“เห็นไหม... มันก็เหมือนๆ กับที่คุณเคยสัมผัส มันอาจจะใหญ่กว่าแต่ผมสัญญาว่าคุณกับมันจะเข้ากันได้ดี” ดิเอโกกระซิบปลอบประโลมดวงตา สีสนิมจับจ้องดวงตาคู่หวานราวต้องการถ่ายทอดความอบอุ่นไปให้
“ดะ...ดิเอโก ฉันไม่” สุพิชญาพยายามทักท้วงว่าเขากำลังเข้าใจผิด แต่สติแทบหลุดเมื่ออีกฝ่ายจับกุมมือน้อยของเธอไว้มั่นไม่ยอมปล่อย ซ้ำยังบังคับให้ขยับเขยื้อนลูบคลำส่วนนั้นของร่างกายที่กำลังตื่นตัวตอบรับสัมผัสจากเธออย่างเริงร่า
“ปะ...ปล่อย! ได้โปรด... ” สุพิชญาพยายามวิงวอนอีกครั้ง ใจดวงน้อยทั้งหวาดหวั่นและหวามไหว ใจหนึ่งใคร่อยากรู้อยากเห็นอยากลิ้มลองสัมผัสแสนวาบหวามนี้ต่อไปไม่สิ้นสุด แต่ใจหนึ่งยื้อยุดให้ตระหนักถึงศีลธรรมอันดีงาม ยามนี้ไฟราคะกำลังปะทะกับสำนึกฝ่ายดีจนหญิงสาวแทบอยาก กรีดร้องระบายความอึดอัดที่แสนทรมานนั้นให้หมดไป
“มาถึงขั้นนี้แล้วจะให้ผมถอยง่ายๆ ได้ไงยาหยี” เจ้าพ่อใหญ่กระซิบด้วยเสียงแหบพร่า ปล่อยมือน้อยให้เป็นอิสระแล้วเปลี่ยนเป้าหมายลากไล้ทักทายจุดกระสันเพื่อสร้างความซาบซ่านให้อีกฝ่ายทันที
“ดะ...ดิเอโก อย่า... อื้อ!” เสียงหวานขยับจะทักท้วงแต่เพียงแค่เอ่ยห้ามปลายเสียงก็กลับกลายเป็นครวญครางเมื่อเจ้าพ่อใหญ่ตรงเข้าปลุกเร้าดอกบัวคู่งามพร้อมๆ กระตุ้นจุดกระสันเสียจนกายสาวบิดพล่านด้วยความซาบซ่านหวามไหว
ดิเอโกมองผลงานแสนรัญจวนใจนั้นจนเลือดหนุ่มพุ่งพล่านไปทั่วกาย ขืนเขาปล่อยตามคำขอนั้นเขาคงบ้าไปแล้ว ในเมื่อก้าวเดินต่อไปอีกเพียงไม่ กี่ก้าวเขาและเธอก็จะได้ลงไปแหวกว่ายในธารน้ำที่แสนชุ่มฉ่ำใจ
“ไม่ต้องกลัวนะ ผมรับรองว่าคุณจะรักและหลงใหลมัน” เพียงจบคำเจ้าพ่อหนุ่มก็ดันกายลุกขึ้นนั่งคุกเข่า ท่อนขาแกร่งแยกออกห่างจากกันพอประมาณเพื่อรองรับน้ำหนักตัวและสะโพกกลมมนที่ถูกดึงรั้งเข้ามาแนบชิด ดวงตาสีสนิมวาววับอย่างพึงพอใจยามจับจ้องไปยังปากถ้ำที่มีธารน้ำล้นเอ่อ เรียวฟันงามขบกัดริมฝีปากล่างที่แสนบางมั่นสะกดกลั้นอารมณ์ปรารถนาที่พุ่งพล่านขึ้นยามส่งปลายนิ้วเข้าไปสำรวจตรวจตราในซอกหลืบก่อนที่จะส่งตัวตนที่แท้จริงเข้าไป
“พร้อมนะครับยาหยี” ดิเอโกเอ่ยด้วยเสียงสั่นพร่าราวต้องการให้อีกฝ่ายเตรียมพร้อมต้อนรับนักสำรวจตัวจริงที่เขากำลังจะส่งเข้าไปในซอกอันคับแคบนั้นเพื่อค้นหาแอ่งน้ำอันเป็นต้นน้ำของธารที่ไหลเอ่อล้นมาจนถึงปากถ้ำยามนี้
เจ้าพ่อหนุ่มสุดแสนตื่นตะลึงเมื่อเสียงหวานกรีดร้องราวเจ็บปวดแสนสาหัส แถมซอกหลืบที่คับแคบยังรึงรัดตัวตนเขาแน่นจนไม่อาจแทรกผ่านต่อไปได้ เจ้าพ่อใหญ่ตระหนักได้ในวินาทีนี้เองว่าไม่เคยมีนักสำรวจคนไหนผ่านเข้าช่องทางนี้นอกจากเขา เรียวคิ้วดกเข้มขมวดเข้าหากันอย่างงุนงง ในเมื่อสตรีแต่ละนางที่ถูกส่งมาให้เขาล้วนแล้วแต่เป็นหญิงสาวที่เคยผ่านการทำงานไซด์ไลน์มาแล้วทั้งนั้น แล้วครั้งนี้ข้อมูลที่ได้มาก็เป็นหญิงสาวที่เคยผ่านการทำงานแบบนี้เช่นกัน แต่ทำไมหญิงสาวที่อยู่ภายใต้พันธนาการตรงหน้าเขาถึงยังไม่เคยผ่านมือชายใด
“ดะ...ดิเอโก ฉะ...ฉัน ฉันเจ็บ”
“อยู่นิ่งๆ ก่อนครับยาหยี อย่างดิ้น” เจ้าพ่อใหญ่ก้มลงกระซิบเมื่อ ร่างน้อยกระสับกระส่ายขยับกายราวต้องการให้ชิ้นส่วนที่ยังฝังแน่นอยู่ในซอกหลืบหลุดออกไปเพื่อคลายความเจ็บปวด แต่ยามนี้เขาเหมือนกระทิงถึกที่คึกคะนองพร้อมปราบพยศของคู่ประลองให้สิ้นฤทธิ์ ยิ่งอีกฝ่ายขยับก็ราวยิ่งกระตุ้นให้อยากขับเคลื่อนเข้าไปให้ลึกสุดในซอกหลืบนั้น
“เชื่อผม! อยู่นิ่งๆ แล้วคุณจะรู้สึกดีขึ้นยาหยี” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นอย่างอ่อนโยนราวต้องการปลอบประโลมยามก้มลงจูบซับน้ำตาที่ไหลซึมเปียกชื้นเปลือกตาคู่บาง ริมฝีปากร้อนที่วนเวียนส่งมอบจุมพิตที่แสนอบอุ่นนั้นราวน้ำฝนที่พร่างพรมลงบนพื้นดินที่แข็งกระด้างให้อ่อนนุ่มลง หญิงสาวรู้สึกความรวดร้าวในกายลดลงจนแทบมลายหายไปสิ้น แต่ยังคงเหลือไว้ซึ่งความอึดอัดในเรือนกายที่มีชิ้นส่วนอันใหญ่โตของอีกฝ่ายฝากฝังไว้ไม่ยอมถอดถอย
“ดะ...ดิเอโก” เสียงหวานเรียกขานนามนั้นกระท่อนกระแท่นยามหยัดกายแอ่นอกขึ้นต้อนรับสัมผัสวาบหวามจากอุ้งปากที่เต็มไปด้วยธารน้ำอุ่นซ่านหลั่งไหลแต่งแต้มยอดดอกบัวยามเจ้าของอุ้งปากร้อนระอุดูดดื่มยอดดอกบัวงามคู่นั้นอย่างหลงใหลราวกำลังกัดกินก้อนไอศกรีมที่ราดด้วย คาราเมลหวานล้ำ
เสียงหวีดร้องดังก้องขึ้นอีกหนเมื่อเจ้าพ่อหนุ่มส่งนักสำรวจเข้าไปจนสุดตัวหลังจากที่หลอกล่อให้เจ้าของโพรงถ้ำดื่มด่ำไปกับสัมผัสแสนหวานจนหลงลืมและไม่ทันได้ต้านทาน ดวงตาสีสนิมจับจ้องดวงหน้าหวานล้ำที่ส่ายไปมาราวกำลังทุกข์ทรมาน เจ้าพ่อหนุ่มบังคับนักสำรวจให้หยุดนิ่งเมื่อเจ้าของถ้ำรู้ตัวว่าถูกล่วงล้ำไปจนถึงซอกหลืบลึกสุด ริมฝีปากร้อนระอุพรมจูบกลีบปากนุ่มอย่างหยอกเย้าให้หญิงสาวหลงระเริงไปกับเพลิงพิศวาสที่เขาเฝ้าเติมเชื้อไฟลงไปไม่หยุดหย่อน
เจ้าพ่อใหญ่ค่อยๆ บังคับนักสำรวจให้เริ่มตรวจตราซอกหลืบนั้นอีกครั้งทั้งถอยห่างออกมาจนเกือบสุดปากถ้ำแล้วล่วงล้ำเข้าไปจนลึกสุดครั้งแล้วครั้งเล่าราวต้องการเก็บเกี่ยวรายละเอียดให้ทั่วถึงทุกตารางนิ้ว เจ้าพ่อหนุ่มกระตุกยิ้มอย่างพึงพอใจเมื่อหญิงสาวหยัดกายส่งสะโพกขึ้นตอบรับการขับเคลื่อนทุกช่วงจังหวะ ยามนี้กระทิงถึกออกอาการคึกคะนองเมื่อได้คู่ประลองที่แสนเร้าใจ ไม่ว่าจะจู่โจมด้วยกระบวนท่าใดอีกฝ่ายก็ตอบรับและเป็นฝ่ายจู่โจมกลับเสียจนฝ่ายช่ำชองแทบหลุดร้องครวญครางก้องกับการประลองที่ถึงใจ
เรือนกายที่แข็งแกร่งด้วยเจ้าของออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเกิดอาการสั่นระริกเมื่ออีกฝ่ายตอบโต้อย่างถึงพริกถึงขิงจนเขาครางกระเส่าเสียหลายครั้ง เจ้าพ่อใหญ่สุดแสนปลาบปลื้มกับผลงานที่เฝ้าบรรจงสรรค์สร้างอย่างใจเย็น ใครจะรู้ว่าหญิงสาวผู้มีทีท่าขัดเขินสะเทิ้นอายจะกลายเป็นมาทาดอร์สาวที่พร่างพราวไปด้วยเสน่ห์จนกระทิงถึกเช่นเขาหลงใหลเสียจนไม่อยากห่างกาย
สองหนุ่มสาวต่างเพลิดเพลินกับการแหวกว่ายในธารน้ำที่แสนชุ่มฉ่ำจนแทบหลงลืมเวลา นานเท่านานกว่าการประลองจะสิ้นสุดลง กระทิงถึกที่คึกคะนองก็คำรามก้องอย่างลำพองใจยามเป็นฝ่ายควบคุมเกมสวาทครั้งแล้วครั้งเล่า ส่วนมาทาดอร์สาวก็ครวญครางกระเส่าอย่างหลงใหลมัวเมาในรสสวาทที่อีกฝ่ายคอยปรนเปรอให้ไม่หยุดหย่อน
สุพิชญาลืมไปแล้วว่าเธอมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร และเธอก็กำลังหลงระเริงไปกับชายแปลกหน้าที่กำลังต่อเติมเชื้อเพลิงให้ไฟพิศวาสลุกโชติช่วงสลับกับคอยสาดน้ำใส่เพื่อดับไฟราคะให้มอดไหม้ นับจากวินาทีที่เธอแปรเปลี่ยนจากขัดขืนเป็นยินยอมพร้อมใจไปกับเขาเนิ่นนานเท่าไรสุพิชญาไม่ใส่ใจเสียแล้ว หญิงสาวรู้แค่เพียงว่ายามนี้เธอต้องการให้เขาสัมผัสแนบแน่นมากขึ้น ...มากขึ้น จนไม่อยากถอยห่างแม้เสี้ยววินาที
“แกว่าอะไรนะเควิน” เจ้าพ่อใหญ่ตวาดกร้าวราวกำลังเกรี้ยวกราดอย่างสุดแสนเควิน เมดิสัน ผู้เป็นทั้งคนสนิทและมือขวาของ ดิเอโก เค เวนนิส เจ้าพ่อบ่อนคาสิโนผู้ยิ่งใหญ่ ได้แต่ยืนก้มหน้าสงบนิ่งอย่างยอมรับความผิดพลาดในงานที่ได้รับมอบหมาย ดวงตาสีน้ำทะเลภายใต้แว่นกันแดดสีดำสนิทมองผ่านเลนส์แว่นนั้นจับจ้องที่ผืนพรมนิ่งไม่ไหวติง“มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง” ดิเอโกเค้นเสียงถามอย่างหงุดหงิดใจเมื่อลูกน้องคู่ใจเอาแต่สงบเงียบ เจ้าพ่อใหญ่หัวเสียกับสิ่งที่ได้รับรู้เมื่อแรกอรุณของวันใหม่ ทั้งที่เมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมาช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนอิ่มเอมใจ หญิงสาวแสนบริสุทธิ์ผู้เร่าร้อนทำให้กระทิงถึกอย่างเขาคึกคะนองจนแทบไม่ได้หลับนอนตลอดทั้งคืน“เจ๊ใหญ่บอกว่าผู้หญิงที่เจ๊ส่งตัวมาเกิดหลงทางเลยมาถึงที่นัดหมายช้ากว่ากำหนด แล้วแบตเตอรี่มือถือก็หมดเลยทำให้ติดต่อกันไม่ได้ครับ ดิเอโก”“แล้วผู้หญิงที่นายพามาเป็นใคร” เจ้าพ่อใหญ่ขมวดคิ้วมุ่นยามตวัดสายตาคมกล้าจับจ้องลูกน้องคนสนิทอย่างคาดคั้น เขาไว้วางใจให้เควินทำงานให้นับครั้งไม่ถ้วนทั้งงานใหญ่งานเล็ก เควินไม่เคยผิดพลาด แต่ทว่าครั้งนี้เควินกลับพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย“ไม่ทรา
“ว่าไงนะ” ดิเอโกเลิกคิ้วมองหญิงสาวตรงหน้าที่หาญกล้าว่าเขาเป็นผู้ชายบ้ากามและโมโหร้ายอย่างไม่เกรงกลัว แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้านหรืองุนงงเท่ากับสิ่งที่หญิงสาวกล่าวหาว่าเขาเป็นฝ่ายลักพาตัวเธอมา“นี่คุณ! หูตึงรึไง ฉันถามคุณว่า คุณจับตัวฉันมาทำไม ฉันไม่มีเงินมากพอขนาดที่จะเรียกค่าไถ่ได้หรอกนะ” สุพิชญาสบถด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ดวงตาคู่งามวาววับอย่างไม่คิดเกรงกลัวสักนิด เจ้าพ่อหนุ่มถึงกับตะลึงอึ้งอีกครั้งกับวาจากล่าวหานั้น“ผมเนี่ยนะจับคุณมาเรียกค่าไถ่”“ถ้าไม่ใช่ แล้วคุณจะจับฉันมาทำไม ฉันไปทำอะไรให้คุณ” สุพิชญา ตวาดกลับเสียงขุ่น หญิงสาวจับจ้องผู้ชายที่ทำหน้าเหรอหราราวกับไม่รู้เรื่องใดๆ อย่างหมายมาดเอาเรื่องให้จงได้ผู้ชายบ้า! หน้าไม่อาย ข่มเหงรังแกฉันแล้วยังมีหน้ามาทำไม่รู้เรื่อง อย่าให้ฉันหลุดรอดออกไปได้นะ ฉันจะลากคอนายเข้าตะรางแน่ นายดิเอโก!ดิเอโกจ้องตอบอย่างไม่เกรงกลัว ดวงตาสีสนิมแปรเปลี่ยนเป็นเรืองรองยามหลุบต่ำจ้องมองเนินอกที่โผล่พ้นผ้าห่มผืนหนา อาการหายใจแรงๆ ทำให้เนินอกกระเพื่อมเคลื่อนไหววับๆ แวมๆ ล่อตาล่อใจให้อยากโน้มใบหน้าไปฝากฝังปลายจมูกซุกไซ้เฉกเช่นที่เคยสัมผัสมาเมื่อค่ำคืน“
“ดิเอโก! นี่คุณ!” สุพิชญาอุทานขานนามชายหนุ่มที่เธอรู้จักเพียงชื่อเขาอย่างตื่นตะลึง ดวงตาคู่งามเบิกกว้างจ้องมองเจ้าพ่อใหญ่อย่างไม่อยากเชื่อในคำพูดนั้น“ผมชื่อ ดิเอโก เค เวนนิส เจ้าพ่อบ่อนคาสิโนที่ใครๆ ก็ยอมสยบแทบเท้า ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธผม จำไว้!” ดิเอโกเหยียดยิ้มอย่างเย้ยหยัน เขาไม่จำเป็นต้องต่อล้อต่อเถียงหรือพะเน้าพะนอเอาใจใคร ในเมื่ออะไรที่เขาต้องการเขาต้องได้เสมอเธอไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่เขาขึ้นเตียงด้วย แม้จะติดใจในรสสวาท แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องสยบแทบเท้าและปล่อยให้เธอแผลงฤทธิ์ใส่เขาอย่างไม่กลัวเกรงสุพิชญายิ่งตะลึงหนักขึ้นเมื่ออีกฝ่ายแนะนำตัวเองเสียเต็มยศ คำว่า ‘เจ้าพ่อบ่อนคาสิโน’ กระตุกใจดวงน้อยได้ดีทีเดียว แต่ทว่าคนอย่างสุพิชญาหรือจะยอมลงให้ใครง่ายๆ หากเธอถูกระรานเธอก็จะต่อต้านสุดฤทธิ์เช่นกัน“คุณไม่กล้าแน่ดิเอโก ฉันไม่ใช่คนจรจัดที่คุณจะจับมัดมือขายทอดตลาดอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย หากฉันหายไป คนที่บ้านฉันเขาต้องแจ้งความและตามหา อีกไม่นานคุณก็จะถูกตำรวจจับแน่นอน”เมื่อเอ่ยวาจาท้าทายไปแล้วหญิงสาวก็ต้องกล้ำกลืนก้อนแข็งๆ ที่แล่นขึ้นมาจุกแน่นตรงลำคอ ความจริงที่เธอรู้ดี ไม
ทางเดินด้านหน้าเป็นถนนเส้นยาวที่ไกลสุดหูสุดตาไม่อาจคาดเดาได้ว่าปลายทางไปบรรจบลงตรงที่ใด สองข้างทางถูกปกคลุมไปด้วยม่านหมอกสีขาวจางที่พอรวมตัวกันทำให้มองรอบข้างได้ไม่ชัดเจนนัก หญิงสาวพยายามเพ่งมองไปข้างหน้าตามเส้นทางที่พอมองเห็นเลือนลาง เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้เธอกำลังอยู่ที่ใดแล้วใครๆ หายไปไหนกันหมด หญิงสาวพยายามเปล่งเสียงเพื่อตะโกนเรียกหาใครสักคนแต่กลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา สุพิชญารู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาในใจลึกๆ พลันสายตาก็เริ่มมองเห็นใครคนหนึ่งเดินอยู่ด้านหน้าไม่ไกลนัก หญิงสาวพยายามวิ่งตามแต่ไม่รู้เรี่ยวแรงหายไปไหน ภาพเบื้องหน้าค่อยๆ ไกลออกไปแต่กลับยิ่งชัดเจนในดวงตาคู่งาม‘พี่ติ’สุพิชญาส่งเสียงเรียกชายหนุ่มตรงหน้าแผ่วเบาแต่เหมือนเขาจะได้ยินเสียงเรียกนั้น เขาหันกลับมามองเธอ ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน คล้ายกับว่าเขากำลังพูดอะไรสักอย่างกับเธอ หญิงสาวพยายามตั้งใจฟัง เสียงที่ลอยมาแผ่วเบาแต่เธอรู้สึกเหมือนมันดังก้องอยู่ในหัว‘พิชชา... พี่รักเธอ’ได้ยินเท่านั้นพลันสุพิชญาก็รู้สึกราวถูกตีอย่างแรงที่หัว ความรู้สึกหมุนคว้างดังกำลังตกจากที่สูง แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป เธอก็รู้สึกสะดุ้งสุดตัวแกร๊
เสียงปรบมือกับเสียงโห่ร้องดังกึกก้องกังวานจนสุพิชญารู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งใจ ยามนี้หญิงสาวรู้สึกดวงตาทั้งสองข้างพร่ามัวไปด้วยธารน้ำตาที่เอ่อล้นจนแทบจะไหลริน มือน้อยขย้ำผ้าปูแสนสวยแน่นเมื่อตระหนักถึงชะตากรรมที่กำลังเผชิญ เวรกรรมใดหนอถึงนำพาให้เธอต้องเจอแต่ความเจ็บแค้นแสนสาหัสเช่นนี้“เชิญครับคุณผู้หญิง” เสียงทุ้มกังวานของบุรุษเพศเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อมฉุดดึงให้สุพิชญาหลุดออกจากห้วงความคิด หญิงสาวรีบกระพริบเปลือกตาขับไล่น้ำตาแห่งความรันทดให้ไหลคืนกลับสู่ภายใน เธอไม่ต้องการเรียกร้องความเห็นใจใด และไม่จำเป็นต้องทำตัวให้เป็นที่น่าสังเวชในสายตาของคนพวกนี้“คุณจะพาฉันไปไหน” สุพิชญาถามด้วยเสียงห้วนสั้นออกกร้าวกระด้างเมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำยืนตระหง่านอยู่ด้านหน้าคนพวกนี้อีกแล้ว ทำไมพวกจิตใจทรามต่ำช้าถึงต้องสวมใส่ชุดสูทเหล่านี้ให้มันเสื่อมเสียด้วยนะ คิดจะทำชั่วแต่กลัวถูกตราหน้ารึไงถึงต้องมาสวมใส่สูทให้มันดูดี! สุพิชญาคิดอย่างแค้นเคืองในใจ ตั้งแต่เธอตื่นขึ้นมาเมื่อเช้าวันใหม่เธอเจอแต่คนในสูทสีดำจนมันดูกราดเกลื่อนไปหมด“เดฟให้พวกเรามาเชิญคุณไปที่ เดอะลัส!” หนึ่งในสองคนเอ่ยขึ้นด้วยเ
“ดิเอโกคะ แล้วโจว์” เฮเลนถามขึ้นหลังจากที่เควินก้าวออกไปแล้ว เจ้าพ่อใหญ่ตวัดสายตามองโจว์ที่ยืนก้มหน้านิ่งเพียงนิดก็เอ่ยปากสั่งการบอดี้การ์ดสาว“ให้คนไปส่งที่สนามบิน” น้ำเสียงนั้นราบเรียบไม่บ่งบอกว่ารู้สึกอย่างไร แต่กลับสร้างความหนักใจให้กับบอดี้การ์ดสาวที่ตามติดรับใช้ใกล้ชิดเจ้าพ่อใหญ่ อะไรบางอย่างในตัวของโจว์ทำให้เธอรู้สึกว่าเขาไม่น่าไว้วางใจ“แต่ว่า...ดิเอโก” เฮเลนพยายามท้วงติงให้เขาไตร่สวนโจว์ให้มากกว่านี้ แต่ทว่าดิเอโกกลับตวาดด้วยเสียงดุกร้าวจนเธอไม่อาจทัดทานได้“ทำตามที่ฉันสั่ง เฮเลน”“ค่ะดิเอโก” เฮเลนจำใจน้อมรับคำสั่งแต่โดยดี เมื่อเจ้านายตวาดกร้าวพร้อมกำกับด้วยสายตาดุเข้ม บอดี้การ์ดสาวถอยฉากพลางผายมือเชื้อเชิญชายหนุ่มนามว่าโจว์เพื่อพาเขาไปส่งยังจุดหมายตามคำสั่งการ“ขอบคุณครับดิเอโก ผมรู้สึกละอายใจ” โจว์ก้มศีรษะเพียงนิดยามเอ่ยคำ ดิเอโกมองคนที่เอ่ยสำนึกผิดก่อนเอ่ยตัดบท เพราะยามนี้เขามีสิ่งที่ต้องทำมากกว่ามาคาดคั้นเอาความผิดใคร“ช่างเถอะ! สิ่งผิดพลาดฉันจะแก้ไขด้วยตัวฉันเอง นายไปได้แล้วโจว์”“ครับดิเอโก” โจว์รับคำก่อนโค้งคำนับแล้วถอยหลังก่อนเดินตามเฮเลนออกไป ชายหนุ่มคล้ายจะกระตุกยิ้
สุพิชญาสะดุ้งสุดตัวเมื่อได้ยินเสียงม่านโมบายดังขึ้นบ่งบอกว่าเจ้าพ่อผู้น่าเกรงขามได้ก้าวผ่านเข้ามายังตัวห้องด้านในแล้ว หญิงสาวเฝ้าภาวนาขอให้เขาเห็นใจและฟังคำร้องขอจากเธอ“อยู่นี่เองรึสาวน้อย คุณทำให้ผมเสียเวลาตามหารู้ไหม” เสียงทุ้มดูน่าฟังดังขึ้นด้านหลังขณะที่สุพิชญายืนนิ่งตัวเกร็งด้วยความหวาดหวั่น หากเป็นยามปกติเธอคงหลงใหลไปกับน้ำเสียงชวนอบอุ่นนั้น แต่ทว่าไม่ใช่ยามนี้ที่น้ำเสียงนั้นช่างดุจดั่งเสียงของราชสีห์ที่จ้องตระครุบเหยื่อในความรู้สึกของสุพิชญา“ไหนขอมองคุณใกล้ๆหน่อยสิ อยากรู้ว่าจะสวยเหมือนตอนที่อยู่บนเวทีไหม” เดฟช่างทอดเสียงทุ้มได้นุ่มนวลน่าฟังนักยามเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ใกล้ๆ จนแผงอกกว้างใต้เสื้อคลุมตัวโคร่งแทบแนบชิดแผ่นหลังบอบบางของสุพิชญา“ว้าว! สวยมาก!” เสียงนั้นบ่งบอกความตื่นตาตื่นใจยิ่งนักยามเมื่อ ฝ่ามือร้อนผ่าวเกาะกุมไหล่บอบบางแล้วเหนี่ยวรั้งหมุนร่างของสุพิชญาให้หันมาเผชิญหน้า“สวยจนไม่อยากเชื่อว่าดิเอโกจะขายคุณได้ลงคอ” น้ำเสียงติดจะเยาะหยันอยู่ในทีเมื่อปลายนิ้วแกร่งเชยคางมนของสุพิชญาให้แหงนเงยใบหน้าหวานล้ำขึ้นเพื่อเขาจะได้ชื่นชมความงามบนใบหน้านั้นอย่างเต็มตาสุพิชญาลอบกลื
“สวัสดีครับคุณดิเอโก... รู้สึกเป็นเกียรติจริงๆ ที่ได้ต้อนรับคุณที่นี่ฮ่าๆๆ” เดฟหัวเราะเสียงดังลั่นเมื่อยามปรากฏกายตรงเชิงบันไดของตัวตึก เสียงนั้นฉุดให้ดิเอโกและเควินที่ยืนจังก้าอยู่กลางโถงมีลูกน้องของเดฟห้อมล้อมเป็นด่านกักกั้นโดยรอบต่างพากันหันไปมองทันทีเดฟส่งสัญญาณให้ลูกน้องกระจายตัวออกแล้วก้าวลงมายืนเผชิญหน้ากับดิเอโกอย่างไม่หวั่นเกรง“ฉันมารับตัวผู้หญิงของฉันคืน” ดิเอโกเอ่ยทันที เจ้าพ่อใหญ่เช่นเขาไม่เคยเกรงกลัวคนอย่างเดฟแม้แต่นิด และไม่เคยคิดจะล้ำเส้นให้เขม่นกันมากกว่าที่เป็นอยู่ แม้ตลอดเวลาเดฟจะคอยตั้งท่าหาเรื่องอยู่เนืองนิตย์“โอ๊ว... ว้าว! ผู้หญิงของคุณ ใครไม่ทราบครับคุณดิเอโก ที่นี่มีแต่ผู้หญิงของผมเท่านั้น! ฮ่าๆๆ” เดฟยังคงหัวเราะร่าราวกับว่ากำลังพูดคุยเรื่องขบขัน แต่น้ำเสียงและสีหน้าท่าทางแสดงอาการเย้ยหยันดิเอโกสุดใจ“นี่เงินของนายเอาคืนไปแล้วส่งตัวผู้หญิงของฉันคืนมา” ดิเอโกโยนกระเป๋าในมือออกไปตรงหน้าเดฟ ลูกน้องที่รุมล้อมระวังภัยขยับหมายเข้าชาร์ตตัวฝ่ายตรงข้ามแต่เดฟยกมือสั่งห้ามไว้“ฮะ ฮะ ฮ่า มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ ฉันอุตส่าห์ลงแข่งประมูลกว่าจะได้มา แต่นายกลับจะมาโยนเงินนี่ใส่