เรื่องนี้แววรู้ว่าการันต์อยากได้ฝนมานานแล้ว และเธอก็ชอบเขาจนอยากเป็นคนโปรด แต่พอมาคิดอีกทีมันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำตอนนี้ในบ้านมีแค่เธอที่สติดี และคุณเกรซที่อ่อนแอ เธอจะทำยังไงดีปล่อยให้มันเกิดขึ้นหรือจะเข้าไปขวางเอาไว้ หรือจะแค่ปล่อยให้ฝนเป็นไปตามโชคชะตา
ในที่สุดโชคชะตาของฝนก็กลับมา กรินทร์จอดรถยังไม่สนิทดีแววก็วิ่งเข้ามาหาเขาให้เขารีบลงจากรถแล้วให้เข้าไปในบ้านละล่ำละลักบอกเรื่องราวไม่ปะติดปะต่อ กรินทร์รู้แค่ว่าฝนกำลังตกอยู่ในอันตรายจากพี่ชายของเขา
บนห้องปีกขวาชั้นสอง
การันต์ก้มลงดมกลิ่นกายสาวจากซอกคอลงไปเรื่อย ๆ มือแกะกระดุมชุดทำงานของบ้านเขาอย่างใจเย็น เสื้อชั้นในลายลูกไม้สีขาวห่อหุ้มอกอวบอยู่ ผู้หญิงคนนี้ซ่อนของดีเอาไว้จริง ๆ ผิวที่ขาวสะอาดนี่ก็ล่อตาล่อใจให้เขาอยากดอมดม ชิมรสชาติว่าจะเป็นอย่างไรแล้วถ้าได้กินไปทั้งตัว เขาคงจะมีความสุขจนสำลักออกมาแน่ ๆ น่าเสียดายนิดหน่อยที่เธอจะไม่รู้ว่าเขากำลังจะเป็นผัวให้เธอ
ทุกอย่างกำลังจะสำเร็จเพียงแค่เขา ถอดชุดนี้ออกไปให้พ้นทางแต่เพราะใจเย็น รอให้ตัวเองถึงจุดที่ต้องการไม่ไหวเสียก่อน ผิวอ่อนนุ่มนี้ทำให้เขาอยากค่อย ๆ ชิมไปเรื่อย ๆ
ประตูถูกผลักเปิดออกเพราะเขาไม่ได้ล็อคเอาไว้เพราะย่ามใจว่าไม่มีใครเข้ามาขวางได้แน่นอน ร่างกำยำของน้องชายปรากฏตัวด้วยใบหน้า ท่าทางที่โมโหสุดขีดเขาเข้ามากระชากพี่ชายจนปลิวไปติดผนังห้องด้านหนึ่ง แล้วต่อยแบบไม่ยั้ง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรภาพที่เห็นเบื้องหน้าคือพี่ชายตัวเองกับหญิงสาวที่เขาช่วยชีวิตมากำลังนัวเนียกันอยู่บนเตียง
“เฮ้ย ไอ้กรินทร์มึงกล้าดียังไงต่อยกู”
“กูจะฆ่ามึงด้วยซ้ำไอ้เหี้ยเอ้ย”
เขาใส่แรงไปทั้งหมดจนพี่ชายที่ยังไงก็สู้ไม่ได้ต้องยอมถอยให้ลงไปนอนกอง ปากแตกเลือดอาบใบหน้าเพราะคิ้วแตกด้วย ฝนที่เหมือนจะได้ยินเสียงเอะอะ จึงรู้สึกตัวขึ้นมาแต่ลืมตาไม่ขึ้น พอกรินทร์ได้ยินเสียงจึงหันไปสนใจฝนแทนพี่ชายที่เหมือนกำลังจะตายอยู่บนพื้น
ร่างกายขาวบอบบางเสื้อผ้าหลุดลุ่ยจนเกือบจะเปลือย รอยแดง ๆ บางจุดยิ่งสร้างความไม่พอใจให้กับกรินทร์เพิ่มมากขึ้น เขาอุ้มร่างบางขึ้นมามองกลับไปที่พี่ชายที่นอนกุมซี่โครงของตัวเองอยู่ เดินเข้ามากระทืบซ้ำลงไปอีกรอบ แล้วพาหญิงสาวออกไปจากที่นี่ เขาคงไม่พากลับไปที่ห้องของฝนหรอกเพราะมันอยู่ชั้นล่าง เขาพาไปที่ห้องของเขาเองที่อยู่ถัดไปจากตรงนี้ ตอนนี้ฝนพอจะกระดุกกระดิกได้ แต่ก็ยังไม่หายจากอาการมึนเมาจากยาที่กินเข้าไป
“ฝน เธอได้ยินฉันไหม” เขาเรียกให้เธอได้สติ แต่ตอนนี้ฝนยังคงเบลออยู่ ร่างกายของเธอเขาใช้ผ้ามาปิดไว้แล้ว และพยายามดูอาการว่าเธอยังรู้สึกตัวอยู่ไหม ไม่อย่างนั้นเขาจะพาเธอไปหาหมอตอนนี้ แต่เหมือนกับว่าฝนยังไม่ถึงกับอันตรายถึงชีวิต เขาจึงไม่ได้พาเธอไป
เกรซที่ตื่นขึ้นมาหลังจากได้ยินเสียงเอะอะโวยวายและเสียงครวญครางของพี่ชายคนโต เสียงโมโหสุดขีดของพี่ชายคนรอง เขาเคยเห็นสองคนนี้ทะเลาะกันตอนที่พี่ชายคนโตฟ้องแม่เรื่องที่น้องชายคนรองขโมยของเล่นที่เขาซื้อมาเองในตอนเด็ก ๆ ซึ่งพี่ชายคนรองของเธอปฏิเสธเสียงแข็งว่าไม่เคยทำแบบนั้น จนทั้งคู่เข้าชกต่อยกัน จนแม่ต้องทำโทษ หลังจากนั้นพวกเขาก็ไม่ลงรอยกันอีกเลย
วันนี้เกิดอะไรขึ้น ทำไมพี่ชายที่ปกติก็ใจเย็นมีเหตุผลถึงได้ฟิวส์ขาดได้ขนาดนั้น
แวววิ่งไปหลบในห้องที่มีนกกระจิบนอนหลับไม่รู้เรื่อง เธอตัวสั่นไปหมดกลัวว่าการันต์จะรู้ว่าเธอให้กรินทร์ไปช่วยฝน เธอจะถูกไล่ออกจากบ้าน แต่คืนนี้ทุกอย่างเงียบลงไปแล้วคงจะไม่เกิดเรื่องร้ายแรงอะไรขึ้นหรอกมั้ง
สรุปว่าคืนนั้นการันต์นอนบาดเจ็บอยู่ในห้องได้แต่ร้องเพราะเจ็บปากและคิ้วที่แตก แถมซี่โครงอาจจะหักด้วย ส่วนฝนนั้นหลับไปอีกครั้งเพราะฤทธิ์ยานอนหลับ ส่วนกรินทร์นั่งเฝ้าฝนทั้งคืนเพราะกลัวว่าเธอจะเป็นอะไร
ตอนเช้า ฝนรู้สึกตัวตื่นเพราะปกติต้องตื่นแต่เช้า วันนี้งัวเงียมากกว่าทุกวัน พยายามลืมตาขึ้นเพดานห้องและผนังห้องไม่คุ้นเคย เธอมองไปรอบ ๆ เห็นใครคนหนึ่งนอนอยู่บนโซฟาข้างเตียงซึ่งก็คือกรินทร์
พอตกใจกับภาพที่เห็น จึงเริ่มคิดได้ว่าเมื่อคืนตัวองไม่ปกติเหมือนโดนวางยา ซึ่งอาการมันคุ้น ๆ แปลก ๆ
“คุณกรินทร์” ฝนลองเรียกเขา
“หือ ตื่นแล้วเหรอ” เขารู้สึกตัวขึ้นทันทีเพราะทั้งคืนก็ระแวงอยู่แล้วว่าฝนจะเป็นอะไร
“ทำไมฝนถึงมาอยู่ในห้องของคุณคะ”
“ช่างมันเถอะ เธอไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว”
“ไม่ได้ค่ะบอกมาว่าเกิดอะไรขึ้น”
ฝนอยากจะร้องไห้ เมื่อคืนเธอรู้สึกง่วงจนไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ และยังไปไม่ถึงห้องตัวเองด้วยซ้ำแล้วเช้ามาเธอก็มาอยู่ที่นี่ หรือว่าเมื่อคืนการันต์คิดแผนร้ายอะไรอีกแล้ว
น้ำตาไหลออกมาเองเพราะความกลัว กลัวว่าความจริงที่ตัวเองไม่อยากให้เกิดแต่ถ้าไม่มีสติตัวเองจะต้องพลาดอย่างแน่นอน ส่วนกรินทร์คงกลับมาจนดึกแล้ว เธอจะเหลืออะไรล่ะทีนี้
ฮือๆ อยู่ ๆ ก็ร้องไห้ออกมาจริง ๆ
“เดี๋ยวเป็นอะไรเจ็บตรงไหนบอกฉันสิ” กรินทร์งงกับอาการของฝน
“เมื่อคืน....ฉัน....” แล้วร้องไห้ต่อ
“ไม่ ๆ ฝนมันไม่มีอะไร”
เขาเข้ามาหาเธอแล้วกอดเอาไว้เพราะฝนเองก็กอดเขาแน่นเหมือนกัน พอหญิงสาวเริ่มได้สติจึงรีบคลายมือออก กรินทร์เองก็ต้องปล่อยมือเหมือนกัน
ทั้งสองมองหน้ากัน ไม่เคยอยู่ด้วยกันใกล้ขนาดนี้ พวกเขาจึงรู้สึกว่าทำตัวไม่ถูกหญิงสาวจะลุกออกจากเตียงของชายหนุ่มแล้วจะรีบลงไปชั้นล่าง
“ไม่ต้องรีบหรอก ค่อยเดินไปก็ได้ แต่รอก่อนนะ”
กรินทร์อยากเดินไปส่งเพราะเขาไม่แน่ใจว่าพี่ชายของเขาหมดฤทธิ์จริง ๆ หรือไม่ พอเขาพาฝนออกมาเกรซที่อยากรู้อยากเห็นตั้งแต่เมื่อคืนจึงเดินออกมาดู พบว่าพี่ชายพาฝนเข้าไปในห้องนอน ยืนมองตาโตอยู่อย่างนั้น เธอไม่เคยเห็นภาพแบบนี้ เขาอ่อนโยนและพร้อมจะดูแลใครคนหนึ่งได้ขนาดนี้เลยเหรอ
“เกรซ ตื่นเช้านะวันนี้” เขาทักทายน้องสาว
“เอ่อ ก็เมื่อคืนเสียงดังลั่นไปหมดก็เลยออกมาดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่ไม่เห็นใครเลยก็เลยต้องมาดูแต่เช้า”
“ไม่มีอะไรหรอกแค่สั่งสอนหมาตัวหนึ่ง ป่านนี้น่าจะยังไม่ฟื้น หรือตายไปเลยก็ดี”
เขาบอกแล้วพาฝนลงไปข้างล่างก่อนที่จะเห็นว่าพี่ชายตัวดีค่อย ๆ คลานมาเปิดประตูแล้วเรียกน้องสาวให้คนรถมาพาเขาไปโรงพยาบาลตอนนี้ เกรซเห็นสภาพพี่ชายที่หน้ามีรอยฟกช้ำ แล้วดูเหมือนว่าจะเจ็บซี่โครงมาจนแทบจะขยับไม่ไหวจึงไปกดโทรศัพท์ลงไปข้างล่างให้คนไปตามคนขับรถและคนงานผู้ชายมาพาพี่ชายไปรักษาตัว
เรื่องนี้ไม่มีการแจ้งความเกิดขึ้นอยู่แล้ว เพราะลองทำดูสิกรินทร์ก็ไม่ยอมเหมือนกัน ฝนเองที่รู้สึกหวาดกลัวไว้ใจใครไม่ได้อีกแล้วทำให้อยากออกไปจากบ้านจริง ๆ เสียที
“คุณกรินทร์คะ ฝนไม่อยากทนอีกแล้วค่ะ”
“ฉันเองก็ต้องขอโทษด้วยที่ทำให้เธอลำบากมาเจอกับคนแบบนี้ ได้ ฉันจะให้เธอออกจากที่นี่”
“ขอบคุณมากค่ะ ฉันไม่รู้หรอกค่ะว่าคุณเป็นห่วงอะไรถ้าที่นั่นมันไม่ปลอดภัยงั้นเดี๋ยวลองหาที่อยู่ใหม่ก็ได้ค่ะ ตอนนี้ฝนมีเงินเก็บนิดหน่อยหาที่มันดูปลอดภัยกว่าที่เดิมก็ได้ค่ะ”
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันให้คนที่บริษัทหาให้น่าจะดีกว่า ตอนนี้ทนอีกสองสามวัน เขายังอยู่โรงพยาบาลไม่น่ากลับมาเร็ว ๆ นี้หรอก”
เรื่องนี้แววรู้ว่าการันต์อยากได้ฝนมานานแล้ว และเธอก็ชอบเขาจนอยากเป็นคนโปรด แต่พอมาคิดอีกทีมันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำตอนนี้ในบ้านมีแค่เธอที่สติดี และคุณเกรซที่อ่อนแอ เธอจะทำยังไงดีปล่อยให้มันเกิดขึ้นหรือจะเข้าไปขวางเอาไว้ หรือจะแค่ปล่อยให้ฝนเป็นไปตามโชคชะตาในที่สุดโชคชะตาของฝนก็กลับมา กรินทร์จอดรถยังไม่สนิทดีแววก็วิ่งเข้ามาหาเขาให้เขารีบลงจากรถแล้วให้เข้าไปในบ้านละล่ำละลักบอกเรื่องราวไม่ปะติดปะต่อ กรินทร์รู้แค่ว่าฝนกำลังตกอยู่ในอันตรายจากพี่ชายของเขาบนห้องปีกขวาชั้นสองการันต์ก้มลงดมกลิ่นกายสาวจากซอกคอลงไปเรื่อย ๆ มือแกะกระดุมชุดทำงานของบ้านเขาอย่างใจเย็น เสื้อชั้นในลายลูกไม้สีขาวห่อหุ้มอกอวบอยู่ ผู้หญิงคนนี้ซ่อนของดีเอาไว้จริง ๆ ผิวที่ขาวสะอาดนี่ก็ล่อตาล่อใจให้เขาอยากดอมดม ชิมรสชาติว่าจะเป็นอย่างไรแล้วถ้าได้กินไปทั้งตัว เขาคงจะมีความสุขจนสำลักออกมาแน่ ๆ น่าเสียดายนิดหน่อยที่เธอจะไม่รู้ว่าเขากำลังจะเป็นผัวให้เธอทุกอย่างกำลังจะสำเร็จเพียงแค่เขา ถอดชุดนี้ออกไปให้พ้นทางแต่เพราะใจเย็น รอให้ตัวเองถึงจุดที่ต้องการไม่ไหวเสียก่อน ผิวอ่อนนุ่มนี้ทำให้เขาอยากค่อย ๆ ชิมไปเรื่อย ๆประตูถูกผลักเปิ
เมื่อพ่อแม่รู้เรื่องก็ตกใจกันเป็นการใหญ่ว่าลูกชายถูกใครซ้อมอาการหนัก กระดูกซี่โครงร้าว ปากแตก คิ้วแตกยับไปหมด พอถามก็ไม่ได้ความอะไรบอกเพียงแค่ว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่อยากเอาเรื่องกับใคร ซึ่งเจ้าตัวยืนยันจึงไม่มีใครหาความอีกกรินทร์ก็รออยู่เหมือนกันว่าพี่ชายจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่มีอะไรกลับมาหาเขาเลย จึงไม่สนใจเขาอีก เตรียมตัวจะกลับไปอยู่คอนโดเหมือนเดิม แล้วให้น้องสาวพยายามทำตัวให้เหมือนเดิม อยู่บ้านแล้วลงไปทานข้าวกับพ่อแม่บ้าง ทานยาให้ครบไปพบแพทย์ตามนัด พอใกล้ถึงเวลาของเด็กในท้อง เขาจะจัดการให้เองไม่กี่วันฝนและกรินทร์ก็ออกจากบ้านไปเพราะกรินทร์บอกกับที่บ้านว่าที่บริษัทไม่มีแม่บ้านประจำอยากให้ฝนไปทำงานให้พอเรื่องราวเริ่มคลี่คลายได้แล้วฝนก็สบายใจ ได้ย้ายมาอยู่อพาร์ทเม้นใกล้ ๆ กับเขาด้วยมีคีย์การ์ดเข้าออกก็ปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง และเขายังอยู่ใกล้ ๆ ด้วย เพียงแค่นี้คนแอบรักอย่างฝนก็รู้สึกดีในทุกวันแล้วกรินทร์ทำงานจนเสร็จแล้วได้เวลาต้องไปพรีเซนต์งานพร้อมทีมของตัวเองให้บริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง เขากำลังจะเดินไปที่ลิฟต์บังเอิญว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งที่ถือแฟ้มเดินเข้ามาเหมือนกับรีบมาก
เมื่อกลับมาถึงห้อง ฝนนั่งกินข้าวที่ตัวเองซื้อมา ในหัวก็คอยคิดถึงรถคันนั้นอย่างสงสัยมันคุ้นตาแปลก ๆ เอ...หรือว่าเธอกำลังจะคิดอะไรออกอาทิตย์หน้าต้องไปหาหมอพอดี อาจจะพอมีเรื่องเล่าให้หมอฟังบ้างแล้ว แต่...ทำไมรถยี่ห้อหรูขนาดนั้นถึงคุ้นตาเธอฝนยังคงคิดอะไรไม่ออกมากไปกว่านี้ เรื่องรถและใบหน้าหญิงสาวคนนั้นที่ดูเหมือนตกใจกับเธอ หรือเรามีอะไรผิดปกติไปคืนนั้นฝนฝันถึงอะไรมากมาย แต่ไม่สามารถรู้ได้ว่ามันคืออะไรชลิตากลับมาที่คอนโดของตัวเอง มองไปรอบ ๆ ห้องที่เคยมีน้องสาวเดินไปเดินมาอยู่ในเมื่อก่อน ตอนนี้เธอหายไปกว่า 6 เดือนแล้ว เธอพยายามปกปิดเรื่องนี้กับพ่อแม่ ปกติแล้วน้องสาวไม่ใช่คนที่ติดครอบครัวจนต้องรายงานตัวทุกวัน ทำให้เป็นช่องทางให้ชลิตาแก้ตัวว่าน้องเหนื่อยกับงานจึงไม่อยากพูดคุยกับใคร“ทำไมมันยังอยู่” เธอคิดได้อย่างนั้นจึงรีบโทรหาคนที่เคยดีลเอาไว้เรื่องนี้ว่าเรื่องวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่รู้แค่ว่ามันหนีไป ตามหาไม่เจอซึ่งคำตอบยังคงเดิม ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปตอนไหนทั้งที่เมายาขนาดนั้น ไม่น่าจะหนีรอดไปไหนได้นอกจากตายเท่านั้น ซึ่งทำให้วินดี้รู้สึกสบายใจไปบ้าง แต่ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงหน้าเหมื
เรนนี่เดินเข้ามาในสำนักงานที่ตัวเองคุ้นเคย เธอติดต่อประชาสัมพันธ์ของบริษัทเพื่อขอพบชลิตา เรนนี่คิดว่าต่อให้เกลียดกันมากแค่ไหน คนอย่างวินดี้คงยังไม่กล้าทำอะไรเธอแน่นอนเพราะถ้าคิดจะทำร้ายจริง ๆ คงไม่รอให้เธอเดินมาหาเองหรอกพอบอกว่าเรนนี่ขอเข้าพบ วินดี้ที่ตอนนี้กำลังมีปัญหาภายในบริษัทอยู่ก็ล้มเลิกความตั้งใจเรื่องอื่นไปเลยเพราะเธอเองก็ยังไม่คิดว่าเรนนี่จะกล้ากลับมาหากันได้ ทั้งที่ถูกกระทำไปหลายอย่างแบบนั้นการเผชิญหน้าในรอบ 6 เดือน เรนนี่ยังส่งยิ้มให้พี่สาวแล้วเริ่มพูดคุยเรื่องที่ตัวเองมาหาในวันนี้“สบายดีใช่ไหมคะพี่สาว”“แหม หายหน้าไปตั้งนานกลับมาแล้วก็ดีแล้วนะ พี่อยากได้คนช่วยอยู่เลย”“แล้วที่ผ่านมาให้ใครช่วยเหรอคะ”“ก็ทำเองบ้างแหละ มันก็ยังไม่ได้ดีขึ้นขนาดนั้น”“วิธีการของพี่มันเลวเกินไปมั้งคะ จะดีขึ้นได้ไงล่ะ”“เรนนี่ มันจะมากไปแล้วนะใครสั่งสอนให้เธอด่าฉันแบบนี้”“ประสบการณ์ไงคะ เอาล่ะเรนขี้เกียจจะคุยกับพี่แล้ว ขอเอกสารของเรนทั้งหมดมาค่ะ”“จะเอาไปทำไม”“จะกลับอเมริกา และคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะไม่ต้องห่วงนะคะ พี่จะอยู่ที่นี่กับสามีอย่างมีความสุขแน่นอน”“แล้วเธอจะไม่เอาเรื่องพี่ใช่ไหม”
หลังจากนั้น เรนนี่ออกจากประเทศไทยกลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวของเธออย่างแท้จริง อยู่กับคนที่หวังดีกับเรา อย่างไรมันก็ดีกว่าอย่างแน่นอน เธอเลือกที่จะไม่เล่าเรื่องราวเลวร้ายอะไรให้พ่อและแม่ฟัง เธออยากได้แค่ความสงบสุข วินดี้เลือกที่จะอยู่กับสามีของเธอแล้ว และคงจะไม่กลับมาอีกเรื่องราวของพี่สาวจบลงแค่ตรงนี้ เรนนี่ไม่อยากรับรู้เรื่องราวของเธออีก เพราะรู้สึกเสียใจและผิดหวังกับพี่สาวคนนี้มากเมื่อกลับมา เธอก็หางานทำและได้เป็นพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งงานมันก็เป็นงานออฟฟิศ เลิกงานกลับมาบ้าน ตื่นเช้าไปทำงานด้วยรถไฟฟ้า ทำทุกอย่างเหมือนเดิมซ้ำ แบบนี้ไปเรื่อย ๆ แต่มีบางอย่างที่ทำให้เธอมีแรงที่จะทำอะไรเดิม ๆ ในทุก ๆ วันคือการวีดีโอคอลจากคนที่อยู่อีกฝั่งของโลก เขาเฝ้ารอในทุก ๆ วันเพียงแค่นี้พวกเขาก็พอใจแล้ว ขอแค่มีเวลาให้มากพอจะได้เจอกันในสักวันหนึ่งเวลาที่ผ่านมานานแล้ว กรินทร์ได้เวลาจะต้องเดินทางออกต่างประเทศเพราะเขามีเรื่องที่จะต้องจัดการที่ตั้งใจเอาไว้นานแล้ว และมันเป็นโอกาสที่จะได้พบกับคนรักของเขาอีกด้วยสนามบิน“ฝนเหรอพี่กรินทร์” หญิงสาวที่ตอนนี้ท้องโตขึ้นมาจนเห็นได้ชัด ตอนนี้อายุครรภ์น่าจะ
เรนนี่ได้แต่ยิ้ม เธอไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพียงแค่หยิบขนมที่เตรียมมาเข้าปากไปเท่านั้น เขาพยายามสร้างความเชื่อมั่นให้เธอเสมอเพราะมั่นใจว่าทั้งสองคนรู้จักกันมามากพอแล้ว เหลือแค่เมื่อไหร่จะถึงเวลาให้ได้มาอยู่ด้วยกันจริง ๆ เท่านั้นสองคนคุยกันไปหลาย ๆ เรื่องวางแผนอนาคตไว้นิดหน่อยเพราะว่าถ้าเกรซแข็งแรงดีแล้ว และหลานชายแข็งแรงมากพอ ก็พากันกลับไปบ้านที่เมืองไทยครอบครัวของพวกเขาที่รอดูหลานชายก็พร้อมเตรียมรับกลับบ้านแล้ว รอเวลาอีกสักหน่อย พวกเขาโทรศัพท์อัพเดทกันอยู่โดยตลอด จากเด็กอ่อนเพิ่งคลอดได้เติบโตขึ้นจนสามารถเดินทางข้ามประเทศได้ พวกเขาได้เดินทางกลับไปแล้วเรนนี่ยังคงอยู่ที่เดิม ไม่ได้ตามกลับมาด้วยเพราะว่าหน้าที่การงานของเธอยังต้องทำต่อไปกรินทร์กลับมาทำงานของตัวเอง และบริษัทของพ่อด้วยมันสร้างความลำบากให้เขามากแต่ก็ต้องทำเพราะว่าพ่อไม่สามารถกลับมารับหน้าที่ได้อีกแล้ว ส่วนเรื่องแฟนตอนนี้ก็แค่ห่างกัน แต่ก็สามารถพูดคุยกันผ่านโทรศัพท์กันได้ตามปกติ แต่เวลาต่างกัน 12 ชม.เท่านั้น“วันนี้เป็นไงบ้างค่ะ” รอยยิ้มสวย ๆ ปรากฏหน้าจอ“วันนี้ก็เหนื่อยอีกแล้วครับ” เขาทำหน้าตาอ่อนล้าเพื่ออ้อนคนรักที่อยู่อีกซี
สองคนมานั่งลงบนโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมเอาไว้แล้ว สองคนนั่งมองกันมากกว่าจะได้ทานอาหารในมื้อพิเศษนี้ 2 ปีแล้วที่พวกเขาคบกันแบบห่าง ๆ มาตลอด แต่วันนี้จะกลายเป็นการคบหาแบบใกล้ชิดกันมากขึ้น เพราะตามที่กรินทร์คาดการณ์เอาไว้แล้วว่า แฟนสาวของเขาจะต้องย้ายมาทำงานที่นี่อย่างแน่นอน“คุณได้มาจริง ๆ ด้วย ผมกำลังจะถามคุณอยู่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”“เดาเก่งจังนะคะ”“ไม่ต้องเดาเลยครับ คุณเป็นคนที่น่าจะถูกเลือกอยู่แล้วเพราะว่าเคยมาที่นี่ อีกอย่างก็เคยชินกับภาษาอยู่แล้ว”“ก็ใช่นั่นแหละค่ะ อีกอย่างก็คือฉันอยากมาอยู่ที่นี่ด้วย”“อันนี้ก็ไม่เกินความคาดเดาของผม แค่ไม่คิดว่าจะเร็วกว่าที่คิด”“เร็วไปเหรอคะ อืมงั้นกลับไปคิดใหม่อีกรอบดีกว่า”“ไม่ต้องแล้วล่ะครับเพราะว่า ผมเองก็ตัดสินใจเร็วมากเหมือนกัน”“เรื่องอะไรเหรอ”ในกระเป๋าเสื้อมีกล่องกำมะหยี่สีแดงขนาดเล็กกล่องหนึ่ง เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วยื่นไปให้คนที่อยู่ตรงข้ามกัน แหวนเพชรที่ไม่ได้ใหญ่มาก แต่มันน่ารักและน่าจะเหมาะสมกับคนตรงหน้า“แต่งงานกันเถอะ ผมไม่อยากจะรออะไรอีกแล้ว”“เร็วเกินไปหรือเปล่าคะ มั่นใจแล้วเหรอว่าจะเลือกฉัน”“มั่นใจนะ ระหว่างเราคงไม่ต้องเรียนรู้อะไร
ฝนที่กำลังกระหน่ำตกลงมาอย่างไม่ลืมหูลืมตา บรรยากาศยามดึกที่มีน้ำเฉอะแฉะเต็มถนนเขาซึ่งกลับบ้านในเวลานี้เป็นประจำเพราะงานที่กำลังทำนั้นเร่งมากจนต้องยอมกลับบ้านดึกทุกคืน ช่วงนี้เป็นฤดูฝนที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เขาขับรถยี่ห้อหรูผ่านน้ำที่ขังเจิ่งนองนั้นด้วยความเร็วพอประมาณแสงไฟที่ส่องสว่างไปข้างหน้า เงาของอะไรบางอย่างตัดหน้ารถเขาอย่างจัง และใช่เขาขับรถชนอะไรบางอย่างเข้า และตอนนี้แอบคิดในใจว่าขอให้ไม่ใช่คนก็แล้วกันโรงพยาบาลแห่งหนึ่งหญิงสาวผิวขาวซีดเหมือนเปียกฝนมานานหลายชั่วโมงนอนสลบบนเตียงโรงพยาบาล ซึ่งชายหนุ่มที่ขับรถชนเธอเมื่อครู่ได้พามาส่งเอาไว้แล้วกลับไปเพราะเขาเปียกไปทั้งตัว ให้ข้อมูลการติดต่อไว้กับเจ้าหน้าที่แล้วเธอมีอาการหัวแตก กระดูกหัก ฟกช้ำทั้งร่างกายแต่โชคยังดีที่ยังไม่ตาย ในตัวเธอหาสิ่งยืนยันตัวตนไม่ได้เลยว่าเธอเป็นใครกรินทร์ชายหนุ่มวัย 30 ที่ตอนนี้กำลังสร้างบริษัทโฆษณาของตัวเองขึ้นมาได้ 5 ปี เพราะที่บ้านที่มีธุรกิจส่วนตัวให้ทำแล้วพี่น้องแย่งกันจนเขาต้องแยกตัวออกมา และกำลังได้รับทำงานที่ตอนนี้กำลังเร่งทำจนไม่มีเวลาพักผ่อนเขากลับมาที่คอนโดของตัวเองและคิดว่าวันนี้เขาได้พบกับอะไ
สองคนมานั่งลงบนโต๊ะอาหารที่จัดเตรียมเอาไว้แล้ว สองคนนั่งมองกันมากกว่าจะได้ทานอาหารในมื้อพิเศษนี้ 2 ปีแล้วที่พวกเขาคบกันแบบห่าง ๆ มาตลอด แต่วันนี้จะกลายเป็นการคบหาแบบใกล้ชิดกันมากขึ้น เพราะตามที่กรินทร์คาดการณ์เอาไว้แล้วว่า แฟนสาวของเขาจะต้องย้ายมาทำงานที่นี่อย่างแน่นอน“คุณได้มาจริง ๆ ด้วย ผมกำลังจะถามคุณอยู่ตั้งแต่เมื่อวานแล้ว”“เดาเก่งจังนะคะ”“ไม่ต้องเดาเลยครับ คุณเป็นคนที่น่าจะถูกเลือกอยู่แล้วเพราะว่าเคยมาที่นี่ อีกอย่างก็เคยชินกับภาษาอยู่แล้ว”“ก็ใช่นั่นแหละค่ะ อีกอย่างก็คือฉันอยากมาอยู่ที่นี่ด้วย”“อันนี้ก็ไม่เกินความคาดเดาของผม แค่ไม่คิดว่าจะเร็วกว่าที่คิด”“เร็วไปเหรอคะ อืมงั้นกลับไปคิดใหม่อีกรอบดีกว่า”“ไม่ต้องแล้วล่ะครับเพราะว่า ผมเองก็ตัดสินใจเร็วมากเหมือนกัน”“เรื่องอะไรเหรอ”ในกระเป๋าเสื้อมีกล่องกำมะหยี่สีแดงขนาดเล็กกล่องหนึ่ง เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วยื่นไปให้คนที่อยู่ตรงข้ามกัน แหวนเพชรที่ไม่ได้ใหญ่มาก แต่มันน่ารักและน่าจะเหมาะสมกับคนตรงหน้า“แต่งงานกันเถอะ ผมไม่อยากจะรออะไรอีกแล้ว”“เร็วเกินไปหรือเปล่าคะ มั่นใจแล้วเหรอว่าจะเลือกฉัน”“มั่นใจนะ ระหว่างเราคงไม่ต้องเรียนรู้อะไร
เรนนี่ได้แต่ยิ้ม เธอไม่ได้ตอบอะไรออกไป เพียงแค่หยิบขนมที่เตรียมมาเข้าปากไปเท่านั้น เขาพยายามสร้างความเชื่อมั่นให้เธอเสมอเพราะมั่นใจว่าทั้งสองคนรู้จักกันมามากพอแล้ว เหลือแค่เมื่อไหร่จะถึงเวลาให้ได้มาอยู่ด้วยกันจริง ๆ เท่านั้นสองคนคุยกันไปหลาย ๆ เรื่องวางแผนอนาคตไว้นิดหน่อยเพราะว่าถ้าเกรซแข็งแรงดีแล้ว และหลานชายแข็งแรงมากพอ ก็พากันกลับไปบ้านที่เมืองไทยครอบครัวของพวกเขาที่รอดูหลานชายก็พร้อมเตรียมรับกลับบ้านแล้ว รอเวลาอีกสักหน่อย พวกเขาโทรศัพท์อัพเดทกันอยู่โดยตลอด จากเด็กอ่อนเพิ่งคลอดได้เติบโตขึ้นจนสามารถเดินทางข้ามประเทศได้ พวกเขาได้เดินทางกลับไปแล้วเรนนี่ยังคงอยู่ที่เดิม ไม่ได้ตามกลับมาด้วยเพราะว่าหน้าที่การงานของเธอยังต้องทำต่อไปกรินทร์กลับมาทำงานของตัวเอง และบริษัทของพ่อด้วยมันสร้างความลำบากให้เขามากแต่ก็ต้องทำเพราะว่าพ่อไม่สามารถกลับมารับหน้าที่ได้อีกแล้ว ส่วนเรื่องแฟนตอนนี้ก็แค่ห่างกัน แต่ก็สามารถพูดคุยกันผ่านโทรศัพท์กันได้ตามปกติ แต่เวลาต่างกัน 12 ชม.เท่านั้น“วันนี้เป็นไงบ้างค่ะ” รอยยิ้มสวย ๆ ปรากฏหน้าจอ“วันนี้ก็เหนื่อยอีกแล้วครับ” เขาทำหน้าตาอ่อนล้าเพื่ออ้อนคนรักที่อยู่อีกซี
หลังจากนั้น เรนนี่ออกจากประเทศไทยกลับสู่อ้อมกอดของครอบครัวของเธออย่างแท้จริง อยู่กับคนที่หวังดีกับเรา อย่างไรมันก็ดีกว่าอย่างแน่นอน เธอเลือกที่จะไม่เล่าเรื่องราวเลวร้ายอะไรให้พ่อและแม่ฟัง เธออยากได้แค่ความสงบสุข วินดี้เลือกที่จะอยู่กับสามีของเธอแล้ว และคงจะไม่กลับมาอีกเรื่องราวของพี่สาวจบลงแค่ตรงนี้ เรนนี่ไม่อยากรับรู้เรื่องราวของเธออีก เพราะรู้สึกเสียใจและผิดหวังกับพี่สาวคนนี้มากเมื่อกลับมา เธอก็หางานทำและได้เป็นพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งงานมันก็เป็นงานออฟฟิศ เลิกงานกลับมาบ้าน ตื่นเช้าไปทำงานด้วยรถไฟฟ้า ทำทุกอย่างเหมือนเดิมซ้ำ แบบนี้ไปเรื่อย ๆ แต่มีบางอย่างที่ทำให้เธอมีแรงที่จะทำอะไรเดิม ๆ ในทุก ๆ วันคือการวีดีโอคอลจากคนที่อยู่อีกฝั่งของโลก เขาเฝ้ารอในทุก ๆ วันเพียงแค่นี้พวกเขาก็พอใจแล้ว ขอแค่มีเวลาให้มากพอจะได้เจอกันในสักวันหนึ่งเวลาที่ผ่านมานานแล้ว กรินทร์ได้เวลาจะต้องเดินทางออกต่างประเทศเพราะเขามีเรื่องที่จะต้องจัดการที่ตั้งใจเอาไว้นานแล้ว และมันเป็นโอกาสที่จะได้พบกับคนรักของเขาอีกด้วยสนามบิน“ฝนเหรอพี่กรินทร์” หญิงสาวที่ตอนนี้ท้องโตขึ้นมาจนเห็นได้ชัด ตอนนี้อายุครรภ์น่าจะ
เรนนี่เดินเข้ามาในสำนักงานที่ตัวเองคุ้นเคย เธอติดต่อประชาสัมพันธ์ของบริษัทเพื่อขอพบชลิตา เรนนี่คิดว่าต่อให้เกลียดกันมากแค่ไหน คนอย่างวินดี้คงยังไม่กล้าทำอะไรเธอแน่นอนเพราะถ้าคิดจะทำร้ายจริง ๆ คงไม่รอให้เธอเดินมาหาเองหรอกพอบอกว่าเรนนี่ขอเข้าพบ วินดี้ที่ตอนนี้กำลังมีปัญหาภายในบริษัทอยู่ก็ล้มเลิกความตั้งใจเรื่องอื่นไปเลยเพราะเธอเองก็ยังไม่คิดว่าเรนนี่จะกล้ากลับมาหากันได้ ทั้งที่ถูกกระทำไปหลายอย่างแบบนั้นการเผชิญหน้าในรอบ 6 เดือน เรนนี่ยังส่งยิ้มให้พี่สาวแล้วเริ่มพูดคุยเรื่องที่ตัวเองมาหาในวันนี้“สบายดีใช่ไหมคะพี่สาว”“แหม หายหน้าไปตั้งนานกลับมาแล้วก็ดีแล้วนะ พี่อยากได้คนช่วยอยู่เลย”“แล้วที่ผ่านมาให้ใครช่วยเหรอคะ”“ก็ทำเองบ้างแหละ มันก็ยังไม่ได้ดีขึ้นขนาดนั้น”“วิธีการของพี่มันเลวเกินไปมั้งคะ จะดีขึ้นได้ไงล่ะ”“เรนนี่ มันจะมากไปแล้วนะใครสั่งสอนให้เธอด่าฉันแบบนี้”“ประสบการณ์ไงคะ เอาล่ะเรนขี้เกียจจะคุยกับพี่แล้ว ขอเอกสารของเรนทั้งหมดมาค่ะ”“จะเอาไปทำไม”“จะกลับอเมริกา และคงไม่ได้เจอกันอีกแล้วล่ะไม่ต้องห่วงนะคะ พี่จะอยู่ที่นี่กับสามีอย่างมีความสุขแน่นอน”“แล้วเธอจะไม่เอาเรื่องพี่ใช่ไหม”
เมื่อกลับมาถึงห้อง ฝนนั่งกินข้าวที่ตัวเองซื้อมา ในหัวก็คอยคิดถึงรถคันนั้นอย่างสงสัยมันคุ้นตาแปลก ๆ เอ...หรือว่าเธอกำลังจะคิดอะไรออกอาทิตย์หน้าต้องไปหาหมอพอดี อาจจะพอมีเรื่องเล่าให้หมอฟังบ้างแล้ว แต่...ทำไมรถยี่ห้อหรูขนาดนั้นถึงคุ้นตาเธอฝนยังคงคิดอะไรไม่ออกมากไปกว่านี้ เรื่องรถและใบหน้าหญิงสาวคนนั้นที่ดูเหมือนตกใจกับเธอ หรือเรามีอะไรผิดปกติไปคืนนั้นฝนฝันถึงอะไรมากมาย แต่ไม่สามารถรู้ได้ว่ามันคืออะไรชลิตากลับมาที่คอนโดของตัวเอง มองไปรอบ ๆ ห้องที่เคยมีน้องสาวเดินไปเดินมาอยู่ในเมื่อก่อน ตอนนี้เธอหายไปกว่า 6 เดือนแล้ว เธอพยายามปกปิดเรื่องนี้กับพ่อแม่ ปกติแล้วน้องสาวไม่ใช่คนที่ติดครอบครัวจนต้องรายงานตัวทุกวัน ทำให้เป็นช่องทางให้ชลิตาแก้ตัวว่าน้องเหนื่อยกับงานจึงไม่อยากพูดคุยกับใคร“ทำไมมันยังอยู่” เธอคิดได้อย่างนั้นจึงรีบโทรหาคนที่เคยดีลเอาไว้เรื่องนี้ว่าเรื่องวันนั้นมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่รู้แค่ว่ามันหนีไป ตามหาไม่เจอซึ่งคำตอบยังคงเดิม ไม่มีใครรู้ว่าเธอหายไปตอนไหนทั้งที่เมายาขนาดนั้น ไม่น่าจะหนีรอดไปไหนได้นอกจากตายเท่านั้น ซึ่งทำให้วินดี้รู้สึกสบายใจไปบ้าง แต่ทำไมผู้หญิงคนนั้นถึงหน้าเหมื
เมื่อพ่อแม่รู้เรื่องก็ตกใจกันเป็นการใหญ่ว่าลูกชายถูกใครซ้อมอาการหนัก กระดูกซี่โครงร้าว ปากแตก คิ้วแตกยับไปหมด พอถามก็ไม่ได้ความอะไรบอกเพียงแค่ว่าเป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่อยากเอาเรื่องกับใคร ซึ่งเจ้าตัวยืนยันจึงไม่มีใครหาความอีกกรินทร์ก็รออยู่เหมือนกันว่าพี่ชายจะพูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้ แต่ก็ไม่มีอะไรกลับมาหาเขาเลย จึงไม่สนใจเขาอีก เตรียมตัวจะกลับไปอยู่คอนโดเหมือนเดิม แล้วให้น้องสาวพยายามทำตัวให้เหมือนเดิม อยู่บ้านแล้วลงไปทานข้าวกับพ่อแม่บ้าง ทานยาให้ครบไปพบแพทย์ตามนัด พอใกล้ถึงเวลาของเด็กในท้อง เขาจะจัดการให้เองไม่กี่วันฝนและกรินทร์ก็ออกจากบ้านไปเพราะกรินทร์บอกกับที่บ้านว่าที่บริษัทไม่มีแม่บ้านประจำอยากให้ฝนไปทำงานให้พอเรื่องราวเริ่มคลี่คลายได้แล้วฝนก็สบายใจ ได้ย้ายมาอยู่อพาร์ทเม้นใกล้ ๆ กับเขาด้วยมีคีย์การ์ดเข้าออกก็ปลอดภัยได้ในระดับหนึ่ง และเขายังอยู่ใกล้ ๆ ด้วย เพียงแค่นี้คนแอบรักอย่างฝนก็รู้สึกดีในทุกวันแล้วกรินทร์ทำงานจนเสร็จแล้วได้เวลาต้องไปพรีเซนต์งานพร้อมทีมของตัวเองให้บริษัทใหญ่แห่งหนึ่ง เขากำลังจะเดินไปที่ลิฟต์บังเอิญว่ามีหญิงสาวคนหนึ่งที่ถือแฟ้มเดินเข้ามาเหมือนกับรีบมาก
เรื่องนี้แววรู้ว่าการันต์อยากได้ฝนมานานแล้ว และเธอก็ชอบเขาจนอยากเป็นคนโปรด แต่พอมาคิดอีกทีมันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำตอนนี้ในบ้านมีแค่เธอที่สติดี และคุณเกรซที่อ่อนแอ เธอจะทำยังไงดีปล่อยให้มันเกิดขึ้นหรือจะเข้าไปขวางเอาไว้ หรือจะแค่ปล่อยให้ฝนเป็นไปตามโชคชะตาในที่สุดโชคชะตาของฝนก็กลับมา กรินทร์จอดรถยังไม่สนิทดีแววก็วิ่งเข้ามาหาเขาให้เขารีบลงจากรถแล้วให้เข้าไปในบ้านละล่ำละลักบอกเรื่องราวไม่ปะติดปะต่อ กรินทร์รู้แค่ว่าฝนกำลังตกอยู่ในอันตรายจากพี่ชายของเขาบนห้องปีกขวาชั้นสองการันต์ก้มลงดมกลิ่นกายสาวจากซอกคอลงไปเรื่อย ๆ มือแกะกระดุมชุดทำงานของบ้านเขาอย่างใจเย็น เสื้อชั้นในลายลูกไม้สีขาวห่อหุ้มอกอวบอยู่ ผู้หญิงคนนี้ซ่อนของดีเอาไว้จริง ๆ ผิวที่ขาวสะอาดนี่ก็ล่อตาล่อใจให้เขาอยากดอมดม ชิมรสชาติว่าจะเป็นอย่างไรแล้วถ้าได้กินไปทั้งตัว เขาคงจะมีความสุขจนสำลักออกมาแน่ ๆ น่าเสียดายนิดหน่อยที่เธอจะไม่รู้ว่าเขากำลังจะเป็นผัวให้เธอทุกอย่างกำลังจะสำเร็จเพียงแค่เขา ถอดชุดนี้ออกไปให้พ้นทางแต่เพราะใจเย็น รอให้ตัวเองถึงจุดที่ต้องการไม่ไหวเสียก่อน ผิวอ่อนนุ่มนี้ทำให้เขาอยากค่อย ๆ ชิมไปเรื่อย ๆประตูถูกผลักเปิ
เรื่องนี้แววรู้ว่าการันต์อยากได้ฝนมานานแล้ว และเธอก็ชอบเขาจนอยากเป็นคนโปรด แต่พอมาคิดอีกทีมันไม่ใช่เรื่องที่ควรจะทำตอนนี้ในบ้านมีแค่เธอที่สติดี และคุณเกรซที่อ่อนแอ เธอจะทำยังไงดีปล่อยให้มันเกิดขึ้นหรือจะเข้าไปขวางเอาไว้ หรือจะแค่ปล่อยให้ฝนเป็นไปตามโชคชะตาในที่สุดโชคชะตาของฝนก็กลับมา กรินทร์จอดรถยังไม่สนิทดีแววก็วิ่งเข้ามาหาเขาให้เขารีบลงจากรถแล้วให้เข้าไปในบ้านละล่ำละลักบอกเรื่องราวไม่ปะติดปะต่อ กรินทร์รู้แค่ว่าฝนกำลังตกอยู่ในอันตรายจากพี่ชายของเขาบนห้องปีกขวาชั้นสองการันต์ก้มลงดมกลิ่นกายสาวจากซอกคอลงไปเรื่อย ๆ มือแกะกระดุมชุดทำงานของบ้านเขาอย่างใจเย็น เสื้อชั้นในลายลูกไม้สีขาวห่อหุ้มอกอวบอยู่ ผู้หญิงคนนี้ซ่อนของดีเอาไว้จริง ๆ ผิวที่ขาวสะอาดนี่ก็ล่อตาล่อใจให้เขาอยากดอมดม ชิมรสชาติว่าจะเป็นอย่างไรแล้วถ้าได้กินไปทั้งตัว เขาคงจะมีความสุขจนสำลักออกมาแน่ ๆ น่าเสียดายนิดหน่อยที่เธอจะไม่รู้ว่าเขากำลังจะเป็นผัวให้เธอทุกอย่างกำลังจะสำเร็จเพียงแค่เขา ถอดชุดนี้ออกไปให้พ้นทางแต่เพราะใจเย็น รอให้ตัวเองถึงจุดที่ต้องการไม่ไหวเสียก่อน ผิวอ่อนนุ่มนี้ทำให้เขาอยากค่อย ๆ ชิมไปเรื่อย ๆประตูถูกผลักเปิ
ถึงแม้ฝนจะรู้สึกแย่นิด ๆ แต่ก็ต้องพยายามทำให้ทุกอย่างเป็นปกติ พอพวกเขาสองพี่น้องจะอยู่ด้วยกันตามลำพัง ฝนจึงถอยออกมา แล้วกลับไปทำงานของตัวเองต่อไปภายในห้องของเกรซสองพี่น้องพูดคุยกันหลายเรื่อง ทำให้น้องสาวที่สภาพจิตใจกำลังย่ำแย่เกิดความรู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น เธอเคยเป็นที่รักของทุกคนจนถูกตามจมาตลอด นิสัยเดิมนั้นค่อนข้างเอาแต่ใจมากจนที่บ้านไม่รู้จะต้องทำอย่างไรกับเธอแล้ว จนปล่อยเธอให้ทำตามใจตัวเองมาตลอด จนเธอกลายเป็นดาราที่มีคนชื่นชม มีคนแฉถึงเรื่องราวของเธอเวลาอยู่กับทีมงานแล้วเกิดวีนใส่เข้า จึงเกิดประเด็นมากมายจนความนิยมลดลงไปมากจากที่จะกลายเป็นนางเอก หลัง ๆ จึงได้เป็นเพียงนางรอง หรือไม่ก็ตัวประกอบเท่านั้น จากเรื่องราวนี้ทำให้เธอยิ่งโกรธ ทำให้ยิ่งถูกแฉจากคนที่ไม่ชอบ จึงเลือกอยู่เงียบ ๆ มาสักระยะหนึ่งแล้ว จนมีงานเข้ามาเป็นงานเอนเตอร์เทนบุคคลที่สำคัญในงานเลี้ยงหนึ่งปกติการใช้ชีวิตของเกรซก็เที่ยวกลางคืนและหาเพื่อนคุยเป็นผู้ชายหน้าตาดีอยู่เป็นปกติอยู่แล้ว พอได้ทำงานแนวนั้นจึงค่อนข้างชอบ ทำให้ออกจากบ้านไปติด ๆ กันหลาย ๆ คืน พ่อแม่เป็นห่วงเธอก็ปฏิเสธความห่วงใยนั้นเพราะเธอสนุกกับงานเรื่องเ