เรนนี่เดินเข้ามาในสำนักงานที่ตัวเองคุ้นเคย เธอติดต่อประชาสัมพันธ์ของบริษัทเพื่อขอพบชลิตา เรนนี่คิดว่าต่อให้เกลียดกันมากแค่ไหน คนอย่างวินดี้คงยังไม่กล้าทำอะไรเธอแน่นอนเพราะถ้าคิดจะทำร้ายจริง ๆ คงไม่รอให้เธอเดินมาหาเองหรอก
พอบอกว่าเรนนี่ขอเข้าพบ วินดี้ที่ตอนนี้กำลังมีปัญหาภายในบริษัทอยู่ก็ล้มเลิกความตั้งใจเรื่องอื่นไปเลยเพราะเธอเองก็ยังไม่คิดว่าเรนนี่จะกล้ากลับมาหากันได้ ทั้งที่ถูกกระทำไปหลายอย่างแบบนั้น
การเผชิญหน้าในรอบ 6 เดือน เรนนี่ยังส่งยิ้มให้พี่สาวแล้วเริ่มพูดคุยเรื่องที่ตัวเองมาหาในวันนี้
“สบายดีใช่ไหมคะพี่สาว”
“แหม หายหน้าไปตั้งนานกลับมาแล้วก็ดีแล้วนะ พี่อยากได้คนช่วยอยู่เลย”
“แล้วที่ผ่านมาให้ใครช่วยเหรอคะ”
“ก็ทำเองบ้างแหละ มันก็ยังไม่ได้ดีขึ้นขนาดนั้น”
“วิธีการของพี่มันเลวเกินไปมั้งคะ จะดีขึ้นได้ไงล่ะ”
“เรนนี่ มันจะมากไปแล้วนะใครสั่งสอนให้เธอด่าฉันแบบนี้”
“ประสบการณ์ไงคะ เอาล่ะเรนขี้เกียจจะคุยกับพี่แล้ว ขอเอกสารของเรนทั้งหมดมาค่ะ”
“จะเอาไปทำไม”
“จะกลับอเมริกา และคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะไม่ต้องห่วงนะคะ พี่จะอยู่ที่นี่กับสามีอย่างมีความสุขแน่นอน”
“แล้วเธอจะไม่เอาเรื่องพี่ใช่ไหม”
“กลัวด้วยเหรอคะ ไม่หรอกเพราะเรนรักพี่สาวของเรนเสมอค่ะ แต่จากนี้ไปถ้าเรนไม่ได้รับความปลอดภัยจนกลับบ้านได้ล่ะก็ คงไม่ต้องคุยกันอีกแล้วนะคะ”
เรนนี่เอาจริง เธอจะไม่ปล่อยให้คนร้ายกาจอย่างวินดี้ได้อยู่สบาย ๆ แน่ แต่ถ้าเธอไม่คิดจะทำร้ายกันอีก คงจะต้องปล่อยเขาไปให้เผชิญชะตากรรมเอาเองเพราะสิ่งที่กระทำไว้นั้นคงกลับมาตอบแทนเธอในไม่ช้าอย่างแน่นอน
เมื่อเอกสารพร้อมรอแค่เธอจะไปซื้อตั๋วเครื่องบินทิ้งความรัก และความโชคร้ายทั้งหมดไว้ที่นี่แล้วจากไปโดยจะไม่หันกลับมาอีก กรินทร์เองก็ไม่ได้สนใจเธอเลยตั้งแต่วันที่เธอบอกกับเขาว่ารู้แล้วว่าตัวเองเป็นใคร และเขาก็ไม่ได้ถามเอาความจริงอะไรด้วย
เรนนี่ติดต่อไปที่บ้านแล้วว่าจะกลับไปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า เรนนี่จะต้องลาจากคนที่ตัวเองหลงรักทั้ง ๆ ที่เขาไม่เคยมองเห็นเธอเลยด้วยซ้ำไป
“คุณกรินทร์กาแฟค่ะ” เธอวางแก้วกาแฟไว้บนโต๊ะทำงานของเขา
“ขอบใจนะ” เพียงแค่นั้นแล้วเขาก็ทำงานต่อไป
ฝนกำลังจะออกไปแต่เขาเหมือนจะเพิ่งนึกออก จึงเงยหน้าขึ้นมองแผ่นหลังบางของแม่บ้านของเขาที่กำลังเดินห่างออกไป มันทำให้ภายในใจมันหวิวแปลก ๆ เหมือนเธอกำลังจะหายไปจากชีวิตเขาจริง ๆ
“ฝน วันนี้ฉันว่างไปทานข้าวเป็นเพื่อนหน่อยสิ”
ฝนที่เดินห่างออกไปแล้ว แต่ได้ยินที่เขาเรียกและหันมาเจอกับเขาที่เหมือนพยายามรวบรวมความกล้าที่จะให้เธอไปกับเขาในวันนี้
“ได้ค่ะ” เธอหันกลับมาและตอบรับโดยที่ไม่ต้องคิดอะไร
ถึงแม้ว่าต้องนั่งรอเขานานนิดหน่อย ก็ไม่ทำให้ฝนรู้สึกเบื่อหน่ายเลย เขาพาเธอนั่งรถพาไปในสถานที่แห่งหนึ่ง มันไม่ดูหรูหราอะไรเลยแต่เพราะอาหารอร่อยมาก กรินทร์ชอบมาที่นี่และอยากให้คนที่เขารู้สึกดีด้วยมาเหมือนกัน
“อันนี้ชอบทานไหม”
“อะไรก็ได้หมดเลยค่ะ ถ้าคุณบอกว่าที่นี่อาหารอร่อย”
เมื่อสั่งอาหารไปแล้ว สองคนที่นั่งอยู่ด้วยกันจึงได้แต่มองใบหน้าของแต่ละคน ภายในใจคิดต่างกัน ฝนคิดว่าเธอจะบอกลาอย่างไรดี ส่วนอีกคนจะพูดเรื่องของตัวเองออกไปจะดีไหม
“เอ่อ...”
“เอ่อ...”
สองคนพูดออกมาพร้อมกัน ฝนจึงพูดบอกให้เขาเริ่มก่อนได้เลย
“คุณก่อนเลยค่ะ”
“คือจริง ๆ แล้วก็ไม่ได้จะพูดอะไรมากหรอก แต่แค่ช่วงนี้ดูเธอจะยุ่งอยู่ฉันเลยไม่ได้ถามเรื่องที่เธอหายดีแล้ว จำอะไรได้บ้างพอจะบอกกันได้ไหม”
ฝนรู้สึกยินดีที่เขาอยากรู้เรื่องของเธอขึ้นมาบ้าง คิดว่าคงจะได้บอกเพราะว่าอีกไม่นานเธอก็จะไปแล้ว
“ได้ค่ะ มันมีเรื่องแปลกที่จะบอกด้วยว่าฉันชื่อเรนนี่ค่ะ เป็นลูกครึ่งไทย อเมริกัน ภาษาไทยแข็งแรงเพราะคุณแม่สอนมาตั้งแต่เด็กแล้ว ฉันได้เอกสารทุกอย่างที่เป็นของตัวเองคืนมาทั้งหมดแล้วนะคะและคงจะต้องกลับบ้านเพราะฉันแค่ตามพี่สาวมาเพราะเขามาทำธุรกิจกับแฟนที่เป็นคนไทยที่นี่”
“บังเอิญมากที่ผมเรียกคุณว่าฝนชื่อคุณจริงๆ ก็เป็นเรนนี่”
“ใช่ค่ะ ฉันเกิดช่วงเวลาฝนตกหนักพอดี แม่ก็ได้ตั้งชื่อให้แบบนี้ส่วนพี่สาวชื่อวินดี้ค่ะ”
“คุณเจอพี่สาวคุณแล้วเหรอ”
“ใช่ค่ะ เขาทำงานไม่ไกลจากที่นี่นักเป็นบริษัทโฆษณาเหมือนของคุณ”
“ผมคงจะต้องรู้จักสินะ”
“น่าจะใช่นะคะ วินดี้แอนด์เรนนี่ คอปค่ะ”
กรินทร์นึกชื่ออยู่แต่เขายังคิดไม่ออก เลยได้แต่นั่งมองใบหน้าสวยนั่นจนอาหารพากันมาเสิร์ฟ เขาจึงละสายตาไปได้บ้าง ไม่แปลกที่ฝนจะสวยได้ขนาดนี้เมื่อรู้เรื่องราวของเธอแล้ว
อาหารเย็นนี้มันเหมือนมีความเศร้าแฝงอยู่เนื่องจากฝนเองที่รู้สึกส่วนกรินทร์นั้นเขายังคงรู้สึกมากมายที่ยังเรียบเรียงมันออกมายังไม่ได้
ข้าวมื้อนี้เขาตั้งใจจะเลี้ยงฝนเพราะว่า 6 เดือนที่อยู่ด้วยกันมามันเกิดเรื่องวุ่นวายตลอดเวลา เขาไม่มีเวลาจะพูดคุยด้วยเพราะงานที่เขาเองก็ทิ้งไปไม่ได้ด้วย ทำให้อะไรหลาย ๆ อย่างมันยังถูกเก็บเอาไว้
“คุณกรินทร์คะ ฝนมีเรื่องจะต้องบอก”
“เรื่องอะไรเหรอ”
“ฝนต้องกลับอเมริกานะคะ อาจจะต้องลาออกจากงานเพื่อเตรียมตัวก่อนสักเดือนหรือสองเดือน”
เขารู้สึกใจหายวูบ คนตรงหน้าจะไปจากเขาแล้วจริง ๆ
“ฝน คุณจะกลับแล้วเหรอ”
“ใช่ค่ะ เพราะว่ารบกวนคุณนานเกินไปแล้ว และสักวันเราอาจจะได้เจอกันอีกถ้ามีโอกาสนะคะ”
“คือผมว่าคุณจะอยู่ต่ออีกได้นะ ผมเองก็ไม่ได้บอกนี่ว่าไม่อยากดูแลคุณ”
“ไม่ได้หรอกค่ะ เพราะเราไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ เกรงใจมากแล้วค่ะ อีกอย่างฉันอยู่ที่นี่เกรงว่าจะไม่โชคดีเป็นครั้งที่สอง”
“หมายความว่าอะไรเหรอ”
“เรื่องราวมันซับซ้อน เอาไว้ทำใจได้เมื่อไหร่แล้วจะบอกคุณนะคะ ส่วนนี้ขอบคุณทุก ๆ อย่างที่ให้กันมาทั้งหมด ในวันหนึ่งคิดว่าจะได้ตอบแทนอะไรคืนได้บ้าง”
“ไม่จำเป็นหรอกครับ ผมคิดว่าสิ่งที่ผมทำก็ทดแทนที่ผมทำให้คุณความจำเสื่อมไปหลายเดือนแทนที่คุณจะได้อยู่กับครอบครัว”
“มันดีแล้วค่ะ เชื่อฉันเถอะ”
กรินทร์คิดแล้วว่าคนตรงหน้าคงไม่ได้คิดตรงกันจึงไม่กล้าจะพูดอะไรออกไป ได้แค่บอกว่าให้เธอโชคดีกับการเดินทางกลับบ้าน
ฝนกำลังรอคอยแค่คำว่ารักจากเขา แต่มันไม่เคยจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เธอยังอาศัยอยู่ในที่นั้น ทำงานให้อย่างเคย เจอกันในทุกวันแต่บางสิ่งที่อยู่ในใจของทั้งคู่ก็ไม่เคยเผยมันออกไป เธอคิดเอาเองว่าเพราะเขาไม่ได้คิดว่าเธอเป็นคนสำคัญมากพอเองนั่นแหละ
“คุณกรินทร์ พรุ่งนี้ฉันจะไม่ได้มาแล้วนะคะ”
กรินทร์ที่ทำงานเสียจนลืมวันลืมคืน เพราะเขายังมีฝนอยู่รอบตัวตลอดเวลาในช่วงเวลานี้ พอมันจะจบลงแล้ว ความเป็นสุภาพบุรุษของเขาก็เริ่มสั่นคลอนเสียแล้ว เขาไม่อยากให้มันเกิดขึ้น
“ฝน ผม...”
“มีอะไรเหรอคะ”
“ถ้าอยากให้อยู่ด้วยกันก่อนจะได้ไหม”
“ทำไมเหรอคะ” ฝนเริ่มจะยิ้มกับสิ่งที่เขาพูด
“ผมคิดว่าอยากจะเรียนรู้กันอีกสักหน่อย”
“แล้วทำไมไม่บอกมาก่อนหน้านี้ล่ะคะ”
“ผมไม่กล้าเองนั่นแหละกลัวว่าคุณจะไม่ได้คิดเหมือนกัน”
“แล้วทำไมวันนี้บอกล่ะคะ”
“มันวันสุดท้ายที่เราจะได้เจอกันแล้ว ผมคิดว่าถ้าพลาดไปแล้วคงจะไม่มีวันได้เจอกันอีก”
“เสียดายนะคะ ถ้ามันออกมาก่อนหน้านี้สักหน่อยฉันอาจจะเลื่อนกำหนดการได้ แต่ตอนนี้ไม่ได้แล้วล่ะค่ะ ยังไงเราลองศึกษากันทางไกลไปก่อนนะคะ”
เขามองเธอด้วยแววตาเป็นประกายแห่งความหวังเพราะรู้สึกว่าฝนเองก็อยากจะลองศึกษาเขาอยู่เหมือนกัน
ทั้งสองคนเดินเข้ามาหากัน เขาโอบกอดเธอเอาไว้ ไม่อยากให้วันนี้จบลงเลยเพราะเขาจะไม่ได้พบเธออีก เขายังไม่รู้เรื่องเกี่ยวกับเธอมากพอเลย
หลังจากนั้น เรนนี่ออกจากประเทศไทยกลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวของเธออย่างแท้จริง อยู่กับคนที่หวังดีกับเรา อย่างไรมันก็ดีกว่าอย่างแน่นอน เธอเลือกที่จะไม่เล่าเรื่องราวเลวร้ายอะไรให้พ่อและแม่ฟัง เธออยากได้แค่ความสงบสุข วินดี้เลือกที่จะอยู่กับสามีของเธอแล้ว และคงจะไม่กลับมาอีกเรื่องราวของพี่สาวจบลงแค่ตรงนี้ เรนนี่ไม่อยากรับรู้เรื่องราวของเธออีก เพราะรู้สึกเสียใจและผิดหวังกับพี่สาวคนนี้มากเมื่อกลับมา เธอก็หางานทำและได้เป็นพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งงานมันก็เป็นงานออฟฟิศ เลิกงานกลับมาบ้าน ตื่นเช้าไปทำงานด้วยรถไฟฟ้า ทำทุกอย่างเหมือนเดิมซ้ำ แบบนี้ไปเรื่อย ๆ แต่มีบางอย่างที่ทำให้เธอมีแรงที่จะทำอะไรเดิม ๆ ในทุก ๆ วันคือการวีดีโอคอลจากคนที่อยู่อีกฝั่งของโลก เขาเฝ้ารอในทุก ๆ วันเพียงแค่นี้พวกเขาก็พอใจแล้ว ขอแค่มีเวลาให้มากพอจะได้เจอกันในสักวันหนึ่งเวลาที่ผ่านมานานแล้ว กรินทร์ได้เวลาจะต้องเดินทางออกต่างประเทศเพราะเขามีเรื่องที่จะต้องจัดการที่ตั้งใจเอาไว้นานแล้ว และมันเป็นโอกาสที่จะได้พบกับคนรักของเขาอีกด้วยสนามบิน“ฝนเหรอพี่กรินทร์” หญิงสาวที่ตอนนี้ท้องโตขึ้นมาจนเห็นได้ชัด ตอนนี้อายุครรภ์น่าจะ
เรนนี่ได้แต่ยิ้ม เธอไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพียงแค่หยิบขนมที่เตรียมมาเข้าปากไปเท่านั้น เขาพยายามสร้างความเชื่อมั่นให้เธอเสมอเพราะมั่นใจว่าทั้งสองคนรู้จักกันมามากพอแล้ว เหลือแค่เมื่อไหร่จะถึงเวลาให้ได้มาอยู่ด้วยกันจริง ๆ เท่านั้นสองคนคุยกันไปหลาย ๆ เรื่องวางแผนอนาคตไว้นิดหน่อยเพราะว่าถ้าเกรซแข็งแรงดีแล้ว และหลานชายแข็งแรงมากพอ ก็พากันกลับไปบ้านที่เมืองไทยครอบครัวของพวกเขาที่รอดูหลานชายก็พร้อมเตรียมรับกลับบ้านแล้ว รอเวลาอีกสักหน่อย พวกเขาโทรศัพท์อัพเดทกันอยู่โดยตลอด จากเด็กอ่อนเพิ่งคลอดได้เติบโตขึ้นจนสามารถเดินทางข้ามประเทศได้ พวกเขาได้เดินทางกลับไปแล้วเรนนี่ยังคงอยู่ที่เดิม ไม่ได้ตามกลับมาด้วยเพราะว่าหน้าที่การงานของเธอยังต้องทำต่อไปกรินทร์กลับมาทำงานของตัวเอง และบริษัทของพ่อด้วยมันสร้างความลำบากให้เขามากแต่ก็ต้องทำเพราะว่าพ่อไม่สามารถกลับมารับหน้าที่ได้อีกแล้ว ส่วนเรื่องแฟนตอนนี้ก็แค่ห่างกัน แต่ก็สามารถพูดคุยกันผ่านโทรศัพท์กันได้ตามปกติ แต่เวลาต่างกัน 12 ชม.เท่านั้น“วันนี้เป็นไงบ้างค่ะ” รอยยิ้มสวย ๆ ปรากฏหน้าจอ“วันนี้ก็เหนื่อยอีกแล้วครับ” เขาทำหน้าตาอ่อนล้าเพื่ออ้อนคนรักที่อยู่อีกซี
สองคนมานั่งลงบนโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมเอาไว้แล้ว สองคนนั่งมองกันมากกว่าจะได้ทานอาหารในมื้อพิเศษนี้ 2 ปีแล้วที่พวกเขาคบกันแบบห่าง ๆ มาตลอด แต่วันนี้จะกลายเป็นการคบหาแบบใกล้ชิดกันมากขึ้น เพราะตามที่กรินทร์คาดการณ์เอาไว้แล้วว่า แฟนสาวของเขาจะต้องย้ายมาทำงานที่นี่อย่างแน่นอน“คุณได้มาจริง ๆ ด้วย ผมกำลังจะถามคุณอยู่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”“เดาเก่งจังนะคะ”“ไม่ต้องเดาเลยครับ คุณเป็นคนที่น่าจะถูกเลือกอยู่แล้วเพราะว่าเคยมาที่นี่ อีกอย่างก็เคยชินกับภาษาอยู่แล้ว”“ก็ใช่นั่นแหละค่ะ อีกอย่างก็คือฉันอยากมาอยู่ที่นี่ด้วย”“อันนี้ก็ไม่เกินความคาดเดาของผม แค่ไม่คิดว่าจะเร็วกว่าที่คิด”“เร็วไปเหรอคะ อืมงั้นกลับไปคิดใหม่อีกรอบดีกว่า”“ไม่ต้องแล้วล่ะครับเพราะว่า ผมเองก็ตัดสินใจเร็วมากเหมือนกัน”“เรื่องอะไรเหรอ”ในกระเป๋าเสื้อมีกล่องกำมะหยี่สีแดงขนาดเล็กกล่องหนึ่ง เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วยื่นไปให้คนที่อยู่ตรงข้ามกัน แหวนเพชรที่ไม่ได้ใหญ่มาก แต่มันน่ารักและน่าจะเหมาะสมกับคนตรงหน้า“แต่งงานกันเถอะ ผมไม่อยากจะรออะไรอีกแล้ว”“เร็วเกินไปหรือเปล่าคะ มั่นใจแล้วเหรอว่าจะเลือกฉัน”“มั่นใจนะ ระหว่างเราคงไม่ต้องเรียนรู้อะไร
ฝนที่กำลังกระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา บรรยากาศยามดึกที่มีน้ำเฉอะแฉะเต็มถนนเขาซึ่งกลับบ้านในเวลานี้เป็นประจำเพราะงานที่กำลังทำนั้นเร่งมากจนต้องยอมกลับบ้านดึกทุกคืน ช่วงนี้เป็นฤดูฝนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาขับรถยี่ห้อหรูผ่านน้ำที่ขังเจิ่งนองนั้นด้วยความเร็วพอประมาณแสงไฟที่ส่องสว่างไปข้างหน้า เงาของอะไรบางอย่างตัดหน้ารถเขาอย่างจัง และใช่เขาขับรถชนอะไรบางอย่างเข้า และตอนนี้แอบคิดในใจว่าขอให้ไม่ใช่คนก็แล้วกันโรงพยาบาลแห่งหนึ่งหญิงสาวผิวขาวซีดเหมือนเปียกฝนมานานหลายชั่วโมงนอนสลบบนเตียงโรงพยาบาล ซึ่งชายหนุ่มที่ขับรถชนเธอเมื่อครู่ได้พามาส่งเอาไว้แล้วกลับไปเพราะเขาเปียกไปทั้งตัว ให้ข้อมูลการติดต่อไว้กับเจ้าหน้าที่แล้วเธอมีอาการหัวแตก กระดูกหัก ฟกช้ำทั้งร่างกายแต่โชคยังดีที่ยังไม่ตาย ในตัวเธอหาสิ่งยืนยันตัวตนไม่ได้เลยว่าเธอเป็นใครกรินทร์ชายหนุ่มวัย 30 ที่ตอนนี้กำลังสร้างบริษัทโฆษณาของตัวเองขึ้นมาได้ 5 ปี เพราะที่บ้านที่มีธุรกิจส่วนตัวให้ทำแล้วพี่น้องแย่งกันจนเขาต้องแยกตัวออกมา และกำลังได้รับทำงานที่ตอนนี้กำลังเร่งทำจนไม่มีเวลาพักผ่อนเขากลับมาที่คอนโดของตัวเองและคิดว่าวันนี้เขาได้พบกับอะไ
หัวใจของฝนกระตุกวูบเพราะจากเหตุการณ์ตรงหน้าแล้วมันเป็นจริงอย่างที่เธอคิด เขาพาเธอมาฝากกับแม่บ้านอาวุโสของบ้านหลังนี้ ซึ่งตัวเธอเองไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธได้เลยเพราะไม่มีที่จะไปในวันนั้นฝนกลับมาที่ห้องพัก และต้องเตรียมเก็บของไปอยู่บ้านหลังใหญ่ของเขาในวันหยุดหน้านี้ เขาไม่อยากจะต้องรับผิดชอบในตัวของฝนอีกแล้ว ทั้งที่ตัวเธอเองนั้นอยากจะอยู่กับเขามากที่สุด ไม่รู้เพราะอะไร ทำไมคิดว่าเขาเป็นที่พึ่งให้ตัวเธอได้มากที่สุดพอย้ายมาอยู่ในบ้านใหญ่ของเขาแล้ว หน้าที่ของเธอก็ดูแลอาหารและดูแลบ้านเมื่อเจ้าของบ้านออกไปทำงานนอกบ้านกันหมดภายในครอบครัวของเขานั้นมีคุณพ่อเป็นนักการเมืองและคุณแม่มาจากตระกูลผู้ดีเก่า มีลูก 3 คน เขาเป็นคนที่ 2 จึงเหมือนไม่ได้รับการดูแลมากอย่างน้องสาวคนเล็ก ส่วนพี่ชายคนโตที่จะสืบทอดกิจการเก่าจากคุณพ่อที่ริเริ่มไว้ พอลงไปเล่นการเมืองจึงไม่สามารถดูแลได้ฝนทำงานโดยไม่ได้คิดอะไร จนกว่าเธอจะหายจากอาการความจำเสื่อมนี้ เธอคงจะต้องอยู่เงียบ ๆ ไปก่อนฝนเป็นคนผิวขาว ตัวเล็กสูงประมาณ 160 ซ.ม. ใบหน้าออกไปทางน่ารัก จิ้มลิ้ม ผมสีน้ำตาลอ่อนคล้ายมีเชื้อสายคนต่างชาติ ทำให้แม่บ้านใหญ่ที่เคยเป็นพี่เลี
เวลาผ่านไป 3 วันหลังจากที่คุณเกรซเข้าโรงพยาบาล คุณท่านและคุณหญิงเป็นห่วงลูกมากแต่งานที่ทำอยู่จึงไม่มีเวลาไปดูแลกันได้ ให้คนสนิทและคุณแม่บ้านใหญ่ไปช่วยดูแลแทน พอออกมาจากโรงพยาบาลก็ไม่มีใครอยู่อีกเช่นเคยพี่ชายคนโตไปทำงานในต่างประเทศจะกลับมาในอีกวันหรือสองวันนี้ เพราะอยากมาดูน้องสาวคนเดียวของบ้าน ส่วนพี่ชายคนรองไปดูมาแล้วที่ไปโรงพยาบาลและเชื่อว่าน้องสาวปลอดภัยแล้วพอเกรซกลับมาถึงบ้านก็ขอให้พาขึ้นไปบนห้อง ตั้งแต่วันนั้นเธอไม่ได้เปิดปากบอกใครเรื่องที่ทำร้ายตัวเอง และคงไม่มีใครจะกล้าไปถามไถ่เรื่องราวอะไรจากเธอคุณหัวหน้าแม่บ้านที่กลับมานั่งพักในห้องครัวที่เตรียมจะหาอาหารทาน ฝนเดินเข้ามาพร้อมใบหน้านิ่ง ไม่ได้อยากรู้อยากเห็นอะไรเลยเพียงแต่เข้ามาดูว่าคุณแม่บ้านมีอะไรทานหรือเปล่าเพราะเมื่อเช้าไม่ได้ทำอะไรเก็บเอาไว้มากนัก“อยากได้อะไรเพิ่มไหมคะ” ฝนถาม“ไม่ต้องหรอก แค่นี้ก็พอแล้ว”“เหนื่อยเลยนะคะ ช่วงนี้”“ก็นิดหน่อย ไม่เป็นอะไรหรอก”ฝนกำลังจะเดินออกไป แต่แม่บ้านเรียกไว้เพราะมีเรื่องราวอยากจะพูดด้วย“เดี๋ยวก่อน”“คะ” ฝนหันกลับไปพร้อมใบหน้าสงสัย“อีกไม่กี่วันคุณการัณจะกลับมาเธอเป็นคนใหม่ หลีกเลี่
สิ่งที่การันต์ทำลงไปทั้งหมดนั้นเพื่อการทำให้บริษัทที่อุตส่าห์แย่งมาจากน้องชายคนรองให้อยู่รอด และสร้างผลงานได้อย่างดีเยี่ยม วงการธุรกิจนั้นก็มักทำอะไรกันแบบนี้ทั้งนั้นให้ได้สิ่งที่ต้องการมา การทำให้น้องสาวไปนอนกับคนที่ต้องการในตัวเธอ หลงใหลในความสวย และสาวของเธอ แลกกับการที่เขาได้เงินร่วมทุนมหาศาล ชนิดที่ว่าเขาจะทำอะไรได้ง่ายขึ้นอีกหลายปีการันต์มองเห็นน้องชายที่เขารู้มาจากแม่ของเขาเองว่าต้องกลับมาอยู่บ้านสักระยะเพราะคอนโดเกิดปัญหา เขาอยากจะเข้าไปทักทายน้องชายสักหน่อย จึงเดินออกมาจากห้องทำงานที่เขามานั่งอยู่ในนี้ตลอด ตั้งแต่มาถึงบ้าน หวังว่าจะเจอกับคนใช้คนใหม่คนนั้นอีกสักครั้ง แต่ไม่มีแม้แต่เงา“ไง น้องชายไม่เจอกันนานเลยนะ” เขาทักทายกรินทร์ที่เดินเข้ามาในบ้าน“อืม กลับมาแล้วสินะ”เขาตอบกลับไปแบบขอไปทีแล้วจะเดินหนี โดยปกติเขากับพี่ชายไม่ได้มีความสัมพันธ์ที่ดีกันมานานแล้ว เพราะหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาพี่ชายของเขาไม่เคยมองเห็นว่าครอบครัวคือคนที่หวังดีด้วยเลย เขามักจะคิดว่าทุกคนมีแต่ความคาดหวังกับเขา เขาจะเดินขึ้นไปให้สูงกว่าทุกคน“อะไรกัน จะทักทายพี่แค่นี้เองเหรอ”“ไม่รู้จะต้องคุยอะไร ตอนนี้เหน
เรื่องราวของคนในบ้านนี้มันยิ่งมีความสีเทาอบอวลไปหมด ฝนยังไม่ได้เข้าใกล้ใครในบ้านมากนัก จึงไม่ได้สนใจว่าใครจะดีจะร้ายกับตัวเอง แต่แค่คนเดียวที่ไม่อยากเข้าไปใกล้มากที่สุดก็คือคุณชายใหญ่ของบ้านที่คอยจะสร้างเรื่องให้เธอได้รับใช้ใกล้ชิด“คุณแม่บ้านคะ คือฝนไม่อยากไปในห้องทำงาน”“เขาจะเอาอะไรเหรอ”“ไวน์ค่ะ”“ได้เดี๋ยวฉันจัดการเอง”คุณแม่บ้านรับจัดการทุกอย่างเอง เพราะถึงอย่างไรเขาก็ไม่กล้าเอาความอะไรกับแม่บ้านที่อยู่มานานอย่างเธอ แล้วเคยทำอะไรผิดพลาดไว้กับแม่บ้านเก่าแก่คนนี้จนตอนนี้เขาเองก็ยังติดอยู่ในใจมาแล้ว“เธอเอาอาหารพวกนี้ไปให้คุณเกรซแทนฉันทีแล้วกัน แววกับนกกระจิบไม่กล้าเข้าไป”“แล้วฝนจะ...ไม่ทำให้คุณเกรซเครียดเหรอคะ”“เข้าไปทำแค่นั้น อย่าทำอย่างอื่นนอกเหนือจากนี้ก็พอ วางเอาไว้ให้แล้วถอยออกมา รออีกสักชั่วโมงแล้วเอาของออกมา”“ได้ค่ะ”ฝนรับถาดอาหารมา แล้วเดินออกไปจากตรงนั้น คุณแม่บ้านมีความรู้สึกบางอย่างว่าคุณเกรซจะไม่โมโหใส่ฝนอย่างแน่นอน ส่วนงานของเธอที่จะต้องทำนี้ เธอจะทำอย่างไรดีในห้องทำงานเมื่อคุณแม่บ้านเข้ามาในห้องนั้น การันต์ขมวดคิ้วทันทีเพราะเขาใช้คนอื่นที่ไม่ใช่คุณแม่บ้าน และเขา
สองคนมานั่งลงบนโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมเอาไว้แล้ว สองคนนั่งมองกันมากกว่าจะได้ทานอาหารในมื้อพิเศษนี้ 2 ปีแล้วที่พวกเขาคบกันแบบห่าง ๆ มาตลอด แต่วันนี้จะกลายเป็นการคบหาแบบใกล้ชิดกันมากขึ้น เพราะตามที่กรินทร์คาดการณ์เอาไว้แล้วว่า แฟนสาวของเขาจะต้องย้ายมาทำงานที่นี่อย่างแน่นอน“คุณได้มาจริง ๆ ด้วย ผมกำลังจะถามคุณอยู่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”“เดาเก่งจังนะคะ”“ไม่ต้องเดาเลยครับ คุณเป็นคนที่น่าจะถูกเลือกอยู่แล้วเพราะว่าเคยมาที่นี่ อีกอย่างก็เคยชินกับภาษาอยู่แล้ว”“ก็ใช่นั่นแหละค่ะ อีกอย่างก็คือฉันอยากมาอยู่ที่นี่ด้วย”“อันนี้ก็ไม่เกินความคาดเดาของผม แค่ไม่คิดว่าจะเร็วกว่าที่คิด”“เร็วไปเหรอคะ อืมงั้นกลับไปคิดใหม่อีกรอบดีกว่า”“ไม่ต้องแล้วล่ะครับเพราะว่า ผมเองก็ตัดสินใจเร็วมากเหมือนกัน”“เรื่องอะไรเหรอ”ในกระเป๋าเสื้อมีกล่องกำมะหยี่สีแดงขนาดเล็กกล่องหนึ่ง เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วยื่นไปให้คนที่อยู่ตรงข้ามกัน แหวนเพชรที่ไม่ได้ใหญ่มาก แต่มันน่ารักและน่าจะเหมาะสมกับคนตรงหน้า“แต่งงานกันเถอะ ผมไม่อยากจะรออะไรอีกแล้ว”“เร็วเกินไปหรือเปล่าคะ มั่นใจแล้วเหรอว่าจะเลือกฉัน”“มั่นใจนะ ระหว่างเราคงไม่ต้องเรียนรู้อะไร
เรนนี่ได้แต่ยิ้ม เธอไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพียงแค่หยิบขนมที่เตรียมมาเข้าปากไปเท่านั้น เขาพยายามสร้างความเชื่อมั่นให้เธอเสมอเพราะมั่นใจว่าทั้งสองคนรู้จักกันมามากพอแล้ว เหลือแค่เมื่อไหร่จะถึงเวลาให้ได้มาอยู่ด้วยกันจริง ๆ เท่านั้นสองคนคุยกันไปหลาย ๆ เรื่องวางแผนอนาคตไว้นิดหน่อยเพราะว่าถ้าเกรซแข็งแรงดีแล้ว และหลานชายแข็งแรงมากพอ ก็พากันกลับไปบ้านที่เมืองไทยครอบครัวของพวกเขาที่รอดูหลานชายก็พร้อมเตรียมรับกลับบ้านแล้ว รอเวลาอีกสักหน่อย พวกเขาโทรศัพท์อัพเดทกันอยู่โดยตลอด จากเด็กอ่อนเพิ่งคลอดได้เติบโตขึ้นจนสามารถเดินทางข้ามประเทศได้ พวกเขาได้เดินทางกลับไปแล้วเรนนี่ยังคงอยู่ที่เดิม ไม่ได้ตามกลับมาด้วยเพราะว่าหน้าที่การงานของเธอยังต้องทำต่อไปกรินทร์กลับมาทำงานของตัวเอง และบริษัทของพ่อด้วยมันสร้างความลำบากให้เขามากแต่ก็ต้องทำเพราะว่าพ่อไม่สามารถกลับมารับหน้าที่ได้อีกแล้ว ส่วนเรื่องแฟนตอนนี้ก็แค่ห่างกัน แต่ก็สามารถพูดคุยกันผ่านโทรศัพท์กันได้ตามปกติ แต่เวลาต่างกัน 12 ชม.เท่านั้น“วันนี้เป็นไงบ้างค่ะ” รอยยิ้มสวย ๆ ปรากฏหน้าจอ“วันนี้ก็เหนื่อยอีกแล้วครับ” เขาทำหน้าตาอ่อนล้าเพื่ออ้อนคนรักที่อยู่อีกซี
หลังจากนั้น เรนนี่ออกจากประเทศไทยกลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวของเธออย่างแท้จริง อยู่กับคนที่หวังดีกับเรา อย่างไรมันก็ดีกว่าอย่างแน่นอน เธอเลือกที่จะไม่เล่าเรื่องราวเลวร้ายอะไรให้พ่อและแม่ฟัง เธออยากได้แค่ความสงบสุข วินดี้เลือกที่จะอยู่กับสามีของเธอแล้ว และคงจะไม่กลับมาอีกเรื่องราวของพี่สาวจบลงแค่ตรงนี้ เรนนี่ไม่อยากรับรู้เรื่องราวของเธออีก เพราะรู้สึกเสียใจและผิดหวังกับพี่สาวคนนี้มากเมื่อกลับมา เธอก็หางานทำและได้เป็นพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งงานมันก็เป็นงานออฟฟิศ เลิกงานกลับมาบ้าน ตื่นเช้าไปทำงานด้วยรถไฟฟ้า ทำทุกอย่างเหมือนเดิมซ้ำ แบบนี้ไปเรื่อย ๆ แต่มีบางอย่างที่ทำให้เธอมีแรงที่จะทำอะไรเดิม ๆ ในทุก ๆ วันคือการวีดีโอคอลจากคนที่อยู่อีกฝั่งของโลก เขาเฝ้ารอในทุก ๆ วันเพียงแค่นี้พวกเขาก็พอใจแล้ว ขอแค่มีเวลาให้มากพอจะได้เจอกันในสักวันหนึ่งเวลาที่ผ่านมานานแล้ว กรินทร์ได้เวลาจะต้องเดินทางออกต่างประเทศเพราะเขามีเรื่องที่จะต้องจัดการที่ตั้งใจเอาไว้นานแล้ว และมันเป็นโอกาสที่จะได้พบกับคนรักของเขาอีกด้วยสนามบิน“ฝนเหรอพี่กรินทร์” หญิงสาวที่ตอนนี้ท้องโตขึ้นมาจนเห็นได้ชัด ตอนนี้อายุครรภ์น่าจะ
เรนนี่เดินเข้ามาในสำนักงานที่ตัวเองคุ้นเคย เธอติดต่อประชาสัมพันธ์ของบริษัทเพื่อขอพบชลิตา เรนนี่คิดว่าต่อให้เกลียดกันมากแค่ไหน คนอย่างวินดี้คงยังไม่กล้าทำอะไรเธอแน่นอนเพราะถ้าคิดจะทำร้ายจริง ๆ คงไม่รอให้เธอเดินมาหาเองหรอกพอบอกว่าเรนนี่ขอเข้าพบ วินดี้ที่ตอนนี้กำลังมีปัญหาภายในบริษัทอยู่ก็ล้มเลิกความตั้งใจเรื่องอื่นไปเลยเพราะเธอเองก็ยังไม่คิดว่าเรนนี่จะกล้ากลับมาหากันได้ ทั้งที่ถูกกระทำไปหลายอย่างแบบนั้นการเผชิญหน้าในรอบ 6 เดือน เรนนี่ยังส่งยิ้มให้พี่สาวแล้วเริ่มพูดคุยเรื่องที่ตัวเองมาหาในวันนี้“สบายดีใช่ไหมคะพี่สาว”“แหม หายหน้าไปตั้งนานกลับมาแล้วก็ดีแล้วนะ พี่อยากได้คนช่วยอยู่เลย”“แล้วที่ผ่านมาให้ใครช่วยเหรอคะ”“ก็ทำเองบ้างแหละ มันก็ยังไม่ได้ดีขึ้นขนาดนั้น”“วิธีการของพี่มันเลวเกินไปมั้งคะ จะดีขึ้นได้ไงล่ะ”“เรนนี่ มันจะมากไปแล้วนะใครสั่งสอนให้เธอด่าฉันแบบนี้”“ประสบการณ์ไงคะ เอาล่ะเรนขี้เกียจจะคุยกับพี่แล้ว ขอเอกสารของเรนทั้งหมดมาค่ะ”“จะเอาไปทำไม”“จะกลับอเมริกา และคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะไม่ต้องห่วงนะคะ พี่จะอยู่ที่นี่กับสามีอย่างมีความสุขแน่นอน”“แล้วเธอจะไม่เอาเรื่องพี่ใช่ไหม”
เมื่อกลับมาถึงห้อง ฝนนั่งกินข้าวที่ตัวเองซื้อมา ในหัวก็คอยคิดถึงรถคันนั้นอย่างสงสัยมันคุ้นตาแปลก ๆ เอ...หรือว่าเธอกำลังจะคิดอะไรออกอาทิตย์หน้าต้องไปหาหมอพอดี อาจจะพอมีเรื่องเล่าให้หมอฟังบ้างแล้ว แต่...ทำไมรถยี่ห้อหรูขนาดนั้นถึงคุ้นตาเธอฝนยังคงคิดอะไรไม่ออกมากไปกว่านี้ เรื่องรถและใบหน้าหญิงสาวคนนั้นที่ดูเหมือนตกใจกับเธอ หรือเรามีอะไรผิดปกติไปคืนนั้นฝนฝันถึงอะไรมากมาย แต่ไม่สามารถรู้ได้ว่ามันคืออะไรชลิตากลับมาที่คอนโดของตัวเอง มองไปรอบ ๆ ห้องที่เคยมีน้องสาวเดินไปเดินมาอยู่ในเมื่อก่อน ตอนนี้เธอหายไปกว่า 6 เดือนแล้ว เธอพยายามปกปิดเรื่องนี้กับพ่อแม่ ปกติแล้วน้องสาวไม่ใช่คนที่ติดครอบครัวจนต้องรายงานตัวทุกวัน ทำให้เป็นช่องทางให้ชลิตาแก้ตัวว่าน้องเหนื่อยกับงานจึงไม่อยากพูดคุยกับใคร“ทำไมมันยังอยู่” เธอคิดได้อย่างนั้นจึงรีบโทรหาคนที่เคยดีลเอาไว้เรื่องนี้ว่าเรื่องวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่รู้แค่ว่ามันหนีไป ตามหาไม่เจอซึ่งคำตอบยังคงเดิม ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปตอนไหนทั้งที่เมายาขนาดนั้น ไม่น่าจะหนีรอดไปไหนได้นอกจากตายเท่านั้น ซึ่งทำให้วินดี้รู้สึกสบายใจไปบ้าง แต่ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงหน้าเหมื
เมื่อพ่อแม่รู้เรื่องก็ตกใจกันเป็นการใหญ่ว่าลูกชายถูกใครซ้อมอาการหนัก กระดูกซี่โครงร้าว ปากแตก คิ้วแตกยับไปหมด พอถามก็ไม่ได้ความอะไรบอกเพียงแค่ว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่อยากเอาเรื่องกับใคร ซึ่งเจ้าตัวยืนยันจึงไม่มีใครหาความอีกกรินทร์ก็รออยู่เหมือนกันว่าพี่ชายจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่มีอะไรกลับมาหาเขาเลย จึงไม่สนใจเขาอีก เตรียมตัวจะกลับไปอยู่คอนโดเหมือนเดิม แล้วให้น้องสาวพยายามทำตัวให้เหมือนเดิม อยู่บ้านแล้วลงไปทานข้าวกับพ่อแม่บ้าง ทานยาให้ครบไปพบแพทย์ตามนัด พอใกล้ถึงเวลาของเด็กในท้อง เขาจะจัดการให้เองไม่กี่วันฝนและกรินทร์ก็ออกจากบ้านไปเพราะกรินทร์บอกกับที่บ้านว่าที่บริษัทไม่มีแม่บ้านประจำอยากให้ฝนไปทำงานให้พอเรื่องราวเริ่มคลี่คลายได้แล้วฝนก็สบายใจ ได้ย้ายมาอยู่อพาร์ทเม้นใกล้ ๆ กับเขาด้วยมีคีย์การ์ดเข้าออกก็ปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง และเขายังอยู่ใกล้ ๆ ด้วย เพียงแค่นี้คนแอบรักอย่างฝนก็รู้สึกดีในทุกวันแล้วกรินทร์ทำงานจนเสร็จแล้วได้เวลาต้องไปพรีเซนต์งานพร้อมทีมของตัวเองให้บริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง เขากำลังจะเดินไปที่ลิฟต์บังเอิญว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งที่ถือแฟ้มเดินเข้ามาเหมือนกับรีบมาก
เรื่องนี้แววรู้ว่าการันต์อยากได้ฝนมานานแล้ว และเธอก็ชอบเขาจนอยากเป็นคนโปรด แต่พอมาคิดอีกทีมันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำตอนนี้ในบ้านมีแค่เธอที่สติดี และคุณเกรซที่อ่อนแอ เธอจะทำยังไงดีปล่อยให้มันเกิดขึ้นหรือจะเข้าไปขวางเอาไว้ หรือจะแค่ปล่อยให้ฝนเป็นไปตามโชคชะตาในที่สุดโชคชะตาของฝนก็กลับมา กรินทร์จอดรถยังไม่สนิทดีแววก็วิ่งเข้ามาหาเขาให้เขารีบลงจากรถแล้วให้เข้าไปในบ้านละล่ำละลักบอกเรื่องราวไม่ปะติดปะต่อ กรินทร์รู้แค่ว่าฝนกำลังตกอยู่ในอันตรายจากพี่ชายของเขาบนห้องปีกขวาชั้นสองการันต์ก้มลงดมกลิ่นกายสาวจากซอกคอลงไปเรื่อย ๆ มือแกะกระดุมชุดทำงานของบ้านเขาอย่างใจเย็น เสื้อชั้นในลายลูกไม้สีขาวห่อหุ้มอกอวบอยู่ ผู้หญิงคนนี้ซ่อนของดีเอาไว้จริง ๆ ผิวที่ขาวสะอาดนี่ก็ล่อตาล่อใจให้เขาอยากดอมดม ชิมรสชาติว่าจะเป็นอย่างไรแล้วถ้าได้กินไปทั้งตัว เขาคงจะมีความสุขจนสำลักออกมาแน่ ๆ น่าเสียดายนิดหน่อยที่เธอจะไม่รู้ว่าเขากำลังจะเป็นผัวให้เธอทุกอย่างกำลังจะสำเร็จเพียงแค่เขา ถอดชุดนี้ออกไปให้พ้นทางแต่เพราะใจเย็น รอให้ตัวเองถึงจุดที่ต้องการไม่ไหวเสียก่อน ผิวอ่อนนุ่มนี้ทำให้เขาอยากค่อย ๆ ชิมไปเรื่อย ๆประตูถูกผลักเปิ
เรื่องนี้แววรู้ว่าการันต์อยากได้ฝนมานานแล้ว และเธอก็ชอบเขาจนอยากเป็นคนโปรด แต่พอมาคิดอีกทีมันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำตอนนี้ในบ้านมีแค่เธอที่สติดี และคุณเกรซที่อ่อนแอ เธอจะทำยังไงดีปล่อยให้มันเกิดขึ้นหรือจะเข้าไปขวางเอาไว้ หรือจะแค่ปล่อยให้ฝนเป็นไปตามโชคชะตาในที่สุดโชคชะตาของฝนก็กลับมา กรินทร์จอดรถยังไม่สนิทดีแววก็วิ่งเข้ามาหาเขาให้เขารีบลงจากรถแล้วให้เข้าไปในบ้านละล่ำละลักบอกเรื่องราวไม่ปะติดปะต่อ กรินทร์รู้แค่ว่าฝนกำลังตกอยู่ในอันตรายจากพี่ชายของเขาบนห้องปีกขวาชั้นสองการันต์ก้มลงดมกลิ่นกายสาวจากซอกคอลงไปเรื่อย ๆ มือแกะกระดุมชุดทำงานของบ้านเขาอย่างใจเย็น เสื้อชั้นในลายลูกไม้สีขาวห่อหุ้มอกอวบอยู่ ผู้หญิงคนนี้ซ่อนของดีเอาไว้จริง ๆ ผิวที่ขาวสะอาดนี่ก็ล่อตาล่อใจให้เขาอยากดอมดม ชิมรสชาติว่าจะเป็นอย่างไรแล้วถ้าได้กินไปทั้งตัว เขาคงจะมีความสุขจนสำลักออกมาแน่ ๆ น่าเสียดายนิดหน่อยที่เธอจะไม่รู้ว่าเขากำลังจะเป็นผัวให้เธอทุกอย่างกำลังจะสำเร็จเพียงแค่เขา ถอดชุดนี้ออกไปให้พ้นทางแต่เพราะใจเย็น รอให้ตัวเองถึงจุดที่ต้องการไม่ไหวเสียก่อน ผิวอ่อนนุ่มนี้ทำให้เขาอยากค่อย ๆ ชิมไปเรื่อย ๆประตูถูกผลักเปิ
ถึงแม้ฝนจะรู้สึกแย่นิด ๆ แต่ก็ต้องพยายามทำให้ทุกอย่างเป็นปกติ พอพวกเขาสองพี่น้องจะอยู่ด้วยกันตามลำพัง ฝนจึงถอยออกมา แล้วกลับไปทำงานของตัวเองต่อไปภายในห้องของเกรซสองพี่น้องพูดคุยกันหลายเรื่อง ทำให้น้องสาวที่สภาพจิตใจกำลังย่ำแย่เกิดความรู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น เธอเคยเป็นที่รักของทุกคนจนถูกตามจมาตลอด นิสัยเดิมนั้นค่อนข้างเอาแต่ใจมากจนที่บ้านไม่รู้จะต้องทำอย่างไรกับเธอแล้ว จนปล่อยเธอให้ทำตามใจตัวเองมาตลอด จนเธอกลายเป็นดาราที่มีคนชื่นชม มีคนแฉถึงเรื่องราวของเธอเวลาอยู่กับทีมงานแล้วเกิดวีนใส่เข้า จึงเกิดประเด็นมากมายจนความนิยมลดลงไปมากจากที่จะกลายเป็นนางเอก หลัง ๆ จึงได้เป็นเพียงนางรอง หรือไม่ก็ตัวประกอบเท่านั้น จากเรื่องราวนี้ทำให้เธอยิ่งโกรธ ทำให้ยิ่งถูกแฉจากคนที่ไม่ชอบ จึงเลือกอยู่เงียบ ๆ มาสักระยะหนึ่งแล้ว จนมีงานเข้ามาเป็นงานเอนเตอร์เทนบุคคลที่สำคัญในงานเลี้ยงหนึ่งปกติการใช้ชีวิตของเกรซก็เที่ยวกลางคืนและหาเพื่อนคุยเป็นผู้ชายหน้าตาดีอยู่เป็นปกติอยู่แล้ว พอได้ทำงานแนวนั้นจึงค่อนข้างชอบ ทำให้ออกจากบ้านไปติด ๆ กันหลาย ๆ คืน พ่อแม่เป็นห่วงเธอก็ปฏิเสธความห่วงใยนั้นเพราะเธอสนุกกับงานเรื่องเ