แชร์

ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน
ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน
ผู้แต่ง: แอปเปิลโซดา

1/1 ท่านหญิงแห่งต้าหย่ง

ผู้เขียน: แอปเปิลโซดา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-18 15:47:03

“ขอให้ฝ่าบาททรงอายุยืนหมื่นปี หมื่นๆ ปี”

สิ้นเสียงกล่าว ม้าเร็วพร้อมกงกงผู้เดินทางมามอบราชโองการแต่งตั้ง ‘ท่านหญิงแห่งต้าหย่ง’ ถึงหน้าสกุลเหยาก็จากไปอย่างเร็ว ฮูหยินผู้เฒ่าหยัดกายลุกขึ้นมาอย่างเหนื่อยล้า ต้องพึ่งแรงพยุงจากบุตรชายของนาง แต่นางก็ยังทรงตัวไม่ได้เนื่องจากจิตใจได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง

ฮูหยินผู้เฒ่าสูดลมหายใจเคล้าความเย็นเข้าปอด ราชโองการแต่งตั้งหลานสาวอยู่ในมืออันเหี่ยวย่น แม้ตลอดเวลาที่ผ่านมาหญิงชราจะไม่โปรดปรานเหยาอี้เหยา แต่ก็ไม่เคยคิดจะส่งหลานสาวให้ไปเผชิญชะตากรรมอันโหดร้าย อย่างไรเหยาอี้เหยาก็ได้ชื่อว่าเป็นคนสกุลเหยา

แต่ทำอย่างไรได้ ราชโองการจากฝ่าบาทอยู่ในมือแล้ว หากฮูหยินผู้เฒ่าไม่ตัดสินให้รอบคอบรัดกุม สกุลเหยาคงจะประสบเคราะห์ร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย

“ท่านแม่ ท่านไหวหรือไม่”

“ข้าไหว” ฮูหยินผู้เฒ่าคว้ามือบุตรชายไว้ สมองที่ยังแหลมคมอยู่ครุ่นคิดหาทางออกที่ดีที่สุด นางไม่สนใจจะมองผู้ใดที่นั่งคุกเข่าอยู่กลางโถง “พาข้ากลับไปที่เรือน”

เมื่อถึงเรือนแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ารับชาจากสาวใช้คนสนิทมาจิบคำหนึ่ง ดวงตาสีจางหลุบต่ำมองม้วนอักษรวิจิตรสีทองซึ่งเสียดแทงใจนางยิ่งนัก การแต่งตั้งหลานสาวของนาง เป็นท่านหญิง คือบทลงโทษที่เมื่อสามปีก่อนที่สกุลเหยาได้ทำเรื่องหายนะเอาไว้

“เจ้าไปตามเหยาอี้เหยามาพบข้าที”

“ท่านแม่ ท่านจะส่งอี้เหยาไปจริงหรือ” เหยาซือหม่าย่อมมองความนัยที่ฝ่าบาททรงพระราชโองการแต่งตั้งบุตรสาวคนที่ห้าของเขาให้เป็นท่านหญิงที่แดนเหนือ แม้เขาจะไม่ใคร่โปรดปรานบุตรสาวคนนี้นัก แต่อย่างไรก็เป็นบุตรสาวของเขา ดีชั่วอย่างไรก็รักประมาณหนึ่ง เขาเองก็ทำใจให้นางต้องไปแดนเหนือไม่ได้ แต่เรื่องนี้ไม่ใช่สิ่งที่จะปฏิเสธได้ พวกเขาเองก็ได้แต่กล้ำกลืน เหมือนเช่นที่กล้ำกลืนมาตลอดสามปี

“เรื่องนี้ย่อมต้องให้อี้เหยารับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียว” คนทั้งจวนต้องแบกรับความผิดแทนนางอยู่สามปี ตอนนี้ได้เวลาให้เด็กไม่รู้ความคนนั้นต้องรับผิดชอบเช่นกัน

“นางหมั้นหมายไว้กับคุณชายหลี่ หากทำเช่นนี้เกรงว่าสกุลหลี่คง...”

"เจ้ายังมองสิ่งนี้ไม่ออกอีกรึ” ฮูหยินผู้เฒ่าแทบจะอยากทุบถ้วยชาให้แตก เมื่อคิดไปถึงท่าทีอันเย็นชาและกลับกลอกของคนสกุลหลี่ ตลอดสามปีนับตั้งแต่เมื่อเหยาอี้เหยาก่อเรื่องไว้ หลี่โหวก็แสดงท่าทีไม่อยากข้องเกี่ยว ราวกับน้ำบ่อไม่ยุ่งน้ำคลอง “ฝ่าบาทไม่มีทางสนใจในตัวอี้เหยาหากไม่ใช่เพราะหลี่เซ่าอยากจะหาข้ออ้างดีๆ เพื่อถอนหมั้น เขาต้องเป็นผู้ชี้นำให้ฝ่าบาทนึกถึงเรื่องในอดีตจนอยากจะลงโทษสกุลเราอีกครั้ง หลี่เซ่าตาแก่ผีเน่า! หาเรื่องตัดขาดสกุลเราไม่พอ ยังยุแยงให้ฝ่าบาทแคลงใจในตัวสกุลเหยา”

ครานี้หากสกุลเหยาไม่ทำตามราชโองการไม่ว่าจะมีเหตุผลดีปานใด วันหน้าสกุลเหยาในวงสังคมย่อมไม่มีที่ยืนอีก การถูกตัดขาดจากสกุลหลี่คือตัวอย่าง

“ท่านแม่พูดถูกแล้วพี่ใหญ่ ท่านและข้าต่างทราบดีว่าสถานการณ์ของสกุลเราหมิ่นเหม่นัก สามปีมาแล้วที่ข้าได้เบี้ยหวัดครึ่งเดียว อี้ร่างไม่ได้รับการเลื่อนตำแหน่งทั้งๆ ที่ผลงานเป็นประจักษ์ เช่นนี้ท่านยังทำอะไรได้อีก จะให้สกุลเราจะพังทลายตามสกุลหลินไปหรือ...”

“อี้เหยาไม่มีทางรอดชีวิตในแดนเหนือ...”

ผู้คนที่แดนเหนือไม่โปรดปรานนาง เคียดแค้นนาง นี่ยังไม่กล่าวถึงการถูกส่งตัวไปให้ฉู่ซื่อจื่อ…

เหยาซื่อหม่าจดจำใบหน้าของฉู่ซื่อจื่อผู้นั้นได้ แค่นึกถึงเหยาซือหม่าก็รู้สึกหดเกร็งหน้าท้อง

“สกุลเหยาครึ่งร้อยต้องตายหากขัดราชโองการ”

“ท่านแม่ ท่านตัดสินใจเถิด เพราะข้าไม่อาจทำได้” เหยาซือหม่าหมองเศร้า เขานึกถึงใบหน้าเล็กๆ เท่าครึ่งฝ่ามือของอี้เหยา เด็กคนนั้นหน้าตาถอดแบบมารดาของนางทุกกระเบียดนิ้ว ทั้งยังสดใสร่าเริงเสมอจนไม่อาจจะทำร้ายนางลง ทว่าอี้ร่างบุตรชายคนโตของเขาก็ประสบเคราะห์เพราะนางมามากเช่นกัน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงบุตรสาวอีกสามคนที่สุ่มเสี่ยงจะถูกถอนหมั้นจากสกุลต่างๆ

“เจ้าเป็นพ่อนาง เจ้าเป็นผู้นำตระกูล เจ้าตัดสินใจเถิด” ฮูหยินผู้เฒ่าหลุบตาลง ใช้มือหมุนกำไลลูกประคำในมือ หญิงชราหวนนึกถึงเหตุการณ์ที่ทำให้สกุลเหยาสุ่มเสี่ยงล่มสลาย อันที่จริงแล้ว ความผิดของเหยาอี้เหยามิได้ร้ายแรงปานนั้น สามปีก่อนนางอายุเพียงห้าขวบ จะสามารถทำอะไรผู้ใดได้

เพียงแต่ในสถานการณ์บางอย่าง เรื่องราวย่อมต่างออกไป ยิ่งเมื่อไม่สามารถถามหาผู้คนให้มารับผิดชอบในเรื่องที่เกิดขึ้นได้เหยาอี้เหยาจึงต้องรับผิดชอบ เหมือนที่คนสกุลเหยารับผิดชอบมาสามปี

“ความจริงอี้เหยาไม่มีส่วนใดผิดเลย นางไม่ได้ทำอันใดผิด ความผิดเดียวของนางคือ...นางอยู่ที่นั่น”

สกุลเหยาเป็นเพียงสกุลชนชั้นกลางท่ามกลางตรอกชนชั้นสูง อดีตเคยรุ่งเรืองอยู่บ้าง แต่ปัจจุบันค่อนข้างตกต่ำ ได้แต่อาศัยบุญเก่าของบรรพบุรุษเพื่อยืนในวงสังคม

กลางปีนี้เหยาอี้เหยาก็มีอายุครบแปดขวบ นางเป็นบุตรสาวคนที่ห้าของ เหยาซือหม่ามารดาคือฮูหยินหลินแน่นอนว่านางย่อมไม่ใช่บุตรสาวคนโปรด ถึงอย่างนั้นนางก็ได้รับการดูแลอย่างดีสมฐานะ จนกระทั่งปีนั้นเมื่อสามปีก่อน

รอยแผลเป็นจากเหตุการณ์ครั้งนั้นยังคงทิ้งรอยอยู่กลางฝ่ามือ นางใช้นิ้วมืออีกข้างลูบมือด้านขวาอย่างเหม่อลอย เนื่องจากเหตุการณ์คราวนั้น ได้ทำให้มาตรฐานชีวิตของนางจึงดิ่งลงเหว ต่ำต้อยจนไม่อาจเทียบได้กับพี่น้องร่วมสายเลือด

เรือนของเหยาอี้เหยาไม่ทรุดโทรมแต่ไม่มีของใช้ชิ้นใดที่ดูใหม่ เสื้อผ้าเครื่องประดับของนางมีไม่มาก และส่วนใหญ่ล้วนเป็นสิ่งของที่ได้จากครอบครัวท่านแม่ ทว่านี้ไม่ใช่เรื่องที่แย่ที่สุด แต่นางอาศัยอยู่เรือนหลังเล็ก ตรงส่วนของอาณาเขตที่ไม่มีแสงแดดส่องถึง ฤดูฝนบริเวณนั้นน้ำจะนอง ฤดูหนาวหิมะจะถล่มจนเพดานขึ้นรา

ทว่าเรื่องเหล่านี้ย่อมไม่มีใครสนใจกล่าวถึง ในเมื่อนางคือเหยาอี้เหยา ผู้ที่ท่านย่าไม่โปรดปราน

เรื่องความโปรดปรานของท่านย่านั้น เหยาอี้เหยาก็ไม่ทราบว่าเกิดความผิดพลาดที่ใดจึงทำให้ท่านย่าเย็นชาต่อนางนักเพราะเมื่อครั้งที่นางยังเด็ก ท่านย่าดีต่อนางไม่น้อย แต่พอคิดย้อนกลับไป นางก็เหมือนจะพอคาดเดาสาเหตุที่ทำให้ท่านย่ามีท่าทีเช่นนี้ต่อนางได้

ตอนนั้นนางมีอายุเพียงห้าขวบ เดินทางกลับบ้านเดิมมารดาเพื่อไว้อาลัยร่วมกับท่านตา ระหว่างทางผ่านเมืองโจวอี้ ยามนั้นมีเทศกาลฤดูหนาว นางไม่เคยเที่ยวชมงานครึกครื้นมาก่อน จึงขอให้ท่านตาจึงแวะพักเที่ยวชม แต่ในเวลาแห่งความสุขคนร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในเงามืดก็ปรากฏ

ลูกธนูฝั่งหัวเหล็กพุ่งเข้ามาปักทะลุผิวไม้เฉียดมือขวานางไป ท่านตาดันนางซ่อนในรถม้าจึงรอดมาได้แต่ท่านตาไม่...

ท่านตาสียชีวิตพร้อมกับถูกตราหน้าว่าเป็นคนสังหารเจ้าเมืองฉู่หลิน ซึ่งนางมั่นใจมากว่าท่านตาไม่มีทางทำร้ายผู้ใด แต่เพราะนางจำไม่ได้ว่าคืนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง จึงแก้ต่างให้ท่านตาไม่ได้

อีกทั้งด้วยความที่ ‘ฉู่หลิน’ คือหัวใจของชาวแดนเหนือ เขาเป็นผู้ปกครองเมืองโจวอี้ที่เที่ยงธรรมเก่งกาจ ครั้นฉู่หลินถูกแม่ทัพหลินสังหาร ชาวเมืองโจวอี้จึงไม่พอใจสกุลหลินและสกุลเหยา เรียกร้องความรับผิดชอบและการสำนึกผิด ฝ่าบาทแม้ไม่ทรงตรัสอันใดนอกจากบอกว่าในเมื่อคนลงมือก็ตายไปแล้ว คงยากจะลงโทษอีก แต่ในพระทัยย่อมมีความขุ่นข้อง สามปีมานี้นางถึงได้ถูกขังอยู่ในเรือน ห้ามก้าวเท้าออกไปไหนแม้เพียงครึ่งก้าว

เพื่อสำนึกผิด...

ด้วยเหตุนี้กระมังท่านย่าจึงเว้นระยะห่างจากนาง ไม่ใกล้ชิด ไม่พูดคุย ทำเหมือนนางไร้ตัวตนอย่างเย็นชา ถ้าหากว่าท่านย่าส่งนางออกไปบ้านนอกได้ ท่านย่าคงทำไปแล้ว

ท่าทีของท่านย่าที่ปฏิบัติต่อนางคือแม่แบบซึ่งเหล่าสาวใช้ ใช้ปฏิบัติต่อนางเช่นกัน นางไม่มีสาวรับใช้ ทั้งยังต้องไปเป็นสาวรับใช้ให้เรือนพี่สามเพื่อจะได้ร่ำเรียนหนังสือจากใต้เรือน วันดีคืนดีโดนพี่ใหญ่กดขี่กลั่นแกล้งก็ต้องอดทน

แต่ไม่ใช่ว่าทุกคนในจวนจะไม่โปรดปรานนางเสียหมด ‘เหยาอี้ร่าง’ พี่รองของนางใจดีกับนางเสมอเพียงแต่ยามนี้พี่รองประจำการอยู่ในค่ายทหารแถบเมืองชง ไม่กลับบ้านมาสามปีแล้ว

ซึ่งนั้นก็เป็นเพราะนาง เวลาท่านพ่อเมามายมักจะหลุดพูดคำนี้บ่อยๆ จนนางจำขึ้นใจ ‘เพราะเจ้าอี้เหยา เพราะเจ้าอี้ร่างของข้าจึงถูกปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม อี้ร่างของบิดา เจ้าต้องถูกลงโทษในสิ่งที่ไม่ได้ทำ’

ทุกคนกล่าวโทษอี้เหยา ราวกับว่าเหยาอี้เหยาเป็นคนยิงลูกธนูใส่ฉู่หลินเอง ทุกคนจึงได้คาดโทษนางเช่นนี้

ฟ้ายังไม่ทันสาง สาวใช้จากเรือนท่านย่าให้คนมาตามนางไปพบ พร้อมกับเรียนให้นางสวมชุดให้เรียบร้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้

เหยาอี้เหยาจึงละงานในมือเพื่อแต่งตัว ก่อนจะรีบตามคนของท่านย่าไปที่เรือน ในใจคิดไปต่างๆ นานา ว่าท่านย่ามีสิ่งใดจะพูดกับนางกันแน่ เพราะตลอดสามปีมานี้ ท่านย่าไม่เคยเรียกตัวนางเลย

“คารวะท่านย่า คารวะท่านพ่อ คารวะท่านอารอง คารวะท่านอาสาม” เหยาอี้เหยาคำนับตามลำดับ นางทำได้อย่างดีก่อนจะคอยให้ท่านย่าอนุญาตจึงยืนประจำตำแหน่ง

“อี้เหยา มารับสิ่งนี้ไปอ่าน” ฮูหยินผู้เฒ่ามอบหนังสือแต่งตั้งให้นาง ด้วยวัยนี้ของเหยาอี้เหยา นางย่อมอ่านออกเขียนได้

“ท่านย่า นี่คือสิ่งใดหรือเจ้าคะ” เหยาอี้เหยาสอบถาม นางอ่านหนังสือแล้วงุงงงเล็กน้อย แต่งตั้งนางเป็นท่านหญิงงั้นหรือ?

“เจ้าอ่านไม่ออกรึ ฝ่าบาททรงมีเมตตาแต่งตั้งเจ้าเป็นท่านหญิง คนเช่นเจ้ามีวาสนาได้เป็นถึงท่านหญิงแห่งต้าหย่ง” ฮูหยินผู้เฒ่ายิ้ม “ดีใจล่ะซี อย่างไรเป็นท่านหญิงก็ย่อมดีกว่าเป็นนายหญิงให้หลี่หลินผู่อยู่แล้ว”

หลี่หลินผู่คือคู่หมั้นของเหยาอี้เหยา

“คุณชายหลินถอนหมั้นข้าหรือเจ้าคะท่านย่า” นางคิดไว้อยู่บ้างว่าสักวันนางคงถูกถอนหมั้น เพราะตลอดสามปีมานี้ นางไม่พบหน้าคุณชายหลี่เลย เหมือนเฉกเช่นที่ผู้คนรอบข้างตีตัวออกห่าง

“เจ้าถูกแต่งตั้งเป็นท่านหญิงแห่งต้าหย่ง ต้องเดินทางไปเป็นทูตเจริญสัมพันธไมตรีกับแดนเหนือ ย่อมไม่อาจมีเรื่องรักใคร่ติดพันอยู่ทางนี้ได้ ข้าคิดว่าตัดขาดจากสกุลหลี่ไป ย่อมดีที่สุด วันหน้าหากเจ้ายินดี ข้าจะหาสามีที่เหมาะสมให้เจ้า”

พูดเสียดิบดีว่าตัดขาดความผูกพัน แต่ความจริงคงถูกถอนหมั้นมากกว่า

“ท่านย่า ท่านหมายถึงข้าจะต้องไปแดนเหนือหรือ? ไปยังเมืองโจวอี้หรือเจ้าคะ” คนที่นั้นไม่ต้อนรับนาง และนางก็ไม่อยากไปที่นั่นแม้แต่น้อย “ท่านย่า...”

“เจ้าต้องไป!” ฮูหยินผู้เฒ่ากล่าวเสียงเด็ดขาด แววตานางทอประกายดุจเครื่องหมายอาญาสิทธิ์ “เจ้าคือต้นเรื่องของเคราะห์กรรมที่คนสกุลหลินและเหยาต้องแบกรับมาสามปี พ่อเจ้า ท่านอาเจ้า อี๋เหนียงรอง ป้าสะใภ้เจ้า ทุกคนล้วนลำบากจนไม่อาจหายใจทั่วท้อง จะพูดอันใด จะทำอันใดก็ต้องมองหน้าผู้อื่น นี่ยังไม่นับรวมพี่สาวและพี่ชายของเจ้า ทุกคนต้องแบกรับเอาไว้ด้วยความกล้ำกลืน แล้วเจ้าเล่าอี้เหยา เจ้าแบกรับอันใด แน่ล่ะว่านี่มิใช่ความผิดของเจ้า หรือต่อให้เจ้าถูกก็ไม่มีอันใดเปลี่ยนไม่มีใครสนใจดอก ในสายตาของคนนอก เจ้าไม่ต่างอะไรกับคนที่ยิงธนูดอกนั้นใส่เจ้าเมืองฉู่...อี้เหยา ตอนนี้ได้เวลาที่เจ้าต้องรับผิดชอบแล้ว”

เหยาอี้เหยาไม่อาจพูดอะไรอีก สิ่งที่ท่านย่าพูดออกมา คือความจริงที่นางรู้ดีมาตลอด ที่แท้นางก็ทำให้คนสกุลหลินและสกุลเหยาพบเจอเรื่องย่ำแย่เช่นนี้

นางสมควรจะต้องรับผิดชอบจริงๆ

“ข้าทราบแล้ว ท่านย่า ขอบคุณท่านที่เมตตาเลี้ยงดูข้ามาตลอดชีวิต อี้เหยาซาบซึ้งใจเสมอ ข้าขอสัญญาต่อท่านไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะไม่ทำให้ท่านต้องลำบากอีกแล้ว ท่านย่า ข้าไม่รู้มาก่อนว่าเรื่องที่ข้าอยากเที่ยวงานฤดูหนาวจะส่งผลต่อมาไม่สิ้นสุด ข้าเสียใจจริงๆ หากย้อนเวลาได้ข้าจะไม่ดื้อดึงเที่ยวงานเทศกาลอีก แต่ข้าย้อนเวลาไม่ได้ ดังนั้นได้โปรดให้อภัยข้าเถิดท่านย่า” นางโขกศีรษะลงกับพื้นเย็นเฉียบ นางกลั้นลมหายใจ บอกตัวเองว่ายังไม่ได้ ให้น้ำตาหยดตอนนี้ไม่ได้

เหยาอี้เหยาไม่ได้เงยหน้า นางจึงไม่ได้เห็นม่านน้ำตาในดวงตาซีดจางของฮูหยินผู้เฒ่า

"จงเตรียมตัวให้พร้อม มะรืนต้องออกเดินทางแล้ว"

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   1/2 ท่านหญิงแห่งต้าหย่ง

    เหยาอี้เหยามีอายุน้อยที่สุดในคณะราชทูตแห่งต้าหย่งซึ่งประกอบไปด้วยองค์หญิงหย่งเยี่ยน แม่ทัพกงจิ้ง บุตรชายของแม่ทัพใหญ่ซ่าง ซ่างเจวี๋ย และราชทูตลู่หมิงทั้งหมดคือคณะราชทูตเพื่อส่งเสริมสัมพันธไมตรี ลดทอนความบาดหมางที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน ทั้งหมดจึงต้องเดินทางไปยังเมืองโจวอี้ รัฐหลู่ปกติด้วยฐานะของเหยาอี้เหยา นางไม่มีทางได้เป็นหนึ่งในคณะทูต แต่ด้วยความหลังในอดีต ทำให้ฮ่องเต้ต้องการแสดงความจริงใจ ด้วยการส่งตัวคนที่สร้างรอยร้าวในความสัมพันธ์ไปเจริญสัมพันธไมตรีเพื่อบอกว่าทางราชสำนักไม่มีเจตนาให้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น และหากมีอะไรที่จะสามารถชดเชยให้ชาวแดนเหนือ ทางราชสำนักจะพิจารณาให้เป็นอันดับแรกดังนั้นนางจะทำเรื่องพังไม่ได้เด็ดขาด ต่อให้จะต้องตาย นางก็ต้องตายโดยไม่ให้กระทบกระเทือนต่อสกุลของนางหรือคนรอบข้างด้วยความกระชั้นชิดของเวลาทำให้การเดินทางเร่งเท้าทั้งวันทั้งคืน นางนั่งอยู่ภายในรถม้าขนาดกลางถัดจากรถม้าอีกสี่คันบนตักมีปิ่นปักผมของท่านแม่ ซึ่งถือเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ท่านย่าอนุญาตให้นางพกติดตัวมา ตัวปิ่นเงินเกลี้ยงเกลาเหมือนสายใยอันอบอุ่น นางมักจะพกติดตัวไว้เสมอ ทำเช่นนี้ นางก็ไม่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   1/3 ท่านหญิงแห่งต้าหย่ง

    กงจิ้งกลับมาตอนเย็น เหยาอี้เหยาทานข้าวกับแม่ทัพกงเป็นมื้อแรกนับตั้งแต่เริ่มเดินทาง ส่วนองค์หญิงไม่รับอาหารเย็น แม่ทัพซ่างกับลู่หมิงฝึกวิชายุทธ์หลังเขา ระหว่างมื้ออาหารเหยาอี้เหยาไม่พูดอะไรมากนัก จนมองไปนอกหน้าต่างแล้วเห็นหญิงสาวที่คอกม้าจึงเอ่ยถามไป“แม่ทัพกง หญิงสาวที่ถูกมัดอยู่ที่คอกม้าทำอันใดผิดไปหรือ”กงจิ้งตอบ “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า”“อากาศหนาวเช่นนี้ นางน่าสงสารเหลือเกิน”กงจิ้งพูดสั้นๆ “ใช้ปากกินข้าว ไม่ต้องพูด”“เจ้าค่ะ”หลังจากนั้นไร้บทสนทนาใดๆ อีก เหยาอี้เหยาพักผ่อน นางหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าจนถึงยามซวี ก่อนจะตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกหนาวอย่างสุดขั้ว ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเลย เพราะเตาอุ่นในห้องไม่ได้เติมถ่านอย่างที่ควรเหยาอี้เหยารีบลุกไปที่หน้าต่าง เห็นหิมะสีเงินโปรยปรายลงมา ซึ่งหากเป็นที่เมืองหลวง ยามนี้คงไม่มีหิมะ แต่ทางเหนือไม่เหมือนกัน ยิ่งใกล้เมืองโจวอี้ อากาศจะยิ่งหนาว และจะเห็นหิมะบ่อยขึ้นเหยาอี้เหยาสวมเสื้อคลุมเพิ่มอีก ตอนที่มือกำลังรัดเชือกเข้าด้วยกันเพื่อกันความหนาว ก็นึกถึงทาสที่เห็นตอนมาถึงโรงเตี๊ยม นางถูกมัดอยู่ที่คอกม้าด้วยสภาพน่าสงสาร เมื่อเย็นเหยาอี้เหยาจึงเอ่ยถามเส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   2/1 สวมรอย

    เรื่องที่องค์หญิงเป็นฉู่ซีเย่นั้นไม่ใช่เรื่องที่สำคัญนัก เพราะตอนนี้อยู่ในระหว่างการถูกลักพาตัว โจรชุดดำควบรถม้าหนี ก่อนจะพุ่งลงเหวทิ้งตัวไปยังพื้นเนินเตี้ยๆ เหยาอี้เหยาเกาะพื้นแน่น แต่สุดท้ายก็กระแทกกับผนังจนมึนงงไปชั่วขณะ กระทั่งรถม้าหยุดลง นางถึงตั้งตัวได้สถานการณ์คับขัน เหยาอี้เหยาลุกขึ้นมาเห็นแสงสว่างวาบที่ท้องฟ้า คนร้ายพุ่งมาเปิดประตู"ซื่อจื่อ! เป็นท่านได้อย่างไร!” เพียงเห็นหน้าฉู่ซีเย่ คนร้ายก็พลันหน้าซีด ด้วยคิดจะมาปล้นรถม้าองค์หญิงจากเมืองหลวงไม่ใช่ฉู่ซื่อจื่อ!“เคราะห์ร้ายของเจ้าแล้ว” ฉู่ซีเย่ยิ้มนิดๆ มีดสั้นพุ่งออกไปปักใส่หลังคนร้ายที่วิ่งหนี ล้มหงายกลิ้งตกเขาไปในที่สุด ส่วนอีกสองคนรับใช้วิชาซ่อนเงาหนีไปเหยาอี้เหยาหยัดตัวลุกขึ้นจากพื้น ตอนนี้มั่นใจมากว่าเขาคือฉู่ซีเย่!“คุณหนูเหยา ดูเหมือนข้าจะไม่ต้องเสียเวลาแนะนำตัวแล้ว เจ้ารู้ว่าข้าเป็นใครใช่หรือไม่”“ซื่อจื่อ ท่านคือฉู่ซีเย่” เหยาอี้เหยามองเขาแวบเดียว ฉู่ซีเย่ไม่เหมือนผู้อื่นที่นางเคยพบเจอ เขาไม่ได้ดูน่ากลัว แต่เป็นคนที่ทำให้รู้สึกต้องเจียมตัว บนร่างของเขามีกลิ่นอายและความน่ายำเกรงที่ยากจะล่วงเกิน นางจึงไม่กล้าพูดหรื

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   2/2 สวมรอย

    ฉู่ซีเย่คล้ายคิดคำนวณไว้อย่างดี ไม่ให้จุดคลายก่อนโจรจะมาเหยาอี้เหยาหลับตาแสร้งว่าหมดสติไปแล้ว ปล่อยให้คนมัดมือนางแล้วโยนใส่รถม้า พวกโจรดูเบิกบานใจเมื่อคิดว่าสามารถจับตัวองค์หญิงแห่งต้าหย่งได้ โดยไม่รู้เลยว่านางคือตัวปลอมเท่านั้นเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยและขรุขระทำนางเนื้อเขียว เหยาอี้เหยาไม่ส่งเสียงจนนางถูกหิ้วไปทิ้งไว้ในห้องขัง เครื่องประดับนางถูกริบไปหมด แม้แต่ปิ่นเงินของท่านแม่ห้องขังเย็นชื้นนัก เหยาอี้เหยานอนบนพื้นโคลนเหม็นฉุน นางลืมตาเมื่อเสียงคนย่ำเท้าเดินห่างออกไปแล้วเวลานั้นฟ้าสาง ความสว่างเผยให้เห็นห้องสี่เหลี่ยม ซึ่งมีคนอยู่ด้วย เป็นหญิงสาวจากเมืองชงและเมืองอื่นๆ ที่ถูกจับมาเช่นกันพวกนางดูหวาดกลัวและหิวโหย เกาะกลุ่มกันอยู่ที่มุมห้อง พร้อมจ้องมองชุดของเหยาอี้เหยาด้วยอาการสั่นเทา“หนาวรึ”พวกนางพยักหน้า ผ้าบนตัวไม่สามารถที่จะเรียกได้ว่าชุด เหยาอี้เหยาจึงถอดเสื้อคลุมซึ่งฉู่ซื่อจื่อเป็นคนซื้อให้ แบ่งให้กับพวกนาง รวมทั้งยังยินดีที่จะถอดเสื้อตัวนอกอีกชั้นให้พวกนางสวม ตอนนี้นางจึงเหลือเพียงชั้นในและเสื้อนอกอีกชั้นที่ไม่ค่อยกันหนาวนัก“อันนี้ให้เจ้า” เสื่อผุพังชิ้นหนึ่งถูกหยิบยื่นมา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   2/3 สวมรอย

    ห้องขังสำหรับเหยาอี้เหยาเป็นเรือนหลังหนึ่งที่ปิดตาย นางได้รับเสื้อผ้าชาวเผ่าที่กันหนาวได้ดีและอาหารหนึ่งสำรับรสชาติของอาหารสมกับการเป็นอาหารแห้ง เนื้อวัวเหนียวจนกัดไม่ขาด ทั้งยังเหม็นหืนจนกินไม่ลง หญิงรับใช้นอกด้านนามว่าอามู่ จึงไปแอบตุ๋นน้ำแกงมาให้นางหนึ่งชามน้ำแกงอุ่นๆ รสชาติกลมกล่อมทำให้เหยาอี้เหยาพอจะคลายความตื่นกลัวและอบอุ่นขึ้นมาบ้างอามู่แม้จะพูดภาษาฮั่นไม่ได้ แต่นางดูแลเหยาอี้เหยาอย่างดี เห็นนางเครียดก็จุดกำยานกลิ่นหอม ทั้งยังเฝ้าอยู่ไม่ห่างพร้อมฮัมเพลงกล่อมเด็ก ความจริงใจของอามู่ทำให้นางผ่อนคลายและหลับไปได้บ้างทว่ากลางคืนเหยาอี้เหยาฝันร้าย นางเห็นภาพคนตายรายล้อม นางจึงวิ่ง ด้านหลังได้ยินเสียงอึกทึก ครั้นหันกลับไปมองก็เห็นจี๋เฉวียนที่ใบหน้าบิดเบี้ยวกำลังไล่หลังมา นางตกใจจนสะดุดล้ม มีดเล่มยาวที่จี๋เฉวียนยกขึ้นฟาดลงมาบนตัว แล้วนางก็ตื่นขึ้นบนเตียง“ไม่นะ!”เหยาอี้เหยารู้ตัวว่าเมื่อครู่เป็นแค่ฝันร้าย แต่นางกลัว หัวใจเต้นแรงและเหงื่อผุดพราวเต็มใบหน้า ยิ่งปิ่นของท่านแม่ไม่อยู่กับนาง นางก็ไม่รู้จะสงบใจได้อย่างไร“อามู่!” เหยาอี้เหยาร้องคำเดียว อามู่ที่นอนอยู่ด้านนอกรีบผลักประตูเป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   3/1 เข้าหา

    “ท่านแน่ใจหรือ องค์หญิงทรงสิ้นพระชนม์แล้ว” สีหน้าท่าทางของจี๋เฉวียนบ่งบอกว่าเขาแน่ใจ องค์หญิงเจ็ดทรงสิ้นพระชนม์ที่เมืองจิงหลิง ส่วนสาเหตุยังไม่เป็นที่เปิดเผย“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง” ต้องเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นเป็นแน่“ไท่จื่อแห่งต้าหย่งกำลังมา ชาวเมืองข้างเคียงส่งข่าวขบวนรถม้ามาหลายวันแล้ว ธงที่โบกสะบัดเป็นขององค์รัชทายาทไม่ผิดแน่”“ฉู่อ๋องมีท่าทีอย่างไรบ้าง จะยกทัพกลับมาหรือไม่” รัฐหลู่มีกองทัพเป็นของตนเองเพื่อปกป้องเมือง ทว่าเพื่อกันเสียงคนครหากบฏจึงตั้งทัพอยู่รอบชายแดน ไม่ยกเข้ามาในเมือง“ฉู่อ๋องไม่กลับจากแนวหน้า ทว่ามีการรายงานความเคลื่อนไหวของทัพเหนือของคุณชายฉู่” การเคลื่อนกำลังพลของกองทัพแห่งรัฐหลู่อึมครึม แนวคุ้มกันทอดยาวรักษาการณ์จรดแนวหน้าของด่านนอกเมือง“จะเกิดสงครามหรือ” การสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงที่เมืองจิงหลิงมีน้ำหนักมากพอให้เกิดสงคราม ราชวงศ์ต้าหย่งย่อมต้องการคำตอบจากแดนเหนือว่าเหตุใดองค์หญิงถึงสิ้นพระชนม์ คิดแล้วเรื่องนี้ก็พลอยให้เหยาอี้เหยาคิดถึงเรื่องเมื่อสามปีก่อน ตอนนั้นราชวงศ์ต้องหาคำตอบให้ชาวเมืองโจวอี้ที่ต้องเสียเจ้าเมืองไป แต่หาคำอธิบายอันใดไม่ได้ ชดใช้อย่างไร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   3/2 เข้าหา

    วันนี้อากาศหนาวแต่ไร้หิมะโปรยปรายฉู่ซีเย่ผู้คุ้นชินกับอากาศเป็นอย่างดีจึงไม่ได้สวมใส่อาภรณ์กันหนาว สวมเพียงเสื้อตัวนอกสีครามลายเมฆา เกลาผมด้วยปิ่นหยกร่างสูงแม้ยังอยู่ในวัยเยาว์กลับให้กลิ่นอายองอาจเหนือสามัญ นัยน์ตาคมที่หลุบลงดูสงบท่ามกลางหุบเขาที่กิ่งก้านโรยราในยามจำศีล ฉู่ซีเย่คล้ายหลับใหลไปในห้วงเวลาเหล่านั้นกระทั่งการมาถึงของชายผู้หนึ่ง ดาบคมวาวแหวกผ่านอากาศคล้ายอยากทักทาย ฉู่ซีเย่ขยับตัวอย่างเกียจคร้าน กระบวนท่าเข้มแข็งแต่ไร้จิตสังหาร เขาพลิกกายหลบพร้อมลืมตาขึ้นมาเอ่ยปาก“ท่านจงใจลอบสังหารข้าหรือ?”“มิกล้าๆ ข้าไหนเลยจะกล้าทำเรื่องเช่นนั้นกัน” ‘ฉู่ซีห่าว’ แย้มยิ้ม เสือกส่งดาบราวกับอยากทักทายลูกพี่ลูกน้องคนสนิทอย่างแนบชิด แล้วหยุดมือเมื่อเล่นพอประมาณแล้ว “ฝีมือเจ้าก้าวหน้าขึ้นมาก กลับไปข้าจะไปเรียนท่านปู่ แต่ยังไงเจ้าก็ยังเตี้ยกว่าข้าอยู่ดี”“ท่านปู่สบายดีหรือไม่” ฉู่ซีเย่ยืนใกล้ผาศิลา เวลานี้เขาสูงน้อยกว่าฉู่ซีห่าวหนึ่งช่วงศีรษะ รูปร่างแบบบางกว่าสักหน่อยเมื่อเทียบกับแม่ทัพหนุ่มซึ่งบึกบึนสมชายชาตรี“มีข้าอยู่ ท่านปู่ย่อมสบายที่สุด เจ้าวางใจเถิดอิ่นจื่อ ข้าไม่มีทางปล่อยให้ท่านปู่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   3/3 เข้าหา

    เหยาอี้เหยาพยายามรักษาสีหน้าสงบเอาไว้เมื่อกงจิ้งกับจางลี่กลับมาแล้ว“ฉู่ซื่อจื่อพูดอันใดกับเจ้าบ้าง”“เขาอนุญาตให้ข้าอยู่ที่จวนได้ ทั้งยังกล่าวยินดีต้อนรับ”“ง่ายเช่นนี้เลย” คนอย่างฉู่ซีเย่ ใช่ว่าใครก็สั่งได้“ก็ไม่ง่ายนัก เขาคงมีแผนรับมือแล้วเป็นแน่” ไม่มีทางที่ฉู่ซีเย่จะไม่รู้ว่านางคือสายของไท่จื่อ สายตาของเขาบอกนางว่าเขารู้ดี แต่เกียจคร้านที่จะปฏิเสธจึงเล่นตามบทไปเท่านั้น“ฉู่ซื่อจื่อสติปัญญาเหนือสามัญ เขาย่อมรู้แน่อยู่แล้ว”“แล้วแผนนี้จะได้ผลหรือ ข้าว่า…” เหยาอี้เหยากำลังจะเสนอแผนการอื่นที่นางไม่ต้องเสี่ยงตาย แต่เวลานั้นเอง เสียงม้าด้านนอกจวนพลันดังขึ้น นางฟังจากเสียงบดของล้อกับพื้นหินแล้ว ไม่ได้มาคันเดียวเสียด้วยจวนสกุลฉู่ ไม่ใช่สถานที่ซึ่งคนทั่วไปจะแวะเวียนมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ แต่เป็นสถานที่และอาณาเขตปกครองส่วนบุคคล แล้วต้องเป็นผู้ใด ถึงได้มาเยือนในเวลาเช่นนี้“ใครมากัน”เหยาอี้เหยาปีนขึ้นโต๊ะเพื่อดูขอบกำแพง เรือนหลังนี้อยู่ห่างจากกำแพงไม่มาก จึงพอมองเห็นความเป็นไปด้านนอกกำแพง นางยืดตัวขึ้นเห็นหลังคารถม้าที่คุ้นตาตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน “รถม้าของเจ้าเมืองฉู่มาอยู่ที่นี้ได้ยังไง”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18

บทล่าสุด

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   23/2 ความรักที่สุกงอม

    ฤดูใบไม้ผลิของแดนเหนืออบอุ่นและงดงาม ต้นไม้ที่หลับใหลในฤดูเหมันต์ผลิใบอ่อน แสงแดดลอดเงาผ่านช่องว่างต้นถั่วแดงเข้ามาเป็นลำแสง ต้นถั่วแดงหงฉู่โตวเป็นไม้ยืนต้นที่ใช้เวลาหลับใหลในฤดูหนาวเช่นกัน แต่เพราะมันเติบโตในแดนใต้ที่อากาศอุ่น ก่อนจะถูกขุดล้อมแล้วย้ายขึ้นมาที่เมืองโจวอี้ ต้นถั่วแดงจึงเจริญเติบโตขึ้นมาก เหยาอี้เหยามักจะมารดน้ำต้นถั่วด้วยตนเอง นางจำได้ว่าช่วงสามปีแรก ต้นถั่วโตช้ายิ่ง จนกระถางเล็กๆ ยังโตไม่เต็ม ครั้นลงดินที่อำเภอซานถง เพียงไม่นานก็สูงเอาๆ แต่พอมาคิดดู เหยาอี้เหยาคิดว่าสาเหตุที่ต้นถั่วโตช้าตอนอยู่ในกระถาง เพราะพื้นที่ไม่พอ สารอาหารขาดแคลน พอได้รับแสงแดด สายลม พื้นที่เหมาะสม พริบตาเดียวก็สูงขึ้นจนต้องแหนหน้ามองแล้ว ร่มเงาของกิ่งก้านที่แผ่ขยายออกเป็นพุ่มงาม ใบไม้เสียดสีเบาๆ ราวกับกำลังอวยพรให้นาง เหยาอี้เหยาพนมมือรับพรด้วยน้ำตา แต่คำอวยพรบางอย่างก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้... “อยู่นี่เอง” ฉู่ซีเย่เดินเข้ามาบริเวณสวนดอกไม้ ตรงกลางมีต้นถั่วยืนต้นโดดเด่น ใต้ร่มเงามีหญิงงามในชุดผ้าคลุมตัวยาว ช่วงนี้อากาศเริ่มร้อนแล้ว กระนั้นเหยาอี้เหยาก็ยังสวมชุดฤดูหนาว “ท่านหาข้าอยู่หรือ” เ

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   23/1 ความรักที่สุกงอม

    เดินทางจากอำเภอซานถงถึงแดนเหนือใช้เวลาสองสัปดาห์ เหยาอี้เหยาตกลงใจใช้ชีวิตอยู่กับฉู่ซีเย่ บางวันหวานชื่น บางวันรักร้อนแรง หรือทะเลาะกันบ้าง เพราะนางอยากออกไปทำงานสำรวจสำมโนครัวแบบเมื่อก่อน เพราะอยู่เฉยๆ เบื่อเกินไปฉู่ซีเย่คัดค้านหัวชนฝา เขาไม่อยากให้นางออกไปทำงานข้างนอก กลัวว่าจะมีคนมาชมชอบนาง ก็นางงามขนาดนี้ มีแต่คนตาบอดเท่านั้นที่ไม่มอง“แน่ใจนะว่าท่านไม่อนุญาต”“แน่นอน”“งั้นคืนนี้ท่านไปนอนที่อื่น”ฉู่ซีเย่ลุกพรึ่บ “ไม่ได้”“ได้ ก็นี่ห้องข้า เสียก็แต่ว่าท่านจะยึดคืน” เหยาอี้เหยาลุกขึ้น นางคว้าหมอนและผ้าห่มของฉู่ซีเย่ออกไปทิ้งด้านนอกห้อง“อี้เหยา” ฉู่ซีเย่ตามไปเก็บแล้ววางที่เดิม ก่อนจะประกาศก้อง “คืนนี้ข้าจะนอนที่นี้”“ท่านอ๋อง ท่านไม่สิทธิ์รุกล้ำพื้นที่นะ ยิ่งเจ้าของไม่อนุญาต ยิ่งไม่ได้”“แล้วไง ใครสน” ฉู่ซีเย่นั่งลงบนเตียง เขาเอนนอนเอาแขนชันศีรษะ “ข้าพอใจจะนอนที่นี้”“ก็ได้ งั้นข้าจะไปนอนที่อื่น” เหยาอี้เหยาเดินไปที่ประตู ฉู่ซีเย่ดีดตัวลุกขึ้นมาขวาง เขายืนขวางประตู ก่อนจะถอนหายใจ เขายอมถอยให้นาง“เอาล่ะ พอก่อน มาคุยกันดีๆ เถอะ”“ก็ได้” เหยาอี้เหยาเห็นเขายอมถอย นางก็ถอยหนึ่งก้าว “

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   22/2 แก้แค้นสิบปีก็ไม่สาย

    “เจ้าต้องเข้าใจว่าข้าไม่อาจสบายใจได้ ตราบใดที่มีเจ้า” หย่งสวินกล่าวอย่างลำบากใจ แต่ดวงตากลับเฝ้ารอ ในใจคงจินตนาการวันที่ได้ฆ่าฉู่ซีเย่มานับครั้งไม่ถ้วน“คนที่คิดจะฆ่าข้า ไม่ตายดีสักคน” ฉู่ซีเย่ไม่กลัวว่าหย่งสวินจะเอาดาบแทงตน เพราะคนเหลี่ยมจัดอย่างหย่งสวิน ไม่เล่นในเกมที่ตกเป็นรอง“เจ้าต้องมีชีวิตอยู่นานๆ หน่อย จะได้รู้ว่าข้าจะได้ตายดีหรือไม่ แต่น่าเสียดาย คงไม่มีวันนั้นแล้ว” หย่งสวินยกดาบขึ้น ก่อนจะฟันใส่แขนขวาจนขาด เขาส่งเสียงร้องโหยหวน“ช่วยข้าด้วย! ต้าเป่ยอ๋องจะสังหารข้า!”ประตูท้องพระโรงเปิดออกในยามรุ่งสาง ฉู่ซีเย่ถูกคุมตัวออกมามุ่งหน้าไปยังลานประหารในโทษฐานลอบทำร้ายประมุขของประเทศ ความรีบร้อนในการประหารเขาทันที เป็นความต้องการของหย่งสวินคลื่นลมในวังเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างมั่นใจแน่แล้วว่าหย่งสวินจะได้เป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป ด้วยไท่จื่อก็สิ้นแล้ว หย่งมู่ที่กลัวตายก็รีบหอบผ้าหนีเอาตัวรอด ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้ากังขาหรือคัดค้านแม้เพียงนิดที่หย่งสวินคิดจะสังหารฉู่ซีเย่อย่างไรก็ตาม การประหารใช่จะทำได้เลยในทันที เพราะความวุ่นวายจากทางฝั่งของคนสนับสนุนไท่จื่อก็ไม่ยินยอมเช่นกัน

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   22/1 แก้แค้นสิบปีก็ไม่สาย

    “เจ้าไม่เป็นห่วงชายผู้นั้นของเจ้าหรือ”ชายผู้นั้นของกงจิ้ง ย่อมหมายถึงฉู่ซีเย่ “ได้ยินว่าทางวังกำลังเผชิญหน้ากับพายุใหญ่ ไม่แน่ว่าชายผู้นั้นของเจ้า อาจพบอันตรายร้ายแรง”“ก็อาจจะพบอันตราย แต่ข้าไม่ห่วงมากเท่าไหร่” นางล้างผัก ท่าทีผ่อนคลายกงจิ้งทำหน้าประหลาด เหยาอี้เหยาดูไม่ร้อนใจเท่าที่ควร“สามปี” เหยาอี้เหยาพูดขณะมองตรงไปหน้าผืนนา “เขาใช้เวลาสามปีวางแผนแก้แค้น ดังนั้นข้าจึงเชื่อมั่นว่าเขาจะไม่เป็นอะไร ต่อให้ถูกใครคิดปองร้าย ทุกอย่างก็อยู่ในการคาดเดาของเขา”กงจิ้งมองนาง “เป็นเจ้าที่เข้าใจเขาอย่างลึกซึ้ง”“ความจริงข้าไม่เข้าใจเขาหรอก ใครจะกล้าพูดว่าเข้าใจเขาได้”กงจิ้งเห็นด้วย “ข้าแปลกใจเสมอที่รู้ว่าเขาไม่อยากเป็นหนึ่งในผู้ชิงบัลลังก์"“ข้าไม่แปลกใจ”“เพราะอะไร” ขอเพียงมีใจนึกอยาก ไม่ใช่ว่าจะชิงมาไม่ได้“เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์และยโสโอหังมาก แต่ก็เป็นคนที่รักษาคำสัตย์ยิ่งชีพมากเช่นกัน อะไรที่รับปากคนอื่นไว้แล้ว ต่อให้ดินถล่มฟ้าแหวกออก เขาก็จะทำให้ได้ ในงานพิธีรับตำแหน่งต้าเป่ยอ๋อง เขาชัดเจนแล้วว่าเลือกแดนเหนือ”“เข้าใจแล้ว”ฉู่ซีเย่ไม่ได้ให้คำสัตย์ว่าจะไม่ชิงบัลลังก์ แต่เขาให้คำสัตย์ว่าจะตา

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   21/2 ความรักที่งอกงาม

    ต้าหย่ง...ชายเสื้อปักดิ้นทองเคลื่อนไหวเพียงบางเบา แต่สามารถทำให้ตะเกียงบนโต๊ะด้านหน้าสั่นไหว เงาใหญ่ยักษ์ที่ทอดลงหลังฉากพระที่นั่งวิจิตรงดงาม แลดูแปลกตา ยิ่งเมื่อขยับเคลื่อนไหว เงาสีดำยิ่งชวนให้รู้สึกขนกายลุกพองหย่งฉียังคงทรงงานแม้จะค่อนคืนเข้าไปแล้ว พระขนงมีมีร่องรอยยับย่น หมึกเปื้อนพระหัตถ์เป็นปื้นสีดำทั้งสองข้าง ลามไปถึงชายแขนเสื้อที่ถูกหมึกสีดำทำลายความประณีตลงหลายเท่าตัวหลังตั้งตรงเริ่มตกลู่ หย่งฉีในปีนี้อายุเพียงสี่สิบกว่าปี ทว่าความเคร่งเครียดและการตรากตรำอยู่ในตำแหน่งมายาวนานกว่าสามสิบปี ทำให้ใบหน้านั้นแก่ชรา ริ้วรอยแห่งวัยทอดแนวอยู่บนหน้าพระพักตร์หมองคล้ำ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลครั้นมองลงมาภายในโถงพระที่นั่งอันหนาวเหน็บและช่างว่างเปล่า หย่งฉีคล้ายจะยิ้มเย้ยให้ตนเองอย่างสมเพชข้าวของมากมายหล่นเกลื้อนกลาดแทบเท้า ทุกสิ่งทุกอย่างพังไม่เป็นชิ้นดี กระนั้นท้องพระโรงที่เละเทะเช่นนี้ ก็ยังเทียบไม่ได้กับภายในจิตใจของเขาหย่งฉีทิ้งพู่กันในมือ เขาส่งเสียงออกมาอย่างเหนื่อยล้าราวกับแทบขาดใจ“ขันทีโม่...”โม่หานยืนก้มหน้าตามระเบียบประเพณี ในมือมีพวงแส้ม้านุ่มสลวย ทองคำซึ่งหลอมอยู

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   21/1 ความรักที่งอกงาม

    เหยาอี้เหยา “ก่อนจะให้ท่านพูดอธิบาย อยากจะขอรบกวนให้ท่านอาบน้ำล้างตัวเสียหน่อย” กลิ่นสาบจากตัวเขาทำให้ภายในบ้านถูกกลิ่นบูดรมควัน ดังนั้นนางจึงนำเสื้อผ้าที่เขาทิ้งไว้คราวก่อนออกมาให้เขา พร้อมชี้ทางว่าสามารถไปอาบน้ำที่ลำธารใกล้กับแปลงผักจี๋ฉายได้ ทั้งยังรุนหลัง ให้เขาไปไวๆ ฉู่ซีเย่ไม่อิดออด เขาก็เริ่มได้กลิ่นจากตัวเองเช่นกัน “ได้ ข้าจะไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน หลังจากนั้นค่อยสนทนาเรื่องที่เข้าใจผิด” ถึงอย่างงั้นในใจของเขาก็มีความน้อยใจเล็กๆ ที่นางดูราวกับไม่ใส่ใจเขาเลย จะถามไถ่สักคำว่าเดินทางมาเหน็ดเหนื่อยหรือเปล่าก็ไม่มี ยังมีตบของนางอีก แม้แรงนางจะไม่ระคายผิวหนังหนาด้านของเขา แต่จิตใจบอบช้ำยิ่ง “ท่านอ๋อง” เหยาอี้เหยากล่าวรั้ง ใบหน้าคมกระหยิ่มยิ้มย่อง แต่เมื่อหันหน้ามาก็กลบเกลื่อนให้หมดสิ้น “ว่าอย่างไรรึ” ใบหน้าของฉู่ซีเย่ในตอนนี้สามารถพูดได้คำเดียวว่าเขาสำนึกผิดแล้ว “เมื่อครู่ข้าขอโทษที่ตบท่าน ท่านเจ็บมากหรือไม่” การตบตีเขาไม่เคยอยู่ในสมองนางมาก่อน แต่พอเห็นเขามายืนอยู่ตรงหน้า แรงอารมณ์ที่ถูกกดไว้ตลอดทั้งเดือนก็ปะทุ รู้ตัวอีกทีก็ตบเขาเสียฉาดใหญ่ “แรงเท่ามดของเจ้าจะทำอะไรข้าได้กัน”

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   20/3 เป็นแค่นางอุ่นเตียง

    การมาเยือนขององค์หญิงสิบเอ็ดเปลี่ยนบรรยากาศในบ้านไปในฉับพลัน มื้ออาหารที่ควรจะผ่อนคลายมีแต่ความเงียบงัน กงจิ้งลอบมองใบหน้าเหยาอี้เหยาด้วยความเห็นใจ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรเช่นกันกงจิ้งจำใบหน้าซีดเผือกของนางเมื่อเขากลับมาถึงบ้านได้ รวมทั้งสีหน้าสะอกสะใจขององค์หญิง ที่ได้เหยียมหยามนาง ทำเอากงจิ้งอยากไล่ตะเพิดไปไกลๆ“...” ลุงกู่เห็นเหยาอี้เหยาเศร้า ก็ตักน้ำแกงผักให้ชามใหญ่ เขาเอ็นดูนางมาก ไม่อยากเห็นนางเป็นทุกข์ใดๆเวลานั้นเอง เหยาอี้เหยาที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกลับหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะของนางใสกังวาน รอยยิ้มที่เผยกว้างบ่งบอกว่านางไม่ได้เสแสร้ง แต่นางกำลังหัวเราะอย่างจริงใจ“เจ้าหัวเราะอะไร”หรือเสียใจจนเสียสติไปแล้ว?“ข้าเปล่านะ ข้าปกติดี” เหยาอี้เหยายกชามน้ำแกงดื่มจนหมดรวดเดียวก่อนจะยิ้มอีกรอบ “ข้าแค่ดีใจนะ ที่วันนี้แสดงละครได้ดี”กงจิ้งและลุงกู่พากันขมวดคิ้วเหยาอี้เหยาเฉลย “ข้ารู้เรื่องนางอยู่แล้ว แต่คิดว่าถ้าทำเป็นรู้อยู่แล้ว นางคงไม่พอใจเท่าไหร่ จนอาจจะลงไม้ลงมือกับข้าก็ได้”กงจิ้ง “แสดงว่าเมื่อครู่เจ้าแสดงละคร”“ก็ไม่ทั้งหมดนะเจ้าคะ ความจริงก็เจ็บอยู่” แรกทีเดียวนางก็แสดงละคร แต่หลั

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   20/2 เป็นแค่นางอุ่นเตียง

    “อดทนเพื่อข้าได้หรือไม่…” ฉู่ซีเย่จูบไซ้กลีบปากบางที่สั่นระริก ปลายจมูกคลอเคลียปลอบโยน เขาอดทนเพื่อให้นางเปิดใจ ต่อให้ร่างกายใกล้จะระเบิดเต็มที“งั้น…งั้นช้าๆ นะ” นางเห็นเม็ดเหงื่อผุดพราวทั่วใบหน้าเขา รวมทั้งสันกรามที่ถูกขบกัดจนนูน บ่งบอกว่าเขาเองก็ต้องอดทนมากเช่นกัน“แน่นอน…” ฉู่ซีเย่ไม่บุ่มบ่าม เขาค่อยๆ กดตัวตนเข้าไปหานางอย่างละมุนละม่อน ถึงยังงั้นเอวบางก็ขยับหนีตามสัญชาตญาณ เขาจึงรั้งเรียวขานางไว้แรงเสียดทานจากท่อนกายอันเข้มแข็งทำให้ความอ่อนนุ่มต้องเผชิญกับความท้าทายอันใหญ่หลวงความเจ็บร้าวที่แผ่ซ่านคลี่คลุมจนตัวชา ถึงอย่างนั้นจุมพิตขอโทษจากเขาก็ทำให้นางอดทน พร้อมโอบรับความแข็งแกร่งของเขาทั้งหมดสองมือเรียวเกาะไหล่หนา สองขาเรียวอยู่ระห่างเอวสอบที่กำลังเคลื่อนไหว“ท่าน…อื้อ!”“อีกนิดนะ…” เสียงเขาแหบพร่า ริมฝีปากงับไล่ติ่งหูสะอาด เขาโอบรัดคลุกเคล้ากับร่างกายนางทุกตารางนิ้ว“ได้…” นางสัมผัสได้ถึงความใส่ใจของเขา จึงเปิดเปลือยทุกความกังวลลง รองรับแก่นกายใหญ่โตเข้ามา“อี้เหยา…” แรงตอดรัดจากนางทำฉู่ซีเย่กลืนน้ำลายครั้งแล้วครั้งเล่า เขารวบเอวนางให้กดต่ำ สอดตัวเข้าไปหานาง…ไม่รุนแรง แต่นางห

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   20/1 เป็นแค่นางอุ่นเตียง

    “ซ่างเจวี๋ยไม่เป็นอะไรแล้ว “ฉู่ซีเย่พูด ถอนเข็มที่ปักอยู่ทั่วร่างออก เว้นเข็มบริเวณหน้าผาก เพื่อให้หลับต่อไป “แต่ก็อย่างที่เห็น ตอนนี้นางไม่สามารถใช้ชีวิตเร่ร่อนแล้วฝากยาไว้กับสำนักคุ้มภัยอีกแล้ว แบบนั้นไม่ปลอดภัย ดังนั้นเพื่อผลประโยชน์ของนางเอง ข้าแนะนำให้ส่งนางขึ้นเหนือ”กงจิ้งตอบ “ข้าเห็นด้วย แบบนั้นคงปลอดภัยกว่า”“แต่ทางเหนือหนาวเกินไป แม่ทัพซ่างจะไม่เป็นอะไรหรือ” ในฐานะที่เหยาอี้เหยามีประสบการณ์ตอนพิษกำเริบมาก่อน นางรู้ซึ้งดีเลยว่า อากาศหนาวของเเดนเหนือ ทำให้ทุกข์ทรมานเพิ่มอีกหลายเท่าแล้วพิษแมลงคุณไสยก็ยิ่งไม่ถูกกับอากาศหนาวอย่างยิ่ง นี่จึงอาจเป็นเหตุผลที่ซ่างเจวี๋ยเร่ร่อนไปทั่วทางใต้เพื่อลี้ภัยอากาศหนาว“เป็นแน่ แต่ไม่ตายหรอก” ฉู่ซีเย่ย้ำให้เห็นความจริง "นางจะตายถ้ายังเร่ร่อนอยู่ที่นี่มากกว่า"“ท่านอ๋อง ท่านยังไม่พบวิธีแก้พิษแมลงคุณไสยหรือ ข้าไม่อยากเห็นแม่ทัพซ่างบาดเจ็บอีกแล้ว”“เงื่อนไขของนางไม่เหมือนของเจ้า” ฉู่ซีเย่มองนาง “แต่เจ้าวางใจเถอะ แมลงในตัวซ่างเจวี๋ยว่าง่ายกว่าตอนอยู่ในตัวเจ้า ตราบใดที่กินยาเสมอไม่ขาด จะไม่ส่งผลร้ายใดๆ”เมื่อพูดถึงเรื่องกินยาอย่างสม่ำเสมอแล้ว ดูเหม

DMCA.com Protection Status