เขาได้พบกับเธอในวันที่ฝนตกหนัก และทำให้เขาต้องพาเธอกลับมาเพื่อดูแล เพื่อรอให้เธอหายจากอาการป่วย
View Moreฝนที่กำลังกระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา บรรยากาศยามดึกที่มีน้ำเฉอะแฉะเต็มถนนเขาซึ่งกลับบ้านในเวลานี้เป็นประจำเพราะงานที่กำลังทำนั้นเร่งมากจนต้องยอมกลับบ้านดึกทุกคืน ช่วงนี้เป็นฤดูฝนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาขับรถยี่ห้อหรูผ่านน้ำที่ขังเจิ่งนองนั้นด้วยความเร็วพอประมาณ
แสงไฟที่ส่องสว่างไปข้างหน้า เงาของอะไรบางอย่างตัดหน้ารถเขาอย่างจัง และใช่เขาขับรถชนอะไรบางอย่างเข้า และตอนนี้แอบคิดในใจว่าขอให้ไม่ใช่คนก็แล้วกัน
โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง
หญิงสาวผิวขาวซีดเหมือนเปียกฝนมานานหลายชั่วโมงนอนสลบบนเตียงโรงพยาบาล ซึ่งชายหนุ่มที่ขับรถชนเธอเมื่อครู่ได้พามาส่งเอาไว้แล้วกลับไปเพราะเขาเปียกไปทั้งตัว ให้ข้อมูลการติดต่อไว้กับเจ้าหน้าที่แล้ว
เธอมีอาการหัวแตก กระดูกหัก ฟกช้ำทั้งร่างกายแต่โชคยังดีที่ยังไม่ตาย ในตัวเธอหาสิ่งยืนยันตัวตนไม่ได้เลยว่าเธอเป็นใคร
กรินทร์ชายหนุ่มวัย 30 ที่ตอนนี้กำลังสร้างบริษัทโฆษณาของตัวเองขึ้นมาได้ 5 ปี เพราะที่บ้านที่มีธุรกิจส่วนตัวให้ทำแล้วพี่น้องแย่งกันจนเขาต้องแยกตัวออกมา และกำลังได้รับทำงานที่ตอนนี้กำลังเร่งทำจนไม่มีเวลาพักผ่อน
เขากลับมาที่คอนโดของตัวเองและคิดว่าวันนี้เขาได้พบกับอะไรกันเนี่ย เขาไม่ได้หนีไปไหน แถมยังพาเธอไปส่งโรงพยาบาลด้วย ทำไมเขาจะต้องมาซวยในวันที่ทุกอย่างกำลังจะดีด้วยนะ
เขากลุ้มใจอยู่ 2 อาทิตย์เลยทีเดียวเพราะเธอคนนั้นยังไม่ตื่นขึ้นมาให้การกับตำรวจ เขาให้การไปหมดแล้วเท่าที่เขาจำได้ คืนนั้นฝนมันตกหนักมากจริง ๆ ทัศนวิสัยของเขามันไม่ดีอย่างมาก ทำให้ไม่เห็นคนข้ามถนน อีกอย่างสีเสื้อผ้าเธอในวันนั้นก็เป็นสีดำสนิทด้วย
เมื่อเธอลืมตาตื่นขึ้นมาในโรงพยาบาลที่มีกลิ่นของยาฆ่าเชื้อรุนแรงจนแสบจมูก หญิงสาวมองไปรอบ ๆ ห้องที่มีเตียงอื่น ๆ นอนอยู่หลายเตียง ความรู้สึกแรกคือปวดหัวมากทำให้เธอไม่สามารถลืมตาตื่นขึ้นมาได้ จนกระทั่งมีพยาบาลเดินมาดูที่เตียงเธอ
ความวุ่นวายเกิดขึ้น แล้วเธอก็ค่อย ๆ หลับลงไปอีกครั้ง
วันนี้กรินทร์ได้รับโทรศัพท์จากตำรวจให้ไปพบคู่กรณีที่โรงพยาบาล เขาจำเป็นต้องไปและได้พบกับเธอที่ตอนนี้ลืมตาพูดคุยกับหมอและตำรวจอยู่ แต่เหมือนกับว่าไม่มีใครได้อะไรจากตัวเธอเลยเพราะเธอจำอะไรไม่ได้เลย
ในตัวของเธอไม่มีเอกสารอะไรที่บ่งชี้ได้ว่าเธอเป็นใครมาจากไหน แม้แต่ชื่อยังไม่รู้เลยว่าชื่ออะไร วันนี้จึงจบลงตรงที่เธอต้องอยู่โรงพยาบาลต่อไปอีกจนกว่าอาการจะดีขึ้น แล้วมีเขาที่ขับรถชนเธอต้องเป็นคนรับผิดชอบค่าใช้จ่าย
ซึ่งก็ไม่ใช่ปัญหาอะไรของกรินทร์เลย เพียงแต่เขาไม่ได้ผิดนี่ทำไมต้องมารับผิดชอบอะไรแบบนี้ด้วยก็ไม่รู้
ในทุกวันของเขาต้องทำงาน คิดงานร่วมกับทีมงานในบริษัท และช่วงเย็นต้องไปดูคู่กรณีของตัวเองที่เมื่อไหร่อาการจะดีขึ้นสักที ปรากฏว่าในวันหนึ่งที่เขามาเยี่ยมภายนอกหน้าต่างนั้นมีฝนตกลงมา ทำให้เธอคนนั้นลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกไปดูฝนที่หน้าต่างกระจกใสนั้น
“ฝนตกอีกแล้ว” เธอพูดออกมา
กรินทร์เดินมาเห็นพอดี จึงเข้าไปหาเธอที่ยืนอยู่ตรงหน้าต่าง
“คุณเดินได้คล่องแล้วเหรอ” เธอหันใบหน้าขาวเนียนมาหาเขา แล้วมองใบหน้าเหมือนพิจารณาอะไรสักอย่าง แล้วเหมือนนึกออกว่าเขาเป็นใคร
“คุณนั่นเอง มาอีกแล้ว”
“ใช่ ผมเองมาทุกวันคุณจำผมไม่ได้หรือไงกันนะ”
“เอ่อ...จำได้บ้าง ไม่ได้บ้าง ขอโทษด้วยนะ” เธอมองเขาอย่างจะบอกขอโทษ
“ไม่เป็นไรหรอก แล้วเดินได้ปกติไหมล่ะ”
“ก็เดินได้ แต่ปกติเป็นแบบไหน ถ้าแบบนี้ก็คงใช่” เธอเดินให้เขาดูโดยไม่มีไม้ค้ำแล้ว
“ก็ถือว่าดีแล้ว กลับไปที่เตียงเถอะวันนี้มีขนมมาฝากด้วยนะ”
“ได้ค่ะ ขอบคุณนะ”
“เมื่อไหร่จะหาย จะได้พาไปส่งบ้านซะที แล้วก็ยอมความด้วยนะเธอโดดมาใส่รถผมเอง”
“จำไม่ได้ค่ะ”
กรินทร์รู้สึกอยากจะเอาหัวโขกกำแพง ไม่ว่าอย่างไรเขาก็ยังคงเป็นคนผิดที่ขับรถชนเธอจนความจำเสื่อม รอแค่เวลาจนกว่าสมองของเธอจะกลับมาเป็นปกติซึ่งหมอไม่คอนเฟิร์มว่าจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เขาจึงต้องรับผิดชอบไปก่อน ดีที่โรงพยาบาลนี้เป็นโรงพยาบาลของรัฐราคาในแต่ละคืนจึงไม่ได้แพงมากและเธอยังอยู่ในห้องรวมด้วย
ส่วนตัวเขานั้นมาเยี่ยมบ่อย แต่ก็ไม่ได้มาทุกวันเขาแค่อยากรู้ว่าเมื่อไหร่เธอจะจำได้เสียที จะได้เลิกแล้วต่อกันเพราะเขาไม่ได้ตั้งใจกับอุบัติเหตุครั้งนี้
“วันนี้คุณว่าง”
“ใช่ ว่างก็จะมาหาคุณได้ แล้วก็ขอร้องล่ะพยายามหน่อยนะคุณ คิดให้ออกว่าคุณเป็นใคร”
“ฝน”
เขามองออกไปนอกหน้าต่างแล้วหันกลับมา
“ใช่ ฝนตกเหมือนคืนนั้นที่ผมขับรถชนคุณ”
“เปล่า ฉันหมายถึงฉันชื่อฝน”
“คุณจำชื่อตัวเองได้แล้ว”
“ไม่รู้ว่าจะใช่ไหมนะ แต่เหมือนมีคนเคยเรียกแบบนั้น”
“โอเค คุณต้องค่อย ๆ นึกก็แล้วกันนะ วันนี้อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าคุณจำชื่อตัวเองได้แล้ว”
ฝนกลับไปสนใจนอกหน้าต่างอีกครั้ง เหมือนพยายามจะคิดอะไรให้ออกเพราะสงสารเขาที่ต้องมาหาเป็นประจำ ไม่อยากเห็นเขาที่ดูกังวลเกี่ยวกับตัวเองมากขนาดนี้
ในช่วงเวลานั้นกรินทร์ยังคงทำงานอย่างหนักเพราะงานเริ่มใกล้จะต้องส่งแล้ว ส่วนเรื่องของฝนนั้นยังไม่คืบหน้าอะไรมากนัก เพราะนอกจากชื่อฝนแล้วยังคิดอะไรไม่ออก
เมื่อเขาสู่เดือนที่ 3 ของการรักษาตัว และกรินทร์ผ่านการคัดเลือกให้ทำโฆษณาให้บริษัทแห่งนั้นที่เขาพยายามมาตลอด และเขายังต้องพาผู้หญิงคนหนึ่งที่ไม่มีหัวนอนปลายเท้าเข้ามาทำงานในบริษัทของตัวเองเพราะเธอไม่มีที่จะไป และถ้าเขายอมรับเธอเข้ามาทำงานด้วย คดีความจะจบลง เขาจึงยอมให้เธอเข้ามาทำงานที่บริษัทในตำแหน่งแม่บ้าน
ฝนสามารถทำงานได้ และสามารถอยู่คนเดียวได้ กรินทร์ได้หาเช่าที่พักใกล้สถานที่ทำงานของเธอให้ เพราะเธอไม่มีเอกสารใด ๆ ติดตัวและยังไม่สามารถทำได้เพราะว่าเธอจำอะไรไม่ได้จึงจำเป็นต้องอยู่แบบนี้ต่อไป
ในห้องทำงานของกรินทร์ วันนี้เขากำลังเคลียร์งานบางอย่างอยู่จนจะ 6 โมงเย็นแล้วยังไม่ออกไป ฝนจึงเอาเครื่องดื่มไปให้เขาเพราะว่าเขาอาจจะอยู่จนดึกอีกแล้ว
“น้ำผลไม้ค่ะคุณกรินทร์”
“อื้ม ขอบใจนะ ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ”
“กำลังจะกลับค่ะ แต่เห็นว่าคุณยังไม่กลับก็เลยไปเอาน้ำมาให้ แล้ววันนี้จะนอนที่นี่อีกหรือเปล่าคะ”
“กลับบ้านน่ะวันนี้ เดี๋ยวก็จะไปแล้วเธอกลับได้เลย”
“ค่ะ”
ฝนเดินออกมาจากห้องนั้นเพราะเขาไม่อยากให้อยู่รบกวน แล้วอยู่ ๆ เขาก็ออกมาจากห้องแล้วบอกให้ฝนอยู่ก่อน เพราะเขาอยากให้ฝนไปทำงานที่บ้านมากกว่าที่นี่ไม่มีอะไรให้ทำมากนักเพราะเขาเองก็มีแม่บ้านประจำอยู่แล้ว
ใช้เวลารอกรินทร์อยู่เกือบชั่วโมงเขาจึงออกมาแล้วให้เธอตามเขาไปขึ้นรถ ตอนนี้กรินทร์เปลี่ยนรถแล้ว เขาไม่ใช้เบนซ์คันที่เกิดเรื่องนั้น เพราะไม่อยากจะจำภาพน่ากลัวในวันนั้นเอาไว้นัก
บ้านหลังใหญ่ที่มองดูก็รู้ว่าฐานะเขาไม่ใช่ธรรมดา เพียงแต่การออกไปอยู่ข้างนอกของเขานั้นทำให้เขาต้องเป็นตัวเอง ไม่มีครอบครัวอยู่เบื้องหลังทำให้เขาต้องออกไปสู้กับอุปสรรคภายนอกให้ได้เอง
บ้านหลังนี้ดูเป็นบ้านที่น่าจะอบอุ่นเพราะเป็นครอบครัวใหญ่ ฝนมองดูด้วยความชื่นชมเพราะว่าไม่เคยเห็นภาพแบบนี้มาก่อน เท่าที่จำได้
ด้วยความที่บ้านหลังนี้ดูใหญ่โตได้ขนาดนี้ เธอมองหน้าคนที่พามามีความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นในใจ เธออาจจะถูกเขาทิ้งแล้วเพราะว่าการดูแลเธอมันทำให้เขารู้สึกลำบากนั่นเอง
สองคนมานั่งลงบนโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมเอาไว้แล้ว สองคนนั่งมองกันมากกว่าจะได้ทานอาหารในมื้อพิเศษนี้ 2 ปีแล้วที่พวกเขาคบกันแบบห่าง ๆ มาตลอด แต่วันนี้จะกลายเป็นการคบหาแบบใกล้ชิดกันมากขึ้น เพราะตามที่กรินทร์คาดการณ์เอาไว้แล้วว่า แฟนสาวของเขาจะต้องย้ายมาทำงานที่นี่อย่างแน่นอน“คุณได้มาจริง ๆ ด้วย ผมกำลังจะถามคุณอยู่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”“เดาเก่งจังนะคะ”“ไม่ต้องเดาเลยครับ คุณเป็นคนที่น่าจะถูกเลือกอยู่แล้วเพราะว่าเคยมาที่นี่ อีกอย่างก็เคยชินกับภาษาอยู่แล้ว”“ก็ใช่นั่นแหละค่ะ อีกอย่างก็คือฉันอยากมาอยู่ที่นี่ด้วย”“อันนี้ก็ไม่เกินความคาดเดาของผม แค่ไม่คิดว่าจะเร็วกว่าที่คิด”“เร็วไปเหรอคะ อืมงั้นกลับไปคิดใหม่อีกรอบดีกว่า”“ไม่ต้องแล้วล่ะครับเพราะว่า ผมเองก็ตัดสินใจเร็วมากเหมือนกัน”“เรื่องอะไรเหรอ”ในกระเป๋าเสื้อมีกล่องกำมะหยี่สีแดงขนาดเล็กกล่องหนึ่ง เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วยื่นไปให้คนที่อยู่ตรงข้ามกัน แหวนเพชรที่ไม่ได้ใหญ่มาก แต่มันน่ารักและน่าจะเหมาะสมกับคนตรงหน้า“แต่งงานกันเถอะ ผมไม่อยากจะรออะไรอีกแล้ว”“เร็วเกินไปหรือเปล่าคะ มั่นใจแล้วเหรอว่าจะเลือกฉัน”“มั่นใจนะ ระหว่างเราคงไม่ต้องเรียนรู้อะไร
เรนนี่ได้แต่ยิ้ม เธอไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพียงแค่หยิบขนมที่เตรียมมาเข้าปากไปเท่านั้น เขาพยายามสร้างความเชื่อมั่นให้เธอเสมอเพราะมั่นใจว่าทั้งสองคนรู้จักกันมามากพอแล้ว เหลือแค่เมื่อไหร่จะถึงเวลาให้ได้มาอยู่ด้วยกันจริง ๆ เท่านั้นสองคนคุยกันไปหลาย ๆ เรื่องวางแผนอนาคตไว้นิดหน่อยเพราะว่าถ้าเกรซแข็งแรงดีแล้ว และหลานชายแข็งแรงมากพอ ก็พากันกลับไปบ้านที่เมืองไทยครอบครัวของพวกเขาที่รอดูหลานชายก็พร้อมเตรียมรับกลับบ้านแล้ว รอเวลาอีกสักหน่อย พวกเขาโทรศัพท์อัพเดทกันอยู่โดยตลอด จากเด็กอ่อนเพิ่งคลอดได้เติบโตขึ้นจนสามารถเดินทางข้ามประเทศได้ พวกเขาได้เดินทางกลับไปแล้วเรนนี่ยังคงอยู่ที่เดิม ไม่ได้ตามกลับมาด้วยเพราะว่าหน้าที่การงานของเธอยังต้องทำต่อไปกรินทร์กลับมาทำงานของตัวเอง และบริษัทของพ่อด้วยมันสร้างความลำบากให้เขามากแต่ก็ต้องทำเพราะว่าพ่อไม่สามารถกลับมารับหน้าที่ได้อีกแล้ว ส่วนเรื่องแฟนตอนนี้ก็แค่ห่างกัน แต่ก็สามารถพูดคุยกันผ่านโทรศัพท์กันได้ตามปกติ แต่เวลาต่างกัน 12 ชม.เท่านั้น“วันนี้เป็นไงบ้างค่ะ” รอยยิ้มสวย ๆ ปรากฏหน้าจอ“วันนี้ก็เหนื่อยอีกแล้วครับ” เขาทำหน้าตาอ่อนล้าเพื่ออ้อนคนรักที่อยู่อีกซี
หลังจากนั้น เรนนี่ออกจากประเทศไทยกลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวของเธออย่างแท้จริง อยู่กับคนที่หวังดีกับเรา อย่างไรมันก็ดีกว่าอย่างแน่นอน เธอเลือกที่จะไม่เล่าเรื่องราวเลวร้ายอะไรให้พ่อและแม่ฟัง เธออยากได้แค่ความสงบสุข วินดี้เลือกที่จะอยู่กับสามีของเธอแล้ว และคงจะไม่กลับมาอีกเรื่องราวของพี่สาวจบลงแค่ตรงนี้ เรนนี่ไม่อยากรับรู้เรื่องราวของเธออีก เพราะรู้สึกเสียใจและผิดหวังกับพี่สาวคนนี้มากเมื่อกลับมา เธอก็หางานทำและได้เป็นพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งงานมันก็เป็นงานออฟฟิศ เลิกงานกลับมาบ้าน ตื่นเช้าไปทำงานด้วยรถไฟฟ้า ทำทุกอย่างเหมือนเดิมซ้ำ แบบนี้ไปเรื่อย ๆ แต่มีบางอย่างที่ทำให้เธอมีแรงที่จะทำอะไรเดิม ๆ ในทุก ๆ วันคือการวีดีโอคอลจากคนที่อยู่อีกฝั่งของโลก เขาเฝ้ารอในทุก ๆ วันเพียงแค่นี้พวกเขาก็พอใจแล้ว ขอแค่มีเวลาให้มากพอจะได้เจอกันในสักวันหนึ่งเวลาที่ผ่านมานานแล้ว กรินทร์ได้เวลาจะต้องเดินทางออกต่างประเทศเพราะเขามีเรื่องที่จะต้องจัดการที่ตั้งใจเอาไว้นานแล้ว และมันเป็นโอกาสที่จะได้พบกับคนรักของเขาอีกด้วยสนามบิน“ฝนเหรอพี่กรินทร์” หญิงสาวที่ตอนนี้ท้องโตขึ้นมาจนเห็นได้ชัด ตอนนี้อายุครรภ์น่าจะ
เรนนี่เดินเข้ามาในสำนักงานที่ตัวเองคุ้นเคย เธอติดต่อประชาสัมพันธ์ของบริษัทเพื่อขอพบชลิตา เรนนี่คิดว่าต่อให้เกลียดกันมากแค่ไหน คนอย่างวินดี้คงยังไม่กล้าทำอะไรเธอแน่นอนเพราะถ้าคิดจะทำร้ายจริง ๆ คงไม่รอให้เธอเดินมาหาเองหรอกพอบอกว่าเรนนี่ขอเข้าพบ วินดี้ที่ตอนนี้กำลังมีปัญหาภายในบริษัทอยู่ก็ล้มเลิกความตั้งใจเรื่องอื่นไปเลยเพราะเธอเองก็ยังไม่คิดว่าเรนนี่จะกล้ากลับมาหากันได้ ทั้งที่ถูกกระทำไปหลายอย่างแบบนั้นการเผชิญหน้าในรอบ 6 เดือน เรนนี่ยังส่งยิ้มให้พี่สาวแล้วเริ่มพูดคุยเรื่องที่ตัวเองมาหาในวันนี้“สบายดีใช่ไหมคะพี่สาว”“แหม หายหน้าไปตั้งนานกลับมาแล้วก็ดีแล้วนะ พี่อยากได้คนช่วยอยู่เลย”“แล้วที่ผ่านมาให้ใครช่วยเหรอคะ”“ก็ทำเองบ้างแหละ มันก็ยังไม่ได้ดีขึ้นขนาดนั้น”“วิธีการของพี่มันเลวเกินไปมั้งคะ จะดีขึ้นได้ไงล่ะ”“เรนนี่ มันจะมากไปแล้วนะใครสั่งสอนให้เธอด่าฉันแบบนี้”“ประสบการณ์ไงคะ เอาล่ะเรนขี้เกียจจะคุยกับพี่แล้ว ขอเอกสารของเรนทั้งหมดมาค่ะ”“จะเอาไปทำไม”“จะกลับอเมริกา และคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะไม่ต้องห่วงนะคะ พี่จะอยู่ที่นี่กับสามีอย่างมีความสุขแน่นอน”“แล้วเธอจะไม่เอาเรื่องพี่ใช่ไหม”
เมื่อกลับมาถึงห้อง ฝนนั่งกินข้าวที่ตัวเองซื้อมา ในหัวก็คอยคิดถึงรถคันนั้นอย่างสงสัยมันคุ้นตาแปลก ๆ เอ...หรือว่าเธอกำลังจะคิดอะไรออกอาทิตย์หน้าต้องไปหาหมอพอดี อาจจะพอมีเรื่องเล่าให้หมอฟังบ้างแล้ว แต่...ทำไมรถยี่ห้อหรูขนาดนั้นถึงคุ้นตาเธอฝนยังคงคิดอะไรไม่ออกมากไปกว่านี้ เรื่องรถและใบหน้าหญิงสาวคนนั้นที่ดูเหมือนตกใจกับเธอ หรือเรามีอะไรผิดปกติไปคืนนั้นฝนฝันถึงอะไรมากมาย แต่ไม่สามารถรู้ได้ว่ามันคืออะไรชลิตากลับมาที่คอนโดของตัวเอง มองไปรอบ ๆ ห้องที่เคยมีน้องสาวเดินไปเดินมาอยู่ในเมื่อก่อน ตอนนี้เธอหายไปกว่า 6 เดือนแล้ว เธอพยายามปกปิดเรื่องนี้กับพ่อแม่ ปกติแล้วน้องสาวไม่ใช่คนที่ติดครอบครัวจนต้องรายงานตัวทุกวัน ทำให้เป็นช่องทางให้ชลิตาแก้ตัวว่าน้องเหนื่อยกับงานจึงไม่อยากพูดคุยกับใคร“ทำไมมันยังอยู่” เธอคิดได้อย่างนั้นจึงรีบโทรหาคนที่เคยดีลเอาไว้เรื่องนี้ว่าเรื่องวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่รู้แค่ว่ามันหนีไป ตามหาไม่เจอซึ่งคำตอบยังคงเดิม ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปตอนไหนทั้งที่เมายาขนาดนั้น ไม่น่าจะหนีรอดไปไหนได้นอกจากตายเท่านั้น ซึ่งทำให้วินดี้รู้สึกสบายใจไปบ้าง แต่ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงหน้าเหมื
เมื่อพ่อแม่รู้เรื่องก็ตกใจกันเป็นการใหญ่ว่าลูกชายถูกใครซ้อมอาการหนัก กระดูกซี่โครงร้าว ปากแตก คิ้วแตกยับไปหมด พอถามก็ไม่ได้ความอะไรบอกเพียงแค่ว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่อยากเอาเรื่องกับใคร ซึ่งเจ้าตัวยืนยันจึงไม่มีใครหาความอีกกรินทร์ก็รออยู่เหมือนกันว่าพี่ชายจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่มีอะไรกลับมาหาเขาเลย จึงไม่สนใจเขาอีก เตรียมตัวจะกลับไปอยู่คอนโดเหมือนเดิม แล้วให้น้องสาวพยายามทำตัวให้เหมือนเดิม อยู่บ้านแล้วลงไปทานข้าวกับพ่อแม่บ้าง ทานยาให้ครบไปพบแพทย์ตามนัด พอใกล้ถึงเวลาของเด็กในท้อง เขาจะจัดการให้เองไม่กี่วันฝนและกรินทร์ก็ออกจากบ้านไปเพราะกรินทร์บอกกับที่บ้านว่าที่บริษัทไม่มีแม่บ้านประจำอยากให้ฝนไปทำงานให้พอเรื่องราวเริ่มคลี่คลายได้แล้วฝนก็สบายใจ ได้ย้ายมาอยู่อพาร์ทเม้นใกล้ ๆ กับเขาด้วยมีคีย์การ์ดเข้าออกก็ปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง และเขายังอยู่ใกล้ ๆ ด้วย เพียงแค่นี้คนแอบรักอย่างฝนก็รู้สึกดีในทุกวันแล้วกรินทร์ทำงานจนเสร็จแล้วได้เวลาต้องไปพรีเซนต์งานพร้อมทีมของตัวเองให้บริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง เขากำลังจะเดินไปที่ลิฟต์บังเอิญว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งที่ถือแฟ้มเดินเข้ามาเหมือนกับรีบมาก
เรื่องนี้แววรู้ว่าการันต์อยากได้ฝนมานานแล้ว และเธอก็ชอบเขาจนอยากเป็นคนโปรด แต่พอมาคิดอีกทีมันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำตอนนี้ในบ้านมีแค่เธอที่สติดี และคุณเกรซที่อ่อนแอ เธอจะทำยังไงดีปล่อยให้มันเกิดขึ้นหรือจะเข้าไปขวางเอาไว้ หรือจะแค่ปล่อยให้ฝนเป็นไปตามโชคชะตาในที่สุดโชคชะตาของฝนก็กลับมา กรินทร์จอดรถยังไม่สนิทดีแววก็วิ่งเข้ามาหาเขาให้เขารีบลงจากรถแล้วให้เข้าไปในบ้านละล่ำละลักบอกเรื่องราวไม่ปะติดปะต่อ กรินทร์รู้แค่ว่าฝนกำลังตกอยู่ในอันตรายจากพี่ชายของเขาบนห้องปีกขวาชั้นสองการันต์ก้มลงดมกลิ่นกายสาวจากซอกคอลงไปเรื่อย ๆ มือแกะกระดุมชุดทำงานของบ้านเขาอย่างใจเย็น เสื้อชั้นในลายลูกไม้สีขาวห่อหุ้มอกอวบอยู่ ผู้หญิงคนนี้ซ่อนของดีเอาไว้จริง ๆ ผิวที่ขาวสะอาดนี่ก็ล่อตาล่อใจให้เขาอยากดอมดม ชิมรสชาติว่าจะเป็นอย่างไรแล้วถ้าได้กินไปทั้งตัว เขาคงจะมีความสุขจนสำลักออกมาแน่ ๆ น่าเสียดายนิดหน่อยที่เธอจะไม่รู้ว่าเขากำลังจะเป็นผัวให้เธอทุกอย่างกำลังจะสำเร็จเพียงแค่เขา ถอดชุดนี้ออกไปให้พ้นทางแต่เพราะใจเย็น รอให้ตัวเองถึงจุดที่ต้องการไม่ไหวเสียก่อน ผิวอ่อนนุ่มนี้ทำให้เขาอยากค่อย ๆ ชิมไปเรื่อย ๆประตูถูกผลักเปิ
เรื่องนี้แววรู้ว่าการันต์อยากได้ฝนมานานแล้ว และเธอก็ชอบเขาจนอยากเป็นคนโปรด แต่พอมาคิดอีกทีมันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำตอนนี้ในบ้านมีแค่เธอที่สติดี และคุณเกรซที่อ่อนแอ เธอจะทำยังไงดีปล่อยให้มันเกิดขึ้นหรือจะเข้าไปขวางเอาไว้ หรือจะแค่ปล่อยให้ฝนเป็นไปตามโชคชะตาในที่สุดโชคชะตาของฝนก็กลับมา กรินทร์จอดรถยังไม่สนิทดีแววก็วิ่งเข้ามาหาเขาให้เขารีบลงจากรถแล้วให้เข้าไปในบ้านละล่ำละลักบอกเรื่องราวไม่ปะติดปะต่อ กรินทร์รู้แค่ว่าฝนกำลังตกอยู่ในอันตรายจากพี่ชายของเขาบนห้องปีกขวาชั้นสองการันต์ก้มลงดมกลิ่นกายสาวจากซอกคอลงไปเรื่อย ๆ มือแกะกระดุมชุดทำงานของบ้านเขาอย่างใจเย็น เสื้อชั้นในลายลูกไม้สีขาวห่อหุ้มอกอวบอยู่ ผู้หญิงคนนี้ซ่อนของดีเอาไว้จริง ๆ ผิวที่ขาวสะอาดนี่ก็ล่อตาล่อใจให้เขาอยากดอมดม ชิมรสชาติว่าจะเป็นอย่างไรแล้วถ้าได้กินไปทั้งตัว เขาคงจะมีความสุขจนสำลักออกมาแน่ ๆ น่าเสียดายนิดหน่อยที่เธอจะไม่รู้ว่าเขากำลังจะเป็นผัวให้เธอทุกอย่างกำลังจะสำเร็จเพียงแค่เขา ถอดชุดนี้ออกไปให้พ้นทางแต่เพราะใจเย็น รอให้ตัวเองถึงจุดที่ต้องการไม่ไหวเสียก่อน ผิวอ่อนนุ่มนี้ทำให้เขาอยากค่อย ๆ ชิมไปเรื่อย ๆประตูถูกผลักเปิ
ถึงแม้ฝนจะรู้สึกแย่นิด ๆ แต่ก็ต้องพยายามทำให้ทุกอย่างเป็นปกติ พอพวกเขาสองพี่น้องจะอยู่ด้วยกันตามลำพัง ฝนจึงถอยออกมา แล้วกลับไปทำงานของตัวเองต่อไปภายในห้องของเกรซสองพี่น้องพูดคุยกันหลายเรื่อง ทำให้น้องสาวที่สภาพจิตใจกำลังย่ำแย่เกิดความรู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น เธอเคยเป็นที่รักของทุกคนจนถูกตามจมาตลอด นิสัยเดิมนั้นค่อนข้างเอาแต่ใจมากจนที่บ้านไม่รู้จะต้องทำอย่างไรกับเธอแล้ว จนปล่อยเธอให้ทำตามใจตัวเองมาตลอด จนเธอกลายเป็นดาราที่มีคนชื่นชม มีคนแฉถึงเรื่องราวของเธอเวลาอยู่กับทีมงานแล้วเกิดวีนใส่เข้า จึงเกิดประเด็นมากมายจนความนิยมลดลงไปมากจากที่จะกลายเป็นนางเอก หลัง ๆ จึงได้เป็นเพียงนางรอง หรือไม่ก็ตัวประกอบเท่านั้น จากเรื่องราวนี้ทำให้เธอยิ่งโกรธ ทำให้ยิ่งถูกแฉจากคนที่ไม่ชอบ จึงเลือกอยู่เงียบ ๆ มาสักระยะหนึ่งแล้ว จนมีงานเข้ามาเป็นงานเอนเตอร์เทนบุคคลที่สำคัญในงานเลี้ยงหนึ่งปกติการใช้ชีวิตของเกรซก็เที่ยวกลางคืนและหาเพื่อนคุยเป็นผู้ชายหน้าตาดีอยู่เป็นปกติอยู่แล้ว พอได้ทำงานแนวนั้นจึงค่อนข้างชอบ ทำให้ออกจากบ้านไปติด ๆ กันหลาย ๆ คืน พ่อแม่เป็นห่วงเธอก็ปฏิเสธความห่วงใยนั้นเพราะเธอสนุกกับงานเรื่องเ
Comments