เช้าวันใหม่ในพระราชวัง…
ตำหนักไป๋ฮวา ยามเช้าลมอ่อนๆ พัดม่านบางเบาปลิวไสว เสียงระฆังจากหอคอยก้องกังวาน ปลุกให้เหล่าข้ารับใช้เริ่มทำงานตามหน้าที่
ภายในห้องบรรทม พระชายานอนขดตัวอยู่ใต้ผ้าห่มเนื้อนุ่ม ใบหน้างามงามผุดผ่อง แก้แดงระเรื่อ บรรยากาศยามเช้าช่างเงียบสงบ หากแต่ไม่ได้สงบไปเสียทั้งหมด...
องค์ชาย ซึ่งเอนกายอยู่บนแท่นไม้ข้างเตียง ได้ยินเสียงฝีเท้าของนางกำนัลและองครักษ์ใกล้เข้ามา พร้อมเสียงพูดคุยกันแผ่วเบา
เพียงเสี้ยววินาที องค์ชายก็กระโจนขึ้นเตียงอย่างรวดเร็ว ร่างสูงโอบกอดลี่หรงแนบแน่น มือใหญ่กระชับผ้าห่มคลุมร่างทั้งสองให้ดูราวกับว่าอยู่ในอ้อมกอดกันทั้งคืน
ลี่หรงสะดุ้งตื่น ดวงตาคู่งามเบิกขึ้นอย่างตกใจ
"อะไรเนี่ย! ลงไปเดี๋ยวนี้นะ!"
นางกระซิบกระเส่า พยายามดิ้นหนีจากวงแขนอบอุ่น
แต่ก่อนที่เสียงของนางจะดังไปถึงภายนอก องค์ชายพลิกตัวคร่อมเหนือร่างบาง มือหนาปิดปากนางไว้ทันที ใบหน้าหล่อเหลาต่ำลงมาใกล้ จมูกของเขาแทบชนกับปลายจมูกของนาง
"อย่าโวยวาย ข้าไม่ได้อยากทำเช่นนี้นักหรอก หรือว่าเจ้าอยากให้เสด็จแม่รู้ว่าเรานอนแยกกัน?"
ดวงตาคมเข้มมองลึกเข้าไปในดวงตาของนาง ลมหายใจร้อนระอุรินรดผิวแก้มเนียน
พระชายาตัวแข็งทื่อ หัวใจเต้นระรัวอย่างห้ามไม่อยู่ กลิ่นกายของเขาอบอวลอยู่รอบตัว ทำให้นางแทบลืมหายใจ
แต่ถึงอย่างนั้น ปากของนางก็ยังไม่ยอมอ่อนข้อให้เขา
"ที่แท้ก็กลัวแม่... หึ" นางพึมพำเสียงเบา แววตาฉายประกายเย้าหยอก
องค์ชายชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนจะก้มลงกระซิบชิดริมหู
"ถ้ายังพูดมาก ข้าจะทำให้เจ้าไม่มีแรงพูดอีกเลย"
น้ำเสียงทุ้มต่ำและสัมผัสอุ่นข้างใบหูทำให้ร่างของพระชายาสะท้านวาบ หัวใจยิ่งเต้นถี่รัว นางรีบเม้มปากแน่นและหลบตา แต่แก้มที่เริ่มขึ้นสีระเรื่อก็ไม่อาจปกปิดความรู้สึกที่เริ่มหวั่นไหวได้
ขณะที่เสียงเคาะประตูดังขึ้นอีกครั้ง องค์รัชทายาทก็ยังคงกอดนางไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยให้ขยับตัวไปไหน
“ถวายบังคมองค์รัชทายาทและพระชายา พ่ะย่ะค่ะ วันนี้ฝ่าบาทมีพระบัญชาให้ทั้งสองพระองค์เยี่ยมเยียนราษฎรแทนพระองค์ พ่ะย่ะค่ะ”
เสียงจินฝาน องครักษ์ข้างกายรายงานด้วยความเคารพ
“รอครู่หนึ่ง ข้าจะออกไป”องค์ชายตอบรับด้วยน้ำเสียงสั้นๆ
ทันทีที่จินฝานรายงานเสร็จ องค์ชายสะบัดตัวออกจากเตียงและผลักพระชายาออกจากตัวเขาอย่างแรง “โอ๊ย… ข้าเจ็บนะ!” พระชายาร้องเสียงหลง สะโพกที่กระแทกกับพื้นอย่างแรงทำให้เธอน้ำตาคลอ ข้อมือที่รองรับน้ำหนักก็รู้สึกเจ็บจนซ้น “ยุคสมัยนี้องค์รัชทายาทไม่รู้จักการเป็นสุภาพบุรุษบ้างหรืออย่างไร ทำไมถึงทำร้ายผู้หญิงแบบนี้!” ลี่หรงต่อว่าองค์รัชทายาทด้วยน้ำเสียงที่ทั้งโกรธและเจ็บปวดจากการกระทำของเขา “คนใจร้ายอย่างเจ้า จะให้ข้าปฏิบัติดีด้วยหรือ? ข้าเกลียดเจ้า!”แม้องค์ชายจะไม่ใช่คนที่ลี่หรงรัก แต่คำพูดที่เขาพูดกลับฟังแล้วเจ็บปวดยิ่งกว่าคำพูดใดๆ
“ข้าก็เกลียดท่านเช่นกัน”ลี่หรงตะโกนใส่หน้าองค์รัชทายาทเสียงดัง
เขาตกใจชะงักไปชั่วครู่เมื่อเห็นน้ำตาความเจ็บปวดที่ไหลออกจากดวงตาของเธอ
“หลินเหม่ยเยียน!” องค์รัชทายาทเรียกชื่อของนางด้วยน้ำเสียงที่แฝงความโกรธ “หานจื่อเหว่ย!”พระชายาตะโกนตอบกลับเสียงดังไม่ยอมแพ้
สายตาของเธอแสดงให้เห็นถึงความโกรธที่ลุกโชนจากการกระทำที่เขาทำกับเธอ และความเจ็บปวดจากการถูกโยนลงจากเตียงสูงโดยที่ไม่ทันตั้งตัว “เจ้ากล้าเรียกชื่อข้าแบบนี้เชียวหรือ?”เขาพูดเสียงต่ำ แต่ก็ไม่สามารถปิดบังความโกรธที่ซ่อนอยู่ในนั้นได้
“แล้วทำไมข้าจะไม่กล้าล่ะ?”
ลี่หรงกล่าวตอบด้วยท่าทางท้าทายและเยาะเย้ยทันที.
“เจ้า...”
องค์ชายคำรามด้วยความโกรธ แววตาขององค์รัชทายาทแสดงความเกรี้ยวกราดราวกับจะฉีกเนื้อพระชายาเป็นชิ้นๆ
“เออ...ข้าเอง...จะทำไม?” พระชายากัดฟันพูดออกมา น้ำเสียงของนางบ่งบอกถึงความอดทนที่ถึงขีดสุด นางไม่สามารถยับยั้งอารมณ์โกรธที่ระเบิดออกมาได้อีกอีกไป ทันทีที่เสียงของพวกเขาดังขึ้นนางกำนัลและองครักษ์รีบผลักประตูเข้ามาด้วยความรวดเร็ว “พระชายาโปรดสงบใจหน่อยเถิดเพคะ ท่านเจ็บตรงไหนบ้างหรือ?”ซีจินนางกำนัลคนสนิทถามด้วยความห่วงใย น้ำเสียงนางเต็มไปด้วยความกังวลแต่พระชายากลับยังคงจ้องมององค์รัชทายาทด้วยสายตาที่ไม่เคลื่อนคลาด
ขณะเดียวกันจินฝานก็รีบเดินเข้ามารับตัวองค์ชายไปทันที.หน้าพระราชวังมีรถม้าประจำพระองค์และเหล่าทหารองครักษ์และนางกำนัลยืนรอรับเสด็จองค์รัชทายาทและพระชายาอย่างเงียบสงบ
องค์ชายทอดมองลี่หรงที่เดินมาด้วยท่าทีทุลักทุเลจากอาการบาดเจ็บที่เขาทำให้เกิดขึ้นนางสบตากับองค์รัชทายาท ด้วยสายตาที่เจ็บแค้นที่ลึกซึ้งเมื่อองค์รัชทายาทขึ้นรถม้าและยื่นมือไปข้างหน้าเพื่อให้ความช่วยเหลือ พระชายากลับไม่ให้ความสนใจแม้แต่น้อยความทระนงในตัวนางทำให้เขายิ่งโกรธเข้าไปอีก
“เก็บมือของท่านไปเถอะ ข้าไม่ต้องการการแสดงนี้จากท่าน”พระชายาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา ท่าทางไม่สนใจ
ทั้งๆ ที่มือของเขายังยื่นอยู่ตรงหน้า นางเดินเฉียดผ่านองค์รัชทายาทไปและนั่งลงในที่นั่งของตนเองอย่างรวดเร็วไม่ยอมให้เขามีโอกาสได้แตะต้องแม้แต่ปลายนิ้ว
องค์รัชทายาทหรี่ตาลงและเดินตามไปนั่งฝั่งตรงข้ามโดยไม่สบตาเธอเช่นกัน เสียงกระทบกันของล้อรถกับพื้นถนนทำให้บรรยากาศในรถม้าไม่เงียบจนเกินไป รถม้าค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากพระราชวัง มุ่งหน้าสู่ตลาดเมืองหลวงที่คึกคัก มีผู้คนหลายชนชั้นเดินขวักไขว่ตามท้องถนน เสียงพ่อค้าแม่ค้าและเด็กๆ วิ่งเล่นดังไปทั่ว องค์รัชทายาทยังคงจ้องมองไปข้างหน้าอย่างนิ่งเงียบพระชายาเปิดม่านประตูรถม้า มองออกไปยังท้องถนนที่เต็มไปด้วยผู้คนและบ้านเมืองในยุคโบราณที่ไม่เคยคาดฝันมาก่อน ราวกับว่าเวลาถูกหยุดเอาไว้ในช่วงเวลานั้น
นางมองเห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ดำเนินไปอย่างเรียบง่ายและอบอุ่น เด็กๆ วิ่งเล่นกันอย่างไร้กังวล ภาพนั้นทำให้ใจของนางเย็นลง และรอยยิ้มที่จริงใจเผยขึ้นบนใบหน้าของเธอ
ดวงตาของพระชายาเต็มไปด้วยแววความประทับใจ
องค์รัชทายาทที่นั่งอยู่ข้างๆ เหลือบมองไปทางพระชายา ก็เห็นถึงแววตาที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและความประทับใจ เขากลับรู้สึกถึงความงดงามที่ไม่เคยสังเกตเห็นมาก่อน ดวงตา ใบหน้า และริมฝีปากของพระชายาได้รูปอย่างสมบูรณ์แบบ องค์รัชทายาทถูกดึงดูดด้วยความงามนั้น ราวกับว่าพระองค์หลงใหลไปในช่วงเวลาสั้นๆ และเมื่อพระชายาหันหน้ามาสบตากับพระองค์
สายตาของพระองค์ก็หลบไปทันที ราวกับว่าพระองค์ตระหนักถึงความรู้สึกที่พระองค์พยายามปิดซ่อนไว้
“ข้าจะลงไปข้างล่างได้หรือไม่?” พระชายาเอ่ยเสียงเรียบ น้ำเสียงนั้นแฝงความขออนุญาต
“เจ้าอย่าสร้างปัญหา” องค์รัชทายาทตอบกลับโดยไม่มองหน้า พระชายาอยากจะต่อว่าพระองค์ แต่คำพูดที่เตรียมไว้กลับขาดหายไปเมื่อพระองค์สั่งให้รถม้าหยุดทันที
“หยุดก่อน เราจะเดินสำรวจแถวนี้สักหน่อย” องค์รัชทายาทเอ่ยคำสั่ง แล้วลุกขึ้นเดินนำเธอไปทันที พระชายายิ้มและรีบตามไปติดๆ
“อุ้ย!”
พระชายาพลาดก้าวลงบันไดด้วยความรีบร้อน เกือบล้มลงไป โชคดีที่องค์รัชทายาทคว้าเอวของพระชายาไว้ทัน สายตาทั้งสองประสานกัน ความรู้สึกบางอย่างแล่นผ่านใจของพวกเขาทั้งคู่ เหมือนอยากจะบอกอะไรบางอย่าง แต่ก็ต้องเก็บความรู้สึกนั้นไว้ในใจ
“ระวังหน่อย ข้าบอกแล้วว่าอย่าสร้างปัญหา”
องค์ชายเอ่ยเตือนด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา
“ขอบคุณเพคะ” พระชายายิ้มให้องค์รัชทายาทด้วยสายตาที่อ่อนโยนขึ้นกว่าเดิม
“พวกเจ้าจงไปพักที่ริมน้ำก่อน ข้ากับพระชายาจะไปเดินฝั่งทางโน้น อย่ามาเอิกเกริกตามมา” องค์รัชทายาทสั่งด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
พระชายาเดินนำหน้าไปยังตลาดโดยไม่รอใคร
“พระชายารอก่อนเพคะ” ซีจินร้องบอก
“ทำอย่างกับไม่เคยเห็นบ้านเมืองนี้ไปได้” องค์รัชทายาทพึมพำ เผลอยิ้มออกมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นเธอรีบร้อน
“ดูองค์รัชทายาทมีความสุขนะพ่ะย่ะค่ะ ที่เห็นพระชายามีความสุขเช่นนี้” จินฝานเอ่ยแซว
“ข้าว่าเจ้าคงไม่อยากติดตามข้าแล้ว ไว้กลับไปข้าจะปลดเจ้าไปเป็นแค่ทหารยามก็พอ” องค์ชายตอบอย่างขบขัน
“ไม่ๆ พ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมขออยู่รับใช้องค์ชายรัชทายาทตลอดไป” จินฝานรีบอ้อนวอน
“แล้วที่ให้ไปสืบเรื่องเหม่ยจูคืบหน้าบ้างหรือไม่?”
องค์ชายถามเสียงดุ
“ในคืนวันที่แม่นางเหม่ยจูถูกวางยาพิษ พระชายาได้หลับอยู่ในห้องเช่นกันกระหม่อมคิดว่าเรื่องนี้มีอะไรแปลกๆ” จินฝานรายงาน
“อืม...สืบต่อไป” องค์ชายตอบสั้นๆ แต่แฝงความมุ่งมั่น
"แง่... แง่..." เสียงเด็กน้อยร้องไห้ดังขึ้นจากมุมตลาด พระชายาไม่รอช้า รีบวิ่งไปตามเสียงนั้นทันที
"หนูเป็นอะไร เจ็บตรงไหน? ข้อขอดูหน่อย" พระชายาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล เด็กน้อยวัย 9 ขวบชี้ไปที่แผลที่มีเลือดไหลออกจากการวิ่งชนไม้ไผ่
พระชายาไม่รอช้า รีบหยิบผ้าเช็ดหน้ามาห้ามเลือดทันที
"ซีจิน! เอากล่องยามาให้เราหน่อย!" พระชายาสั่งด้วยน้ำเสียงที่คมชัด ซีจินรีบหยิบกล่องส่งให้ทันที พระชายาใช้สำลีชุบแอลกอฮอล์เช็ดแผลอย่างรวดเร็ว แล้วตามด้วยทิงเจอร์เบตาดีน
ทุกคนที่ยืนอยู่รอบๆ ต่างมองดูการกระทำของพระชายาอย่างชื่นชม แม้ยาที่เธอใช้จะดูแปลกตาไปบ้าง แต่ทุกการกระทำของเธอกลับแสดงให้เห็นถึงความห่วงใยที่จริงใจ
สายตาขององค์ชายรัชทายาทในตอนนี้ เปลี่ยนไปจากเดิมเล็กน้อย พระองค์มองพระชายาด้วยความประทับใจ
"เสร็จแล้ว เดี๋ยวแผลก็หายนะหนูน้อย" พระชายาปลอบเด็กด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน เด็กน้อยที่ได้รับการดูแลดี ก้มกราบขอบคุณพระชายาอย่างรวดเร็ว
"พระชายาจะไปทางไหนต่อเพคะ?"
"เราอยากกินถังหูลู่... เออ... ผลไม้เสียบไม้ตรงนั้น" เธอตอบพร้อมทำท่าทางอยากจะกิน
"ล้างมือก่อนนะเพคะ" ซีจินกล่าว
ทันทีที่ลี่หรงเอ่ยปาก องค์ชายรัชทายาทพยักหน้าให้จินฝานที่ยืนข้างๆ จินฝานรู้ทันทีว่าต้องไปซื้อผลไม้เสียบไม้มาให้พระชายา
"นี่พะยะคะ พระชายา"
จินฝานยื่นผลไม้เสียบไม้ให้
"ขอบใจเจ้ามาก เจ้ารู้ใจเราจริง" พระชายากล่าวพร้อมทำหน้ายิ้มให้จินฝาน
องค์ชายมองดูแต่ในใจกลับเกิดไม่พอใจเล็กน้อย
"ไปกลับได้แล้ว เข้าวังจะมืดเสียก่อน" องค์รัชทายาทพูดตัดบททันที
ทุกคนต่างมองหน้ากันอย่างงุนงงกับอาการขององค์รัชทายาท แต่ก็ไม่กล้าถามอะไร
ศึกในเรือนหลังเป็นบททดสอบอันหนักหน่วงของลี่หรง นางรู้ดีว่าภายในตำหนักในไม่ได้มีเพียงความงามและความจงรักภักดี แต่ยังเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและการชิงดีชิงเด่นฮองเฮาถูกพระสนมของฮ่องเต้แย่งชิงความโปรดปราณ แม้ฮองเฮาจะเป็นผู้ที่ได้รับตำแหน่งสูงสุด แต่กลับถูกลดบทบาทให้ไร้ตัวตนในสายพระเนตรขององค์ฮ่องเต้พระชายาลี่หรง ในฐานะสะใภ้ จึงต้องหาทางปกป้องแม่พระสวามีของตน นางรู้ดีว่าหากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป อำนาจของฮองเฮาจะถูกบั่นทอนจนหมดสิ้นตำหนักเฟิงหวง…“ถวายบังคมเสด็จแม่เพคะ หลายวันมานี้หม่อมฉันไม่ได้เข้าเฝ้าเสด็จแม่เลย ไม่ทราบว่าเสด็จแม่มีเรื่องทุกข์ใจสิ่งใดหรือเพคะ สีหน้าเสด็จแม่ดูไม่มีความสุข” หลี่หรงถามไถ่ด้วยความห่วงใยหลังจากได้ยินข่าวว่าฮ่องเต้มิได้เสด็จเยี่ยมฮองเฮามาสองเดือนแล้ว แต่กลับใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่กับสนมคนโปรดนางเงยหน้ามองฮองเฮาที่นั่งนิ่ง สีหน้าอ่อนล้าแต่แฝงด้วยศักดิ์ศรีของสตรีผู้สูงศักดิ์"เสด็จแม่..." พระชายาเอ่ยขึ้นเบา ๆ หลังตัดสินใจจะถามขึ้นมาทันที"เหตุใดจึงปล่อยให้พวกนางลบหลู่เช่นนี้ ฮองเฮาแห่งแผ่นดินจักถูกลืมเลือนได้เช่นนั้นหรือฮองเฮายิ้มบาง ๆ คล้ายมิได้ใส่ใจ"ภายในตำห
ตำหนักหวงเฟย"พระชายา อีกสามวันจะเป็นวันเฉลิมฉลองพระชนมพรรษาของฮ่องเต้ ข้าอยากให้เจ้าช่วยจัดสำรับอาหารสำหรับแขกในงาน จะได้หรือไม่?"ฮองเฮาตรัสถามพระชายา"ได้เพคะ แต่เสด็จแม่ต้องการให้อาหารแบบไหน หรือมีเมนูพิเศษหรือไม่เพคะ?""เจ้าจัดมาได้เลย ข้าเชื่อมือเจ้า แต่ขอให้มีบะหมี่สักชามสำหรับอวยพรฝ่าบาท""ได้เพคะ แต่ข้าขอออกไปหาวัตถุดิบที่ตลาดนอกวังนะเพคะ""ได้ ข้าอนุญาต… งั้นให้องค์รัชทายาทไปกับเจ้าด้วย""ไม่เป็นไรเพคะ ข้าไม่อยากให้พระองค์ไป องค์รัชทายาทไม่ค่อยอยากจะเจอหน้าข้าสักเท่าไหร่""นี่อย่าบอกนะว่า…พวกเจ้ายังไม่ได้เป็นสามีภรรยากัน?""เอ่อ…ไม่ใช่อย่างนั้นเพคะ คือ…""เสร็จจากงานเลี้ยง ฝ่าบาทต้องคุยกันสักหน่อยแล้ว"คำพูดของฮองเฮาทำให้พระชายาชะงักไป“ไม่น่าหลุดปากเลยเรา! ฮองเฮาจับได้เสียแล้ว!”หน้าประตูวัง…"เร็วเข้า ซีจิน! เราอยากออกจากที่นี่จะแย่แล้ว!"พระชายาเร่งนางกำนัลคนสนิทให้ขึ้นรถม้า เพื่อมุ่งหน้าไปตลาดแต่เสียงหนึ่งที่คุ้นเคยดังขึ้นขัดจังหวะทันที"รีบร้อนจะไปไหน? ที่นี่เจ้าอยากทำอะไรตามใจตัวเองไม่ได้หรอกนะ"องค์รัชทายาทยืนกอดอกมองนางด้วยสายตาเย็นชา"ก็ไม่ได้จะออกไปทำอะไรไร้สาระที
ในท้องพระโรงพระราชวังที่หรูหรามีแต่เสียงคุยของขุนนางและเหล่าข้าราชบริพารที่ต่างพากันยกย่องความสามารถของพระชายาที่ทำอาหารให้ทุกคนลิ้มรส จนทำให้พระราชวังเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความชื่นชม แต่ท่ามกลางความสุขนั้น กลับมีบางสิ่งที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นทันใดนั้น หมิงจิว น้องสาวของพระชายาองค์ชายสี่ ซึ่งเป็นสาวงามที่มีชื่อเสียงในเรื่องของคุณสมบัติอันดีงาม กำลังได้รับการทาบทามให้เป็นพระชายารองของรัชทายาทหมิงจิวเริ่มมีอาการผิดปกติ ผิวหนังของเธอเริ่มแดงและมีผื่นขึ้นทั่วร่างกาย แล้วเธอก็ล้มลงหมดสติไป ทำให้ทุกคนในห้องตกใจและรีบเข้ามาช่วยเหลือ องค์ชายสี่และพระชายาองค์ชายสี่มองเหตุการณ์นี้ด้วยสายตาแฝงไปด้วยความไม่พอใจ ทั้งสองคนเริ่มตั้งข้อสงสัยและคิดว่าอาหารที่พระชายาองค์รัชทยาททำเป็นสาเหตุที่ทำให้หมิงจิวเกิดอาการเช่นนี้"มันคงไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรอก!" พระชายาองค์ชายสี่พูดขึ้นเสียงเย็นชา"พระชายาองค์รัชทายาทคงไม่พอใจที่หมิงจิวกำลังจะได้รับตำแหน่งพระชายารองของรัชทายาท เธอคงวางยาพิษหมิงจิว"คำพูดของพระชายาองค์ชายสี่ทำให้บรรยากาศในห้องนั้นตึงเครียดขึ้นทันที“พระชายาองค์ชายสี่ท่านคิดได้อย่างไรว่าเป็นฝีมือของ
ตำหนักไป๋ฮวา...ในค่ำคืนหนาวเหน็บเงียบสงัด ราวกับถูกปกคลุมด้วยความหม่นหมอง ภายในห้องบรรทมของพระชายา มีเพียงแสงตะเกียงส่องริบหรี่ สะท้อนความเหงาในใจของนางที่ถูกคำพูดขององค์รัชทายาททำร้าย แม้จะมีซีจินนั่งอยู่ข้าง แต่ความเหนื่อยล้ากลับยิ่งเพิ่มพูนภายในใจ"ซีจิน ข้ายากอาบน้ำเตรียมน้ำให้ข้าที""พระชายารอสักครู่นะเพคะ ข้าจะไปเตรียมให้"บรรยากาศภายในห้องอาบน้ำช่างเย็นเยียบแม้จะมีแสงเทียนอ่อนๆ ส่องสว่างด้วยประกายอ่อนจากน้ำที่เคลื่อนไหวไปตามการเคลื่อนไหวของพระชายาพระชายารู้สึกผ่อนคลายจากน้ำอุ่นในอ่างหินอ่อนขนาดใหญ่ที่ซีจินได้เตรียมไว้ให้ นางนั่งอยู่ในอ่างน้ำที่มีสมุนไพร กลิ่นสมุนไพรลอยฟุ้งในอากาศ หอมสดชื่น ช่วยปลอบประโลมร่างกายที่เหน็ดเหนื่อยได้ดีทีเดียวแต่ท่ามกลางความสงบนี้ ความคิดในใจของพระชายายังคงหมุนวน ความเครียดที่ฝังอยู่ในใจมานานทำให้นางรู้สึกอึดอัดจนไม่อาจหลุดพ้นได้ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาใกล้ทำให้นางสะดุ้ง นางรู้สึกถึงการปรากฏตัวของใครบางคน"ซีจิน นั้นเจ้าไหม"ไม่มีเสียงตอบใดใด มีเพียงองค์ชายรัชทายาทพยักหน้าให้ซีจินออกไปจากที่นี้องค์ชายรัชทายาทที่ยืนมองความงามของพระชายาท
องค์ชายรัชทายาทไปที่นางกำนัลด้วยท่าทีที่เคร่งขรึม และถามอย่างกังวล"พระชายาของพวกเจ้าไปที่ใด""พระชายาเสด็จไปตำหนักพระพันปีเพคะ" นางกำนัลตอบเสียงเรียบองค์ชายพยักหน้าและสั่งการอย่างจริงจัง"ฝานจิน ไปหาเสด็จย่ากัน""พะยะคะ"ฝานจินตอบรับอย่างว่าง่าย แต่ในแววตากลับมีความขบขันตำหนักพระพันปี...ในตำหนักพระพันปี พระชายาเดินเข้าไปพร้อมน้ำเม็ดบัวในมือ สายตาเธอแสดงถึงความห่วงใยที่มีต่อเสด็จย่า"เสด็จย่าเพคะ ช่วงนี้เป็นอย่างไรบ้างเพคะ หลานได้ยินว่าท่านมีอาการวูบบ่อยๆ"พระชายาถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล"ขอบใจเจ้ามาก ที่มาเยี่ยมย่า " เสด็จย่าตอบพลางยิ้มให้"ข้าทำน้ำเม็ดบัวมาให้ น้ำเม็ดบัวช่วยขับลม บำรุงหัวใจ บำรุงเลือดและปรับสมดุล ลดความเครียดเพคะ เสด็จย่าดื่มสักหน่อย"พระชายายื่นแก้วน้ำเม็ดบัวให้เสด็จย่าหยิบไปดื่มและรับรู้ถึงรสชาติที่หวานหอม"อืม รสชาติดีทีเดียว ขอบใจเจ้ามากที่ทำให้ย่า""ยินดีที่สุดเพคะ" นางยิ้มและมองดูเสด็จย่าอย่างอ่อนโยนทันใดนั้นองค์รัชทายาทก็เดินเข้ามาแนบชิดพระชายา"องค์รัชทายาท เจ้าก็มาหาย่าเหมือนกันรึ?" เสด็จย่าพูดเสียงนุ่มเมื่อเห็นองค์ชายเดินเข้ามาใกล้องค์รัชทายาทมองไปยังเ
ตำหนักไป๋ฮวา..."พระชายา เสวยมื้อเช้ากับองค์รัชทายาทก่อนเพคะ"ซีจินกล่าวเสียงอ่อนโยน พลางวางถาดอาหารลงเบื้องหน้า"ข้าไม่หิว" พระชายาตอบเสียงเรียบแข็ง นางไม่แม้แต่จะปรายตามองบุรุษที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามองค์รัชทายาทจ้องมองพระชายาของตน นัยน์ตาคมกริบหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะละสายตาจากนางแล้วเอ่ยเสียงเรียบแต่ทรงอำนาจ"จินฝาน ไปเตรียมม้า วันนี้ข้าจะออกไปตรวจดูความเรียบร้อยเสียหน่อย""พ่ะย่ะค่ะ!" จินฝายขานรับทันทีพระชายาหันไปหาซีจิน เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแน่วแน่"ซีจิน เตรียมรถม้า ข้าจะไปแถววัดหยงเห่อ"เพคะ"ระหว่างทาง รถม้าของพระชายาแล่นไปตามถนนลูกรังที่เงียบสงบ สายลมพัดเอื่อยนำกลิ่นดอกเหมยจากสวนข้างทางมาแตะจมูก ทว่า...ความเงียบงันนี้กลับดูผิดปกติซีจินที่นั่งอยู่ข้างๆ เริ่มรู้สึกถึงบางสิ่ง นางเหลียวมองไปยังถนนด้านหลังผ่านช่องหน้าต่างรถม้า และสิ่งที่เห็นก็ทำให้เลือดในกายเย็นเฉียบกลุ่มบุรุษในชุดดำควบม้าตามมาติดๆ ราวกับเงาที่คอยไล่ล่า!"พระชายา! มีคนตามเรามาเพคะ!" ซีจินร้องเตือนพระชายาหันขวับไปมองทันที ก่อนที่รถม้าจะสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง เสียงกีบม้ากระทบพื้นดังกึกก้อง ฝุ่นฟุ้งขึ้นเป็นสาย เธอรู้
ในค่ำคืนที่หนาวเย็นจนรู้สึกถึงความเยือกเย็นที่แทรกซึมเข้าไปในทุกอณูของเมืองหลวง หิมะตกปกคลุมทั่วทั้งท้องฟ้าและพื้นดิน แสงจากเตาไฟที่อยู่ภายในห้องทอแสงอุ่นๆ แต่ความหนาวเย็นนั้นกลับไม่ได้หายไปเสียทีเดียว ภายในห้องที่สงบและเงียบสงัดนี้ องค์ชายที่นอนอยู่บนแท่นไม้เล็กๆ ข้างเตียงดูเหมือนเขาจะไม่สบายจากบาดแผลที่โดนแจกัน และแผลที่มือรับมีดแทนเธอพระชายาที่ยืนมององค์รัชทายาทจากมุมหนึ่งภายในห้อง รู้สึกสงสารพระองค์จับใจ ใบหน้าของพระที่เคยแข็งกร้าวตอนนี้ดูอ่อนโยนและเจ็บปวดกับความหนาวจัดและพิษไข้"หลินเหม่ยเยียน... ข้าหนาว ข้าขอนอนเตียงเจ้าหน่อยได้หรือไม่?"น้ำเสียงออดอ้อนขององค์รัชทายาททำให้หัวใจของพระชายาสะท้าน นางรับรู้ถึงความอ่อนแอที่เขาแอบซ่อนอยู่ภายใต้ท่าทีแข็งกร้าวพระชายาไม่ตอบ นางเพียงเดินไปเปิดตู้ข้างเตียง หยิบผ้าห่มผืนหนาออกมาแล้วหันกลับไปยื่นให้เขา ทว่าก่อนที่เธอจะได้พูดอะไร ร่างสูงกลับก้าวเข้ามาใกล้… และกอดนางจากด้านหลัง"ข้าไม่ได้อยากได้ผ้าห่ม ข้าอยาก..." เสียงของเขาแผ่วเบา ทว่าซ่อนความนัยลึกซึ้ง"ปล่อยข้าเถอะ ข้าไม่อยากฟาดฟันอะไรกับคนป่วยอย่างท่าน" พระชายารีบพูด แต่กลับไม่มีผลใดๆ เ
เสียงฝีเท้าหนักแน่นดังใกล้เข้ามา ก่อนที่ร่างองครักษ์หนุ่มจะคุกเข่าลงตรงหน้าองค์รัชายาท ดวงตาของเขาฉายแววเคร่งเครียด“องค์รัชทายาท! ข้าสืบเรื่องนี้จนได้ความแล้วพ่ะย่ะค่ะ”พระองค์เงยหน้าขึ้น ดวงตาคมกริบวาวโรจน์ด้วยความกดดัน“เป็นฝีมือของใคร?”“ตงหยาง พ่ะย่ะค่ะ”บรรยากาศในห้องเงียบสนิท อุณหภูมิราวกับลดต่ำลง องค์ชายหรี่ตา เสียงของพระองค์เย็นเยียบจนทำให้จินฝานรู้สึกเสียวสันหลัง“เจ้าแน่ใจหรือ?”จินฝานกลืนน้ำลาย ก่อนกล่าวต่ออย่างระมัดระวัง“พ่ะย่ะค่ะ ก่อนที่แม่นางเหม่ยจูจะถูกวางยา นางได้ไปพบตงหยางที่ศาลาข้างวัดหยงเห่อ พยานหลายคนเห็นว่าทั้งคู่แอบมาพบกันบ่อยครั้ง...และในวันนั้น พวกเขาทะเลาะกัน ตงหยางพยายามบังคับให้เหม่ยจูกินอะไรบางอย่าง แต่ไม่มีใครรู้ว่ามันคืออะไร”องค์รัชทายาทกำหมัดแน่น ความเย็นเยียบในแววตาแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธจินฝานรีบกล่าวต่อ“จากนั้น...แม่นางเหม่ยจูกลับไปที่จวนของพระชายา แต่พระชายาเองก็เหมือนจะถูกวางยาสลบเช่นกัน กระหม่อมให้คนไปตรวจสอบกำยานที่จุดในห้อง พบว่ามีส่วนผสมของยาที่ทำให้หมดสติ”องค์รัชทายาทขมวดคิ้ว ก่อนพึมพำกับตนเอง“ตอนข้าเข้าไปในห้องวันนั้น...ข้าก็ได้กลิ่นแปลก
พระราชวังประดับประดาด้วยโคมไฟสีแดงงดงามทั่วทุกทิศ เสียงกลองและฆ้องกึกก้องไปทั่วเพื่อเฉลิมฉลองพิธีสำคัญที่สุดของแผ่นดินพิธีราชาภิเษกขององค์รัชทายาท และการแต่งตั้งฮองเฮาณ ท้องพระโรง เหล่าขุนนางต่างคุกเข่าแสดงความเคารพต่อฮ่องเต้องค์ใหม่ เสียงขานถวายพระพรดังกึกก้อง"ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี!"ฮ่องเต้องค์ก่อนทอดพระเนตรพระโอรสด้วยสายตาภาคภูมิ พระองค์ทรงสละราชบัลลังก์อย่างสง่างามและเต็มไปด้วยความไว้วางใจ"ตั้งแต่นี้ไป เจ้าคือฮ่องเต้ ผู้ครองบัลลังก์แผ่นดินจงหยวน" ฮ่องเต้ตรัสด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนส่งมอบตราพระราชลัญจกรให้องค์รัชทายาทในชุดฉลองพระองค์มังกรยืนอย่างสง่างาม รับตราพระราชลัญจกรด้วยความมั่นคงและหนักแน่น "เสด็จพ่อ ข้าจะปกครองแผ่นดินนี้ด้วยสติปัญญาและความยุติธรรม"เสียงโห่ร้องยินดีดังกึกก้องทั่วทั้งพระราชวัง พิธีบรมราชาภิเษกสำเร็จลุล่วงพิธีแต่งตั้งฮองเฮา...หลังจากพิธีบรมราชาภิเษกสำเร็จ พิธีแต่งตั้งฮองเฮาก็เริ่มต้นขึ้น นางในพากันโปรยกลีบดอกโบตั๋นตลอดทางเดิน พระชายาในชุดแต่งงานสีแดงลวดลายปักไหมทอง สง่างามราวเทพธิดา พระนางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้"ถวายพระพร ฝ่าบาท" พระนา
วันมงคล ...ในพระราชวังอันโอฬารถูกประดับประดาด้วยโคมแดงระยับ งานสมรสอันยิ่งใหญ่ถูกจัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติ เสียงฆ้องกังวานดังไปทั่วลานพิธี ชวนให้หัวใจทุกคนเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นองค์รัชทายาทในฉลองพระองค์ชุดแดงเข้มปักลวดลายมังกรยืนตระหง่านอยู่กลางโถง ดวงตาคมกริบทอดมองไปข้างหน้าอย่างแน่นิ่ง ราวกับมิได้มีจิตใจร่วมอยู่ในพิธีการอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ทุกย่างก้าวที่พระองค์ยืนอยู่นั้นคือหน้าที่ มิใช่สิ่งที่หัวใจปรารถนาเสียงฝีเท้าแผ่วเบาของเจ้าสาวในฉลองพระองค์แดงสดดังใกล้เข้ามา ผ้าคลุมหน้าปักลวดลายหงส์ทองสะท้อนแสงเทียนไหวระริก ทุกย่างก้าวชวนให้บรรยากาศราวกับต้องมนต์แต่ดวงตาคมขององค์รัชทายาทยังคงเฉยชา แม้ทุกคนรอบกายจะจับจ้องด้วยความคาดหวัง พระองค์มิได้ยินดีกับงานวิวาห์นี้แม้แต่น้อย เพราะในพระทัยยังคงเชื่อว่าพระชายาที่พระมารดาทรงเลือกให้คือ หมิงจิวทว่า...เมื่อสายลมแผ่วเบาพัดผ่าน กลิ่นหอมละมุนจากร่างบางตรงหน้ากลับทำให้พระวรกายชะงักไปชั่วขณะ กลิ่นอันคุ้นเคย...กลิ่นของ พระชายาลี่หรง หญิงเดียวที่พระองค์รักสุดหัวใจ แต่เธอได้จากไปนานแล้ว มิอาจเป็นไปได้ที่เธอจะมายืนอยู่ตรงหน้าเสียงปี่กู่เจิงดังแว่ว
ตำหนักไป๋ฮวา…ในเช้าวันนี้ปกคลุมไปด้วยม่านหมอกแห่งความเศร้า เหล่านางกำนัลและองครักษ์ต่างยืนนิ่ง เสียงสะอื้นเงียบๆ ปะปนไปกับบรรยากาศแห่งความสูญเสีย ตำหนักที่เคยก้องกังวานไปด้วยเสียงหัวเราะของพระชายา บัดนี้กลับเหลือเพียงความเงียบงันและความว่างเปล่าองค์รัชทายาทประทับยืนอยู่ใต้ต้นเหมย น้ำตาที่เขาพยายามกักเก็บกลับเอ่อล้นออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้“ซีจิน ขอบใจเจ้ามากที่ดูแลข้าอย่างดี ข้าจะไม่ลืมพวกเจ้าเลย”พระชายาเอ่ยขึ้น เสียงของนางสั่นไหวแต่ยังคงแฝงด้วยความอ่อนโยน ราวกับกำลังพยายามปลอบโยนผู้ที่ยังอยู่ซีจินเม้มปากแน่น พยายามสะกดกลั้นน้ำตา แต่สุดท้ายเขากลับต้องก้มหน้าลง ปล่อยหยาดน้ำตาไหลรินลงสู่พื้นดิน“พระชายา... โปรดดูแลพระองค์ให้ดีเพคะ”ลี่หรงพยักหน้าอย่างอ่อนแรง หันไปหาจางจือ นางมองเพื่อนรักทั้งน้ำตา“จางจือ ข้าฝากร้านกับเจ้า ช่วยซีจินดูแลมันให้ดี ขอโทษที่ไม่ได้อยู่ร่วมยินดีในวันสำคัญของเจ้า”จางจือร้องไห้จนตัวสั่น นางสะอื้นไห้แทบเป็นลม ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า“พระชายา... ข้าไม่อยากให้ท่านไป ฮึก... ข้าอยากให้ท่านอยู่กับพวกเราตลอดไป”ลี่หรงแตะไหล่ของจางจือเบาๆ เป็นการปลอบโยนครั้งสุด
ค่ำคืนอันยาวนานผ่านไป พระชายายังคงหมดสติ แม้ได้รับยาถอนพิษแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววจะฟื้น องค์รัชทายาทจับมือพระชายาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยตลอดทั้งคืนจนเผลอหลับไปรุ่งเช้า...เสียงแผ่วเบาของพระชายาที่เพิ่งฟื้นจากพิษดังขึ้นเบาๆ"องค์รัชทายาท... ท่านปลอดภัยดีหรือไม่?"องค์รัชทายาทสะดุ้งตื่น รีบหันไปมองพระชายาด้วยแววตาตื้นตัน"พระชายา! เจ้าได้สติแล้ว ข้าดีใจเหลือเกิน! ข้านึกว่าเจ้าจะไม่กลับมาหาข้าเสียแล้ว"พระชายายิ้มอ่อน แม้ใบหน้าจะยังซีดเซียวเพราะพิษที่เพิ่งถูกขับออกจากร่าง"แล้วทุกคนล่ะ... ปลอดภัยดีหรือไม่?""องค์ชายสี่และทุกคนปลอดภัยดี" องค์รัชทายาทตอบ"ข้าสังหารตงหยางแล้ว จินฝานก็สามารถจับตัวนางกำนัลขององค์ชายสี่ได้ แม่ทัพเหวินจิ้นหงได้ค้นพบอาวุธที่เสนาบดีเฉินหลางลอบสั่งซื้อ ทุกคนสารภาพว่าคิดก่อกบฏและต้องการหนุนให้องค์ชายสี่ขึ้นครองราช ตอนนี้ทั้งหมดถูกจองจำและรอการตัดสินโทษ"พระชายาถอนหายใจยาว รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อย"ในที่สุด ข้าก็สามารถล้างมลทินให้หลินเหม่ยเยียนได้เสียที... ต่อจากนี้ข้าก็สบายใจแล้ว"องค์รัชทายาทบีบมือพระชายาแน่นขึ้น"ใช่ เจ้าทำสำเร็จแล้ว... และจากนี้ไป เราจะได้อยู่ด้วยก
ภายในตำหนักหลวง องค์รัชทายาทถวายรายงานต่อฮ่องเต้ด้วยสีหน้าจริงจัง“เสด็จพ่อ พ่ะย่ะค่ะ ข้าให้แม่ทัพเหวินจิ้นหงไปสืบเรื่องของพระชายาซูซินมาแล้ว นางมีบุตรหนึ่งคนชื่อตงฉี แต่ร่างกายของเขาไม่สมประกอบ ขาซ้ายพิการ และพระชายายังมีบุตรอีกคนหนึ่งชื่อตงหยาง เกิดจากทหารชั้นพิเศษ บัดนี้เขาเสียชีวิตไปแล้ว”ฮ่องเต้พยักพระพักตร์ครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตรัสด้วยเสียงแฝงความลึกซึ้ง“สามารถให้คนไปรับเขากลับมาได้หรือไม่? เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต ควรได้รับการสะสางเสียที”“ได้พ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทตอบรับหนักแน่นฮ่องเต้ทอดพระเนตรองค์รัชทายาทอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตรัสออกมาอย่างอ่อนล้า“ข้าได้หารือกับเสด็จแม่ของเจ้าแล้ว... สุขภาพของข้าไม่ค่อยดีนัก เจ็บออดๆ แอดๆ มาตลอด ข้าอยากสละบัลลังก์ให้เจ้าได้ว่าราชการแทน เพราะข้าเอง... เหนื่อยเต็มทน”ในขณะที่ฮ่องเต้ตรัส นางกำนัลผู้หนึ่งเดินเข้ามาพร้อมของว่างในถาด นางทำทีเป็นรับใช้ แต่แท้จริงแล้วกำลังจับตาดูบทสนทนาอยู่ นางเป็นคนขององค์ชายสี่ องค์รัชทายาทมองดูสีหน้าของนางแล้วจำได้ทันที แต่ทรงแสร้งทำเป็นไม่สนใจเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต“เสด็จพ่อยังทรงแข็งแรงนัก มิจำเป็นต้องรีบแต่
ยามเย็น—แสงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ท้องฟ้าถูกแต้มด้วยสีแดงฉานปะปนม่วงคราม หมู่นกน้อยรีบบินกลับรังในร่มเงาต้นไม้สูงใหญ่ ลมหนาวพัดผ่านพระราชวังอันกว้างใหญ่แต่ทว่าภายในเขตวังหลวงกลับไม่มีความสงบเลยแม้แต่น้อย…ภายในตำหนักหลวง วุ่นวายราวกับรังแตนแตกรัง หมอหลวงในชุดคลุมสีขาวเร่งเดินกันขวักไขว่ เสียงฝีเท้ากระทบพื้นดัง เสียงสั่งการดังขึ้นไม่ขาดระยะ บางคนหอบหิ้วกล่องยา บางคนถือตำราแพทย์พลิกหาวิธีรักษา ข่าวเรื่อง ฮ่องเต้ประชวรหนัก แพร่สะพัดไปทั่วพระราชวังเพียงไม่นาน เสียงขันทีรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหยุดหน้าพระตำหนักขณะที่รถม้าขององค์รัชทายาทและพระชายาค่อย ๆ ชะลอและจอดเสียงร้องเรียกอย่างร้อนรนก็ดังขึ้นทันที“องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ! ขอทรงรีบไปเฝ้าฝ่าบาทเถิดพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ทรงอาการหนักมากแล้ว!”ขันทีที่วิ่งเข้ามาคุกเข่าลงอย่างลนลาน ใบหน้าซีดเผือดดั่งคนสิ้นหวังองค์รัชทายาทก้าวลงจากรถม้าทันที ดวงตาแข็งกร้าวขึ้นแฝงความกังวล “เสด็จพ่อเป็นอะไร?”“ฝ่าบาททรงหน้ามืด มือสั่น เหงื่อออก ตัวเย็น... และที่สำคัญ ทรงเพ้อไม่รู้เรื่องพ่ะย่ะค่ะ!”หัวใจขององค์รัชทายาทกระตุกวูบ คิ้วเข้มขมวดแน่น มือกำหมัดโดยไม่รู้ตัว
ร้านขายชุดนอนของพระชายากลายเป็นที่กล่าวขวัญทั่ววังหลวง ฮูหยินใหญ่ ฮูหยินเล็ก ตลอดจนเหล่าสตรีสูงศักดิ์ต่างพากันมาเลือกสรรด้วยความตื่นตาตื่นใจผ้าที่นำมาจำหน่ายล้วนเป็นเนื้อแพรบางเบาละเอียดอ่อน เมื่อสัมผัสแล้วให้ความรู้สึกราวกับละอองไหมไหลลื่นผ่านปลายนิ้วชุดนอนไม่ได้นอน ของร้านนี้แตกต่างจากชุดนอนทั่วไป สีสันเย้ายวนสะดุดตา ไม่ว่าจะเป็น สีแดงเข้มเย้ายวน สีดำลึกลับน่าค้นหา หรือ สีชมพูหวานละมุน ทุกชุดล้วนถูกออกแบบให้เผยผิวเนียนนวลอย่างมีชั้นเชิง สายเดี่ยวบางเฉียบเปิดไหล่เนียนนุ่ม ลวดลายลูกไม้ปักละเอียดอ่อนเน้นความหรูหรา มีทั้งแบบเรียบโก้และแบบปักดิ้นทองสำหรับงานค่ำคืนสุดพิเศษพื้นที่ในร้านตกแต่งอย่างประณีต ให้บรรยากาศผ่อนคลายและเป็นกันเอง สตรีทั้งหลายสามารถเลือกซื้อได้อย่างเพลิดเพลิน มีสาวใช้คอยบริการอย่างใกล้ชิด เสิร์ฟน้ำชาหอมกรุ่นพร้อมขนมหวานรสเลิศให้ลิ้มลอง ชุดนอนเหล่านี้แม้ราคาไม่แพง แต่เมื่อต้องตาต้องใจแล้ว กลับกลายเป็นสินค้าที่ทำกำไรได้อย่างมหาศาล“การออกแบบชุดในอนาคตที่เราอยู่กลับกลายเป็นที่นิยมสมัยโบราณ ช่างดีจริงๆ รวยแล้วเรา” ลี่หรงพูดกับตัวเองอย่างสุขใจเสียงล้อรถม้าหรูหราดังขึ
ยามเช้าอากาศเย็นสบาย ลมอ่อนพัดพากลิ่นดินหอมกรุ่นหลังจากค่ำคืนที่มีน้ำค้างโปรยปราย แสงอาทิตย์สีทองค่อย ๆ ลอดผ่านแนวต้นไม้กระทบกับผืนดินหลังตำหนักที่เคยรกร้าง ทว่าบัดนี้กำลังจะถูกแปรเปลี่ยนเป็นสวนผักที่อุดมสมบูรณ์กลางลานดินที่เพิ่งถูกไถพรวน พระชายาในชุดชาวสวน สีครีมนวลเรียบง่าย ผมยาวรวบขึ้นมัดด้วยผ้าสีอ่อน ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อจากไอแดด องค์รัชทายาทมองด้วยแววตาหลงใหล ก่อนจะปรายตามองตัวเองที่แต่งกายเช่นเดียวกัน ที่สวมเสื้อชาวสวนสีเข้ม กางเกงผ้าฝ้าย แม้จะแต่งแบบชาวบ้านธรรมดา แต่ความสง่างามยังไม่จางหาย"องค์รัชทายาท ท่านดูดีที่สุดเลยเมื่อแต่งตัวแบบนี้" พระชายาเอ่ยพลางหัวเราะเบา ๆ"พระชายาก็เช่นกัน เจ้าดูน่ารักแปลกตา น่าค้นหาเสียจริง""เลิกชมกันได้แล้ว มาทางนี้เลยองค์รัชทายาท มาขุดดินเตรียมเพาะปลูกเมล็ด"องค์รัชทายาทรีบคว้าจอบขึ้นมา "รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ พระชายา"จินฝานและซีจิน รวมถึงนางกำนัลและองครักษ์ต่างช่วยกัน ถางหญ้า ปรับหน้าดิน และขุดหลุม เตรียมปลูกพืชพันธุ์ เมล็ดพริก ข้าวโพด มันฝรั่ง และมะเขือเทศถูกนำออกมาจัดเตรียมขณะทุกคนลงมือทำงาน ซีจินเอ่ยถามขึ้นมาพลางหยิบเมล็ดข้าวโพดขึ้นดู"
ตำหนักไป๋ฮวา...แสงจันทร์อ่อนโยนสาดส่องลอดผ่านม่านโปร่งบาง ๆ ตกกระทบลงบนพื้นไม้ ภายในตำหนักไป๋ฮวา สถานที่ซึ่งเป็นเสมือนรังรักขององค์รัชทายาทและพระชายา บรรยากาศสงบเงียบ ทว่ากลับอบอวลไปด้วยไออุ่นแห่งความรักของทั้งสองพระชายาทอดสายตามองดวงจันทร์ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเจือรอยยิ้ม"องค์รัชทายาท ข้าได้ซื้อที่สำหรับเปิดร้านขายผ้าเรียบร้อยแล้ว คาดว่าอีกสองสามวันข้าคงได้เปิดร้านและต้องขายดีมากแน่ ๆ"ดวงตาคมลึกขององค์รัชทายาทจับจ้องพระชายาด้วยความเอ็นดู ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ"ชายาของข้า เจ้าไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลยหรือ? หากข้ายังคงออกรบเช่นเมื่อก่อน ข้าคงไม่ได้รับจดหมายจากเจ้าสักฉบับเป็นแน่ เพราะเจ้ามัวแต่ขยันทำงานแทบจะลืมข้าแล้ว"พระชายาหัวเราะเบา ๆ"โธ่... ข้ามาอยู่ที่นี่ทั้งที ข้าย่อมต้องทำงาน เพราะในที่ที่ข้ามา ข้าก็ทำงานทุกวันอยู่แล้ว"องค์รัชทายาทขยับเข้ามาใกล้ ดวงตาฉายแววสนใจ"เจ้าเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ ที่ที่เจ้าจากมานั้นเป็นเช่นไร? ข้าอยากรู้"พระชายายิ้มบาง ๆ พลางทอดสายตาไปยังเบื้องนอก คล้ายหวนนึกถึงอดีต"ได้สิ ข้าเรียกที่แห่งนั้นว่า ‘ฮ่องกง’ ... ที่นั่นเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก