ฉินซูจากยุคปัจจุบันกลับต้องข้ามมิติมายังสมัยโบราณ กลายเป็นองค์รัชทายาทผู้ไร้ค่าแห่งราชวงศ์ต้าเหยียน เพื่อความอยู่รอด เขาจึงต้องหาทางกลับมาแข็งแกร่งดังเดิม ในเวลานี้ ภายนอกถูกศัตรูรุกราน ภายในถูกขุนนางวางแผนร้าย เช่นนั้น เขาจึงควบม้าถือหอก ปราบปรามความวุ่นวาย กำจัดคนทรยศ ปราบปรามศัตรูต่างแคว้น ครองแผ่นดินทั้งหก เป็นที่โจษจันไปทั้งราชสำนัก
View Moreเห็นที่ทรวงอกของเซวียหมิงปรากฏแสงสีทองวาบขึ้นอย่างกะทันหัน และรวมตัวกันเป็นคำว่า 'เสวียน' ขนาดใหญ่!กระแสพลังฝ่ามืออันรุนแรงของฉินซูเมื่อสัมผัสกับอักษร 'เสวียน' ดังกล่าว ก็สลายหายไปกลางอากาศในพริบตา“หือ?”ฉินซูอุทานด้วยความประหลาดใจ มองภาพอันน่าพิศวงนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเต็มใบหน้าสีหน้าของจ้าวอวี้เสวียนเปลี่ยนไปฉับพลัน รีบถามขึ้น “ศิษย์พี่รอง ท่านเป็นกระไรหรือไม่?”เซวียหมิงส่ายหน้า เขาอ้าปากกำลังจะพูดบางอย่างแต่แล้วก็กระอักเลือดออกมาคำโตยามนี้ กระดูกแขนทั้งสองข้างของเขาหักเป็นหลายท่อน ลมปราณในร่างกายก็ปั่นป่วนราวกับน้ำเดือด ใบหน้าซีดเผือดจนไร้สีเลือดจ้าวอวี้เสวียนตกใจมาก จากนั้นก็ตวาดใส่ฉินซูว่า “เจ้าองค์รัชทายาทผู้รอวันปลด เจ้ากล้าทำร้ายศิษย์พี่ของข้า เจ้าต้องตาย สำนักไท่เสวียนของข้าจะมิปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด!”“พวกเจ้าเป็นฝ่ายลงมือก่อน บัดนี้ฝีมือมิทัดเทียมผู้อื่น ยังกล้าปากพล่อย คิดว่าตัวข้าสังหารพวกเจ้ามิได้หรือ?”เมื่อสิ้นเสียงของฉินซู เขาก็ตบฝ่ามือข้ามห้วงเวหาออกไปอีกครามวลอากาศโดยรอบปั่นป่วน จากนั้นเงาฝ่ามือแข็งแกร่งราวกับวัตถุจริงก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว“ศิษย
จ้าวอวี้เสวียนพยักหน้า จากนั้นทั้งสองก็เตรียมจะใช้วิชาตัวเบาหนีไปทว่าในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงแผ่วเบาเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังของทั้งสองพวกเขาทั้งสองหันกลับไปมองโดยสัญชาตญาณ ก็ต้องตกใจจนถอยกรูดไปหลายก้าว เมื่อตั้งหลักได้แล้วก็มองฉินซูที่โผล่มากะทันหันด้วยท่าทีระแวดระวังราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูร้ายฉินซูไพล่มือไว้ด้านหลังพลางพินิจมองทั้งสองด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นรูปร่างหน้าตางดงามราวดอกท้อของจ้าวอวี้เสวียน และรัศมีแห่งความสูงศักดิ์ที่แผ่ออกมาจากตัวนาง ฉินซูเลิกคิ้วถามว่า “จ้าวอวี้เสวียนหรือ?”จ้าวอวี้เสวียนมีสีหน้าประหลาดใจ พลันถามกลับเสียงหลงว่า “เจ้ารู้จักข้าด้วยหรือ?!”ฉินซูหัวเราะน้อย ๆ “เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย ครั้นที่อยู่ในถัวเฉิง ข้าได้ยินคนพูดถึงองค์หญิงอวี้เสวียนบ่อยครั้งว่ามีรัศมีสูงส่ง งดงามน่าหลงใหล วันนี้ได้เห็นกับตา จริงดังคำว่าแล้ว”“เจ้ามิเคยพบข้า ไยจึงรู้ว่าข้าเป็นใคร?”“เจ้ากับข้าต่างก็เป็นเชื้อพระวงศ์ ลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของหน่อเนื้อราชวงศ์นั้นเห็นได้ชัดเจน คำถามเช่นนี้จำเป็นต้องถามด้วยรึ?”จ้าวอวี้เสวียนใคร่ครวญแล้วก็เห็นด้วย จึงกัดฟันกล่าวว่า “ฉินซู เจ้าสังหารเช
เหยียนซงใจเต้นระรัว รีบกล่าวว่า “ตราบใดที่องค์รัชทายาททรงเมตตาไว้ชีวิตเหล่าข้าน้อย ข้าน้อยยินดีถวายสมบัติล้ำค่าของสำนักอสนีบาตให้พ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูมีสีหน้าประหลาดใจ “โอ้? สมบัติกระไร?”เหยียนซงรีบควักกล่องไม้เล็ก ๆ สลักลวดลายงดงามออกมาจากอกเสื้อ “องค์รัชทายาท นี่คือแผนที่ขุมทรัพย์ที่สืบทอดมาจากปฐมาจารย์ของสำนักอสนีบาต ว่ากันว่าในขุมทรัพย์นั้นมีทองคำ เงินและอัญมณีมากมายฝังอยู่ อีกทั้งยังมีคัมภีร์สุดยอดวิชาลับ นี่คือสมบัติล้ำค่าที่สุดของสำนักอสนีบาตเสมอมา ข้าน้อยยินดีมอบให้องค์รัชทายาทด้วยความเต็มใจพ่ะย่ะค่ะ”เขาพูดพลางยกกล่องไม้นั้นทูนขึ้นเหนือศีรษะด้วยสองมือฉินซูโบกมือขึ้นกลางอากาศ กล่องไม้นั้นก็ลอยมาอยู่ในมือของเขาโดยตรงเมื่อเห็นว่าฉินซูสามารถใช้พลังจิตเคลื่นย้ายได้ เหยียนซงก็ยิ่งตกใจหนักกว่าเดิมฉินซูเปิดกล่องไม้นั้น ด้านในมีหนังวัวสีเหลืองซีดเมื่อคลี่หนังวัวออก ข้างในก็เป็นแผนที่“ขุมทรัพย์ที่เจ้าพูดถึง อยู่ที่เป่ยเยี่ยนหรือ?”เนื่องจากเขากวาดตามองซ้ายขวาแล้วพบว่าส่วนล่างสุดของแผนที่คือเมืองที่อยู่ตอนเหนือสุดของต้าเหยียน และเหนือขึ้นไปอีกก็คือดินแดนเป่ยเยี่ยนเหยียนซงพยัก
เมื่อลูกทรงกลมตกลงพื้นก็แตกออกพร้อมกับปล่อยควันพิษพวยพุ่งออกมากลุ่มใหญ่“กระจายออกไป เร็วเข้า...แค่ก ๆ ...”คนของสำนักอสนีบาตสูดควันพิษจนสำลักไอโขลก ๆ หลายคนหน้ามืดสติหมดสติไปเลยก็มีเมื่อเห็นว่าทั้งอาวุธลับและระเบิดควันพิษทำกระไรฉินซูมิได้ ถานเทียนเต๋อก็โกรธจนแทบคลั่ง!“ข้าชักจะโมโหแล้ว! ทุกคนจงฟังคำสั่ง ตามข้าไปฆ่าเจ้ารัชทายาทผู้รอวันปลดกับพวกพ้องให้สิ้น!”“น้อมรับบัญชาท่านเจ้าสำนัก!”ทุกคนตอบรับพร้อมเพรียงเป็นเสียงเดียว แล้วกรูกันลงเขาพร้อมกับชูอาวุธในมือราวกับฝูงผึ้งแตกรัง“เป็นแค่พวกนกกระจอก ยังกล้าอวดดี!”ฉินซูยิ้มเยาะ หยิบลูกธนูมามัดหนึ่งแล้วกระทืบเท้ากับพื้น ร่างพุ่งทะยานขึ้นไปในอากาศทันทีเมื่อขึ้นไปอยู่กลางอากาศ เขาก็สะบัดมือ!ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว !ลูกธนูในมือถูกห่อหุ้มด้วยปราณบริสุทธิ์อันแข็งแกร่งพุ่งออกไปกลุ่มคนของสำนักอสนีบาตยังมิทันเข้าถึงตัวชิวก่วนและพวก ก็ถูกยิงด้วยธนูจนล้มไปกองกับพื้นเป็นส่วนใหญ่เสียแล้วเมื่อเห็นเช่นนั้น เหยียนซงก็รีบเตือนว่า “ศิษย์พี่เจ้าสำนัก จะจับโจรต้องจับหัวหน้าก่อน!”“ดี เจ้ากับข้าไปจัดการรัชทายาทผู้รอวันปลดนั่นด้วยกัน ส่วนคนอื่น ๆ จงบ
ทันใดนั้นเอง พลธนูสองนายก็กระโดดออกมาจากด้านหลังชิวก่วนพวกเขาใช้ระเบิดสายฟ้าไม้ไผ่ผูกติดกับลูกธนู จุดไฟแล้วปล่อยสายธนูฟิ้ว ฟิ้ว!ลูกธนูที่ยิงออกจากธนูทดกำลังนั้นเร็วราวสายฟ้าแลบ พุ่งไปยังเนินเขาทั้งสองด้าน“แย่แล้ว หลบเร็ว!”ถานเทียนเต๋อที่ซุ่มอยู่ในพุ่มรับรู้ถึงอันตรายที่กำลังมาถึงอย่างเฉียบแหลม จึงตะโกนเสียงดังลั่น คนที่อยู่ด้านหลังเขาก็เคลื่อนไหวทันทีเมื่อได้ยินเสียง!ทว่ายังช้าไปก้าวหนึ่ง!ตู้ม ตู้ม!!แม้ว่าลูกธนูที่ยิงไปถึงเนินเขาด้านหนึ่งจะพลาดเป้า แต่ลูกธนูอีกดอกกลับตกท่ามกลางกลุ่มคนด้านหลังถานเทียนเต๋อพอดีทันใดนั้นเอง เหล่าลูกศิษย์สำนักอสนีบาตก็ถูกแรงระเบิดอัดจนล้มระเนระนาด หลายคนนอนร้องครวญครางอยู่บนพื้น สองคนในนั้นถึงกับแขนขาขาดกระจุย สภาพน่าสยดสยองนักเมื่อเห็นภาพนั้น ถานเทียนเต๋อก็เผยสีหน้าตกใจสุดขีดลูกธนูที่ดูจะมิได้วิเศษวิโสกระไรกลับมีอานุภาพร้ายแรงถึงเพียงนี้!ในขณะที่เขากำลังตกตะลึงอยู่นั้น ทางด้านชิวก่วนก็เผยมีสีหน้าประหลาดใจออกมา!“ให้ตาย มีคนซุ่มโจมตีพวกเราจริง ๆ ด้วย ใครก็ได้ ยิงถล่มมันเสีย!”เขาสั่งการอีกครั้ง พลธนูจึงหยิบธนูทดกำลังขึ้นมาผูกระเบิด
“กักตนบำเพ็ญเพียรครึ่งปี ในที่สุดก็ทะลวงผ่านคอขวดได้สำเร็จ มิเสียแรงที่เตรียมการมานานนับปี!”ขณะที่พูด เขาก็สังเกตเห็นบางสิ่งบางอย่างใต้ฝ่าเท้าเมื่อก้มลงมองก็พบว่าเป็นจดหมายที่เซวียหมิงและจ้าวอวี้เสวียนทิ้งไว้ให้เขาก่อนลงจากภูเขาไปเขาเปิดอ่านดูครั้งหนึ่ง สีหน้าก็เคร่งขรึมขึ้นในทันใดจากนั้นร่างของเขาก็พุ่งทะยานหายลับไปจากเชิงเขาด้วยความเร็วที่น่าเหลือเชื่อ เพียงชั่วพริบตาก็ไร้ร่องรอย!วันรุ่งขึ้นในหุบเขาที่อยู่ห่างจากทางใต้ของเจียวโจวประมาณเจ็ดถึงแปดสิบลี้ ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่กำลังยืนอยู่บนก้อนหินใหญ่พลางจ้องมองไปยังทางใต้เขาคือเจ้าสำนักอสนีบาต ถานเทียนเต๋อ!ในเวลานี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยจิตสังหาร มือกำด้ามดาบแน่น“ศิษย์พี่เจ้าสำนัก พวกเราซุ่มโจมตีเรียบร้อยแล้ว รอเพียงองค์รัชทายาทผู้รอวันปลดนั่นผ่านมาก็จะดักจับพวกเขาไว้ในหุบเขานี้ได้แล้วขอรับ!” เหยียนซงศิษย์น้องของเขาเดินเข้ามารายงานถานเทียนเต๋อพยักหน้าเล็กน้อยพลางกล่าวเสียงต่ำว่า “วันนี้ เพื่อแก้แค้นให้ซินหลาน ข้าจะสังหารฉินซูด้วยมือของข้าเอง!”พูดจบ เขากับเหยียนซงก็ซ่อนตัวอยู่บนต้นไม้ใหญ่ที่มีกิ่งก้านใบดกหนาแน่
ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “นี่ปะไรเล่า ยังมีเจ้าอีกทั้งคน มีเจ้าช่วยข้าก็มิถือว่าตัวคนเดียวแล้ว อีกอย่างคนที่ข้าต้องจัดการจริง ๆ มิใช่ชนเผ่าหรงตะวันตกทั้งหมดเสียหน่อย”“แล้วคนที่เจ้าต้องจัดการเป็นใครกันแน่?”“ในชนเผ่าหรงตะวันตกมีสำนักจันทราโรหิตอยู่ คราวนี้ข้าจะจัดการกับพวกเขาโดยเฉพาะ มหาปุโรหิตของสำนักจันทราโรหิตมีวรยุทธ์แก่กล้า ด้วยวรยุทธ์ของข้า ยังมิมั่นใจว่าจะรับมือไหว”ฉงชูโม่เลิกคิ้วขึ้น ซักถามต่อ “มหาปุโรหิตกระไรนั่นก็เป็นครึ่งก้าวย่ำสวรรค์ด้วยหรือ?”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยกำลังจะส่ายหน้า แต่เมื่อไตร่ตรองดูดี ๆ เขาเหมือนนึกกระไรบางอย่างได้ จึงพยักหน้าเขากลัวว่าฉงชูโม่จะมิยอมอยู่ช่วย จึงกล่าวเสริมอีกว่า “ชูโม่ กองกำลังของอ๋องฉู่พวกนั้นมิได้มีอาวุธติดตัว ปล่อยให้พวกตงฟางไป๋พาพวกเขากลับไปก็พอแล้วอีกอย่าง หากเจ้าอยู่ที่หลงโย่ว หลังจากจัดการเรื่องสำนักจันทราโรหิตเสร็จ เจ้าก็รอองค์รัชทายาทแล้วค่อยกลับหลงเฉิงพร้อมกับพระองค์ก็ได้มิใช่หรือ”คราวนี้ฉงชูโม่รู้สึกเอนเอียงเข้าแล้ว แม้จะรู้ว่าฉินซูได้รับชัยชนะกลับมาอย่างยิ่งใหญ่ แต่เรื่องรายละเอียดปลีกย่อยบางอย่างนางก็อยากรู้เช่น
การประลองยุทธ์ของยอดฝีมือ ย่อมมิอาจเสียสมาธิได้แม้แต่น้อย!อย่างนี้ไงเล่า ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยฉวยโอกาสเหวี่ยงกระบี่เล่มใหญ่ในมือฟาดฟันอย่างแรงเสียง 'ฉัวะ' ดังขึ้น แขนข้างที่ถืออาวุธของชายชุดดำก็ถูกตัดขาด เลือดสด ๆ พุ่งกระฉูด สูญเสียความสามารถในการต่อสู้ทันทีชายชุดดำอีกสองคนที่เห็นท่ามิดี ก็มิพูดพร่ำทำเพลง รีบแยกย้ายกันหนีตายกันทันใด“จะหนีไปไหน!”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยแผดเสียงดังลั่น กระโดดเข้าขวางชายคนหนึ่งไว้ได้ส่วนฉงชูโม่ก็เหวี่ยงแขนฟันกระบี่ไปยังทิศที่อีกคนกำลังหนีไป“อ๊าก!!”ชายผู้นั้นร้องโหยหวน บาดเจ็บสาหัสล้มลงไปกองกับพื้นในยามนั้นเอง ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยก็คุมตัวชายชุดดำคนสุดท้ายไว้ได้!ฉงชูโม่ขมวดคิ้วถาม “เกิดอันใดขึ้น? ไฉนเจ้าถึงมาต่อสู้กับคนของเผ่าหรงตะวันตกได้?”“เรื่องมันยาว ไว้ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังทีหลัง ว่าแต่ไฉนเจ้าจึงนำคนมากมายเช่นนี้กลับมา เกิดเรื่องใหญ่ที่หลงเฉิงหรือ?”ฉงชูโม่ลังเลเล็กน้อย แต่แล้วเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้อีกฝ่ายฟังตู๋กูโฉ่วเยวี่ยกล่าวด้วยใบหน้าตกตะลึง “มิจริงน่า? อ๋องฉู่กล้าซ่องสุมกำลังพลเพื่อก่อกบฏหรือ?!”“น่าประหลาดใจมากใช่หรือไม่? ยามนั้นข้าก็รู้สึกม
หลังจากฉินอู๋ต้าวออกจากพระตำหนักจินหลวนก็ตรงไปยังวังหลังทันที!มินานนัก ร่างสองร่างก็โผบินผ่านท้องฟ้าเหนือวังหลังที่มีทหารรักษาพระองค์แน่นหนา ด้วยความเร็วที่ทหารเหล่านั้นมิทันสังเกตเห็นในขณะเดียวกัน สำนักหอดูดาวหลวง เหลยเจิ้นรู้สึกหัวใจสั่นสะท้านอย่างประหลาดเขารีบนับนิ้วคำนวณ จากนั้นก็ส่ายหน้าอย่างจนใจ “เป็นพ่อลูกกันแท้ ๆ ไฉนจึงเป็นเช่นนี้ไปได้!”“อาจารย์ เกิดอันใดขึ้นหรือขอรับ?”ชายร่างใหญ่กำยำที่อยู่ข้างกายเขาถามด้วยใบหน้าเปี่ยมความสงสัยเขาคือจีอัน ศิษย์พี่สี่ของกู้เสวี่ยเจี้ยน!“ไม่มีเรื่องสลักสำคัญหรอก ว่าแต่เมื่อมิกี่วันก่อน เจ้าบ่นกับอาจารย์ว่าอยู่แต่ในสำนักหอดูดาวหลวงทุกวันมันน่าเบื่อใช่หรือไม่?”จีอันผงกศีรษะโต ๆ หนักแน่น “ใช่ขอรับ เดิมทีข้าอยากจะไปช่วยศิษย์น้องหญิงที่หอดารารักษ์ แต่ท่านก็กลัวตายมิกล้าไปกับข้าเสียได้”“เจ้าโง่ อาจารย์กลัวตายเสียที่ไหน แต่ข้ามองสถานการณ์ในภาพรวม เจ้าเข้าใจหรือไม่?” เมื่อเผชิญหน้ากับจีอันผู้ซื่อตรง มิค่อยคิดกระไรมากมาย เหลยเจิ้นก็รู้สึกปวดหัวอย่างเห็นได้ชัดจีอันกอดอกพลางทำท่าทางเหมือนรู้ทัน “ชิ กลัวตายยังหาข้ออ้างคณานับ”เหลยเจิ้นย
ราชวงศ์ต้าเหยียน ชานเมืองหลงเฉิง เขาต้าอวี่“ตายซะ!”เสียงคำรามดังกึกก้อง ดาบคมกริบที่มีแสงเย็นเฉียบแทงเข้าหาหัวใจของฉินซูเร็วยิ่งกว่าสายฟ้า“คุ้มกันองค์รัชทายาท!”ราชองครักษ์หลายนายที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ฉินซูตะโกนลั่นด้วยความโกรธ พลางชักดาบขึ้นสู้ในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้กัน ฉินซูมีแววตาเลื่อนลอย‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?‘‘เมื่อกี้ข้ายังอยู่กับเทพีสงครามผู้งดงามในห้องอยู่เลยมิใช่หรือ?’‘ไฉนจู่ ๆ ข้าถึงมาอยู่ที่นี่ได้?‘ขณะที่เขากำลังสงสัยอยู่นั้น จู่ ๆ ก็รู้สึกปวดศีรษะแปลบ ความทรงจำที่มิใช่ของตัวเองไหลเข้ามาในสมองราวกับน้ำป่าไหลหลาก!ราชวงศ์ต้าเหยียน... รัชทายาท…‘(สะอึก!) นี่ข้าข้ามมิติมาแถมยังกลายเป็นองค์รัชทายาทของราชวงศ์ต้าเหยียนไปแล้วจริง ๆ หรือนี่!‘ฉินซูตื่นตัวอย่างรวดเร็ว มิคิดมิฝันว่าการข้ามมิติที่เคยอ่านในนิยายจะเกิดขึ้นจริงกับตัวเองในขณะที่เขากำลังประหลาดใจ เหล่าราชองครักษ์ก็ถูกมือสังหารฟันลงไปกองกับพื้น(เสียงชักดาบออกมาพร้อมกัน)มือสังหารสวมหน้ากากเจ็ดหรือแปดคนถือดาบล้อมรอบเขาไว้หนึ่งในนั้นตะโกนอย่างเย็นชา “ฉินซู ถึงขนาดนี้แล้ว เจ้ายังมิยอมฆ่าตัวตายอีก รอหาอะไ...
Comments