ตอนที่ 1
นาทีของชีวิต
อเรนโซมาเฟียหนุ่มลูกครึ่งอิตาลีไทยนั่งรถส่วนตัวจากบริษัทเล็ก ๆ ของครอบครัวที่เปิดสาขาในเมืองไทยจากสนามบินมายังโรงพยาบาลที่ตอนนี้มีคนที่เขารักกำลังจะจากเขาไป
ภาพเก่าแห่งวันวานย้อนมาในความทรงจำ ความรักระหว่างมาเฟียหนุ่มกับหญิงสาวกำพร้าก่อตัวขึ้นเมื่อครั้งที่อเรนโซกลับมาดูแลบ้านและสาขาของบริษัทที่เมืองไทยเมื่อสี่ปีที่แล้ว เขาได้พบรักกับเบญญาหญิงสาวกำพร้าที่ทำงานเป็นเลขาในบริษัทนำเข้าอะไหล่รถยนต์ ทั้งคู่อยู่กินกันแบบลับ ๆ จนมีลูกด้วยกันสองคน คือเพชรกับทับทิม พอคิดขึ้นมาถึงลูก ๆ ทั้งสองคน อเรนโซพยายามเงยหน้าเพื่อไม่ให้น้ำตาที่แสนจะอ่อนแอไหลออกมาแต่สุดท้ายเขาก็พ่ายแพ้มัน
การมาเมืองไทยครั้งนี้สำหรับอเรนโซมาเฟียที่มีเงินมากมายล้นฟ้ามันคือการมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัวเป็นครั้งสุดท้าย เบญญากำลังจะจากไปด้วยโรคมะเร็งที่เขาเองเพิ่งจะได้รู้ว่าเธอป่วยเมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาทุ่มเงินเพื่อยื้อชีวิตของภรรยาไว้และตั้งใจว่าเขากลับอิตาลีไปครั้งนี้เพื่อไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยและจะกลับมาดูแลภรรยาจนกว่าอาการของเธอจะดีขึ้นแต่สุดท้ายเขากลับต้องบินด่วนกลับมาเมื่อหมอโทรแจ้งว่าเบญญาคงมีชีวิตอยู่ได้ไม่ถึงเดือนแล้ว
“ไปรับคุณหนูก่อนไหมครับ”
คนขับรถหันมาถามเจ้านายเพราะตอนนี้เด็กน้อยวัยเพียงแค่สองปีกับสิบเดือนอยู่ในการดูแลของเจ้านายของเบญญา
ขวัญข้าวลูกสาวนักธุรกิจนำเข้าอะไหล่รถยนต์มือสองจากต่างประเทศ เธอเป็นทั้งเจ้านายและเป็นทั้งเพื่อนของเบญญา หญิงสาวรับหน้าที่ดูแลเด็ก ๆ ตอนที่อเรนโซเดินทางกลับอิตาลี โดยที่ชายหนุ่มไม่เคยเจอกับเธอเลยเพราะเบญญาต้องการรักษาสัญญากับสามีที่จะไม่ให้มีใครรู้เรื่องของเธอกับอเรนโซเด็ดขาด
“ไปโรงพยาบาลเลย ฉันไม่รู้ว่าลูก ๆ อยู่ที่ไหน แต่คิดว่าเจ้านายของเบญคงพาเด็ก ๆ มาหาแม่ที่โรงพยาบาลเอง”
ชายหนุ่มตอบลูกน้องด้วยความรู้สึกละอายใจ เขาเป็นสามี ที่แย่เป็นพ่อที่ไม่ได้เรื่อง ตอนนี้ลูกอยู่ที่ไหนเขายังไม่รู้ รู้แค่เพียงว่าอยู่กับใครเท่านั้น ทั้งที่เรื่องแค่นี้ไม่เกินความสามารถมาเฟียอย่างเขาแน่นอน
พงษ์เป็นลูกน้องคนเดียวที่รับรู้เรื่องทุกอย่างมองเจ้านายของเขาผ่านกระจกมองหลัง ถึงแม้จะไม่เห็นน้ำตาแต่เขารู้ว่าข้างในหัวใจของมาเฟียที่ทำท่าเข้มแข็งกำลังอ่อนแอและเจ็บปวดแค่ไหน
“บางครั้งคนเราก็ต้องยอมปล่อยอดีตที่เราย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้เพื่อรักษาปัจจุบันและอนาคตไว้นะครับ เรื่องของวันนี้เดี๋ยวพรุ่งนี้มันก็กลายเป็นอดีตแล้ว เวลานี้คุณเบญคงอยากเห็นสามีของเธอเข้มแข็งเพราะคุณหนูทั้งสองยังต้องการคนดูแล”
อเรนโซที่มองออกไปนอกหน้าต่างเหมือนไม่ได้สนใจในคำพูดของลูกน้องแต่ที่จริงแล้วเขากำลังฟังและคิดตามและตั้งใจจะทำให้ได้เพราะเวลานี้เขาต้องเข้มแข็งเพื่อลูก ๆ และทำทุกอย่างให้ภรรยาของเขาเชื่อมั่น เธอจะได้จากไปอย่างสงบ
ชายหนุ่มได้แต่มองพระอาทิตย์ที่กำลังจะลับขอบฟ้าด้วยดวงตาที่อ้อนวอนขอต่อเวลาให้เขากับภรรยาอีกสักนิดเขาอยากชดเชยทุกนาทีที่เขาทิ้งให้เธอต้องอยู่กับลูก ทั้งที่เขาเคยพยายามที่จะบอกเรื่องนี้กับอมราแม่ของเขาแต่เธอกลับไม่ยอมรับ อเรนโซก็กลับไม่กล้าพอที่จะขัดขืนเขาจึงทำเหมือนว่าเรื่องที่เมืองไทยไม่เคยเกิดขึ้นและไม่เคยพูดเรื่องนี้กับมารดาอีกเลย
ครอบครัวของอมรากับมาร์โกทำธุรกิจมืดหลายอย่างล้วนแต่ผิดกฎหมาย ทั้งคู่จึงเลือกที่จะอยู่ที่อิตาลีเท่านั้นและส่งอเรนโซกลับมาดูแลธุรกิจที่ถูกกฎหมายที่ไทยแทน ส่วนลินดาลูกสาวคนเล็กทั้งคู่ไม่เคยยอมให้ห่างกายเพราะการเป็นมาเฟียศัตรูรอบด้านและวงการนี้ก็ไม่เคยใช้เหตุผลคุยกันแต่สุดท้ายลินดาก็กล้าพอที่จะยืนยันขอไปเรียนต่อที่ประเทศอังกฤษ อมราเองถึงจะเป็นคนไทยแต่เธอก็กลายเป็นผู้หญิงสายโหด เด็ดขาดและเอาจริงกับทุกเรื่องเพราะเธอเลือกเดินทางสายนี้และอยู่เคียงข้างสามีมาตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจสีเทา
พงษ์ขับรถมาส่งเจ้านายที่โรงพยาบาลก่อนที่จะเอารถทิ้งไว้ให้อเรนโซใช้ส่วนตัวเขาเองให้เพื่อนมารับกลับไปเอารถของตัวเองที่บริษัทอีกที
“ขอบใจมากนะ โดยเฉพาะคำพูดที่เตือนสติ”
อเรนโซยื่นเงินให้ลูกน้องตบไหล่อย่างอ่อนโยนก่อนที่จะรีบเดินไปยังห้องผู้ป่วยหนักที่ตอนนี้คุณหมอรอเขาอยู่ที่นั่น
ทันทีที่ชายหนุ่มเปิดประตูห้องผู้ป่วยหนักที่ถูกแยกออกมาจากคนป่วยคนอื่นเพราะอเรนโซยอมจ่ายแพงให้กับโรงพยาบาลเพื่อขอแยกห้องเพราะกลัวเบญญาจะติดเชื้อ ภาพที่เห็นคือภรรยาของเขาผอมลงมากแค่เพียงไม่ถึงสามวันที่เขาไม่อยู่
“สวัสดีครับคุณหมอ”
สองมือมาเฟียหนุ่มยกมือไหว้ตามแบบคนไทยก่อนที่จะรีบเดินเข้าไปหอมแก้มภรรยาที่นอนหลับตาแต่ความจริงเธอยังไม่ได้หลับ
“ไว้คุณคุยกับภรรยาเสร็จตามผมไปที่ห้องนะครับ”
คุณหมอไม่อยากพูดถึงอาการของคนป่วยต่อหน้าเธอ ในเวลานี้แต่คุณหมอก็ต้องเปลี่ยนใจ
“พูดทุกอย่างต่อหน้าฉันเถอะค่ะ ฉันอยากรู้ว่าฉันเหลือเวลาเท่าไหร่ จะได้จัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยไม่อยากห่วงอะไรตอน ที่หมดลมไปแล้ว”
ความเข้มแข็งที่ตั้งใจมาอย่างเด็ดเดี่ยวขาดลงทันที อเรนโซซบหน้าลงกับฝ่ามือของตัวเองและร้องไห้ออกมาเหมือนคนเสียสติ
“ร้องทำไมคะที่รัก เราโชคดีกว่าคนอื่นอีกมากมาย เราจากกันในเวลาที่เรารักกัน เรารู้ว่าเราต้องจากกันวันไหน เรามีโอกาสได้ร่ำลากันก่อน บางคู่เขาไม่มีแม้แต่โอกาสจะได้เห็นหน้ากันในนาทีสุดท้ายของชีวิตด้วยซ้ำ เข้มแข็งนะอเรนโซสามีของฉัน”
คุณหมอถึงจะเจอกับการจากลามามากแต่ก็ไม่มีครั้งไหนที่ คุณหมอจะไม่รู้สึกเจ็บปวดร่วมด้วยสักครั้ง โดยเฉพาะกับเบญญาเพราะเธออายุแค่เพียงยี่สิบแปดเท่านั้นและลูก ๆ ก็ยังเล็กอยู่ เธอรู้ตัวว่าป่วยก็เกินจะรักษาแล้ว
มาเฟียหนุ่มลุกขึ้นยืนหันหลังให้กับคนป่วยเขาพยายามรวบรวมสติและความเข้มแข็งให้กลับมาอีกครั้ง
“คุณหมอว่ามาเลยครับ ผมพร้อมรับฟังทุกอย่างแล้ว”
มือหนาจับมือซีดของภรรยาไว้แน่น ชายหนุ่มนั่งลงจับมือของเบญญามาจับแก้มของเขาไว้ เพื่อให้เธอรู้ว่าเขาอยู่ตรงนี้ข้าง ๆ เธอ
“อาการของคนป่วยอยู่ในระยะสุดท้าย หมอคิดว่าเธอน่าจะอยู่กับเราได้นานที่สุดไม่เกินหนึ่งเดือนแต่อาจจะนานกว่านั้นถ้าปาฏิหาริย์เกิดขึ้น”
คุณหมอยังคงอธิบายต่อเกี่ยวกับอาการที่จะเกิดขึ้นแต่ตอนนี้สมองของอเรนโซไม่รับรู้อะไรอีกแล้วเขารู้แค่เพียงว่าเวลาของเขากับภรรยาเหลือน้อยเหลือเกิน ยังมีอีกหลายอย่างที่เขาทำผิดต่อเธอและอยากแก้ไขแต่ทุกอย่างมันก็สายเกินไปแล้ว
คุณหมอบอกเล่าทุกอย่างจบก็ปล่อยให้สามีภรรยาได้อยู่ด้วยกัน เพราะตอนนี้เวลาของคนทั้งคู่สำคัญต่อกันทุกนาทีเพราะ คำว่าไม่ถึงหนึ่งเดือนอาจหมายถึงวันนี้หรือพรุ่งนี้ก็ได้
ตอนที่ 2คำขอสุดท้าย “เบญผมขอโทษ” คำพูดเดียวที่อเรนโซคิดได้ในเวลานี้ สายตาที่อ่อนแอมองสบตากับภรรยาที่เขาทอดทิ้งให้เธอต้องดูแลตัวเองและลูก ๆ มาโดยลำพังตลอด คนป่วยส่งยิ้มแบบฝืด ๆ ให้กับชายผู้ที่เป็นเจ้าของหัวใจเธอเพียงคนเดียว “คุณไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย เรื่องที่เบญป่วยมันเป็นเรื่องของร่างกายและคุณก็พยายามหาทางรักษาที่ดีที่สุดให้กับเบญแล้ว อย่าทำให้เบญไม่สบายใจที่เห็นคุณเศร้าแบบนี้สิคะ” สองมือซีดลูบหน้าสามีด้วยความเข้มแข็งที่มีเพียงน้อยนิดแต่เบญญาก็เลือกที่จะแสดงมันออกมาเพื่อให้ชายหนุ่มสบายใจขึ้นเพราะสิ่งที่เธอต้องการคือให้สามีเข้มแข็งเพื่อที่เขาจะต้องทำหน้าที่เป็นพ่อและดูแลลูก ๆ ทั้งสองคนต่อไปโดยที่ไม่มีเธอแล้ว “อเรนโซคุณสัญญาได้ไหมว่าถ้าเบญจากไปแล้วคุณจะไม่เอาลูก ๆ ไปอิตาลี เบญรู้ว่าคุณคงลำบากใจแต่คุณเข้าในใช่ไหมว่าที่นั่นไม่ได้ปลอดภัยและลูก ๆ ของเราก็ไม่เหมาะกับที่นั่น รับปากและสัญญากับเบญนะคะ” “ผมไม่ได้อยู่เมืองไทยแล้วลูก ๆ จะอยู่กับใคร ญาติพี่น้องทั้งของเบญและผมก็ไม่มี” ชายหนุ่มคิดไม่ออกว่าถ้าเขาไม่เอาลูก ๆ ไป
ตอนที่ 3เป็นภรรยาผมเถอะ อเรนโซเดินทางกลับจากเมืองไทยด้วยหัวใจที่บอบช้ำ เขาเพิ่งสูญเสียภรรยาและนี่พ่อก็โทรศัพท์มาบอกว่าแม่ของเขากำลังป่วยหนักอีก ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนชีวิตของเขากำลังอยู่ในช่วงที่เจอปัญหามากมายรุมเข้ามาถ้าไม่มีลูก ๆ อีกสองคนที่เขาต้องดูแล อเรนโซคิดว่าตัวเองคงสติหลุดไปมากกว่านี้แน่ ๆ “คุณพ่อ! คุณแม่! นี่มันอะไรกันครับ” ภาพมาร์โกและอมราที่นั่งรอลูกชายอยู่ที่ห้องรับแขกพร้อมกับหญิงสาวที่มาในชุดรัดรูปสีแดงที่รีบลุกขึ้นเดินตรงมาเกาะแขนของชายหนุ่มที่กำลังยืนมองทุกคนด้วยความแปลกใจในสิ่งที่เห็น ลอร่าใช้มือเล็กที่เกาะแขนอเรนโซพาตัวเขามานั่งลงข้าง ๆ เธอด้วยท่าทางที่ดูเหมือนคนกำลังมีความสุข “มาถึงเหนื่อย ๆ นั่งพักก่อนนะคะพี่เรน”หญิงสาวในชุดแดงรัดทุกส่วนของร่างกายอ้อนเสียงหวาน “ไหนคุณพ่อบอกว่าคุณแม่ไม่สบายแล้วนี่มันอะไรกันครับ” มาร์โกได้แต่หลบตาเมื่อถูกลูกชายถามด้วยน้ำเสียงและ แววตาที่ตำหนิและเสียใจกับการโกหกของผู้เป็นพ่อ อมราหญิงวัยใกล้หกสิบขยับตัวเพื่อทำหน้าที่ตอบแทนเพรา
ตอนที่ 4แผน การรอคอยที่ดูไร้ความหวังมันแสนจะทรมานแต่มันก็คือหนทางเดียวที่ดีที่สุดตอนนี้สำหรับชายหนุ่มที่ไม่อยากตัดสินใจผิดซ้ำซากอีกแล้ว อเรนโซคิดว่าคงไม่มีทางที่ขวัญข้าวจะยอมทำในสิ่งที่ เขาขอร้องแน่ ๆ เพราะภาพของเขาในสายตาของเธอมันช่างแสนเลวร้ายเหลือเกินและมันก็สมควรแล้วที่หญิงสาวจะรู้สึกกับเขาแบบนั้น มาเฟียหนุ่มนั่งดื่มอยู่ที่ระเบียงห้องนอนที่ใหญ่มากกว่าบ้านที่เขาซื้อให้กับเบญญาเสียอีก เรื่องราวเก่า ๆ ในความทรงจำ ย้อนเข้ามาในความคิดของคนที่เริ่มสติไม่อยู่ครบเพราะดื่มไป หลายแก้วแล้ว เสียงของขวัญข้าวที่โทรศัพท์หาเขาในวันที่เบญญาต้องเข้าผ่าตัดคลอดลูกชายคนโตโดยด่วนเพราะเธอล้มในห้องน้ำซึ่งตอนนั้นคนโทรมาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาคือใครรู้แค่เพียงเป็นสามีของลูกน้องเธอเพราะเบญไม่เคยบอกเล่ารายละเอียดของสามีให้ใครฟังตามที่สัญญาไว้ “คนอย่างคุณไม่ใช่แค่ไม่สมควรเป็นพ่อคนแต่คุณไม่ควรเกิดเป็นคนเลยด้วยซ้ำ” คำพูดของขวัญข้าวก่อนวางสายในวันนั้นยังดังอยู่ใน ความทรงจำของผู้ชายที่เลือกงานมากกว่าจะรีบเดินทางไปหาเม
ตอนที่ 5เผชิญหน้า อเรนโซเดินทางไปหาขวัญข้าวที่บ้านของเธอทันทีที่ถึงเมืองไทยเพราะตอนนี้เวลาที่เขาเหลืออยู่มีไม่มาก ขวัญข้าวเตรียมทุกอย่างให้กับตัวเธอและเด็ก ๆ ทั้งสองเพื่อพร้อมต่อการเดินทางแต่สิ่งที่ทำให้ทั้งขวัญข้าวและอเรนโซถึงกลับตกใจก็คือภาพของชัยชาญที่เดินลงจากบ้านมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ “คุณพ่อคะ คือ...คุณพ่อจะไปกับข้าวและเด็กหรือคะ” หญิงสาวถามด้วยความตกใจเพราะเธอกับบิดาคุยเรื่องนี้กันเกือบ ทั้งคืนแต่ชัยชาญไม่ยอมบอกเธอเลยว่าจะตามไปที่อิตาลีด้วย “ใช่ มีปัญหาอะไรกันไหม” อเรนโซรีบยืนยกมือไหว้ตามมารยาทของคนไทยเพราะตั้งแต่เขามาถึงเขายังไม่ได้เจอพ่อของขวัญข้าวเลยและจริง ๆ แล้วชายหนุ่มเคยเจอ ชัยชาญแค่เพียงช่วงงานศพของเบญญาเท่านั้น “ผมไม่มีปัญหาครับและยินดีที่คุณพ่อจะเดินทางไปกลับพวกเรา” การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้มีแค่ชัยชาญ ขวัญข้าว อเรนโซและเด็ก ๆแต่ชัยชาญได้เอาคนของเขาไปด้วยหลายคนทั้งที่ไปแบบเปิดตัวและติดตามไปโดยที่อเรนโซไม่รู้ตัวเพราะสำหรับนักธุรกิจที่อายุมากและมากประสบการณ์อย่างชัยชาญเขารู้ดีว่าที่
ตอนที่ 6เมื่อแผนเริ่มต้น “ขวัญข้าวผมขอโทษแทนคุณแม่ด้วยนะที่ท่านพูดแบบนั้นกับคุณ” อเรนโซเดินเข้ามาจับมือของหญิงสาวที่กำลังเดินเข้ามายังห้องนอนของเขาเพื่อความสมจริงในบทสามีภรรยา “อเรนโซคุณทำได้มากกว่าพูดคำว่าขอโทษแบบนี้ ฉันเชื่อว่าเบญก็คงรอว่าสักวันคุณจะทำทุกอย่างในฐานะของพ่อได้ดีกว่าที่ผ่านมา วันนี้มันเพิ่งเริ่มต้นแต่จำไว้ฉันมีเวลาเล่นละครกับคุณได้ไม่นานเพราะชีวิตของฉันยังมีอีกหลายชีวิตที่ต้องดูแลถ้าคุณยังทำทุกอย่างให้ดีกว่านี้ไม่ได้ ฉันจะเอาเด็ก ๆกลับไปเมืองไทยและคุณก็ต้องลืมให้ได้ว่าทั้งเพชรและทับทิมคือลูกของคุณ” คืนแรกของการมาอยู่ที่อิตาลีของขวัญข้าว เธอสัมผัสได้ถึงความกดดันและไร้ความสุขของชายหนุ่มที่ภายนอกดูเป็นมาเฟียที่น่าเกรงขามแต่ยามอยู่ต่อหน้ามารดาเขากลายเป็นเพียงลูกชายที่ไม่รู้จักโต เพชรได้นอนกับพ่อคืนนี้เป็นคืนแรกหลังจากที่แม่ของเด็กน้อยจากไป “คุณพ่อครับที่นี่บ้านใคร” เด็กชายตัวน้อยที่หน้าตาถอดมาจากผู้เป็นย่าจนแทบจะไม่ต้องมีใครบอกก็รู้ได้ทันทีว่าเด็กน้อยเป็นหลานของย่าอมราที่แสนจะมีหัวใจที่ไร้ความเมตตาในตัวสายเลือ
ตอนที่ 7เด็ดขาด ขวัญข้าวเธอเรียนยิงปืนได้รวดเร็วมากทั้งที่ไม่เคยมีพื้นฐานมาเลยตอนนี้เธอก็เรียนการต่อสู้แบบตัวต่อตัวเพื่อใช้ในการป้องกันตัวในยามที่ไม่มีอาวุธทุกอย่างต้องรีบทำเพราะอีกสองวันชัยชาญก็จะเดินทางกลับเมืองไทยแต่ลูกน้องทุกคนของเขายังคงอยู่ที่นี่ต่อ ทั้งแบบที่มาแบบเปิดเผยตัวและไม่เปิดเผยตัวด้วยเพราะความเป็นพ่อชัยชาญไม่ไว้ใจว่าอเรนโซจะสามารถดูแลปกป้องลูกสาวเขาและเด็ก ๆ ได้ เขาจึงเลือกที่จะทิ้งคนของเขาไว้ที่นี่เพื่อความอุ่นใจ ลอร่ารับรู้เรื่องราวการมาของขวัญข้าวและลูก ๆ ตั้งแต่วันแรกที่ทุกคนเหยียบแผ่นดินอิตาลีแต่เธอคิดว่าการที่เธอไม่แสดงตัวน่าจะทำให้อมรารู้สึกกดดันมากกว่าและเธอแค่คอยมองดู อยู่ห่าง ๆ จนกว่าทุกอย่างจะเรียบร้อยแต่ถ้าทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่เธอคิด เธอก็จะเดินหน้าประกาศสงครามทันที “ลอร่าทำไมหนูไม่มาดูหน้าแม่สาวไทยใจง่ายหน่อยล่ะลูก” อมรากรอกเสียงตามสายไปหาลูกสะใภ้ที่เธออยากได้เพราะคิดว่าถ้าลอร่ามาปรากฎตัวอาจจะทำให้อเรนโซและขวัญข้าวมีปัญหาทะเลาะกันและจะง่ายต่อการแยกทั้งคู่ออกจากกัน “ลอร่าไม่ไปหรอกค่
ตอนที่ 8จากคนเพิ่งรู้จัก อเรนโซพกลูก ๆ และขวัญข้าวไปทุกที่ที่เขาต้องไปทำงานเพราะเขาไม่เชื่อใจใครทั้งนั้นในตอนนี้ งานที่เขาทำค้างไว้ต้องรีบทำให้เสร็จตามเวลาที่ชัยชาญได้ยื่นคำขาดไว้ก่อนจะกลับเมืองไทย “ฉันขอไปเดินเล่นข้างนอกบ้างได้ไหมตอนนี้ลูก ๆ หลับหมดแล้วไปแค่ใกล้ ๆ นี่แหละ ฉันสัญญาจะรีบกลับมาก่อนลูก ๆ ตื่นแน่นอน” ขวัญข้าวตั้งแต่เธอเดินทางมาที่อิตาลีเธอยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลยเพราะอเรนโซไม่ยอมให้เธอกับลูก ๆ ห่างกายและตัวเขาเองก็ไม่มีเวลามากพอที่จะพาเธอไปเที่ยวชมเมือง หญิงสาวจึงคิดว่า ไหน ๆ วันนี้เด็ก ๆ ก็นอนกลางวันกันหมดแล้ว เธอมองออกไปนอกหน้าต่างของบริษัทอยู่บ่อย ๆ จึงรู้ว่าด้านนอกของที่นี่ก็มีมุมให้ถ่ายรูปสวย ๆ มากมาย “มันอันตรายนะ คุณยังไม่รู้จักที่นี่มากพอรอผมว่างก่อนได้ไหมก่อนกลับไปเมืองไทยผมสัญญาจะพาคุณกับลูกไปเที่ยวแน่นอน” มาเฟียคนพื้นที่รู้ดีว่าที่นี่กฎหมายไม่ได้ป้องกันอันตรายได้จริงและสังคมของที่นี่ไม่ได้สวยงามเหมือนในสารคดีท่องเที่ยวที่คนทั่วไปเห็น เขาจึงเป็นห่วงและไม่อยากให้ภรรยาในนามอยู่ไกลจากตัวเขา “คุณส่งคนของคุณคอยต
ตอนที่ 9แลกด้วยชีวิตก็ยอม ลอร่าจับตัวขวัญข้าวไปที่ซ่องของเธอเพราะที่นั่นจะทำให้ผู้หญิงที่มาแย่งชายอันเป็นที่รักของเธอต้องตกนรกทั้งเป็น ซ่องไม่ใช่สิ่งที่ถูกกฎหมายของที่นี่แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมายที่ทางการสนใจขอเพียงแค่มีเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้และไม่สร้างปัญหาให้กับทางการต้องเดือดร้อนก็พอ “เธอเป็นใครแล้วที่นี่ที่ไหน” ขวัญข้าวเธอถามออกไปเป็นภาษาอังกฤษเพราะเธอพูดภาษาอิตาลีไม่ได้ “ฉันชื่อลอร่า เธอคงเคยได้ยินชื่อฉันแล้ว ในเมื่อรู้ว่าฉันเป็นใครคงไม่จำเป็นต้องอธิบายว่าเพราะอะไรฉันถึงต้องพาเธอมาที่ซ่องนี้” “ซ่อง ! ” ขวัญข้าวจากที่รู้สึกกลัวอยู่แล้วตอนนี้เธอยิ่งรู้สึกกลัวมากกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าที่เธออยู่ตอนนี้คือซ่องและมันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ถ้าเธอยังหนีจากที่นี่ไปไม่ได้ “คุณปล่อยฉันไปเถอะเพราะถึงไม่มีฉันอเรนโซก็ไม่แต่งงานกับคุณเพราะเขารักคุณเหมือนน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น คุณต้องเชื่อฉันนะ” หญิงสาวที่กำลังตัวสั่นด้วยความกลัวพยายามพูดอ้อนวอนแต่มันกลับทำให้อีกฝ่ายรู้สึกโกรธมากขึ้น ลอร่ามองหน้าภรรยาของชายอันเป็