ภายในห้องพักสุดหรูของบ้านพักตากอากาศในพื้นที่ส่วนบุคคลหลายร้อยไร่บนเกาะบาหลียามนี้ บรรยากาศภายในห้องช่างสุดแสนโรแมนติก แสงนวลสีเหลืองอ่อนจากโคมไฟระย้าที่ตกกระทบผนังห้องสีครีมชวนให้เกิดแสงสว่างนุ่มนวลตา บนเตียงกว้างด้านหนึ่งของห้องปรากฏเรือนร่างของหญิงสาวทรวดทรงสุดเซ็กซี่ภายใต้ชุดราตรีสั้นสีเขียวมรกตขับให้ผิวนวลดูผุดผ่องต้องตา
ตรงหน้าประตูห้องน้ำที่เพิ่งแง้มออก ร่างสูงใหญ่ของชายหนุ่มชาวสเปนผู้มีเชื้อสายละตินวัยสามสิบห้าปี ผมหยักศกสีน้ำตาลเข้มตัดรองทรงดูยุ่งเหยิงน้อยๆ ด้วยผ้าขนหนูสีขาวที่ถูกฝ่ามือใหญ่ยกขึ้นซับน้ำให้พอแห้งหมาดๆ ดวงตาสีสนิมจับจ้องเรือนร่างยวนตาบนเตียงกว้างอย่างพอใจ เขารู้สึกหัวใจเต้นแรงขึ้นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกระตุ้นความต้องการของเขามากเท่านี้
สองเท้าค่อยๆ ก้าวเข้าหาเตียงกว้างก่อนที่จะหยุดข้างเตียงและหย่อนกายนั่งลงข้างเรือนร่างโปร่งบาง ริมฝีปากบางเฉียบกระตุกยิ้มอย่างพึงพอใจยามยื่นฝ่ามือหนาออกไปสัมผัสลูบไล้นวลเนื้อเนียนตรงต้นแขนเรียวอย่างแผ่วเบา ไม่น่าเชื่อว่าเพียงเท่านั้นเรือนกายแกร่งก็ออกอาการสั่นเทาราวเป็นไข้ ดวงตาสีสนิมตวัดไล้ไปทั่วเรือนร่างราวต้องการเก็บเกี่ยวรายละเอียด
ฝ่ามือร้อนค่อยๆ เกาะเกี่ยวสายคล้องไหล่ของชุดราตรีสั้นให้เลื่อนหลุด ก่อนค่อยๆ โน้มใบหน้าลงบรรจงจูบ ฝ่ามือลูบไล้ไปทั่วพลางปลดเปลื้องสิ่งพันธนาการเรือนร่างยั่วยวนออกทีละชิ้น... ทีละชิ้น! จนกระทั่งเหลือเพียงสิ่งปิดบังพื้นที่สงวนเบื้องล่างเพียงชิ้นเดียว ถึงตอนนี้ใบหน้าคมขยับถอยห่างพลางจับจ้องดวงหน้าหวานล้ำอย่างพิจารณา คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเพียงนิดเมื่อคิดขัดใจที่อีกฝ่ายไม่มีทีท่าลืมตาตื่นขึ้นมา
ฝ่ามือหนาเคลื่อนเข้าครอบครองดอกบัวคู่งามที่ชูชันอวดโฉมยวนตาโลมไล้แผ่วเบาพลางจ้องมองอาการกระสับกระส่ายของเรือนร่างนุ่มนิ่มที่เริ่มมีอาการตอบสนอง มือน้อยเริ่มขยับยื้อยุดฉุดดึงราวกำลังต่อต้านฝ่ามือที่กำลังคลึงเคล้น พลัน! ดวงตาคู่สวยก็เบิกกว้างขึ้น!
“กรี๊ดดด!!! คุณจะทำอะไรฉัน” เสียงหวานกรีดร้องอย่างตกใจพร้อมมือน้อยผลักไสเรือนกายสมส่วนที่อยู่ภายใต้เสื้อคลุมตัวโคร่งให้ออกห่างด้วยพละกำลังทั้งหมดที่มี
ดวงตาคู่หวานเต็มไปด้วยแววตระหนกหวาดหวั่นเมื่อลืมตาขึ้นมาพบใบหน้าคมสันของชายหนุ่มแปลกหน้าลอยเด่นคลอเคลียอยู่ไม่ห่างจากดวงหน้าหวานล้ำ ซ้ำเรือนกายอันบริสุทธิ์ยังแทบเปลือยเปล่าเหลือเพียงบิกินีตัวจ้อยสีขาวสะอาดตาปกปิดสิ่งสงวนไว้เท่านั้น ส่วนบราเซียร์ตัวน้อยหลุดลอยไปอยู่ส่วนไหนเธอไม่รู้ แต่ที่รู้ก็คือยามที่ลืมตาตื่นขึ้นมาดอกบัวตูมคู่งามกำลังถูกลูบไล้เกาะกุมอย่างย่ามใจด้วยฝ่ามืออันร้อนระอุ
“ชู่ว... อยู่นิ่งๆ ผมไม่ชอบคนดีดดิ้น จำไว้!” เสียงทุ้มห้าวออกแหบพร่าสั่งกำชับเมื่อเคลื่อนกายเข้าทาบทับพร้อมรวบร่างน้อยไว้ภายใต้พันธนาการอีกหนหลังจากผละออกห่างตามแรงผลักเมื่อชั่ววินาทีที่ผ่านมา
“ปล่อยนะ! คุณเป็นใคร แล้วที่นี่ที่ไหน” สุพิชญาพยายามดิ้นรนขัดขืน หญิงสาวไม่เสียเวลาครุ่นคิดแม้เพียงเสี้ยววินาทีว่าเหตุใดชายหนุ่มผู้มีใบหน้าออกไปทางละตินถึงได้ออกสำเนียงภาษาไทยได้อย่างชัดถ้อยชัดคำราวเป็นภาษาของตนเอง เพราะยามนี้สิ่งที่เผชิญอยู่น่าหวาดหวั่นเสียยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เสียงหวานออกคำสั่งราวเจ้าของเรือนกายแข็งแกร่งจะหวาดหวั่น ยำเกรง ปลายเสียงติดจะสั่นน้อยๆ เมื่อยิงคำถามรัวเร็วราวกับจะไม่มีโอกาสได้เอ่ยปากหากช้าไปกว่านั้น
ดิเอโก เค เวนนิส ขมวดคิ้วยุ่งเมื่อเจ้าของเรือนร่างงดงามบริสุทธิ์ที่เขาได้มีโอกาสสำรวจเมื่อช่วงนาทีที่ยังคงนอนสงบนิ่งด้วยฤทธิ์ยาสลบ ยามนี้มีทีท่าราวหวาดกลัวเขาเสียหนักหนา ราวกับเขาเป็นซาตานร้ายก็ไม่ปาน ทั้งที่เขามั่นใจว่าเขาเป็นชายหนุ่มรูปงามปานเทพบุตรมาจุติก็ว่าได้ และข้อสำคัญการที่หญิงสาวมาอยู่ที่นี่ในห้องนี้กับเขาก็เป็นความสมัครใจของเธอเองไม่ได้มีใครบังคับขู่เข็ญ
“นี่คุณ! อย่าทำเป็นเล่นตัว ผ่านมากี่สนามแล้วอย่าทำเป็นไร้เดียงสาโก่งค่าตัวหน่อยเลย” เสียงทุ้มกังวานกร้าวอย่างหงุดหงิดขัดใจกับท่าทีของอีกฝ่าย ดวงตาสีสนิมวาววับบ่งบอกอารมณ์โกรธที่คุกรุ่นขึ้นได้เป็นอย่างดี ริมฝีปากบางเฉียบเหยียดยิ้มราวเหยียดหยามอยู่ในที และโดยไม่คาดคิดเขาก็ได้รับการโต้ตอบด้วยแรงอารมณ์อย่างที่ไม่มีใครหาญกล้ากระทำต่อเจ้าพ่อบ่อนคาสิโนเช่นเขา!
เพียะ! เพียะ!
“บัดซบ! นี่คุณกล้าตบผมงั้นเหรอ” ดิเอโกสบถเสียงขุ่นเขียว เมื่อฝ่ามือน้อยๆ ฟาดเข้าที่ใบหน้าคมเข้มของเขาอย่างแรง ดวงตาสีสนิมคู่นั้นยิ่งวาวโรจน์ทวีคูณกับสิ่งที่ถูกกระทำ
“มากกว่านี้ฉันก็กล้า ถ้าคุณยังดูถูกฉันอีก คุณเจอดีแน่”
“ปากดีนักนะ ผมก็อยากรู้เหมือนกันว่าลีลาคุณจะเด็ดเหมือนที่ทำปากเก่งไหม” เจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่ตวัดฝ่ามือคว้าข้อมือเล็กข้างนั้นก่อนจับบิดพ่ายหลังเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะกระหน่ำฟาดฟันไม่ยั้งหยุด แต่หญิงสาวกลับต่อสู้สุดฤทธิ์สุดกำลัง เงื้อฝ่ามืออีกข้างหมายเข้าฟาดฟันให้อีกฝ่ายย่อยยับ แต่กลับกลายเป็นว่าถูกตวัดรวบไปพ่ายไว้ด้านหลังด้วยกันพร้อมร่างน้อยถูกดึงรั้งเข้าหาจนทรวงอกอวบอิ่มแอ่นเข้าบดเบียดแผงอกกว้างที่อุดมไปด้วยมัดกล้ามเนื้ออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“กรี๊ดดด!! อื้อ!” เสียงกรีดร้องถูกกลืนหายไปทันทีที่ริมฝีปากบางเฉียบฉกวูบส่งมอบจูบดุดันราวต้องการลงทัณฑ์ให้สาสมกับที่หาญกล้าลูบคมเจ้าพ่อใหญ่เช่นเขา ยิ่งคนถูกลงอาญาดิ้นรนขัดขืนเจ้าพ่อผู้ยิ่งใหญ่ก็ยิ่งหยิบยื่นสัมผัสที่เร่าร้อนรุนแรงให้ ทั้งจุมพิตแสนดุดัน ทั้งสัมผัสรุกรานจากฝ่ามือใหญ่ที่เคลื่อนเข้าครอบครองก้อนเนื้อนุ่มมือ นวดเฟ้นคลึงเคล้าราวกำลังสรรค์สร้างให้กลายเป็นงานศิลป์ชิ้นเอก
ทุกสัมผัสเต็มไปด้วยความรุนแรงจนคนถูกลงทัณฑ์เกือบหลุดเสียงครวญครางด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว ดวงตาทั้งสองข้างร้อนผ่าวราวน้ำตาจะหลั่งไหลออกมาชะล้างความร้าวระบม เสียงหวีดร้องบ่งบอกอาการขัดขืนของคนถูกลงทัณฑ์ดังขึ้นทันทีที่ริมฝีปากบางเฉียบผละออกห่าง
คนที่ทำตัวเป็นผู้พิพากษากลับไม่ใส่ใจสักนิด เพราะเพียงแค่ถอยห่างกลีบปากอวบอิ่ม ริมฝีปากอันร้อนผ่าวก็พรมจูบดูดกลืนนวลเนื้อเนียนนุ่มน่าสัมผัสจากลำคอระหงไล่เรื่อยลงไปตามไหล่ลาดและวนเวียนเก็บเกี่ยวความหอมหวานตรงเนินอกนุ่มนิ่งนานก่อนค่อยๆ คืบคลานเข้าครอบครองยอดดอกบัวตูมที่ชูช่อหยอกล้อกับปลายนิ้วที่กำลังวนไล้ปัดป่ายอย่างคนเอาแต่ใจ
กายสาวกระตุกเฮือกราวหวาดผวาเมื่อยอดดอกบัวงามสัมผัสถึงความร้อนชื้นในโพรงปากนุ่มที่เข้าครอบครองดื่มด่ำราวกำลังหิวกระหายหลังจากฝ่ามือร้อนระอุบรรจงสรรค์สร้างให้ก้อนเนื้อนุ่มกลายเป็นดอกบัวคู่งามชูชันแข่งกันอวดโฉมรอเหล่าภมรมาคลอเคล้าเสียงหวีดร้องขัดขืนแปรเปลี่ยนเป็นครวญครางกระเส่าด้วยรู้สึกเร่าร้อนไปทั้งกายและใจยามทั้งมือและอุ้งปากที่เต็มไปด้วยธารน้ำอุ่นซ่านสลับสับกันคลึงเคล้าด้วยท่วงทำนองที่สอดประสานกันราวกำลังบรรจงสรรค์สร้างดอกบัวคู่งามให้เป็นงานศิลป์อันตระการตาแรงขัดขืนค่อยๆ ลดน้อยถอยลงจนแทบมลายหายไปสิ้น ทั้งที่ใจอยากต่อต้านแต่กายกลับไหวสะท้านสั่นระริกไปกับสัมผัสแปลกใหม่จากชายแปลกหน้าชนิดที่หญิงสาวผู้รักนวลสงวนตัวอย่าง สุพิชญา นาฏดิลก ไม่เคยคิดว่าจะเกิดขึ้นในชีวิตนี้เรียวแขนอันงดงามผวาเข้ากอดรัดต้นคอแกร่งแน่นอย่างหวาดผวา เพราะเพียงฝ่ามือใหญ่ปลดปล่อยข้อมือน้อยทั้งสองข้างให้หลุดออกจากพันธนาการ เรือนร่างบอบบางก็ถูกผลักให้นอนราบทาบทับลงไปกับเตียงกว้าง ทุกการกระทำช่างรวดเร็วเสียจนหญิงสาวไม่มีโอกาสดึงสติให้กลับมาสมบูรณ์พร้อม เพียงเธอผวาเกาะกอด เรือนกายแข็งแกร่งก็โน้มทาบทับลงมาและเริ่มรุกเร้
“เห็นไหม... มันก็เหมือนๆ กับที่คุณเคยสัมผัส มันอาจจะใหญ่กว่าแต่ผมสัญญาว่าคุณกับมันจะเข้ากันได้ดี” ดิเอโกกระซิบปลอบประโลมดวงตา สีสนิมจับจ้องดวงตาคู่หวานราวต้องการถ่ายทอดความอบอุ่นไปให้“ดะ...ดิเอโก ฉันไม่” สุพิชญาพยายามทักท้วงว่าเขากำลังเข้าใจผิด แต่สติแทบหลุดเมื่ออีกฝ่ายจับกุมมือน้อยของเธอไว้มั่นไม่ยอมปล่อย ซ้ำยังบังคับให้ขยับเขยื้อนลูบคลำส่วนนั้นของร่างกายที่กำลังตื่นตัวตอบรับสัมผัสจากเธออย่างเริงร่า“ปะ...ปล่อย! ได้โปรด... ” สุพิชญาพยายามวิงวอนอีกครั้ง ใจดวงน้อยทั้งหวาดหวั่นและหวามไหว ใจหนึ่งใคร่อยากรู้อยากเห็นอยากลิ้มลองสัมผัสแสนวาบหวามนี้ต่อไปไม่สิ้นสุด แต่ใจหนึ่งยื้อยุดให้ตระหนักถึงศีลธรรมอันดีงาม ยามนี้ไฟราคะกำลังปะทะกับสำนึกฝ่ายดีจนหญิงสาวแทบอยาก กรีดร้องระบายความอึดอัดที่แสนทรมานนั้นให้หมดไป“มาถึงขั้นนี้แล้วจะให้ผมถอยง่ายๆ ได้ไงยาหยี” เจ้าพ่อใหญ่กระซิบด้วยเสียงแหบพร่า ปล่อยมือน้อยให้เป็นอิสระแล้วเปลี่ยนเป้าหมายลากไล้ทักทายจุดกระสันเพื่อสร้างความซาบซ่านให้อีกฝ่ายทันที“ดะ...ดิเอโก อย่า... อื้อ!” เสียงหวานขยับจะทักท้วงแต่เพียงแค่เอ่ยห้ามปลายเสียงก็กลับกลายเป็นครวญครางเมื่อเจ้
“แกว่าอะไรนะเควิน” เจ้าพ่อใหญ่ตวาดกร้าวราวกำลังเกรี้ยวกราดอย่างสุดแสนเควิน เมดิสัน ผู้เป็นทั้งคนสนิทและมือขวาของ ดิเอโก เค เวนนิส เจ้าพ่อบ่อนคาสิโนผู้ยิ่งใหญ่ ได้แต่ยืนก้มหน้าสงบนิ่งอย่างยอมรับความผิดพลาดในงานที่ได้รับมอบหมาย ดวงตาสีน้ำทะเลภายใต้แว่นกันแดดสีดำสนิทมองผ่านเลนส์แว่นนั้นจับจ้องที่ผืนพรมนิ่งไม่ไหวติง“มันเกิดเรื่องแบบนี้ได้ยังไง” ดิเอโกเค้นเสียงถามอย่างหงุดหงิดใจเมื่อลูกน้องคู่ใจเอาแต่สงบเงียบ เจ้าพ่อใหญ่หัวเสียกับสิ่งที่ได้รับรู้เมื่อแรกอรุณของวันใหม่ ทั้งที่เมื่อช่วงค่ำคืนที่ผ่านมาช่างเป็นช่วงเวลาที่แสนอิ่มเอมใจ หญิงสาวแสนบริสุทธิ์ผู้เร่าร้อนทำให้กระทิงถึกอย่างเขาคึกคะนองจนแทบไม่ได้หลับนอนตลอดทั้งคืน“เจ๊ใหญ่บอกว่าผู้หญิงที่เจ๊ส่งตัวมาเกิดหลงทางเลยมาถึงที่นัดหมายช้ากว่ากำหนด แล้วแบตเตอรี่มือถือก็หมดเลยทำให้ติดต่อกันไม่ได้ครับ ดิเอโก”“แล้วผู้หญิงที่นายพามาเป็นใคร” เจ้าพ่อใหญ่ขมวดคิ้วมุ่นยามตวัดสายตาคมกล้าจับจ้องลูกน้องคนสนิทอย่างคาดคั้น เขาไว้วางใจให้เควินทำงานให้นับครั้งไม่ถ้วนทั้งงานใหญ่งานเล็ก เควินไม่เคยผิดพลาด แต่ทว่าครั้งนี้เควินกลับพลาดอย่างไม่น่าให้อภัย“ไม่ทรา
“ว่าไงนะ” ดิเอโกเลิกคิ้วมองหญิงสาวตรงหน้าที่หาญกล้าว่าเขาเป็นผู้ชายบ้ากามและโมโหร้ายอย่างไม่เกรงกลัว แต่นั่นไม่ได้ทำให้เขาสะทกสะท้านหรืองุนงงเท่ากับสิ่งที่หญิงสาวกล่าวหาว่าเขาเป็นฝ่ายลักพาตัวเธอมา“นี่คุณ! หูตึงรึไง ฉันถามคุณว่า คุณจับตัวฉันมาทำไม ฉันไม่มีเงินมากพอขนาดที่จะเรียกค่าไถ่ได้หรอกนะ” สุพิชญาสบถด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ดวงตาคู่งามวาววับอย่างไม่คิดเกรงกลัวสักนิด เจ้าพ่อหนุ่มถึงกับตะลึงอึ้งอีกครั้งกับวาจากล่าวหานั้น“ผมเนี่ยนะจับคุณมาเรียกค่าไถ่”“ถ้าไม่ใช่ แล้วคุณจะจับฉันมาทำไม ฉันไปทำอะไรให้คุณ” สุพิชญา ตวาดกลับเสียงขุ่น หญิงสาวจับจ้องผู้ชายที่ทำหน้าเหรอหราราวกับไม่รู้เรื่องใดๆ อย่างหมายมาดเอาเรื่องให้จงได้ผู้ชายบ้า! หน้าไม่อาย ข่มเหงรังแกฉันแล้วยังมีหน้ามาทำไม่รู้เรื่อง อย่าให้ฉันหลุดรอดออกไปได้นะ ฉันจะลากคอนายเข้าตะรางแน่ นายดิเอโก!ดิเอโกจ้องตอบอย่างไม่เกรงกลัว ดวงตาสีสนิมแปรเปลี่ยนเป็นเรืองรองยามหลุบต่ำจ้องมองเนินอกที่โผล่พ้นผ้าห่มผืนหนา อาการหายใจแรงๆ ทำให้เนินอกกระเพื่อมเคลื่อนไหววับๆ แวมๆ ล่อตาล่อใจให้อยากโน้มใบหน้าไปฝากฝังปลายจมูกซุกไซ้เฉกเช่นที่เคยสัมผัสมาเมื่อค่ำคืน“
“ดิเอโก! นี่คุณ!” สุพิชญาอุทานขานนามชายหนุ่มที่เธอรู้จักเพียงชื่อเขาอย่างตื่นตะลึง ดวงตาคู่งามเบิกกว้างจ้องมองเจ้าพ่อใหญ่อย่างไม่อยากเชื่อในคำพูดนั้น“ผมชื่อ ดิเอโก เค เวนนิส เจ้าพ่อบ่อนคาสิโนที่ใครๆ ก็ยอมสยบแทบเท้า ไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธผม จำไว้!” ดิเอโกเหยียดยิ้มอย่างเย้ยหยัน เขาไม่จำเป็นต้องต่อล้อต่อเถียงหรือพะเน้าพะนอเอาใจใคร ในเมื่ออะไรที่เขาต้องการเขาต้องได้เสมอเธอไม่ใช่ผู้หญิงคนแรกที่เขาขึ้นเตียงด้วย แม้จะติดใจในรสสวาท แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องสยบแทบเท้าและปล่อยให้เธอแผลงฤทธิ์ใส่เขาอย่างไม่กลัวเกรงสุพิชญายิ่งตะลึงหนักขึ้นเมื่ออีกฝ่ายแนะนำตัวเองเสียเต็มยศ คำว่า ‘เจ้าพ่อบ่อนคาสิโน’ กระตุกใจดวงน้อยได้ดีทีเดียว แต่ทว่าคนอย่างสุพิชญาหรือจะยอมลงให้ใครง่ายๆ หากเธอถูกระรานเธอก็จะต่อต้านสุดฤทธิ์เช่นกัน“คุณไม่กล้าแน่ดิเอโก ฉันไม่ใช่คนจรจัดที่คุณจะจับมัดมือขายทอดตลาดอย่างไม่เกรงกลัวกฎหมาย หากฉันหายไป คนที่บ้านฉันเขาต้องแจ้งความและตามหา อีกไม่นานคุณก็จะถูกตำรวจจับแน่นอน”เมื่อเอ่ยวาจาท้าทายไปแล้วหญิงสาวก็ต้องกล้ำกลืนก้อนแข็งๆ ที่แล่นขึ้นมาจุกแน่นตรงลำคอ ความจริงที่เธอรู้ดี ไม
ทางเดินด้านหน้าเป็นถนนเส้นยาวที่ไกลสุดหูสุดตาไม่อาจคาดเดาได้ว่าปลายทางไปบรรจบลงตรงที่ใด สองข้างทางถูกปกคลุมไปด้วยม่านหมอกสีขาวจางที่พอรวมตัวกันทำให้มองรอบข้างได้ไม่ชัดเจนนัก หญิงสาวพยายามเพ่งมองไปข้างหน้าตามเส้นทางที่พอมองเห็นเลือนลาง เธอไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้เธอกำลังอยู่ที่ใดแล้วใครๆ หายไปไหนกันหมด หญิงสาวพยายามเปล่งเสียงเพื่อตะโกนเรียกหาใครสักคนแต่กลับไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา สุพิชญารู้สึกหนาวเหน็บขึ้นมาในใจลึกๆ พลันสายตาก็เริ่มมองเห็นใครคนหนึ่งเดินอยู่ด้านหน้าไม่ไกลนัก หญิงสาวพยายามวิ่งตามแต่ไม่รู้เรี่ยวแรงหายไปไหน ภาพเบื้องหน้าค่อยๆ ไกลออกไปแต่กลับยิ่งชัดเจนในดวงตาคู่งาม‘พี่ติ’สุพิชญาส่งเสียงเรียกชายหนุ่มตรงหน้าแผ่วเบาแต่เหมือนเขาจะได้ยินเสียงเรียกนั้น เขาหันกลับมามองเธอ ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน คล้ายกับว่าเขากำลังพูดอะไรสักอย่างกับเธอ หญิงสาวพยายามตั้งใจฟัง เสียงที่ลอยมาแผ่วเบาแต่เธอรู้สึกเหมือนมันดังก้องอยู่ในหัว‘พิชชา... พี่รักเธอ’ได้ยินเท่านั้นพลันสุพิชญาก็รู้สึกราวถูกตีอย่างแรงที่หัว ความรู้สึกหมุนคว้างดังกำลังตกจากที่สูง แต่ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป เธอก็รู้สึกสะดุ้งสุดตัวแกร๊
เสียงปรบมือกับเสียงโห่ร้องดังกึกก้องกังวานจนสุพิชญารู้สึกสั่นสะท้านไปทั้งใจ ยามนี้หญิงสาวรู้สึกดวงตาทั้งสองข้างพร่ามัวไปด้วยธารน้ำตาที่เอ่อล้นจนแทบจะไหลริน มือน้อยขย้ำผ้าปูแสนสวยแน่นเมื่อตระหนักถึงชะตากรรมที่กำลังเผชิญ เวรกรรมใดหนอถึงนำพาให้เธอต้องเจอแต่ความเจ็บแค้นแสนสาหัสเช่นนี้“เชิญครับคุณผู้หญิง” เสียงทุ้มกังวานของบุรุษเพศเอ่ยขึ้นอย่างนอบน้อมฉุดดึงให้สุพิชญาหลุดออกจากห้วงความคิด หญิงสาวรีบกระพริบเปลือกตาขับไล่น้ำตาแห่งความรันทดให้ไหลคืนกลับสู่ภายใน เธอไม่ต้องการเรียกร้องความเห็นใจใด และไม่จำเป็นต้องทำตัวให้เป็นที่น่าสังเวชในสายตาของคนพวกนี้“คุณจะพาฉันไปไหน” สุพิชญาถามด้วยเสียงห้วนสั้นออกกร้าวกระด้างเมื่อเงยหน้าขึ้นมาพบชายฉกรรจ์ในชุดสูทสีดำยืนตระหง่านอยู่ด้านหน้าคนพวกนี้อีกแล้ว ทำไมพวกจิตใจทรามต่ำช้าถึงต้องสวมใส่ชุดสูทเหล่านี้ให้มันเสื่อมเสียด้วยนะ คิดจะทำชั่วแต่กลัวถูกตราหน้ารึไงถึงต้องมาสวมใส่สูทให้มันดูดี! สุพิชญาคิดอย่างแค้นเคืองในใจ ตั้งแต่เธอตื่นขึ้นมาเมื่อเช้าวันใหม่เธอเจอแต่คนในสูทสีดำจนมันดูกราดเกลื่อนไปหมด“เดฟให้พวกเรามาเชิญคุณไปที่ เดอะลัส!” หนึ่งในสองคนเอ่ยขึ้นด้วยเ
“ดิเอโกคะ แล้วโจว์” เฮเลนถามขึ้นหลังจากที่เควินก้าวออกไปแล้ว เจ้าพ่อใหญ่ตวัดสายตามองโจว์ที่ยืนก้มหน้านิ่งเพียงนิดก็เอ่ยปากสั่งการบอดี้การ์ดสาว“ให้คนไปส่งที่สนามบิน” น้ำเสียงนั้นราบเรียบไม่บ่งบอกว่ารู้สึกอย่างไร แต่กลับสร้างความหนักใจให้กับบอดี้การ์ดสาวที่ตามติดรับใช้ใกล้ชิดเจ้าพ่อใหญ่ อะไรบางอย่างในตัวของโจว์ทำให้เธอรู้สึกว่าเขาไม่น่าไว้วางใจ“แต่ว่า...ดิเอโก” เฮเลนพยายามท้วงติงให้เขาไตร่สวนโจว์ให้มากกว่านี้ แต่ทว่าดิเอโกกลับตวาดด้วยเสียงดุกร้าวจนเธอไม่อาจทัดทานได้“ทำตามที่ฉันสั่ง เฮเลน”“ค่ะดิเอโก” เฮเลนจำใจน้อมรับคำสั่งแต่โดยดี เมื่อเจ้านายตวาดกร้าวพร้อมกำกับด้วยสายตาดุเข้ม บอดี้การ์ดสาวถอยฉากพลางผายมือเชื้อเชิญชายหนุ่มนามว่าโจว์เพื่อพาเขาไปส่งยังจุดหมายตามคำสั่งการ“ขอบคุณครับดิเอโก ผมรู้สึกละอายใจ” โจว์ก้มศีรษะเพียงนิดยามเอ่ยคำ ดิเอโกมองคนที่เอ่ยสำนึกผิดก่อนเอ่ยตัดบท เพราะยามนี้เขามีสิ่งที่ต้องทำมากกว่ามาคาดคั้นเอาความผิดใคร“ช่างเถอะ! สิ่งผิดพลาดฉันจะแก้ไขด้วยตัวฉันเอง นายไปได้แล้วโจว์”“ครับดิเอโก” โจว์รับคำก่อนโค้งคำนับแล้วถอยหลังก่อนเดินตามเฮเลนออกไป ชายหนุ่มคล้ายจะกระตุกยิ้
“โอ๊ะ! / อุ๊ย!” ดิเอโกแสร้งอุทานเมื่อสุพิชญาดึงรั้งเสื้อเชิ้ตให้หลุดออกจากแขนแกร่ง หญิงสาวพลอยอุทานไปกับเขาด้วย“ขอโทษค่ะ ฉันจะระวังให้มากกว่านี้นะคะ คุณช่วยยกแขนข้างนี้ขึ้นสูงอีกนิดได้ไหมคะ ไหวไหม” ท้ายประโยคถามด้วยความห่วงใยหลังจากที่สั่งให้เขาขยับแขนข้างที่ไม่ได้รับบาดเจ็บขึ้นเพื่อเธอจะได้ถอดเสื้อได้ง่ายขึ้น“ดะ...ได้ครับ” เจ้าพ่อใหญ่เอ่ยตอบเสียงตะกุกตะกักใบหน้าเหยเกเต็มที ดวงตาคู่สนิมหรี่มองหญิงสาวที่ค่อยๆ บรรจงถอดเสื้อ“แล้วกางเกง...”สุพิชญาหน้าแดงซ่านราวลูกตำลึงสุกเมื่อดิเอโกถามค้างเพียงเท่านั้น หญิงสาวหลุบตาต่ำอย่างเขินอายก่อนตวัดสายตาขึ้นมองสบดวงตาสีสนิม ในที่สุดเธอก็กลั้นหายใจกัดฟันตอบออกไป“ฉะ...ฉัน เอ่อ... ฉันช่วยถอดให้ก็ได้ค่ะ”“ขอบคุณนะครับยาหยี เพราะผมเจ็บแบบนี้คุณเลยต้องลำบาก”ดิเอโกบอกพร้อมทอดสายตาอ่อนโยนเป็นการขอบคุณ สุพิชญายิ้มหวานให้ก่อนเอ่ยบอกจากใจจริงเช่นกัน“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่คุณยังหายใจอยู่ ฉันก็ดีใจแล้ว เพราะหากคุณเป็นอะไรไปใครจะอนุญาตให้ฉันกลับบ้านล่ะคะ” ท้ายประโยคสัพยอกนั่นทำให้ดิเอโกหลุดหัวเราะออกมากับวาจาค่อนแคะเขา“ยาหยี นี่ผมมีค่าแค่นั้นเองเหรอ” คนตัวโ
“ว่าไงนะ! ดิเอโกถูกยิงบาดเจ็บ แล้วเขาเป็นยังไงบ้าง แล้วคุณกลับมาทำไม... ทำไมไม่อยู่กับเขา” สุพิชญาอุทานดังลั่นห้องเมื่อได้ฟังคำบอกเล่าของบอดี้การ์ดใหญ่ หัวใจสาวสั่นระรัวไปหมด เพราะทั้งกังวลและหวาดกลัวเกี่ยวกับอาการของดิเอโก“เควินคะ เอาเรือออก ฉันจะไปหาเขา พาฉันไปหาดิเอโกที”“ใจเย็นก่อนครับมิส ตั้งสติ หายใจเข้าลึกๆ แล้วฟังครับ” บอดี้การ์ดใหญ่บอกเสียงเข้มเกือบดุหวังเรียกสติหญิงสาวที่บัดนี้ดูท่ากระเจิดกระเจิงเสียแล้ว เมื่อเห็นอีกฝ่ายมีทีท่าสงบลง เขาก็ค่อยๆ บอกเล่าเหตุการณ์ต่อไปตามบทที่ซักซ้อมมาอย่างดี“ดิเอโกบาดเจ็บจริงแต่ว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก ตอนนี้ปลอดภัยแล้ว และอยู่ในความคุ้มครองของตำรวจ มิสไม่ต้องกังวลครับ และที่ผมกลับมานี่ เป็นเพราะดิเอโกสั่งให้ผมมาคุ้มกันมิส เพราะพวกของเดฟอาจคิดจะรุกรานมาถึงที่นี่ก็ได้”“ต่อสายดิเอโกให้ฉันหน่อยได้ไหมคะ” สุพิชญาร้องขออย่างน่าสงสารหลังจากฟังคำบอกเล่าของบอดี้การ์ดใหญ่จบ เพียงแค่ได้ยินว่าเขาปลอดภัยเธอก็เบาใจแต่ก็ยังอยากได้ยินเสียงให้แน่ใจอีกครั้งว่าเควินไม่ได้หลอกล่อให้เธอวางใจ“ผมคงทำตามคำขอของมิสไม่ได้ เพราะตอนนี้ทุกอย่างถูกคุมเข้มห้ามใครติดต่อกับดิเ
“หยุดก่อน!” เสียงหวานของสุพิชญาดังมาจากตรงเชิงบันได บอดี้การ์ดหนุ่มที่เดินอยู่ในบริเวณนั้นหยุดชะงักก่อนหันมาทำความเคารพนายหญิง“ครับมิส”“ฉันได้ยินแว่วๆ ว่าใครเป็นอะไร” สุพิชญาถามรัวเร็วเมื่อก้าวเดินเข้าไปใกล้บอดี้การ์ด เหตุเพราะเธอได้ยินบทสนทนาที่ดูเหมือนว่าใครเกิดการปะทะกับใคร ความใจร้อนทำให้เธอตะโกนเรียกเหล่าบอดี้การ์ดไว้เมื่อเห็นว่าพวกเขากำลังจะแยกย้ายกันไปตามจุดต่างๆ“เอ่อ... คือ... ”“ว่าไงคะ” หญิงสาวยิงคำถามจี้ถามติดๆ กันเมื่อพากันเอาแต่อ้ำอึ้ง สุพิชญาเค้นเอาคำตอบด้วยการจ้องเขม็งสายตานิ่งสนิทเป็นการบอกกลายๆ ว่าหากไม่ได้รับคำตอบเธอจะไม่มีวันปล่อยให้ใครเดินจากไปเด็ดขาดหัวหน้าบอดี้การ์ด ถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนตัดสินใจบอกกล่าวผู้เป็นนายหญิง“เควินสั่งการมาให้พวกเราคุมเข้มทุกจุด เพราะเกิดการปะทะกับเดฟที่เดอะไนท์ครับมิส”“ปะทะกับเดฟ! ที่เดอะไนท์” สุพิชญาอุทานตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน หัวใจแทบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม หญิงสาวร้อนรุ่มไปหมด ในใจลึกๆ ยังปฏิเสธว่าสิ่งที่ได้ยินไม่ใช่เรื่องจริง แต่ทว่า...“ครับมิส เชิญมิสขึ้นไปพักบนห้องดีกว่าครับ ผมจะให้คนไปคุ้มกันความปลอดภัยที่หน้าห้อง”“เดี๋ยว! แล้วดิเ
เมื่อเห็นคนแสนพยศเอาแต่นิ่งเงียบนัยน์ตาหม่นเศร้า เจ้าพ่อใหญ่ก็เลื่อนมือมาจับไหล่กลมกลึงสองข้างก่อนเลื่อนฝ่ามือข้างหนึ่งมาแตะพวงแก้มนุ่มนิ่มแล้วใช้ปลายนิ้วเชยปลายคางให้เธอแหงนเงยใบหน้าขึ้นมองเขา แต่การกระทำนั้นราวเป็นการบังคับกลายๆ ให้เธอต้องสบตาเขาและห้ามเบือนหน้าหลบหนีเด็ดขาดจนกว่าเขาจะพูดจบ“ผมดูแลคุณไม่ดีตรงไหนหรือเปล่ายาหยี คุณถึง...”“ดิเอโกคะ... ฉันยอมรับว่าคุณดูแลฉันดีมาก แต่ฉันก็ไม่ลืมว่าฉันมาอยู่ที่นี่ด้วยความไม่เต็มใจ” พยายามให้เหตุผลหลังจากสูดลมหายใจเข้าเต็มปอดด้านดิเอโกเมื่อได้ฟังวาจานั้นเจ้าพ่อใหญ่ก็เริ่มเกิดอารมณ์หงุดหงิด เหตุเพราะไม่รู้ว่ากี่ครั้งแล้วที่เขาต้องมาคุยเรื่องนี้กับเธอ“ฟังนะยาหยี! คุณอาจจะคอยย้ำเตือนตัวเองตลอดเวลาว่าคุณมาด้วยความไม่เต็มใจ นั่นมันเป็นเพราะคุณอคติ คุณถึงได้พยายามสร้างกำแพง ยกเหตุผลสารพัดเพียงเพื่อหลอกตัวเองว่าคุณไม่มีความสุขกับสิ่งที่เป็นอยู่ แต่คุณไม่เคยยอมรับตัวเองต่างหากว่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นคุณเองก็ไม่ได้ปฏิเสธ กลับกันคุณกลับเต็มใจรับมันด้วยซ้ำ” “ดิเอโก!” ขานนามนั้นอย่างตกตะลึง เพราะสิ่งที่เขาพูดมานั้นมันกระแทกใจเธออย่างจัง“หรือคุณจะบอ
ตลอดช่วงสายของวันนั้นจนเวลาล่วงเลยมาค่อนคืน สุพิชญาเฝ้าคอยดูแลแม่ลูกอ่อนอย่างใกล้ชิด เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีภาวะแทรกซ้อนหลังคลอดเกิดขึ้น หญิงสาวไม่คิดว่าดิเอโกจะใจดีสั่งการให้เคลื่อนย้ายลูกน้องหญิงไปพักที่เรือนใหญ่ซึ่งเป็นที่พักส่วนตัวของเขา ซ้ำดิเอโกเองก็เฝ้าวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ไม่คิดปล่อยหญิงสาวไว้ตามลำพังเจ้าพ่อใหญ่สั่งการให้แม่บ้านจัดเตรียมอาหารมาให้เขาและเธอ แม้หญิงสาวจะเอ่ยปากหลายครั้งให้เขาไปพักผ่อนอย่าได้กังวลเกี่ยวกับเธอ แต่ดิเอโกก็หาได้ฟังไม่ เขายังยืนยันอยู่เป็นเพื่อนเธอและคอยสอดส่องสายตามองหาตลอดเวลาที่เธอหายเข้าไปในห้องพัก และยามนี้เวลาก็ล่วงเลยเข้าสู่วันใหม่มาได้ชั่วโมงกว่าแล้วหญิงสาวตั้งใจว่าอีกสักพักเธอก็จะเอนกายพักผ่อนบ้าง ด้วยอาการของแม่หลังคลอดนั้นไม่มีอะไรที่น่าเป็นห่วงแล้ว แต่เมื่อเธอก้าวพ้นประตูห้องออกมาก็พบดิเอโกนอนขดกายอยู่บนโซฟาที่ขนาดไม่พอดีกับร่างกายสูงใหญ่ของเขาสักนิด สุพิชญาส่ายหน้ากับภาพนั้นก่อนเดินเข้าไปหาหวังจะปลุกให้เขากลับเรือนพักไปนอนให้สะดวกสบาย“ดิเอโกคะ ตื่น... ว้าย!!” เสียงหวานหวีดร้องเสียงหลงเมื่ออยู่ๆ ก็ถูกตวัดรวบแขนบิดพ่ายไปด้านหลังเพียงแค่เธอยื
“ฉันต้องการสถานที่และอุปกรณ์เดี๋ยวนี้”“คุณต้องการอะไรบ้างว่ามา”สุพิชญาบอกสิ่งที่ตัวเองต้องการ ดิเอโกหันไปสั่งความลูกน้องทันทีเช่นกัน ยามนี้ไม่มีทีท่าของคนชอบวางอำนาจไม่ยอมเป็นรองเธอให้เห็นสักนิด“รีบไปจัดการตามที่นายหญิงสั่งสิ”“ครับดิเอโก!!”ตลอดระยะเวลาที่สุพิชญาทำคลอดดิเอโกแทบหายใจไม่ทั่วท้อง เจ้าพ่อใหญ่เดินไปมาให้วุ่นวายไปหมด หัวใจแกร่งร้อนรุ่ม เขาแทบอยากพังประตูเข้าไปเสียเดี๋ยวนี้ ความห่วงใย ความพะวงทำเอาเขาว้าวุ่นอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน แต่เพราะคำสั่งที่แสนเด็ดขาดของคนที่ดูบอบบางอย่างสุพิชญาว่าให้เขาออกมารอด้านนอก ขอไว้เพียงคนงานหญิงที่เธอให้คอยเป็นผู้ช่วยหยิบจับในสิ่งที่ต้องการเท่านั้น“อุ๊แว้! อุ๊แว้!”“พิชชา!” ดิเอโกอุทานขานเรียกชื่อหญิงสาวออกมาแทบเป็นตะโกนเมื่อได้ยินเสียงเด็กร้องดังออกมาจากด้านใน เจ้าพ่อใหญ่แทบกระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจเสียงเด็กที่เล็ดลอดออกมานั้นช่างเหมือนเสียงสวรรค์ เขามั่นใจว่าพิชชาปฏิบัติภารกิจเสร็จสิ้นแล้ว แต่ว่า... เวลาก็ล่วงเลยมาสักระยะแล้วกลับไม่มีใครก้าวออกมาจากห้องสักคน เสียงเด็กก็พลอยเงียบหายไปด้วย“หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้น” เจ้าพ่อใหญ่รำพันกับตัวเอง
“ที่นี่สวยจังค่ะ เงียบสงบดูไม่วุ่นวาย เป็นเกาะที่น่าอยู่มากจริงๆ” สุพิชญาเอ่ยออกมาด้วยใบหน้างามเต็มไปด้วยรอยยิ้ม หญิงสาวทอดสายตามองไปยังชายหาดขนาดย่อมความยาวไม่ไกลเกินหนึ่งกิโลเมตร ผืนทรายนั้นเป็นสีขาวดูสะอาดตากลมกลืนกับท้องทะเลสีฟ้าใส เธอเพิ่งรู้เมื่อไม่กี่นาทีนี้เองว่า สถานที่เธอยืนอยู่ยามนี้ชื่อว่า ‘เกาะบาหลัน’ เกาะส่วนตัวเล็กๆ เกาะหนึ่งของประเทศอินโดนีเซีย“แล้วคุณอยากอยู่ไหมล่ะ”“คะ” หันขวับไปมองคนที่เดินมาหยุดยืนอยู่ข้างๆ พลางเลิกคิ้วถามอย่างสงสัยด้วยไม่แน่ใจในสิ่งที่อีกฝ่ายเอ่ยออกมา ดิเอโกเบือนหน้าไปมองคนข้างกายพร้อมคลี่ยิ้มบางเบาก่อนเอ่ยประโยคต่อไป“ในเมื่อที่นี่น่าอยู่ ทำไมคุณไม่อยู่เลยล่ะ... ยาหยี”“คะ...คือฉัน” สุพิชญาออกอาการติดอ่างขึ้นมาทันใด หญิงสาวไม่คิดว่าจะได้ยินคำเชิญชวนแสนง่ายนั้น แต่ก่อนที่เธอจะได้เอ่ยคำใดต่อไป ดิเอโกก็แทรกขึ้นด้วยประโยคที่ชวนให้เธออารมณ์กรุ่นขึ้นมาอีกครั้ง ด้วยระลึกได้ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่ต้นเธอไม่ได้เต็มใจสักนิด“ผมยินดีนะถ้าคุณจะอยู่กับผมที่นี่มากกว่าหนึ่งเดือน ตามข้อตกลงนั่น”“ฉันบอกคุณกี่ครั้งแล้วคะ ว่าฉันไม่รู้เรื่องข้อตกลงอะไรนั่น คุ
“ว้าย... ดิเอโก!! ตามเข้ามาทำไมคะ” เสียงหวานอุทานลั่นด้วยความตื่นตระหนกเมื่อเธอเดินเข้าห้องน้ำไปแล้ว แต่ก่อนที่จะทันได้ปิดประตู ดิเอโกก็แทรกตัวเข้ามาแล้วจัดการปิดล็อกเสียเอง สุพิชญาเบิกตากว้างมองเขาอย่างหวาดหวั่น เธอรู้ตัวดีว่าลงเขาเข้ามาด้วยแบบนี้ เธอไม่มีทางจะรอดพ้นจากเพลิงพิศวาสของเขาไปได้อย่างแน่นอน“ฉันร้อนอยากอาบน้ำ คุณออกไปสิคะ”“ผมก็ร้อนมาก ผมเลยคิดว่าเราน่าจะอาบพร้อมกันดีกว่านะ จะได้ไม่เสียเวลา”“ดิเอโก! อุ๊ย!” สุพิชญาอุทานขานชื่อนั้นอย่างตกใจแล้วก็ยิ่งตกใจยิ่งกว่าเมื่อเจ้าพ่อใหญ่ตรงเข้ารวบร่างน้อยเข้าหา หญิงสาวตระหนักทันทีว่าจะเกิดอะไรขึ้นนับจากวินาทีนี้ไป“อย่า... ” เสียงหวานร้องห้ามสั่นพร่า แต่ทว่าหาได้หยุดยั้งเจ้าพ่อใหญ่ได้ เพราะฝ่ามือร้อนเริ่มลูบไล้รุกไล่ไปทั่วเรือนกาย ปลายจมูกโด่งก็ซุกซนไปทั่วหัวใจสาวสั่นระรัวเมื่อถูกดันร่างแนบชิดติดผนังห้องน้ำ ปลายนิ้วแกร่งรุกไล่ปลดเปลื้องเสื้อตัวสวยออกจากเรือนร่างราวต้องการตกย้ำให้เธอตระหนักว่า อย่างไรเสียเขาก็ไม่มีวันเปลี่ยนใจแน่นอน และจ
“เกาะอะไรคะดิเอโก” ถามเมื่อสายตาสบเข้ากับเกาะขนาดย่อมตรงหน้า ตามการคาดเดาด้วยสายตาสุพิชญาคิดว่าอีกไม่ถึงสิบนาที เธอและเขาก็จะถึงที่นั่น อารมณ์ขุ่นมัวที่อีกฝ่ายเอาแต่ใจไม่ยอมให้เธอได้ออกความเห็นหรือเรียกร้องสิทธิ์ใดๆ มลายหายไปสิ้นตั้งแต่ขึ้นเรือมาสุพิชญายอมรับว่า ยามที่ทอดสายตามองออกไปยังท้องทะเลที่กว้างไกลพร้อมปล่อยให้ผิวกายปะทะเข้ากับลมทะเลที่โบกพัดมาทำให้เธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้น จนมีกะจิตกะใจที่จะหันไปชวนเจ้าพ่อใหญ่พูดคุย แต่ทว่าคำตอบที่ได้รับกลับมาทำให้แทบอยากเข่นฆ่าเขาเสียเดี๋ยวนั้น“เกาะผมให้แน่นๆ ไงครับยาหยี หรือจะให้ผมเกาะคุณดี ผมเกาะไม่ปล่อยนะจะบอกให้” เขาตอบพลางโน้มกายเข้าหาราวกับว่าจะเกาะกอดเธอต่อหน้าบอดี้การ์ดจริงๆ การกระทำนั้นเรียกเสียงหวีดร้องของหญิงสาวได้เป็นอย่างดี“คนบ้า! คนผี! ฉันหมายถึงเกาะนี้ต่างหาก ชื่อเกาะอะไร” สุพิชญาตวาดเสียงเข้มนัยน์ตาขุ่นเขียวเรียวปากสวยเม้มเข้าหากันอย่างขัดใจ นั่นเรียกเสียงหัวเราะขบขันจากดิเอโกได้มากมายนัก“ฮ่าๆๆ ก็คุณไม่ได้ถามแบบนี้นี่”“นี่คุณอย่ามาเล่นลิ้นนะ” หญิงสาวตั้งท่าข่มขู่ตาโต แต่เจ้าพ่อใหญ่กลับหายำเกรงไม่ ยังคงหยอกเย้าเธฮต่อไปแต่ก็กึ