ้งไว้เพียงกลิ่นหอมจาง ๆ จากกลิ่นกายของตัวนางเท่านั้น
ค่ำคืนอันเงียบสงบยังคงดำเนินต่อไป แต่ในหัวใจของทั้งสอง กลับเต็มไปด้วยพายุที่โหมกระหน่ำไปด้วยความโกรธแค้น
เช้าวันใหม่ในพระราชวัง…ตำหนักไป๋ฮวา ยามเช้าลมอ่อนๆ พัดม่านบางเบาปลิวไสว เสียงระฆังจากหอคอยก้องกังวาน ปลุกให้เหล่าข้ารับใช้เริ่มทำงานตามหน้าที่ภายในห้องบรรทม พระชายานอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มเนื้อนุ่ม ใบหน้างามงามผุดผ่อง แก้แดงระเรื่อ บรรยากาศยามเช้าช่างเงียบสงบ หากแต่ไม่ได้สงบไปเสียทั้งหมด...องค์ชาย ซึ่งเอนกายอยู่บนแท่นไม้ข้างเตียง ได้ยินเสียงฝีเท้าของนางกำนัลและองครักษ์ใกล้เข้ามา พร้อมเสียงพูดคุยกันแผ่วเบาเพียงเสี้ยววินาที องค์ชายก็กระโจนขึ้นเตียงอย่างรวดเร็ว ร่างสูงโอบกอดลี่หรงแนบแน่น มือใหญ่กระชับผ้าห่มคลุมร่างทั้งสองให้ดูราวกับว่าอยู่ในอ้อมกอดกันทั้งคืนลี่หรงสะดุ้งตื่น ดวงตาคู่งามเบิกขึ้นอย่างตกใจ"อะไรเนี่ย! ลงไปเดี๋ยวนี้นะ!"นางกระซิบกระเส่า พยายามดิ้นหนีจากวงแขนอบอุ่นแต่ก่อนที่เสียงของนางจะดังไปถึงภายนอก องค์ชายพลิกตัวคร่อมเหนือร่างบาง มือหนาปิดปากนางไว้ทันที ใบหน้าหล่อเหลาต่ำลงมาใกล้ จมูกของเขาแทบชนกับปลายจมูกของนาง"อย่าโวยวาย ข้าไม่ได้อยากทำเช่นนี้นักหรอก หรือว่าเจ้าอยากให้เสด็จแม่รู้ว่าเรานอนแยกกัน?"ดวงตาคมเข้มมองลึกเข้าไปในดวงตาของนาง ลมหายใจร้อนระอุรินรดผิวแก้มเนียนพระ
ศึกในเรือนหลังเป็นบททดสอบอันหนักหน่วงของลี่หรง นางรู้ดีว่าภายในตำหนักในไม่ได้มีเพียงความงามและความจงรักภักดี แต่ยังเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและการชิงดีชิงเด่นฮองเฮาถูกพระสนมของฮ่องเต้แย่งชิงความโปรดปราณ แม้ฮองเฮาจะเป็นผู้ที่ได้รับตำแหน่งสูงสุด แต่กลับถูกลดบทบาทให้ไร้ตัวตนในสายพระเนตรขององค์ฮ่องเต้พระชายาลี่หรง ในฐานะสะใภ้ จึงต้องหาทางปกป้องแม่พระสวามีของตน นางรู้ดีว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป อำนาจของฮองเฮาจะถูกบั่นทอนจนหมดสิ้นตำหนักเฟิงหวง…“ถวายบังคมเสด็จแม่เพคะ หลายวันมานี้หม่อมฉันไม่ได้เข้าเฝ้าเสด็จแม่เลย ไม่ทราบว่าเสด็จแม่มีเรื่องทุกข์ใจสิ่งใดหรือเพคะ สีหน้าเสด็จแม่ดูไม่มีความสุข” หลี่หรงถามไถ่ด้วยความห่วงใยหลังจากได้ยินข่าวว่าฮ่องเต้มิได้เสด็จเยี่ยมฮองเฮามาสองเดือนแล้ว แต่กลับใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับสนมคนโปรดนางเงยหน้ามองฮองเฮาที่นั่งนิ่ง สีหน้าอ่อนล้าแต่แฝงด้วยศักดิ์ศรีของสตรีผู้สูงศักดิ์"เสด็จแม่..." พระชายาเอ่ยขึ้นเบา ๆ หลังตัดสินใจจะถามขึ้นมาทันที"เหตุใดจึงปล่อยให้พวกนางลบหลู่เช่นนี้ ฮองเฮาแห่งแผ่นดินจักถูกลืมเลือนได้เช่นนั้นหรือฮองเฮายิ้มบาง ๆ คล้ายมิได้ใส่ใจ"ภายในตำห
ตำหนักหวงเฟย"พระชายา อีกสามวันจะเป็นวันเฉลิมฉลองพระชนมพรรษาของฮ่องเต้ ข้าอยากให้เจ้าช่วยจัดสำรับอาหารสำหรับแขกในงาน จะได้หรือไม่?"ฮองเฮาตรัสถามพระชายา"ได้เพคะ แต่เสด็จแม่ต้องการให้อาหารแบบไหน หรือมีเมนูพิเศษหรือไม่เพคะ?""เจ้าจัดมาได้เลย ข้าเชื่อมือเจ้า แต่ขอให้มีบะหมี่สักชามสำหรับอวยพรฝ่าบาท""ได้เพคะ แต่ข้าขอออกไปหาวัตถุดิบที่ตลาดนอกวังนะเพคะ""ได้ ข้าอนุญาต… งั้นให้องค์รัชทายาทไปกับเจ้าด้วย""ไม่เป็นไรเพคะ ข้าไม่อยากให้พระองค์ไป องค์รัชทายาทไม่ค่อยอยากจะเจอหน้าข้าสักเท่าไหร่""นี่อย่าบอกนะว่า…พวกเจ้ายังไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน?""เอ่อ…ไม่ใช่อย่างนั้นเพคะ คือ…""เสร็จจากงานเลี้ยง ฝ่าบาทต้องคุยกันสักหน่อยแล้ว"คำพูดของฮองเฮาทำให้พระชายาชะงักไป“ไม่น่าหลุดปากเลยเรา! ฮองเฮาจับได้เสียแล้ว!”หน้าประตูวัง…"เร็วเข้า ซีจิน! เราอยากออกจากที่นี่จะแย่แล้ว!"พระชายาเร่งนางกำนัลคนสนิทให้ขึ้นรถม้า เพื่อมุ่งหน้าไปตลาดแต่เสียงหนึ่งที่คุ้นเคยดังขึ้นขัดจังหวะทันที"รีบร้อนจะไปไหน? ที่นี่เจ้าอยากทำอะไรตามใจตัวเองไม่ได้หรอกนะ"องค์รัชทายาทยืนกอดอกมองนางด้วยสายตาเย็นชา"ก็ไม่ได้จะออกไปทำอะไรไร้สาระที
ในท้องพระโรงพระราชวังที่หรูหรามีแต่เสียงคุยของขุนนางและเหล่าข้าราชบริพารที่ต่างพากันยกย่องความสามารถของพระชายาที่ทำอาหารให้ทุกคนลิ้มรส จนทำให้พระราชวังเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความชื่นชม แต่ท่ามกลางความสุขนั้น กลับมีบางสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นทันใดนั้น หมิงจิว น้องสาวของพระชายาองค์ชายสี่ ซึ่งเป็นสาวงามที่มีชื่อเสียงในเรื่องของคุณสมบัติอันดีงาม กำลังได้รับการทาบทามให้เป็นพระชายารองของรัชทายาทหมิงจิวเริ่มมีอาการผิดปกติ ผิวหนังของเธอเริ่มแดงและมีผื่นขึ้นทั่วร่างกาย แล้วเธอก็ล้มลงหมดสติไป ทำให้ทุกคนในห้องตกใจและรีบเข้ามาช่วยเหลือ องค์ชายสี่และพระชายาองค์ชายสี่มองเหตุการณ์นี้ด้วยสายตาแฝงไปด้วยความไม่พอใจ ทั้งสองคนเริ่มตั้งข้อสงสัยและคิดว่าอาหารที่พระชายาองค์รัชทยาททำเป็นสาเหตุที่ทำให้หมิงจิวเกิดอาการเช่นนี้"มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอก!" พระชายาองค์ชายสี่พูดขึ้นเสียงเย็นชา"พระชายาองค์รัชทายาทคงไม่พอใจที่หมิงจิวกำลังจะได้รับตำแหน่งพระชายารองของรัชทายาท เธอคงวางยาพิษหมิงจิว"คำพูดของพระชายาองค์ชายสี่ทำให้บรรยากาศในห้องนั้นตึงเครียดขึ้นทันที“พระชายาองค์ชายสี่ท่านคิดได้อย่างไรว่าเป็นฝีมือของ
ตำหนักไป๋ฮวา...ในค่ำคืนหนาวเหน็บเงียบสงัด ราวกับถูกปกคลุมด้วยความหม่นหมอง ภายในห้องบรรทมของพระชายา มีเพียงแสงตะเกียงส่องริบหรี่ สะท้อนความเหงาในใจของนางที่ถูกคำพูดขององค์รัชทายาททำร้าย แม้จะมีซีจินนั่งอยู่ข้าง แต่ความเหนื่อยล้ากลับยิ่งเพิ่มพูนภายในใจ"ซีจิน ข้ายากอาบน้ำเตรียมน้ำให้ข้าที""พระชายารอสักครู่นะเพคะ ข้าจะไปเตรียมให้"บรรยากาศภายในห้องอาบน้ำช่างเย็นเยียบแม้จะมีแสงเทียนอ่อนๆ ส่องสว่างด้วยประกายอ่อนจากน้ำที่เคลื่อนไหวไปตามการเคลื่อนไหวของพระชายาพระชายารู้สึกผ่อนคลายจากน้ำอุ่นในอ่างหินอ่อนขนาดใหญ่ที่ซีจินได้เตรียมไว้ให้ นางนั่งอยู่ในอ่างน้ำที่มีสมุนไพร กลิ่นสมุนไพรลอยฟุ้งในอากาศ หอมสดชื่น ช่วยปลอบประโลมร่างกายที่เหน็ดเหนื่อยได้ดีทีเดียวแต่ท่ามกลางความสงบนี้ ความคิดในใจของพระชายายังคงหมุนวน ความเครียดที่ฝังอยู่ในใจมานานทำให้นางรู้สึกอึดอัดจนไม่อาจหลุดพ้นได้ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ทำให้นางสะดุ้ง นางรู้สึกถึงการปรากฏตัวของใครบางคน"ซีจิน นั้นเจ้าไหม"ไม่มีเสียงตอบใดใด มีเพียงองค์ชายรัชทายาทพยักหน้าให้ซีจินออกไปจากที่นี้องค์ชายรัชทายาทที่ยืนมองความงามของพระชายาท
องค์ชายรัชทายาทไปที่นางกำนัลด้วยท่าทีที่เคร่งขรึม และถามอย่างกังวล"พระชายาของพวกเจ้าไปที่ใด""พระชายาเสด็จไปตำหนักพระพันปีเพคะ" นางกำนัลตอบเสียงเรียบองค์ชายพยักหน้าและสั่งการอย่างจริงจัง"ฝานจิน ไปหาเสด็จย่ากัน""พะยะคะ"ฝานจินตอบรับอย่างว่าง่าย แต่ในแววตากลับมีความขบขันตำหนักพระพันปี...ในตำหนักพระพันปี พระชายาเดินเข้าไปพร้อมน้ำเม็ดบัวในมือ สายตาเธอแสดงถึงความห่วงใยที่มีต่อเสด็จย่า"เสด็จย่าเพคะ ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้างเพคะ หลานได้ยินว่าท่านมีอาการวูบบ่อยๆ"พระชายาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล"ขอบใจเจ้ามาก ที่มาเยี่ยมย่า " เสด็จย่าตอบพลางยิ้มให้"ข้าทำน้ำเม็ดบัวมาให้ น้ำเม็ดบัวช่วยขับลม บำรุงหัวใจ บำรุงเลือดและปรับสมดุล ลดความเครียดเพคะ เสด็จย่าดื่มสักหน่อย"พระชายายื่นแก้วน้ำเม็ดบัวให้เสด็จย่าหยิบไปดื่มและรับรู้ถึงรสชาติที่หวานหอม"อืม รสชาติดีทีเดียว ขอบใจเจ้ามากที่ทำให้ย่า""ยินดีที่สุดเพคะ" นางยิ้มและมองดูเสด็จย่าอย่างอ่อนโยนทันใดนั้นองค์รัชทายาทก็เดินเข้ามาแนบชิดพระชายา"องค์รัชทายาท เจ้าก็มาหาย่าเหมือนกันรึ?" เสด็จย่าพูดเสียงนุ่มเมื่อเห็นองค์ชายเดินเข้ามาใกล้องค์รัชทายาทมองไปยังเ
ตำหนักไป๋ฮวา..."พระชายา เสวยมื้อเช้ากับองค์รัชทายาทก่อนเพคะ"ซีจินกล่าวเสียงอ่อนโยน พลางวางถาดอาหารลงเบื้องหน้า"ข้าไม่หิว" พระชายาตอบเสียงเรียบแข็ง นางไม่แม้แต่จะปรายตามองบุรุษที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามองค์รัชทายาทจ้องมองพระชายาของตน นัยน์ตาคมกริบหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะละสายตาจากนางแล้วเอ่ยเสียงเรียบแต่ทรงอำนาจ"จินฝาน ไปเตรียมม้า วันนี้ข้าจะออกไปตรวจดูความเรียบร้อยเสียหน่อย""พ่ะย่ะค่ะ!" จินฝายขานรับทันทีพระชายาหันไปหาซีจิน เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแน่วแน่"ซีจิน เตรียมรถม้า ข้าจะไปแถววัดหยงเห่อ"เพคะ"ระหว่างทาง รถม้าของพระชายาแล่นไปตามถนนลูกรังที่เงียบสงบ สายลมพัดเอื่อยนำกลิ่นดอกเหมยจากสวนข้างทางมาแตะจมูก ทว่า...ความเงียบงันนี้กลับดูผิดปกติซีจินที่นั่งอยู่ข้างๆ เริ่มรู้สึกถึงบางสิ่ง นางเหลียวมองไปยังถนนด้านหลังผ่านช่องหน้าต่างรถม้า และสิ่งที่เห็นก็ทำให้เลือดในกายเย็นเฉียบกลุ่มบุรุษในชุดดำควบม้าตามมาติดๆ ราวกับเงาที่คอยไล่ล่า!"พระชายา! มีคนตามเรามาเพคะ!" ซีจินร้องเตือนพระชายาหันขวับไปมองทันที ก่อนที่รถม้าจะสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เสียงกีบม้ากระทบพื้นดังกึกก้อง ฝุ่นฟุ้งขึ้นเป็นสาย เธอรู้
ในค่ำคืนที่หนาวเย็นจนรู้สึกถึงความเยือกเย็นที่แทรกซึมเข้าไปในทุกอณูของเมืองหลวง หิมะตกปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้าและพื้นดิน แสงจากเตาไฟที่อยู่ภายในห้องทอแสงอุ่นๆ แต่ความหนาวเย็นนั้นกลับไม่ได้หายไปเสียทีเดียว ภายในห้องที่สงบและเงียบสงัดนี้ องค์ชายที่นอนอยู่บนแท่นไม้เล็กๆ ข้างเตียงดูเหมือนเขาจะไม่สบายจากบาดแผลที่โดนแจกัน และแผลที่มือรับมีดแทนเธอพระชายาที่ยืนมององค์รัชทายาทจากมุมหนึ่งภายในห้อง รู้สึกสงสารพระองค์จับใจ ใบหน้าของพระที่เคยแข็งกร้าวตอนนี้ดูอ่อนโยนและเจ็บปวดกับความหนาวจัดและพิษไข้"หลินเหม่ยเยียน... ข้าหนาว ข้าขอนอนเตียงเจ้าหน่อยได้หรือไม่?"น้ำเสียงออดอ้อนขององค์รัชทายาททำให้หัวใจของพระชายาสะท้าน นางรับรู้ถึงความอ่อนแอที่เขาแอบซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีแข็งกร้าวพระชายาไม่ตอบ นางเพียงเดินไปเปิดตู้ข้างเตียง หยิบผ้าห่มผืนหนาออกมาแล้วหันกลับไปยื่นให้เขา ทว่าก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร ร่างสูงกลับก้าวเข้ามาใกล้… และกอดนางจากด้านหลัง"ข้าไม่ได้อยากได้ผ้าห่ม ข้าอยาก..." เสียงของเขาแผ่วเบา ทว่าซ่อนความนัยลึกซึ้ง"ปล่อยข้าเถอะ ข้าไม่อยากฟาดฟันอะไรกับคนป่วยอย่างท่าน" พระชายารีบพูด แต่กลับไม่มีผลใดๆ เ
พระราชวังประดับประดาด้วยโคมไฟสีแดงงดงามทั่วทุกทิศ เสียงกลองและฆ้องกึกก้องไปทั่วเพื่อเฉลิมฉลองพิธีสำคัญที่สุดของแผ่นดินพิธีราชาภิเษกขององค์รัชทายาท และการแต่งตั้งฮองเฮาณ ท้องพระโรง เหล่าขุนนางต่างคุกเข่าแสดงความเคารพต่อฮ่องเต้องค์ใหม่ เสียงขานถวายพระพรดังกึกก้อง"ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี!"ฮ่องเต้องค์ก่อนทอดพระเนตรพระโอรสด้วยสายตาภาคภูมิ พระองค์ทรงสละราชบัลลังก์อย่างสง่างามและเต็มไปด้วยความไว้วางใจ"ตั้งแต่นี้ไป เจ้าคือฮ่องเต้ ผู้ครองบัลลังก์แผ่นดินจงหยวน" ฮ่องเต้ตรัสด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนส่งมอบตราพระราชลัญจกรให้องค์รัชทายาทในชุดฉลองพระองค์มังกรยืนอย่างสง่างาม รับตราพระราชลัญจกรด้วยความมั่นคงและหนักแน่น "เสด็จพ่อ ข้าจะปกครองแผ่นดินนี้ด้วยสติปัญญาและความยุติธรรม"เสียงโห่ร้องยินดีดังกึกก้องทั่วทั้งพระราชวัง พิธีบรมราชาภิเษกสำเร็จลุล่วงพิธีแต่งตั้งฮองเฮา...หลังจากพิธีบรมราชาภิเษกสำเร็จ พิธีแต่งตั้งฮองเฮาก็เริ่มต้นขึ้น นางในพากันโปรยกลีบดอกโบตั๋นตลอดทางเดิน พระชายาในชุดแต่งงานสีแดงลวดลายปักไหมทอง สง่างามราวเทพธิดา พระนางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้"ถวายพระพร ฝ่าบาท" พระนา
วันมงคล ...ในพระราชวังอันโอฬารถูกประดับประดาด้วยโคมแดงระยับ งานสมรสอันยิ่งใหญ่ถูกจัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติ เสียงฆ้องกังวานดังไปทั่วลานพิธี ชวนให้หัวใจทุกคนเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นองค์รัชทายาทในฉลองพระองค์ชุดแดงเข้มปักลวดลายมังกรยืนตระหง่านอยู่กลางโถง ดวงตาคมกริบทอดมองไปข้างหน้าอย่างแน่นิ่ง ราวกับมิได้มีจิตใจร่วมอยู่ในพิธีการอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ทุกย่างก้าวที่พระองค์ยืนอยู่นั้นคือหน้าที่ มิใช่สิ่งที่หัวใจปรารถนาเสียงฝีเท้าแผ่วเบาของเจ้าสาวในฉลองพระองค์แดงสดดังใกล้เข้ามา ผ้าคลุมหน้าปักลวดลายหงส์ทองสะท้อนแสงเทียนไหวระริก ทุกย่างก้าวชวนให้บรรยากาศราวกับต้องมนต์แต่ดวงตาคมขององค์รัชทายาทยังคงเฉยชา แม้ทุกคนรอบกายจะจับจ้องด้วยความคาดหวัง พระองค์มิได้ยินดีกับงานวิวาห์นี้แม้แต่น้อย เพราะในพระทัยยังคงเชื่อว่าพระชายาที่พระมารดาทรงเลือกให้คือ หมิงจิวทว่า...เมื่อสายลมแผ่วเบาพัดผ่าน กลิ่นหอมละมุนจากร่างบางตรงหน้ากลับทำให้พระวรกายชะงักไปชั่วขณะ กลิ่นอันคุ้นเคย...กลิ่นของ พระชายาลี่หรง หญิงเดียวที่พระองค์รักสุดหัวใจ แต่เธอได้จากไปนานแล้ว มิอาจเป็นไปได้ที่เธอจะมายืนอยู่ตรงหน้าเสียงปี่กู่เจิงดังแว่ว
ตำหนักไป๋ฮวา…ในเช้าวันนี้ปกคลุมไปด้วยม่านหมอกแห่งความเศร้า เหล่านางกำนัลและองครักษ์ต่างยืนนิ่ง เสียงสะอื้นเงียบๆ ปะปนไปกับบรรยากาศแห่งความสูญเสีย ตำหนักที่เคยก้องกังวานไปด้วยเสียงหัวเราะของพระชายา บัดนี้กลับเหลือเพียงความเงียบงันและความว่างเปล่าองค์รัชทายาทประทับยืนอยู่ใต้ต้นเหมย น้ำตาที่เขาพยายามกักเก็บกลับเอ่อล้นออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้“ซีจิน ขอบใจเจ้ามากที่ดูแลข้าอย่างดี ข้าจะไม่ลืมพวกเจ้าเลย”พระชายาเอ่ยขึ้น เสียงของนางสั่นไหวแต่ยังคงแฝงด้วยความอ่อนโยน ราวกับกำลังพยายามปลอบโยนผู้ที่ยังอยู่ซีจินเม้มปากแน่น พยายามสะกดกลั้นน้ำตา แต่สุดท้ายเขากลับต้องก้มหน้าลง ปล่อยหยาดน้ำตาไหลรินลงสู่พื้นดิน“พระชายา... โปรดดูแลพระองค์ให้ดีเพคะ”ลี่หรงพยักหน้าอย่างอ่อนแรง หันไปหาจางจือ นางมองเพื่อนรักทั้งน้ำตา“จางจือ ข้าฝากร้านกับเจ้า ช่วยซีจินดูแลมันให้ดี ขอโทษที่ไม่ได้อยู่ร่วมยินดีในวันสำคัญของเจ้า”จางจือร้องไห้จนตัวสั่น นางสะอื้นไห้แทบเป็นลม ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า“พระชายา... ข้าไม่อยากให้ท่านไป ฮึก... ข้าอยากให้ท่านอยู่กับพวกเราตลอดไป”ลี่หรงแตะไหล่ของจางจือเบาๆ เป็นการปลอบโยนครั้งสุด
ค่ำคืนอันยาวนานผ่านไป พระชายายังคงหมดสติ แม้ได้รับยาถอนพิษแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววจะฟื้น องค์รัชทายาทจับมือพระชายาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยตลอดทั้งคืนจนเผลอหลับไปรุ่งเช้า...เสียงแผ่วเบาของพระชายาที่เพิ่งฟื้นจากพิษดังขึ้นเบาๆ"องค์รัชทายาท... ท่านปลอดภัยดีหรือไม่?"องค์รัชทายาทสะดุ้งตื่น รีบหันไปมองพระชายาด้วยแววตาตื้นตัน"พระชายา! เจ้าได้สติแล้ว ข้าดีใจเหลือเกิน! ข้านึกว่าเจ้าจะไม่กลับมาหาข้าเสียแล้ว"พระชายายิ้มอ่อน แม้ใบหน้าจะยังซีดเซียวเพราะพิษที่เพิ่งถูกขับออกจากร่าง"แล้วทุกคนล่ะ... ปลอดภัยดีหรือไม่?""องค์ชายสี่และทุกคนปลอดภัยดี" องค์รัชทายาทตอบ"ข้าสังหารตงหยางแล้ว จินฝานก็สามารถจับตัวนางกำนัลขององค์ชายสี่ได้ แม่ทัพเหวินจิ้นหงได้ค้นพบอาวุธที่เสนาบดีเฉินหลางลอบสั่งซื้อ ทุกคนสารภาพว่าคิดก่อกบฏและต้องการหนุนให้องค์ชายสี่ขึ้นครองราช ตอนนี้ทั้งหมดถูกจองจำและรอการตัดสินโทษ"พระชายาถอนหายใจยาว รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อย"ในที่สุด ข้าก็สามารถล้างมลทินให้หลินเหม่ยเยียนได้เสียที... ต่อจากนี้ข้าก็สบายใจแล้ว"องค์รัชทายาทบีบมือพระชายาแน่นขึ้น"ใช่ เจ้าทำสำเร็จแล้ว... และจากนี้ไป เราจะได้อยู่ด้วยก
ภายในตำหนักหลวง องค์รัชทายาทถวายรายงานต่อฮ่องเต้ด้วยสีหน้าจริงจัง“เสด็จพ่อ พ่ะย่ะค่ะ ข้าให้แม่ทัพเหวินจิ้นหงไปสืบเรื่องของพระชายาซูซินมาแล้ว นางมีบุตรหนึ่งคนชื่อตงฉี แต่ร่างกายของเขาไม่สมประกอบ ขาซ้ายพิการ และพระชายายังมีบุตรอีกคนหนึ่งชื่อตงหยาง เกิดจากทหารชั้นพิเศษ บัดนี้เขาเสียชีวิตไปแล้ว”ฮ่องเต้พยักพระพักตร์ครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตรัสด้วยเสียงแฝงความลึกซึ้ง“สามารถให้คนไปรับเขากลับมาได้หรือไม่? เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต ควรได้รับการสะสางเสียที”“ได้พ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทตอบรับหนักแน่นฮ่องเต้ทอดพระเนตรองค์รัชทายาทอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตรัสออกมาอย่างอ่อนล้า“ข้าได้หารือกับเสด็จแม่ของเจ้าแล้ว... สุขภาพของข้าไม่ค่อยดีนัก เจ็บออดๆ แอดๆ มาตลอด ข้าอยากสละบัลลังก์ให้เจ้าได้ว่าราชการแทน เพราะข้าเอง... เหนื่อยเต็มทน”ในขณะที่ฮ่องเต้ตรัส นางกำนัลผู้หนึ่งเดินเข้ามาพร้อมของว่างในถาด นางทำทีเป็นรับใช้ แต่แท้จริงแล้วกำลังจับตาดูบทสนทนาอยู่ นางเป็นคนขององค์ชายสี่ องค์รัชทายาทมองดูสีหน้าของนางแล้วจำได้ทันที แต่ทรงแสร้งทำเป็นไม่สนใจเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต“เสด็จพ่อยังทรงแข็งแรงนัก มิจำเป็นต้องรีบแต่
ยามเย็น—แสงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ท้องฟ้าถูกแต้มด้วยสีแดงฉานปะปนม่วงคราม หมู่นกน้อยรีบบินกลับรังในร่มเงาต้นไม้สูงใหญ่ ลมหนาวพัดผ่านพระราชวังอันกว้างใหญ่แต่ทว่าภายในเขตวังหลวงกลับไม่มีความสงบเลยแม้แต่น้อย…ภายในตำหนักหลวง วุ่นวายราวกับรังแตนแตกรัง หมอหลวงในชุดคลุมสีขาวเร่งเดินกันขวักไขว่ เสียงฝีเท้ากระทบพื้นดัง เสียงสั่งการดังขึ้นไม่ขาดระยะ บางคนหอบหิ้วกล่องยา บางคนถือตำราแพทย์พลิกหาวิธีรักษา ข่าวเรื่อง ฮ่องเต้ประชวรหนัก แพร่สะพัดไปทั่วพระราชวังเพียงไม่นาน เสียงขันทีรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหยุดหน้าพระตำหนักขณะที่รถม้าขององค์รัชทายาทและพระชายาค่อย ๆ ชะลอและจอดเสียงร้องเรียกอย่างร้อนรนก็ดังขึ้นทันที“องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ! ขอทรงรีบไปเฝ้าฝ่าบาทเถิดพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ทรงอาการหนักมากแล้ว!”ขันทีที่วิ่งเข้ามาคุกเข่าลงอย่างลนลาน ใบหน้าซีดเผือดดั่งคนสิ้นหวังองค์รัชทายาทก้าวลงจากรถม้าทันที ดวงตาแข็งกร้าวขึ้นแฝงความกังวล “เสด็จพ่อเป็นอะไร?”“ฝ่าบาททรงหน้ามืด มือสั่น เหงื่อออก ตัวเย็น... และที่สำคัญ ทรงเพ้อไม่รู้เรื่องพ่ะย่ะค่ะ!”หัวใจขององค์รัชทายาทกระตุกวูบ คิ้วเข้มขมวดแน่น มือกำหมัดโดยไม่รู้ตัว
ร้านขายชุดนอนของพระชายากลายเป็นที่กล่าวขวัญทั่ววังหลวง ฮูหยินใหญ่ ฮูหยินเล็ก ตลอดจนเหล่าสตรีสูงศักดิ์ต่างพากันมาเลือกสรรด้วยความตื่นตาตื่นใจผ้าที่นำมาจำหน่ายล้วนเป็นเนื้อแพรบางเบาละเอียดอ่อน เมื่อสัมผัสแล้วให้ความรู้สึกราวกับละอองไหมไหลลื่นผ่านปลายนิ้วชุดนอนไม่ได้นอน ของร้านนี้แตกต่างจากชุดนอนทั่วไป สีสันเย้ายวนสะดุดตา ไม่ว่าจะเป็น สีแดงเข้มเย้ายวน สีดำลึกลับน่าค้นหา หรือ สีชมพูหวานละมุน ทุกชุดล้วนถูกออกแบบให้เผยผิวเนียนนวลอย่างมีชั้นเชิง สายเดี่ยวบางเฉียบเปิดไหล่เนียนนุ่ม ลวดลายลูกไม้ปักละเอียดอ่อนเน้นความหรูหรา มีทั้งแบบเรียบโก้และแบบปักดิ้นทองสำหรับงานค่ำคืนสุดพิเศษพื้นที่ในร้านตกแต่งอย่างประณีต ให้บรรยากาศผ่อนคลายและเป็นกันเอง สตรีทั้งหลายสามารถเลือกซื้อได้อย่างเพลิดเพลิน มีสาวใช้คอยบริการอย่างใกล้ชิด เสิร์ฟน้ำชาหอมกรุ่นพร้อมขนมหวานรสเลิศให้ลิ้มลอง ชุดนอนเหล่านี้แม้ราคาไม่แพง แต่เมื่อต้องตาต้องใจแล้ว กลับกลายเป็นสินค้าที่ทำกำไรได้อย่างมหาศาล“การออกแบบชุดในอนาคตที่เราอยู่กลับกลายเป็นที่นิยมสมัยโบราณ ช่างดีจริงๆ รวยแล้วเรา” ลี่หรงพูดกับตัวเองอย่างสุขใจเสียงล้อรถม้าหรูหราดังขึ
ยามเช้าอากาศเย็นสบาย ลมอ่อนพัดพากลิ่นดินหอมกรุ่นหลังจากค่ำคืนที่มีน้ำค้างโปรยปราย แสงอาทิตย์สีทองค่อย ๆ ลอดผ่านแนวต้นไม้กระทบกับผืนดินหลังตำหนักที่เคยรกร้าง ทว่าบัดนี้กำลังจะถูกแปรเปลี่ยนเป็นสวนผักที่อุดมสมบูรณ์กลางลานดินที่เพิ่งถูกไถพรวน พระชายาในชุดชาวสวน สีครีมนวลเรียบง่าย ผมยาวรวบขึ้นมัดด้วยผ้าสีอ่อน ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อจากไอแดด องค์รัชทายาทมองด้วยแววตาหลงใหล ก่อนจะปรายตามองตัวเองที่แต่งกายเช่นเดียวกัน ที่สวมเสื้อชาวสวนสีเข้ม กางเกงผ้าฝ้าย แม้จะแต่งแบบชาวบ้านธรรมดา แต่ความสง่างามยังไม่จางหาย"องค์รัชทายาท ท่านดูดีที่สุดเลยเมื่อแต่งตัวแบบนี้" พระชายาเอ่ยพลางหัวเราะเบา ๆ"พระชายาก็เช่นกัน เจ้าดูน่ารักแปลกตา น่าค้นหาเสียจริง""เลิกชมกันได้แล้ว มาทางนี้เลยองค์รัชทายาท มาขุดดินเตรียมเพาะปลูกเมล็ด"องค์รัชทายาทรีบคว้าจอบขึ้นมา "รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ พระชายา"จินฝานและซีจิน รวมถึงนางกำนัลและองครักษ์ต่างช่วยกัน ถางหญ้า ปรับหน้าดิน และขุดหลุม เตรียมปลูกพืชพันธุ์ เมล็ดพริก ข้าวโพด มันฝรั่ง และมะเขือเทศถูกนำออกมาจัดเตรียมขณะทุกคนลงมือทำงาน ซีจินเอ่ยถามขึ้นมาพลางหยิบเมล็ดข้าวโพดขึ้นดู"
ตำหนักไป๋ฮวา...แสงจันทร์อ่อนโยนสาดส่องลอดผ่านม่านโปร่งบาง ๆ ตกกระทบลงบนพื้นไม้ ภายในตำหนักไป๋ฮวา สถานที่ซึ่งเป็นเสมือนรังรักขององค์รัชทายาทและพระชายา บรรยากาศสงบเงียบ ทว่ากลับอบอวลไปด้วยไออุ่นแห่งความรักของทั้งสองพระชายาทอดสายตามองดวงจันทร์ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเจือรอยยิ้ม"องค์รัชทายาท ข้าได้ซื้อที่สำหรับเปิดร้านขายผ้าเรียบร้อยแล้ว คาดว่าอีกสองสามวันข้าคงได้เปิดร้านและต้องขายดีมากแน่ ๆ"ดวงตาคมลึกขององค์รัชทายาทจับจ้องพระชายาด้วยความเอ็นดู ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ"ชายาของข้า เจ้าไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลยหรือ? หากข้ายังคงออกรบเช่นเมื่อก่อน ข้าคงไม่ได้รับจดหมายจากเจ้าสักฉบับเป็นแน่ เพราะเจ้ามัวแต่ขยันทำงานแทบจะลืมข้าแล้ว"พระชายาหัวเราะเบา ๆ"โธ่... ข้ามาอยู่ที่นี่ทั้งที ข้าย่อมต้องทำงาน เพราะในที่ที่ข้ามา ข้าก็ทำงานทุกวันอยู่แล้ว"องค์รัชทายาทขยับเข้ามาใกล้ ดวงตาฉายแววสนใจ"เจ้าเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ ที่ที่เจ้าจากมานั้นเป็นเช่นไร? ข้าอยากรู้"พระชายายิ้มบาง ๆ พลางทอดสายตาไปยังเบื้องนอก คล้ายหวนนึกถึงอดีต"ได้สิ ข้าเรียกที่แห่งนั้นว่า ‘ฮ่องกง’ ... ที่นั่นเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก