องค์ชายรัชทายาทมุ่งหน้าสู่ทางตอนเหนือของพระราชวัง เพื่อตามสืบเรื่องการซื้อขายอาวุธอย่างลับ ๆ ระหว่างทาง
ขบวนของพระองค์ถูกลอบโจมตีโดยกลุ่มชายชุดดำที่โผล่ออกมาจากเงามืดรอบป่า เสียงกระบี่กระทบกันดังสนั่น เปลวไฟจากคบเพลิงสะท้อนกับคมอาวุธที่วาดผ่านอากาศ
องค์ชายรัชทายาทตวัดกระบี่ในมืออย่างแม่นยำ การเคลื่อนไหวของพระองค์สง่างามดุจพยัคฆ์ร้ายกลางศึก เพียงแค่กวาดสายตา พระองค์ก็มองออกถึงจุดอ่อนของศัตรู กระบี่ในมือพุ่งแทงฉับไวทะลุเกราะของชายชุดดำที่พุ่งเข้ามา เสียงร้องโหยหวนดังขึ้นก่อนร่างนั้นจะล้มลง
“ล้อมให้แน่น! อย่าให้มันหนีไปได้!” เสียงของศัตรูตะโกนสั่งคนของตน
แต่ไม่มีผู้ใดสามารถต้านทานฝีมือขององค์ชายได้ พระองค์หมุนตัว หลบการโจมตีได้อย่างแม่นยำ มือหนึ่งปัดป้องด้วยกระบี่ อีกมือหนึ่งคว้ากริชจากเอวของศัตรูแล้วปักกลับไปอย่างรวดเร็ว เลือดพุ่งกระเซ็นเต็มพื้นดิน
จินฝาน! คุมกำลังล้อมไว้ อย่าให้เหลือรอด!”
“พ่ะย่ะค่ะองค์ชาย!จินฝานและทหารชั้นดีบุกจู่โจมเข้าไปอย่างพร้อมเพรียง เสียงร้องของศัตรูดังระงม เสียงกระบี่ฟาดฟันกันเป็นจังหวะชวนให้ขนลุก
การต่อสู้กินเวลาไม่นาน ศัตรูค่อย ๆ ร่วงลงไปทีละคนจนเหลือเพียงความเงียบ เสียงลมหายใจหอบเหนื่อยของทหารฝ่ายองค์ชายดังก้องในความมืด
องค์ชายเหวี่ยงกระบี่สะบัดเลือดออก ก่อนเสียบกลับเข้าฝักอย่างสง่างาม
“จินฝาน ต่อไปต้องระวังตัวให้มากขึ้น เหมือนเรากำลังเข้าใกล้ความจริงมากขึ้นทุกที”
องค์รัชทายาทตรัสพลางปาดเลือดออกจากปลายคาง
“องค์รัชทายาทอย่ากังวลพ่ะย่ะค่ะ ข้าได้ส่งข่าวขอจัดกองกำลังสนับสนุนไว้แล้ว” จินฝานกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ดี คืนนี้เราจะพักที่นี่ พรุ่งนี้เดินทางต่อไปเมืองไท่หยวน ข้าคิดว่าเราต้องเจอหลักฐานสำคัญแน่”
ค่ำคืนกลางป่ามืดสนิท มีเพียงเปลวไฟจากกองไฟที่เต้นระยิบระยับ ให้ความอบอุ่นและแสงสว่างแก่กลุ่มทหาร เสียงนกกลางคืนแว่วมาเป็นระยะ พร้อมเสียงหอนของหมาป่าไกล ๆ บรรยากาศชวนให้ระแวดระวัง แต่ด้วยทหารฝีมือดีสิบกว่าชีวิตคอยเฝ้าเวรยาม กระโจมขององค์ชายรัชทายาทจึงปลอดภัย
องค์รัชทายาททอดสายตาขึ้นไปบนฟ้า ดวงจันทร์เสี้ยวลอยเด่นเหนือยอดไม้ ความคิดของพระองค์ลอยกลับไปหาหญิงงามที่รออยู่ที่เมืองหลวง
“ป่านนี้พระชายาจะเข้านอนแล้วหรือยังนะ... นางจะคิดถึงข้าบ้างหรือไม่”
องค์รัชทายาทมองดูเสื้อคลุมที่พระชายามอบให้ด้วยใจคะนึงหา
“จินฝาน เข้ามาหาข้าหน่อย”
“องรัชทายาทต้องการสิ่งใด บอกข้าได้เลยพ่ะย่ะค่ะ”จินฝานเข้ามาคุกเข่าใกล้
“เจ้าส่งข่าวถึงพระชายาหรือยัง วันนี้นางไปที่ใด”
“ส่งข่าวเรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ วันนี้พระชายาเสด็จไปที่หอสุราร้อยบุปผา พร้อมกับแม่นางจางจือ”
องค์รัชทายาทขมวดคิ้วเล็กน้อย “พอข้าไม่อยู่ นางชอบทำตามใจตัวเองเสมอ... พระชายา เจ้าควรอดทนรอข้ากลับไปก่อน”
เสียงหัวเราะแผ่วเบาดังขึ้นจากจานฝาน ซึ่งยืนอยู่ไม่ไกล
“องค์ชายรัชทายาทอย่ากังวลเลยพ่ะย่ะค่ะ ทุกย่างก้าวของพระชายามีทหารองครักษ์ที่ผ่านการฝึกมาอย่างดีคอยติดตาม มดสักตัวแทบเข้าใกล้พระชายามิได้”
พระองค์ปรายตามองจินฝานก่อนตรัสเสียงเข้ม
“ให้มันจริงเถอะ หากพระชายาข้าเป็นอะไรไป เจ้าจะไม่มีโอกาสอยู่บนโลกนี้อีก”
“พ่ะย่ะค่ะ” จินฝานรับคำพลางหลุบตาต่ำ อมยิ้มอย่างเข้าใจ
“ออกไปได้ ข้าจะพักผ่อน”
องค์ชายรัชทายาททิ้งตัวลงนอน แต่ความกังวลยังคงตามหลอกหลอน หากศัตรูลงมือขณะองค์ชายไม่อยู่ แล้วพระชายาจะปลอดภัยหรือไม่...
ดวงตาคมค่อย ๆ ปิดลง แต่หัวใจกลับยังเต็มไปด้วยความหวั่นวิตก
เช้าวันใหม่…
ณ ร้านน้ำชาแห่งหนึ่งในเมืองไท่หยวน
“พี่ฉี ข้าได้ยินมาว่าทางการสั่งซื้ออาวุธจากร้านของท่านเป็นจำนวนมาก ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้มาสั่งซื้อหรือ”
“ร้านข้าขายแต่ของดี มีหรือที่ขุนนางใหญ่จะมองข้าม”
“พี่ช่างโชคดีเสียจริง”
เสียงสนทนาของเจ้าของร้านอาวุธและลูกน้องดังแว่ว ทว่าไม่มีคำพูดใดรอดพ้นจากสายตาของ จินฝาน และ องค์ชายรัชทายาท ทั้งสองสบตากัน ราวกับได้พบเงื่อนงำสำคัญ
พวกเขารอจนเจ้าของร้านอาวุธดื่มน้ำชาเสร็จ ก่อนสะกดรอยตามไปยัง ชุมชนซุ้มกระบี่ ซึ่งตั้งอยู่กลางป่า ภายในมีคนงานจำนวนมากกำลังหลอมและตีอาวุธ ไม่ว่าจะเป็นกระบี่ หอก หรือกริช ทุกชิ้นล้วนทำจากเหล็กชั้นดี เปลวไฟจากเตาหลอมลุกโชน สะท้อนเงาผู้คนที่ขะมักเขม้นทำงานอย่างแข็งขัน...
“จินฝานเจ้าจับตามดูว่ามีขุนนางคนใดมาซื้ออาวุธที่นี่ อย่าให้พลาด “
“พ่ะย่ะค่ะ”
“บอกทหารที่ติดตามเรา กระจายพักแถวหมู่บ้าน ช่วยเป็นหูเป็นตา คาดว่าไม่เกินสามวันน่าจะได้เรื่อง” องค์ชายรัชทายาทตรัส
โรงเตี๊ยมกลางหมู่บ้าน...
บรรยากาศยามค่ำคืนเงียบงัน มีเพียงเสียงจิ้งหรีดเรไรขับขานใต้แสงจันทร์ โรงเตี๊ยมไม้เก่าหลังหนึ่งตั้งตระหง่านอยู่กลางหมู่บ้าน ซ่อนตัวอยู่ท่ามกลางแมกไม้หนาทึบ
หญิงสาวร่างโปร่งในชุดเรียบง่ายเดินเข้ามาต้อนรับผู้มาเยือน นางคือ หยินเซียว บุตรสาวของเจ้าของหมู่บ้าน
“ไม่ทราบว่าคุณชายทั้งสองต้องการที่พักกี่ห้องดีเจ้าคะ?” นางถามด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“สองห้องจ๊ะ พวกข้าจะพักที่นี่สักสามคืน”
“ได้เจ้าค่ะ”
จินฝาน ลอบยิ้ม ก่อนกระซิบกระซาบกับองค์ชาย “แม่นางท่านนี้ช่างงามนักนะท่านเหว่ย”
ทว่าคำกล่าวนั้นกลับถูก เหว่ยเซียน (องค์ชายรัชทายาท) ตวัดสายตามองดุทันที
“อย่าหาเรื่องให้ข้า เจ้าจินฝาน” เสียงตำหนิแผ่วเบา ทว่าหนักแน่น
“หรือท่านกลัวพระชายาจะกริ้ว?” จินฝานหัวเราะเบาๆ
“ขึ้นห้องเถอะ ข้าอยากพัก”
ขณะทั้งสองกำลังเดินขึ้นบันได เสียงฝีเท้าของใครบางคนทำให้พวกเขาชะงัก ก่อนเร้นกายหลบอยู่ในเงามืด
ชายในชุดดำก้าวเข้ามายังโถงโรงเตี๊ยม ท่วงท่าองอาจแต่แฝงความลึกลับ
“พี่ตงหยาง! ท่านกลับมาแล้ว เหตุใดจึงไม่บอกข้า ข้าคิดถึงท่านนัก” หยินเซียวเอ่ยพลางเผยรอยยิ้มยินดี
“ข้าก็คิดถึงเจ้า หยินเซียว” ตงหยางตอบเสียงอ่อนโยน ก่อนทอดสายตามองรอบตัวด้วยความระแวดระวัง
“ท่านแม่ข้ายังสบายดีหรือไม่?”
“ท่านแม่ของท่านสุขสบายดี ท่านวางใจเถิด ข้าดูแลท่านเป็นอย่างดี”
“ลำบากเจ้าแล้ว” ชายหนุ่มถอนหายใจเบาๆ
“แต่ข้าสัญญา เมื่อทุกอย่างจบลง ข้าจะดูแลเจ้าด้วยตัวเอง”
หยินเซียวฟังแล้วหลุบตา ยิ้มอย่างมีความสุข
แต่... ไม่ใช่ทุกคนที่รู้สึกเช่นนั้น
จากมุมมืด องค์ชายรัชทายาท จ้องมอง ตงหยาง อย่างครุ่นคิด สายตาคมดุจใบมีดจับจ้องไปที่เอวของชายหนุ่ม ที่นั่น... มีหยกแกะสลักลายเมฆาม้วน หยกของ เหม่ยจู!
และที่หน้าอกของตงหยาง... ห้อยจี้หยกอีกชิ้น— จี้หยกสลักพระนามของฮ่องเต้!
“เป็นไปได้อย่างไร? ทำไมเขาถึงมีของสิ่งนี้…? เขาเกี่ยวข้องอะไรกับเสด็จพ่อกันแน่?”
องค์ชายรัชทายาทครุ่นคิดเขาขบกรามแน่น
“จินฝาน” เสียงเรียกเบาแต่แฝงอำนาจ
“พ่ะย่ะค่ะ?”
“เจ้าไปสืบเรื่องตระกูลของตงหยางให้ละเอียด ข้าอยากรู้ว่าผู้ชายคนนี้เป็นใครกันแน่”
“รับด้วยเกล้าพะยะค่ะ” จินฝานโค้งคำนับ ก่อนเร้นกายหายไปในเงามืด
ในค่ำคืนที่เงียบสงบ... สายลมแห่งความลับได้พัดผ่าน และเงื่อนงำที่ถูกซ่อนไว้ กำลังจะถูกเปิดเผย...
บ้านของตงหยาง...
“ท่านแม่เป็นอย่างไรบ้าง”
“แม่สบายดี...แต่พี่ของเจ้าเจ็บออด ๆ แอด ๆ”
“ท่านแม่อดทนหน่อยนะ ข้าจะไปทวงทุกอย่างที่เป็นของท่านแม่คืนมาให้ได้”
“เจ้าคิดจะทำอะไร ตงหยาง! อย่าคิดทำอะไรบ้าๆ กับองค์รัชทายาทเชียวนะ!”
“ทำไมท่านแม่ต้องคอยปกป้องพวกมัน ทั้งที่พวกมันทำร้ายท่านแม่และท่านพี่!”
“องค์รัชทายาทและฮองเฮาไม่เกี่ยว คนที่ใส่ร้ายแม่คือพระชายาว่านชิง เสด็จแม่ขององค์ชายสี่”
“องค์ชายสี่มันโง่ ถูกข้าหลอกใช้มานาน... ตอนนี้ข้าจะไม่ฆ่ามัน! รอให้ข้าได้บัลลังก์เมื่อไร ข้าจะจัดการมันทันที!”
“หยุดความคิดบ้าๆ นี่เดี๋ยวนี้ ตงหยาง! เจ้าไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะฝัน! พี่ของเจ้าผู้เป็นเชื้อสายแท้ของฮ่องเต้ยังไม่อาจเทียบองค์รัชทายาทได้ หากเจ้ายังดื้อดึง แม่จะตายให้เจ้าดูเสีย!”
เสียงเหยียบกิ่งไม้ดังขึ้นในเงามืด...
ตงหยางตวัดสายตาคมกริบไปตามเสียง
“ใครอยู่ตรงนั้น! ออกมาเดี๋ยวนี้!”
ลมกลางคืนโหมพัด กิ่งไม้ไหวเอนราวกับกระซิบเตือน ฝานจินซึ่งแอบฟังอยู่พลันรู้ตัวว่าถูกจับได้ มิอาจหลบซ่อนได้อีกต่อไป!
เงาร่างสองสายพุ่งเข้าหากันทันที กระบี่กระทบกันเสียงดังสะท้อนทั่วป่า ตงหยางรุกไล่ ฟาดกระบี่หมายปลิดชีพ จินฝานพลิ้วกายหลบ คมกระบี่เฉียดแขนเขาไปเพียงเสี้ยว จินฝานกัดฟันก่อนสะบัดกระบี่สวนกลับไปด้วยความเร็ว แต่ตงหยางไวกว่าหนึ่งก้าว!
เคร้ง!
กระบี่ทั้งสองปะทะกัน แรงปะทะสะท้อนจนใบไม้ปลิวว่อน เสี้ยววินาทีที่ตงหยางจะเข้าประชิด ทหารชุดดำของจินฝานทะลวงออกจากเงามืด เข้าช่วยเหลือเจ้านายก่อนที่เขาจะถูกโจมตีเต็มแรง
จินฝานฉวยโอกาสนั้น กระโดดถอยหลัง เลือดหยดจากแขนของเขาระหว่างที่รีบร่นถอยหายไปในเงาป่า
โรงเตี๊ยม...
“จินฝาน! เจ้าบาดเจ็บ!” องค์ชายกล่าวเสียงหนักเมื่อเห็นเลือดซึมเปื้อนเสื้อผ้าขององครักษ์คนสนิท
จินฝานยกมือขึ้น “ข้าไม่เป็นไร... องค์รัชทยาท ข้ายังไหว”
องค์รัชทายาทขมวดคิ้วแน่น ก่อนหันไปสั่งองครักษ์อีกคน
“เจ้ามาทำแผลให้จินฝาน”
“องค์รัชทายาท... ข้าสืบได้ความเรื่องของตงหยางแล้ว”
จินฝานฝืนร่างกายเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้องค์ชายฟัง
ดวงตาขององค์รัชทายาทยฉายแววครุ่นคิดเมื่อเข้าใจถึงการแก้แค้นและการชิงบัลลังก์ของตงหยาง
“เจ้าพักก่อน... พรุ่งนี้ ข้าจะจัดการกับพวกที่ลอบซื้ออาวุธเอง”
องค์ชายเอื้อมมือตบไหล่จินฝานแน่น ราวกับจะถ่ายทอดความเชื่อมั่นให้แก่กัน—วันพรุ่งนี้จะเป็นคืนแห่งการเปลี่ยนแปลง!
ชุมชนกระบี่กลางป่า เงาของต้นไม้สูงทอดทับพื้นดิน ช่างตีเหล็กมากมายตั้งหน้าตั้งตาทำงาน เสียงค้อนกระทบเหล็กดังก้องไปทั่ว คลอไปกับไอร้อนจากเตาเผารอบนอกของชุมชน องค์ชายรัชทายาทและทหารชุดดำซุ่มอยู่ในพุ้มไม้ใหญ่พร้อมโจมตีตลอดเวลา ดวงตาคมจับจ้องไปยังกลุ่มทหารจากในวัง พระองค์จำได้ดี—พวกนั้นคือทหารคนสนิทของเสนาบดีเฉินหลาง และตอนนี้ พวกมันกำลังสั่งทำอาวุธจำนวนมาก เอกสารซื้อขายถูกลงนามโดยมหาเสนาบดีหลินเซียว ซึ่งเป็นการปลอมแปลงอย่างเห็นได้ชัด! นี่มันแผนใส่ร้ายที่แยบยลนักองค์รัชทายาทรอจังหวะ จนกระทั่งการซื้อขายเสร็จสิ้นแล้วจึงนำทหารเข้าจับกุม แต่ในตอนนี้ พระองค์อยู่ในชุดดำปิดหน้าไร้ผู้ใดจำได้ เสียงกระบี่ปะทะกันดังก้องกลางป่า การต่อสู้ดำเนินไปอย่างดุเดือด ทว่าเมื่อองค์ชายเริ่มเป็นฝ่ายได้เปรียบ ทันใดนั้น! ลูกธนูดอกหนึ่งพุ่งตรงไปยังเจ้าของโรงตีเหล็กฉีเฟิงฉึก!องค์องค์รัชทายาทไม่ลังเลแม้แต่วินาทีเดียว พระองค์พุ่งเข้าขวาง รับธนูอาบพิษแทน เสียงตะโกนด้วยความตระหนก"องค์ชายรัชทายาท!"จินฝานพึ่งมาถึงพอดี รีบเข้ารับร่างองค์ชายที่กำลังทรุดลง"จับพวกมันให้หมด! อย่าให้หนีได้แม้แต่คนเดียว!" เขาสั่งการด้วยเสีย
เรือนพักชุมชนซุ้มกระบี่แสงแรกของวันค่อย ๆ แทรกผ่านแนวไม้สูง ลำแสงสีทองส่องลอดผ่านใบไม้ที่ไหวเอนตามสายลมเอื่อย ทอดตัวเป็นลวดลายระยับบนพื้นดิน อากาศยามเช้าหลังค่ำคืนแห่งสายหมอกเย็นจัดจนเห็นไอขาวบางลอยเหนือพื้นดิน เสียงสายน้ำจากลำธารเล็ก ๆ ที่ไหลอยู่ไม่ไกลสร้างบรรยากาศเช้าตรู่ที่เงียบสงบแต่เปี่ยมด้วยชีวิตชีวาทว่า… ภายในห้องพักอันอบอุ่น มีเพียงเสียงหายใจสม่ำเสมอของสองร่างที่แนบชิดใต้ผ้าห่มหนานุ่มเสียงจินฝาน องครักษ์คนสนิท ดังขึ้นจากหน้าห้อง“ขอประทานอภัย องค์ชายรัชทายาทและพระชายาทรงเป็นอย่างไรบ้าง พ่ะย่ะค่ะ”เสียงทุ้มขององค์ชายตอบรับทันที แม้ยังงัวเงียเล็กน้อย“ข้าและพระชายาสบายดี เจ้าวางเครื่องเสวยไว้ในห้องได้เลย ข้าให้พระชายาพักสักครู่ ขอบใจพวกเจ้ามาก”จินฝานและซีจินสบตากันพร้อมรอยยิ้มก่อนรับคำ“พ่ะย่ะค่ะ”เมื่อเสียงฝีเท้าค่อย ๆ ห่างออกไป ความเงียบก็กลับเข้าปกคลุมห้องอีกครั้งองค์รัชทายาททอดพระเนตรพระชายาผู้ยังคงหลับใหล แก้มเนียนนวลแนบอยู่กับอกของพระองค์ เส้นผมดำขลับสยายเต็มหมอน ลมหายใจอุ่น ๆ ของนางแผ่วเบาบนอกของพระองค์ ความรู้สึกอบอุ่นเอ่อท้นอยู่ในใจองค์รัชทายาทยกมือขึ้น ลูบไล้กล
เสียงคุกเข่ากระทบพื้นดังก้องท่ามกลางบรรยากาศขึงขังแห่งท้องพระโรง"ถวายบังคมฝ่าบาท ขอพระองค์ทรงพระเจริญ!"ฮ่องเต้เพียงยกพระหัตถ์ขึ้นเล็กน้อย ดวงตาทรงอำนาจทอดมองลงมาที่ขุนนางและองค์รัชทายาทที่หมอบอยู่เบื้องล่าง"ไม่ต้องมากพิธี""เรื่องที่ข้าให้สืบเกี่ยวกับการสั่งซื้ออาวุธจำนวนมาก—นอกเหนือจากของราชสำนัก ผลเป็นอย่างไร?"องค์รัชทายาทเงยหน้าขึ้นขึ้น ดวงตาแน่วแน่ก่อนจะกล่าว"ทูลฝ่าบาท กระหม่อมได้สืบเรื่องนี้ด้วยตัวเองที่ชุมชนซุ้มกระบี่ และพบว่าผู้อยู่เบื้องหลังการสั่งซื้อทั้งหมดคือเสนาบดีเฉินหลาง พ่ะย่ะค่ะ เขาแอบอ้างชื่อของมหาเสนาบดีหลินเซียวเพื่อปกปิดร่องรอย"พระองค์ทรงยื่นม้วนฎีกาและหลักฐานทั้งหมดขึ้นถวาย ฮ่องเต้ทอดพระเนตรเพียงครู่เดียว พระองค์ทรงกริ้วมาก"บังอาจนัก! เจ้า…ทำเช่นนี้เพื่อสิ่งใด? เจ้าคิดก่อกบฏรึ?" เสียงฝ่าบาทก้องกังวานกดดันบรรยากาศทั่วท้องพระโรงให้หนักอึ้งเสนาบดีเฉินหลางรีบหมอบกราบจนหน้าผากแนบกับพื้น หยาดเหงื่อเย็นเยียบเกาะตามไรผม"กระหม่อมผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ! กระหม่อมเพียง…ไม่ชอบมหาเสนาบดีหลินเซียว จึงคิดใส่ร้ายเขา!"เสียงซุบซิบของเหล่าขุนนางดังระงม ทว่าทันใดนั้น ขุนนางอาวุโ
“เร็วเข้า ซีจิน! ข้ากำลังรีบ!” พระชายเร่งเร้า ขณะเตรียมตัวออกจากตำหนัก“พระชายา ใจเย็นๆ เพคะ” ซีจินกล่าว พลางพยายามจัดเสื้อให้พระชายาที่ดูจะกระตือรือร้นเกินไป“วันนี้เป็นวันเปิดร้านหม้อไฟมังกรแดง ต้องเอาฤกษ์เอาชัยให้ดี!” พระชายาพูดอย่างฮึกเหิม ก่อนจะรีบตรงไปขึ้นรถม้ามุ่งสู่ตลาดวังหลวงแต่ทันใดนั้น—ร่างสูงสง่าขององค์รัชทายาทก็ก้าวเข้ามาขวางทาง นัยน์ตาคมจับจ้องมาที่นางด้วยความสงสัย“ทำไมพระชายาของข้าต้องรีบร้อนถึงเพียงนี้?” น้ำเสียงของพระองค์เต็มไปด้วยความเอ็นดูนางยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนตอบ “วันนี้เป็นวันแรกที่ร้านหม่าล่าหม้อไฟมังกรแดงของข้าเปิดร้านเป็นทางการ ต้องไปเตรียมทุกอย่างให้พร้อม… ถ้าองค์รัชทายาททรงงานเสร็จแล้ว อย่าลืมตามไปอุดหนุนด้วยนะเพคะ~”พูดจบ นางก็ฉวยโอกาสโน้มตัวเข้าไปใกล้ จุ๊บเบาๆ บนแก้มของพระองค์ ก่อนจะหัวเราะคิกแล้วรีบกระโดดขึ้นรถม้า ทิ้งให้องค์รัชทายาทยืนตะลึง หน้าแดงซ่านเหล่านางกำนัลและองครักษ์ที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ต่างแอบกลั้นยิ้มกับภาพตรงหน้าองค์รัชทายาทมองตามรถม้าที่กำลังเคลื่อนออกไปแล้วพึมพำเบาๆ พลางยกมือแตะแก้มตัวเอง“พระชายา… เจ้าช่างแสนซนเสียจริง…”ตลาดเมืองหลวง…ตลาด
ตำหนักเฟิ่งหวง…ยามสายลมโชยแผ่วเบา กลิ่นดอกเหมยหอมกรุ่นไปทั่วสวน พระชายาและคุณหนูจางจือเดินเคียงข้างฮองเฮา พลางทอดสายตามองดอกไม้ที่ผลิบานต้อนรับฤดู“พระชายา แม่ชอบชุดนอนที่เจ้าตัดเย็บให้ ข้าใส่แล้วสบายตัวนัก ฝ่าบาทก็โปรดเช่นกัน เจ้าเย็บให้แม่อีกสักชุดได้หรือไม่?”“ได้เพคะเสด็จแม่” พระชายายิ้มหวาน ดวงตาทอประกายบางอย่าง “ที่จริงหม่อมฉันกำลังคิดจะเปิดร้านตัดเย็บในเร็วๆ นี้ คิดว่าเหล่าฮูหยินคงสนใจไม่น้อย”“ดีเลย” ฮองเฮาพยักหน้าพอใจ “ถ้าเช่นนั้น แม่จะอุดหนุนเจ้าเป็นคนแรก”“ขอบพระทัยเพคะ เสด็จแม่จะได้เป็นผู้ลองสวมใส่แบบใหม่ก่อนใครเลย”ฮองเฮายิ้มละไม ก่อนเอื้อมมือแตะมือพระชายาอย่างเอ็นดู “เจ้าเป็นบุตรสาวที่น่ารักของข้าเสมอ”คุณหนูจางจือเงียบฟังการสนทนา จนกระทั่งฮองเฮาหันมามองนางอย่างอ่อนโยน “จางจือ ข้ากับฝ่าบาทปรึกษากันแล้ว อยากพระราชทานสมรสให้เจ้ากับแม่ทัพเหวินจิ้นหง แม่ทัพใหญ่หนุ่มรูปงามทั้งกายใจ และยังเป็นสหายขององค์รัชทายาท เจ้าคิดเห็นเป็นเช่นไร?”คุณหนูจางจือสะดุ้งเฮือก“ทูลฮองเฮา... ข้ามีคนที่ข้าชอบอยู่แล้วเพคะ”แม้น้ำเสียงหนักแน่น แต่นัยน์ตาของนางยังเจือด้วยความกังวล นางชอบตงหยางมาโ
ตำหนักไป๋ฮวา...แสงจันทร์อ่อนโยนสาดส่องลอดผ่านม่านโปร่งบาง ๆ ตกกระทบลงบนพื้นไม้ ภายในตำหนักไป๋ฮวา สถานที่ซึ่งเป็นเสมือนรังรักขององค์รัชทายาทและพระชายา บรรยากาศสงบเงียบ ทว่ากลับอบอวลไปด้วยไออุ่นแห่งความรักของทั้งสองพระชายาทอดสายตามองดวงจันทร์ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเจือรอยยิ้ม"องค์รัชทายาท ข้าได้ซื้อที่สำหรับเปิดร้านขายผ้าเรียบร้อยแล้ว คาดว่าอีกสองสามวันข้าคงได้เปิดร้านและต้องขายดีมากแน่ ๆ"ดวงตาคมลึกขององค์รัชทายาทจับจ้องพระชายาด้วยความเอ็นดู ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ"ชายาของข้า เจ้าไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลยหรือ? หากข้ายังคงออกรบเช่นเมื่อก่อน ข้าคงไม่ได้รับจดหมายจากเจ้าสักฉบับเป็นแน่ เพราะเจ้ามัวแต่ขยันทำงานแทบจะลืมข้าแล้ว"พระชายาหัวเราะเบา ๆ"โธ่... ข้ามาอยู่ที่นี่ทั้งที ข้าย่อมต้องทำงาน เพราะในที่ที่ข้ามา ข้าก็ทำงานทุกวันอยู่แล้ว"องค์รัชทายาทขยับเข้ามาใกล้ ดวงตาฉายแววสนใจ"เจ้าเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ ที่ที่เจ้าจากมานั้นเป็นเช่นไร? ข้าอยากรู้"พระชายายิ้มบาง ๆ พลางทอดสายตาไปยังเบื้องนอก คล้ายหวนนึกถึงอดีต"ได้สิ ข้าเรียกที่แห่งนั้นว่า ‘ฮ่องกง’ ... ที่นั่นเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก
ยามเช้าอากาศเย็นสบาย ลมอ่อนพัดพากลิ่นดินหอมกรุ่นหลังจากค่ำคืนที่มีน้ำค้างโปรยปราย แสงอาทิตย์สีทองค่อย ๆ ลอดผ่านแนวต้นไม้กระทบกับผืนดินหลังตำหนักที่เคยรกร้าง ทว่าบัดนี้กำลังจะถูกแปรเปลี่ยนเป็นสวนผักที่อุดมสมบูรณ์กลางลานดินที่เพิ่งถูกไถพรวน พระชายาในชุดชาวสวน สีครีมนวลเรียบง่าย ผมยาวรวบขึ้นมัดด้วยผ้าสีอ่อน ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อจากไอแดด องค์รัชทายาทมองด้วยแววตาหลงใหล ก่อนจะปรายตามองตัวเองที่แต่งกายเช่นเดียวกัน ที่สวมเสื้อชาวสวนสีเข้ม กางเกงผ้าฝ้าย แม้จะแต่งแบบชาวบ้านธรรมดา แต่ความสง่างามยังไม่จางหาย"องค์รัชทายาท ท่านดูดีที่สุดเลยเมื่อแต่งตัวแบบนี้" พระชายาเอ่ยพลางหัวเราะเบา ๆ"พระชายาก็เช่นกัน เจ้าดูน่ารักแปลกตา น่าค้นหาเสียจริง""เลิกชมกันได้แล้ว มาทางนี้เลยองค์รัชทายาท มาขุดดินเตรียมเพาะปลูกเมล็ด"องค์รัชทายาทรีบคว้าจอบขึ้นมา "รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ พระชายา"จินฝานและซีจิน รวมถึงนางกำนัลและองครักษ์ต่างช่วยกัน ถางหญ้า ปรับหน้าดิน และขุดหลุม เตรียมปลูกพืชพันธุ์ เมล็ดพริก ข้าวโพด มันฝรั่ง และมะเขือเทศถูกนำออกมาจัดเตรียมขณะทุกคนลงมือทำงาน ซีจินเอ่ยถามขึ้นมาพลางหยิบเมล็ดข้าวโพดขึ้นดู"
ร้านขายชุดนอนของพระชายากลายเป็นที่กล่าวขวัญทั่ววังหลวง ฮูหยินใหญ่ ฮูหยินเล็ก ตลอดจนเหล่าสตรีสูงศักดิ์ต่างพากันมาเลือกสรรด้วยความตื่นตาตื่นใจผ้าที่นำมาจำหน่ายล้วนเป็นเนื้อแพรบางเบาละเอียดอ่อน เมื่อสัมผัสแล้วให้ความรู้สึกราวกับละอองไหมไหลลื่นผ่านปลายนิ้วชุดนอนไม่ได้นอน ของร้านนี้แตกต่างจากชุดนอนทั่วไป สีสันเย้ายวนสะดุดตา ไม่ว่าจะเป็น สีแดงเข้มเย้ายวน สีดำลึกลับน่าค้นหา หรือ สีชมพูหวานละมุน ทุกชุดล้วนถูกออกแบบให้เผยผิวเนียนนวลอย่างมีชั้นเชิง สายเดี่ยวบางเฉียบเปิดไหล่เนียนนุ่ม ลวดลายลูกไม้ปักละเอียดอ่อนเน้นความหรูหรา มีทั้งแบบเรียบโก้และแบบปักดิ้นทองสำหรับงานค่ำคืนสุดพิเศษพื้นที่ในร้านตกแต่งอย่างประณีต ให้บรรยากาศผ่อนคลายและเป็นกันเอง สตรีทั้งหลายสามารถเลือกซื้อได้อย่างเพลิดเพลิน มีสาวใช้คอยบริการอย่างใกล้ชิด เสิร์ฟน้ำชาหอมกรุ่นพร้อมขนมหวานรสเลิศให้ลิ้มลอง ชุดนอนเหล่านี้แม้ราคาไม่แพง แต่เมื่อต้องตาต้องใจแล้ว กลับกลายเป็นสินค้าที่ทำกำไรได้อย่างมหาศาล“การออกแบบชุดในอนาคตที่เราอยู่กลับกลายเป็นที่นิยมสมัยโบราณ ช่างดีจริงๆ รวยแล้วเรา” ลี่หรงพูดกับตัวเองอย่างสุขใจเสียงล้อรถม้าหรูหราดังขึ
พระราชวังประดับประดาด้วยโคมไฟสีแดงงดงามทั่วทุกทิศ เสียงกลองและฆ้องกึกก้องไปทั่วเพื่อเฉลิมฉลองพิธีสำคัญที่สุดของแผ่นดินพิธีราชาภิเษกขององค์รัชทายาท และการแต่งตั้งฮองเฮาณ ท้องพระโรง เหล่าขุนนางต่างคุกเข่าแสดงความเคารพต่อฮ่องเต้องค์ใหม่ เสียงขานถวายพระพรดังกึกก้อง"ขอพระองค์ทรงพระเจริญหมื่นปี หมื่นหมื่นปี!"ฮ่องเต้องค์ก่อนทอดพระเนตรพระโอรสด้วยสายตาภาคภูมิ พระองค์ทรงสละราชบัลลังก์อย่างสง่างามและเต็มไปด้วยความไว้วางใจ"ตั้งแต่นี้ไป เจ้าคือฮ่องเต้ ผู้ครองบัลลังก์แผ่นดินจงหยวน" ฮ่องเต้ตรัสด้วยน้ำเสียงหนักแน่นก่อนส่งมอบตราพระราชลัญจกรให้องค์รัชทายาทในชุดฉลองพระองค์มังกรยืนอย่างสง่างาม รับตราพระราชลัญจกรด้วยความมั่นคงและหนักแน่น "เสด็จพ่อ ข้าจะปกครองแผ่นดินนี้ด้วยสติปัญญาและความยุติธรรม"เสียงโห่ร้องยินดีดังกึกก้องทั่วทั้งพระราชวัง พิธีบรมราชาภิเษกสำเร็จลุล่วงพิธีแต่งตั้งฮองเฮา...หลังจากพิธีบรมราชาภิเษกสำเร็จ พิธีแต่งตั้งฮองเฮาก็เริ่มต้นขึ้น นางในพากันโปรยกลีบดอกโบตั๋นตลอดทางเดิน พระชายาในชุดแต่งงานสีแดงลวดลายปักไหมทอง สง่างามราวเทพธิดา พระนางคุกเข่าต่อหน้าฮ่องเต้"ถวายพระพร ฝ่าบาท" พระนา
วันมงคล ...ในพระราชวังอันโอฬารถูกประดับประดาด้วยโคมแดงระยับ งานสมรสอันยิ่งใหญ่ถูกจัดขึ้นอย่างสมพระเกียรติ เสียงฆ้องกังวานดังไปทั่วลานพิธี ชวนให้หัวใจทุกคนเต้นระรัวด้วยความตื่นเต้นองค์รัชทายาทในฉลองพระองค์ชุดแดงเข้มปักลวดลายมังกรยืนตระหง่านอยู่กลางโถง ดวงตาคมกริบทอดมองไปข้างหน้าอย่างแน่นิ่ง ราวกับมิได้มีจิตใจร่วมอยู่ในพิธีการอันศักดิ์สิทธิ์นี้ ทุกย่างก้าวที่พระองค์ยืนอยู่นั้นคือหน้าที่ มิใช่สิ่งที่หัวใจปรารถนาเสียงฝีเท้าแผ่วเบาของเจ้าสาวในฉลองพระองค์แดงสดดังใกล้เข้ามา ผ้าคลุมหน้าปักลวดลายหงส์ทองสะท้อนแสงเทียนไหวระริก ทุกย่างก้าวชวนให้บรรยากาศราวกับต้องมนต์แต่ดวงตาคมขององค์รัชทายาทยังคงเฉยชา แม้ทุกคนรอบกายจะจับจ้องด้วยความคาดหวัง พระองค์มิได้ยินดีกับงานวิวาห์นี้แม้แต่น้อย เพราะในพระทัยยังคงเชื่อว่าพระชายาที่พระมารดาทรงเลือกให้คือ หมิงจิวทว่า...เมื่อสายลมแผ่วเบาพัดผ่าน กลิ่นหอมละมุนจากร่างบางตรงหน้ากลับทำให้พระวรกายชะงักไปชั่วขณะ กลิ่นอันคุ้นเคย...กลิ่นของ พระชายาลี่หรง หญิงเดียวที่พระองค์รักสุดหัวใจ แต่เธอได้จากไปนานแล้ว มิอาจเป็นไปได้ที่เธอจะมายืนอยู่ตรงหน้าเสียงปี่กู่เจิงดังแว่ว
ตำหนักไป๋ฮวา…ในเช้าวันนี้ปกคลุมไปด้วยม่านหมอกแห่งความเศร้า เหล่านางกำนัลและองครักษ์ต่างยืนนิ่ง เสียงสะอื้นเงียบๆ ปะปนไปกับบรรยากาศแห่งความสูญเสีย ตำหนักที่เคยก้องกังวานไปด้วยเสียงหัวเราะของพระชายา บัดนี้กลับเหลือเพียงความเงียบงันและความว่างเปล่าองค์รัชทายาทประทับยืนอยู่ใต้ต้นเหมย น้ำตาที่เขาพยายามกักเก็บกลับเอ่อล้นออกมาอย่างไม่อาจห้ามได้“ซีจิน ขอบใจเจ้ามากที่ดูแลข้าอย่างดี ข้าจะไม่ลืมพวกเจ้าเลย”พระชายาเอ่ยขึ้น เสียงของนางสั่นไหวแต่ยังคงแฝงด้วยความอ่อนโยน ราวกับกำลังพยายามปลอบโยนผู้ที่ยังอยู่ซีจินเม้มปากแน่น พยายามสะกดกลั้นน้ำตา แต่สุดท้ายเขากลับต้องก้มหน้าลง ปล่อยหยาดน้ำตาไหลรินลงสู่พื้นดิน“พระชายา... โปรดดูแลพระองค์ให้ดีเพคะ”ลี่หรงพยักหน้าอย่างอ่อนแรง หันไปหาจางจือ นางมองเพื่อนรักทั้งน้ำตา“จางจือ ข้าฝากร้านกับเจ้า ช่วยซีจินดูแลมันให้ดี ขอโทษที่ไม่ได้อยู่ร่วมยินดีในวันสำคัญของเจ้า”จางจือร้องไห้จนตัวสั่น นางสะอื้นไห้แทบเป็นลม ใบหน้าเต็มไปด้วยความโศกเศร้า“พระชายา... ข้าไม่อยากให้ท่านไป ฮึก... ข้าอยากให้ท่านอยู่กับพวกเราตลอดไป”ลี่หรงแตะไหล่ของจางจือเบาๆ เป็นการปลอบโยนครั้งสุด
ค่ำคืนอันยาวนานผ่านไป พระชายายังคงหมดสติ แม้ได้รับยาถอนพิษแล้ว แต่ก็ยังไม่มีวี่แววจะฟื้น องค์รัชทายาทจับมือพระชายาไว้แน่น ไม่ยอมปล่อยตลอดทั้งคืนจนเผลอหลับไปรุ่งเช้า...เสียงแผ่วเบาของพระชายาที่เพิ่งฟื้นจากพิษดังขึ้นเบาๆ"องค์รัชทายาท... ท่านปลอดภัยดีหรือไม่?"องค์รัชทายาทสะดุ้งตื่น รีบหันไปมองพระชายาด้วยแววตาตื้นตัน"พระชายา! เจ้าได้สติแล้ว ข้าดีใจเหลือเกิน! ข้านึกว่าเจ้าจะไม่กลับมาหาข้าเสียแล้ว"พระชายายิ้มอ่อน แม้ใบหน้าจะยังซีดเซียวเพราะพิษที่เพิ่งถูกขับออกจากร่าง"แล้วทุกคนล่ะ... ปลอดภัยดีหรือไม่?""องค์ชายสี่และทุกคนปลอดภัยดี" องค์รัชทายาทตอบ"ข้าสังหารตงหยางแล้ว จินฝานก็สามารถจับตัวนางกำนัลขององค์ชายสี่ได้ แม่ทัพเหวินจิ้นหงได้ค้นพบอาวุธที่เสนาบดีเฉินหลางลอบสั่งซื้อ ทุกคนสารภาพว่าคิดก่อกบฏและต้องการหนุนให้องค์ชายสี่ขึ้นครองราช ตอนนี้ทั้งหมดถูกจองจำและรอการตัดสินโทษ"พระชายาถอนหายใจยาว รู้สึกเหมือนได้ปลดปล่อย"ในที่สุด ข้าก็สามารถล้างมลทินให้หลินเหม่ยเยียนได้เสียที... ต่อจากนี้ข้าก็สบายใจแล้ว"องค์รัชทายาทบีบมือพระชายาแน่นขึ้น"ใช่ เจ้าทำสำเร็จแล้ว... และจากนี้ไป เราจะได้อยู่ด้วยก
ภายในตำหนักหลวง องค์รัชทายาทถวายรายงานต่อฮ่องเต้ด้วยสีหน้าจริงจัง“เสด็จพ่อ พ่ะย่ะค่ะ ข้าให้แม่ทัพเหวินจิ้นหงไปสืบเรื่องของพระชายาซูซินมาแล้ว นางมีบุตรหนึ่งคนชื่อตงฉี แต่ร่างกายของเขาไม่สมประกอบ ขาซ้ายพิการ และพระชายายังมีบุตรอีกคนหนึ่งชื่อตงหยาง เกิดจากทหารชั้นพิเศษ บัดนี้เขาเสียชีวิตไปแล้ว”ฮ่องเต้พยักพระพักตร์ครุ่นคิดไปครู่หนึ่ง ก่อนจะตรัสด้วยเสียงแฝงความลึกซึ้ง“สามารถให้คนไปรับเขากลับมาได้หรือไม่? เรื่องที่เกิดขึ้นในอดีต ควรได้รับการสะสางเสียที”“ได้พ่ะย่ะค่ะ” องค์รัชทายาทตอบรับหนักแน่นฮ่องเต้ทอดพระเนตรองค์รัชทายาทอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะตรัสออกมาอย่างอ่อนล้า“ข้าได้หารือกับเสด็จแม่ของเจ้าแล้ว... สุขภาพของข้าไม่ค่อยดีนัก เจ็บออดๆ แอดๆ มาตลอด ข้าอยากสละบัลลังก์ให้เจ้าได้ว่าราชการแทน เพราะข้าเอง... เหนื่อยเต็มทน”ในขณะที่ฮ่องเต้ตรัส นางกำนัลผู้หนึ่งเดินเข้ามาพร้อมของว่างในถาด นางทำทีเป็นรับใช้ แต่แท้จริงแล้วกำลังจับตาดูบทสนทนาอยู่ นางเป็นคนขององค์ชายสี่ องค์รัชทายาทมองดูสีหน้าของนางแล้วจำได้ทันที แต่ทรงแสร้งทำเป็นไม่สนใจเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต“เสด็จพ่อยังทรงแข็งแรงนัก มิจำเป็นต้องรีบแต่
ยามเย็น—แสงอาทิตย์กำลังลับขอบฟ้า ท้องฟ้าถูกแต้มด้วยสีแดงฉานปะปนม่วงคราม หมู่นกน้อยรีบบินกลับรังในร่มเงาต้นไม้สูงใหญ่ ลมหนาวพัดผ่านพระราชวังอันกว้างใหญ่แต่ทว่าภายในเขตวังหลวงกลับไม่มีความสงบเลยแม้แต่น้อย…ภายในตำหนักหลวง วุ่นวายราวกับรังแตนแตกรัง หมอหลวงในชุดคลุมสีขาวเร่งเดินกันขวักไขว่ เสียงฝีเท้ากระทบพื้นดัง เสียงสั่งการดังขึ้นไม่ขาดระยะ บางคนหอบหิ้วกล่องยา บางคนถือตำราแพทย์พลิกหาวิธีรักษา ข่าวเรื่อง ฮ่องเต้ประชวรหนัก แพร่สะพัดไปทั่วพระราชวังเพียงไม่นาน เสียงขันทีรีบกึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหยุดหน้าพระตำหนักขณะที่รถม้าขององค์รัชทายาทและพระชายาค่อย ๆ ชะลอและจอดเสียงร้องเรียกอย่างร้อนรนก็ดังขึ้นทันที“องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ! ขอทรงรีบไปเฝ้าฝ่าบาทเถิดพ่ะย่ะค่ะ พระองค์ทรงอาการหนักมากแล้ว!”ขันทีที่วิ่งเข้ามาคุกเข่าลงอย่างลนลาน ใบหน้าซีดเผือดดั่งคนสิ้นหวังองค์รัชทายาทก้าวลงจากรถม้าทันที ดวงตาแข็งกร้าวขึ้นแฝงความกังวล “เสด็จพ่อเป็นอะไร?”“ฝ่าบาททรงหน้ามืด มือสั่น เหงื่อออก ตัวเย็น... และที่สำคัญ ทรงเพ้อไม่รู้เรื่องพ่ะย่ะค่ะ!”หัวใจขององค์รัชทายาทกระตุกวูบ คิ้วเข้มขมวดแน่น มือกำหมัดโดยไม่รู้ตัว
ร้านขายชุดนอนของพระชายากลายเป็นที่กล่าวขวัญทั่ววังหลวง ฮูหยินใหญ่ ฮูหยินเล็ก ตลอดจนเหล่าสตรีสูงศักดิ์ต่างพากันมาเลือกสรรด้วยความตื่นตาตื่นใจผ้าที่นำมาจำหน่ายล้วนเป็นเนื้อแพรบางเบาละเอียดอ่อน เมื่อสัมผัสแล้วให้ความรู้สึกราวกับละอองไหมไหลลื่นผ่านปลายนิ้วชุดนอนไม่ได้นอน ของร้านนี้แตกต่างจากชุดนอนทั่วไป สีสันเย้ายวนสะดุดตา ไม่ว่าจะเป็น สีแดงเข้มเย้ายวน สีดำลึกลับน่าค้นหา หรือ สีชมพูหวานละมุน ทุกชุดล้วนถูกออกแบบให้เผยผิวเนียนนวลอย่างมีชั้นเชิง สายเดี่ยวบางเฉียบเปิดไหล่เนียนนุ่ม ลวดลายลูกไม้ปักละเอียดอ่อนเน้นความหรูหรา มีทั้งแบบเรียบโก้และแบบปักดิ้นทองสำหรับงานค่ำคืนสุดพิเศษพื้นที่ในร้านตกแต่งอย่างประณีต ให้บรรยากาศผ่อนคลายและเป็นกันเอง สตรีทั้งหลายสามารถเลือกซื้อได้อย่างเพลิดเพลิน มีสาวใช้คอยบริการอย่างใกล้ชิด เสิร์ฟน้ำชาหอมกรุ่นพร้อมขนมหวานรสเลิศให้ลิ้มลอง ชุดนอนเหล่านี้แม้ราคาไม่แพง แต่เมื่อต้องตาต้องใจแล้ว กลับกลายเป็นสินค้าที่ทำกำไรได้อย่างมหาศาล“การออกแบบชุดในอนาคตที่เราอยู่กลับกลายเป็นที่นิยมสมัยโบราณ ช่างดีจริงๆ รวยแล้วเรา” ลี่หรงพูดกับตัวเองอย่างสุขใจเสียงล้อรถม้าหรูหราดังขึ
ยามเช้าอากาศเย็นสบาย ลมอ่อนพัดพากลิ่นดินหอมกรุ่นหลังจากค่ำคืนที่มีน้ำค้างโปรยปราย แสงอาทิตย์สีทองค่อย ๆ ลอดผ่านแนวต้นไม้กระทบกับผืนดินหลังตำหนักที่เคยรกร้าง ทว่าบัดนี้กำลังจะถูกแปรเปลี่ยนเป็นสวนผักที่อุดมสมบูรณ์กลางลานดินที่เพิ่งถูกไถพรวน พระชายาในชุดชาวสวน สีครีมนวลเรียบง่าย ผมยาวรวบขึ้นมัดด้วยผ้าสีอ่อน ใบหน้าขึ้นสีแดงระเรื่อจากไอแดด องค์รัชทายาทมองด้วยแววตาหลงใหล ก่อนจะปรายตามองตัวเองที่แต่งกายเช่นเดียวกัน ที่สวมเสื้อชาวสวนสีเข้ม กางเกงผ้าฝ้าย แม้จะแต่งแบบชาวบ้านธรรมดา แต่ความสง่างามยังไม่จางหาย"องค์รัชทายาท ท่านดูดีที่สุดเลยเมื่อแต่งตัวแบบนี้" พระชายาเอ่ยพลางหัวเราะเบา ๆ"พระชายาก็เช่นกัน เจ้าดูน่ารักแปลกตา น่าค้นหาเสียจริง""เลิกชมกันได้แล้ว มาทางนี้เลยองค์รัชทายาท มาขุดดินเตรียมเพาะปลูกเมล็ด"องค์รัชทายาทรีบคว้าจอบขึ้นมา "รับด้วยเกล้าพ่ะย่ะค่ะ พระชายา"จินฝานและซีจิน รวมถึงนางกำนัลและองครักษ์ต่างช่วยกัน ถางหญ้า ปรับหน้าดิน และขุดหลุม เตรียมปลูกพืชพันธุ์ เมล็ดพริก ข้าวโพด มันฝรั่ง และมะเขือเทศถูกนำออกมาจัดเตรียมขณะทุกคนลงมือทำงาน ซีจินเอ่ยถามขึ้นมาพลางหยิบเมล็ดข้าวโพดขึ้นดู"
ตำหนักไป๋ฮวา...แสงจันทร์อ่อนโยนสาดส่องลอดผ่านม่านโปร่งบาง ๆ ตกกระทบลงบนพื้นไม้ ภายในตำหนักไป๋ฮวา สถานที่ซึ่งเป็นเสมือนรังรักขององค์รัชทายาทและพระชายา บรรยากาศสงบเงียบ ทว่ากลับอบอวลไปด้วยไออุ่นแห่งความรักของทั้งสองพระชายาทอดสายตามองดวงจันทร์ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเจือรอยยิ้ม"องค์รัชทายาท ข้าได้ซื้อที่สำหรับเปิดร้านขายผ้าเรียบร้อยแล้ว คาดว่าอีกสองสามวันข้าคงได้เปิดร้านและต้องขายดีมากแน่ ๆ"ดวงตาคมลึกขององค์รัชทายาทจับจ้องพระชายาด้วยความเอ็นดู ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ"ชายาของข้า เจ้าไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเลยหรือ? หากข้ายังคงออกรบเช่นเมื่อก่อน ข้าคงไม่ได้รับจดหมายจากเจ้าสักฉบับเป็นแน่ เพราะเจ้ามัวแต่ขยันทำงานแทบจะลืมข้าแล้ว"พระชายาหัวเราะเบา ๆ"โธ่... ข้ามาอยู่ที่นี่ทั้งที ข้าย่อมต้องทำงาน เพราะในที่ที่ข้ามา ข้าก็ทำงานทุกวันอยู่แล้ว"องค์รัชทายาทขยับเข้ามาใกล้ ดวงตาฉายแววสนใจ"เจ้าเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่ ที่ที่เจ้าจากมานั้นเป็นเช่นไร? ข้าอยากรู้"พระชายายิ้มบาง ๆ พลางทอดสายตาไปยังเบื้องนอก คล้ายหวนนึกถึงอดีต"ได้สิ ข้าเรียกที่แห่งนั้นว่า ‘ฮ่องกง’ ... ที่นั่นเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก