ฉินซูจากยุคปัจจุบันกลับต้องข้ามมิติมายังสมัยโบราณ กลายเป็นองค์รัชทายาทผู้ไร้ค่าแห่งราชวงศ์ต้าเหยียน เพื่อความอยู่รอด เขาจึงต้องหาทางกลับมาแข็งแกร่งดังเดิม ในเวลานี้ ภายนอกถูกศัตรูรุกราน ภายในถูกขุนนางวางแผนร้าย เช่นนั้น เขาจึงควบม้าถือหอก ปราบปรามความวุ่นวาย กำจัดคนทรยศ ปราบปรามศัตรูต่างแคว้น ครองแผ่นดินทั้งหก เป็นที่โจษจันไปทั้งราชสำนัก
View Moreเมื่อครู่ที่อยู่ในพระที่นั่งหย่างซิน ฉินซูมิเห็นสิ่งผิดปกติใด ๆ จากฉินอู๋ต้าวเขาอดคิดมิได้ว่า หรือเขาคิดมากไปเองจริง ๆ ?เขาหันกลับไปมองพระที่นั่งหย่างซิน ก่อนจะเดินจากไปหลังจากที่ฉินซูจากไปได้มินาน ชายคนหนึ่งก็เข้ามาในพระที่นั่งหย่างซินฉินอู๋ต้าวสั่งกับเขาว่า “ทำตามแผนที่วางไว้ จำไว้ให้ขึ้นใจว่า ห้ามทิ้งร่องรอยใด ๆ ไว้เป็นอันขาด!”“รับพระบัญชา!”หวงเฉาขานรับด้วยความเคารพ!หลังจากออกจากพระที่นั่งหย่างซิน หวงเฉาก็มาถึงนอกพระราชวังอย่างรวดเร็วเขาเหลือบมองซ้ายขวา เมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครเห็น เขาก็หันหลังเข้าไปในร้านค้าแห่งหนึ่งมินานนัก เขาก็เดินออกมาจากข้างในตอนนี้เขาอยู่ในชุดท่องราตรีสีดำ ใบหน้าถูกปกคลุมด้วยผ้าสีดำ บนบ่าของเขามีกระสอบป่านใบหนึ่งพาดอยู่หลังจากออกจากร้านค้า เขาก็ใช้วิชาตัวเบาพุ่งตัวไปทางศาลต้าหลี่ในเวลาเดียวกันตงฟางไป๋และคนอื่น ๆ กำลังสำรวจตรอกแห่งหนึ่งในขณะนั้นเอง หางตาของตงฟางไป๋กระตุกเล็กน้อย เขาเหลือบไปเห็นเงาร่างหนึ่งพลิกตัวข้ามกำแพงมิไกลออกไปเขาพูดเสียงต่ำ “อยู่ตรงนั้น ตามไปเร็ว!”เหล่าทหารรักษาตำหนักได้ยินดังนั้นก็รีบติดตามไปอย่างรวดเร็วคนก
แต่จากตัวอักษรที่ปรากฏ มองออกมิยากว่านี่คือวิชายุทธขั้นสุดยอดชายชุดคลุมดำพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “ดีมาก มิเสียแรงที่ข้าอุตส่าห์ลำบากช่วยเจ้า”กู้ตงเฟิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถามอย่างระมัดระวัง “ท่านผู้มีพระคุณ เมื่อไรข้าน้อยจะออกไปจากที่นี่ได้หรือขอรับ?”ชายชุดคลุมดำมองเขาด้วยสายตาเย็นชา แล้วถามกลับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “กระไรกัน? อยู่ที่นี่กับข้ามันทำให้เจ้าอึดอัดหรือ?”“หามิได้ ๆ ขอรับ ข้าน้อยมิได้หมายความเช่นนั้น เพียงแต่กังวลว่าศัตรูจะมาพบเข้า แล้วจะทำให้ท่านผู้มีพระคุณพลอยเดือดร้อนไปด้วยขอรับ”“เรื่องนี้เจ้าวางใจได้ ที่นี่เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในใต้หล้า เจ้าแค่ตั้งใจกักตนบำเพ็ญเพียรอยู่ที่นี่ รอจนกว่าเรื่องซาลง ข้าจะปล่อยเจ้าไปเอง”ได้ยินดังนั้น กู้ตงเฟิงก็พยักหน้าอย่างครุ่นคิดในใจกลับคิดว่า สถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในใต้หล้า ดูเหมือนว่าที่นี่จะอยู่ในพระราชวังจริง ๆ เช่นนั้นแล้วคนที่อยู่ตรงหน้าเขา… หรือว่าจะเป็น...เขามิกล้าคิดต่อไป เพราะมิว่าเขาจะเดาถูกหรือไม่ก็ตาม ล้วนแต่ส่งผลต่อสภาพจิตใจของเขา......“องค์รัชทายาท ดึกดื่นป่านนี้แล้ว เหตุใดพระองค์ถึงเสด็จมาที่นี่พ่ะ
"องค์รัชทายาท เกิดเรื่องแล้วพ่ะย่ะค่ะ!"หวังฉือมาถึงตำหนักบูรพา ก็กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียดฉินซูพอจะคาดเดาได้จากสีหน้าวิตกกังวลของเขา "หรือว่ามีเด็กสาวถูกลักพาตัวไปอีกแล้ว?""ใช่แล้วพ่ะย่ะค่ะ คราวนี้เป็นบุตรสาวของหลิวเหวินซิน เสนาบดีกรมกลาโหมพ่ะย่ะค่ะ!""ท่านว่ากระไรนะ? บุตรสาวของเสนาบดีกรมกลาโหมรึ?!""ถูกต้องพ่ะย่ะค่ะ ก่อนที่ข้าน้อยจะมาที่นี่ หลิวเหวินซินได้ไปแจ้งความต่อศาลต้าหลี่ด้วยตนเอง ตอนนี้ผู้ตรวจการศาลต้าหลี่และทหารรักษาจวนของเขากำลังออกค้นหากันอยู่ แต่มิแน่ใจว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับ..."พูดถึงตรงนี้ หวังฉือก็หยุดพูด พร้อมกับชี้ขึ้นไปยังท้องฟ้าเหนือศีรษะฉินซูเข้าใจความหมายของเขาในทันที หากเป็นฝีมือขอองค์จักรพรรดิ บุตรสาวของเสนาบดีกรมกลาโหมต้องตกอยู่ในอันตรายใหญ่หลวงเป็นแน่เขาไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งแล้วกล่าวว่า "เช่นนั้นตัวข้าจะใช้ข้ออ้างนี้ไปขอเข้าเฝ้าเพื่อหยั่งเชิงเสด็จพ่อดูสักหน่อย""มิได้พ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท หากเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับฝ่าบาทจริง ๆ และฝ่าบาททรงล่วงรู้เรื่องนี้เข้า ฝ่าบาทอาจกระทำการบางอย่างก็เป็นได้"ที่หวังฉือมาถึงที่นี่ นอกจากกังวลว่าฉินซูจะรีบไ
บนกำแพงวังเต็มไปด้วยหน่วยตรวจตรา ทว่ากลับไม่มีใครสังเกตเห็นสิ่งผิดปกติใด ๆในขณะเดียวกันจวนหลังใหญ่ทางทิศตะวันตกของเมืองชายวัยห้าสิบคนหนึ่งกำลังสนทนากับเหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่ที่ห้องรับรองเขาผู้นี้คือหลิวเหวินซิน เสนาบดีกรมกลาโหมเขาขมวดคิ้วเล็กน้อย พลางกล่าวพึมพำ “มิคิดว่าครั้งนี้แคว้นหนานเยวี่ยจะจริงจังถึงขั้นนี้ สงครามปะทุขึ้นแล้ว ชาวบ้านแถบชายแดนทางใต้ต้องทุกข์ยากเพราะสงครามอีกคราแล้วสินะ”“ใต้เท้าหลิว ที่ชายแดนทางใต้มีแม่ทัพฉงคุมทัพอยู่ คงจะไม่มีปัญหามากกระมังขอรับ?”“ใช่แล้ว มีแม่ทัพฉงอยู่ พวกคนนอกด่านแคว้นหนานเยวี่ยก็คงมิกล้าข้ามชายแดนแม้แต่ครึ่งก้าว”หลิวเหวินซินถอนหายใจเบา ๆ แล้วกล่าว “เมื่อเย็นนี้ กรมกลาโหมได้รับข่าวด่วนจากชายแดนทางใต้ พวกคนนอกด่านแบ่งกองทัพออกเป็นสามทางบุกโจมตีพร้อมกันสามด้านแม้ว่าจะมีแม่ทัพฉงคุมกองทัพอยู่ที่เมืองเจียวโจว แต่เวลานี้นางคงดูแลสองด้านมิไหวแน่เสนาบดีกรมกลาโหมไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทแล้ว หวังว่าฝ่าบาทจะทรงอนุญาตให้ส่งกองทัพไปเสริมกำลังที่ชายแดนใต้ หากปล่อยให้ถูกโจมตีสามด้าน เมืองเจียวโจวคงจะต้านทานได้อีกมินาน”“ใต้เท้าหลิว เมื่อมินานมา
เหลยเจิ้นตอบจริงจังว่า “ข้าน้อยมิทำเช่นนั้นแน่ ข้าน้อยให้สัญญากับองค์รัชทายาทไปแล้วว่าจะให้เสวี่ยเจี้ยนแต่งงานกับท่าน ข้าน้อยไม่มีทางผิดคำพูดเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ!”“แต่แปลกนัก เหตุใดเสด็จพ่อถึงทรงตัดสินพระทัยเช่นนี้?”ฉินซูขมวดคิ้วแน่นกว่าเดิมตอนแรกเขาคิดว่าเหลยเจิ้นเปลี่ยนใจ แต่ตอนนี้กลับเห็นว่าอีกฝ่ายก็เองก็ดูมึนงงมิต่างกัน เห็นได้ชัดว่ามิทราบเรื่องราวภายในแม้แต่น้อยเขาอดสงสัยมิได้ว่า เสด็จพ่ออาจจะต้องการให้เขามีพระชายาหลายคน เพื่อมีบุตรสืบสกุลเพิ่มหรือไร?เมื่อคิดได้ดังนั้น เขาจึงถามเหลยเจิ้นด้วยความสงสัยว่า “หัวหน้าโหรหลวงคิดว่า เสด็จพ่อทรงมีพระประสงค์กระไรจึงได้ออกพระราชโองการครั้งนี้?”เหลยเจิ้นยักไหล่ “องค์รัชทายาททรงถามคำถามที่ยากเกินกว่าที่ข้าน้อยจะตอบได้ พระราชดำริของฝ่าบาทข้าน้อยจะคาดเดาได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ”โธ่ มาสำนักหอดูดาวหลวงเสียเที่ยวแล้วฉินซูบ่นในใจแล้วจึงลาจากไปหลังจากที่ฉินซูจากไป เหลยเจิ้นก็ขมวดคิ้วพึมพำ“จู่ ๆ ฝ่าบาทก็มีพระราชโองการเลือกชายาให้องค์รัชทายาท ฝ่าบาททรงมีแผนอันใดกันแน่?”......บ่ายวันนั้นกรมพิธีการได้รับแผนภูมิดวงชะตาหลายร้อยฉบับนี่คือ
“สือซานกลับมาหรือยัง?”"ทูลฝ่าบาท ยังมิกลับมาพ่ะย่ะค่ะ"ฉินอู๋ต้าวขมวดคิ้วแน่น ในใจรู้สึกถึงลางร้ายเขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนกล่าวว่า "จัดการคนของสือซานให้หมด จัดการให้เป็นความลับ""รับพระบัญชา!"หวงเฉาประสานมือรับคำสั่งแล้วหมุนตัวเดินออกไปคืนนั้นไม่มีเหตุการณ์ใดเกิดขึ้นอีก......วันรุ่งขึ้นภายในพระตำหนักจินหลวน ขุนนางทั้งราชสำนักทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ต่างมารออยู่ที่นี่เรียบร้อยแล้วด้วยความเคารพแต่ฉินอู๋ต้าวกลับมิปรากฏตัวเหนือบันไดหยกขณะที่ทุกคนกำลังกระซิบกระซาบถกเถียงกันว่าฝ่าบาททรงพระประชวรหรือไม่นั้น เฉาฉุนก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนพร้อมกับพระราชโองการในมือเฉาฉุนยกพระราชโองการขึ้นเหนือศีรษะ ทุกคนก็คุกเข่าลงพร้อมกัน"ด้วยโองการแห่งฟ้า องค์จักรพรรดิจึงทรงมีพระบัญชา องค์รัชทายาททรงย่างเข้าสู่วัยสามสิบแล้ว ทว่าตำหนักบูรพายังไร้ซึ่งพระชายาหรือพระสนมแม้แต่องค์เดียว ฝ่าบาททรงร้อนพระทัยอย่างยิ่ง ขุนนางที่รักทั้งหลาย หากท่านหรือเครือญาติของท่านมีธิดาอายุสิบหกปีขึ้นไปแต่มิเกินสามสิบปี สามารถนำแผนภูมิดวงชะตาของนางมายื่นต่อกรมพิธีการได้ หากวันเดือนปีเกิดและดวงชะตาต้องกัน และองค์รั
หวังฉือพยักหน้าโดยมิรู้ตัว แต่แล้วก็ส่ายหน้าทันที“องค์รัชทายาท เรื่องเช่นนี้อย่าได้ตรัสออกไปมั่วซั่วเป็นอันขาด กำแพงมีหูประตูมีช่องพ่ะย่ะค่ะ”พูดจบเขาก็รีบเดินไปที่ประตู ชะโงกหน้าออกไปมองซ้ายขวาเมื่อแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ ก็ปิดประตูศาลต้าหลี่ในทันใดจากนั้นจึงหันกลับมาที่ห้องรับรองด้วยท่าทีโล่งใจเมื่อเห็นหวังฉือระมัดระวังตัวถึงเพียงนี้ ฉินซูก็ยิ่งมั่นใจในการคาดเดาของตนยิ่งขึ้นมิน่า อีกฝ่ายถึงหนีเข้ามาในวังได้ มิน่าแปลกใจที่อีกฝ่ายถึงได้ดูคุ้นเคยกับที่นี่เสียเหลือเกินที่แท้ก็เป็นองครักษ์หลวงประจำพระราชวังนี่เองเขาพึมพำว่า “คนที่สามารถสั่งการราชองครักษ์ได้ มีเพียงหัวหน้าราชองครักษ์เท่านั้น หรือไม่ก็...”หวังฉือเอ่ยถ้อยคำชวนตกตะลึงขึ้นว่า “องค์รัชทายาท มิต้องคาดเดาแล้วพ่ะย่ะค่ะ คนผู้นี้คือองครักษ์ประจำห้องบรรทมขององค์จักรพรรดิ แต่ก่อนข้าน้อยเคยเข้าไปถวายรายงานที่ห้องบรรทมของฝ่าบาทกลางดึก และเคยเห็นคนผู้นี้เฝ้าอยู่หน้าห้องพ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูตกตะลึง รีบถามต่อ “ท่านแน่ใจหรือ?”“ข้าน้อยในฐานะตุลาการศาลต้าหลี่ มิกล้าโอ้อวดความสามารถอื่นของตน แต่เรื่องความจำ ข้าน้อยรับรองได้ว่าดีกว่
เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉินซูก็มิรอช้า พุ่งตัวเข้าไปในทางลับเมื่อออกมาอีกครั้ง ก็พบว่าตนเองอยู่ใกล้กับหินประดับในสวนหลังพระราชวังพอดีเมื่อมองไปก็เห็นบุรุษชุดดำกำลังแบกเด็กสาวหมดสติมุ่งหน้าตรงไปยังส่วนลึกของพระราชวังฉินซูหยิบผ้าคลุมหน้าสีดำจากอกเสื้อออกมาคลุมใบหน้า จากนั้นตัวเขาก็หายวับไปทันใดบุรุษชุดดำรู้สึกเหมือนภาพตรงหน้าพร่าเลือนไป แต่แล้วจู่ ๆ เงาร่างสูงใหญ่ก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า!เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีทักษะการเคลื่อนไหวที่แปลกประหลาด เขาก็ตัดสินใจโยนเด็กสาวที่แบกอยู่ไปอีกทางหนึ่งแล้วรีบถอยกลับไปตามทางเดิมที่เข้ามาจุดที่เด็กสาวร่วงลงไปคือริมกำแพงพระราชวัง ถ้าหากตกไปตรง ๆ แน่นอนว่าต้องตายอย่างน่าอนาถบุรุษชุดดำคิดว่าอีกฝ่ายคงมิยอมปล่อยคนตายไปต่อหน้าต่อตาเป็นแน่ จึงใช้กลอุบายนี้เพื่อแลกกับโอกาสในการหลบหนีฉินซูส่งเสียงหึเบา ๆ แล้วกระโดดเข้าไปรับตัวเด็กสาวไว้ได้ทันพร้อมกันนั้นเขาก็เอื้อมมือออกไปทางที่บุรุษชุดดำกำลังจะหนีไป!บุรุษชุดดำที่กำลังจะกระโดดลงไปในเส้นทางลับ ร่างกายกลับหยุดชะงัก จากนั้นก็ถูกดูดกลับมาหาฉินซูโดยมิอาจขัดขืนได้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกะทันหัน ทำให้บุรุษชุดดำตก
ทันใดนั้นฝูงชนในตลาดจือเสียนก็แตกตื่น วิ่งหนีอลหม่านกันไปคนละทิศละทางมินานนัก ก็ปรากฏเงาบุรุษในชุดท่องราตรีสีดำกระโจนออกมาจากตลาด!พร้อมกับร่างของเด็กสาวสองคนในอ้อมแขนสองข้าง“ช่วยด้วย ช่วยด้วย”เด็กสาวทั้งสองตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือด ร้องตะโกนขอความช่วยเหลือไปตลอดทางเมื่อเห็นดังนั้น ตงฟางไป๋จึงตะโกนสั่งเสียงเข้ม “ช่วยคนไว้ มิว่าอย่างไรอย่าให้เจ้าโจรนั่นหนีไปได้เด็ดขาด!”ทันทีที่คำสั่งออกไป บรรดาผู้ใต้บังคับบัญชาที่ซุ่มซ่อนอยู่ก็พุ่งออกมาขวางทางบุรุษชุดดำที่สวมหน้ากากคมดาบในมือสะท้อนแสงวาววับ เย็นเยียบชวนหวาดหวั่น!กลิ่นอายสังหารชวนให้รู้สึกขนหัวลุก!บุรุษชุดดำหันไปมองรอบด้าน ก่อนจะเคลื่อนสายตามาจับจ้องที่ตงฟางไป๋!ตงฟางไป๋จ้องเขม็งไปที่อีกฝ่ายและแผดเสียงลั่น “เจ้าโจรชั่ว เจ้าถูกพวกข้าล้อมไว้หมดแล้ว รีบปล่อยตัวนางทั้งสองมาเดี๋ยวนี้!”"ลำพังพวกเจ้าน่ะรึ? หึ!"บุรุษชุดดำแค่นเสียงหึ ก่อนจะเหวี่ยงเด็กสาวคนหนึ่งไปทางตงฟางไป๋ มือหนึ่งล้วงเข้าไปในอกเสื้อ!ในขณะที่ตงฟางไป๋กำลังรับตัวเด็กสาวไว้ บุรุษชุดดำก็เหวี่ยงมือ!โยนท่อนไม้ไผ่ยาวครึ่งฉื่อขึ้นไปบนอากาศชิ้ง ชิ้ง ชิ้ง!เสียงแ
ราชวงศ์ต้าเหยียน ชานเมืองหลงเฉิง เขาต้าอวี่“ตายซะ!”เสียงคำรามดังกึกก้อง ดาบคมกริบที่มีแสงเย็นเฉียบแทงเข้าหาหัวใจของฉินซูเร็วยิ่งกว่าสายฟ้า“คุ้มกันองค์รัชทายาท!”ราชองครักษ์หลายนายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉินซูตะโกนลั่นด้วยความโกรธ พลางชักดาบขึ้นสู้ในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้กัน ฉินซูมีแววตาเลื่อนลอย‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?‘‘เมื่อกี้ข้ายังอยู่กับเทพีสงครามผู้งดงามในห้องอยู่เลยมิใช่หรือ?’‘ไฉนจู่ ๆ ข้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?‘ขณะที่เขากำลังสงสัยอยู่นั้น จู่ ๆ ก็รู้สึกปวดศีรษะแปลบ ความทรงจำที่มิใช่ของตัวเองไหลเข้ามาในสมองราวกับน้ำป่าไหลหลาก!ราชวงศ์ต้าเหยียน... รัชทายาท…‘(สะอึก!) นี่ข้าข้ามมิติมาแถมยังกลายเป็นองค์รัชทายาทของราชวงศ์ต้าเหยียนไปแล้วจริง ๆ หรือนี่!‘ฉินซูตื่นตัวอย่างรวดเร็ว มิคิดมิฝันว่าการข้ามมิติที่เคยอ่านในนิยายจะเกิดขึ้นจริงกับตัวเองในขณะที่เขากำลังประหลาดใจ เหล่าราชองครักษ์ก็ถูกมือสังหารฟันลงไปกองกับพื้น(เสียงชักดาบออกมาพร้อมกัน)มือสังหารสวมหน้ากากเจ็ดหรือแปดคนถือดาบล้อมรอบเขาไว้หนึ่งในนั้นตะโกนอย่างเย็นชา “ฉินซู ถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังมิยอมฆ่าตัวตายอีก รอหาอะไ...
Comments