“ว่าไงนะ! ดิเอโกถูกยิงบาดเจ็บ แล้วเขาเป็นยังไงบ้าง แล้วคุณกลับมาทำไม... ทำไมไม่อยู่กับเขา” สุพิชญาอุทานดังลั่นห้องเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของบอดี้การ์ดใหญ่ หัวใจสาวสั่นระรัวไปหมด เพราะทั้งกังวลและหวาดกลัวเกี่ยวกับอาการของดิเอโก
“เควินคะ เอาเรือออก ฉันจะไปหาเขา พาฉันไปหาดิเอโกที”
“ใจเย็นก่อนครับมิส ตั้งสติ หายใจเข้าลึกๆ แล้วฟังครับ” บอดี้การ์ดใหญ่บอกเสียงเข้มเกือบดุหวังเรียกสติหญิงสาวที่บัดนี้ดูท่ากระเจิดกระเจิงเสียแล้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีทีท่าสงบลง เขาก็ค่อยๆ บอกเล่าเหตุการณ์ต่อไปตามบทที่ซักซ้อมมาอย่างดี
“ดิเอโกบาดเจ็บจริงแต่ว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว และอยู่ในความคุ้มครองของตำรวจ มิสไม่ต้องกังวลครับ และที่ผมกลับมานี่ เป็นเพราะดิเอโกสั่งให้ผมมาคุ้มกันมิส เพราะพวกของเดฟอาจคิดจะรุกรานมาถึงที่นี่ก็ได้”
“ต่อสายดิเอโกให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ” สุพิชญาร้องขออย่างน่าสงสารหลังจากฟังคำบอกเล่าของบอดี้การ์ดใหญ่จบ เพียงแค่ได้ยินว่าเขาปลอดภัยเธอก็เบาใจแต่ก็ยังอยากได้ยินเสียงให้แน่ใจอีกครั้งว่าเควินไม่ได้หลอกล่อให้เธอวางใจ
“ผมคงทำตามคำขอของมิสไม่ได้ เพราะตอนนี้ทุกอย่างถูกคุมเข้มห้ามใครติดต่อกับดิเอโก” ปฏิเสธออกไป ในใจคิดว่าดิเอโกช่างเดาใจผู้เป็นนายหญิงออกราวกับมานั่งในใจอย่างไรอย่างนั้น เพราะสุพิชญาร้องขอตามที่ดิเอโกคาดการณ์ไว้จริงๆ ทำให้เขามีเหตุผลในการอธิบายให้เธอฟังได้ แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายยังมีสีหน้ากังวล เควินก็จำต้องแอบบอกกลายๆ
“เอาเถอะครับ ผมขอให้มิสทำใจให้สบาย บางทีพรุ่งนี้ ดิเอโกอาจกลับมาเกาะบาหลันก็ได้”
“บางที...” สุพิชญาทวนคำนั้นตาโต เควินมองเห็นแววไหวระริกด้วยความยินดีกึ่งสับสนในดวงตาคู่สวย บอดี้การ์ดใหญ่จึงได้แต่แอบลอบยิ้มในใจ เห็นทีเหตุการณ์ครั้งนี้น่าจะเป็นเพราะดิเอโกคงต้องการลองใจคนตรงหน้าเขาอย่างแน่นอน
“ครับบางที...” ตอบเพียงแค่นั้นแล้วยิ้มบางๆ ให้อย่างปลอบโยน เมื่ออีกฝ่ายไม่มีทีท่าจะซักถามต่อ เควินก็บอกกล่าวต่อไป “แต่ตอนนี้มิสพักผ่อนและอยู่แต่ในห้องก่อนเถอะครับ ผมจะให้คนจัดอาหารมาให้มิส บนห้อง ส่วนผมจะดูแลความเรียบร้อยอยู่ด้านล่าง หากมิสต้องการอะไรแจ้งบอดี้การ์ดหน้าห้องได้ทันที”
“ขอบคุณค่ะเควิน” เอ่ยขอบคุณแผ่วเบาทอดสายตามองตามร่างสูงของบอดี้การ์ดใหญ่ เมื่อในห้องเหลือเธอเพียงคนเดียว สุพิชญาก็ได้แต่ถอนใจก่อนพาตัวเองไปทิ้งกายนั่งลงบนเตียงนอนอย่างอ่อนล้า สายตาคู่งามหม่นเศร้ายามเหม่อมองออกไปยังทิวทัศน์เบื้องนอกผนังกระจกบานใหญ่
********************************************
“ดิเอโก!” เสียงหวานอุทานดังลั่นมาจากชั้นบนของตัวบ้านเมื่อเห็นเจ้าพ่อใหญ่ปรากฏกายในโถงรับแขกด้านล่าง สองเท้ารีบก้าวลงบันไดอย่างรวดเร็วไม่ผิดไปจากเมื่อวานสักนิดจะต่างกันก็เพียงแค่เมื่อก้าวลงจากบันไดขั้นสุดท้ายหญิงสาวก็ถลาเข้าหาเจ้าของชื่อที่เธอเรียกขานทันที
“ยาหยี” ดิเอโกกางแขนข้างหนึ่งออกรับร่างบางที่โผเข้าหาก่อนเหนี่ยวรั้งร่างนั้นเข้าแนบอกแล้วจรดปลายจมูกโด่งที่ศีรษะสวยได้รูปสูดเก็บกลิ่นหอมอ่อนๆ ของยาสระผมชั้นดีเข้าเต็มปอด แล้วประทับจูบหนักๆ ที่หน้าผากมนเมื่อเจ้าของแหงนเงยใบหน้าขึ้นสบตาเขา
“คุณกลับมาแล้ว คุณเป็นยังไงบ้างคะ ตายจริง! นี่คุณบาดเจ็บขนาดนี้เลยหรือนี่ แล้วทำไมรีบกลับมาคะ ทำไมไม่นอนโรงพยาบาลให้หายดีก่อน แล้วหมอตรวจอาการละเอียดแล้วหรือยัง” ถามไถ่ด้วยความห่วงใย นั่นทำให้เจ้าพ่อใหญ่แทบฉีกยิ้มกว้างด้วยความยินดี แต่เพราะยังต้องแสดงบทบาทผู้ได้รับบาดเจ็บอยู่จึงได้แต่แค่ยิ้มให้ด้วยท่าทางดูอ่อนระโหย
“ชู่ว... ใจเย็นๆ ครับยาหยี ผมไม่เป็นไรนะ”
“แต่คุณบาดเจ็บนี่คะ” ไม่วายแย้งด้วยความกังวล เพราะคนตัวโตเหนื่อยอ่อนเต็มทีราวกับว่าจะทรุดลงได้ในนาทีใดนาทีหนึ่ง ดิเอโกมองสบดวงตาคู่งามด้วยความรู้สึกซาบซึ้งอย่างแท้จริง หากไม่ติดว่ามีสายตาบอดี้การ์ดนับสิบคู่จ้องมองอยู่ เขาคงได้มอบรางวัลเป็นจูบแสนหวานให้เธอแล้ว
“ใช่ครับยาหยี ผมบาดเจ็บ แต่ตอนนี้คิดว่าหายแล้ว”
“คะ” อุทานเชิงถามพลางกระพริบตาปริบๆ ขณะมองเขา ดิเอโกอมยิ้มแอบหัวเราะขันหญิงสาวในใจ หากเธอจับได้ว่าเขาสร้างเรื่องราวโกหกเธอจะเคืองโกรธเขามากไหมนั่นสุดจะคาดเดา
“แค่รู้ว่าคุณเป็นห่วงผมก็หายแล้วล่ะ” ตอบพลางใช้ปลายนิ้วโป้งลูบไล้พวงแก้มแผ่วเบาพร้อมส่งยิ้มอบอุ่นให้ สายตาคู่สีสนิมเต็มไปด้วยแววหวามหวาน สุพิชญาขัดเขินกับท่าทีนั้น มือน้อยพลอยเกิดอาการเกะกะไปด้วย หญิงสาวจึงยกขึ้นฟาดเผียะเข้าที่ต้นแขนแกร่งข้างที่มีผ้าพันแผลแปะอยู่ด้วยความเขินอาย “บ้าจริงคุณนี่”
“โอ๊ย!! ยาหยี นี่แผลผมนะครับ” แสร้งอุทานลั่นจนสุพิชญาพลอยตกใจไปด้วย หญิงสาวรีบร้องขอลุแก่โทษด้วยท่าทีตื่นตระหนก “ตายจริง!! ขอโทษค่ะ ฉันลืมไป เจ็บมากไหมคะ”
ดิเอโกแสร้งทำสีหน้าคล้ายพยายามเก็บกลั้นความเจ็บปวดไว้ นั่นทำให้สุพิชญายิ่งหน้าเสียหนักกว่าเดิมหลายเท่าตัว
“ไม่เป็นไรหรอกครับยาหยี” บอกพร้อมทอดสายตาอ่อนโยนมองก่อนชักชวนอีกฝ่ายกลับขึ้นห้องด้วยเหตุผลที่สุพิชญาปฏิเสธไม่ได้
“เราขึ้นไปข้างบนกันเถอะผมรู้สึกเพลียๆ เควินตรวจตราทุกจุดอย่างเคร่งครัด จัดเวรยามอย่าให้ขาด เห็นใครแปลกหน้ามาจัดการได้ทันที”
“ครับดิเอโก”
“ไปเถอะครับยาหยี ผมอยากฟัด... เอ๊ย!! อยากนอนเต็มทีแล้วล่ะ” หันมาชวนอีกครั้งหลังจากสั่งการบอดี้การ์ดคนสนิทเรียบร้อย
สุพิชญารีบถามไถ่ด้วยความห่วงใย “ไปค่ะ คุณเดินไหวไหมคะ ให้ฉันช่วยประคองดีกว่านะคะ” จบคำหญิงสาวก็ขยับเข้าประคองร่างสูงใหญ่ด้วยเกรงว่าเขาอาจบาดเจ็บในส่วนอื่นอีกที่เธอมองไม่เห็น ซึ่งอาจทำให้เคลื่อนไหวได้ไม่ถนัด
“ครับ ผมเองก็รู้สึกมึนๆ เหมือนกัน” เจ้าพ่อใหญ่ตอบรับคำเก็บซ่อนยิ้มเจ้าเล่ห์ไว้ภายใต้สีหน้าเหนื่อยอ่อน ขยับท่อนแขนแกร่งข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บขึ้นโอบไหล่หญิงสาวแล้วพากันเดินขึ้นไปยังชั้นบนของเรือนพักมีสายตาของบอดี้การ์ดคนสนิทมองตามตาไม่กระพริบด้วยอึ้งกับมารยาของผู้เป็นเจ้านาย
“ยาหยี... คุณช่วยถอดเสื้อให้ผมหน่อยสิครับ... ผมถอดไม่ถนัด” ดิเอโกเริ่มอ้อนทันทีที่ถึงห้อง เจ้าพ่อใหญ่กลายเป็นเด็กน้อยไปเสียแล้วในตอนนี้ สุพิชญาชะงักเท้าที่กำลังก้าวไปยังโซฟามุมห้องเพื่อจัดเตรียมที่นั่งให้เหมาะกับคนเจ็บ หญิงสาวหันมายิ้มบางเบาให้ก่อนเดินกลับมาหาเพื่อทำตามที่เขาร้องขอ
“มาค่ะ ฉันช่วยถอดให้” มือน้อยรับเสื้อสูทที่ใช้เพียงแค่คลุมไหล่กว้างมาพาดแขนของตัวเองไว้ แล้วค่อยๆ บรรจงปลดกระดุมเชิ้ตเนื้อดีออกทีละเม็ดๆ อย่างคล่องแคล่ว หญิงสาวพยายามคุมสติให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะหัวใจเธอมันเริ่มเต้นรัวเร็วและแรงเมื่อเห็นแผงอกกว้างที่เต็มไปด้วยไรขนสีน้ำตาลอ่อน
“โอ๊ะ! / อุ๊ย!” ดิเอโกแสร้งอุทานเมื่อสุพิชญาดึงรั้งเสื้อเชิ้ตให้หลุดออกจากแขนแกร่ง หญิงสาวพลอยอุทานไปกับเขาด้วย“ขอโทษค่ะ ฉันจะระวังให้มากกว่านี้นะคะ คุณช่วยยกแขนข้างนี้ขึ้นสูงอีกนิดได้ไหมคะ ไหวไหม” ท้ายประโยคถามด้วยความห่วงใยหลังจากที่สั่งให้เขาขยับแขนข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บขึ้นเพื่อเธอจะได้ถอดเสื้อได้ง่ายขึ้น“ดะ...ได้ครับ” เจ้าพ่อใหญ่เอ่ยตอบเสียงตะกุกตะกักใบหน้าเหยเกเต็มที ดวงตาคู่สนิมหรี่มองหญิงสาวที่ค่อยๆ บรรจงถอดเสื้อ“แล้วกางเกง...”สุพิชญาหน้าแดงซ่านราวลูกตำลึงสุกเมื่อดิเอโกถามค้างเพียงเท่านั้น หญิงสาวหลุบตาต่ำอย่างเขินอายก่อนตวัดสายตาขึ้นมองสบดวงตาสีสนิม ในที่สุดเธอก็กลั้นหายใจกัดฟันตอบออกไป“ฉะ...ฉัน เอ่อ... ฉันช่วยถอดให้ก็ได้ค่ะ”“ขอบคุณนะครับยาหยี เพราะผมเจ็บแบบนี้คุณเลยต้องลำบาก”ดิเอโกบอกพร้อมทอดสายตาอ่อนโยนเป็นการขอบคุณ สุพิชญายิ้มหวานให้ก่อนเอ่ยบอกจากใจจริงเช่นกัน“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่คุณยังหายใจอยู่ ฉันก็ดีใจแล้ว เพราะหากคุณเป็นอะไรไปใครจะอนุญาตให้ฉันกลับบ้านล่ะคะ” ท้ายประโยคสัพยอกนั่นทำให้ดิเอโกหลุดหัวเราะออกมากับวาจาค่อนแคะเขา“ยาหยี นี่ผมมีค่าแค่นั้นเองเหรอ” คนตัวโ
ภายในห้องพักสุดหรูของบ้านพักตากอากาศในพื้นที่ส่วนบุคคลหลายร้อยไร่บนเกาะบาหลียามนี้ บรรยากาศภายในห้องช่างสุดแสนโรแมนติก แสงนวลสีเหลืองอ่อนจากโคมไฟระย้าที่ตกกระทบผนังห้องสีครีมชวนให้เกิดแสงสว่างนุ่มนวลตา บนเตียงกว้างด้านหนึ่งของห้องปรากฏเรือนร่างของหญิงสาวทรวดทรงสุดเซ็กซี่ภายใต้ชุดราตรีสั้นสีเขียวมรกตขับให้ผิวนวลดูผุดผ่องต้องตาตรงหน้าประตูห้องน้ำที่เพิ่งแง้มออก ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มชาวสเปนผู้มีเชื้อสายละตินวัยสามสิบห้าปี ผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มตัดรองทรงดูยุ่งเหยิงน้อยๆ ด้วยผ้าขนหนูสีขาวที่ถูกฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นซับน้ำให้พอแห้งหมาดๆ ดวงตาสีสนิมจับจ้องเรือนร่างยวนตาบนเตียงกว้างอย่างพอใจ เขารู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกระตุ้นความต้องการของเขามากเท่านี้สองเท้าค่อยๆ ก้าวเข้าหาเตียงกว้างก่อนที่จะหยุดข้างเตียงและหย่อนกายนั่งลงข้างเรือนร่างโปร่งบาง ริมฝีปากบางเฉียบกระตุกยิ้มอย่างพึงพอใจยามยื่นฝ่ามือหนาออกไปสัมผัสลูบไล้นวลเนื้อเนียนตรงต้นแขนเรียวอย่างแผ่วเบา ไม่น่าเชื่อว่าเพียงเท่านั้นเรือนกายแกร่งก็ออกอาการสั่นเทาราวเป็นไข้ ดวงตาสีสนิมตวัดไล้ไปทั่วเรือนร่างราวต้อ
กายสาวกระตุกเฮือกราวหวาดผวาเมื่อยอดดอกบัวงามสัมผัสถึงความร้อนชื้นในโพรงปากนุ่มที่เข้าครอบครองดื่มด่ำราวกำลังหิวกระหายหลังจากฝ่ามือร้อนระอุบรรจงสรรค์สร้างให้ก้อนเนื้อนุ่มกลายเป็นดอกบัวคู่งามชูชันแข่งกันอวดโฉมรอเหล่าภมรมาคลอเคล้าเสียงหวีดร้องขัดขืนแปรเปลี่ยนเป็นครวญครางกระเส่าด้วยรู้สึกเร่าร้อนไปทั้งกายและใจยามทั้งมือและอุ้งปากที่เต็มไปด้วยธารน้ำอุ่นซ่านสลับสับกันคลึงเคล้าด้วยท่วงทำนองที่สอดประสานกันราวกำลังบรรจงสรรค์สร้างดอกบัวคู่งามให้เป็นงานศิลป์อันตระการตาแรงขัดขืนค่อยๆ ลดน้อยถอยลงจนแทบมลายหายไปสิ้น ทั้งที่ใจอยากต่อต้านแต่กายกลับไหวสะท้านสั่นระริกไปกับสัมผัสแปลกใหม่จากชายแปลกหน้าชนิดที่หญิงสาวผู้รักนวลสงวนตัวอย่าง สุพิชญา นาฏดิลก ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตนี้เรียวแขนอันงดงามผวาเข้ากอดรัดต้นคอแกร่งแน่นอย่างหวาดผวา เพราะเพียงฝ่ามือใหญ่ปลดปล่อยข้อมือน้อยทั้งสองข้างให้หลุดออกจากพันธนาการ เรือนร่างบอบบางก็ถูกผลักให้นอนราบทาบทับลงไปกับเตียงกว้าง ทุกการกระทำช่างรวดเร็วเสียจนหญิงสาวไม่มีโอกาสดึงสติให้กลับมาสมบูรณ์พร้อม เพียงเธอผวาเกาะกอด เรือนกายแข็งแกร่งก็โน้มทาบทับลงมาและเริ่มรุกเร้
“เห็นไหม... มันก็เหมือนๆ กับที่คุณเคยสัมผัส มันอาจจะใหญ่กว่าแต่ผมสัญญาว่าคุณกับมันจะเข้ากันได้ดี” ดิเอโกกระซิบปลอบประโลมดวงตา สีสนิมจับจ้องดวงตาคู่หวานราวต้องการถ่ายทอดความอบอุ่นไปให้“ดะ...ดิเอโก ฉันไม่” สุพิชญาพยายามทักท้วงว่าเขากำลังเข้าใจผิด แต่สติแทบหลุดเมื่ออีกฝ่ายจับกุมมือน้อยของเธอไว้มั่นไม่ยอมปล่อย ซ้ำยังบังคับให้ขยับเขยื้อนลูบคลำส่วนนั้นของร่างกายที่กำลังตื่นตัวตอบรับสัมผัสจากเธออย่างเริงร่า“ปะ...ปล่อย! ได้โปรด... ” สุพิชญาพยายามวิงวอนอีกครั้ง ใจดวงน้อยทั้งหวาดหวั่นและหวามไหว ใจหนึ่งใคร่อยากรู้อยากเห็นอยากลิ้มลองสัมผัสแสนวาบหวามนี้ต่อไปไม่สิ้นสุด แต่ใจหนึ่งยื้อยุดให้ตระหนักถึงศีลธรรมอันดีงาม ยามนี้ไฟราคะกำลังปะทะกับสำนึกฝ่ายดีจนหญิงสาวแทบอยาก กรีดร้องระบายความอึดอัดที่แสนทรมานนั้นให้หมดไป“มาถึงขั้นนี้แล้วจะให้ผมถอยง่ายๆ ได้ไงยาหยี” เจ้าพ่อใหญ่กระซิบด้วยเสียงแหบพร่า ปล่อยมือน้อยให้เป็นอิสระแล้วเปลี่ยนเป้าหมายลากไล้ทักทายจุดกระสันเพื่อสร้างความซาบซ่านให้อีกฝ่ายทันที“ดะ...ดิเอโก อย่า... อื้อ!” เสียงหวานขยับจะทักท้วงแต่เพียงแค่เอ่ยห้ามปลายเสียงก็กลับกลายเป็นครวญครางเมื่อเจ้
“แกว่าอะไรนะเควิน” เจ้าพ่อใหญ่ตวาดกร้าวราวกำลังเกรี้ยวกราดอย่างสุดแสนเควิน เมดิสัน ผู้เป็นทั้งคนสนิทและมือขวาของ ดิเอโก เค เวนนิส เจ้าพ่อบ่อนคาสิโนผู้ยิ่งใหญ่ ได้แต่ยืนก้มหน้าสงบนิ่งอย่างยอมรับความผิดพลาดในงานที่ได้รับมอบหมาย ดวงตาสีน้ำทะเลภายใต้แว่นกันแดดสีดำสนิทมองผ่านเลนส์แว่นนั้นจับจ้องที่ผืนพรมนิ่งไม่ไหวติง“มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง” ดิเอโกเค้นเสียงถามอย่างหงุดหงิดใจเมื่อลูกน้องคู่ใจเอาแต่สงบเงียบ เจ้าพ่อใหญ่หัวเสียกับสิ่งที่ได้รับรู้เมื่อแรกอรุณของวันใหม่ ทั้งที่เมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมาช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนอิ่มเอมใจ หญิงสาวแสนบริสุทธิ์ผู้เร่าร้อนทำให้กระทิงถึกอย่างเขาคึกคะนองจนแทบไม่ได้หลับนอนตลอดทั้งคืน“เจ๊ใหญ่บอกว่าผู้หญิงที่เจ๊ส่งตัวมาเกิดหลงทางเลยมาถึงที่นัดหมายช้ากว่ากำหนด แล้วแบตเตอรี่มือถือก็หมดเลยทำให้ติดต่อกันไม่ได้ครับ ดิเอโก”“แล้วผู้หญิงที่นายพามาเป็นใคร” เจ้าพ่อใหญ่ขมวดคิ้วมุ่นยามตวัดสายตาคมกล้าจับจ้องลูกน้องคนสนิทอย่างคาดคั้น เขาไว้วางใจให้เควินทำงานให้นับครั้งไม่ถ้วนทั้งงานใหญ่งานเล็ก เควินไม่เคยผิดพลาด แต่ทว่าครั้งนี้เควินกลับพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย“ไม่ทรา
“ว่าไงนะ” ดิเอโกเลิกคิ้วมองหญิงสาวตรงหน้าที่หาญกล้าว่าเขาเป็นผู้ชายบ้ากามและโมโหร้ายอย่างไม่เกรงกลัว แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้านหรืองุนงงเท่ากับสิ่งที่หญิงสาวกล่าวหาว่าเขาเป็นฝ่ายลักพาตัวเธอมา“นี่คุณ! หูตึงรึไง ฉันถามคุณว่า คุณจับตัวฉันมาทำไม ฉันไม่มีเงินมากพอขนาดที่จะเรียกค่าไถ่ได้หรอกนะ” สุพิชญาสบถด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ดวงตาคู่งามวาววับอย่างไม่คิดเกรงกลัวสักนิด เจ้าพ่อหนุ่มถึงกับตะลึงอึ้งอีกครั้งกับวาจากล่าวหานั้น“ผมเนี่ยนะจับคุณมาเรียกค่าไถ่”“ถ้าไม่ใช่ แล้วคุณจะจับฉันมาทำไม ฉันไปทำอะไรให้คุณ” สุพิชญา ตวาดกลับเสียงขุ่น หญิงสาวจับจ้องผู้ชายที่ทำหน้าเหรอหราราวกับไม่รู้เรื่องใดๆ อย่างหมายมาดเอาเรื่องให้จงได้ผู้ชายบ้า! หน้าไม่อาย ข่มเหงรังแกฉันแล้วยังมีหน้ามาทำไม่รู้เรื่อง อย่าให้ฉันหลุดรอดออกไปได้นะ ฉันจะลากคอนายเข้าตะรางแน่ นายดิเอโก!ดิเอโกจ้องตอบอย่างไม่เกรงกลัว ดวงตาสีสนิมแปรเปลี่ยนเป็นเรืองรองยามหลุบต่ำจ้องมองเนินอกที่โผล่พ้นผ้าห่มผืนหนา อาการหายใจแรงๆ ทำให้เนินอกกระเพื่อมเคลื่อนไหววับๆ แวมๆ ล่อตาล่อใจให้อยากโน้มใบหน้าไปฝากฝังปลายจมูกซุกไซ้เฉกเช่นที่เคยสัมผัสมาเมื่อค่ำคืน“
“ดิเอโก! นี่คุณ!” สุพิชญาอุทานขานนามชายหนุ่มที่เธอรู้จักเพียงชื่อเขาอย่างตื่นตะลึง ดวงตาคู่งามเบิกกว้างจ้องมองเจ้าพ่อใหญ่อย่างไม่อยากเชื่อในคำพูดนั้น“ผมชื่อ ดิเอโก เค เวนนิส เจ้าพ่อบ่อนคาสิโนที่ใครๆ ก็ยอมสยบแทบเท้า ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธผม จำไว้!” ดิเอโกเหยียดยิ้มอย่างเย้ยหยัน เขาไม่จำเป็นต้องต่อล้อต่อเถียงหรือพะเน้าพะนอเอาใจใคร ในเมื่ออะไรที่เขาต้องการเขาต้องได้เสมอเธอไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่เขาขึ้นเตียงด้วย แม้จะติดใจในรสสวาท แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องสยบแทบเท้าและปล่อยให้เธอแผลงฤทธิ์ใส่เขาอย่างไม่กลัวเกรงสุพิชญายิ่งตะลึงหนักขึ้นเมื่ออีกฝ่ายแนะนำตัวเองเสียเต็มยศ คำว่า ‘เจ้าพ่อบ่อนคาสิโน’ กระตุกใจดวงน้อยได้ดีทีเดียว แต่ทว่าคนอย่างสุพิชญาหรือจะยอมลงให้ใครง่ายๆ หากเธอถูกระรานเธอก็จะต่อต้านสุดฤทธิ์เช่นกัน“คุณไม่กล้าแน่ดิเอโก ฉันไม่ใช่คนจรจัดที่คุณจะจับมัดมือขายทอดตลาดอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย หากฉันหายไป คนที่บ้านฉันเขาต้องแจ้งความและตามหา อีกไม่นานคุณก็จะถูกตำรวจจับแน่นอน”เมื่อเอ่ยวาจาท้าทายไปแล้วหญิงสาวก็ต้องกล้ำกลืนก้อนแข็งๆ ที่แล่นขึ้นมาจุกแน่นตรงลำคอ ความจริงที่เธอรู้ดี ไม
ทางเดินด้านหน้าเป็นถนนเส้นยาวที่ไกลสุดหูสุดตาไม่อาจคาดเดาได้ว่าปลายทางไปบรรจบลงตรงที่ใด สองข้างทางถูกปกคลุมไปด้วยม่านหมอกสีขาวจางที่พอรวมตัวกันทำให้มองรอบข้างได้ไม่ชัดเจนนัก หญิงสาวพยายามเพ่งมองไปข้างหน้าตามเส้นทางที่พอมองเห็นเลือนลาง เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้เธอกำลังอยู่ที่ใดแล้วใครๆ หายไปไหนกันหมด หญิงสาวพยายามเปล่งเสียงเพื่อตะโกนเรียกหาใครสักคนแต่กลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา สุพิชญารู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาในใจลึกๆ พลันสายตาก็เริ่มมองเห็นใครคนหนึ่งเดินอยู่ด้านหน้าไม่ไกลนัก หญิงสาวพยายามวิ่งตามแต่ไม่รู้เรี่ยวแรงหายไปไหน ภาพเบื้องหน้าค่อยๆ ไกลออกไปแต่กลับยิ่งชัดเจนในดวงตาคู่งาม‘พี่ติ’สุพิชญาส่งเสียงเรียกชายหนุ่มตรงหน้าแผ่วเบาแต่เหมือนเขาจะได้ยินเสียงเรียกนั้น เขาหันกลับมามองเธอ ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน คล้ายกับว่าเขากำลังพูดอะไรสักอย่างกับเธอ หญิงสาวพยายามตั้งใจฟัง เสียงที่ลอยมาแผ่วเบาแต่เธอรู้สึกเหมือนมันดังก้องอยู่ในหัว‘พิชชา... พี่รักเธอ’ได้ยินเท่านั้นพลันสุพิชญาก็รู้สึกราวถูกตีอย่างแรงที่หัว ความรู้สึกหมุนคว้างดังกำลังตกจากที่สูง แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป เธอก็รู้สึกสะดุ้งสุดตัวแกร๊
“โอ๊ะ! / อุ๊ย!” ดิเอโกแสร้งอุทานเมื่อสุพิชญาดึงรั้งเสื้อเชิ้ตให้หลุดออกจากแขนแกร่ง หญิงสาวพลอยอุทานไปกับเขาด้วย“ขอโทษค่ะ ฉันจะระวังให้มากกว่านี้นะคะ คุณช่วยยกแขนข้างนี้ขึ้นสูงอีกนิดได้ไหมคะ ไหวไหม” ท้ายประโยคถามด้วยความห่วงใยหลังจากที่สั่งให้เขาขยับแขนข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บขึ้นเพื่อเธอจะได้ถอดเสื้อได้ง่ายขึ้น“ดะ...ได้ครับ” เจ้าพ่อใหญ่เอ่ยตอบเสียงตะกุกตะกักใบหน้าเหยเกเต็มที ดวงตาคู่สนิมหรี่มองหญิงสาวที่ค่อยๆ บรรจงถอดเสื้อ“แล้วกางเกง...”สุพิชญาหน้าแดงซ่านราวลูกตำลึงสุกเมื่อดิเอโกถามค้างเพียงเท่านั้น หญิงสาวหลุบตาต่ำอย่างเขินอายก่อนตวัดสายตาขึ้นมองสบดวงตาสีสนิม ในที่สุดเธอก็กลั้นหายใจกัดฟันตอบออกไป“ฉะ...ฉัน เอ่อ... ฉันช่วยถอดให้ก็ได้ค่ะ”“ขอบคุณนะครับยาหยี เพราะผมเจ็บแบบนี้คุณเลยต้องลำบาก”ดิเอโกบอกพร้อมทอดสายตาอ่อนโยนเป็นการขอบคุณ สุพิชญายิ้มหวานให้ก่อนเอ่ยบอกจากใจจริงเช่นกัน“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่คุณยังหายใจอยู่ ฉันก็ดีใจแล้ว เพราะหากคุณเป็นอะไรไปใครจะอนุญาตให้ฉันกลับบ้านล่ะคะ” ท้ายประโยคสัพยอกนั่นทำให้ดิเอโกหลุดหัวเราะออกมากับวาจาค่อนแคะเขา“ยาหยี นี่ผมมีค่าแค่นั้นเองเหรอ” คนตัวโ
“ว่าไงนะ! ดิเอโกถูกยิงบาดเจ็บ แล้วเขาเป็นยังไงบ้าง แล้วคุณกลับมาทำไม... ทำไมไม่อยู่กับเขา” สุพิชญาอุทานดังลั่นห้องเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของบอดี้การ์ดใหญ่ หัวใจสาวสั่นระรัวไปหมด เพราะทั้งกังวลและหวาดกลัวเกี่ยวกับอาการของดิเอโก“เควินคะ เอาเรือออก ฉันจะไปหาเขา พาฉันไปหาดิเอโกที”“ใจเย็นก่อนครับมิส ตั้งสติ หายใจเข้าลึกๆ แล้วฟังครับ” บอดี้การ์ดใหญ่บอกเสียงเข้มเกือบดุหวังเรียกสติหญิงสาวที่บัดนี้ดูท่ากระเจิดกระเจิงเสียแล้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีทีท่าสงบลง เขาก็ค่อยๆ บอกเล่าเหตุการณ์ต่อไปตามบทที่ซักซ้อมมาอย่างดี“ดิเอโกบาดเจ็บจริงแต่ว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว และอยู่ในความคุ้มครองของตำรวจ มิสไม่ต้องกังวลครับ และที่ผมกลับมานี่ เป็นเพราะดิเอโกสั่งให้ผมมาคุ้มกันมิส เพราะพวกของเดฟอาจคิดจะรุกรานมาถึงที่นี่ก็ได้”“ต่อสายดิเอโกให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ” สุพิชญาร้องขออย่างน่าสงสารหลังจากฟังคำบอกเล่าของบอดี้การ์ดใหญ่จบ เพียงแค่ได้ยินว่าเขาปลอดภัยเธอก็เบาใจแต่ก็ยังอยากได้ยินเสียงให้แน่ใจอีกครั้งว่าเควินไม่ได้หลอกล่อให้เธอวางใจ“ผมคงทำตามคำขอของมิสไม่ได้ เพราะตอนนี้ทุกอย่างถูกคุมเข้มห้ามใครติดต่อกับดิเ
“หยุดก่อน!” เสียงหวานของสุพิชญาดังมาจากตรงเชิงบันได บอดี้การ์ดหนุ่มที่เดินอยู่ในบริเวณนั้นหยุดชะงักก่อนหันมาทำความเคารพนายหญิง“ครับมิส”“ฉันได้ยินแว่วๆ ว่าใครเป็นอะไร” สุพิชญาถามรัวเร็วเมื่อก้าวเดินเข้าไปใกล้บอดี้การ์ด เหตุเพราะเธอได้ยินบทสนทนาที่ดูเหมือนว่าใครเกิดการปะทะกับใคร ความใจร้อนทำให้เธอตะโกนเรียกเหล่าบอดี้การ์ดไว้เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังจะแยกย้ายกันไปตามจุดต่างๆ“เอ่อ... คือ... ”“ว่าไงคะ” หญิงสาวยิงคำถามจี้ถามติดๆ กันเมื่อพากันเอาแต่อ้ำอึ้ง สุพิชญาเค้นเอาคำตอบด้วยการจ้องเขม็งสายตานิ่งสนิทเป็นการบอกกลายๆ ว่าหากไม่ได้รับคำตอบเธอจะไม่มีวันปล่อยให้ใครเดินจากไปเด็ดขาดหัวหน้าบอดี้การ์ด ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนตัดสินใจบอกกล่าวผู้เป็นนายหญิง“เควินสั่งการมาให้พวกเราคุมเข้มทุกจุด เพราะเกิดการปะทะกับเดฟที่เดอะไนท์ครับมิส”“ปะทะกับเดฟ! ที่เดอะไนท์” สุพิชญาอุทานตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน หัวใจแทบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม หญิงสาวร้อนรุ่มไปหมด ในใจลึกๆ ยังปฏิเสธว่าสิ่งที่ได้ยินไม่ใช่เรื่องจริง แต่ทว่า...“ครับมิส เชิญมิสขึ้นไปพักบนห้องดีกว่าครับ ผมจะให้คนไปคุ้มกันความปลอดภัยที่หน้าห้อง”“เดี๋ยว! แล้วดิเ
เมื่อเห็นคนแสนพยศเอาแต่นิ่งเงียบนัยน์ตาหม่นเศร้า เจ้าพ่อใหญ่ก็เลื่อนมือมาจับไหล่กลมกลึงสองข้างก่อนเลื่อนฝ่ามือข้างหนึ่งมาแตะพวงแก้มนุ่มนิ่มแล้วใช้ปลายนิ้วเชยปลายคางให้เธอแหงนเงยใบหน้าขึ้นมองเขา แต่การกระทำนั้นราวเป็นการบังคับกลายๆ ให้เธอต้องสบตาเขาและห้ามเบือนหน้าหลบหนีเด็ดขาดจนกว่าเขาจะพูดจบ“ผมดูแลคุณไม่ดีตรงไหนหรือเปล่ายาหยี คุณถึง...”“ดิเอโกคะ... ฉันยอมรับว่าคุณดูแลฉันดีมาก แต่ฉันก็ไม่ลืมว่าฉันมาอยู่ที่นี่ด้วยความไม่เต็มใจ” พยายามให้เหตุผลหลังจากสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดด้านดิเอโกเมื่อได้ฟังวาจานั้นเจ้าพ่อใหญ่ก็เริ่มเกิดอารมณ์หงุดหงิด เหตุเพราะไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่เขาต้องมาคุยเรื่องนี้กับเธอ“ฟังนะยาหยี! คุณอาจจะคอยย้ำเตือนตัวเองตลอดเวลาว่าคุณมาด้วยความไม่เต็มใจ นั่นมันเป็นเพราะคุณอคติ คุณถึงได้พยายามสร้างกำแพง ยกเหตุผลสารพัดเพียงเพื่อหลอกตัวเองว่าคุณไม่มีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ แต่คุณไม่เคยยอมรับตัวเองต่างหากว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นคุณเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ กลับกันคุณกลับเต็มใจรับมันด้วยซ้ำ” “ดิเอโก!” ขานนามนั้นอย่างตกตะลึง เพราะสิ่งที่เขาพูดมานั้นมันกระแทกใจเธออย่างจัง“หรือคุณจะบอ
ตลอดช่วงสายของวันนั้นจนเวลาล่วงเลยมาค่อนคืน สุพิชญาเฝ้าคอยดูแลแม่ลูกอ่อนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีภาวะแทรกซ้อนหลังคลอดเกิดขึ้น หญิงสาวไม่คิดว่าดิเอโกจะใจดีสั่งการให้เคลื่อนย้ายลูกน้องหญิงไปพักที่เรือนใหญ่ซึ่งเป็นที่พักส่วนตัวของเขา ซ้ำดิเอโกเองก็เฝ้าวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ไม่คิดปล่อยหญิงสาวไว้ตามลำพังเจ้าพ่อใหญ่สั่งการให้แม่บ้านจัดเตรียมอาหารมาให้เขาและเธอ แม้หญิงสาวจะเอ่ยปากหลายครั้งให้เขาไปพักผ่อนอย่าได้กังวลเกี่ยวกับเธอ แต่ดิเอโกก็หาได้ฟังไม่ เขายังยืนยันอยู่เป็นเพื่อนเธอและคอยสอดส่องสายตามองหาตลอดเวลาที่เธอหายเข้าไปในห้องพัก และยามนี้เวลาก็ล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่มาได้ชั่วโมงกว่าแล้วหญิงสาวตั้งใจว่าอีกสักพักเธอก็จะเอนกายพักผ่อนบ้าง ด้วยอาการของแม่หลังคลอดนั้นไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงแล้ว แต่เมื่อเธอก้าวพ้นประตูห้องออกมาก็พบดิเอโกนอนขดกายอยู่บนโซฟาที่ขนาดไม่พอดีกับร่างกายสูงใหญ่ของเขาสักนิด สุพิชญาส่ายหน้ากับภาพนั้นก่อนเดินเข้าไปหาหวังจะปลุกให้เขากลับเรือนพักไปนอนให้สะดวกสบาย“ดิเอโกคะ ตื่น... ว้าย!!” เสียงหวานหวีดร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ๆ ก็ถูกตวัดรวบแขนบิดพ่ายไปด้านหลังเพียงแค่เธอยื
“ฉันต้องการสถานที่และอุปกรณ์เดี๋ยวนี้”“คุณต้องการอะไรบ้างว่ามา”สุพิชญาบอกสิ่งที่ตัวเองต้องการ ดิเอโกหันไปสั่งความลูกน้องทันทีเช่นกัน ยามนี้ไม่มีทีท่าของคนชอบวางอำนาจไม่ยอมเป็นรองเธอให้เห็นสักนิด“รีบไปจัดการตามที่นายหญิงสั่งสิ”“ครับดิเอโก!!”ตลอดระยะเวลาที่สุพิชญาทำคลอดดิเอโกแทบหายใจไม่ทั่วท้อง เจ้าพ่อใหญ่เดินไปมาให้วุ่นวายไปหมด หัวใจแกร่งร้อนรุ่ม เขาแทบอยากพังประตูเข้าไปเสียเดี๋ยวนี้ ความห่วงใย ความพะวงทำเอาเขาว้าวุ่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่เพราะคำสั่งที่แสนเด็ดขาดของคนที่ดูบอบบางอย่างสุพิชญาว่าให้เขาออกมารอด้านนอก ขอไว้เพียงคนงานหญิงที่เธอให้คอยเป็นผู้ช่วยหยิบจับในสิ่งที่ต้องการเท่านั้น“อุ๊แว้! อุ๊แว้!”“พิชชา!” ดิเอโกอุทานขานเรียกชื่อหญิงสาวออกมาแทบเป็นตะโกนเมื่อได้ยินเสียงเด็กร้องดังออกมาจากด้านใน เจ้าพ่อใหญ่แทบกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจเสียงเด็กที่เล็ดลอดออกมานั้นช่างเหมือนเสียงสวรรค์ เขามั่นใจว่าพิชชาปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว แต่ว่า... เวลาก็ล่วงเลยมาสักระยะแล้วกลับไม่มีใครก้าวออกมาจากห้องสักคน เสียงเด็กก็พลอยเงียบหายไปด้วย“หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้น” เจ้าพ่อใหญ่รำพันกับตัวเอง
“ที่นี่สวยจังค่ะ เงียบสงบดูไม่วุ่นวาย เป็นเกาะที่น่าอยู่มากจริงๆ” สุพิชญาเอ่ยออกมาด้วยใบหน้างามเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หญิงสาวทอดสายตามองไปยังชายหาดขนาดย่อมความยาวไม่ไกลเกินหนึ่งกิโลเมตร ผืนทรายนั้นเป็นสีขาวดูสะอาดตากลมกลืนกับท้องทะเลสีฟ้าใส เธอเพิ่งรู้เมื่อไม่กี่นาทีนี้เองว่า สถานที่เธอยืนอยู่ยามนี้ชื่อว่า ‘เกาะบาหลัน’ เกาะส่วนตัวเล็กๆ เกาะหนึ่งของประเทศอินโดนีเซีย“แล้วคุณอยากอยู่ไหมล่ะ”“คะ” หันขวับไปมองคนที่เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ พลางเลิกคิ้วถามอย่างสงสัยด้วยไม่แน่ใจในสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมา ดิเอโกเบือนหน้าไปมองคนข้างกายพร้อมคลี่ยิ้มบางเบาก่อนเอ่ยประโยคต่อไป“ในเมื่อที่นี่น่าอยู่ ทำไมคุณไม่อยู่เลยล่ะ... ยาหยี”“คะ...คือฉัน” สุพิชญาออกอาการติดอ่างขึ้นมาทันใด หญิงสาวไม่คิดว่าจะได้ยินคำเชิญชวนแสนง่ายนั้น แต่ก่อนที่เธอจะได้เอ่ยคำใดต่อไป ดิเอโกก็แทรกขึ้นด้วยประโยคที่ชวนให้เธออารมณ์กรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยระลึกได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นเธอไม่ได้เต็มใจสักนิด“ผมยินดีนะถ้าคุณจะอยู่กับผมที่นี่มากกว่าหนึ่งเดือน ตามข้อตกลงนั่น”“ฉันบอกคุณกี่ครั้งแล้วคะ ว่าฉันไม่รู้เรื่องข้อตกลงอะไรนั่น คุ
“ว้าย... ดิเอโก!! ตามเข้ามาทำไมคะ” เสียงหวานอุทานลั่นด้วยความตื่นตระหนกเมื่อเธอเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว แต่ก่อนที่จะทันได้ปิดประตู ดิเอโกก็แทรกตัวเข้ามาแล้วจัดการปิดล็อกเสียเอง สุพิชญาเบิกตากว้างมองเขาอย่างหวาดหวั่น เธอรู้ตัวดีว่าลงเขาเข้ามาด้วยแบบนี้ เธอไม่มีทางจะรอดพ้นจากเพลิงพิศวาสของเขาไปได้อย่างแน่นอน“ฉันร้อนอยากอาบน้ำ คุณออกไปสิคะ”“ผมก็ร้อนมาก ผมเลยคิดว่าเราน่าจะอาบพร้อมกันดีกว่านะ จะได้ไม่เสียเวลา”“ดิเอโก! อุ๊ย!” สุพิชญาอุทานขานชื่อนั้นอย่างตกใจแล้วก็ยิ่งตกใจยิ่งกว่าเมื่อเจ้าพ่อใหญ่ตรงเข้ารวบร่างน้อยเข้าหา หญิงสาวตระหนักทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นนับจากวินาทีนี้ไป“อย่า... ” เสียงหวานร้องห้ามสั่นพร่า แต่ทว่าหาได้หยุดยั้งเจ้าพ่อใหญ่ได้ เพราะฝ่ามือร้อนเริ่มลูบไล้รุกไล่ไปทั่วเรือนกาย ปลายจมูกโด่งก็ซุกซนไปทั่วหัวใจสาวสั่นระรัวเมื่อถูกดันร่างแนบชิดติดผนังห้องน้ำ ปลายนิ้วแกร่งรุกไล่ปลดเปลื้องเสื้อตัวสวยออกจากเรือนร่างราวต้องการตกย้ำให้เธอตระหนักว่า อย่างไรเสียเขาก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจแน่นอน และจ
“เกาะอะไรคะดิเอโก” ถามเมื่อสายตาสบเข้ากับเกาะขนาดย่อมตรงหน้า ตามการคาดเดาด้วยสายตาสุพิชญาคิดว่าอีกไม่ถึงสิบนาที เธอและเขาก็จะถึงที่นั่น อารมณ์ขุ่นมัวที่อีกฝ่ายเอาแต่ใจไม่ยอมให้เธอได้ออกความเห็นหรือเรียกร้องสิทธิ์ใดๆ มลายหายไปสิ้นตั้งแต่ขึ้นเรือมาสุพิชญายอมรับว่า ยามที่ทอดสายตามองออกไปยังท้องทะเลที่กว้างไกลพร้อมปล่อยให้ผิวกายปะทะเข้ากับลมทะเลที่โบกพัดมาทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้น จนมีกะจิตกะใจที่จะหันไปชวนเจ้าพ่อใหญ่พูดคุย แต่ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับมาทำให้แทบอยากเข่นฆ่าเขาเสียเดี๋ยวนั้น“เกาะผมให้แน่นๆ ไงครับยาหยี หรือจะให้ผมเกาะคุณดี ผมเกาะไม่ปล่อยนะจะบอกให้” เขาตอบพลางโน้มกายเข้าหาราวกับว่าจะเกาะกอดเธอต่อหน้าบอดี้การ์ดจริงๆ การกระทำนั้นเรียกเสียงหวีดร้องของหญิงสาวได้เป็นอย่างดี“คนบ้า! คนผี! ฉันหมายถึงเกาะนี้ต่างหาก ชื่อเกาะอะไร” สุพิชญาตวาดเสียงเข้มนัยน์ตาขุ่นเขียวเรียวปากสวยเม้มเข้าหากันอย่างขัดใจ นั่นเรียกเสียงหัวเราะขบขันจากดิเอโกได้มากมายนัก“ฮ่าๆๆ ก็คุณไม่ได้ถามแบบนี้นี่”“นี่คุณอย่ามาเล่นลิ้นนะ” หญิงสาวตั้งท่าข่มขู่ตาโต แต่เจ้าพ่อใหญ่กลับหายำเกรงไม่ ยังคงหยอกเย้าเธฮต่อไปแต่ก็กึ