“ดิเอโก! นี่คุณ!” สุพิชญาอุทานขานนามชายหนุ่มที่เธอรู้จักเพียงชื่อเขาอย่างตื่นตะลึง ดวงตาคู่งามเบิกกว้างจ้องมองเจ้าพ่อใหญ่อย่างไม่อยากเชื่อในคำพูดนั้น
“ผมชื่อ ดิเอโก เค เวนนิส เจ้าพ่อบ่อนคาสิโนที่ใครๆ ก็ยอมสยบแทบเท้า ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธผม จำไว้!” ดิเอโกเหยียดยิ้มอย่างเย้ยหยัน เขาไม่จำเป็นต้องต่อล้อต่อเถียงหรือพะเน้าพะนอเอาใจใคร ในเมื่ออะไรที่เขาต้องการเขาต้องได้เสมอ
เธอไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่เขาขึ้นเตียงด้วย แม้จะติดใจในรสสวาท แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องสยบแทบเท้าและปล่อยให้เธอแผลงฤทธิ์ใส่เขาอย่างไม่กลัวเกรง
สุพิชญายิ่งตะลึงหนักขึ้นเมื่ออีกฝ่ายแนะนำตัวเองเสียเต็มยศ คำว่า ‘เจ้าพ่อบ่อนคาสิโน’ กระตุกใจดวงน้อยได้ดีทีเดียว แต่ทว่าคนอย่างสุพิชญาหรือจะยอมลงให้ใครง่ายๆ หากเธอถูกระรานเธอก็จะต่อต้านสุดฤทธิ์เช่นกัน
“คุณไม่กล้าแน่ดิเอโก ฉันไม่ใช่คนจรจัดที่คุณจะจับมัดมือขายทอดตลาดอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย หากฉันหายไป คนที่บ้านฉันเขาต้องแจ้งความและตามหา อีกไม่นานคุณก็จะถูกตำรวจจับแน่นอน”
เมื่อเอ่ยวาจาท้าทายไปแล้วหญิงสาวก็ต้องกล้ำกลืนก้อนแข็งๆ ที่แล่นขึ้นมาจุกแน่นตรงลำคอ ความจริงที่เธอรู้ดี ไม่มีใครที่เธออ้างถึงต้องการเธอสักนิด เธอเป็นเพียงส่วนเกินในบ้านหลังนั้น บ้านที่เธอก่อกำเนิดเกิดมา
“คุณท้าทายผมเองนะยาหยี แล้วจะหาว่าผมไม่เตือน” ดิเอโกขบกรามแน่นเมื่อได้ฟังวาจาแสนท้าทายนั่น ไม่ว่าใครหน้าไหนก็ไม่กล้าท้าทายเขาเช่นนี้ หรือหากมี ก็ถูกเขากำราบจนสิ้นฤทธิ์และไม่คิดต่อกรกับเขาอีกต่อไป
“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน คุณรนหาที่เองนะ ยาหยี!” เจ้าพ่อใหญ่ผลักร่างบอบบางออกห่างทันทีด้วยแรงอารมณ์ สุพิชญาถึงกับล้มกลิ้งไปบนเตียงกว้างด้วยไม่ทันระวังตัว และไม่ทันที่หญิงสาวจะได้โต้ตอบใดๆ เจ้าของเสียงทุ้มห้าวทรงพลังอำนาจก็กดอินเตอร์คอมตรงหัวเตียงแล้วสั่งการบอดี้การ์ดสาวทันที
“เฮเลน! ส่งคนมาพาผู้หญิงในห้องฉันไปแต่งตัวแล้วขังไว้ คืนนี้เตรียมส่งเข้าประมูลที่เดอะไนท์ได้เลย”
“ดิเอโก... คุณ!” สุพิชญามองคนตัวโตด้วยความตระหนกตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน หญิงสาวหน้าซีดปากสั่น ดวงตาคู่งามไหวระริกด้วยไม่คิดว่าเขาจะหาญกล้าทำกับเธอเช่นนี้
“เสียใจด้วยนะยาหยี ถ้าจะเปลี่ยนใจตอนนี้มันสายไปแล้ว” ดิเอโกกระตุกยิ้มที่มุมปากราวกำลังเหยียดหยันเมื่อเห็นคนปากกล้าถือดีสั่นระริกไปทั้งกายราวลูกนกหลงฝูง ดวงตาคู่สีสนิมฉายแววสมเพชยามเจ้าของส่ายหน้าอย่างดูแคลน ในเมื่อกล้าท้าทาย เขาก็จะตอบแทนให้สาสม
สุพิชญากระถดกายถอยหนีทันทีที่ประตูห้องเปิดออกพร้อมการปรากฎกายของสตรีในชุดดำดูทะมัดทะแมงแข็งแกร่งดุจชายชาตรี หญิงสาวพยายามมองหาหนทางหลบหนีแต่ทว่าหญิงชุดดำเหล่านั้นดูจะเคลื่อนไหวรวดเร็วเสียจนเธอแทบไม่ทันตั้งตัว เพราะเพียงชั่วพริบตาสตรีเหล่านั้นก็เข้ามารายล้อมรอบเตียงจนสุพิชญาไม่อาจถอยหนีไปไหนได้
“ปล่อยฉันนะ! ปล่อย! ดิเอโกคุณทำกับฉันอย่างนี้ไม่ได้นะ กรี๊ดดด… อุ๊บ!” เสียงหวานขาดหายไปเมื่อถูกผืนผ้าโปะเข้าครึ่งปากครึ่งจมูก สุพิชญาดิ้นรนขัดขืนเมื่อสัมผัสถึงความเย็นชื้นบนผืนผ้า หญิงสาวพยายามกลั้นหายใจไม่สูดดมกลิ่นหอมเย็นนั้นเข้าไป แต่ด้วยเผลอสูดเข้าไปเต็มๆ เมื่อครั้งแรกก็ทำให้สติค่อยๆ ลางเลือนก่อนดับวูบไป ท้ายสุดของสายตาหญิงสาวมองเห็นดวงตาคู่สีสนิมจับจ้องมองมาด้วยสายตาวาววับดูน่ากลัว
******************************************************
“ดิเอโกครับ... ข้อมูลของผู้หญิงคนนั้นครับ” เควินรายงานพร้อมยื่นแทปเล็ตซึ่งมีข้อมูลของหญิงสาวที่เขาพามาผิดฝาผิดตัวให้เจ้านายหนุ่ม
“เร็วดีนี่!” ดิเอโกยกยิ้มอย่างถูกใจในการทำงานที่แสนรวดเร็วของลูกน้องคนสนิท เจ้าพ่อหนุ่มยื่นมือไปรับแทปเล็ตมาเลื่อนดูข้อมูลของหญิงสาว คิ้วเข้มเลิกสูงขึ้นอย่างตะลึงชั่วขณะ หัวใจแกร่งเต้นตึกตักอย่างไม่อาจหักห้ามได้
“นางสาวสุพิชญา นาฏดิลก ชื่อเล่นพิชชา อายุยี่สิบสี่ปี ปัจจุบันทำงานเป็นพยาบาลอยู่ที่โรงพยาบาลเอกชนในกรุงเทพฯ ประเทศไทย พ่อแม่ตายตั้งแต่ยังเด็ก มีพี่สาวหนึ่งคน อายุยี่สิบหกปี เพิ่งแต่งงานไปเมื่อวานนี้”
“ผมสืบดูหมดแล้วครับ พิชชา เอ่อ...คุณสุพิชญาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับพวกไหนเลยครับดิเอโก” เควินรายงานข้อมูลเพิ่มเติมให้เจ้าพ่อใหญ่ได้รับรู้ ดวงตาคู่สีน้ำทะเลลอบสังเกตปฏิกิริยาเมื่อเห็นเจ้านายหนุ่มมีทีท่าสนใจหญิงสาว
“งั้นเหรอ!” ดิเอโกกระตุกยิ้มที่มุมปาก ดวงตาสีสนิมคู่นั้นนิ่งสนิทยากที่จะคาดเดาว่ากำลังรู้สึกนึกคิดเช่นใด
“ขอบใจนะ นายไปได้แล้วล่ะ” เจ้าพ่อใหญ่เพียงแค่ยื่นแทปเล็ตเครื่องนั้นคืนบอดี้การ์ดหนุ่มพร้อมเอ่ยปากอนุญาตให้เขาออกไปจากห้องพักนั้น
เควินจำต้องยื่นมือไปรับแทปเล็ตกลับคืนมา แต่ทว่าในใจกำลังครุ่นคิดกังวลถึงหญิงสาวที่เขาพามา บอดี้การ์ดหนุ่มรู้สึกผิดที่ทำให้ชีวิตของผู้หญิงคนหนึ่งเปลี่ยนแปลงไปชั่วพริบตาโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้เรื่องใดๆ เลยสักนิด ยิ่งคิดถึงการประมูลที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้านี้ เขายิ่งร้อนรุ่มใจจนไม่อาจเก็บงำความในใจเอาไว้ได้
“ดิเอโกครับ! ดิเอโกจะส่งคุณพิชชาไปประมูลจริงๆ เหรอครับ” บอดี้การ์ดหนุ่มตัดสินใจถามออกไปแทนการถอยหลังกลับออกจากห้องทันทีที่มีคำสั่ง
ดิเอโกเลิกคิ้วมองลูกน้องคนสนิทอย่างสงสัย เจ้าพ่อใหญ่ไม่ถือโทษโกรธที่บอดี้การ์ดผู้รู้ใจถามไถ่ เพราะเขาให้สิทธิ์เควินได้อภิสิทธิ์เหนือใครที่สามารถถกประเด็นกับเขาได้ทันทีหากไม่เห็นด้วย
เควินหลุบตาต่ำหลบสายตาคมกล้าที่จับจ้องมองมา บอดี้การ์ดหนุ่มยืนนิ่งสงบรอฟังคำตอบ แล้วหัวใจแกร่งก็แทบหยุดเต้นเมื่อได้ฟังถ้อยคำที่ออกจากปากเจ้าพ่อใหญ่อย่างไม่ลังเล
“ก็ใช่น่ะสิ นายถามทำไม”
“ผมก็แค่สงสารเธอ” เควินหลุดปากออกไปก็ก้มหน้านิ่งสงบอีกครั้ง บอดี้การ์ดคนเก่งครุ่นคิดอย่างหนักที่จะหาประเด็นทัดทานดิเอโก เพราะเขารู้ดีว่างานนี้มันเป็นความไม่พอใจส่วนตัวหาได้มีเรื่องอื่นใดมาเกี่ยวข้อง
“นายกำลังไม่เห็นด้วยกับฉันนะเควิน” ดิเอโกเอ่ยด้วยน้ำเสียงและสีหน้านิ่งเรียบอย่างยากจะคาดเดาความรู้สึกได้ แต่เควินไม่ละความพยายาม บอดี้การ์ดหนุ่มยังคงเดินหน้าโต้แย้งต่อไป
“แต่ว่าดิเอโกครับ”
“ฉันยืนยันคำสั่งเดิม พิชชาจะต้องถูกส่งเข้าประมูลไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ ” ดิเอโกเอ่ยขัดขึ้นด้วยวาจากร้าวกังวานก่อนที่บอดี้การ์ดหนุ่มจะทันได้เอ่ยจนจบ ดวงตาคู่สีสนิมจับจ้องดวงตาคู่สีน้ำทะเลนิ่งไม่ไหวติงจนเควินต้องเก็บงำคำพูดไว้ด้วยรู้ดีว่าเจ้าพ่อใหญ่ต้องการยุติการสนทนาเพียงเท่านี้
“ครับดิเอโก” เควินโค้งคำนับรับคำสั่งอย่างจำใจ บอดี้การ์ดคนเก่งถอยหลังกลับออกไปด้วยความอึดอัด เขารู้ดีว่าชีวิตของผู้หญิงที่ชื่อสุพิชญาจะไม่มีวันเป็นอิสระอีกต่อไป เธอจะกลายเป็นของเล่นแสนสวยที่ถูกขายทอดต่อไปและต่อไปไม่มีสิ้นสุด
ผมจะช่วยคุณได้ยังไงพิชชา ผมคงไม่มีปัญญาประมูลคุณด้วยเม็ดเงินราคาแพงเหมือนเศรษฐีพวกนั้นแน่นอน ผมขอโทษ!
ใบหน้าหล่อเหลาของบอดี้การ์ดหนุ่มหมองเศร้ายามพร่ำรำพันขอโทษใครอีกคนที่นอนสลบไสลอยู่บนเตียงกว้างด้วยฤทธิ์ยาสลบในห้องที่มีบอดี้การ์ดสาวเฝ้าอย่างหนาแน่น รอเวลาพาตัวเข้าสู่ลานประมูลที่อีกไม่กี่อึดใจก็จะได้เวลาเริ่มขึ้น
ทางเดินด้านหน้าเป็นถนนเส้นยาวที่ไกลสุดหูสุดตาไม่อาจคาดเดาได้ว่าปลายทางไปบรรจบลงตรงที่ใด สองข้างทางถูกปกคลุมไปด้วยม่านหมอกสีขาวจางที่พอรวมตัวกันทำให้มองรอบข้างได้ไม่ชัดเจนนัก หญิงสาวพยายามเพ่งมองไปข้างหน้าตามเส้นทางที่พอมองเห็นเลือนลาง เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้เธอกำลังอยู่ที่ใดแล้วใครๆ หายไปไหนกันหมด หญิงสาวพยายามเปล่งเสียงเพื่อตะโกนเรียกหาใครสักคนแต่กลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา สุพิชญารู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาในใจลึกๆ พลันสายตาก็เริ่มมองเห็นใครคนหนึ่งเดินอยู่ด้านหน้าไม่ไกลนัก หญิงสาวพยายามวิ่งตามแต่ไม่รู้เรี่ยวแรงหายไปไหน ภาพเบื้องหน้าค่อยๆ ไกลออกไปแต่กลับยิ่งชัดเจนในดวงตาคู่งาม‘พี่ติ’สุพิชญาส่งเสียงเรียกชายหนุ่มตรงหน้าแผ่วเบาแต่เหมือนเขาจะได้ยินเสียงเรียกนั้น เขาหันกลับมามองเธอ ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน คล้ายกับว่าเขากำลังพูดอะไรสักอย่างกับเธอ หญิงสาวพยายามตั้งใจฟัง เสียงที่ลอยมาแผ่วเบาแต่เธอรู้สึกเหมือนมันดังก้องอยู่ในหัว‘พิชชา... พี่รักเธอ’ได้ยินเท่านั้นพลันสุพิชญาก็รู้สึกราวถูกตีอย่างแรงที่หัว ความรู้สึกหมุนคว้างดังกำลังตกจากที่สูง แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป เธอก็รู้สึกสะดุ้งสุดตัวแกร๊
เสียงปรบมือกับเสียงโห่ร้องดังกึกก้องกังวานจนสุพิชญารู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งใจ ยามนี้หญิงสาวรู้สึกดวงตาทั้งสองข้างพร่ามัวไปด้วยธารน้ำตาที่เอ่อล้นจนแทบจะไหลริน มือน้อยขย้ำผ้าปูแสนสวยแน่นเมื่อตระหนักถึงชะตากรรมที่กำลังเผชิญ เวรกรรมใดหนอถึงนำพาให้เธอต้องเจอแต่ความเจ็บแค้นแสนสาหัสเช่นนี้“เชิญครับคุณผู้หญิง” เสียงทุ้มกังวานของบุรุษเพศเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อมฉุดดึงให้สุพิชญาหลุดออกจากห้วงความคิด หญิงสาวรีบกระพริบเปลือกตาขับไล่น้ำตาแห่งความรันทดให้ไหลคืนกลับสู่ภายใน เธอไม่ต้องการเรียกร้องความเห็นใจใด และไม่จำเป็นต้องทำตัวให้เป็นที่น่าสังเวชในสายตาของคนพวกนี้“คุณจะพาฉันไปไหน” สุพิชญาถามด้วยเสียงห้วนสั้นออกกร้าวกระด้างเมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำยืนตระหง่านอยู่ด้านหน้าคนพวกนี้อีกแล้ว ทำไมพวกจิตใจทรามต่ำช้าถึงต้องสวมใส่ชุดสูทเหล่านี้ให้มันเสื่อมเสียด้วยนะ คิดจะทำชั่วแต่กลัวถูกตราหน้ารึไงถึงต้องมาสวมใส่สูทให้มันดูดี! สุพิชญาคิดอย่างแค้นเคืองในใจ ตั้งแต่เธอตื่นขึ้นมาเมื่อเช้าวันใหม่เธอเจอแต่คนในสูทสีดำจนมันดูกราดเกลื่อนไปหมด“เดฟให้พวกเรามาเชิญคุณไปที่ เดอะลัส!” หนึ่งในสองคนเอ่ยขึ้นด้วยเ
“ดิเอโกคะ แล้วโจว์” เฮเลนถามขึ้นหลังจากที่เควินก้าวออกไปแล้ว เจ้าพ่อใหญ่ตวัดสายตามองโจว์ที่ยืนก้มหน้านิ่งเพียงนิดก็เอ่ยปากสั่งการบอดี้การ์ดสาว“ให้คนไปส่งที่สนามบิน” น้ำเสียงนั้นราบเรียบไม่บ่งบอกว่ารู้สึกอย่างไร แต่กลับสร้างความหนักใจให้กับบอดี้การ์ดสาวที่ตามติดรับใช้ใกล้ชิดเจ้าพ่อใหญ่ อะไรบางอย่างในตัวของโจว์ทำให้เธอรู้สึกว่าเขาไม่น่าไว้วางใจ“แต่ว่า...ดิเอโก” เฮเลนพยายามท้วงติงให้เขาไตร่สวนโจว์ให้มากกว่านี้ แต่ทว่าดิเอโกกลับตวาดด้วยเสียงดุกร้าวจนเธอไม่อาจทัดทานได้“ทำตามที่ฉันสั่ง เฮเลน”“ค่ะดิเอโก” เฮเลนจำใจน้อมรับคำสั่งแต่โดยดี เมื่อเจ้านายตวาดกร้าวพร้อมกำกับด้วยสายตาดุเข้ม บอดี้การ์ดสาวถอยฉากพลางผายมือเชื้อเชิญชายหนุ่มนามว่าโจว์เพื่อพาเขาไปส่งยังจุดหมายตามคำสั่งการ“ขอบคุณครับดิเอโก ผมรู้สึกละอายใจ” โจว์ก้มศีรษะเพียงนิดยามเอ่ยคำ ดิเอโกมองคนที่เอ่ยสำนึกผิดก่อนเอ่ยตัดบท เพราะยามนี้เขามีสิ่งที่ต้องทำมากกว่ามาคาดคั้นเอาความผิดใคร“ช่างเถอะ! สิ่งผิดพลาดฉันจะแก้ไขด้วยตัวฉันเอง นายไปได้แล้วโจว์”“ครับดิเอโก” โจว์รับคำก่อนโค้งคำนับแล้วถอยหลังก่อนเดินตามเฮเลนออกไป ชายหนุ่มคล้ายจะกระตุกยิ้
สุพิชญาสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงม่านโมบายดังขึ้นบ่งบอกว่าเจ้าพ่อผู้น่าเกรงขามได้ก้าวผ่านเข้ามายังตัวห้องด้านในแล้ว หญิงสาวเฝ้าภาวนาขอให้เขาเห็นใจและฟังคำร้องขอจากเธอ“อยู่นี่เองรึสาวน้อย คุณทำให้ผมเสียเวลาตามหารู้ไหม” เสียงทุ้มดูน่าฟังดังขึ้นด้านหลังขณะที่สุพิชญายืนนิ่งตัวเกร็งด้วยความหวาดหวั่น หากเป็นยามปกติเธอคงหลงใหลไปกับน้ำเสียงชวนอบอุ่นนั้น แต่ทว่าไม่ใช่ยามนี้ที่น้ำเสียงนั้นช่างดุจดั่งเสียงของราชสีห์ที่จ้องตระครุบเหยื่อในความรู้สึกของสุพิชญา“ไหนขอมองคุณใกล้ๆหน่อยสิ อยากรู้ว่าจะสวยเหมือนตอนที่อยู่บนเวทีไหม” เดฟช่างทอดเสียงทุ้มได้นุ่มนวลน่าฟังนักยามเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ จนแผงอกกว้างใต้เสื้อคลุมตัวโคร่งแทบแนบชิดแผ่นหลังบอบบางของสุพิชญา“ว้าว! สวยมาก!” เสียงนั้นบ่งบอกความตื่นตาตื่นใจยิ่งนักยามเมื่อ ฝ่ามือร้อนผ่าวเกาะกุมไหล่บอบบางแล้วเหนี่ยวรั้งหมุนร่างของสุพิชญาให้หันมาเผชิญหน้า“สวยจนไม่อยากเชื่อว่าดิเอโกจะขายคุณได้ลงคอ” น้ำเสียงติดจะเยาะหยันอยู่ในทีเมื่อปลายนิ้วแกร่งเชยคางมนของสุพิชญาให้แหงนเงยใบหน้าหวานล้ำขึ้นเพื่อเขาจะได้ชื่นชมความงามบนใบหน้านั้นอย่างเต็มตาสุพิชญาลอบกลื
“สวัสดีครับคุณดิเอโก... รู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ ที่ได้ต้อนรับคุณที่นี่ฮ่าๆๆ” เดฟหัวเราะเสียงดังลั่นเมื่อยามปรากฏกายตรงเชิงบันไดของตัวตึก เสียงนั้นฉุดให้ดิเอโกและเควินที่ยืนจังก้าอยู่กลางโถงมีลูกน้องของเดฟห้อมล้อมเป็นด่านกักกั้นโดยรอบต่างพากันหันไปมองทันทีเดฟส่งสัญญาณให้ลูกน้องกระจายตัวออกแล้วก้าวลงมายืนเผชิญหน้ากับดิเอโกอย่างไม่หวั่นเกรง“ฉันมารับตัวผู้หญิงของฉันคืน” ดิเอโกเอ่ยทันที เจ้าพ่อใหญ่เช่นเขาไม่เคยเกรงกลัวคนอย่างเดฟแม้แต่นิด และไม่เคยคิดจะล้ำเส้นให้เขม่นกันมากกว่าที่เป็นอยู่ แม้ตลอดเวลาเดฟจะคอยตั้งท่าหาเรื่องอยู่เนืองนิตย์“โอ๊ว... ว้าว! ผู้หญิงของคุณ ใครไม่ทราบครับคุณดิเอโก ที่นี่มีแต่ผู้หญิงของผมเท่านั้น! ฮ่าๆๆ” เดฟยังคงหัวเราะร่าราวกับว่ากำลังพูดคุยเรื่องขบขัน แต่น้ำเสียงและสีหน้าท่าทางแสดงอาการเย้ยหยันดิเอโกสุดใจ“นี่เงินของนายเอาคืนไปแล้วส่งตัวผู้หญิงของฉันคืนมา” ดิเอโกโยนกระเป๋าในมือออกไปตรงหน้าเดฟ ลูกน้องที่รุมล้อมระวังภัยขยับหมายเข้าชาร์ตตัวฝ่ายตรงข้ามแต่เดฟยกมือสั่งห้ามไว้“ฮะ ฮะ ฮ่า มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ ฉันอุตส่าห์ลงแข่งประมูลกว่าจะได้มา แต่นายกลับจะมาโยนเงินนี่ใส่
“กรี๊ดดด... ดิเอโก! อย่าเข้ามา ได้โปรด... ออกไป” เสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนพร้อมเสียงตะโกนก้องร้องห้ามเขาดังไปทั่วบริเวณ ดิเอโกแทบถลาเข้าหาเจ้าของเสียงนั้น แต่ทว่ากลับมีกรงเหล็กขวางกั้นทำให้เขาไม่อาจเข้าไปหาคนที่กำลังร้องไห้คร่ำครวญได้“ดาราเดล! รอหน่อยนะฉันจะช่วยเธอเอง” ดิเอโกตะโกนก้องบอกคนที่กำลังร้องไห้อย่างเสียขวัญ รอบกายถูกพันธนาการด้วยสายไฟระโยงระยางไปหมด นั่นไม่ร้ายเท่ามีระเบิดเวลาผูกติดแน่นอยู่กับตัวเธอจนเขาร้อนรนแทบทนไม่ได้ดิเอโกทำทุกวิถีทางที่จะเข้าช่วยหญิงสาว ทั้งทุบทั้งงัดกรงเหล็กที่ขวางกั้นจนมือแตกเลือดไหลอาบมือเต็มไปหมด แต่ทว่า...บึ้ม! ตูม!!“ดาราเดล! ม่ายยยยย!! ” ดิเอโกตะโกนก้องร้องเรียกหญิงสาวที่รักด้วยหัวใจที่แตกสลายเมื่อได้เห็นเปลวไฟลุกทั่วร่างท่ามกลางเสียงระเบิดที่ดังสนั่นหวั่นไหว น้ำตาของลูกผู้ชายไหลรินยามโขกศีรษะกับกรงเหล็กอย่างบ้าคลั่ง ท้ายสุดก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดสิ้น เขาก็รู้สึกราวศีรษะถูกกระแทกอย่างแรง“ดาราเดล!” ดิเอโกตะโกนก้องก่อนสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกคล้ายหล่นวูบลงไปในหุบเหวลึกเจ้าพ่อใหญ่ลืมตาโพลงทันทีอย่างตกใจ เรือนกายแกร่งผุดลุกขึ้นนั่งทันควันเมื่อพบว่าเ
“เยี่ยมมากครับคุณดิเอโก คุณนี่ช่างสุดยอดจริงๆ ยอมทิ้งสมบัติ ทิ้งบริวาร เพื่อแลกกับผู้หญิงคนเดียว นับถือๆ โว้ว... ฮ่าๆๆ” เดฟ อัลเดอร์ลัสหัวเราะร่าอย่างสะใจเมื่อดิเอโกติดต่อมาว่ายินดีทำตามข้อเสนอที่เขาต้องการ และตอนนี้คู่อริก็มายืนอยู่ตรงหน้าพร้อมทนายความส่วนตัว“ว่าไงเควิน เปลี่ยนใจมาอยู่กับฉันก็ยังทันนะ มีเจ้านายไม่ได้เรื่องแบบนี้แกยังจะภักดีอีกเหรอวะ ฮ่าๆๆ” หันมาถามบอดี้การ์ดคนเก่งของดิเอโกอย่างหยามหยัน ดิเอโกแทบสะกดกลั้นความขุ่นเคืองใจไว้ไม่ไหวรีบรวบรัดตัดความก่อนที่จะหมดความอดทน“หุบปาก! แล้วเลิกเห่าได้แล้วเดฟ รีบๆ จัดการ ฉันไม่อยากเสียเวลา”“ฮ่าๆๆ เควิน แกลองฟังนะ เจ้านายแกเขาอยากรีบพาน้องหนูไปขึ้นสวรรค์ ไม่สนใจสักนิดว่าพวกแกกับลูกน้องจะเป็นยังไง โว้ว! สะใจจริงโว้ย!” เดฟยังคงหัวเราะร่าอย่างบ้าคลั่งก่อนหันไปสั่งลูกน้องคนสนิทให้พาสุพิชญาออกมาแลกเปลี่ยน“ซาอิคเอาตัวผู้หญิงคนนั้นมา”“ครับเดฟ” รับคำหนักแน่นนอบน้อมก่อนเดินหายเข้าไปในห้องหนึ่ง แล้วออกมาพร้อมหญิงสาวที่ยามนี้อยู่ในชุดราตรีสีแดงสดชุดเดิมที่สวมใส่มาเมื่อสามวันก่อน“พิชชา!” ดิเอโกพึมพำขานนามนั้นเมื่อเห็นหญิงสาวยังอยู่ในสภาพพร
เมื่อออกจากรังของเดฟมาได้ระยะหนึ่งซึ่งเจ้าพ่อหนุ่มคะเนดูแล้วว่าปลอดภัยไม่มีคนของคู่อริติดตามมาแน่นอน จึงสั่งให้คนขับรถชะลอรถแล้วส่งสัญญาณให้เควินที่ขับรถตามมาติดๆ จอดเทียบข้างทางก่อนลงจากรถไปเพื่อสั่งความกับบอดี้การ์ดหนุ่มสุพิชญาที่นั่งเงียบมาตลอดทางรีบตามลงไปเพื่อหาทางเจรจาด้วยเธอไม่อยากกลับไปอยู่ในการควบคุมของดิเอโกอีก แม้ลึกๆ ในใจจะดีใจที่เขาติดตามมาพาเธอออกไปให้รอดพ้นเงื้อมมือคนโฉดอย่างเดฟ อัลเดอร์ลัส แต่นั่นแหละทุกอย่างมันเป็นความผิดเขาสุพิชญาคิดเช่นนั้น!“เควินนายพามิสเตอร์ฟานไปที่เกาะบาหลัน ฉันจะไปที่เดอะไนท์” ดิเอโกสั่งความ แต่บอดี้การ์ดหนุ่มกลับนิ่วหน้าด้วยความสงสัยและเอ่ยถามออกไปอย่างรวดเร็ว“แต่ดิเอโกครับ เกาะบาหลันกับเดอะไนท์”“ทำตามที่ฉันสั่ง คุ้มกันมิสเตอร์ฟาน อย่าให้ใครเข้าเกาะบาหลันได้” เจ้าพ่อใหญ่เอ่ยสั่งด้วยเสียงเฉียบขาดไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ไถ่ถามให้ยืดยาวด้วยเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะนั่งอธิบายเรื่องราวใดๆ“ไปเถอะเควินแล้วนายจะเข้าใจเอง” บอกเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นสีหน้าไม่สบายใจและไม่เข้าใจของบอดี้การ์ดคนสนิท เควินที่ไม่อาจขัดคำสั่งเจ้านายใหญ่ได้จำก้มหน้ารับคำบัญชาอย่างเ