ตอนที่ 7
เรือนหอสร้างเสร็จ
ตลอดเวลาสามวันที่เมธาวีกับอังกอร์เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ หญิงสาวสร้างความปวดหัวให้กับอิศราและชมเพลินเป็นอย่างมาก
ทั้งคู่จะต้องทะเลาะกันก่อนนอนทุกคืนด้วยเรื่องของแม่ลูกคู่นี้ และอิศราจะง้อภรรยาด้วยวิธีเดิมๆ ทุกที จนตอนนี้ชมเพลินเริ่มกลัวตัวเองจะพลาดท่าท้อง เพราะชายหนุ่มเล่นไม่หยุดเลยสักวัน
อิศราตัดสินใจเข้าไปคุยกับเมธาวีที่สวนหน้าบ้าน ในวันที่สี่ของการมาอยู่ที่นี่ เพราะพรุ่งนี้ผมดีเอ็นเออาจจะออกแล้ว
“เมย์พรุ่งนี้ผลอาจจะออกแล้ว ทั้งคุณทั้งผมต่างก็รู้ดี ว่าความจริงมันเป็นแบบไหน คุณยังจะฝืนอยู่ที่นี่เพื่ออะไร คุณพ่อของผมเขาฟ้องคุณจริง ๆ นะ”
หญิงสาวเอื้อมมือมาจับมือของชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามแต่อิศรารีบดึงมือออกทันที เพราะรู้สึกทั้งกลัวและรังเกลียดเพื่อนคนนี้ไปแล้ว
“เมย์รักอิศนะ อังกอร์ก็รักอิศเหมือนพ่อ พวกเราจะอยู่กันได้อย่างไรถ้าไม่มีอิศ”
“คุณต้องอยู่ให้ได้ เพราะผมต้องมีชีวิตของผม อังกอร์ยังคงเป็นหลานของผมเช่นเดิม อย่าทำให้เรื่องแย่ไปกว่านี้เลย ถ้าคุณถูกฟ้อง ต้องใช้เงินสู้คดี พ่อแม่คุณก็จะรู้เรื่องนี้ด้วย ลองคิดดูให้ดี ยังพอมีเวลาเหลือ”
ชายหนุ่มพูดทุกอย่างที่เขาอยากพูดแล้ว จึงรีบเดินออกมาเพราะไม่อยากให้ชมเพลินเข้าใจเขาผิดอีก ถึงแม้ตอนนี้อิศราจะยังไม่ยอมรับกับตัวเองว่ารักลูกสาวของแม่เลี้ยงเข้าแล้ว แต่เขาก็รู้สึกผิดเวลาทำให้เธอไม่สบายใจ จึงไม่อยากทำ
เช้าวันต่อมาไม่มีใครเห็นเมธาวีกับอังกอร์แล้ว แม่บ้านบอกว่าทั้งสองคนพากันหิ้วกระเป๋าออกไปตั้งแต่เช้ามืด
ผลดีเอ็นเอออกมาเร็ว เพราะคงศักดิ์ยอมจ่ายแพงเพื่อเร่งรัด และผลก็ออกมาอย่าที่อิศราบอกไว้ เขาไม่ใช่พ่อของเด็กผู้ชายคนนั้น
“เชื่อผมหรือยังล่ะ”
อิศราทำท่ากอดอกภูมิใจ ส่งยิ้มให้กับชมเพลิน ที่กำลังยิ้มด้วยความดีใจและโล่งใจเหมือนกับชายหนุ่ม
เรือนหอสร้างเสร็จเหลือแต่ตกแต่งภายในให้เรียบร้อย สาเหตุที่อิศราไม่ได้สนใจในการดูการสร้าง เพราะเขาได้คุยและตกลงเรื่องนี้กับเพื่อนที่เป็นเจ้าของบริษัทรับสร้างบ้านไว้เรียบร้อยแล้ว
“พรุ่งนี้ผมจะพาคุณไปซื้อของเข้าบ้านนะ แต่คงต้องขอเป็นช่วงค่ำ ๆ หน่อย งานที่บริษัทยังเรียนรู้ไปไม่ถึงไหนเลย”
ชายหนุ่มเดินคุยกับภรรยาระหว่างที่กำลังเดินดูภายในของเรือนหอที่สร้างเสร็จแล้ว
“คุณอิศ เราย้ายเข้ามาอยู่กันสองคน บ้านใหญ่แบบนี้คงเหงาน่าดูนะคะ”
หญิงสาวอยากทัดทานตั้งแต่เริ่มสร้างแล้ว ว่ามันดูใหญ่เกินไปแต่เธอไม่กล้ากลัวจะทำให้อีกฝ่ายไม่พอใจที่คิดตรงข้ามกับเขา
“ใช่มันใหญ่เกินไป สำหรับสองคน เธอก็รีบหาสมาชิกมาเพิ่ม จะได้ไหมเหงา”
ชายหนุ่มพูดและหันมามองภรรยาด้วยรอยยิ้มแบบเจ้าเล่ห์ เขาคงคิดว่าชมเพลินคงเข้าใจความหมายแต่เปล่าเลย เธอยังคงเดินไปคิดไป ว่าอิศราหมายถึงอะไรกัน
ทั้งสองคนเดินขึ้นไปที่ชั้นบนของบ้าน มีถึงสี่ห้องนอน แต่ละห้องก็ไม่ใช่เล็ก ๆ ยิ่งทำให้หญิงสาวยิ่งพยายามคิดว่าสมาชิกที่ ชายหนุ่มให้เขาหามาเพิ่มคืออะไร
“ห้องนอนเราอยู่ในสุดนะ ส่วนห้องที่อยู่ใกล้บันไดผมตั้งใจจะทำเป็นห้องแต่งตัว เสื้อผ้าผู้หญิงยิ่งมีเยอะอยู่ด้วย ผมไม่ชอบให้ในห้องนอนมีอะไรมากมาย และอีกสองห้องคุณก็รีบจัดสมาชิกเพิ่มมา”
อิศราเริ่มรู้แล้ว ว่าชมเพลินไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด จึงย้ำอีกหนึ่งรอบ แต่มันก็ไม่ได้ทำให้หญิงสาวคิดอะไรได้เพิ่มเลย
ชมเพลินคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกเลยตัดสินใจว่าถามตรง ๆ เลยดีกว่า
“คุณอิศหมายถึงอะไรคะที่ให้หาสมาชิกเพิ่ม เพลินไม่เข้าใจ แล้วเพลินก็ไม่รู้ว่าจะต้องไปหามาจากไหนด้วย”
“ผมไม่ได้ให้หา แต่ผมให้เราช่วยกันสร้าง ความจริงแล้วผมก็สร้างอยู่ทุกคืนนะ แต่ไม่รู้จะสำเร็จเมื่อไหร่”
อิศราพูดจบก็คว้าตัวชมเพลินมาทั้งกอดทั้งหอม เพราะอยู่ในบ้านกันแค่สองคนไม่จำเป็นต้องอายใคร
“ทะลึ่งใหญ่แล้วคุณอิศ”
ชมเพลินตีไปที่แขนของอิศราก้มหน้าหลบเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายหอมแก้มได้ถนัด
“คุณกินยาคุมกำเนิดหรือเปล่า”
อิศราจับไหล่ทั้งสองข้างของหญิงสาวให้หันหน้ามามองสบตากับเขาอย่างจริงจัง
“ไม่ได้กินค่ะ ทำไมคะหรือคุณอิศอยากให้เพลินกิน”
หญิงสาวถามอย่างที่คิดจริง ๆ เพราะเธอไม่รู้ด้วยซ้ำว่ายาคุมเขากินกันแบบไหนอย่างไร เลยเข้าใจว่าที่ถูกถามแบบนี้อาจเป็นเพราะคนถามกลัวเธอจะท้อง
“ดีแล้ว ถ้ากินจะได้ให้เลิก บ้านหลังตั้งใหญ่ เราต้องรีบมีลูกจะได้ไม่เหงา”
“แต่ถ้าเรามีลูกแล้วครบห้าปี คุณอิศหย่ากับเพลินแล้วลูกล่ะคะ อย่ามีเลยสงสารลูก”
ชมเพลินเธอคิดอยู่ตลอดเวลาว่าทุกวันนี้ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์สุดท้ายแล้ว ชายหนุ่มก็ต้องหย่ากับเธอเมื่อถึงเวลาตามกำหนด
อิศราบีบไหล่เล็กแน่นกว่าเดิม มองหน้าถอนหายใจยาว เหมือนกำลังรู้สึกไม่พอใจอะไรบางอย่างในตัวหญิงสาว
“เธออยากหย่ากับฉันรึ” ชายหนุ่มเน้นเสียง
“ทุกอย่างอยู่ที่คุณ เพลินเป็นผู้หญิงไม่เคยอยากได้ชื่อว่าเป็นหม้าย หรือมีสามีหลายคนหรอกค่ะ แต่คุณอิศเองนั่นแหละที่เป็นฝ่ายที่จะต้องการอิสระ”
ชมเพลินพยายามจะแกะมือทั้งสองขางที่บีบไหล่เธอไว้ แต่กลับถูกชายหนุ่มดึงตัวเธอและกดใบหน้าให้แนบลงกับอกเขา ลูบผมเธอเบา ๆ อย่างเอ็นดู
“ถึงผมจะเป็นผู้ชาย ผมก็ไม่อยากเป็นพ่อหม้าย แล้วก็ไม่อยากได้ชื่อว่ามีหลายเมียเหมือนกัน”
ชมเพลินได้ยินคำพูดแบบนี้ หญิงสาวอดยิ้มไม่ได้ เธอสวมกอดชายหนุ่มตอบด้วยความรู้สึกที่แสนอุ่นใจ
ความสุขที่กำลังมี ชมเพลินก็เก็บเกี่ยวมันไว้ในหัวใจให้ได้มากที่สุด แต่เธอก็ไม่เคยลืมตัว ยังคงรู้ตัวเองอยู่เสมอ ว่าเธอเป็นใคร และอาจมีสักวันที่ความสุขแบบนี้จะหายไปจากชีวิต หญิงสาวพยายามไม่ปล่อยหัวใจให้รักสามีจำเป็นของเธอมากเกินไปเพราะกลัวเวลาที่ต้องเสียใจ มันจะเจ็บหนัก
ตอนที่8ลองใจ เรือนหอตกแต่งเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนย้ายเข้าไปอยู่พร้อมกับทำบุญบ้านอย่างเป็นทางการ ชมเพลินมองบ้านหลังใหญ่ที่ตอนนี้มันกลายเป็นบ้านของเธอกับอิศราแล้วด้วยความรู้สึกดีใจ เธอกับเขาจดทะเบียนสมรสด้วยกันมาสามเดือนกว่าแล้ว ผ่านเรื่องวุ่นวาย ปวดหัวมาก็หลายเรื่อง ชมเพลินหวังว่าคงไม่มีเรื่องอะไรมาให้เธอต้องปวดหัวอีก “คืนนี้เราต้องฉลองห้องนอนใหม่กันสักหน่อย ผมคงต้องเอาจริงแล้ว สามเดือนกว่าแล้วยังไม่มีทีท่าว่าตัวน้อยจะมาเลย ป่านนี้คนเขาคงว่าผมไม่มีน้ำยาแน่ๆ” อิศราพูดจบก็ไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไป เขาจู่โจมบรรเลงบทรักเพื่อเพิ่มสมาชิกให้กับบ้านหลังใหญ่ทันที เช้านี้ชมเพลินต้องทำกับข้าวให้ตัวเองกับสามี แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเพราะปกติเธอก็ทำอยู่แล้ว ตอนที่อยู่บ้านหลังโน้น อิศราเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน พร้อมกับรอยยิ้มเมื่อได้กลิ่นอาหารที่ภรรยาทำ “แค่กลิ่น ผมก็หิวแล้ว ใกล้เสร็จหรือยังครับแม่ครัว” “นั่งรอที่โต๊ะเลยค่ะ อุ่นต้มอีกหน่อยก็พร้อมกินค่ะ” อิศรารักและคิดถึงแม่ของเขามาก เรื่องการทำอาหารก็เป็นส่วนหนึ่ง
ตอนที่9เมื่อเพื่อนไม่อยากเป็นเพื่อน ค่ำคืนที่แสนสับสนของชมเพลินและเป็นค่ำคืนที่แสนเจ็บปวดของอิศรา ชายหนุ่มนอนกอดหญิงสาวที่นอนนิ่งไม่พูดไม่จา เขาไม่คิดเลยว่าที่เขาคิดจะลองใจภรรยาจะทำให้เรื่องราวเลวร้ายไปแบบนี้ เพราะเรื่องก่อนหน้านี้ เธอก็ไม่เห็นจะมีอาการโกรธหรือไม่พอใจเขาเลย เช้านี้กับข้าวทุกอย่างถูกจัดวางไว้บนโต๊ะอาหารอย่างเรียบร้อย แต่ไร้เงาของชมเพลิน เธอออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า โดยที่ไม่ได้บอกใครแม้แต่รตีว่าเธอไปไหน “พ่อครับวันนี้ผมขอไม่ไปทำงานนะ ขออยู่บ้านง้อเมียหน่อยแต่ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าชมเพลินเขาออกไปไหน เขาบอกใครไว้มั่งหรือเปล่า” ชายหนุ่มเดินไปหาบิดาที่บ้านและพูดลอย ๆ เพื่อหวังให้ แม่เลี้ยงของเขาได้ยินและอาจจะบอกเขาว่าภรรยาของเขาไปไหน รตีเข้าใจว่าลูกเขยเธอต้องการอะไร แต่ในเมื่อเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน จึงได้แต่เดินเข้าไปในครัว ไม่สนใจขายหนุ่มที่กำลังหันมองตาม “ผู้หญิงถ้าเขาไม่รัก เขาก็จะไม่หึง แล้วถ้าเขาหึงจนถึงจุดอิ่มตัว เขาก็จะไปจากแกแล้วไม่กลับมา” คงศักดิ์ไม่ใช่พ่อประเภทเข้าข้างลูก เขาจึงพูดให
ตอนที่10คุณคือคนสำคัญ เช้าวันนี้รตีชวนลูกสาวออกไปเสริมสวยด้วย ทั้งที่ความจริงปกติแล้ว เธอก็ไปคนเดียวตลอด “ดูปล่อยเนื้อปล่อยตัว ที่คุณคงศักดิ์เขาไม่ให้ลูกไปทำงานแค่ไม่อยากให้ลูกต้องเหนื่อยกับการไปสู่รบกับผู้คนในสังคม เขาไม่ได้จะให้ลูกปล่อยเนื้อปล่อยตัวแบบนี้นะ” รตีมองหน้าลูกสาวที่นั่งรถข้าง ๆ เธอเพื่อไปยังร้านเสริมสวยที่เธอทำประจำ สองคนแม่ลูกใช้เวลาอยู่ในร้านเสริมสวยเกือบทั้งวัน เพราะทางร้านสั่งอาหารมาให้ “คุณแม่เพลินทำจะหมดทั้งตัวแล้วนะคะ กลับกันได้หรือยัง” หญิงสาวเริ่มกังวลว่าจะกลับไปไม่ทันทำกับข้าวมื้อให้สามีของเธอ “แม่ขอทำเล็บอีกครึ่งชั่วโมง รับรองกลับทันแน่นอน” สองคนแม่ลูกเดินออกจากร้าน รตีหันมามองหน้าลูกสาวของเธอ พอได้บำรุงนิดบำรุงหน่อยก็ดูสวยขึ้นเป็นกองเลย “จำคำแม่ไว้นะ การที่เรามีสามีต้องดูแลตัวเองอย่าคิดว่าเขาเลือกเราแล้ว จะไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะการที่เราปล่อยให้ตัวเองดูโทรมมันก็เท่ากับว่าเราดูแลตัวเองไม่เป็นแล้วเราจะไปดูแลคนอื่นได้อย่างไรกัน” รตีด้วยความเป็นแม่ เธออบรมสั่งสอนลูกสาวเรื่
ตอนที่11วิวาห์วุ่น นอกจากงานแต่งงานที่ต้องเตรียมกันอย่างเร่งด่วนแล้ว รตีต้องแยกตัวเองไปเฝ้าสามี ส่วนอิศราก็ต้องไปจัดการงานที่บริษัท หน้าที่เป็นแม่งานจึงตกเป็นของวรรษมน น้องสาวที่แสนน่ารักที่เต็มใจและเต็มที่กับการเตรียมงานให้พี่ชาย ทุกเย็นอิศราจะพาเจ้าสาวของเขาออกแจกการ์ดแขกต่าง ๆ โดยเลือกเฉพาะที่ใกล้ชิดและสนิทจริง ๆ เพราะโรงแรมที่เช่าสถานที่ไว้ รองรับแขกได้ไม่เกินสองร้อยคนเท่านั้น “เอ้า! มาไงล่ะเพื่อนได้ข่าวว่ากลับจากอังกฤษมาตั้งนานแล้ว ไม่เห็นมาแวะหากันบ้างเลย” โยธินเพื่อนสนิทที่สุดของอิศราเพราะทั้งคู่เรียนมัธยมด้วยกันและยังตามไปเรียนต่อที่อังกฤษด้วยกันอีก “ยุ่งหลายเรื่องว่ะ จริง ๆ มีเรื่องที่อยากจะคุยกับแกมากมายเลยไอ้โย” อิศราหยุดพูดทันที เมื่อภรรยาของโยธินเดินมาร่วมวงสนทนาด้วย พร้อมกับสาวใช้ที่นำขนมและเครื่องดื่มมาต้อนรับ “เพื่อนพี่โยคนนี้เข็มไม่ได้เจออีกเลยนะคะหลังจากงานแต่งงานของเรา” เข็มเธอเป็นลูกสาวผู้มีบารมีในบ้านเมืองที่พ่อของโยธินจับคลุมถุงชนให้ทันที หลังจากที่เขากลับมาจากอังกฤษ “พอกินเลี้ยงงาน
ตอนที่ 1นาทีของชีวิต อเรนโซมาเฟียหนุ่มลูกครึ่งอิตาลีไทยนั่งรถส่วนตัวจากบริษัทเล็ก ๆ ของครอบครัวที่เปิดสาขาในเมืองไทยจากสนามบินมายังโรงพยาบาลที่ตอนนี้มีคนที่เขารักกำลังจะจากเขาไป ภาพเก่าแห่งวันวานย้อนมาในความทรงจำ ความรักระหว่างมาเฟียหนุ่มกับหญิงสาวกำพร้าก่อตัวขึ้นเมื่อครั้งที่อเรนโซกลับมาดูแลบ้านและสาขาของบริษัทที่เมืองไทยเมื่อสี่ปีที่แล้ว เขาได้พบรักกับเบญญาหญิงสาวกำพร้าที่ทำงานเป็นเลขาในบริษัทนำเข้าอะไหล่รถยนต์ ทั้งคู่อยู่กินกันแบบลับ ๆ จนมีลูกด้วยกันสองคน คือเพชรกับทับทิม พอคิดขึ้นมาถึงลูก ๆ ทั้งสองคน อเรนโซพยายามเงยหน้าเพื่อไม่ให้น้ำตาที่แสนจะอ่อนแอไหลออกมาแต่สุดท้ายเขาก็พ่ายแพ้มัน การมาเมืองไทยครั้งนี้สำหรับอเรนโซมาเฟียที่มีเงินมากมายล้นฟ้ามันคือการมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัวเป็นครั้งสุดท้าย เบญญากำลังจะจากไปด้วยโรคมะเร็งที่เขาเองเพิ่งจะได้รู้ว่าเธอป่วยเมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาทุ่มเงินเพื่อยื้อชีวิตของภรรยาไว้และตั้งใจว่าเขากลับอิตาลีไปครั้งนี้เพื่อไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยและจะกลับมาดูแลภรรยาจนกว่าอาการของเธอจะดีขึ้นแต่สุดท้ายเขากลับต้
ตอนที่ 2คำขอสุดท้าย “เบญผมขอโทษ” คำพูดเดียวที่อเรนโซคิดได้ในเวลานี้ สายตาที่อ่อนแอมองสบตากับภรรยาที่เขาทอดทิ้งให้เธอต้องดูแลตัวเองและลูก ๆ มาโดยลำพังตลอด คนป่วยส่งยิ้มแบบฝืด ๆ ให้กับชายผู้ที่เป็นเจ้าของหัวใจเธอเพียงคนเดียว “คุณไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย เรื่องที่เบญป่วยมันเป็นเรื่องของร่างกายและคุณก็พยายามหาทางรักษาที่ดีที่สุดให้กับเบญแล้ว อย่าทำให้เบญไม่สบายใจที่เห็นคุณเศร้าแบบนี้สิคะ” สองมือซีดลูบหน้าสามีด้วยความเข้มแข็งที่มีเพียงน้อยนิดแต่เบญญาก็เลือกที่จะแสดงมันออกมาเพื่อให้ชายหนุ่มสบายใจขึ้นเพราะสิ่งที่เธอต้องการคือให้สามีเข้มแข็งเพื่อที่เขาจะต้องทำหน้าที่เป็นพ่อและดูแลลูก ๆ ทั้งสองคนต่อไปโดยที่ไม่มีเธอแล้ว “อเรนโซคุณสัญญาได้ไหมว่าถ้าเบญจากไปแล้วคุณจะไม่เอาลูก ๆ ไปอิตาลี เบญรู้ว่าคุณคงลำบากใจแต่คุณเข้าในใช่ไหมว่าที่นั่นไม่ได้ปลอดภัยและลูก ๆ ของเราก็ไม่เหมาะกับที่นั่น รับปากและสัญญากับเบญนะคะ” “ผมไม่ได้อยู่เมืองไทยแล้วลูก ๆ จะอยู่กับใคร ญาติพี่น้องทั้งของเบญและผมก็ไม่มี” ชายหนุ่มคิดไม่ออกว่าถ้าเขาไม่เอาลูก ๆ ไป
ตอนที่ 3เป็นภรรยาผมเถอะ อเรนโซเดินทางกลับจากเมืองไทยด้วยหัวใจที่บอบช้ำ เขาเพิ่งสูญเสียภรรยาและนี่พ่อก็โทรศัพท์มาบอกว่าแม่ของเขากำลังป่วยหนักอีก ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนชีวิตของเขากำลังอยู่ในช่วงที่เจอปัญหามากมายรุมเข้ามาถ้าไม่มีลูก ๆ อีกสองคนที่เขาต้องดูแล อเรนโซคิดว่าตัวเองคงสติหลุดไปมากกว่านี้แน่ ๆ “คุณพ่อ! คุณแม่! นี่มันอะไรกันครับ” ภาพมาร์โกและอมราที่นั่งรอลูกชายอยู่ที่ห้องรับแขกพร้อมกับหญิงสาวที่มาในชุดรัดรูปสีแดงที่รีบลุกขึ้นเดินตรงมาเกาะแขนของชายหนุ่มที่กำลังยืนมองทุกคนด้วยความแปลกใจในสิ่งที่เห็น ลอร่าใช้มือเล็กที่เกาะแขนอเรนโซพาตัวเขามานั่งลงข้าง ๆ เธอด้วยท่าทางที่ดูเหมือนคนกำลังมีความสุข “มาถึงเหนื่อย ๆ นั่งพักก่อนนะคะพี่เรน”หญิงสาวในชุดแดงรัดทุกส่วนของร่างกายอ้อนเสียงหวาน “ไหนคุณพ่อบอกว่าคุณแม่ไม่สบายแล้วนี่มันอะไรกันครับ” มาร์โกได้แต่หลบตาเมื่อถูกลูกชายถามด้วยน้ำเสียงและ แววตาที่ตำหนิและเสียใจกับการโกหกของผู้เป็นพ่อ อมราหญิงวัยใกล้หกสิบขยับตัวเพื่อทำหน้าที่ตอบแทนเพรา
ตอนที่ 4แผน การรอคอยที่ดูไร้ความหวังมันแสนจะทรมานแต่มันก็คือหนทางเดียวที่ดีที่สุดตอนนี้สำหรับชายหนุ่มที่ไม่อยากตัดสินใจผิดซ้ำซากอีกแล้ว อเรนโซคิดว่าคงไม่มีทางที่ขวัญข้าวจะยอมทำในสิ่งที่ เขาขอร้องแน่ ๆ เพราะภาพของเขาในสายตาของเธอมันช่างแสนเลวร้ายเหลือเกินและมันก็สมควรแล้วที่หญิงสาวจะรู้สึกกับเขาแบบนั้น มาเฟียหนุ่มนั่งดื่มอยู่ที่ระเบียงห้องนอนที่ใหญ่มากกว่าบ้านที่เขาซื้อให้กับเบญญาเสียอีก เรื่องราวเก่า ๆ ในความทรงจำ ย้อนเข้ามาในความคิดของคนที่เริ่มสติไม่อยู่ครบเพราะดื่มไป หลายแก้วแล้ว เสียงของขวัญข้าวที่โทรศัพท์หาเขาในวันที่เบญญาต้องเข้าผ่าตัดคลอดลูกชายคนโตโดยด่วนเพราะเธอล้มในห้องน้ำซึ่งตอนนั้นคนโทรมาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาคือใครรู้แค่เพียงเป็นสามีของลูกน้องเธอเพราะเบญไม่เคยบอกเล่ารายละเอียดของสามีให้ใครฟังตามที่สัญญาไว้ “คนอย่างคุณไม่ใช่แค่ไม่สมควรเป็นพ่อคนแต่คุณไม่ควรเกิดเป็นคนเลยด้วยซ้ำ” คำพูดของขวัญข้าวก่อนวางสายในวันนั้นยังดังอยู่ใน ความทรงจำของผู้ชายที่เลือกงานมากกว่าจะรีบเดินทางไปหาเม