หลังจากที่หลินชิงเหยาได้สติ นางก็หัวเราะกับตัวเอง “ดูเหมือนว่าหม่อมฉันจะเข้าไปยุ่งโดยมิจำเป็น วางพระทัยเถิดเพคะ องค์รัชทายาท หม่อมฉันจะมิเข้ามารบกวนท่านอีก"นางดูหดหู่ใจ ความโศกเศร้าจาง ๆ ยังคงอยู่บนใบหน้าอันบอบบางของนาง หลังจากพูดเช่นนั้นแล้วนางก็หันหลังเดินจากไปสตรีผู้นี้มีความรู้สึกต่อเขาอย่างเห็นได้ชัด!ฉินซูยิ้มอย่างมีเสน่ห์ พลันคว้าแขนขาวดั่งหยกอันละเอียดอ่อนของหลินชิงเหยาแล้วดึงนางเข้าไปในอ้อมอกร่างกายที่บอบบางของหลินชิงเหยาสั่นสะท้าน และตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้เมื่อตระหนักรู้ตัวได้เช่นนั้นนางก็พยายามจะแยกตัวออกนางเริ่มตะโกน“องค์รัชทายาท ท่านจะทำอะไร ปล่อยหม่อมฉันเดี๋ยวนี้!”ฉินซูยื่นมือออกมาเชยคางของนางแล้วจ้องมองเมื่อสบกับสายตาเจ้าเสน่ห์ของฉินซู หลินชิงเหยาก็อดมิได้ที่จะตะลึงเล็กน้อยตอนนั้นเองที่นางสังเกตเห็นรูปลักษณ์อันหล่อเหลาขององค์รัชทายาทไร้ค่า คิ้วคมโดดเด่น และดวงตาที่น่าดึงดูดและนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนมองนางด้วยสายตาอันลึกซึ้งเช่นนี้ก่อนหน้านี้ แม้ว่าอ๋องฉีฉินหงจะบอกว่าเขารักนางก็ตามแต่เขามักจะมองนางด้วยท่าทางวางตัวราวกับว่าคว
เฉิงจืออี้กล่าวอย่างมีความหมาย “หลังจากมาถึงหลงเฉิงแล้ว กระหม่อมได้ยินมาหลายครั้งว่า เหล่าองค์ชายและองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียนมิลงรอยกัน ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร องค์ชาย หากท่านประสงค์ทวงคืนศักดิ์ศรี ท่านสามารถร่วมมือกับเหล่าองค์ชายแห่งต้าเหยียนได้พ่ะย่ะค่ะ”“เป็นความคิดที่ดี!”มู่หรงฟู่ตบต้นขาของตนในทันใด และลุกพรวดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นแต่หลังจากสงบลงแล้วเขาก็ถอนหายใจด้วยความหดหู่ “วันนี้เราก่อความวุ่นวายในราชสำนักต้าเหยียน องค์ชายแห่งต้าเหยียนเหล่านี้คงเกลียดเราแล้วจะมีใครร่วมมือกับเราอีกหรือ?”“องค์ชาย หาอย่าได้ประมาทความยั่วยุของตำหนักบูรพา องค์ชายเหล่านั้นต่างรอมิไหวที่จะได้เหยียบย่ำฉินซูพ่ะย่ะค่ะ”“แล้วตามที่ขุนนางอาวุโสเฉิงบอก เราควรร่วมมือกับองค์ชายคนใดดีเล่า?”เฉิงจืออี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “องค์ชายสามฉินหงหรือองค์ชายหกฉินเหยี่ยนแห่งต้าเหยียน ทั้งสองเผชิญหน้ากับฉินซูในราชสำนักในวันนี้ พวกเขาจะตกลงร่วมมือกับเราอย่างแน่นอน”มู่หรงฟู่พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เรื่องนี้มิควรล่าช้า เราไปคุยกับพวกเขาตอนนี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ”“องค์ชาย หากออกไปเช่นนี้จะถูกดึงดูดความสนใจ
เมื่อเห็นการจ้องมองที่แทบจะกินเลือดกินเนื้อคนของฉินหง ฉินเหยี่ยนก็แอบหัวเราะในใจและรอชมละครฉากเดือดฉินหงจ้องมองไปที่ฉินซูและถามอีกครั้ง “บอกมา เจ้าทำอะไรกับชิงเหยา?”ฉินซูวางเอามือไพล่หลังแล้วตอบอย่างมิใส่ใจ "ในเมื่อเจ้าต้องการรู้ เหตุใดมิลองเดาดูเล่า!”“เจ้า… ข้า...”ฉินหงกำหมัดแน่นพร้อมจะลงมือฉินอี้ที่อยู่ด้านข้างรีบหยุดเขาไว้และแนะนำ “เสด็จพี่สาม เสด็จพี่องค์รัชทายาทจะทำอะไรที่มิเหมาะสมกับคนรักของท่านได้อย่างไร เห็นได้ชัดว่ามู่หรงฟู่ต้องการหว่านความขัดแย้งท่าน อย่าตกหลุมพรางแผนการเขาสิ!"“หากมู่หรงฟู่กำลังหว่านความขัดแย้งจริง ๆ เหตุใดฉิน… องค์รัชทายาทฉินมิให้คำอธิบายเล่า?”เดิมทีฉินหงต้องการเรียกเขาด้วยชื่อจริง แต่หลังจากที่เห็นหลินซีขยิบตาให้เขา เขาก็เปลี่ยนใจในพระตำหนักจินหลวน ต่อหน้าขุนนางทั้งฝ่ายบุ๋นและบู๊ของราชสำนัก การเรียกองค์ชายด้วยพระนามนั้นถือเป็นอาชญากรรมอย่างยิ่งหากฉินซูเข้าใจจุดนี้ ตนคงมิสามารถรับผลที่ตามมาได้ คงต้องจบเห่เป็นแน่ฉินอี้อธิบายว่า "เสด็จพี่องค์รัชทายาทคงคร้านเกินจะอธิบาย ยามนี้เป่ยเยี่ยนล้มเหลวในการขอเมืองชิ่งโจวคืน จึงใช้กลยุทธ์สร้างความแตกแ
หลินชิงเหยายิ้มอย่างขมขื่นพลางหลับตารอความตายดาบเคลื่อนลงมาอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าหลินชิงเหยากำลังจะพบกับจุดจบอันน่าเศร้าในช่วงเวลาวิกฤตินี้ มีร่างหนึ่งกระโดดลงจากหลังม้า!ในขณะที่คนผู้นั้นนี้ยื่นมือออกเพื่อดึงหลินชิงเหยาออกมา มืออีกข้างของเขาก็คว้าดาบอย่างรวดเร็วและช่ำชองในชั่วพริบตา ดาบในมือของฉินหงก็ถูกคนผู้นั้นคว้าไป ในเวลาเดียวกัน ดาบเย็นก็กดลงบนคอของเขาในทันใด!หลังจากที่ฉินหงตระหนักได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเขาก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง!“ฉินซู เหตุใดจึงเป็นเจ้า!”เขาตกใจมาก!ฉินซูผู้ไร้ประโยชน์มีทักษะถึงเพียงนี้ได้อย่างไร? เขาสามารถปลดอาวุธได้ด้วยมือเปล่าจริง ๆ หรือ?องครักษ์ที่อยู่รอบ ๆ ฉินหงต่างก็ทำหน้าเคร่งขรึม พลันชักมีดออกมาพร้อมกัน!ดวงตาของฉินซูเย็นชา ดาบในมือของเขากลายเป็นแสงสีขาว ฟันไปที่หัวหน้าองครักษ์ที่อยู่ด้านหน้าม่านตาของหัวหน้าองครักษ์หดตัวลงทันที และพยายามหลบเลี่ยงโดยสัญชาตญาณทว่าก่อนที่เขาจะขยับเท้าได้ ดาบก็ฟาดลงมาแล้ว“ฉึก!”โลหิตพลันพุ่งออกมา ศีรษะของหัวหน้าองครักษ์ลอยขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็ร่วงหล่นลงมาและกลิ้งไปบนพื้นสองสามครั้งก่อนที่มันหยุดลงร่
หลินซีตบหน้าอกด้วยความมั่นใจ “มิเป็นเช่นนั้นแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง ท่านอาจมิทราบว่า จริง ๆ แล้วเซี่ยหลานถูกองค์รัชทายาทคุกคามเมื่อมินานมานี้ นางต้องการแก้แค้นองค์รัชทายาทมาโดยตลอด แต่นางไม่มีความสามารถที่จะทำเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”“เยี่ยมมาก คราวนี้เราต้องวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อให้แน่ใจว่าจะโค่นฉินซูลงให้ตกต่ำที่สุดจนลุกขึ้นมิได้อีก!”การแสดงออกของฉินหงดูชั่วร้ายมาก ดูอันตรายอย่างยิ่งในเวลาเดียวกันภายในโรงเตี๊ยมที่คณะทูตเป่ยเยี่ยนพักอยู่มู่หรงฟู่พูดด้วยความโกรธ “ให้ตายเถอะ ข้าอยากให้ฉินซูอับอายต่อหน้าธารกำนัล มิคิดเลยว่าเขาจะหนีไปง่าย ๆ เช่นนี้”เฉิงจืออี้ขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความงุนงงเล็กน้อย “เป็นเรื่องแปลกนักที่คนกล่าวขานกันว่า องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียนหลงสุราเคล้านารีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และองค์จักรพรรดิต้าเหยียนก็ตัดสินใจปลดเขาออกหลังจากวันชุนเฟินในปีหน้า ทว่าหลังจากการเผชิญหน้าทั้งสองครั้งนี้ ไฉนกระหม่อมจึงรู้สึกว่า องค์รัชทายาทจะใกล้จะถูกปลดผู้นี้พูดจาเฉียบคมนัก มีสิ่งใดที่เขาดูเหมือนคนที่หลงสุราเคล้านารีหรือ?”“หึ หาได้ต้องถามไม่ เขาต้องรู้ว่าตนกำลังจะถูกปลด ดังนั้นเขาจึ
ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “ฮ่าฮ่า ๆ ขุนนางอาวุโสเฉิงพูดเกินไปแล้ว พวกเราแค่อยากให้องค์ชายของท่านอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน หาอย่าได้ต้องกังวล พวกเราจะดูแลองค์ชายอย่างดี”เฉิงจืออี้สูดจมูกอย่างเย็นชาแล้วพูดกับมู่หรงฟู่ “องค์ชาย โปรดดูแลตัวเองด้วยพ่ะย่ะค่ะ ภายในสิบวัน องค์จักรพรรดิจะส่งคนไปรับท่านกลับอย่างแน่นอน"“ไปเถอะ เดินทางปลอดภัย”เฉิงจืออี้และคนอื่น ๆ ต่างก็อำลามู่หรงฟู่ จากนั้นจึงขึ้นรถม้าและออกจากเมืองไปหลังจากดูพวกเขากลับไปแล้ว มู่หรงฟู่ก็ถามอย่างใจเย็น “พี่ชายตู๋กู ข้าขอถามหน่อยได้หรือไม่ว่า ข้าควรไปพบไทฮองไทเฮาของเจ้าตอนนี้หรือว่าอย่างไร?”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหัวเราะและพูดว่า "องค์ชายมู่หรงให้เกียรติกันเกินไปแล้ว ท่านมีสถานะที่สูงส่ง กระหม่อมมิกล้าให้ท่านเรียกว่าพี่ชายหรอก เรียกกระหม่อมว่าโฉ่วเยวี่ยเถิดพ่ะย่ะค่ะ"“เข้าประเด็นกันเถิด!”“เช่นนั้น องค์ชายมู่หลง โปรดมากับกระหม่อมมาเถิด เข้าเฝ้าไทฮองไทเฮาก่อน จากนั้น... กระหม่อมจะพาท่านไปยังที่พำนัก”มู่หรงฟู่พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ขี่ม้าเคียงข้างกับตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไประหว่างทาง เขาถามอย่างสงสัย “ว่าแต่ว่า พี่ตู๋กู เรื่องกั
เหลยเจิ้นอธิบายว่า “ข้าน้อยเพียงรู้สึกว่า องค์รัชทายาทสามารถหาวิธีที่จะควบคุมเป่ยเยี่ยนได้ ดังนั้นพระองค์อาจมีความคิดเกี่ยวกับการค้นหาผู้มีความสามารถจากทั่วใต้หล้าพ่ะย่ะค่ะ"ฉินอู๋ต้าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นส่ายหัวเล็กน้อย“ข้าควรถามเว่ยเจิงก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ ส่งคนไปจับตาดูเป่ยเยี่ยนอย่างใกล้ชิดด้วย ตอนนี้แม้ว่ามู่หรงฟู่จะถูกกักขังอยู่ที่นี่ แต่เราต้องระวังการเคลื่อนไหวที่เป็นอันตรายจากฝั่งเป่ยเยี่ยนด้วย”“ข้าน้อยน้อมรับสั่งฝ่าบาท!”เหลยเจิ้นโค้งคำนับเล็กน้อยแล้วถอยกลับเดินออกไป…… ทางด้านของฉินซูหลังจากที่เขาออกจากจวนตระกูลหลิน เขามิได้กลับไปที่ตำหนักบูรพา แต่มาที่โรงน้ำชาใกล้กับตลาดที่พลุกพล่านแทนเมื่อพูดถึงการรวบรวมข้อมูล ไม่มีที่ไหนจะดีไปกว่านี้แล้วเขาพบที่นั่งริมหน้าต่างและนั่งลง ขณะดื่มชาเขาก็ตั้งใจฟังบทสนทนาที่ค่อนข้างมีเสียงดังในโรงน้ำชาด้วยเนื่องจากเขาปลอมตัวออกมาประหนึ่งสามัญชนจึงไม่มีใครจำเขาได้ในเวลานี้ ชายคนหนึ่งที่อยู่โต๊ะถัดไปถามสหายของเขาว่า “นี่ ๆ พวกเจ้าเคยได้ยินหรือไม่ เมื่อสองวันก่อนมีใครบางคนทำลายปราการเฮยเฟิงในคราวเดียว พวกผู้นำหัวหน้าต่าง
ฉินซูถามอย่างมิเป็นทางการ “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นยอดฝีมืออันดับสองของหลงเฉิง ตอนนี้เจ้ามีความแข็งแกร่ง หรือจะถามว่าเจ้าอยู่ในระดับใด?”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยเหลือบมองฉินซูอย่างสงสัย มิเข้าใจว่าเหตุใดองค์รัชทายาทจึงถามเรื่องนี้แต่เขาก็ยังคงตอบอย่างตรงไปตรงมา “ทูลองค์รัชทายาท กระหม่อมเป็นนักรบขั้นกลางระดับปฐพี”“ระดับปฐพี?”“พ่ะย่ะค่ะ ในวีถีแห่งวรยุทธ แบ่งระดับจากสูงไปต่ำคือ ระดับสวรรค์ ระดับปฐพี ระดับซวน(ลึกลับ) และระดับมนุษย์ แต่ละระดับแบ่งออกเป็นสามขั้นย่อยได้แก่ ขั้นต้น ขั้นกลาง และขั้นปลาย”ฉินซูขมวดคิ้วและถามว่า “เช่นนั้น เจ้านายของเจ้าเป็นนักรบระดับสวรรค์หรือ?"“ข้อนี้ กระหม่อมเองก็มิแน่ใจพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าหมายความเช่นไร ตามความเข้าใจของข้า เจ้าสำนักถือได้ว่าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของราชวงศ์ต้าเหยียนอันยิ่งใหญ่ของเรา ในระดับนี้แล้ว ความแข็งแกร่งมิน่าจะอยู่เพียงแค่ขั้นปลายระดับปฐพีได้เลย”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ตาเฒ่านั่น... อะแฮ่ม... กระหม่อมหมายถึงท่านผู้นั้นย่อมมิใช่เพียงแค่นักรบระดับปฐพี แต่เหตุผลที่เมื่อครู่กระหม่อมบอกว่า กระหม่อมมิแน่ใจก็เพราะกระหม่อมคิดว่าคว
ฉินซูหัวเราะเบา ๆ แล้วกล่าว “ข้าสบายดี หาได้มีกระไรต้องเป็นห่วงไม่”“ฉินซู ท่านตีหนานเยวี่ยแตกพ่ายจริงหรือ แล้วยังสังหารจักรพรรดิจ้าวควงนั่นด้วยหรือเพคะ?”จนถึงวันนี้ มู่หรงจื่อเยียนก็ยังมิกล้าเชื่อเนื่องด้วยฉินซูนำทหารไปเพียงหมื่นนายเท่านั้น คนเพียงเท่านี้จะตีด่านปราการแคว้นหนานเยวี่ยได้หรือไม่ก็ยังตอบมิได้ นับประสากระไรกับการบุกยึดพระราชสถานหนานเยวี่ยเมื่อเห็นฉินซูพยักหน้ารับ นางก็ตกใจจนยกมือขึ้นมือปิดปากเล็ก ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยความประหลาดใจเมื่อได้สติกลับมา นางก็รีบร้อนกล่าว “ท่านทำได้อย่างไร? รีบเล่าให้หม่อมฉันฟังหน่อยเถิดเพคะ”“คุยตรงนี้คงมิเหมาะ ไปเถิด กลับไปที่โรงเตี๊ยมแล้วค่อยว่ากัน”ในยามนี้ ชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในเมืองเจียวโจวทยอยกลับมาอยู่ที่เดิม โรงเตี๊ยมที่เคยปิดประตูแน่นหนาก่อนหน้า บัดนี้ก็เปิดประตูต้อนรับแขกแล้วเมื่อเห็นฉินซูลากมู่หรงจื่อเยียนไปยังโรงเตี๊ยม ตี๋จิ่งและคนอื่น ๆ ก็มีสีหน้าถมึงทึงขึ้นทันใดในฐานะองครักษ์ของมู่หรงจื่อเยียน ยามนี้พวกเขาเชื่อสนิทใจแล้วว่า ท่านหญิงของตนเสร็จฉินซูไปแล้วหนึ่งในนั้นกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า “พี่ตี๋ ดูเหมือนว่าแคว้นหนา
“ถ้าเช่นนั้นก็ขอบคุณสำหรับน้ำใจ” ฉินซูหัวเราะเบา ๆ“พวกเรากลับ!”ชายชราเหลือบมองจ้าวอวี้เสวียนแล้วหันหลังเดินจากไปจ้าวอวี้เสวียนมีสีหน้าประหลาดใจ แต่ก็มิกล้าพูดกระไรมากนัก นางจ้องมองฉินซูจากระยะไกลผาดหนึ่งแล้วประคองเซวียหมิงตามไปเมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินซูก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกแม้ว่าวรยุทธ์ของชายชราผู้นี้จะมิน่าสะพรึงกลัวเท่าซ่างกวนอวิ๋นซี แต่ก็เหนือกว่ายอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับสวรรค์ทั่วไปลิบลับหากอีกฝ่ายสู้มิคิดชีวิตมิสนใจสิ่งใด เขาก็มิมั่นใจว่าจะสามารถหลบหนีได้อย่างปลอดภัยที่รอดพ้นอันตรายมาได้ในครั้งนี้ ถือว่าได้รับความคุ้มครองจากชื่อเสียงของเหลยเจิ้นแล้วเขารวบรวมสติแล้วสั่งว่า “พวกเราก็ไปกันเถิด”ชิวก่วนและคนอื่น ๆ เพิ่งได้สติ ก็พยักหน้ากันอย่างเหม่อลอยเมื่อครู่แม้ว่าชายชรากับฉินซูจะประลองกันเพียงกระบวนท่าเดียว แต่วรยุทธ์นั้นก็เกินขอบเขตความเข้าใจของพวกเขาไปมากมุมมองที่พวกเขามีต่อใต้หล้านี้ถูกทำลายลง ถึงกับรู้สึกว่าตนเองช่างเล็กจ้อยราวกับมดปลวกด้านนอกหุบเขาจ้าวอวี้เสวียนถามด้วยความค้างคาใจว่า “ท่านอาจารย์อา ไฉนท่านถึงปล่อยฉินซูไปง่าย ๆ เช่นนั้น แม้จะมิแก้แค้นให้ศ
“แย่งชิงสมบัติของสำนักไท่เสวียนของข้าแล้วยังคิดจะสังหารคนอีก ทำเช่นนี้ช่างเกินไปจริง ๆ!”เมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยนี้ จ้าวอวี้เสวียนและเซวียหมิงที่หมดหวังไปแล้วก็เผยสีหน้ายินดีสุดขีดเห็นเพียงร่างคนวูบไหว ชายชราสวมชุดคลุมสีขาวก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าพวกเขาแล้ว“ท่านอาจารย์อา!!”จ้าวอวี้เสวียนยินดีจนน้ำตาไหล ในที่สุดก็รอดแล้วชายชราพยักหน้าเล็กน้อยพลางมองเซวียหมิงที่บาดเจ็บสาหัส จากนั้นใบหน้าเฒ่าชราก็มืดคล้ำลงทันทีสายตาเย็นเยียบลุ่มลึกของเขาจับจ้องไปที่ฉินซู ก่อนจะเปล่งวาจาชัดถ้อยคำ “ข้ามิสนว่าเจ้าเป็นใคร รีบคืนป้ายอาญาสิทธิ์ไท่เสวียนมาเสีย แล้วจงตัดแขนตนทั้งสองข้าง เรื่องที่เจ้าทำร้ายเซวียหมิงจะถือว่าเลิกแล้วต่อกัน”ฉินซูยักไหล่กล่าวว่า “อายุก็มาก ไฉนยังพูดจาไร้เดียงสาเช่นนี้ หรือว่าคนของสำนักไท่เสวียนของพวกเจ้าทุกคนเป็นพวกไร้สมองเหมือนเจ้ากันหมด?”ในดวงตาของชายชราเผยจิตสังหารแวบหนึ่ง กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เจ้าอยากตายหรือไร?”“ข้าพูดไปตามความจริงเท่านั้น แม้ว่าข้าจะตัดแขนทั้งสองข้างตามที่เจ้าพูด เจ้าอาจจะปล่อยข้าไป แต่จ้าวอวี้เสวียนมิยอมปล่อยแน่ เพราะข้าสังหารราชวงศ์จ้าว
ดวงตาของฉินซูเบิกกว้าง เมื่อเห็นภาพมหัศจรรย์นี้ทำแบบนี้ได้ด้วยหรือนี่?จากนั้นเขาก็ปล่อยกระแสพลังฝ่ามือออกมาอีกหลายครั้ง พยายามจะทำลายโล่จำแลงจากป้ายอาญาสิทธิ์นั้นลง แต่กลับพบว่าหลังจากโจมตีติดต่อกันหลายครั้งป้ายอาญาสิทธิ์นั้นก็ยังคงแข็งแกร่งราวกับหินผาป้ายอาญาสิทธิ์นั่นเป็นของวิเศษ!เมื่อคิดได้ดังนั้น ดวงตาของฉินซูก็เป็นประกายในทันที ใบหน้าฉายแววละโมบสิ่งที่เขาขาดแคลนมากที่สุดในยามนี้ก็คือของวิเศษคุ้มภัยเช่นนี้บัดนี้คงต้องคิดหาวิธีแล้ว!เขาเหลือบมองไปรอบ ๆ แล้วถามด้วยใบหน้าเปี่ยมด้วยความสงสัยว่า “จ้าวอวี้เสวียน ป้ายอาญาสิทธิ์ของเจ้า เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ของผู้บำเพ็ญตนใช่หรือไม่?”“เจ้ารู้เรื่องผู้บำเพ็ญตนด้วยหรือ?!” สีหน้าของจ้าวอวี้เสวียนยิ่งทวีความประหลาดใจ“ข้าต้องรู้อยู่แล้วสิ ในเมื่อพวกเจ้าเป็นพวกผู้บำเพ็ญตน จะปลิดชีพพวกเจ้าให้หมดสิ้นย่อมเป็นการยาก พวกเจ้าไปซะ วันนี้ข้าจะมิฆ่าพวกเจ้า”เมื่อได้ยินเช่นนั้น จ้าวอวี้เสวียนก็ดีใจมากนางยื่นนิ้วเรียวยาวขาวผ่องแตะป้ายอาญาสิทธิ์ ป้ายอาญาสิทธิ์นั้นก็หดวูบคืนสู่ขนาดเดิมแล้วตกลงมาบนฝ่ามือนางในขณะที่จ้าวอวี้เสวียนกำลังจะประค
เห็นที่ทรวงอกของเซวียหมิงปรากฏแสงสีทองวาบขึ้นอย่างกะทันหัน และรวมตัวกันเป็นคำว่า 'เสวียน' ขนาดใหญ่!กระแสพลังฝ่ามืออันรุนแรงของฉินซูเมื่อสัมผัสกับอักษร 'เสวียน' ดังกล่าว ก็สลายหายไปกลางอากาศในพริบตา“หือ?”ฉินซูอุทานด้วยความประหลาดใจ มองภาพอันน่าพิศวงนี้ด้วยความอยากรู้อยากเห็นเต็มใบหน้าสีหน้าของจ้าวอวี้เสวียนเปลี่ยนไปฉับพลัน รีบถามขึ้น “ศิษย์พี่รอง ท่านเป็นกระไรหรือไม่?”เซวียหมิงส่ายหน้า เขาอ้าปากกำลังจะพูดบางอย่างแต่แล้วก็กระอักเลือดออกมาคำโตยามนี้ กระดูกแขนทั้งสองข้างของเขาหักเป็นหลายท่อน ลมปราณในร่างกายก็ปั่นป่วนราวกับน้ำเดือด ใบหน้าซีดเผือดจนไร้สีเลือดจ้าวอวี้เสวียนตกใจมาก จากนั้นก็ตวาดใส่ฉินซูว่า “เจ้าองค์รัชทายาทผู้รอวันปลด เจ้ากล้าทำร้ายศิษย์พี่ของข้า เจ้าต้องตาย สำนักไท่เสวียนของข้าจะมิปล่อยเจ้าไปเด็ดขาด!”“พวกเจ้าเป็นฝ่ายลงมือก่อน บัดนี้ฝีมือมิทัดเทียมผู้อื่น ยังกล้าปากพล่อย คิดว่าตัวข้าสังหารพวกเจ้ามิได้หรือ?”เมื่อสิ้นเสียงของฉินซู เขาก็ตบฝ่ามือข้ามห้วงเวหาออกไปอีกครามวลอากาศโดยรอบปั่นป่วน จากนั้นเงาฝ่ามือแข็งแกร่งราวกับวัตถุจริงก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว“ศิษย
จ้าวอวี้เสวียนพยักหน้า จากนั้นทั้งสองก็เตรียมจะใช้วิชาตัวเบาหนีไปทว่าในตอนนั้นเอง ก็มีเสียงแผ่วเบาเสียงหนึ่งดังมาจากด้านหลังของทั้งสองพวกเขาทั้งสองหันกลับไปมองโดยสัญชาตญาณ ก็ต้องตกใจจนถอยกรูดไปหลายก้าว เมื่อตั้งหลักได้แล้วก็มองฉินซูที่โผล่มากะทันหันด้วยท่าทีระแวดระวังราวกับเผชิญหน้ากับศัตรูร้ายฉินซูไพล่มือไว้ด้านหลังพลางพินิจมองทั้งสองด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นรูปร่างหน้าตางดงามราวดอกท้อของจ้าวอวี้เสวียน และรัศมีแห่งความสูงศักดิ์ที่แผ่ออกมาจากตัวนาง ฉินซูเลิกคิ้วถามว่า “จ้าวอวี้เสวียนหรือ?”จ้าวอวี้เสวียนมีสีหน้าประหลาดใจ พลันถามกลับเสียงหลงว่า “เจ้ารู้จักข้าด้วยหรือ?!”ฉินซูหัวเราะน้อย ๆ “เป็นเจ้าจริง ๆ ด้วย ครั้นที่อยู่ในถัวเฉิง ข้าได้ยินคนพูดถึงองค์หญิงอวี้เสวียนบ่อยครั้งว่ามีรัศมีสูงส่ง งดงามน่าหลงใหล วันนี้ได้เห็นกับตา จริงดังคำว่าแล้ว”“เจ้ามิเคยพบข้า ไยจึงรู้ว่าข้าเป็นใคร?”“เจ้ากับข้าต่างก็เป็นเชื้อพระวงศ์ ลักษณะที่เป็นเอกลักษณ์ของหน่อเนื้อราชวงศ์นั้นเห็นได้ชัดเจน คำถามเช่นนี้จำเป็นต้องถามด้วยรึ?”จ้าวอวี้เสวียนใคร่ครวญแล้วก็เห็นด้วย จึงกัดฟันกล่าวว่า “ฉินซู เจ้าสังหารเช
เหยียนซงใจเต้นระรัว รีบกล่าวว่า “ตราบใดที่องค์รัชทายาททรงเมตตาไว้ชีวิตเหล่าข้าน้อย ข้าน้อยยินดีถวายสมบัติล้ำค่าของสำนักอสนีบาตให้พ่ะย่ะค่ะ”ฉินซูมีสีหน้าประหลาดใจ “โอ้? สมบัติกระไร?”เหยียนซงรีบควักกล่องไม้เล็ก ๆ สลักลวดลายงดงามออกมาจากอกเสื้อ “องค์รัชทายาท นี่คือแผนที่ขุมทรัพย์ที่สืบทอดมาจากปฐมาจารย์ของสำนักอสนีบาต ว่ากันว่าในขุมทรัพย์นั้นมีทองคำ เงินและอัญมณีมากมายฝังอยู่ อีกทั้งยังมีคัมภีร์สุดยอดวิชาลับ นี่คือสมบัติล้ำค่าที่สุดของสำนักอสนีบาตเสมอมา ข้าน้อยยินดีมอบให้องค์รัชทายาทด้วยความเต็มใจพ่ะย่ะค่ะ”เขาพูดพลางยกกล่องไม้นั้นทูนขึ้นเหนือศีรษะด้วยสองมือฉินซูโบกมือขึ้นกลางอากาศ กล่องไม้นั้นก็ลอยมาอยู่ในมือของเขาโดยตรงเมื่อเห็นว่าฉินซูสามารถใช้พลังจิตเคลื่นย้ายได้ เหยียนซงก็ยิ่งตกใจหนักกว่าเดิมฉินซูเปิดกล่องไม้นั้น ด้านในมีหนังวัวสีเหลืองซีดเมื่อคลี่หนังวัวออก ข้างในก็เป็นแผนที่“ขุมทรัพย์ที่เจ้าพูดถึง อยู่ที่เป่ยเยี่ยนหรือ?”เนื่องจากเขากวาดตามองซ้ายขวาแล้วพบว่าส่วนล่างสุดของแผนที่คือเมืองที่อยู่ตอนเหนือสุดของต้าเหยียน และเหนือขึ้นไปอีกก็คือดินแดนเป่ยเยี่ยนเหยียนซงพยัก
เมื่อลูกทรงกลมตกลงพื้นก็แตกออกพร้อมกับปล่อยควันพิษพวยพุ่งออกมากลุ่มใหญ่“กระจายออกไป เร็วเข้า...แค่ก ๆ ...”คนของสำนักอสนีบาตสูดควันพิษจนสำลักไอโขลก ๆ หลายคนหน้ามืดสติหมดสติไปเลยก็มีเมื่อเห็นว่าทั้งอาวุธลับและระเบิดควันพิษทำกระไรฉินซูมิได้ ถานเทียนเต๋อก็โกรธจนแทบคลั่ง!“ข้าชักจะโมโหแล้ว! ทุกคนจงฟังคำสั่ง ตามข้าไปฆ่าเจ้ารัชทายาทผู้รอวันปลดกับพวกพ้องให้สิ้น!”“น้อมรับบัญชาท่านเจ้าสำนัก!”ทุกคนตอบรับพร้อมเพรียงเป็นเสียงเดียว แล้วกรูกันลงเขาพร้อมกับชูอาวุธในมือราวกับฝูงผึ้งแตกรัง“เป็นแค่พวกนกกระจอก ยังกล้าอวดดี!”ฉินซูยิ้มเยาะ หยิบลูกธนูมามัดหนึ่งแล้วกระทืบเท้ากับพื้น ร่างพุ่งทะยานขึ้นไปในอากาศทันทีเมื่อขึ้นไปอยู่กลางอากาศ เขาก็สะบัดมือ!ฟิ้ว ฟิ้ว ฟิ้ว !ลูกธนูในมือถูกห่อหุ้มด้วยปราณบริสุทธิ์อันแข็งแกร่งพุ่งออกไปกลุ่มคนของสำนักอสนีบาตยังมิทันเข้าถึงตัวชิวก่วนและพวก ก็ถูกยิงด้วยธนูจนล้มไปกองกับพื้นเป็นส่วนใหญ่เสียแล้วเมื่อเห็นเช่นนั้น เหยียนซงก็รีบเตือนว่า “ศิษย์พี่เจ้าสำนัก จะจับโจรต้องจับหัวหน้าก่อน!”“ดี เจ้ากับข้าไปจัดการรัชทายาทผู้รอวันปลดนั่นด้วยกัน ส่วนคนอื่น ๆ จงบ
ทันใดนั้นเอง พลธนูสองนายก็กระโดดออกมาจากด้านหลังชิวก่วนพวกเขาใช้ระเบิดสายฟ้าไม้ไผ่ผูกติดกับลูกธนู จุดไฟแล้วปล่อยสายธนูฟิ้ว ฟิ้ว!ลูกธนูที่ยิงออกจากธนูทดกำลังนั้นเร็วราวสายฟ้าแลบ พุ่งไปยังเนินเขาทั้งสองด้าน“แย่แล้ว หลบเร็ว!”ถานเทียนเต๋อที่ซุ่มอยู่ในพุ่มรับรู้ถึงอันตรายที่กำลังมาถึงอย่างเฉียบแหลม จึงตะโกนเสียงดังลั่น คนที่อยู่ด้านหลังเขาก็เคลื่อนไหวทันทีเมื่อได้ยินเสียง!ทว่ายังช้าไปก้าวหนึ่ง!ตู้ม ตู้ม!!แม้ว่าลูกธนูที่ยิงไปถึงเนินเขาด้านหนึ่งจะพลาดเป้า แต่ลูกธนูอีกดอกกลับตกท่ามกลางกลุ่มคนด้านหลังถานเทียนเต๋อพอดีทันใดนั้นเอง เหล่าลูกศิษย์สำนักอสนีบาตก็ถูกแรงระเบิดอัดจนล้มระเนระนาด หลายคนนอนร้องครวญครางอยู่บนพื้น สองคนในนั้นถึงกับแขนขาขาดกระจุย สภาพน่าสยดสยองนักเมื่อเห็นภาพนั้น ถานเทียนเต๋อก็เผยสีหน้าตกใจสุดขีดลูกธนูที่ดูจะมิได้วิเศษวิโสกระไรกลับมีอานุภาพร้ายแรงถึงเพียงนี้!ในขณะที่เขากำลังตกตะลึงอยู่นั้น ทางด้านชิวก่วนก็เผยมีสีหน้าประหลาดใจออกมา!“ให้ตาย มีคนซุ่มโจมตีพวกเราจริง ๆ ด้วย ใครก็ได้ ยิงถล่มมันเสีย!”เขาสั่งการอีกครั้ง พลธนูจึงหยิบธนูทดกำลังขึ้นมาผูกระเบิด