ตอนที่8
ลองใจ
เรือนหอตกแต่งเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนย้ายเข้าไปอยู่พร้อมกับทำบุญบ้านอย่างเป็นทางการ ชมเพลินมองบ้านหลังใหญ่ที่ตอนนี้มันกลายเป็นบ้านของเธอกับอิศราแล้วด้วยความรู้สึกดีใจ เธอกับเขาจดทะเบียนสมรสด้วยกันมาสามเดือนกว่าแล้ว ผ่านเรื่องวุ่นวาย ปวดหัวมาก็หลายเรื่อง ชมเพลินหวังว่าคงไม่มีเรื่องอะไรมาให้เธอต้องปวดหัวอีก
“คืนนี้เราต้องฉลองห้องนอนใหม่กันสักหน่อย ผมคงต้องเอาจริงแล้ว สามเดือนกว่าแล้วยังไม่มีทีท่าว่าตัวน้อยจะมาเลย ป่านนี้คนเขาคงว่าผมไม่มีน้ำยาแน่ๆ”
อิศราพูดจบก็ไม่ปล่อยเวลาให้ผ่านไป เขาจู่โจมบรรเลงบทรักเพื่อเพิ่มสมาชิกให้กับบ้านหลังใหญ่ทันที
เช้านี้ชมเพลินต้องทำกับข้าวให้ตัวเองกับสามี แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องยากเพราะปกติเธอก็ทำอยู่แล้ว ตอนที่อยู่บ้านหลังโน้น
อิศราเดินลงมาจากชั้นสองของบ้าน พร้อมกับรอยยิ้มเมื่อได้กลิ่นอาหารที่ภรรยาทำ
“แค่กลิ่น ผมก็หิวแล้ว ใกล้เสร็จหรือยังครับแม่ครัว”
“นั่งรอที่โต๊ะเลยค่ะ อุ่นต้มอีกหน่อยก็พร้อมกินค่ะ”
อิศรารักและคิดถึงแม่ของเขามาก เรื่องการทำอาหารก็เป็นส่วนหนึ่ง ตั้งแต่เขาจำความได้ แม่ไม่เคยซื้อกับข้าวถุงเลย ท่านจะทำเองและตามใจทุกคนในบ้านสุด ๆ
“ขอบคุณนะ”
อยู่ดี ๆ ชายหนุ่มก็พูดขึ้นมา เมื่อชมเพลินเดินยกถ้วยต้มจืดมาตั้งบนตะ และนั่งลงเพื่อเตรียมกินอาหาร
“ขอบคุณเพลินเรื่องอะไรคะ” หญิงสาวสงสัย
“เพลิน คุณทำให้ผมรู้สึก เหมือนได้กลับมาอยู่กับแม่อีกครั้ง กลางคืนมีคนนอนด้วย ตื่นเช้ามาก็มีกับข้าวอร่อย ๆ กิน ผมมีความสุขที่สุดเลยคุณรู้ไหม”
หญิงสาวได้แต่พยักหน้าเพราะสำหรับเธอแล้ว ความสุขมันจะมากกว่านี้ ถ้าอิศรายอมมองมารดาเธอในแง่ดีบ้าง แต่ชมเพลินก็ได้แต่คิดไม่กล้าพูดออกไป เพราะตอนนี้บรรยากาศบนโต๊ะอาหารกำลังดี เธอกลัวถ้าพูดไปจะพากันหมดอารมณ์กินก็ได้
อิศราออกไปทำงานพร้อมกับคงศักดิ์แล้ว ชมเพลินจึงเดินไปหามารดาที่บ้านหลังเก่า
“เป็นอย่างไรบ้างลูก นอนบ้านใหม่หลับสบายดีไหม”
รตีกอดลูกสาวที่เธอรักสุดหัวใจ ทุกวันนี้ที่เธอยอมให้อิศรามองเธอไม่ดี ก็เพราะเพียงต้องการให้ลูกสาวได้มีชีวิตที่ดี ยิ่งตอนนี้ ชายหนุ่มดูรักลูกสาวเธอมาก เธอยิ่งหมดห่วง
“หลับสบายดีค่ะ แต่บ้านมันใหญ่ของก็ไม่ค่อยมี และอยู่กันสองคน มองไปทางไหนก็ดูเหงา”
ชมเพลินพูดตามความรู้สึก เธอคิดว่าคงต้องชวนสามีไปหาซื้อของมาตกแต่งบ้านเพิ่ม พวกโซฟา ตู้โชว์ เพื่อให้บ้านข้างล่างดูโล่งไป ได้มีของบ้าง
“คุณคะมีเพื่อนคุณอิศมาขอพบคุณอิศค่ะ เป็นผู้หญิง เธอบอกชื่อไอซ์” แม่บ้านรายงาน
“ไปเชิญเขาเข้ามาก่อน” รตีหันไปสั่ง
“แม่คะ คงไม่มีอะไรอีกใช่ไหม เพลินเหนื่อยแล้ว”
ทุกครั้งที่มีผู้หญิงมาหาชายหนุ่มที่บ้านจะตามมาด้วยเรื่องราวปวดหัวทุกครั้ง และครั้งนี้หญิงสาวก็คิดว่าน่าจะเหมือนเดิม
“สวัสดีค่ะ”
หญิสาวสวยที่ทั้งรตีและชมเพลินต่างคุ้นหน้า แต่จำไม่ได้ว่าเธอคือใครยกมือสวัสดี
“สวัสดีจ๊ะ เดี๋ยวนั่งก่อนนะ ตอนนี้คุณอิศราเขาไม่อยู่ไปทำงาน เดี๋ยวฉันจะลองติดต่อให้ แล้วจะให้บอกว่าใครมารอพบจ๊ะ”
รตียังไม่รู้ชื่อของแขกที่มาใหม่เลย จึงไม่รู้ว่าจะให้ชมเพลินโทรไปบอกว่าใครที่มาหา
“ฉันชื่อไอซ์ค่ะ คุ้นหน้ากันไหมคะ ไอซ์เป็นนักแสดงแต่ตอนนี้ก็ไม่ค่อยรับงานเท่าไหร่แล้วค่ะ”
เมื่อหญิงสาวแนะนำตัว สองคนแม่ลูกก็ถึงกับยิ้มเพราะจำได้แล้ว ว่าหญิงสาวตรงหน้า เคยเป็นอดีตนางเอกอยู่สักพักก่อนที่จะมีข่าวฉาวแล้วก็หายตัวไป
“ลูกโทรไปบอกคุณอิศนะ ว่าเขาจะให้เพื่อนไปหาที่บริษัทหรือจะอย่างไร”
ชมเพลินโทรศัพท์หาสามี น้ำเสียงปลายสายดูดีใจที่เพื่อนเก่าสมัยมัธยมมาหา และบอกให้ชมเพลินให้เบอร์โทรศัพท์ของเขาไป แล้วเขาจะคุยกันเอง
หญิงสาวทำตามทุกอย่างที่สามีบอก พอได้เบอร์โทรศัพท์ของอิศราแล้ว หญิงสาวก็ขอตัวกลับทันที
“คงไม่มีอะไรหรอกมั้งลูก ดูทำหน้าเข้า”
รตีก็กลัวเหมือนกันว่าจะเกิดเรื่องยุ่ง ๆ ขึ้น แต่ก็แกล้งพูดเพื่อให้ลูกสาวรู้สึกมีกำลังใจ ไม่คิดมาก
ชมเพลินเดินกลับบ้านไป เพราะได้เวลาต้องตากผ้าแล้ว หัวใจของเธอมันไม่รู้สึกมีความสุขเหมือนเมื่อเช้าเลยมันมีแต่ความหวาดระแวง
เย็นนั้นอิศราไม่ได้กลับมาพร้อมกับคงศักดิ์ เขาโทรศัพท์มาบอกกับชมเพลินว่าไม่ต้อวรอกินข้าว
หลังจากวันที่ผู้หญิงที่ชื่อไอซ์ได้เข้ามาในชีวิตของอิศรา เขาก็มีเวลาให้ชมเพลินน้อยลง แต่ก็ยังคงเร่งผลิตลูก จนทำให้หญิงสาวรู้สึกเหมือนตัวเองไม่ได้เป็นภรรยาแต่เป็นแม่พันธุ์ที่ต้องผลิตลูกมากกว่า
วรรษมนรู้เรื่องผู้หญิงที่ชื่อไอซ์และการกลับบ้านดึกของพี่ชายจากป้าแม่บ้านและพ่อของเธอ หญิงสาวจึงไปหาพี่สะใภ้ที่บ้านเพื่อให้เพลินได้พอหายเหงา
“ถ้าอยู่บ้านแล้วมันเบื่อ ก็ออกไปเที่ยว ดูหนัง เปิดหูเปิดตาข้างนอกบ้างก็ได้เพลิน”
“ มน เพลินไม่รู้จะไปไหน ”
“ก็ลองโทรชวนเพื่อน ๆ ดู พี่อิศยังมีเพื่อนได้ เพลินก็ต้องมีเพื่อนได้เหมือนกัน อย่าทำตัวเป็นของตาย เชื่อมน”
น้องสามีเตือนสติเธอแบบนี้ ชมเพลินจึงคิดได้ว่า ในเมื่อเขาไม่ทำหน้าที่สามีที่ดี เธอก็ไม่จำเป็นต้องทำหน้าที่ภรรยาที่ดีเหมือนกัน
ชมเพลินโทรศัพท์หาคชา เธอชวนเขาไปดูภาพยนตร์รอบหัวค่ำ กว่าจะจบก็ดึกแล้วจึงไปหาอะไรกินกันต่อ
“เพลินคุณไปไหนมา”
อิศรานั่งรอการกลับมาของภรรยาอยู่ที่หน้าบ้าน ด้วยอารมณ์ที่ครุกรุ่นเต็มที่เมื่อเห็นว่าคนที่มาส่งหญิงสาวคือผู้ชายที่ชื่อคชา
“ไปดูหนัง...กับ เพื่อน! มาค่ะ”
หญิงสาวย้ำคำว่าเพื่อน เพื่อหวังว่าชายหนุ่มที่กำลังโกรธจะรู้ตัวบ้างว่าที่เธอทำก็เหมือนที่เขาทำ
“ผมหิวข้าว”
เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังโดนย้อนศรชายหนุ่มจึงเปลี่ยนไปโมโหเรื่องอื่นแทน
“เพลินไม่ได้ทำกับข้าวค่ะ เพราะทำมาหลายวันแล้ว นั่งกินคนเดียวมันไม่อร่อย ก็เลยคิดว่าออกไปหาเพื่อนกินข้างนอกเหมือนอย่างที่คุณอิศทำ คงจะดีกว่า”
อิศรารู้ว่าตัวเองกำลังโมโหเต็มที่ เพราะชมเพลินไม่เคยพูดจาแบบนี้กับเขาเลย ด้วยกลัวว่าตัวเองจะเสียงดัง ชายหนุ่มจึงรีบดึงมือหญิงสาวให้เดินเข้าบ้านแล้วปิดประตูทันที
“ผมไม่ให้คุณไปกับมันอีก”
อิศราพูดเสียงแข็ง มือของเขาบีบแขนของชมเพลินจนแทบจะหัก
“ฉันก็ไม่ให้คุณไปกับมันเหมือนกัน”
ชมเพลินพูดสวนกลับ แต่เสียงของเธอไม่ได้แข็งกร้าวเหมือนอีกฝ่าย แต่มันคือเสียงของคนที่กำลังร้องไห้
“คุณอยากทำอะไรคุณก็ทำ ไม่เคยสนใจว่าฉันจะคิดหรือจะรู้สึกอะไร ฉันไม่ไหวแล้วคุณอิศ เพลินไม่ไหวแล้ว”
หญิงสาวล้มตัวลงไปนั่งกับพื้นทันที ที่ชายหนุ่มปล่อยมือที่บีบแขนเธออยู่
อิศราทำอะไรไม่ถูกเขาลงไปนั่งข้าง ๆ ภรรยาและกอดเธอไว้แน่น
“ผมขอโทษ ที่ผมทำไปทั้งหมด ผมแค่อยากรู้ว่าคุณรักผมไหม แต่ผมลืมไปว่าความรักมันใช้การลองใจกันแบบนี้ไม่ได้ เพลินผม ขอโทษนะ”
ไม่มีคำพูดใดออกจากปากของหญิงสาว เธอไม่เชื่อเขาอีกแล้ว เธอหมดความอดทนและอยากจบเรื่องทุกอย่างเสียที
ตอนที่9เมื่อเพื่อนไม่อยากเป็นเพื่อน ค่ำคืนที่แสนสับสนของชมเพลินและเป็นค่ำคืนที่แสนเจ็บปวดของอิศรา ชายหนุ่มนอนกอดหญิงสาวที่นอนนิ่งไม่พูดไม่จา เขาไม่คิดเลยว่าที่เขาคิดจะลองใจภรรยาจะทำให้เรื่องราวเลวร้ายไปแบบนี้ เพราะเรื่องก่อนหน้านี้ เธอก็ไม่เห็นจะมีอาการโกรธหรือไม่พอใจเขาเลย เช้านี้กับข้าวทุกอย่างถูกจัดวางไว้บนโต๊ะอาหารอย่างเรียบร้อย แต่ไร้เงาของชมเพลิน เธอออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า โดยที่ไม่ได้บอกใครแม้แต่รตีว่าเธอไปไหน “พ่อครับวันนี้ผมขอไม่ไปทำงานนะ ขออยู่บ้านง้อเมียหน่อยแต่ตอนนี้ผมไม่รู้ว่าชมเพลินเขาออกไปไหน เขาบอกใครไว้มั่งหรือเปล่า” ชายหนุ่มเดินไปหาบิดาที่บ้านและพูดลอย ๆ เพื่อหวังให้ แม่เลี้ยงของเขาได้ยินและอาจจะบอกเขาว่าภรรยาของเขาไปไหน รตีเข้าใจว่าลูกเขยเธอต้องการอะไร แต่ในเมื่อเธอเองก็ไม่รู้เหมือนกัน จึงได้แต่เดินเข้าไปในครัว ไม่สนใจขายหนุ่มที่กำลังหันมองตาม “ผู้หญิงถ้าเขาไม่รัก เขาก็จะไม่หึง แล้วถ้าเขาหึงจนถึงจุดอิ่มตัว เขาก็จะไปจากแกแล้วไม่กลับมา” คงศักดิ์ไม่ใช่พ่อประเภทเข้าข้างลูก เขาจึงพูดให
ตอนที่10คุณคือคนสำคัญ เช้าวันนี้รตีชวนลูกสาวออกไปเสริมสวยด้วย ทั้งที่ความจริงปกติแล้ว เธอก็ไปคนเดียวตลอด “ดูปล่อยเนื้อปล่อยตัว ที่คุณคงศักดิ์เขาไม่ให้ลูกไปทำงานแค่ไม่อยากให้ลูกต้องเหนื่อยกับการไปสู่รบกับผู้คนในสังคม เขาไม่ได้จะให้ลูกปล่อยเนื้อปล่อยตัวแบบนี้นะ” รตีมองหน้าลูกสาวที่นั่งรถข้าง ๆ เธอเพื่อไปยังร้านเสริมสวยที่เธอทำประจำ สองคนแม่ลูกใช้เวลาอยู่ในร้านเสริมสวยเกือบทั้งวัน เพราะทางร้านสั่งอาหารมาให้ “คุณแม่เพลินทำจะหมดทั้งตัวแล้วนะคะ กลับกันได้หรือยัง” หญิงสาวเริ่มกังวลว่าจะกลับไปไม่ทันทำกับข้าวมื้อให้สามีของเธอ “แม่ขอทำเล็บอีกครึ่งชั่วโมง รับรองกลับทันแน่นอน” สองคนแม่ลูกเดินออกจากร้าน รตีหันมามองหน้าลูกสาวของเธอ พอได้บำรุงนิดบำรุงหน่อยก็ดูสวยขึ้นเป็นกองเลย “จำคำแม่ไว้นะ การที่เรามีสามีต้องดูแลตัวเองอย่าคิดว่าเขาเลือกเราแล้ว จะไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะการที่เราปล่อยให้ตัวเองดูโทรมมันก็เท่ากับว่าเราดูแลตัวเองไม่เป็นแล้วเราจะไปดูแลคนอื่นได้อย่างไรกัน” รตีด้วยความเป็นแม่ เธออบรมสั่งสอนลูกสาวเรื่
ตอนที่11วิวาห์วุ่น นอกจากงานแต่งงานที่ต้องเตรียมกันอย่างเร่งด่วนแล้ว รตีต้องแยกตัวเองไปเฝ้าสามี ส่วนอิศราก็ต้องไปจัดการงานที่บริษัท หน้าที่เป็นแม่งานจึงตกเป็นของวรรษมน น้องสาวที่แสนน่ารักที่เต็มใจและเต็มที่กับการเตรียมงานให้พี่ชาย ทุกเย็นอิศราจะพาเจ้าสาวของเขาออกแจกการ์ดแขกต่าง ๆ โดยเลือกเฉพาะที่ใกล้ชิดและสนิทจริง ๆ เพราะโรงแรมที่เช่าสถานที่ไว้ รองรับแขกได้ไม่เกินสองร้อยคนเท่านั้น “เอ้า! มาไงล่ะเพื่อนได้ข่าวว่ากลับจากอังกฤษมาตั้งนานแล้ว ไม่เห็นมาแวะหากันบ้างเลย” โยธินเพื่อนสนิทที่สุดของอิศราเพราะทั้งคู่เรียนมัธยมด้วยกันและยังตามไปเรียนต่อที่อังกฤษด้วยกันอีก “ยุ่งหลายเรื่องว่ะ จริง ๆ มีเรื่องที่อยากจะคุยกับแกมากมายเลยไอ้โย” อิศราหยุดพูดทันที เมื่อภรรยาของโยธินเดินมาร่วมวงสนทนาด้วย พร้อมกับสาวใช้ที่นำขนมและเครื่องดื่มมาต้อนรับ “เพื่อนพี่โยคนนี้เข็มไม่ได้เจออีกเลยนะคะหลังจากงานแต่งงานของเรา” เข็มเธอเป็นลูกสาวผู้มีบารมีในบ้านเมืองที่พ่อของโยธินจับคลุมถุงชนให้ทันที หลังจากที่เขากลับมาจากอังกฤษ “พอกินเลี้ยงงาน
ตอนที่ 1นาทีของชีวิต อเรนโซมาเฟียหนุ่มลูกครึ่งอิตาลีไทยนั่งรถส่วนตัวจากบริษัทเล็ก ๆ ของครอบครัวที่เปิดสาขาในเมืองไทยจากสนามบินมายังโรงพยาบาลที่ตอนนี้มีคนที่เขารักกำลังจะจากเขาไป ภาพเก่าแห่งวันวานย้อนมาในความทรงจำ ความรักระหว่างมาเฟียหนุ่มกับหญิงสาวกำพร้าก่อตัวขึ้นเมื่อครั้งที่อเรนโซกลับมาดูแลบ้านและสาขาของบริษัทที่เมืองไทยเมื่อสี่ปีที่แล้ว เขาได้พบรักกับเบญญาหญิงสาวกำพร้าที่ทำงานเป็นเลขาในบริษัทนำเข้าอะไหล่รถยนต์ ทั้งคู่อยู่กินกันแบบลับ ๆ จนมีลูกด้วยกันสองคน คือเพชรกับทับทิม พอคิดขึ้นมาถึงลูก ๆ ทั้งสองคน อเรนโซพยายามเงยหน้าเพื่อไม่ให้น้ำตาที่แสนจะอ่อนแอไหลออกมาแต่สุดท้ายเขาก็พ่ายแพ้มัน การมาเมืองไทยครั้งนี้สำหรับอเรนโซมาเฟียที่มีเงินมากมายล้นฟ้ามันคือการมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากันทั้งครอบครัวเป็นครั้งสุดท้าย เบญญากำลังจะจากไปด้วยโรคมะเร็งที่เขาเองเพิ่งจะได้รู้ว่าเธอป่วยเมื่อหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เขาทุ่มเงินเพื่อยื้อชีวิตของภรรยาไว้และตั้งใจว่าเขากลับอิตาลีไปครั้งนี้เพื่อไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยและจะกลับมาดูแลภรรยาจนกว่าอาการของเธอจะดีขึ้นแต่สุดท้ายเขากลับต้
ตอนที่ 2คำขอสุดท้าย “เบญผมขอโทษ” คำพูดเดียวที่อเรนโซคิดได้ในเวลานี้ สายตาที่อ่อนแอมองสบตากับภรรยาที่เขาทอดทิ้งให้เธอต้องดูแลตัวเองและลูก ๆ มาโดยลำพังตลอด คนป่วยส่งยิ้มแบบฝืด ๆ ให้กับชายผู้ที่เป็นเจ้าของหัวใจเธอเพียงคนเดียว “คุณไม่ได้ทำอะไรผิดเสียหน่อย เรื่องที่เบญป่วยมันเป็นเรื่องของร่างกายและคุณก็พยายามหาทางรักษาที่ดีที่สุดให้กับเบญแล้ว อย่าทำให้เบญไม่สบายใจที่เห็นคุณเศร้าแบบนี้สิคะ” สองมือซีดลูบหน้าสามีด้วยความเข้มแข็งที่มีเพียงน้อยนิดแต่เบญญาก็เลือกที่จะแสดงมันออกมาเพื่อให้ชายหนุ่มสบายใจขึ้นเพราะสิ่งที่เธอต้องการคือให้สามีเข้มแข็งเพื่อที่เขาจะต้องทำหน้าที่เป็นพ่อและดูแลลูก ๆ ทั้งสองคนต่อไปโดยที่ไม่มีเธอแล้ว “อเรนโซคุณสัญญาได้ไหมว่าถ้าเบญจากไปแล้วคุณจะไม่เอาลูก ๆ ไปอิตาลี เบญรู้ว่าคุณคงลำบากใจแต่คุณเข้าในใช่ไหมว่าที่นั่นไม่ได้ปลอดภัยและลูก ๆ ของเราก็ไม่เหมาะกับที่นั่น รับปากและสัญญากับเบญนะคะ” “ผมไม่ได้อยู่เมืองไทยแล้วลูก ๆ จะอยู่กับใคร ญาติพี่น้องทั้งของเบญและผมก็ไม่มี” ชายหนุ่มคิดไม่ออกว่าถ้าเขาไม่เอาลูก ๆ ไป
ตอนที่ 3เป็นภรรยาผมเถอะ อเรนโซเดินทางกลับจากเมืองไทยด้วยหัวใจที่บอบช้ำ เขาเพิ่งสูญเสียภรรยาและนี่พ่อก็โทรศัพท์มาบอกว่าแม่ของเขากำลังป่วยหนักอีก ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนชีวิตของเขากำลังอยู่ในช่วงที่เจอปัญหามากมายรุมเข้ามาถ้าไม่มีลูก ๆ อีกสองคนที่เขาต้องดูแล อเรนโซคิดว่าตัวเองคงสติหลุดไปมากกว่านี้แน่ ๆ “คุณพ่อ! คุณแม่! นี่มันอะไรกันครับ” ภาพมาร์โกและอมราที่นั่งรอลูกชายอยู่ที่ห้องรับแขกพร้อมกับหญิงสาวที่มาในชุดรัดรูปสีแดงที่รีบลุกขึ้นเดินตรงมาเกาะแขนของชายหนุ่มที่กำลังยืนมองทุกคนด้วยความแปลกใจในสิ่งที่เห็น ลอร่าใช้มือเล็กที่เกาะแขนอเรนโซพาตัวเขามานั่งลงข้าง ๆ เธอด้วยท่าทางที่ดูเหมือนคนกำลังมีความสุข “มาถึงเหนื่อย ๆ นั่งพักก่อนนะคะพี่เรน”หญิงสาวในชุดแดงรัดทุกส่วนของร่างกายอ้อนเสียงหวาน “ไหนคุณพ่อบอกว่าคุณแม่ไม่สบายแล้วนี่มันอะไรกันครับ” มาร์โกได้แต่หลบตาเมื่อถูกลูกชายถามด้วยน้ำเสียงและ แววตาที่ตำหนิและเสียใจกับการโกหกของผู้เป็นพ่อ อมราหญิงวัยใกล้หกสิบขยับตัวเพื่อทำหน้าที่ตอบแทนเพรา
ตอนที่ 4แผน การรอคอยที่ดูไร้ความหวังมันแสนจะทรมานแต่มันก็คือหนทางเดียวที่ดีที่สุดตอนนี้สำหรับชายหนุ่มที่ไม่อยากตัดสินใจผิดซ้ำซากอีกแล้ว อเรนโซคิดว่าคงไม่มีทางที่ขวัญข้าวจะยอมทำในสิ่งที่ เขาขอร้องแน่ ๆ เพราะภาพของเขาในสายตาของเธอมันช่างแสนเลวร้ายเหลือเกินและมันก็สมควรแล้วที่หญิงสาวจะรู้สึกกับเขาแบบนั้น มาเฟียหนุ่มนั่งดื่มอยู่ที่ระเบียงห้องนอนที่ใหญ่มากกว่าบ้านที่เขาซื้อให้กับเบญญาเสียอีก เรื่องราวเก่า ๆ ในความทรงจำ ย้อนเข้ามาในความคิดของคนที่เริ่มสติไม่อยู่ครบเพราะดื่มไป หลายแก้วแล้ว เสียงของขวัญข้าวที่โทรศัพท์หาเขาในวันที่เบญญาต้องเข้าผ่าตัดคลอดลูกชายคนโตโดยด่วนเพราะเธอล้มในห้องน้ำซึ่งตอนนั้นคนโทรมาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาคือใครรู้แค่เพียงเป็นสามีของลูกน้องเธอเพราะเบญไม่เคยบอกเล่ารายละเอียดของสามีให้ใครฟังตามที่สัญญาไว้ “คนอย่างคุณไม่ใช่แค่ไม่สมควรเป็นพ่อคนแต่คุณไม่ควรเกิดเป็นคนเลยด้วยซ้ำ” คำพูดของขวัญข้าวก่อนวางสายในวันนั้นยังดังอยู่ใน ความทรงจำของผู้ชายที่เลือกงานมากกว่าจะรีบเดินทางไปหาเม
ตอนที่ 5เผชิญหน้า อเรนโซเดินทางไปหาขวัญข้าวที่บ้านของเธอทันทีที่ถึงเมืองไทยเพราะตอนนี้เวลาที่เขาเหลืออยู่มีไม่มาก ขวัญข้าวเตรียมทุกอย่างให้กับตัวเธอและเด็ก ๆ ทั้งสองเพื่อพร้อมต่อการเดินทางแต่สิ่งที่ทำให้ทั้งขวัญข้าวและอเรนโซถึงกลับตกใจก็คือภาพของชัยชาญที่เดินลงจากบ้านมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางขนาดใหญ่ “คุณพ่อคะ คือ...คุณพ่อจะไปกับข้าวและเด็กหรือคะ” หญิงสาวถามด้วยความตกใจเพราะเธอกับบิดาคุยเรื่องนี้กันเกือบ ทั้งคืนแต่ชัยชาญไม่ยอมบอกเธอเลยว่าจะตามไปที่อิตาลีด้วย “ใช่ มีปัญหาอะไรกันไหม” อเรนโซรีบยืนยกมือไหว้ตามมารยาทของคนไทยเพราะตั้งแต่เขามาถึงเขายังไม่ได้เจอพ่อของขวัญข้าวเลยและจริง ๆ แล้วชายหนุ่มเคยเจอ ชัยชาญแค่เพียงช่วงงานศพของเบญญาเท่านั้น “ผมไม่มีปัญหาครับและยินดีที่คุณพ่อจะเดินทางไปกลับพวกเรา” การเดินทางครั้งนี้ไม่ได้มีแค่ชัยชาญ ขวัญข้าว อเรนโซและเด็ก ๆแต่ชัยชาญได้เอาคนของเขาไปด้วยหลายคนทั้งที่ไปแบบเปิดตัวและติดตามไปโดยที่อเรนโซไม่รู้ตัวเพราะสำหรับนักธุรกิจที่อายุมากและมากประสบการณ์อย่างชัยชาญเขารู้ดีว่าที่