ทางเดินด้านหน้าเป็นถนนเส้นยาวที่ไกลสุดหูสุดตาไม่อาจคาดเดาได้ว่าปลายทางไปบรรจบลงตรงที่ใด สองข้างทางถูกปกคลุมไปด้วยม่านหมอกสีขาวจางที่พอรวมตัวกันทำให้มองรอบข้างได้ไม่ชัดเจนนัก หญิงสาวพยายามเพ่งมองไปข้างหน้าตามเส้นทางที่พอมองเห็นเลือนลาง เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้เธอกำลังอยู่ที่ใดแล้วใครๆ หายไปไหนกันหมด
หญิงสาวพยายามเปล่งเสียงเพื่อตะโกนเรียกหาใครสักคนแต่กลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา สุพิชญารู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาในใจลึกๆ พลันสายตาก็เริ่มมองเห็นใครคนหนึ่งเดินอยู่ด้านหน้าไม่ไกลนัก หญิงสาวพยายามวิ่งตามแต่ไม่รู้เรี่ยวแรงหายไปไหน ภาพเบื้องหน้าค่อยๆ ไกลออกไปแต่กลับยิ่งชัดเจนในดวงตาคู่งาม
‘พี่ติ’
สุพิชญาส่งเสียงเรียกชายหนุ่มตรงหน้าแผ่วเบาแต่เหมือนเขาจะได้ยินเสียงเรียกนั้น เขาหันกลับมามองเธอ ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน คล้ายกับว่าเขากำลังพูดอะไรสักอย่างกับเธอ หญิงสาวพยายามตั้งใจฟัง เสียงที่ลอยมาแผ่วเบาแต่เธอรู้สึกเหมือนมันดังก้องอยู่ในหัว
‘พิชชา... พี่รักเธอ’
ได้ยินเท่านั้นพลันสุพิชญาก็รู้สึกราวถูกตีอย่างแรงที่หัว ความรู้สึกหมุนคว้างดังกำลังตกจากที่สูง แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป เธอก็รู้สึกสะดุ้งสุดตัว
แกร๊ง!! แกร๊ง!!
สุพิชญากระพริบตาน้อยๆ เพื่อปรับสายตารับเข้ากับแสงอ่อนๆ ที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามา หญิงสาวพยุงตัวลุกขึ้นนั่งด้วยอาการมึนงงเพราะ ฤทธิ์ยาสลบยังคงคั่งค้างอยู่ พยาบาลสาวผู้โชคชะตากำลังนำพาชีวิตให้พลิกผันไปในเส้นทางที่ไม่คาดฝัน ยามนี้เธอกำลังมองไปรอบข้างด้วยความตื่นกลัว
เสียงโห่ร้อง เสียงกร๊องแกร๊งของระฆังที่ดังกังวานนั้นช่างหนาวเหน็บเสียเหลือเกินในความรู้สึก สุพิชญารับรู้ในนาทีนั้นเองว่า บัดนี้เธอกำลังอยู่ที่ใดสักที่ที่ผู้ชายใจทรามคนนั้นเอ่ยวาจาสั่งให้พาเธอมาประมูล
“ดิเอโก… ทำไมคุณใจร้ายกับฉันแบบนี้ ใครก็ได้ช่วยฉันที” สุพิชญาได้แต่พร่ำรำพันกับตัวเองอย่างรวดร้าวใจ หญิงสาวรู้สึกน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง มีชีวิตเกิดมาโดยที่ไม่มีใครต้องการและชายคนรักยังแอบแทงข้างหลังลักลอบคบหาและมีสัมพันธ์กับพี่สาวเพียงคนเดียวของเธอนั้น สุพิชญาคิดว่ามันโหดร้ายสำหรับเธอแล้ว แต่สถานการณ์เลวร้ายที่กำลังเผชิญอยู่นี้กลับยิ่งโหดร้ายกว่าหลายเท่าพันเท่า
ยามนี้น้ำตาแทบร่วงรินจากสองหน่วยตา แต่ทว่าด้วยความเป็นคนที่อดทนและฮึดสู้กับสิ่งเลวร้ายต่างๆ ในชีวิตมาตลอดระยะเวลายี่สิบสี่ปี เรียกได้ว่า... เธอต้องอดทนฝืนกลั้นความเจ็บปวดรวดร้าวใจมาตั้งแต่ลืมตาดูโลกก็ว่าได้ ทำให้สุพิชญากล้ำกลืนฝืนไม่ให้น้ำตาแห่งความอัปยศอดสูที่รับรู้ว่าเธอกำลังจะกลายเป็นสินค้าที่ถูกขายทอดตลาดอย่างที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
หญิงสาวหรี่ตาลงพลางกระพริบตาถี่ยิบเพื่อปรับม่านตาให้รับกับแสงที่ส่องเข้ามาเมื่อม่านที่ปิดกั้นทั้งสี่ด้านค่อยๆ เคลื่อนออก สุพิชญาทั้งตื่นตระหนกและหวาดผวาเมื่อพบว่ายามนี้เธออยู่บนเวทีโดดเด่นกลางโถงกว้างที่มีอัฒจรรย์ล้อมโดยรอบ และยิ่งไปกว่านั้นทันทีที่ม่านเปิดออกจนหมดเสียงโห่อย่างตื่นตะลึงด้วยความพึงพอใจก็ดังกระหึ่มไปทั้งห้อง
สายตาของหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มากหน้าหลายตาต่างพากันจับจ้องโลมเลียมายังร่างระหงที่เผยทรวดทรงสุดเซ็กซี่ภายใต้ราตรียาวสีแดงสดที่ผ่าหน้าสูงขึ้นมาจนถึงโคนขา ตัวเสื้อก็เป็นเพียงเกาะอกที่เว้าลึกจนเห็นเนินเนื้อของทรวงอกอวบอิ่มปริ่มราวจะทะลักล้นออกมา
สุพิชญากวาดสายตาไปทั่วทิศก่อนห่อไหล่เข้าหากันอย่างหวาดหวั่น ในบรรดาเหล่าชายที่จับจ้องมองมานั้นเธอไม่เห็นแม้เงาของเขาแม้แต่นิด
ดิเอโก! คนใจโฉด! ฉันจะไม่มีวันให้อภัยในสิ่งที่คุณทำกับฉัน หญิงสาวตั้งสัตย์สาบานพลางก่นด่าเจ้าพ่อใหญ่ในใจอย่างเคียดแค้นชิงชัง ก่อนปล่อยให้ใจดวงน้อยสะอื้นไห้ด้วยความสะเทือนใจในโชคชะตา แต่ทว่ากลับไร้ซึ่งน้ำตาหลั่งรินแม้แต่หยาดหยด มันเป็นสิ่งเคยชินสำหรับเธอเสียแล้วที่ร้องไห้โดยไม่ปล่อยให้น้ำตาไหลรินแม้แต่นิด
หญิงสาวหลุบตาหลบก้มหน้าต่ำลงด้วยไม่อยากเห็นแววตาหื่นกระหายของเหล่าชายพวกนั้น แต่ทว่ากิริยานั้นกลับยิ่งกระตุ้นปลุกเร้าอารมณ์ดิบให้เหล่าชายทั้งวัยกลัดมันและวัยใกล้ฝั่งต่างต้องกลืนน้ำลายกันอึกใหญ่
ภาพหญิงสาวในชุดราตรีสุดเซ็กซี่กึ่งนั่งกึ่งนอนบนเตียงกว้างบนเวทีช่างดูยั่วยวนเสียจนไม่มีใครอยากปล่อยสินค้าน่าลิ้มลองนี้ให้หลุดลอยไป แล้วการช่วงชิงสินค้าน้ำงามด้วยการเสนอเงินมูลค่ามหาศาลก็เริ่มขึ้นเมื่อเสียงระฆังดังบอกสัญญาณและผู้ดำเนินการประมูลเริ่มกล่าวเปิดการประมูลขึ้น
“ผมเสนอห้าล้าน” เสียงทุ้มห้าวของหนุ่มใหญ่คนหนึ่งดังขึ้นทันทีที่ผู้ดำเนินการประมูลสาวกล่าวจบ
เม็ดเงินประมูลเริ่มต้นด้วยมูลค่าสูงจนเรียกเสียงฮือฮาอย่างตื่นตาตื่นใจได้ทั่วทั้งห้อง แต่ทว่าสำหรับสุพิชญามันราวกับคมมีดตวัดเชือดเฉือนเนื้อให้หลุดจากร่างทีละชิ้นๆ หญิงสาวรู้สึกเจ็บปวดเสียจนแทบสิ้นชีวา น้ำตาที่เก็บกลั้นไว้เริ่มเอ่อคลอสองหน่วยตาอย่างไม่อาจกักกั้นต่อไปได้
“สิบล้าน” เสียงฮือฮาดังขึ้นอีกครั้งเมื่อมีเสียงเสนอค่าตัวตัวเธอสูงลิ่วขึ้นมาอีกชนิดที่เรียกว่าต้องลุ้นกันตัวโก่งเลยทีเดียว
“สิบล้านครั้งที่หนึ่ง สิบล้านครั้งที่สอง” ก่อนที่ผู้ดำเนินการประมูลสาวจะเอ่ยราคาการประมูลครั้งสุดท้ายเป็นอันสรุปจบการประมูล เสียงเข้มกังวานของชายคนหนึ่งก็ดังขึ้นจนทั่วทั้งห้องเงียบกริบไปในพริบตา
“ห้าสิบล้าน”
“โห... ” เสียงโห่ร้องดังกังวานขึ้นทันทีที่สปอร์ตไลต์สว่างพรึบขึ้นตรงต้นเสียง ชายหนุ่มหน้าตาดีรูปร่างเอนเอียงไปทางเอเชียอยู่ในชุดสูทสีดำดูสมาร์ท เขาเป็นใครมาจากไหนไม่มีใครรู้จัก แต่ทุกคนก็พากันพยักหงึกหงักด้วยทึ่งกับความใจกล้าของชายหนุ่ม
สุพิชญามองชายหนุ่มที่เด่นสง่าท่ามกลางสปร์อตไลต์นั้นด้วยความรู้สึกสิ้นหวังด้วยแอบหวังลึกๆ ในใจว่าดิเอโกจะมาพาเธอออกไปจากที่นี่ ที่เขาสั่งการส่งเธอมาประมูลครั้งนี้ก็เพียงแค่อยากลองใจเธอก็เท่านั้น แต่ยามนี้ความหวังนั้นดูจะเลือนลางริบหรี่ด้วยตั้งแต่เธออยู่กลางเวทีแห่งนี้เธอยังไม่เห็นแม้เงาของเขาผู้นั้น
“ห้าสิบล้านครั้งที่หนึ่ง ห้าสิบล้านครั้งที่สอง และ... ”
“หนึ่งร้อยล้าน”
“โห... ” เสียงโห่ร้องดังกระหึ่มขึ้นจนทั่วทั้งห้องอึงอลไปด้วยเสียงวิภาควิจารณ์กันอย่างเซ็งแซ่ถึงราคาประมูลในค่ำคืนนี้ บางคนถึงกับกลืนน้ำลายลงคออย่างนึกเสียดายแทน เพราะไม่เคยมีครั้งไหนที่ผู้ร่วมประมูลจะฟาดฟันกันอย่างดุเดือดด้วยการเสนอราคาสูงลิ่วเช่นนี้
“เดฟ!” เสียงขานนามนั้นดังกึกก้องทั่วทั้งห้องประมูลเมื่อสปอร์ตไลต์สว่างพรึบไปทางต้นเสียง
เดฟ อัลเดอร์ลัส เจ้าพ่อผู้กุมบังเหียนบ่อนคาสิโนครอบคลุมไปทั่ว ทุกมุมโลกที่ใครๆ ต่างก็รู้ว่าเป็นคู่แข่งตัวฉกาจของดิเอโก
ทั่วทั้งห้องเงียบกริบในบัดดลไม่มีใครหาญกล้าเสนอราคามากไปกว่านี้ ด้วยรู้ดีว่าหากทำเช่นนั้นนั่นหมายถึงการท้าทาย เดฟ อัลเดอร์ลัส อย่างไม่เกรงกลัวอำนาจของเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่คนนี้นี่เอง
“หนึ่งร้อยล้านครั้งที่หนึ่ง หนึ่งร้อยล้านครั้งที่สอง และหนึ่งร้อยล้านครั้งที่สาม สิ้นสุดการประมูลค่ะ” เสียงของผู้ดำเนินการประมูลสรุปจบทันทีที่ประกาศราคาประมูลครั้งที่สาม
“และผู้ที่ได้สาวงามไปครอบครองในค่ำคืนนี้ด้วยการเสนอราคาประมูลถึงหนึ่งร้อยล้าน ก็คือ เดฟ อัลเดอร์ลัส จาก เดอะลัสคาสิโนค่ะ”
เสียงปรบมือกับเสียงโห่ร้องดังกึกก้องกังวานจนสุพิชญารู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งใจ ยามนี้หญิงสาวรู้สึกดวงตาทั้งสองข้างพร่ามัวไปด้วยธารน้ำตาที่เอ่อล้นจนแทบจะไหลริน มือน้อยขย้ำผ้าปูแสนสวยแน่นเมื่อตระหนักถึงชะตากรรมที่กำลังเผชิญ เวรกรรมใดหนอถึงนำพาให้เธอต้องเจอแต่ความเจ็บแค้นแสนสาหัสเช่นนี้“เชิญครับคุณผู้หญิง” เสียงทุ้มกังวานของบุรุษเพศเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อมฉุดดึงให้สุพิชญาหลุดออกจากห้วงความคิด หญิงสาวรีบกระพริบเปลือกตาขับไล่น้ำตาแห่งความรันทดให้ไหลคืนกลับสู่ภายใน เธอไม่ต้องการเรียกร้องความเห็นใจใด และไม่จำเป็นต้องทำตัวให้เป็นที่น่าสังเวชในสายตาของคนพวกนี้“คุณจะพาฉันไปไหน” สุพิชญาถามด้วยเสียงห้วนสั้นออกกร้าวกระด้างเมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำยืนตระหง่านอยู่ด้านหน้าคนพวกนี้อีกแล้ว ทำไมพวกจิตใจทรามต่ำช้าถึงต้องสวมใส่ชุดสูทเหล่านี้ให้มันเสื่อมเสียด้วยนะ คิดจะทำชั่วแต่กลัวถูกตราหน้ารึไงถึงต้องมาสวมใส่สูทให้มันดูดี! สุพิชญาคิดอย่างแค้นเคืองในใจ ตั้งแต่เธอตื่นขึ้นมาเมื่อเช้าวันใหม่เธอเจอแต่คนในสูทสีดำจนมันดูกราดเกลื่อนไปหมด“เดฟให้พวกเรามาเชิญคุณไปที่ เดอะลัส!” หนึ่งในสองคนเอ่ยขึ้นด้วยเ
“ดิเอโกคะ แล้วโจว์” เฮเลนถามขึ้นหลังจากที่เควินก้าวออกไปแล้ว เจ้าพ่อใหญ่ตวัดสายตามองโจว์ที่ยืนก้มหน้านิ่งเพียงนิดก็เอ่ยปากสั่งการบอดี้การ์ดสาว“ให้คนไปส่งที่สนามบิน” น้ำเสียงนั้นราบเรียบไม่บ่งบอกว่ารู้สึกอย่างไร แต่กลับสร้างความหนักใจให้กับบอดี้การ์ดสาวที่ตามติดรับใช้ใกล้ชิดเจ้าพ่อใหญ่ อะไรบางอย่างในตัวของโจว์ทำให้เธอรู้สึกว่าเขาไม่น่าไว้วางใจ“แต่ว่า...ดิเอโก” เฮเลนพยายามท้วงติงให้เขาไตร่สวนโจว์ให้มากกว่านี้ แต่ทว่าดิเอโกกลับตวาดด้วยเสียงดุกร้าวจนเธอไม่อาจทัดทานได้“ทำตามที่ฉันสั่ง เฮเลน”“ค่ะดิเอโก” เฮเลนจำใจน้อมรับคำสั่งแต่โดยดี เมื่อเจ้านายตวาดกร้าวพร้อมกำกับด้วยสายตาดุเข้ม บอดี้การ์ดสาวถอยฉากพลางผายมือเชื้อเชิญชายหนุ่มนามว่าโจว์เพื่อพาเขาไปส่งยังจุดหมายตามคำสั่งการ“ขอบคุณครับดิเอโก ผมรู้สึกละอายใจ” โจว์ก้มศีรษะเพียงนิดยามเอ่ยคำ ดิเอโกมองคนที่เอ่ยสำนึกผิดก่อนเอ่ยตัดบท เพราะยามนี้เขามีสิ่งที่ต้องทำมากกว่ามาคาดคั้นเอาความผิดใคร“ช่างเถอะ! สิ่งผิดพลาดฉันจะแก้ไขด้วยตัวฉันเอง นายไปได้แล้วโจว์”“ครับดิเอโก” โจว์รับคำก่อนโค้งคำนับแล้วถอยหลังก่อนเดินตามเฮเลนออกไป ชายหนุ่มคล้ายจะกระตุกยิ้
สุพิชญาสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงม่านโมบายดังขึ้นบ่งบอกว่าเจ้าพ่อผู้น่าเกรงขามได้ก้าวผ่านเข้ามายังตัวห้องด้านในแล้ว หญิงสาวเฝ้าภาวนาขอให้เขาเห็นใจและฟังคำร้องขอจากเธอ“อยู่นี่เองรึสาวน้อย คุณทำให้ผมเสียเวลาตามหารู้ไหม” เสียงทุ้มดูน่าฟังดังขึ้นด้านหลังขณะที่สุพิชญายืนนิ่งตัวเกร็งด้วยความหวาดหวั่น หากเป็นยามปกติเธอคงหลงใหลไปกับน้ำเสียงชวนอบอุ่นนั้น แต่ทว่าไม่ใช่ยามนี้ที่น้ำเสียงนั้นช่างดุจดั่งเสียงของราชสีห์ที่จ้องตระครุบเหยื่อในความรู้สึกของสุพิชญา“ไหนขอมองคุณใกล้ๆหน่อยสิ อยากรู้ว่าจะสวยเหมือนตอนที่อยู่บนเวทีไหม” เดฟช่างทอดเสียงทุ้มได้นุ่มนวลน่าฟังนักยามเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ จนแผงอกกว้างใต้เสื้อคลุมตัวโคร่งแทบแนบชิดแผ่นหลังบอบบางของสุพิชญา“ว้าว! สวยมาก!” เสียงนั้นบ่งบอกความตื่นตาตื่นใจยิ่งนักยามเมื่อ ฝ่ามือร้อนผ่าวเกาะกุมไหล่บอบบางแล้วเหนี่ยวรั้งหมุนร่างของสุพิชญาให้หันมาเผชิญหน้า“สวยจนไม่อยากเชื่อว่าดิเอโกจะขายคุณได้ลงคอ” น้ำเสียงติดจะเยาะหยันอยู่ในทีเมื่อปลายนิ้วแกร่งเชยคางมนของสุพิชญาให้แหงนเงยใบหน้าหวานล้ำขึ้นเพื่อเขาจะได้ชื่นชมความงามบนใบหน้านั้นอย่างเต็มตาสุพิชญาลอบกลื
“สวัสดีครับคุณดิเอโก... รู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ ที่ได้ต้อนรับคุณที่นี่ฮ่าๆๆ” เดฟหัวเราะเสียงดังลั่นเมื่อยามปรากฏกายตรงเชิงบันไดของตัวตึก เสียงนั้นฉุดให้ดิเอโกและเควินที่ยืนจังก้าอยู่กลางโถงมีลูกน้องของเดฟห้อมล้อมเป็นด่านกักกั้นโดยรอบต่างพากันหันไปมองทันทีเดฟส่งสัญญาณให้ลูกน้องกระจายตัวออกแล้วก้าวลงมายืนเผชิญหน้ากับดิเอโกอย่างไม่หวั่นเกรง“ฉันมารับตัวผู้หญิงของฉันคืน” ดิเอโกเอ่ยทันที เจ้าพ่อใหญ่เช่นเขาไม่เคยเกรงกลัวคนอย่างเดฟแม้แต่นิด และไม่เคยคิดจะล้ำเส้นให้เขม่นกันมากกว่าที่เป็นอยู่ แม้ตลอดเวลาเดฟจะคอยตั้งท่าหาเรื่องอยู่เนืองนิตย์“โอ๊ว... ว้าว! ผู้หญิงของคุณ ใครไม่ทราบครับคุณดิเอโก ที่นี่มีแต่ผู้หญิงของผมเท่านั้น! ฮ่าๆๆ” เดฟยังคงหัวเราะร่าราวกับว่ากำลังพูดคุยเรื่องขบขัน แต่น้ำเสียงและสีหน้าท่าทางแสดงอาการเย้ยหยันดิเอโกสุดใจ“นี่เงินของนายเอาคืนไปแล้วส่งตัวผู้หญิงของฉันคืนมา” ดิเอโกโยนกระเป๋าในมือออกไปตรงหน้าเดฟ ลูกน้องที่รุมล้อมระวังภัยขยับหมายเข้าชาร์ตตัวฝ่ายตรงข้ามแต่เดฟยกมือสั่งห้ามไว้“ฮะ ฮะ ฮ่า มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ ฉันอุตส่าห์ลงแข่งประมูลกว่าจะได้มา แต่นายกลับจะมาโยนเงินนี่ใส่
“กรี๊ดดด... ดิเอโก! อย่าเข้ามา ได้โปรด... ออกไป” เสียงกรีดร้องอย่างโหยหวนพร้อมเสียงตะโกนก้องร้องห้ามเขาดังไปทั่วบริเวณ ดิเอโกแทบถลาเข้าหาเจ้าของเสียงนั้น แต่ทว่ากลับมีกรงเหล็กขวางกั้นทำให้เขาไม่อาจเข้าไปหาคนที่กำลังร้องไห้คร่ำครวญได้“ดาราเดล! รอหน่อยนะฉันจะช่วยเธอเอง” ดิเอโกตะโกนก้องบอกคนที่กำลังร้องไห้อย่างเสียขวัญ รอบกายถูกพันธนาการด้วยสายไฟระโยงระยางไปหมด นั่นไม่ร้ายเท่ามีระเบิดเวลาผูกติดแน่นอยู่กับตัวเธอจนเขาร้อนรนแทบทนไม่ได้ดิเอโกทำทุกวิถีทางที่จะเข้าช่วยหญิงสาว ทั้งทุบทั้งงัดกรงเหล็กที่ขวางกั้นจนมือแตกเลือดไหลอาบมือเต็มไปหมด แต่ทว่า...บึ้ม! ตูม!!“ดาราเดล! ม่ายยยยย!! ” ดิเอโกตะโกนก้องร้องเรียกหญิงสาวที่รักด้วยหัวใจที่แตกสลายเมื่อได้เห็นเปลวไฟลุกทั่วร่างท่ามกลางเสียงระเบิดที่ดังสนั่นหวั่นไหว น้ำตาของลูกผู้ชายไหลรินยามโขกศีรษะกับกรงเหล็กอย่างบ้าคลั่ง ท้ายสุดก่อนที่ทุกอย่างจะหยุดสิ้น เขาก็รู้สึกราวศีรษะถูกกระแทกอย่างแรง“ดาราเดล!” ดิเอโกตะโกนก้องก่อนสะดุ้งสุดตัวเมื่อรู้สึกคล้ายหล่นวูบลงไปในหุบเหวลึกเจ้าพ่อใหญ่ลืมตาโพลงทันทีอย่างตกใจ เรือนกายแกร่งผุดลุกขึ้นนั่งทันควันเมื่อพบว่าเ
“เยี่ยมมากครับคุณดิเอโก คุณนี่ช่างสุดยอดจริงๆ ยอมทิ้งสมบัติ ทิ้งบริวาร เพื่อแลกกับผู้หญิงคนเดียว นับถือๆ โว้ว... ฮ่าๆๆ” เดฟ อัลเดอร์ลัสหัวเราะร่าอย่างสะใจเมื่อดิเอโกติดต่อมาว่ายินดีทำตามข้อเสนอที่เขาต้องการ และตอนนี้คู่อริก็มายืนอยู่ตรงหน้าพร้อมทนายความส่วนตัว“ว่าไงเควิน เปลี่ยนใจมาอยู่กับฉันก็ยังทันนะ มีเจ้านายไม่ได้เรื่องแบบนี้แกยังจะภักดีอีกเหรอวะ ฮ่าๆๆ” หันมาถามบอดี้การ์ดคนเก่งของดิเอโกอย่างหยามหยัน ดิเอโกแทบสะกดกลั้นความขุ่นเคืองใจไว้ไม่ไหวรีบรวบรัดตัดความก่อนที่จะหมดความอดทน“หุบปาก! แล้วเลิกเห่าได้แล้วเดฟ รีบๆ จัดการ ฉันไม่อยากเสียเวลา”“ฮ่าๆๆ เควิน แกลองฟังนะ เจ้านายแกเขาอยากรีบพาน้องหนูไปขึ้นสวรรค์ ไม่สนใจสักนิดว่าพวกแกกับลูกน้องจะเป็นยังไง โว้ว! สะใจจริงโว้ย!” เดฟยังคงหัวเราะร่าอย่างบ้าคลั่งก่อนหันไปสั่งลูกน้องคนสนิทให้พาสุพิชญาออกมาแลกเปลี่ยน“ซาอิคเอาตัวผู้หญิงคนนั้นมา”“ครับเดฟ” รับคำหนักแน่นนอบน้อมก่อนเดินหายเข้าไปในห้องหนึ่ง แล้วออกมาพร้อมหญิงสาวที่ยามนี้อยู่ในชุดราตรีสีแดงสดชุดเดิมที่สวมใส่มาเมื่อสามวันก่อน“พิชชา!” ดิเอโกพึมพำขานนามนั้นเมื่อเห็นหญิงสาวยังอยู่ในสภาพพร
เมื่อออกจากรังของเดฟมาได้ระยะหนึ่งซึ่งเจ้าพ่อหนุ่มคะเนดูแล้วว่าปลอดภัยไม่มีคนของคู่อริติดตามมาแน่นอน จึงสั่งให้คนขับรถชะลอรถแล้วส่งสัญญาณให้เควินที่ขับรถตามมาติดๆ จอดเทียบข้างทางก่อนลงจากรถไปเพื่อสั่งความกับบอดี้การ์ดหนุ่มสุพิชญาที่นั่งเงียบมาตลอดทางรีบตามลงไปเพื่อหาทางเจรจาด้วยเธอไม่อยากกลับไปอยู่ในการควบคุมของดิเอโกอีก แม้ลึกๆ ในใจจะดีใจที่เขาติดตามมาพาเธอออกไปให้รอดพ้นเงื้อมมือคนโฉดอย่างเดฟ อัลเดอร์ลัส แต่นั่นแหละทุกอย่างมันเป็นความผิดเขาสุพิชญาคิดเช่นนั้น!“เควินนายพามิสเตอร์ฟานไปที่เกาะบาหลัน ฉันจะไปที่เดอะไนท์” ดิเอโกสั่งความ แต่บอดี้การ์ดหนุ่มกลับนิ่วหน้าด้วยความสงสัยและเอ่ยถามออกไปอย่างรวดเร็ว“แต่ดิเอโกครับ เกาะบาหลันกับเดอะไนท์”“ทำตามที่ฉันสั่ง คุ้มกันมิสเตอร์ฟาน อย่าให้ใครเข้าเกาะบาหลันได้” เจ้าพ่อใหญ่เอ่ยสั่งด้วยเสียงเฉียบขาดไม่ปล่อยให้อีกฝ่ายได้ไถ่ถามให้ยืดยาวด้วยเวลานี้ไม่ใช่เวลาที่จะนั่งอธิบายเรื่องราวใดๆ“ไปเถอะเควินแล้วนายจะเข้าใจเอง” บอกเสียงอ่อนลงเมื่อเห็นสีหน้าไม่สบายใจและไม่เข้าใจของบอดี้การ์ดคนสนิท เควินที่ไม่อาจขัดคำสั่งเจ้านายใหญ่ได้จำก้มหน้ารับคำบัญชาอย่างเ
“อื้อ! อื้อ!” สุพิชญาส่งเสียงอู้อี้อย่างขัดใจดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยแววชิงชังเคียดแค้นในตัวเจ้าพ่อหนุ่ม เขาจับเธอทุ่มเข้ามาในรถแล้วมัดมือมัดเท้าปิดปากราวกับเธอไม่ใช่คน อย่าให้เธอมีโอกาสหนีรอดไปได้ สาบานเลยว่าเธอจะเอาเรื่องเขาให้ถึงที่สุด!!“เลิกใช้สายตามองผมแบบนั้นดีกว่ายาหยี คุณน่าจะรู้ตัวดีว่าจริงๆ แล้วคุณไม่ได้เกลียดชังผม กลับกันคุณอาจคลั่งผมเสียจนถอนตัวไม่ขึ้นโดยที่คุณยังไม่รู้ตัวก็ได้” ดิเอโกชะโงกหน้าเข้าไปใกล้พร้อมใช้ปลายนิ้วแกร่งบีบบังคับเชยคางสวยให้เธอสบตาเขา เจ้าพ่อใหญ่พึงพอใจที่เห็นท่าทีฮึดฮัดขัดใจด้วยไม่อาจทำอะไรเขาได้คำพูดยั่วเย้านั่นช่างยั่วอารมณ์เธอให้คุกรุ่นจนแทบอยากซัดฝ่ามือเข้าใบหน้าแสนยียวนเสียครั้งสองครั้งให้สาแก่ใจ เกิดมาเธอไม่เคยพบเจอใครหยาบคายได้เท่าผู้ชายตรงหน้านี้มาก่อนเลยสักนิด ‘ให้ตายเถอะ! พิชชานี่เธอสร้างเวรกรรมกับอีตาหื่นนี่มาแต่ชาติปางไหนกัน เธอถึงต้องมาพบเจอกับเรื่องบ้าๆ นี่’“อื้อ! อื้อ!” สุพิชญาพยายามส่งเสียงต่อต้าน เมื่อดิเอโกเพียงแค่แก้ผืนผ้าที่ผูกข้อเท้าเธอออกเท่านั้น แต่ไม่คิดปล่อยให้มือและปากของเธอเป็นอิสระ ซ้ำเขายังฉุดกระชากเธอให้เดินตามอย่างไม่ปรา