แชร์

21/1 ความรักที่งอกงาม

ผู้เขียน: แอปเปิลโซดา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-18 16:25:23

เหยาอี้เหยา “ก่อนจะให้ท่านพูดอธิบาย อยากจะขอรบกวนให้ท่านอาบน้ำล้างตัวเสียหน่อย”

กลิ่นสาบจากตัวเขาทำให้ภายในบ้านถูกกลิ่นบูดรมควัน

ดังนั้นนางจึงนำเสื้อผ้าที่เขาทิ้งไว้คราวก่อนออกมาให้เขา พร้อมชี้ทางว่าสามารถไปอาบน้ำที่ลำธารใกล้กับแปลงผักจี๋ฉายได้ ทั้งยังรุนหลัง ให้เขาไปไวๆ

ฉู่ซีเย่ไม่อิดออด เขาก็เริ่มได้กลิ่นจากตัวเองเช่นกัน “ได้ ข้าจะไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน หลังจากนั้นค่อยสนทนาเรื่องที่เข้าใจผิด”

ถึงอย่างงั้นในใจของเขาก็มีความน้อยใจเล็กๆ ที่นางดูราวกับไม่ใส่ใจเขาเลย จะถามไถ่สักคำว่าเดินทางมาเหน็ดเหนื่อยหรือเปล่าก็ไม่มี

ยังมีตบของนางอีก แม้แรงนางจะไม่ระคายผิวหนังหนาด้านของเขา แต่จิตใจบอบช้ำยิ่ง

“ท่านอ๋อง” เหยาอี้เหยากล่าวรั้ง ใบหน้าคมกระหยิ่มยิ้มย่อง แต่เมื่อหันหน้ามาก็กลบเกลื่อนให้หมดสิ้น

“ว่าอย่างไรรึ” ใบหน้าของฉู่ซีเย่ในตอนนี้สามารถพูดได้คำเดียวว่าเขาสำนึกผิดแล้ว

“เมื่อครู่ข้าขอโทษที่ตบท่าน ท่านเจ็บมากหรือไม่” การตบตีเขาไม่เคยอยู่ในสมองนางมาก่อน แต่พอเห็นเขามายืนอยู่ตรงหน้า แรงอารมณ์ที่ถูกกดไว้ตลอดทั้งเดือนก็ปะทุ รู้ตัวอีกทีก็ตบเขาเสียฉาดใหญ่

“แรงเท่ามดของเจ้าจะทำอะไรข้าได้กัน” พูดกันตามความสัตย์จริงแล้วแรงของนางไม่สะเทือนเขาจริงๆ อีกทั้งฉู่ซีเย่ไม่ได้โกรธเคืองที่นางตบเขา เพราะยิ่งนางโมโหหรือรู้สึกแย่เพียงใด นั่นแสดงให้เห็นว่านางรักเขามากกว่าหลายเท่า

“รอยยิ้มดีใจของท่านนี่อะไรกัน” เหยาอี้เหยาคิดว่าเขาคงจะไม่พอใจที่นางตบเขาเป็นแน่แท้ แต่เขากลับยิ้ม แม้จะไม่ใช่รอยยิ้มกว้างอะไร แต่แววตาเขาเปล่งประกายเจิดจ้า

“เคยมีคนบอกข้าว่ายิ่งสตรีตบตีแรงเพียงใด นั่นย่อมหมายความว่านางรักมากเท่านั้น”

“ข้าตบท่านเพราะโมโหต่างหาก”

“แล้วทำไมถึงโมโหเล่า ก็เพราะรักไม่ใช่หรือ?” เขาขยับเท้าเข้าหานาง ในสายตามีเพียงแค่นาง เขายกมือบอบบางที่ใช้ตบเขาขึ้นมาจุมพิตอย่างอบอุ่น พร้อมทอดถอนหายใจอย่างเจ็บปวดเมื่อนึกว่ามือนางต้องเจ็บเป็นแน่ที่ตบเขา “มือเจ้าแดงไปหมดแล้ว เจ็บมากหรือไม่ หืม? เจ็บซินะ หน้าข้าคงด้านหยาบเกินไป”

“ไม่เลย ไม่เจ็บเจ้าค่ะ”

“ให้ข้าดูหน่อยนะ” ฉู่ซีเย่ไม่พูดเปล่า เขาคลึงมือนางเบาๆ ก่อนจะค่อยๆ บรรจงใช้ริมฝีปากจุมพิตตั้งแต่ปลายนิ้ว ไล่มาทีละข้ออย่างตั้งใจ แววตาเขาหลงใหลคลั่งไคล้นิ้วมืออ่อนนุ่มที่เล็กจ้อย บางจังหวะหากนางไม่ขยับหนีเพราะรู้สึกจักจี้ เขาต้องได้กลืนเข้าไปแน่

“มือไม่สะอาด…” เหยาอี้เหยาหน้าแดงก่ำ นางอยากดึงมือออกมา แต่เขากุมไว้อย่างเหนียวแน่น

“สะอาดนะ หอมด้วย”

เขาดื้อดึงที่จะจับมือนางต่อไป ก่อนจะเอ่ยขอโทษ “อี้เหยา ข้าขอโทษที่ไม่ได้บอกเจ้าก่อน ทำให้เจ้ากลายเป็นตัวตลกในสายตาผู้อื่น แต่อี้เหยา ข้าไม่ได้สนใจองค์หญิงสิบเอ็ดเลย ในสายตาข้า ในหัวใจข้า มีแค่เจ้าคนเดียว”

“รู้แล้ว…” นางจะทำอะไรได้อีกเมื่อต้องเผชิญกับแววตาที่เว้าวอนของเขา กระทั่งจะดึงมือกลับมายังยาก

“ข้าดีใจที่เจ้ายอมฟังและเชื่อใจข้า” ฉู่ซีเย่โอบเอวบาง เขาอยากจะจุมพิตนางสักครั้งเหลือเกิน

เร็วเท่าความคิด มือแกร่งเคลื่อนไปรั้งไหล่บอบบางเข้ามาชิด ก่อนจะประกบริมฝีปากลงบนเรียวปากอิ่มที่คิดถึงมานานแสนนาน

เหยาอี้เหยาจุมพิตตอบ ก่อนจะผละออก นัยน์ตานางฉ่ำปรือ ริมฝีปากแวววาว

“ท่านต้อง…อาบน้ำก่อน”

“ได้” ฉู่ซีเย่ไม่รั้งรออ้อยอิ่งอีก เขารีบไปอาบน้ำแล้วกลับมาหานาง

“ข้ากลับมาแล้ว” หลังหายไปหนึ่งเค่อ ฉู่ซีเย่ก็สลัดคราบชายหนุ่มสุดโสมม แล้วกลายเป็นท่านอ๋องในบัดดล กลิ่นหอมฟุ้งไม่เหม็นสาบแบบเมื่อครู่

พูดถึงเรื่องกลิ่น ฉู่ซีเย่เหมือนได้กลิ่นน้ำแกงไก่ แล้วเขาก็ได้คำตอบในสิ่งที่สงสัย เมื่อเหยาอี้เหยาในผ้ากันเปื้อนสีอ่อน เดินถือชามน้ำแกงไก่ออกมาจากในครัว

“ท่านมานี่เร็ว ข้าตุ๋นน้ำแกงไก่ไว้ให้ท่านหนึ่งหม้อ”

“ไม่เห็นต้องลำบาก” เขาเพียงวางท่าไม่หิว แต่กระเพาะส่งเสียงดังไม่เบาจนน่ากลัวว่านางอาจจะได้ยินเข้า

“ไม่ลำบากเจ้าคะ มาเร็ว ประเดี๋ยวเย็นชืดแล้วจะไม่อร่อย”

ฉู่ซีเย่หัวใจอุ่นซ่าน เขาจำไม่ได้แล้วว่าได้กินอาหารฝีมือของตนในครอบครัวครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่

ช่างนานจนเขาจดจำไม่ได้แล้ว

“เรื่องกินไว้ทีหลังก็ได้ ข้าอยากจะอธิบายกับเจ้าก่อน” ฉู่ซีเย่ไม่อยากให้นางมองเขาในแง่ร้าย จึงอยากจะรีบอธิบายเรื่องราวทุกอย่างให้ชัดเจน

“กินไปด้วย อธิบายไปด้วยก็ได้นี่เจ้าคะ เล่าเหนื่อยก็พักกินน้ำแกง พักกินไก่ จะได้รื่นคอด้วย”

“เอาเช่นนั้นหรือ”

เหยาอี้เหยาหยิบช้อนใส่มือเขา “เอาเช่นนี้แหละเจ้าค่ะ”

“งั้นกินหนึ่งคำก่อนนะ”

เหยาอี้เหยาพยักหน้ายิ้มๆ ครั้นฉู่ซีเย่ตักน้ำแกงไก่และกัดเนื้อสะโพกเข้าปาก ม่านตาก็ขยายออกด้วยความพอใจ

“รสชาติวิเศษมาก! อร่อยที่สุด”

เหยาอี้เหยาหัวเราะ พึ่งเคยได้เห็นด้านที่เป็นเด็กน้อยเช่นนี้ของเขา “งั้นทานเยอะๆ นะเจ้าคะ ทานให้หมดแล้วค่อยอธิบายก็ได้”

ฉู่ซีเย่พยักหน้า เขาก้มหน้าลงกินไก่ตุ๋นพร้อมซดน้ำแกงด้วยความเอร็ดอร่อย จวบจนยกซดหมดทั้งหม้อ ก็ได้เวลาเริ่มต้นเรื่องราวแล้วว่าทำไม เขาถึงยอมรับหมั้นหมายกับองค์หญิง

“ที่ข้ายอมรับหมั้นหมายกับองค์หญิงสิบเอ็ด ก็เพื่อแลกกับการไม่ให้หย่งฉีลงทัณฑ์เจ้า ตลอดสามปีมานี้ข้ายอมให้เขากดขี่ไม่เบาเลยล่ะ”

“เพราะข้าอีกแล้วหรือ?”

“ไม่ใช่เพราะเจ้าอย่างเดียว” ฉู่ซีเย่จับมือนาง “ที่จริงข้ายอมเป็นลูกแกะให้หย่งฉีหยอกเล่น เพราะรอสบโอกาสแก้แค้นอย่างสาสม”

ใต้หล้านี้ ไม่มีใครกล้าเรียกพระนามของฝ่าบาทด้วยชื่อจริง เว้นแต่ฉู่ซีเย่ และบางทีเขาก็เติมคำว่าสุนัขท้ายชื่อด้วย

“ท่านคิดจะแก้แค้นหรือ”

“เจ้าคิดไม่ควรหรือ ข้าต้องสูญเสียครอบครัวทั้งหมด ท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านแม่ ท่านลุง ท่านอา อาสะใภ้…ข้าสูญเสียมากถึงเพียงนี้ ย่อมต้องแก้แค้นอยู่แล้ว” เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ มือใหญ่ที่กุมมือเล็กเผลอบีบแน่น แต่เหยาอี้เหยาไม่ต่อว่าอะไร ทั้งยังพลิกมือขึ้นมากุมมือเขาไว้

“สมควร ท่านทำถูกแล้ว” บนโลกใบนี้ไม่อาจใช้ชีวิตในทุ่งดอกไม้ได้ ในเมื่อแผ่นดินเต็มไปด้วยความจริงอันเลวร้าย เหยาอี้เหยาเองก็ไม่อาจลืมฝันร้ายที่สมรภูมิเมื่อสามปีก่อน ความโหดร้ายของกลเกมการเมือง ความเลือดเย็นที่ยอมแลกทุกชีวิตเพื่ออำนาจบนบัลลังก์ แล้วฉู่ซีเย่ที่ถูกโศกนาฏกรรมถาโถมมาตลอดชีวิตจะไม่แค้นได้หรือ

หย่งฉี…ฮ่องเต้ผู้นี้ต้องได้รับบทเรียนสนองกลับบ้าง

ฉู่ซีเย่มองนางด้วยความขอบคุณที่เข้าใจเขา

“สามปีมานี้ข้าวางหมากทุกอย่างไว้แล้ว อีกไม่กี่วัน ทุกอย่างจะเรียบร้อย”

แผนการตลอดสามปีได้เวลาสิ้นสุดแล้ว ฉู่ซีเย่ทุ่มเททุกวินาทีเพื่อแก้แค้นหย่งฉี เดิมพันทุกอย่างเพื่อถอนรากถอนโค่นอำนาจเดิมที่แสนชั่วร้าย จนอาจเรียกได้ว่าหากไม่ใช่หย่งฉีที่พ่ายแพ้จนตาย ก็ต้องเป็นฉู่ซีเย่ที่จบสิ้น

“มีอะไรที่ข้าพอจะช่วยท่านบ้างได้ไหม”

“เป็นกำลังใจให้ข้าก็พอ เพราะเจ้าสำคัญที่สุด” ในช่วงเวลาที่สภาพจิตใจพังทลายที่สุด ทุกครั้งที่นึกถึงนาง เขาก็สามารถกัดฟันผ่านไปได้

“เช่นนั้นข้าจะอยู่ตรงนี้ รอคอยท่านกลับมารับข้า แล้วเรากลับเมืองโจวอี้ด้วยกันนะเจ้าคะ”

ฉู่ซีเย่มองนางอย่างรักใคร่ ปลายจมูกโด่งแตะแต้มแก้มนวลหอมกรุ่น “อี้เหยา เจ้าอยากเป็นฮองเฮาไหม”

คำพูดนี้ไม่อาจพูดตอบตามใจ เหยาอี้เหยามองสบตาคมที่สื่อออกมาอย่างชัดเจนว่าถ้านางตอบว่าอยากเป็นฮองเฮา ต่อให้จะพูดเล่นไม่จริงจัง เขาก็พร้อมชิงมาให้นางทันที เหงื่อกลางฝ่ามือนางเริ่มผุด เพราะนางรู้ดีว่าเขามีสิทธิ์ในบัลลังก์ยิ่งกว่าใคร รวมทั้งเขาคงมีหนทางจะทำได้จึงเอ่ยถาม

ในใจนางอยากรู้ว่าเขาอยากชิงบัลลังก์ด้วยหรือ

“ข้าไม่เคยคิดถึงการเป็นฮองเฮาแม้แต่น้อย ดังนั้นจึงไม่อยากเป็น แล้วท่านเล่า อยากชิงบัลลังก์หรือไม่”

ฉู่ซีเย่ไม่ตอบคำถาม “เจ้านี่แปลก ใครๆ ก็อยากเป็นฮองเฮา แต่เจ้ากลับไม่อยาก”

“ท่านอ๋อง” นางอยากให้เขาตอบคำถาม “ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่”

“เจ้าวางใจได้ ข้าน่ะ…” ฉู่ซีเย่มองตรงไปยังเทียนซึ่งส่องสว่าง วงรอบความสว่างคับแคบเมื่อเทียบกับตะเกียงที่สว่างไสวกว่า

แต่ไม่รู้เพราะความสว่างอันโชติช่วงหรือไม่ แมลงมากมายจึงตอมจนน่ารำคาญ

อย่างที่เขาพูด ยิ่งส่องสว่างมากเพียงใด ยิ่งล่อแมลงและปัญหามามากเท่านั้น

“ข้าไม่สนใจบัลลังก์หรอก มันน่ารำคาญเกินไป อีกอย่างมีคนอยากฆ่าข้ามากพอแล้ว จะเอาตนเองเข้าไปในสนามให้พวกแร้งกาจิกทึ้งอีกทำไม”

เหยาอี้เหยาผ่อนลมหายใจอย่างสบายใจ “ข้าดีใจที่ท่านจะเป็นท่านอ๋องของข้าตลอดไป”

นัยน์ตาฉู่ซีเย่พราวระยับ “ของเจ้าซิ แน่นอนว่าข้าเป็นของเจ้า”

“ท่านอ๋อง…” เหยาอี้เหยาเผลอครู่เดียว นางก็ตกอยู่ในอ้อมแขนแข็งแกร่ง

“ว่าอย่างไร” เขาเอ่ย ริมฝีปากคลอเคลียซุกไซ้ลำคอระหง กลิ่นกายนางเป็นสิ่งที่เขามัวเมา รวมทั้งผิวกายเนียนนุ่มที่เผยออกมาจากเอี๊ยมตัวใน ช่างสร้างอารมณ์ได้อย่างไม่รู้จบสิ้น

“ต้องไปที่เตียงก่อนหรือไม่” นางเริ่มใจกล้าขึ้นแล้ว พร้อมให้ความร่วมมือในการปลดเปลื้องเสื้อผ้า

“ไม่ใช่ที่เตียงก็ทำได้” เขาระรานเรียวปากบาง บดขยี้เป็นบางครั้งเพื่อระบายความร้อนที่อัดแน่นภายใน แต่ยิ่งสัมผัสมากขึ้น เขายิ่งต้องการนางมากขึ้นเรื่อยๆ

“อื้อ…” เขาจุมพิตนางได้ไม่รู้เบื่อ ทั้งยังสามารถบริหารพื้นที่บนโต๊ะกินข้าวได้อย่างชำนาญ

“ท่านอ๋อง…” นัยน์ตานางฉ่ำวาว เมื่อปากร้อนๆ แหวกผ่านเอี๊ยมตัวบางเข้ามาชกชิมหยอกเอิน เขาลากลิ้นร้อนผ่านเนินอกขาวผ่อง วนไล้ตามฐานทรวงที่เต่งตึง ก่อนจะตรงเข้าจู่โจมยอดอกสีชมพูระเรื่อ

“อะ…อา!” นางไม่ได้อยากหวีดร้อง แต่ลิ้นร้อนที่เร้ารึงทรวงอกทำนางใจหวิว หนวดเคราที่ไม่ได้จัดการโกนของเขาขูดไปตามผิวกายใสบาง นางตัวสั่นระริกไปกับสัมผัสแสนร้อนแรงของเขา

“อี้เหยา นับวันเจ้ายิ่งงดงามจับใจข้า” เขาโอบรั้งนางขึ้นมารับจุมพิตเผ็ดร้อน มือแกร่งลูบไล้สัมผัสผิวกายเนียนละเอียด ก่อนจะวกกลับมาฟ้อนเฟ้นทรวงอกอิ่ม ทว่ามืออีกข้างที่ว่างเว้นก็เริ่มไต่ลงไปวุ่นวายตรงสายคาดเอว

“ให้ข้านะ…” เสียงเขาเจือความแหบพร่าปนร้องขอ

“เป็นของท่านอยู่แล้ว…” เหยาอี้เหยายกตัวขึ้น เขารูดกระโปรงผ่านเรียวขาไปอย่างง่ายดาย

ฉู่ซีเย่ปลดกางเกงของตนเองง่ายๆ ด้วยการกระตุกเชือกครั้งเดียว เขาแนบริมฝีปากลงไปปลอบขวัญนางที่กำลังสะเทิ้นอาย

“อา…”

แก่นกายร้อนจัดเสียดสีอยู่บริเวณต้นขาด้านใน เอวสอบที่เปลือยเปล่าผ่าวร้อนไม่ต่างกัน เหยาอี้เหยาหายใจถี่ เลือดในร่างกายเดือดพล่าน เพราะโหยหาการเติมเต็ม

ฉู่ซีเย่ไม่ปล่อยให้นางต้องรอนาน เขาโอบนางเข้าหา แทรกผ่านความแข็งแกร่งที่ร้อนระอุเพื่อเติมเต็มนาง

“อี้เหยา…” เขาครางระโหย ความคับแน่นกำลังทรมานเขา

“ท่านอ๋อง อ๊า!” เหยาอี้เหยาขยับเอวเข้าหา ฉู่ซีเย่จับเอวนางให้มั่น เขาดุนดันสอดประสานกับจังหวะนาง

“อา…อี้เหยา” เขาก้มลงกัดกลีบปากบางเบาๆ ก่อนจะใช้ลิ้นไล้เลียอกอิ่ม ขณะที่ขยับเอวสอบเข้าหานางอย่างบ้าคลั่ง

“อ๊ะ! อา! อ๊า!”

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   21/2 ความรักที่งอกงาม

    ต้าหย่ง...ชายเสื้อปักดิ้นทองเคลื่อนไหวเพียงบางเบา แต่สามารถทำให้ตะเกียงบนโต๊ะด้านหน้าสั่นไหว เงาใหญ่ยักษ์ที่ทอดลงหลังฉากพระที่นั่งวิจิตรงดงาม แลดูแปลกตา ยิ่งเมื่อขยับเคลื่อนไหว เงาสีดำยิ่งชวนให้รู้สึกขนกายลุกพองหย่งฉียังคงทรงงานแม้จะค่อนคืนเข้าไปแล้ว พระขนงมีมีร่องรอยยับย่น หมึกเปื้อนพระหัตถ์เป็นปื้นสีดำทั้งสองข้าง ลามไปถึงชายแขนเสื้อที่ถูกหมึกสีดำทำลายความประณีตลงหลายเท่าตัวหลังตั้งตรงเริ่มตกลู่ หย่งฉีในปีนี้อายุเพียงสี่สิบกว่าปี ทว่าความเคร่งเครียดและการตรากตรำอยู่ในตำแหน่งมายาวนานกว่าสามสิบปี ทำให้ใบหน้านั้นแก่ชรา ริ้วรอยแห่งวัยทอดแนวอยู่บนหน้าพระพักตร์หมองคล้ำ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลครั้นมองลงมาภายในโถงพระที่นั่งอันหนาวเหน็บและช่างว่างเปล่า หย่งฉีคล้ายจะยิ้มเย้ยให้ตนเองอย่างสมเพชข้าวของมากมายหล่นเกลื้อนกลาดแทบเท้า ทุกสิ่งทุกอย่างพังไม่เป็นชิ้นดี กระนั้นท้องพระโรงที่เละเทะเช่นนี้ ก็ยังเทียบไม่ได้กับภายในจิตใจของเขาหย่งฉีทิ้งพู่กันในมือ เขาส่งเสียงออกมาอย่างเหนื่อยล้าราวกับแทบขาดใจ“ขันทีโม่...”โม่หานยืนก้มหน้าตามระเบียบประเพณี ในมือมีพวงแส้ม้านุ่มสลวย ทองคำซึ่งหลอมอยู

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   22/1 แก้แค้นสิบปีก็ไม่สาย

    “เจ้าไม่เป็นห่วงชายผู้นั้นของเจ้าหรือ”ชายผู้นั้นของกงจิ้ง ย่อมหมายถึงฉู่ซีเย่ “ได้ยินว่าทางวังกำลังเผชิญหน้ากับพายุใหญ่ ไม่แน่ว่าชายผู้นั้นของเจ้า อาจพบอันตรายร้ายแรง”“ก็อาจจะพบอันตราย แต่ข้าไม่ห่วงมากเท่าไหร่” นางล้างผัก ท่าทีผ่อนคลายกงจิ้งทำหน้าประหลาด เหยาอี้เหยาดูไม่ร้อนใจเท่าที่ควร“สามปี” เหยาอี้เหยาพูดขณะมองตรงไปหน้าผืนนา “เขาใช้เวลาสามปีวางแผนแก้แค้น ดังนั้นข้าจึงเชื่อมั่นว่าเขาจะไม่เป็นอะไร ต่อให้ถูกใครคิดปองร้าย ทุกอย่างก็อยู่ในการคาดเดาของเขา”กงจิ้งมองนาง “เป็นเจ้าที่เข้าใจเขาอย่างลึกซึ้ง”“ความจริงข้าไม่เข้าใจเขาหรอก ใครจะกล้าพูดว่าเข้าใจเขาได้”กงจิ้งเห็นด้วย “ข้าแปลกใจเสมอที่รู้ว่าเขาไม่อยากเป็นหนึ่งในผู้ชิงบัลลังก์"“ข้าไม่แปลกใจ”“เพราะอะไร” ขอเพียงมีใจนึกอยาก ไม่ใช่ว่าจะชิงมาไม่ได้“เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์และยโสโอหังมาก แต่ก็เป็นคนที่รักษาคำสัตย์ยิ่งชีพมากเช่นกัน อะไรที่รับปากคนอื่นไว้แล้ว ต่อให้ดินถล่มฟ้าแหวกออก เขาก็จะทำให้ได้ ในงานพิธีรับตำแหน่งต้าเป่ยอ๋อง เขาชัดเจนแล้วว่าเลือกแดนเหนือ”“เข้าใจแล้ว”ฉู่ซีเย่ไม่ได้ให้คำสัตย์ว่าจะไม่ชิงบัลลังก์ แต่เขาให้คำสัตย์ว่าจะตา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   22/2 แก้แค้นสิบปีก็ไม่สาย

    “เจ้าต้องเข้าใจว่าข้าไม่อาจสบายใจได้ ตราบใดที่มีเจ้า” หย่งสวินกล่าวอย่างลำบากใจ แต่ดวงตากลับเฝ้ารอ ในใจคงจินตนาการวันที่ได้ฆ่าฉู่ซีเย่มานับครั้งไม่ถ้วน“คนที่คิดจะฆ่าข้า ไม่ตายดีสักคน” ฉู่ซีเย่ไม่กลัวว่าหย่งสวินจะเอาดาบแทงตน เพราะคนเหลี่ยมจัดอย่างหย่งสวิน ไม่เล่นในเกมที่ตกเป็นรอง“เจ้าต้องมีชีวิตอยู่นานๆ หน่อย จะได้รู้ว่าข้าจะได้ตายดีหรือไม่ แต่น่าเสียดาย คงไม่มีวันนั้นแล้ว” หย่งสวินยกดาบขึ้น ก่อนจะฟันใส่แขนขวาจนขาด เขาส่งเสียงร้องโหยหวน“ช่วยข้าด้วย! ต้าเป่ยอ๋องจะสังหารข้า!”ประตูท้องพระโรงเปิดออกในยามรุ่งสาง ฉู่ซีเย่ถูกคุมตัวออกมามุ่งหน้าไปยังลานประหารในโทษฐานลอบทำร้ายประมุขของประเทศ ความรีบร้อนในการประหารเขาทันที เป็นความต้องการของหย่งสวินคลื่นลมในวังเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างมั่นใจแน่แล้วว่าหย่งสวินจะได้เป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป ด้วยไท่จื่อก็สิ้นแล้ว หย่งมู่ที่กลัวตายก็รีบหอบผ้าหนีเอาตัวรอด ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้ากังขาหรือคัดค้านแม้เพียงนิดที่หย่งสวินคิดจะสังหารฉู่ซีเย่อย่างไรก็ตาม การประหารใช่จะทำได้เลยในทันที เพราะความวุ่นวายจากทางฝั่งของคนสนับสนุนไท่จื่อก็ไม่ยินยอมเช่นกัน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   23/1 ความรักที่สุกงอม

    เดินทางจากอำเภอซานถงถึงแดนเหนือใช้เวลาสองสัปดาห์ เหยาอี้เหยาตกลงใจใช้ชีวิตอยู่กับฉู่ซีเย่ บางวันหวานชื่น บางวันรักร้อนแรง หรือทะเลาะกันบ้าง เพราะนางอยากออกไปทำงานสำรวจสำมโนครัวแบบเมื่อก่อน เพราะอยู่เฉยๆ เบื่อเกินไปฉู่ซีเย่คัดค้านหัวชนฝา เขาไม่อยากให้นางออกไปทำงานข้างนอก กลัวว่าจะมีคนมาชมชอบนาง ก็นางงามขนาดนี้ มีแต่คนตาบอดเท่านั้นที่ไม่มอง“แน่ใจนะว่าท่านไม่อนุญาต”“แน่นอน”“งั้นคืนนี้ท่านไปนอนที่อื่น”ฉู่ซีเย่ลุกพรึ่บ “ไม่ได้”“ได้ ก็นี่ห้องข้า เสียก็แต่ว่าท่านจะยึดคืน” เหยาอี้เหยาลุกขึ้น นางคว้าหมอนและผ้าห่มของฉู่ซีเย่ออกไปทิ้งด้านนอกห้อง“อี้เหยา” ฉู่ซีเย่ตามไปเก็บแล้ววางที่เดิม ก่อนจะประกาศก้อง “คืนนี้ข้าจะนอนที่นี้”“ท่านอ๋อง ท่านไม่สิทธิ์รุกล้ำพื้นที่นะ ยิ่งเจ้าของไม่อนุญาต ยิ่งไม่ได้”“แล้วไง ใครสน” ฉู่ซีเย่นั่งลงบนเตียง เขาเอนนอนเอาแขนชันศีรษะ “ข้าพอใจจะนอนที่นี้”“ก็ได้ งั้นข้าจะไปนอนที่อื่น” เหยาอี้เหยาเดินไปที่ประตู ฉู่ซีเย่ดีดตัวลุกขึ้นมาขวาง เขายืนขวางประตู ก่อนจะถอนหายใจ เขายอมถอยให้นาง“เอาล่ะ พอก่อน มาคุยกันดีๆ เถอะ”“ก็ได้” เหยาอี้เหยาเห็นเขายอมถอย นางก็ถอยหนึ่งก้าว “

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   23/2 ความรักที่สุกงอม

    ฤดูใบไม้ผลิของแดนเหนืออบอุ่นและงดงาม ต้นไม้ที่หลับใหลในฤดูเหมันต์ผลิใบอ่อน แสงแดดลอดเงาผ่านช่องว่างต้นถั่วแดงเข้ามาเป็นลำแสง ต้นถั่วแดงหงฉู่โตวเป็นไม้ยืนต้นที่ใช้เวลาหลับใหลในฤดูหนาวเช่นกัน แต่เพราะมันเติบโตในแดนใต้ที่อากาศอุ่น ก่อนจะถูกขุดล้อมแล้วย้ายขึ้นมาที่เมืองโจวอี้ ต้นถั่วแดงจึงเจริญเติบโตขึ้นมาก เหยาอี้เหยามักจะมารดน้ำต้นถั่วด้วยตนเอง นางจำได้ว่าช่วงสามปีแรก ต้นถั่วโตช้ายิ่ง จนกระถางเล็กๆ ยังโตไม่เต็ม ครั้นลงดินที่อำเภอซานถง เพียงไม่นานก็สูงเอาๆ แต่พอมาคิดดู เหยาอี้เหยาคิดว่าสาเหตุที่ต้นถั่วโตช้าตอนอยู่ในกระถาง เพราะพื้นที่ไม่พอ สารอาหารขาดแคลน พอได้รับแสงแดด สายลม พื้นที่เหมาะสม พริบตาเดียวก็สูงขึ้นจนต้องแหนหน้ามองแล้ว ร่มเงาของกิ่งก้านที่แผ่ขยายออกเป็นพุ่มงาม ใบไม้เสียดสีเบาๆ ราวกับกำลังอวยพรให้นาง เหยาอี้เหยาพนมมือรับพรด้วยน้ำตา แต่คำอวยพรบางอย่างก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้... “อยู่นี่เอง” ฉู่ซีเย่เดินเข้ามาบริเวณสวนดอกไม้ ตรงกลางมีต้นถั่วยืนต้นโดดเด่น ใต้ร่มเงามีหญิงงามในชุดผ้าคลุมตัวยาว ช่วงนี้อากาศเริ่มร้อนแล้ว กระนั้นเหยาอี้เหยาก็ยังสวมชุดฤดูหนาว “ท่านหาข้าอยู่หรือ” เ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   1/1 ท่านหญิงแห่งต้าหย่ง

    “ขอให้ฝ่าบาททรงอายุยืนหมื่นปี หมื่นๆ ปี”สิ้นเสียงกล่าว ม้าเร็วพร้อมกงกงผู้เดินทางมามอบราชโองการแต่งตั้ง ‘ท่านหญิงแห่งต้าหย่ง’ ถึงหน้าสกุลเหยาก็จากไปอย่างเร็ว ฮูหยินผู้เฒ่าหยัดกายลุกขึ้นมาอย่างเหนื่อยล้า ต้องพึ่งแรงพยุงจากบุตรชายของนาง แต่นางก็ยังทรงตัวไม่ได้เนื่องจากจิตใจได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรงฮูหยินผู้เฒ่าสูดลมหายใจเคล้าความเย็นเข้าปอด ราชโองการแต่งตั้งหลานสาวอยู่ในมืออันเหี่ยวย่น แม้ตลอดเวลาที่ผ่านมาหญิงชราจะไม่โปรดปรานเหยาอี้เหยา แต่ก็ไม่เคยคิดจะส่งหลานสาวให้ไปเผชิญชะตากรรมอันโหดร้าย อย่างไรเหยาอี้เหยาก็ได้ชื่อว่าเป็นคนสกุลเหยาแต่ทำอย่างไรได้ ราชโองการจากฝ่าบาทอยู่ในมือแล้ว หากฮูหยินผู้เฒ่าไม่ตัดสินให้รอบคอบรัดกุม สกุลเหยาคงจะประสบเคราะห์ร้ายอย่างไม่ต้องสงสัย“ท่านแม่ ท่านไหวหรือไม่”“ข้าไหว” ฮูหยินผู้เฒ่าคว้ามือบุตรชายไว้ สมองที่ยังแหลมคมอยู่ครุ่นคิดหาทางออกที่ดีที่สุด นางไม่สนใจจะมองผู้ใดที่นั่งคุกเข่าอยู่กลางโถง “พาข้ากลับไปที่เรือน”เมื่อถึงเรือนแล้ว ฮูหยินผู้เฒ่ารับชาจากสาวใช้คนสนิทมาจิบคำหนึ่ง ดวงตาสีจางหลุบต่ำมองม้วนอักษรวิจิตรสีทองซึ่งเสียดแทงใจนางยิ่งนัก การแ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   1/2 ท่านหญิงแห่งต้าหย่ง

    เหยาอี้เหยามีอายุน้อยที่สุดในคณะราชทูตแห่งต้าหย่งซึ่งประกอบไปด้วยองค์หญิงหย่งเยี่ยน แม่ทัพกงจิ้ง บุตรชายของแม่ทัพใหญ่ซ่าง ซ่างเจวี๋ย และราชทูตลู่หมิงทั้งหมดคือคณะราชทูตเพื่อส่งเสริมสัมพันธไมตรี ลดทอนความบาดหมางที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน ทั้งหมดจึงต้องเดินทางไปยังเมืองโจวอี้ รัฐหลู่ปกติด้วยฐานะของเหยาอี้เหยา นางไม่มีทางได้เป็นหนึ่งในคณะทูต แต่ด้วยความหลังในอดีต ทำให้ฮ่องเต้ต้องการแสดงความจริงใจ ด้วยการส่งตัวคนที่สร้างรอยร้าวในความสัมพันธ์ไปเจริญสัมพันธไมตรีเพื่อบอกว่าทางราชสำนักไม่มีเจตนาให้เกิดเรื่องเช่นนั้นขึ้น และหากมีอะไรที่จะสามารถชดเชยให้ชาวแดนเหนือ ทางราชสำนักจะพิจารณาให้เป็นอันดับแรกดังนั้นนางจะทำเรื่องพังไม่ได้เด็ดขาด ต่อให้จะต้องตาย นางก็ต้องตายโดยไม่ให้กระทบกระเทือนต่อสกุลของนางหรือคนรอบข้างด้วยความกระชั้นชิดของเวลาทำให้การเดินทางเร่งเท้าทั้งวันทั้งคืน นางนั่งอยู่ภายในรถม้าขนาดกลางถัดจากรถม้าอีกสี่คันบนตักมีปิ่นปักผมของท่านแม่ ซึ่งถือเป็นสมบัติชิ้นเดียวที่ท่านย่าอนุญาตให้นางพกติดตัวมา ตัวปิ่นเงินเกลี้ยงเกลาเหมือนสายใยอันอบอุ่น นางมักจะพกติดตัวไว้เสมอ ทำเช่นนี้ นางก็ไม่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   1/3 ท่านหญิงแห่งต้าหย่ง

    กงจิ้งกลับมาตอนเย็น เหยาอี้เหยาทานข้าวกับแม่ทัพกงเป็นมื้อแรกนับตั้งแต่เริ่มเดินทาง ส่วนองค์หญิงไม่รับอาหารเย็น แม่ทัพซ่างกับลู่หมิงฝึกวิชายุทธ์หลังเขา ระหว่างมื้ออาหารเหยาอี้เหยาไม่พูดอะไรมากนัก จนมองไปนอกหน้าต่างแล้วเห็นหญิงสาวที่คอกม้าจึงเอ่ยถามไป“แม่ทัพกง หญิงสาวที่ถูกมัดอยู่ที่คอกม้าทำอันใดผิดไปหรือ”กงจิ้งตอบ “ไม่ใช่เรื่องของเจ้า”“อากาศหนาวเช่นนี้ นางน่าสงสารเหลือเกิน”กงจิ้งพูดสั้นๆ “ใช้ปากกินข้าว ไม่ต้องพูด”“เจ้าค่ะ”หลังจากนั้นไร้บทสนทนาใดๆ อีก เหยาอี้เหยาพักผ่อน นางหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าจนถึงยามซวี ก่อนจะตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกหนาวอย่างสุดขั้ว ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเลย เพราะเตาอุ่นในห้องไม่ได้เติมถ่านอย่างที่ควรเหยาอี้เหยารีบลุกไปที่หน้าต่าง เห็นหิมะสีเงินโปรยปรายลงมา ซึ่งหากเป็นที่เมืองหลวง ยามนี้คงไม่มีหิมะ แต่ทางเหนือไม่เหมือนกัน ยิ่งใกล้เมืองโจวอี้ อากาศจะยิ่งหนาว และจะเห็นหิมะบ่อยขึ้นเหยาอี้เหยาสวมเสื้อคลุมเพิ่มอีก ตอนที่มือกำลังรัดเชือกเข้าด้วยกันเพื่อกันความหนาว ก็นึกถึงทาสที่เห็นตอนมาถึงโรงเตี๊ยม นางถูกมัดอยู่ที่คอกม้าด้วยสภาพน่าสงสาร เมื่อเย็นเหยาอี้เหยาจึงเอ่ยถามเส

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18

บทล่าสุด

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   23/2 ความรักที่สุกงอม

    ฤดูใบไม้ผลิของแดนเหนืออบอุ่นและงดงาม ต้นไม้ที่หลับใหลในฤดูเหมันต์ผลิใบอ่อน แสงแดดลอดเงาผ่านช่องว่างต้นถั่วแดงเข้ามาเป็นลำแสง ต้นถั่วแดงหงฉู่โตวเป็นไม้ยืนต้นที่ใช้เวลาหลับใหลในฤดูหนาวเช่นกัน แต่เพราะมันเติบโตในแดนใต้ที่อากาศอุ่น ก่อนจะถูกขุดล้อมแล้วย้ายขึ้นมาที่เมืองโจวอี้ ต้นถั่วแดงจึงเจริญเติบโตขึ้นมาก เหยาอี้เหยามักจะมารดน้ำต้นถั่วด้วยตนเอง นางจำได้ว่าช่วงสามปีแรก ต้นถั่วโตช้ายิ่ง จนกระถางเล็กๆ ยังโตไม่เต็ม ครั้นลงดินที่อำเภอซานถง เพียงไม่นานก็สูงเอาๆ แต่พอมาคิดดู เหยาอี้เหยาคิดว่าสาเหตุที่ต้นถั่วโตช้าตอนอยู่ในกระถาง เพราะพื้นที่ไม่พอ สารอาหารขาดแคลน พอได้รับแสงแดด สายลม พื้นที่เหมาะสม พริบตาเดียวก็สูงขึ้นจนต้องแหนหน้ามองแล้ว ร่มเงาของกิ่งก้านที่แผ่ขยายออกเป็นพุ่มงาม ใบไม้เสียดสีเบาๆ ราวกับกำลังอวยพรให้นาง เหยาอี้เหยาพนมมือรับพรด้วยน้ำตา แต่คำอวยพรบางอย่างก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้... “อยู่นี่เอง” ฉู่ซีเย่เดินเข้ามาบริเวณสวนดอกไม้ ตรงกลางมีต้นถั่วยืนต้นโดดเด่น ใต้ร่มเงามีหญิงงามในชุดผ้าคลุมตัวยาว ช่วงนี้อากาศเริ่มร้อนแล้ว กระนั้นเหยาอี้เหยาก็ยังสวมชุดฤดูหนาว “ท่านหาข้าอยู่หรือ” เ

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   23/1 ความรักที่สุกงอม

    เดินทางจากอำเภอซานถงถึงแดนเหนือใช้เวลาสองสัปดาห์ เหยาอี้เหยาตกลงใจใช้ชีวิตอยู่กับฉู่ซีเย่ บางวันหวานชื่น บางวันรักร้อนแรง หรือทะเลาะกันบ้าง เพราะนางอยากออกไปทำงานสำรวจสำมโนครัวแบบเมื่อก่อน เพราะอยู่เฉยๆ เบื่อเกินไปฉู่ซีเย่คัดค้านหัวชนฝา เขาไม่อยากให้นางออกไปทำงานข้างนอก กลัวว่าจะมีคนมาชมชอบนาง ก็นางงามขนาดนี้ มีแต่คนตาบอดเท่านั้นที่ไม่มอง“แน่ใจนะว่าท่านไม่อนุญาต”“แน่นอน”“งั้นคืนนี้ท่านไปนอนที่อื่น”ฉู่ซีเย่ลุกพรึ่บ “ไม่ได้”“ได้ ก็นี่ห้องข้า เสียก็แต่ว่าท่านจะยึดคืน” เหยาอี้เหยาลุกขึ้น นางคว้าหมอนและผ้าห่มของฉู่ซีเย่ออกไปทิ้งด้านนอกห้อง“อี้เหยา” ฉู่ซีเย่ตามไปเก็บแล้ววางที่เดิม ก่อนจะประกาศก้อง “คืนนี้ข้าจะนอนที่นี้”“ท่านอ๋อง ท่านไม่สิทธิ์รุกล้ำพื้นที่นะ ยิ่งเจ้าของไม่อนุญาต ยิ่งไม่ได้”“แล้วไง ใครสน” ฉู่ซีเย่นั่งลงบนเตียง เขาเอนนอนเอาแขนชันศีรษะ “ข้าพอใจจะนอนที่นี้”“ก็ได้ งั้นข้าจะไปนอนที่อื่น” เหยาอี้เหยาเดินไปที่ประตู ฉู่ซีเย่ดีดตัวลุกขึ้นมาขวาง เขายืนขวางประตู ก่อนจะถอนหายใจ เขายอมถอยให้นาง“เอาล่ะ พอก่อน มาคุยกันดีๆ เถอะ”“ก็ได้” เหยาอี้เหยาเห็นเขายอมถอย นางก็ถอยหนึ่งก้าว “

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   22/2 แก้แค้นสิบปีก็ไม่สาย

    “เจ้าต้องเข้าใจว่าข้าไม่อาจสบายใจได้ ตราบใดที่มีเจ้า” หย่งสวินกล่าวอย่างลำบากใจ แต่ดวงตากลับเฝ้ารอ ในใจคงจินตนาการวันที่ได้ฆ่าฉู่ซีเย่มานับครั้งไม่ถ้วน“คนที่คิดจะฆ่าข้า ไม่ตายดีสักคน” ฉู่ซีเย่ไม่กลัวว่าหย่งสวินจะเอาดาบแทงตน เพราะคนเหลี่ยมจัดอย่างหย่งสวิน ไม่เล่นในเกมที่ตกเป็นรอง“เจ้าต้องมีชีวิตอยู่นานๆ หน่อย จะได้รู้ว่าข้าจะได้ตายดีหรือไม่ แต่น่าเสียดาย คงไม่มีวันนั้นแล้ว” หย่งสวินยกดาบขึ้น ก่อนจะฟันใส่แขนขวาจนขาด เขาส่งเสียงร้องโหยหวน“ช่วยข้าด้วย! ต้าเป่ยอ๋องจะสังหารข้า!”ประตูท้องพระโรงเปิดออกในยามรุ่งสาง ฉู่ซีเย่ถูกคุมตัวออกมามุ่งหน้าไปยังลานประหารในโทษฐานลอบทำร้ายประมุขของประเทศ ความรีบร้อนในการประหารเขาทันที เป็นความต้องการของหย่งสวินคลื่นลมในวังเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างมั่นใจแน่แล้วว่าหย่งสวินจะได้เป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป ด้วยไท่จื่อก็สิ้นแล้ว หย่งมู่ที่กลัวตายก็รีบหอบผ้าหนีเอาตัวรอด ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้ากังขาหรือคัดค้านแม้เพียงนิดที่หย่งสวินคิดจะสังหารฉู่ซีเย่อย่างไรก็ตาม การประหารใช่จะทำได้เลยในทันที เพราะความวุ่นวายจากทางฝั่งของคนสนับสนุนไท่จื่อก็ไม่ยินยอมเช่นกัน

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   22/1 แก้แค้นสิบปีก็ไม่สาย

    “เจ้าไม่เป็นห่วงชายผู้นั้นของเจ้าหรือ”ชายผู้นั้นของกงจิ้ง ย่อมหมายถึงฉู่ซีเย่ “ได้ยินว่าทางวังกำลังเผชิญหน้ากับพายุใหญ่ ไม่แน่ว่าชายผู้นั้นของเจ้า อาจพบอันตรายร้ายแรง”“ก็อาจจะพบอันตราย แต่ข้าไม่ห่วงมากเท่าไหร่” นางล้างผัก ท่าทีผ่อนคลายกงจิ้งทำหน้าประหลาด เหยาอี้เหยาดูไม่ร้อนใจเท่าที่ควร“สามปี” เหยาอี้เหยาพูดขณะมองตรงไปหน้าผืนนา “เขาใช้เวลาสามปีวางแผนแก้แค้น ดังนั้นข้าจึงเชื่อมั่นว่าเขาจะไม่เป็นอะไร ต่อให้ถูกใครคิดปองร้าย ทุกอย่างก็อยู่ในการคาดเดาของเขา”กงจิ้งมองนาง “เป็นเจ้าที่เข้าใจเขาอย่างลึกซึ้ง”“ความจริงข้าไม่เข้าใจเขาหรอก ใครจะกล้าพูดว่าเข้าใจเขาได้”กงจิ้งเห็นด้วย “ข้าแปลกใจเสมอที่รู้ว่าเขาไม่อยากเป็นหนึ่งในผู้ชิงบัลลังก์"“ข้าไม่แปลกใจ”“เพราะอะไร” ขอเพียงมีใจนึกอยาก ไม่ใช่ว่าจะชิงมาไม่ได้“เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์และยโสโอหังมาก แต่ก็เป็นคนที่รักษาคำสัตย์ยิ่งชีพมากเช่นกัน อะไรที่รับปากคนอื่นไว้แล้ว ต่อให้ดินถล่มฟ้าแหวกออก เขาก็จะทำให้ได้ ในงานพิธีรับตำแหน่งต้าเป่ยอ๋อง เขาชัดเจนแล้วว่าเลือกแดนเหนือ”“เข้าใจแล้ว”ฉู่ซีเย่ไม่ได้ให้คำสัตย์ว่าจะไม่ชิงบัลลังก์ แต่เขาให้คำสัตย์ว่าจะตา

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   21/2 ความรักที่งอกงาม

    ต้าหย่ง...ชายเสื้อปักดิ้นทองเคลื่อนไหวเพียงบางเบา แต่สามารถทำให้ตะเกียงบนโต๊ะด้านหน้าสั่นไหว เงาใหญ่ยักษ์ที่ทอดลงหลังฉากพระที่นั่งวิจิตรงดงาม แลดูแปลกตา ยิ่งเมื่อขยับเคลื่อนไหว เงาสีดำยิ่งชวนให้รู้สึกขนกายลุกพองหย่งฉียังคงทรงงานแม้จะค่อนคืนเข้าไปแล้ว พระขนงมีมีร่องรอยยับย่น หมึกเปื้อนพระหัตถ์เป็นปื้นสีดำทั้งสองข้าง ลามไปถึงชายแขนเสื้อที่ถูกหมึกสีดำทำลายความประณีตลงหลายเท่าตัวหลังตั้งตรงเริ่มตกลู่ หย่งฉีในปีนี้อายุเพียงสี่สิบกว่าปี ทว่าความเคร่งเครียดและการตรากตรำอยู่ในตำแหน่งมายาวนานกว่าสามสิบปี ทำให้ใบหน้านั้นแก่ชรา ริ้วรอยแห่งวัยทอดแนวอยู่บนหน้าพระพักตร์หมองคล้ำ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลครั้นมองลงมาภายในโถงพระที่นั่งอันหนาวเหน็บและช่างว่างเปล่า หย่งฉีคล้ายจะยิ้มเย้ยให้ตนเองอย่างสมเพชข้าวของมากมายหล่นเกลื้อนกลาดแทบเท้า ทุกสิ่งทุกอย่างพังไม่เป็นชิ้นดี กระนั้นท้องพระโรงที่เละเทะเช่นนี้ ก็ยังเทียบไม่ได้กับภายในจิตใจของเขาหย่งฉีทิ้งพู่กันในมือ เขาส่งเสียงออกมาอย่างเหนื่อยล้าราวกับแทบขาดใจ“ขันทีโม่...”โม่หานยืนก้มหน้าตามระเบียบประเพณี ในมือมีพวงแส้ม้านุ่มสลวย ทองคำซึ่งหลอมอยู

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   21/1 ความรักที่งอกงาม

    เหยาอี้เหยา “ก่อนจะให้ท่านพูดอธิบาย อยากจะขอรบกวนให้ท่านอาบน้ำล้างตัวเสียหน่อย” กลิ่นสาบจากตัวเขาทำให้ภายในบ้านถูกกลิ่นบูดรมควัน ดังนั้นนางจึงนำเสื้อผ้าที่เขาทิ้งไว้คราวก่อนออกมาให้เขา พร้อมชี้ทางว่าสามารถไปอาบน้ำที่ลำธารใกล้กับแปลงผักจี๋ฉายได้ ทั้งยังรุนหลัง ให้เขาไปไวๆ ฉู่ซีเย่ไม่อิดออด เขาก็เริ่มได้กลิ่นจากตัวเองเช่นกัน “ได้ ข้าจะไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน หลังจากนั้นค่อยสนทนาเรื่องที่เข้าใจผิด” ถึงอย่างงั้นในใจของเขาก็มีความน้อยใจเล็กๆ ที่นางดูราวกับไม่ใส่ใจเขาเลย จะถามไถ่สักคำว่าเดินทางมาเหน็ดเหนื่อยหรือเปล่าก็ไม่มี ยังมีตบของนางอีก แม้แรงนางจะไม่ระคายผิวหนังหนาด้านของเขา แต่จิตใจบอบช้ำยิ่ง “ท่านอ๋อง” เหยาอี้เหยากล่าวรั้ง ใบหน้าคมกระหยิ่มยิ้มย่อง แต่เมื่อหันหน้ามาก็กลบเกลื่อนให้หมดสิ้น “ว่าอย่างไรรึ” ใบหน้าของฉู่ซีเย่ในตอนนี้สามารถพูดได้คำเดียวว่าเขาสำนึกผิดแล้ว “เมื่อครู่ข้าขอโทษที่ตบท่าน ท่านเจ็บมากหรือไม่” การตบตีเขาไม่เคยอยู่ในสมองนางมาก่อน แต่พอเห็นเขามายืนอยู่ตรงหน้า แรงอารมณ์ที่ถูกกดไว้ตลอดทั้งเดือนก็ปะทุ รู้ตัวอีกทีก็ตบเขาเสียฉาดใหญ่ “แรงเท่ามดของเจ้าจะทำอะไรข้าได้กัน”

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   20/3 เป็นแค่นางอุ่นเตียง

    การมาเยือนขององค์หญิงสิบเอ็ดเปลี่ยนบรรยากาศในบ้านไปในฉับพลัน มื้ออาหารที่ควรจะผ่อนคลายมีแต่ความเงียบงัน กงจิ้งลอบมองใบหน้าเหยาอี้เหยาด้วยความเห็นใจ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรเช่นกันกงจิ้งจำใบหน้าซีดเผือกของนางเมื่อเขากลับมาถึงบ้านได้ รวมทั้งสีหน้าสะอกสะใจขององค์หญิง ที่ได้เหยียมหยามนาง ทำเอากงจิ้งอยากไล่ตะเพิดไปไกลๆ“...” ลุงกู่เห็นเหยาอี้เหยาเศร้า ก็ตักน้ำแกงผักให้ชามใหญ่ เขาเอ็นดูนางมาก ไม่อยากเห็นนางเป็นทุกข์ใดๆเวลานั้นเอง เหยาอี้เหยาที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกลับหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะของนางใสกังวาน รอยยิ้มที่เผยกว้างบ่งบอกว่านางไม่ได้เสแสร้ง แต่นางกำลังหัวเราะอย่างจริงใจ“เจ้าหัวเราะอะไร”หรือเสียใจจนเสียสติไปแล้ว?“ข้าเปล่านะ ข้าปกติดี” เหยาอี้เหยายกชามน้ำแกงดื่มจนหมดรวดเดียวก่อนจะยิ้มอีกรอบ “ข้าแค่ดีใจนะ ที่วันนี้แสดงละครได้ดี”กงจิ้งและลุงกู่พากันขมวดคิ้วเหยาอี้เหยาเฉลย “ข้ารู้เรื่องนางอยู่แล้ว แต่คิดว่าถ้าทำเป็นรู้อยู่แล้ว นางคงไม่พอใจเท่าไหร่ จนอาจจะลงไม้ลงมือกับข้าก็ได้”กงจิ้ง “แสดงว่าเมื่อครู่เจ้าแสดงละคร”“ก็ไม่ทั้งหมดนะเจ้าคะ ความจริงก็เจ็บอยู่” แรกทีเดียวนางก็แสดงละคร แต่หลั

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   20/2 เป็นแค่นางอุ่นเตียง

    “อดทนเพื่อข้าได้หรือไม่…” ฉู่ซีเย่จูบไซ้กลีบปากบางที่สั่นระริก ปลายจมูกคลอเคลียปลอบโยน เขาอดทนเพื่อให้นางเปิดใจ ต่อให้ร่างกายใกล้จะระเบิดเต็มที“งั้น…งั้นช้าๆ นะ” นางเห็นเม็ดเหงื่อผุดพราวทั่วใบหน้าเขา รวมทั้งสันกรามที่ถูกขบกัดจนนูน บ่งบอกว่าเขาเองก็ต้องอดทนมากเช่นกัน“แน่นอน…” ฉู่ซีเย่ไม่บุ่มบ่าม เขาค่อยๆ กดตัวตนเข้าไปหานางอย่างละมุนละม่อน ถึงยังงั้นเอวบางก็ขยับหนีตามสัญชาตญาณ เขาจึงรั้งเรียวขานางไว้แรงเสียดทานจากท่อนกายอันเข้มแข็งทำให้ความอ่อนนุ่มต้องเผชิญกับความท้าทายอันใหญ่หลวงความเจ็บร้าวที่แผ่ซ่านคลี่คลุมจนตัวชา ถึงอย่างนั้นจุมพิตขอโทษจากเขาก็ทำให้นางอดทน พร้อมโอบรับความแข็งแกร่งของเขาทั้งหมดสองมือเรียวเกาะไหล่หนา สองขาเรียวอยู่ระห่างเอวสอบที่กำลังเคลื่อนไหว“ท่าน…อื้อ!”“อีกนิดนะ…” เสียงเขาแหบพร่า ริมฝีปากงับไล่ติ่งหูสะอาด เขาโอบรัดคลุกเคล้ากับร่างกายนางทุกตารางนิ้ว“ได้…” นางสัมผัสได้ถึงความใส่ใจของเขา จึงเปิดเปลือยทุกความกังวลลง รองรับแก่นกายใหญ่โตเข้ามา“อี้เหยา…” แรงตอดรัดจากนางทำฉู่ซีเย่กลืนน้ำลายครั้งแล้วครั้งเล่า เขารวบเอวนางให้กดต่ำ สอดตัวเข้าไปหานาง…ไม่รุนแรง แต่นางห

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   20/1 เป็นแค่นางอุ่นเตียง

    “ซ่างเจวี๋ยไม่เป็นอะไรแล้ว “ฉู่ซีเย่พูด ถอนเข็มที่ปักอยู่ทั่วร่างออก เว้นเข็มบริเวณหน้าผาก เพื่อให้หลับต่อไป “แต่ก็อย่างที่เห็น ตอนนี้นางไม่สามารถใช้ชีวิตเร่ร่อนแล้วฝากยาไว้กับสำนักคุ้มภัยอีกแล้ว แบบนั้นไม่ปลอดภัย ดังนั้นเพื่อผลประโยชน์ของนางเอง ข้าแนะนำให้ส่งนางขึ้นเหนือ”กงจิ้งตอบ “ข้าเห็นด้วย แบบนั้นคงปลอดภัยกว่า”“แต่ทางเหนือหนาวเกินไป แม่ทัพซ่างจะไม่เป็นอะไรหรือ” ในฐานะที่เหยาอี้เหยามีประสบการณ์ตอนพิษกำเริบมาก่อน นางรู้ซึ้งดีเลยว่า อากาศหนาวของเเดนเหนือ ทำให้ทุกข์ทรมานเพิ่มอีกหลายเท่าแล้วพิษแมลงคุณไสยก็ยิ่งไม่ถูกกับอากาศหนาวอย่างยิ่ง นี่จึงอาจเป็นเหตุผลที่ซ่างเจวี๋ยเร่ร่อนไปทั่วทางใต้เพื่อลี้ภัยอากาศหนาว“เป็นแน่ แต่ไม่ตายหรอก” ฉู่ซีเย่ย้ำให้เห็นความจริง "นางจะตายถ้ายังเร่ร่อนอยู่ที่นี่มากกว่า"“ท่านอ๋อง ท่านยังไม่พบวิธีแก้พิษแมลงคุณไสยหรือ ข้าไม่อยากเห็นแม่ทัพซ่างบาดเจ็บอีกแล้ว”“เงื่อนไขของนางไม่เหมือนของเจ้า” ฉู่ซีเย่มองนาง “แต่เจ้าวางใจเถอะ แมลงในตัวซ่างเจวี๋ยว่าง่ายกว่าตอนอยู่ในตัวเจ้า ตราบใดที่กินยาเสมอไม่ขาด จะไม่ส่งผลร้ายใดๆ”เมื่อพูดถึงเรื่องกินยาอย่างสม่ำเสมอแล้ว ดูเหม

DMCA.com Protection Status