แชร์

บทที่ 7

เหลยเจิ้นมิตอบทันที แต่ชี้ไปที่หัวของตน

ฉินอู๋ต้าวขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าหมายถึงอะไร?”

“ทูลฝ่าบาท ปีนี้ดาวแห่งจักรพรรดิจะเข้าสู่วังชีวิต ทำลายอิทธิพลชั่วร้าย ดาวดวงอื่น ๆ หลับใหล นี่เป็นตัวบ่งบอกถึงจำนวนภัยพิบัติ อย่างไรก็ตาม เมื่อดาวไท่เวยอยู่ข้าง ๆ วังชีวิต เคราะห์ร้ายก็คลายกังวล หลังจากวันชุนเฟินในปีหน้า ครั้นดาวทุกดวงกลับคืนสู่ตำแหน่ง ไทเว่ยก็จะถูกขับออกจากตำแหน่ง"

“เจ้ากำลังบอกว่า องค์รัชทายาทคือกุญแจสำคัญที่ช่วยป้องกันข้าจากเคราะห์ร้ายรึ?”

เหลยเจิ้นพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “พ่ะย่ะค่ะ ก่อนที่ดวงดาวจะกลับสู่ตำแหน่ง ต้องมิรบกวนไท่เวย มิเช่นนั้นโชคร้ายร่วงหล่นจากสวรรค์ ทั่วหล้าโกลาหลวุ่นวาย แคว้นจะตกอยู่ในอันตรายพ่ะย่ะค่ะ!”

การแสดงออกของฉินอู๋ต้าวเริ่มจริงจัง

หากมีใครพูดเช่นนี้เขาคงจะสั่งให้ลากคนผู้นั้นออกไปตัดศีรษะแล้ว

ทว่ายามนี้คำพูดที่มาจากปากของหัวหน้าโหรหลวงแห่งสำนักหอดูดาวหลวง เขาก็มิกล้าที่จะนิ่งนอนใจ

ท้ายที่สุดแล้ว ความสามารถของเขาในการขึ้นสู่บัลลังก์นั้นขึ้นอยู่กับวิธีการทำนายที่ลึกลับยากจะคาดเดาของเหลยเจิ้น

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คำทำนายทั้งหมดของเหลยเจิ้นนั้นเป็นจริง

ดังนั้น เขาจึงให้ความสำคัญกับความคิดเห็นของเหลยเจิ้นมาโดยตลอด

ดวงตาของเขาสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับว่าเขากำลังคิดอะไรบางอย่าง

หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็พูดว่า “แม้ว่าการกระทำขององค์รัชทายาทในวันนี้จะดูมิคาดคิดเล็กน้อย ทว่าภูมิแคว้นนั้นยังเปลี่ยนแปลงได้ แต่ธรรมชาติของมนุษย์นั้นยากแท้ที่จะเปลี่ยน หากเขาทำอะไรมากเกินไป เกรงว่าเขาจะอยู่มิถึงวันชุนเฟินปีหน้า"

“ฝ่าบาท เรื่องนี้ข้าน้อยมีความคิดพ่ะย่ะค่ะ”

“หืม? บอกข้ามาสิ!”

“องค์รัชทายาททรงเสน่ห์และเจ้าเล่ห์ มิยับยั้งชั่งใจ หลังจากที่ฮองเฮาสิ้นพระชนม์ ทั้งในและนอกพระราชวังนอกจากฝ่าบาทแล้วหาได้มีผู้ใดควบคุมองค์รัชทายาทได้ไม่ โชคดีที่ชายแดนทางใต้สงบมาหลายวันแล้ว เหตุใดมิเรียกแม่ทัพฉงให้กลับมาหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ดวงตาของฉินอู๋ต้าวก็สว่างขึ้นเล็กน้อย!

“ให้นางอยู่ตำหนักบูรพาดีหรือไม่? ดีเหมือนกัน อารมณ์รุนแรงของนางอาจช่วยให้องค์รัชทายาทควบคุมตัวเองได้”

“ฝ่าบาท หากพระองค์ทรงต้องการให้แม่ทัพฉงควบคุมองค์รัชทายาทได้ เกรงว่าจะต้องให้สิทธิพิเศษบางอย่างแก่นางพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินอู๋ต้าวยิ้มและพูดว่า “แน่นอนว่ามิใช่ปัญหา เช่นนั้น เจ้าไปทำเรื่องของเจ้าเถอะ”

เหลยเจิ้นโค้งคำนับและถอยกลับ

ฉินอู๋ต้าวหันไปสั่งขันทีอาวุโสที่อยู่ข้าง ๆ ว่า “เฉาฉุน รีบร่างคำสั่งแล้วส่งไปยังชายแดนใต้แปดร้อยลี้โดยด่วน!”

……

ในเวลาเดียวกัน

รถม้าหรูหราคันหนึ่งมาจอดอยู่หน้าตำหนักอ๋องฉี

นี่ต้องเป็นรถม้าของอ๋องฉี ฉินหง มิผิดแน่

ผู้ที่มากับเขาคือหลินซีเสนาบดีกรมพระคลัง

ทันทีที่ฉินหงลงจากรถม้า เขาก็รีบถามคนรับใช้ “ชิงเหยาเล่า?”

“ทูลท่านอ๋อง วันนี้คุณหนูหลินมิได้มาเพคะ”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หัวใจของฉินหงก็จมลง สีหน้าเคร่งขรึมในทันใด และหมัดของเขาก็กำแน่นโดยมิรู้ตัว

หลินซีรีบปลอบ “ท่านอ๋องฉี ชิงเหยาคงมิคิดว่าเราจะกลับจากพระราชวังเร็วเพียงนี้ นางจึงมิได้มา กระหม่อมจะส่งคนไปเรียกนางพ่ะย่ะค่ะ. ”

“มิจำเป็น ตัวข้าจะไปจวนเจ้าเอง”

หลังจากที่ฉินหงพูดจบก็หันกลับไปขึ้นรถม้า

หลินซีรีบกลับไปที่รถม้าและมุ่งหน้าไปยังจวนของตน

ครึ่งชั่วยามต่อมา

พวกเขามาที่จวนตระกูลหลิน

ทันทีที่ฉินหงเข้าผ่านประตูไป คนรับใช้ของจวนตระกูลหลินก็รีบคุกเข่าลงและทำความเคารพ

หลินซีตะโกนใส่พวกเขา “จะยังอยู่ตรงนั้นหาปะไร? รีบไปเรียกคุณหนูมาต้อนรับท่านอ๋องฉีเร็วเข้าสิ!"

“ขอรับ บ่าวจะไปเดี๋ยวนี้”

บ่าวรับใช้ลุกขึ้นยืนอย่างประหม่าและรีบวิ่งเข้าไปในเรือน

ในเวลานี้ หลินชิงเหยาอยู่ในศาลาหลังบ้าน มองดูดอกบัวบานในสระน้ำอย่างเหม่อลอย

สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ ถามอย่างกังวลใจว่า “คุณหนู เป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ? ไฉนไปข้างนอกกลับมาแล้วจึงดูแย่เช่นนี้เล่าเจ้าคะ?”

หลินชิงเหยาส่ายหัวเล็กน้อยและมิพูดอะไร

“คุณหนู ท่านอ๋องฉีเสด็จมาขอรับ นายท่านเรียกให้คุณหนูไปต้อนรับขอรับ”

เมื่อได้ยินคำพูดของบ่าวรับใช้ ใบหน้าอันงามของหลินชิงเหยาก็ฉายการแสดงออกที่ซับซ้อน

นางเหลือบมองสาวใช้แล้วเตือน “เสี่ยวหลี เรื่องวันนี้ห้ามบอกใคร รวมถึงท่านพ่อข้าด้วย”

หลังจากพูดแล้วนางก็หันหลังเดินออกจากสวนหลังบ้านไป

สาวใช้เสี่ยวหลีดูสับสนและพึมพำกับตัวเอง "วันนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เจ้าคะ คุณหนู เกิดอะไรขึ้นกันแน่หรือเจ้าคะ?"

หลินชิงเหยามาที่ลานด้านหน้า เมื่อเห็นฉินหงนางก็ระงับความกังวลในใจอย่างรวดเร็วและแทนที่ด้วยรอยยิ้มที่มีเสน่ห์บนใบหน้าอันงดงามของนาง

“ถวายบังคมเพคะ ท่านอ๋องฉี”

นางพยักหน้าเล็กน้อยและโค้งคำนับอย่างสง่างาม

ฉินหงถามอย่างเคร่งขรึม "วันนี้เจ้าได้พบฉินซูหรือไม่?"

หลินชิงเหยาลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว “มิได้พบเพคะ มิใช่ว่าท่านส่งคนมาบอกหม่อมฉันหรือเพคะว่าแผนถูกยกเลิกแล้ว? หม่อมฉันจึงออกมาได้ทันเวลา”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฉินหงก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ดีแล้ว ข้าคิดว่าไอ้สารเลวฉินซูนั่น…”

เมื่อพูดมาถึงจุดนี้ เขาก็รีบกลืนคำพูดที่เกือบจะหลุดออกมาจากปาก

หลินชิงเหยาขมวดคิ้วและถามว่า “ท่านอ๋อง มีอะไรหรือเพคะ?”

“ไม่ ไม่มีอะไรหรอก ชิงเหยา เจ้าจำไว้ว่า เจ้าเป็นสตรีของตัวข้าผู้เป็นอ๋อง ข้าจะเข้าไปที่พระราชวังและหาโอกาสบอกเสด็จพ่อให้ข้ากับเจ้าแต่งงานกัน”

หลินชิงเหยายืนนิ่งเงียบ ไม่มีความคิดเห็นใด

เมื่อเห็นสิ่งนี้ ฉินหงก็ขมวดคิ้วและถามว่า “ชิงเหยา เจ้ามิอยากแต่งงานกับข้าหรือ?”

ปากของหลินชิงเหยาขยับแต่มิรู้ว่าจะตอบอย่างไรไปสักครู่

หลินซีรีบอธิบาย “ท่านอ๋องทรงคิดมากแล้ว ชิงเหยามีความสุขมากจนมิรู้จะพูดสิ่งใดน่ะสิพ่ะย่ะค่ะ"

เขาหันไปหาหลินชิงเหยาและตักเตือนอย่างเข้มงวด "ชิงเหยา ท่านอ๋องฉีทรงโปรดปรานเจ้ามาก ยังมิรีบขอบพระทัยท่านอ๋องอีกเล่า"

ฉินหงโบกมือแล้วพูดว่า “ที่นี่ไม่มีคนนอก มิจำเป็นต้องเป็นทางการนัก ว่าแต่ใต้เท้าหลิน ในพระราชวังก่อนหน้านี้ เจ้าบอกข้าว่าจะเติมเชื้อไฟใส่ฉินซู รีบบอกแผนของเจ้าให้ข้ารู้เร็วเข้าสิ”

หลินซีหรี่ตาลงเล็กน้อยและพูดอย่างมีความหมาย "วิธีที่ง่ายที่สุดและตรงที่สุดในการจัดการกับคนขี้สุราเคล้านารีอย่างฉินซู แน่นอนว่าต้องเป็นกลยุทธ์สาวงาม!"

“เจ้าคงมิอยากให้ชิงเหยาไปใช่หรือไม่?”

ฉินหงรู้สึกมิสบายใจอย่างอธิบายมิถูก เขามิอยากเสี่ยงให้คนรักของเขาเกี่ยวข้องกับแผนการเช่นนี้จริง ๆ

การแสดงออกของหลินชิงเหยาเปลี่ยนไป นางรู้สึกคาดหวังเล็กน้อยในใจ

โดยมิคาดคิดหลินซีส่ายหัวและพูดว่า “ไม่พ่ะย่ะค่ะ ชิงเหยาเป็นลูกสาวของกระหม่อม และยังเป็นคนโปรดของท่านอ๋อง กระหม่อมจะทำให้นางตกอยู่ในอันตรายได้อย่างไร?"

“แล้วกลยุทธ์สาวงามที่เจ้าเพิ่งพูดถึงคือ...”

“ท่านอ๋อง บุตรีของชิ่งกั๋วกง(1)นั้นงดงามยิ่ง มีทั้งทักษะร่ายรำขับร้องที่ดี หากเราตัดสินใจใช้กลยุทธ์สาวงามนางก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดพ่ะย่ะค่ะ!”

“คนที่มีนามว่าเซี่ยหลานใช่หรือไม่?”

“มิผิด เป็นนางพ่ะย่ะค่ะ ชิ่งกั๋วกงก็เห็นด้วยแล้ว ตราบใดที่ท่านอ๋องตกลง แผนนี้ก็สามารถดำเนินการได้อย่างราบรื่น!”

ฉินหงพยักหน้าโดยมิลังเล “แน่นอนว่าข้าเห็นด้วย ตราบใดที่ฉินซูกล้าทำสิ่งที่มิเหมาะสมกับเซี่ยหลาน ชิ่งกั๋วกงจะรายงานต่อหน้าเสด็จพ่อ ก่อนวันชุนเฟิน ฉินซูได้ถูกปลดก่อนเป็นแน่

“เรื่องนั้นมิควรล่าช้า กระหม่อมจะไปที่จวนของชิ่งกั๋วกงเดี๋ยวนี้พ่ะย่ะค่ะ”

หลังจากที่หลินซีพูดจบ เขาก็รีบเดินออกไป

ฉินหงหมกมุ่นอยู่กับจินตนาการของตน ดูเหมือนเขาจะนึกภาพฉากที่ฉินซูถูกปลด

เขามิได้สังเกตเลยว่าหลินชิงเหยามองเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความดูถูกและความรังเกียจ

หลินชิงเหยาอดมิได้ที่จะถาม “ท่านอ๋องเพคะ หากพวกท่านทำเช่นนี้ มิกลัวหรือว่าเซี่ยหลานจะถูกองค์รัชทายาทใช้กำลัง?

ฉินหงยิ้มอย่างมิใส่ใจและเอ่ยว่า “กลัวอะไรเล่า? ตัวข้าหวังว่าฉินซูจะทำจริง ๆ หากเขาทำ เขาจะได้ประสบปัญหาเป็นแน่"

“เมื่อเช้านี้ที่ท่านขอให้หม่อมฉันไปที่ตำหนักบูรพา นั่นคือสิ่งที่ท่านคิดใช่หรือไม่? แม้ว่าหม่อมฉันจะถูกองค์รัชทายาทกระทำก็มิได้สำคัญ ใช่หรือไม่?”

หลินชิงเหยารู้สึกหนาวสั่นอย่างท่วมท้นในใจ

กั๋วกง เทียบได้กับตำแหน่งเจ้าพระยา เป็นตำแหน่งสูงสุดที่ขุนนางได้จักรพรรดิ

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status