Share

บทที่ 12

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
หลินชิงเหยายิ้มอย่างขมขื่นพลางหลับตารอความตาย

ดาบเคลื่อนลงมาอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าหลินชิงเหยากำลังจะพบกับจุดจบอันน่าเศร้า

ในช่วงเวลาวิกฤตินี้ มีร่างหนึ่งกระโดดลงจากหลังม้า!

ในขณะที่คนผู้นั้นนี้ยื่นมือออกเพื่อดึงหลินชิงเหยาออกมา มืออีกข้างของเขาก็คว้าดาบอย่างรวดเร็วและช่ำชอง

ในชั่วพริบตา ดาบในมือของฉินหงก็ถูกคนผู้นั้นคว้าไป ในเวลาเดียวกัน ดาบเย็นก็กดลงบนคอของเขาในทันใด!

หลังจากที่ฉินหงตระหนักได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเขาก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง!

“ฉินซู เหตุใดจึงเป็นเจ้า!”

เขาตกใจมาก!

ฉินซูผู้ไร้ประโยชน์มีทักษะถึงเพียงนี้ได้อย่างไร? เขาสามารถปลดอาวุธได้ด้วยมือเปล่าจริง ๆ หรือ?

องครักษ์ที่อยู่รอบ ๆ ฉินหงต่างก็ทำหน้าเคร่งขรึม พลันชักมีดออกมาพร้อมกัน!

ดวงตาของฉินซูเย็นชา ดาบในมือของเขากลายเป็นแสงสีขาว ฟันไปที่หัวหน้าองครักษ์ที่อยู่ด้านหน้า

ม่านตาของหัวหน้าองครักษ์หดตัวลงทันที และพยายามหลบเลี่ยงโดยสัญชาตญาณ

ทว่าก่อนที่เขาจะขยับเท้าได้ ดาบก็ฟาดลงมาแล้ว

“ฉึก!”

โลหิตพลันพุ่งออกมา ศีรษะของหัวหน้าองครักษ์ลอยขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็ร่วงหล่นลงมาและกลิ้งไปบนพื้นสองสามครั้งก่อนที่มันหยุดลง

ร่างที่ไร้ศีรษะของเขาสั่นสองครั้งก่อนที่จะล้มลง

เมื่อเห็นฉากนี้ หนังศีรษะของทุกคนก็ชาวาบ!

องค์รัชทายาทผู้ไร้ค่าที่เคยหมกมุ่นอยู่แต่กับสุราเคล้านารีทุกเมื่อเชื่อวันตลอด บัดนี้กำลังสังหารคนโดยมิแม้แต่กะพริบตา!

ความแตกต่างนี้ทำให้พวกเขาหวาดกลัวจริง ๆ

หลังจากที่ฉินหงฟื้นจากอาการตกใจ เขาก็ตะโกนถามว่า “ฉินซู เจ้าสังหารหัวหน้าองครักษ์ของตัวข้าด้วยเหตุใด?”

ฉินซูพูดอย่างเย็นชา “หึ กล้าถืออาวุธต่อหน้าข้า เหตุใดเล่า พวกเจ้าคิดจะกบฏรึ?”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ องครักษ์คนอื่น ๆ ก็รีบโยนดาบในมือทิ้งไป พลันคุกเข่าลงพร้อม ๆ กัน

ฉินซูยกดาบขึ้นฟาดฟันคนเหล่านั้น

คนที่เหลือต่างหวาดกลัวจนหน้าซีด และร้องขอความเมตตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“องค์รัชทายาท โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิด ข้าน้อยผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ใช่แล้ว องค์รัชทายาท พวกเราเห็นพระองค์ทรงเอาดาบจ่อที่คอของท่านอ๋องฉี พวกเราหุนหันพลันแล่นจึงชักดาบออกมาโดยมิคิด พวกเรามิได้จะดูหมิ่นพระองค์แม้แต่น้อยพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินซูตะคอกเบา ๆ “หึ ครั้งนี้ตัวข้าจะมิทำเยี่ยงเดิมให้พวกเจ้าเห็น หากมีครั้งหน้า ตายสถานเดียว!”

“ขอบพระทัยองค์รัชทายาท ขอบพระทัยองค์รัชทายาทที่ไว้ชีวิตข้าน้อยพ่ะย่ะค่ะ”

เหล่าองครักษ์โขกหัวคำนับซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ฉินหงกัดฟันพูดอย่างดุ ๆ “ฉินซู ปล่อย…”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ ดาบในมือของฉินซูก็ถูกวางลงบนคอของเขาอีกครั้ง

เขาตกใจมากจนกลืนคำพูดกลับไป

หลินซีเตือนอย่างสั่นเทา “องค์รัชทายาท ท่านทั้งสองเป็นพี่น้องกัน ท่านมิอาจหุนหันพลันแล่น โปรดวางดาบลงเถิดพ่ะย่ะค่ะ มิเช่นนั้นจะเป็นการยากที่จะรายงานต่อองค์จักรพรรดิหนาพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินซูเยาะเย้ยอย่างสงบ “หากเสด็จพ่อตำหนิข้า ตัวข้าจะมีข้อแก้ตัวเอง!"

“ส่วนเจ้า ฉินหง ในแง่ของความอาวุโส ตัวข้าเป็นพี่ของเจ้า ในแง่ของสถานะ ตัวข้าเป็นองค์รัชทายาทแห่งตำหนักบูรพา”

“เจ้ามิทำความเคารพเมื่อเห็นข้า อีกทั้งยังกล้าปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าจ่อดาบใส่ข้า เป็นเพราะเจ้ามิอยู่ในตำแหน่งจวิ้นอ๋อง เลยมิต้องทำความเคารพข้าหรือไร”

หลังจากได้ยินคำพูดของฉินซูแล้วฉินหงและหลินซีก็ตกตะลึง

หากพวกเขามิได้เห็นด้วยตาตนเอง พวกเขาคงไม่มีวันเชื่อว่า คำพูดเช่นนี้จะออกมาจากปากขององค์รัชทายาทไร้ค่าผู้นี้

ตามมารยาทแม้แต่องค์ชายรุ่นเดียวกันก็ต้องโค้งคำนับเมื่อพบกับองค์รัชทายาท

เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้ฉินหงและคนอื่น ๆ เห็นฉินซูหลงสุราเคล้านารี และอีกฝ่ายก็มิสนใจเรื่องนี้มากนัก เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาก็เริ่มนิสัยมิเคารพ

เมื่อเห็นฉินซูพูดถึงเรื่องนี้ฉินหงก็พูดมิออกอยู่ครู่หนึ่ง

ในทางกลับกันหลินซีคุกเข่าลงและโค้งคำนับด้วยความเคารพ “องค์รัชทายาท หาอย่าได้แปลกใจเลยพ่ะย่ะค่ะ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกะทันหัน เราจึงลืมเรื่องนี้ไปชั่วขณะ”

ฉินหงเหลือบมองดาบที่กดลงบนคอของตนแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่

จากนั้นเขาก็งอเข่าและคุกเข่าลง

ฉินซูรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและพูดว่า “ฉินหง เราก็เป็นพี่น้องกัน แม้ว่าเจ้าจะต้องทำความเคารพ แค่ท่าทางที่เท่าเทียมกันก็เพียงพอแล้ว ไฉนต้องคุกเข่าทำความเคารพลงด้วยเล่า?

ฉินหงเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ และใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความลำบากใจ

เขาพูดด้วยสีหน้าเขินอาย “อะไรเล่า ข้ายืนนาน ขาของข้าก็เลยชา”

“ก็แค่นั้น ทว่าเวลากลางวันแสก ๆ เยี่ยงนี้ เจ้าคิดจะใช้ดาบสังหารบุตรีเสนาบดีกรมพระคลัง หากเสด็จพ่อทรงทราบเรื่องนี้ เจ้าคิดว่าเสด็จพ่อจัดการอย่างไรเล่า?

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของฉินหงก็ดูเคร่งขรึมขึ้นมา

เมื่อครู่เขาโกรธจนหน้ามืดตามัว

แต่ลึก ๆ แล้วเขามิได้อยากทำเช่นนั้น

ท้ายที่สุดแล้วหลินชิงเหยาเป็นบุตรีของเสนาบดี และแม้ว่าเขาฉินหงจะเป็นจวิ้นอ๋อง แต่เขามิสามารถใช้ความรุนแรงหรือสังหารใครโดยไร้เหตุผลได้

หากจักรพรรดิทราบเรื่องนี้ มิเพียงแต่ฉินหงจะถูกตำหนิอย่างรุนแรงเท่านั้น แต่เขาจะถูกเพิกเฉยและมิเป็นที่โปรดปรานอีกต่อไป

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ฉินหงก็รีบอธิบาย “เสด็จพี่องค์รัชทายาท ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าแค่…”

ฉินซูโบกมือขัดจังหวะเขา “หาได้จำเป็นต้องอธิบายให้ข้าฟังไม่ ข้าเพียงเห็นเรื่องอยุติธรรมจึงได้เข้ามาแทรกแซง ข้าหวังว่าสิ่งที่ข้าเห็นจะเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด"

หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็มองไปที่หลินชิงเหยาอย่างล้ำลึก แล้วหันหลังกลับเดินออกไป

เมื่อมองดูร่างที่จากไปของเขา หลินชิงเหยาก็ขยับริมฝีปากราวกับว่านางลังเลที่จะพูดอะไร

ในส่วนลึกของดวงตาคู่งามนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าโศก

เมื่อสังเกตเห็นฉากนี้ฉินหงก็โกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน!

ในเวลานี้ แม้แต่เด็กอายุสามขวบก็ยังเข้าใจอารมณ์ที่ปะปนอยู่ในแววตาของหลินชิงเหยาได้

ฉินหงระงับความโกรธและพูดว่า “ชิงเหยา บอกข้าสิ เจ้าอยู่กับฉินซู…”

“ใช่! หากท่านต้องการจะฆ่าหม่อมฉันก็ทำเลยเถิด หากไม่ หม่อมฉันก็ขอทูลลา”

หลินชิงเหยามองไปที่ฉินหงอย่างเย็นชา

ก่อนหน้านี้นางรู้สึกผิดกับฉินหง ทว่าหลังจากที่ฉินหงชักดาบออกมาใส่นาง หัวใจของนางก็ได้ตายไปแล้ว

ฉินหงโกรธมากจนตัวสั่นด้วย เขากำหมัดกำแน่น

หลินชิงเหยาเหลือบมองเขา จากนั้นก็หันหลังเดินออกไปอย่างเด็ดเดี่ยว

ฉินหงคำรามอย่างมิเต็มใจ “เหตุใด เหตุใดเจ้าจึงทรยศตัวข้า!”

“เพราะตั้งแต่แรกเริ่ม ท่านปฏิบัติต่อหม่อมฉันเหมือนเบี้ยที่จะถูกทิ้งเมื่อใดก็ได้ หากท่านมีหม่อมฉันอยู่ในใจจริง ๆ ท่านจะมิยอมใช้หม่อมฉันเป็นกับดักสำหรับองค์รัชทายาท”

เมื่อหลินชิงเหยาพูดจบ ร่างนั้นก็หายไปจากสุดสายตาของฉินหง

ฉินหงโกรธจนเลือดขึ้นหน้า

ไหล่ของเขาสั่นอย่างควบคุมมิได้ เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อระงับความโกรธที่โหมกระหน่ำในใจ

หลินซีรีบปลอบใจ “ท่านอ๋อง ชิงเหยาแค่พูดด้วยความโกรธ โปรดอย่าได้ใส่พระทัยเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะลองโน้มน้าวนางอีกครั้ง นางจะต้องเปลี่ยนใจเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”

“มิจำเป็น! ด้วยสถานะของตัวข้า ยังต้องกังวลเรื่องไม่มีสตรีด้วยรึ? แต่ตัวเจ้า ใต้เท้าหลิน ตอนนี้บุตรีของเจ้าหันมาต่อต้านข้าแล้ว เจ้าในฐานะบิดา เจ้ามิควร... “

ก่อนที่เขาจะพูดจบหลินซีก็คุกเข่าลงและอธิบายอย่างจริงจัง

“ท่านอ๋อง กระหม่อมภักดีต่อท่านอย่างสุดหัวใจ ชัดเจนดั่งพระอาทิตย์และพระจันทร์ เหตุผลที่ชิงเหยาเป็นแบบนี้ก็เพราะว่านางยังเด็กและโง่เขลา ท่านอ๋อง องค์รัชทายาทจะถูกปลดก่อนถึงวันซุนเฟินในปีหน้า มิว่ากระหม่อมจะโง่เพียงใด กระหม่อมก็ไม่มีวันอยู่ข้างองค์รัชทายาทเป็นแน่”

อารมณ์ของฉินหงผ่อนคลายเล็กน้อย จากนั้นก็ถามว่า “ข้อตกลงกับชิ่งกั๋วกงเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ท่านอ๋องโปรดวางพระทัย ชิ่งกั๋วกงได้เตรียมการทั้งหมดแล้ว และเซี่ยหลานก็เห็นด้วย ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว เพียงรอช่วงเวลาที่เหมาะสม!!"

“เซี่ยหลานผู้นั้น นางจะมิเป็นเหมือนบุตรีของเจ้ารึ?”

Continue to read this book for free
Scan code to download App

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 13

    หลินซีตบหน้าอกด้วยความมั่นใจ “มิเป็นเช่นนั้นแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง ท่านอาจมิทราบว่า จริง ๆ แล้วเซี่ยหลานถูกองค์รัชทายาทคุกคามเมื่อมินานมานี้ นางต้องการแก้แค้นองค์รัชทายาทมาโดยตลอด แต่นางไม่มีความสามารถที่จะทำเช่นนั้นพ่ะย่ะค่ะ”“เยี่ยมมาก คราวนี้เราต้องวางแผนอย่างรอบคอบ เพื่อให้แน่ใจว่าจะโค่นฉินซูลงให้ตกต่ำที่สุดจนลุกขึ้นมิได้อีก!”การแสดงออกของฉินหงดูชั่วร้ายมาก ดูอันตรายอย่างยิ่งในเวลาเดียวกันภายในโรงเตี๊ยมที่คณะทูตเป่ยเยี่ยนพักอยู่มู่หรงฟู่พูดด้วยความโกรธ “ให้ตายเถอะ ข้าอยากให้ฉินซูอับอายต่อหน้าธารกำนัล มิคิดเลยว่าเขาจะหนีไปง่าย ๆ เช่นนี้”เฉิงจืออี้ขมวดคิ้วเล็กน้อยด้วยความงุนงงเล็กน้อย “เป็นเรื่องแปลกนักที่คนกล่าวขานกันว่า องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียนหลงสุราเคล้านารีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน และองค์จักรพรรดิต้าเหยียนก็ตัดสินใจปลดเขาออกหลังจากวันชุนเฟินในปีหน้า ทว่าหลังจากการเผชิญหน้าทั้งสองครั้งนี้ ไฉนกระหม่อมจึงรู้สึกว่า องค์รัชทายาทจะใกล้จะถูกปลดผู้นี้พูดจาเฉียบคมนัก มีสิ่งใดที่เขาดูเหมือนคนที่หลงสุราเคล้านารีหรือ?”“หึ หาได้ต้องถามไม่ เขาต้องรู้ว่าตนกำลังจะถูกปลด ดังนั้นเขาจึ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 14

    ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “ฮ่าฮ่า ๆ ขุนนางอาวุโสเฉิงพูดเกินไปแล้ว พวกเราแค่อยากให้องค์ชายของท่านอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน หาอย่าได้ต้องกังวล พวกเราจะดูแลองค์ชายอย่างดี”เฉิงจืออี้สูดจมูกอย่างเย็นชาแล้วพูดกับมู่หรงฟู่ “องค์ชาย โปรดดูแลตัวเองด้วยพ่ะย่ะค่ะ ภายในสิบวัน องค์จักรพรรดิจะส่งคนไปรับท่านกลับอย่างแน่นอน"“ไปเถอะ เดินทางปลอดภัย”เฉิงจืออี้และคนอื่น ๆ ต่างก็อำลามู่หรงฟู่ จากนั้นจึงขึ้นรถม้าและออกจากเมืองไปหลังจากดูพวกเขากลับไปแล้ว มู่หรงฟู่ก็ถามอย่างใจเย็น “พี่ชายตู๋กู ข้าขอถามหน่อยได้หรือไม่ว่า ข้าควรไปพบไทฮองไทเฮาของเจ้าตอนนี้หรือว่าอย่างไร?”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหัวเราะและพูดว่า "องค์ชายมู่หรงให้เกียรติกันเกินไปแล้ว ท่านมีสถานะที่สูงส่ง กระหม่อมมิกล้าให้ท่านเรียกว่าพี่ชายหรอก เรียกกระหม่อมว่าโฉ่วเยวี่ยเถิดพ่ะย่ะค่ะ"“เข้าประเด็นกันเถิด!”“เช่นนั้น องค์ชายมู่หลง โปรดมากับกระหม่อมมาเถิด เข้าเฝ้าไทฮองไทเฮาก่อน จากนั้น... กระหม่อมจะพาท่านไปยังที่พำนัก”มู่หรงฟู่พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ขี่ม้าเคียงข้างกับตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไประหว่างทาง เขาถามอย่างสงสัย “ว่าแต่ว่า พี่ตู๋กู เรื่องกั

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 15

    เหลยเจิ้นอธิบายว่า “ข้าน้อยเพียงรู้สึกว่า องค์รัชทายาทสามารถหาวิธีที่จะควบคุมเป่ยเยี่ยนได้ ดังนั้นพระองค์อาจมีความคิดเกี่ยวกับการค้นหาผู้มีความสามารถจากทั่วใต้หล้าพ่ะย่ะค่ะ"ฉินอู๋ต้าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นส่ายหัวเล็กน้อย“ข้าควรถามเว่ยเจิงก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ ส่งคนไปจับตาดูเป่ยเยี่ยนอย่างใกล้ชิดด้วย ตอนนี้แม้ว่ามู่หรงฟู่จะถูกกักขังอยู่ที่นี่ แต่เราต้องระวังการเคลื่อนไหวที่เป็นอันตรายจากฝั่งเป่ยเยี่ยนด้วย”“ข้าน้อยน้อมรับสั่งฝ่าบาท!”เหลยเจิ้นโค้งคำนับเล็กน้อยแล้วถอยกลับเดินออกไป…… ทางด้านของฉินซูหลังจากที่เขาออกจากจวนตระกูลหลิน เขามิได้กลับไปที่ตำหนักบูรพา แต่มาที่โรงน้ำชาใกล้กับตลาดที่พลุกพล่านแทนเมื่อพูดถึงการรวบรวมข้อมูล ไม่มีที่ไหนจะดีไปกว่านี้แล้วเขาพบที่นั่งริมหน้าต่างและนั่งลง ขณะดื่มชาเขาก็ตั้งใจฟังบทสนทนาที่ค่อนข้างมีเสียงดังในโรงน้ำชาด้วยเนื่องจากเขาปลอมตัวออกมาประหนึ่งสามัญชนจึงไม่มีใครจำเขาได้ในเวลานี้ ชายคนหนึ่งที่อยู่โต๊ะถัดไปถามสหายของเขาว่า “นี่ ๆ พวกเจ้าเคยได้ยินหรือไม่ เมื่อสองวันก่อนมีใครบางคนทำลายปราการเฮยเฟิงในคราวเดียว พวกผู้นำหัวหน้าต่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 16

    ฉินซูถามอย่างมิเป็นทางการ “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นยอดฝีมืออันดับสองของหลงเฉิง ตอนนี้เจ้ามีความแข็งแกร่ง หรือจะถามว่าเจ้าอยู่ในระดับใด?”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยเหลือบมองฉินซูอย่างสงสัย มิเข้าใจว่าเหตุใดองค์รัชทายาทจึงถามเรื่องนี้แต่เขาก็ยังคงตอบอย่างตรงไปตรงมา “ทูลองค์รัชทายาท กระหม่อมเป็นนักรบขั้นกลางระดับปฐพี”“ระดับปฐพี?”“พ่ะย่ะค่ะ ในวีถีแห่งวรยุทธ แบ่งระดับจากสูงไปต่ำคือ ระดับสวรรค์ ระดับปฐพี ระดับซวน(ลึกลับ) และระดับมนุษย์ แต่ละระดับแบ่งออกเป็นสามขั้นย่อยได้แก่ ขั้นต้น ขั้นกลาง และขั้นปลาย”ฉินซูขมวดคิ้วและถามว่า “เช่นนั้น เจ้านายของเจ้าเป็นนักรบระดับสวรรค์หรือ?"“ข้อนี้ กระหม่อมเองก็มิแน่ใจพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าหมายความเช่นไร ตามความเข้าใจของข้า เจ้าสำนักถือได้ว่าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของราชวงศ์ต้าเหยียนอันยิ่งใหญ่ของเรา ในระดับนี้แล้ว ความแข็งแกร่งมิน่าจะอยู่เพียงแค่ขั้นปลายระดับปฐพีได้เลย”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ตาเฒ่านั่น... อะแฮ่ม... กระหม่อมหมายถึงท่านผู้นั้นย่อมมิใช่เพียงแค่นักรบระดับปฐพี แต่เหตุผลที่เมื่อครู่กระหม่อมบอกว่า กระหม่อมมิแน่ใจก็เพราะกระหม่อมคิดว่าคว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 17

    ฉินหงเอามือไพล่หลัง ใบหน้าเย้ยหยัน‘ฉินซูนะฉินซู หากครั้งนี้เราจับเจ้าได้ แม้ว่าเจ้าคารมคมคายเพียงใด ก็ไม่มีทางแก้ตัวให้รอดไปได้’‘ตำหนักบูรพา ถึงคราวเปลี่ยนเจ้าของแล้ว!’เมื่อฉินหงกำลังกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ เหล่าองครักษ์ก็วิ่งกลับมาทีละคน“ทูลท่านอ๋องฉี ไม่มีใครอยู่ในร้านค้าเลยพ่ะย่ะค่ะ!”“ว่ากระไรนะ! ไม่มีใครเลยรึ?!”ฉินหงสะดุ้งอยู่ครู่หนึ่งและถามว่า “เจ้าค้นหาทุกซอกทุกมุมแล้วหรือยัง?”“ค้นอย่างละเอียดแล้ว ไม่มีใครอยู่จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ชิ่งกั๋วกงอย่างเซี่ยเหอก็รู้สึกกังวล “ทูลท่านอ๋องฉี เมื่อครู่เราได้ยินเสียงของเซี่ยหลานอย่างชัดเจน แต่ในพริบตาเดียว เหตุใดนางจึงหายไป? ส่งคนไปตามหานางเร็วเข้า!”ฉินหงรีบพยักหน้า พูดว่า “พวกเจ้า รีบตามหา ต่อให้ต้องแหวกแผ่นดินก็ต้องตามหาเซี่ยหลานให้เจอ!”“รับทราบพ่ะย่ะค่ะ!”ราชองครักษ์กระจายตัวไปทุกทิศทุกทาง แยกย้ายกันออกตามหาคนหลินซีพูดด้วยท่าทางสับสน “แปลกจริง เห็น ๆ อยู่ว่าตรอกนี้เป็นทางตัน ฉินซูจะพาเซี่ยหลานไปซ่อนที่ใดได้ หรือว่าเขาบินได้กัน?”เซี่ยเหอกังวลมาก เขากระทืบเท้าด้วยความโกรธ “ขอทีเถอะใต้เท้าหลิน โปรดหยุดคาด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 18

    ในตอนที่เซี่ยหลานพูดจบ ฉินซูก็หายตัวไปแล้ว“เจ้าเลว! เจ้าชั่ว! เจ้าคนสารเลว!”เซี่ยหลานกำหมัดของนางแรงจนข้อนิ้วเปลี่ยนซีดขาวนางก้มหน้าลงมองอาภรณ์ที่ฉินซูฉีกทึ้งจนมิเหลือชิ้นดี ความคับข้องใจและความมิเต็มใจปะทุขึ้นในใจนางจากนั้นนางก็ทนมิไหวอีกต่อไป หยาดน้ำตาหลั่งออกมาพร้อมเสียงสะอื้นไห้ “ฮือ”ตลอดชีวิตของนาง นางมิเคยถูกทำให้อับอายถึงเพียงนี้มาก่อนสำหรับนาง นี่เป็นความอัปยศอย่างยิ่ง!“ฉินซู ท่านคอยดูเถอะข้าจะให้ท่านต้องชดใช้สิ่งที่ท่านทำในวันนี้! ฮือ... เจ้าสารเลวกล้ามาทำให้ข้าอับอายเช่นนี้... ”นางหลั่งน้ำตา ร้องไห้มิหยุดหลังจากระบายความโกรธแล้ว นางก็หยิบเศษผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นวัดร้างขึ้นมาและคลุมร่างที่เปลือยเปล่าของนางจากนั้นก็ฉีกอีกชิ้นหนึ่งออกมาคลุมใบหน้าไว้นางอยู่ในสภาพอาภรณ์ขาดวิ่นเช่นนี้ มิกล้าสู้หน้าผู้คนจริง ๆ หลังจากทำตัวเองให้ดูมอมแมมแล้ว ก็ออกจากวัดร้างไปด้วยความสบายใจแถวนี้คนผ่านไปมาน้อย หากมิทำให้ตัวเองดูสกปรก นางก็เกรงว่าจะเจอภัยร้ายแต่นางก็ละเลยไปหนึ่งสิ่งนั่นคือแม้ว่าตอนนี้นางจะดูสกปรกมอมแมม แต่มิว่าอย่างไร รูปร่างอันสง่างามและอรชรอ้อนแอ้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 19

    ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยยิ้มและพูดว่า “อันที่จริงแล้ว กระหม่อมเพียงต้องการหางานทำร่วมกับองค์รัชทายาท!"“หา? อยากหางานทำร่วมกับข้า ข้าได้ยินมิผิดใช่หรือไม่?” ฉินซูตกตะลึงเล็กน้อยตู๋กูโฉ่วเยวี่ยพยักหน้าอย่างหนักแน่นและพูดอย่างเคร่งขรึม "พ่ะย่ะค่ะ ท่านทรงเป็นองค์รัชทายาทของแคว้น ดังคำกล่าวที่ว่า ผู้คนแสวงหาที่สูง สายน้ำไหลสู่ที่ต่ำ บุรุษผู้ทะเยอทะยานเช่นกระหม่อมย่อมต้องการที่จะบรรลุสิ่งยิ่งใหญ่เป็นเรื่องปกติ กระหม่อมจึงขอให้องค์รัชทายาททรงอนุญาต”ฉินซูกลอกตามาที่เขาและบ่นว่า “ขออภัยที่ข้าต้องบอกความจริงกับเจ้า ทุกคนต่างรู้ดีว่าวันชุนเฟินปีหน้าข้าจะถูกปลดจากตำแหน่งรัชทายาท เจ้ามาหาข้าเวลานี้ยังจะมาพูดว่าอยากสร้างผลงานยิ่งใหญ่ คิดจะหลอกใครกัน?”“เอ่อ… เรื่องนั้น… คือว่า..."เมื่อเห็นตู๋กูโฉ่วเยวี่ยอ้ำอึ้ง ฉินซูก็หรี่ตาลงแล้วถามว่า “หรือว่าอ๋องฉีหรือไม่ก็อ๋องจิ้นส่งเจ้ามาเป็นสายลับข้างกายข้า?”“แน่นอนว่ามิเป็นเช่นนั้น องค์รัชทายาท ท่านควรรู้ว่าพวกเราจากสำนักหอดูดาวหลวงต่างก็มีความชอบธรรมในตนเอง จะเป็นสายลับให้พวกเขาได้อย่างไร เราจะมิรักษาหน้าตัวเองได้หรือ!”“หากเจ้าถือว่าตัวเองเป็นคนชอบธรรมมา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 20

    ทว่าชูโม่ดึงแส้หนังออกจากอกเสื้อของนางแทน!ทันใดนั้นดวงตาของนางก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา ก่อนเหวี่ยงแส้ในมือฟาดใส่ฉินซูอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า!รูม่านตาของฉินซูหดตัวเล็กน้อย เขาเบี่ยงตัวไปด้านข้างโดยสัญชาตญาณ หลีกเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย“อ๊ะ?!”ชูโม่มีสีหน้าประหลาดใจ ในใจรู้สึกทึ่งเป็นอย่างมากการโจมตีนี้ดูเหมือนทำอย่างสบาย ๆ แต่ด้วยความแข็งแกร่งขั้นสูงสุดระดับปฐพีของนาง แม้ว่าจะโบกมือเบา ๆ ก็ตาม การจะหลบเลี่ยงมันก็เป็นเรื่องยากแล้วสำหรับจอมยุทธระดับซวนทั่วไปแต่องค์รัชทายาทไร้ค่าผู้นี้ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องหลงสุรามักมากในกามอารมณ์กลับรอดพ้นไปได้อย่างง่ายดายได้อย่างไร?นางแทบมิเชื่อสายตาตัวเอง!เมื่อชูโม่กำลังสงสัย ฉินซูก็เซจนหงายหลัง“โอ๊ย ข้ากลัวแทบตาย เจ้าทำอะไรของเจ้ากัน”เขาบ่นและลูบท้ายทอย ทำหน้าเหยเกอย่างเจ็บปวดเมื่อเห็นเช่นนี้ ชูโม่ก็อดมิได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย และบ่นในใจอีกครั้ง‘หรือว่าเมื่อครู่เป็นเพียงความบังเอิญ?’คิดเช่นนั้น นางจึงส่งเสียงฮึดฮัด ยกแส้ขึ้นและเตรียมฟาดออกไปอีกครั้งฉินซูยกฝ่ามือขึ้นแล้วตะโกน “ช้าก่อน!”ชูโม่เลิกคิ้วและถามด้วยสีหน้าเย็นชา “มีอะไรจะสั

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 670

    “องค์รัชทายาท ทางนั้นมีกระไรผิดปกติหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ชิวก่วนเห็นฉินซูขมวดคิ้วมองไปยังฝูงชนฝั่งซ้ายก็เอ่ยถามขึ้นฉินซูยิ้มบาง ๆ “ไม่มีกระไร ออกเดินทางเถิด”เขาควบม้าเดินนำหน้าไปช้า ๆเมื่อครู่เขารับรู้ถึงกลิ่นอายสังหารเฉียบคมมาจากฝูงชน ทว่ามิได้ใส่ใจกระไรมากนักด้วยวรยุทธ์ในปัจจุบันของเขา ตราบใดที่มิใช่ยอดฝีมือระดับเดียวกับเจ้าสำนักหอดารารักษ์ เขาก็มั่นใจว่าจะรับมือได้เมื่อนึกถึงเจ้าสำนักหอดารารักษ์ ฉินซูก็รู้สึกเหนื่อยใจเล็กน้อย เพราะอีกมินานเขาก็ต้องเดินทางไปเป่ยเยี่ยนตามสัญญาแล้วเขาอดมิได้ที่จะพึมพำในใจ “มิรู้ว่าไปถึงหอดารารักษ์แล้ว นางปีศาจซ่างกวนอวิ๋นซีจะถลกหนังข้าหรือไม่ เฮ้อ หวังว่าก่อนเดินทางหัวหน้าโหรหลวงจะให้ของกำนัลที่มิคาดฝันแก่ข้าบ้าง”ฉินซูแทบจะมั่นใจได้ว่า วรยุทธ์ของเหลยเจิ้นนั้นมิได้ด้อยกว่าซ่างกวนอวิ๋นซีเป็นแน่ ดังนั้นเขาจึงฝากความหวังไว้กับหัวหน้าโหรหลวงเป็นส่วนใหญ่ หวังว่าอีกฝ่ายจะให้ของวิเศษไว้ป้องกันตัวบ้างจากนั้นเขาก็นึกถึงกู้เสวี่ยเจี้ยน และหวนถึงช่วงเวลาที่ทั้งคู่ใช้ชีวิตด้วยกันในถ้ำอย่างสงบและไร้กังวลในเวลาเดียวกันท่ามกลางฝูงชน จ้าวอวี้เสวียนเอ่ยลอ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 669

    ฉินซูเรียกแม่ทัพนายกองทัพหลักมา สั่งการเรื่องต่าง ๆ ที่จะตามมาให้พวกเขาเรียบร้อยแล้ว จึงหันไปสั่งชิวก่วนว่า “จงไปจัดสรรเงินจากคลังหลวงมาหนึ่งล้านตำลึง และเสบียงอาหารหนึ่งหมื่นต้าน เพื่อเป็นรางวัลแก่ทหารทั้งสามทัพ ส่วนที่เหลือทั้งหมดให้บรรจุหีบขนกลับหลงเฉิง!”“ข้าน้อยรับพระบัญชา!”แม่ทัพนายกองที่เหลือต่างก็ดีใจจนเนื้อเต้น คุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วกล่าวพร้อมกันว่า “ข้าน้อยขอขอบพระทัยองค์รัชทายาท!”เที่ยงวันนั้น ฉินซูก็พาชิวก่วนและทหารชั้นยอดห้าพันนายขนเงินและสิ่งของอื่น ๆ จากคลังหลวงแคว้นหนานเยวี่ยออกจากพระราชสถาน และเตรียมตัวเดินทางกลับต้าเหยียนทว่าเพิ่งออกมาจากพระราชสถาน ฉินซูก็พบว่าข้างนอกเต็มไปด้วยราษฎรแคว้นหนานเยวี่ยเมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินซูก็อดมิได้ที่จะขมวดคิ้ว นึกว่าราษฎรเหล่านั้นจะมาขว้างปาไข่เน่าใส่ตนแต่กลับพบว่า ทันทีที่เขาก้าวออกมา ราษฎรเหล่านั้นก็พากันคุกเข่าลงฉินซูชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามหลิวผู่ว่า “เกิดกระไรขึ้นกับพวกเขา?”หลิวผู่ตอบด้วยความเคารพ “องค์รัชทายาท พระองค์ทรงมีพระบัญชาให้ยกเว้นภาษีและการเกณฑ์แรงงานในแคว้นหนานเยวี่ยเป็นเวลาสามปี ราษฎรเหล่านี้จึงตั้งใ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 668

    เพียงใช้กลอุบายเล็กน้อยก็ยึดครองแคว้นหนานเยวี่ยได้สำเร็จ เพียงยกมือขึ้นก็สามารถตบยอดฝีมือระดับปฐพีให้กลายเป็นหมอกเลือดได้หากองค์รัชทายาทเช่นนี้มิได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป สวรรค์ก็ไร้แววอย่างแท้จริงในเวลานี้ ชิวก่วนมีแต่ความคิดที่จะติดตามรับใช้ฉินซูเท่านั้น นอกจากนั้นแล้วเขาก็ไม่มีความต้องการอื่นใดอีกฉินซูกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้ามิได้ออกรบอยู่บ่อย ๆ มิจำเป็นต้องให้เจ้ามาคอยรับใช้ใกล้ชิด ทำหน้าที่ของเจ้าให้ดี ราชสำนักต้าเหยียนของข้าจะมิทำให้เจ้าผิดหวังแน่นอน”เมื่อชิวก่วนเห็นฉินซูปฏิเสธ ในใจก็อดมิได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยแต่เมื่อคิดอีกที ในภายภาคหน้าราชสำนักต้าเหยียนก็คงต้องฟังคำสั่งของฉินซูอยู่ดีมิใช่หรือ?นั่นหมายความว่า ตราบใดที่ตนตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ จักรพรรดิองค์ต่อไปนี้ก็จะมิทำให้ตนต้องลำบากเมื่อคิดได้ดังนั้น ชิวก่วนก็เผยสีหน้ายินดีปรีดาในทันทีพร้อมพยักหน้ารัว “องค์รัชทายาทโปรดวางพระทัย ข้าน้อยจะทุ่มเทสุดกำลังจนกว่าชีวิตจะหาไม่พ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซูมองชิวก่วนด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็มิได้พูดสิ่งใดอีกเขามองไปรอบ ๆ แล้วสั่งการ “ทำความสะอาดเสียหน่อยเถิด ข

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 667

    ตบฝ่ามือทีเดียวก็ทำให้คนกลายเป็นหมอกเลือด แม้แต่ยอดฝีมือระดับสวรรค์ก็ทำมิได้ แต่ฉินซูกลับทำได้อย่างง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ หากมิใช่ผีแล้วจะเป็นกระไรไปได้เล่า?จอมยุทธ์หลายคนใช้วิชาตัวเบา พยายามเหาะข้ามหลังคาเพื่อหนีเอาตัวรอดทว่าร่างของพวกเขาเพิ่งจะทะยานขึ้นไปในอากาศ กระแสพลังฝ่ามืออันน่าสะพรึงกลัวจนขนลุกก็พุ่งเข้ามาพวกเขายังมิทันได้ร้องขอชีวิต ก็ถูกตบจนกลายเป็นหมอกเลือดไปเสียแล้วดังนั้นการต่อสู้ที่ดูเหมือนจะเป็นการล้อมโจมตี กลับกลายเป็นการสังหารหมู่แต่เพียงฝ่ายเดียว!ในเวลานี้ ผู้ที่ตายด้วยน้ำมือของฉินซูมีจำนวนมากถึงยี่สิบสามสิบคนซึ่งในจำนวนนั้นยังมียอดฝีมือระดับปฐพีอยู่มิน้อย“องค์รัชทายาท ข้าน้อยผิดไปแล้ว ขอร้อง ได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วย!”ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเห็นฝ่ามือของฉินซูกำลังพุ่งตรงมา ก็ตกใจจนรีบคุกเข่าลงร้องขอชีวิตฉินซูเก็บมือกลับจริง แล้วหันไปตบอีกคนที่หมายจะหนีจนตายตกไปหลายคนสังเกตเห็นภาพนั้น เมื่อเห็นว่าหนีไปก็ไร้หวัง พวกเขาจึงพากันเลียนแบบชายวัยกลางคน คุกเข่าลงร้องขอชีวิต“องค์รัชทายาท พวกข้าน้อยยอมแล้ว พวกข้าน้อยยอมแพ้แต่โดยดีแล้ว ขอพระองค์โปรดไว้ชีวิตพ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 666

    เมื่อเห็นการโจมตีที่ทรงพลัง เหล่าชาวยุทธภพหนานเยวี่ยก็อุทานด้วยความทึ่ง“สมแล้วที่เป็นเจ้าสำนักดาบพิฆาต วิชาดาบช่างทรงพลังยิ่งนัก!”“นึกมิถึงเลยว่า เพียงขั้นกลางระดับปฐพี กลับสามารถระเบิดพลังการต่อสู้ที่น่าสะพรึงเช่นนี้ออกมาได้ วิชาดาบพิฆาตสมชื่อจริง ๆ”“กระบวนท่าของเขา แม้แต่ยอดฝีมือระดับสวรรค์ก็คงมิกล้ารับดาบโดยตรงกระมัง?”“รัชทายาทผู้รอวันปลดนี่ต้องตายแน่ พวกเราคงมาเสียเที่ยวแล้ว”“...”ท่ามกลางเสียงอุทานของฝูงชน ฉินซูกลับเดินทอดน่องสบายอารมณ์ และตบฝ่ามือออกไปช้า ๆเมื่อเห็นภาพนั้น บางคนก็หัวเราะเยาะขึ้นมาทันที“รัชทายาทผู้รอวันปลดนี่คิดจะรับดาบด้วยมือเปล่ารึ? ช่างมิรู้ประสีประสาจริง ๆ!”“รนหาที่ตายก็ดีแล้ว อย่างน้อยความแค้นของแคว้นหนานเยวี่ยของพวกเราจะได้ถูกชำระล้าง”คนอื่น ๆ กำลังจะเอ่ยปากถมถุยตาม ทว่าบัดนั้นเอง...'ปุ้ง!'หลังจากสิ้นเสียงแผ่วเบา ร่างกำยำของเจ้าสำนักดาบพิฆาตก็ระเบิดออกเป็นหมอกเลือด!ทุกคนตกตะลึงกับภาพอันน่าเหลือเชื่อนี้ ต่างยืนงงงันอยู่กับที่ราวกับถูกสาปให้กลายเป็นหินรวมถึงชิวก่วนและพรรคพวกด้วยเช่นกัน!ตบฝ่ามือเดียวทำให้จอมยุทธ์ระดับปฐพีขั้นกลางกลา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 665

    แต่ในวินาทีต่อมา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็แข็งค้างในทันที ร่างกายสั่นสะท้านก่อนจะหงายหลังล้มตึง!แม้แต่ถานซินหลานที่อยู่ข้าง ๆ ก็มิรอด พลันล้มลงจมกองเลือดด้วยสีหน้าคับแค้นใจร่างของศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสองเต็มไปด้วยรอยเข็มเล็ก ๆ นับมิถ้วนเลือดสีดำสนิทราวกับหมึกค่อย ๆ ไหลซึมออกมาจากบาดแผลเล็กจิ๋วเหล่านั้นทั้งสองสงสัยจนถึงลมหายใจเฮือกสุดท้ายว่า ฉินซูมิได้ขยับนิ้วแม้แต่น้อย เหตุใดเข็มพิษเหล่านั้นถึงพุ่งกลับมาเองโดยไร้สาเหตุเมื่อเดินออกจากตรอก เสียงฝีเท้าอึกทึกก็ดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ พร้อมกับเสียงกีบม้าบาดหู“ใครมาทะเลาะวิวาทกันแถวนี่?”กลุ่มทหารก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าฉินซูพร้อมกับเสียงตวาดดังลั่นคนที่อยู่บนหลังม้าสวมชุดเกราะพร้อมถือหอกยาว ชิวก่วนนั่นเอง!เมื่อเขาเห็นฉินซูก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบลงจากม้าเพื่อทำความเคารพ“คารวะองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซูโบกมือ กล่าว “พวกเจ้ามาได้อย่างไร?”“ข้าน้อยลาดตระเวนยามวิกาลอยู่ทางฝั่งใต้ของเมือง และได้ยินเสียงเคลื่อนไหวทางนี้จึงนำคนมาพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท ข้างนอกอันตราย พระองค์เสด็จกลับเถิดพ่ะย่ะค่ะ”“คนอื่น ๆ อุตส่าห์เดินทางมา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 664

    ฉินซูสะบัดแขน ภาพเหตุการณ์พลันหยุดนิ่ง!เห็นเพียงปลายกระบี่ของมือกระบี่ชุดดำถูกสกัดไว้ด้วยนิ้วชี้ของฉินซู!ปราณแห่งกระบี่รุนแรงที่แผ่ซ่านไปทั่วเมื่อครู่นั้นได้พลันอันตรธานหายไปในบัดดลมือกระบี่ชุดดำเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดผวาในฐานะมือกระบี่ระดับปฐพีขั้นต้น เขาไร้คู่ต่อสู้ในหนานเยวี่ย ทว่าการโจมตีเต็มกำลังในครั้งนี้ กลับถูกอีกฝ่ายปัดป้องได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังใช้นิ้วเพียงนิ้วเดียวสกัดกระบี่ที่ทำจากเหล็กกล้าได้หากมิได้เห็นกับตา ใครเล่าจะเชื่อว่าภาพเหตุการณ์ตรงหน้าเป็นเรื่องจริง?“เจ้า อ่อนแอเกินไป!”น้ำเสียงเหยียดหยามของฉินซูดังขึ้น จากนั้นก็มีเสียง 'กร๊อบ กร๊อบ' ดังขึ้นสองครา กระบี่ยาวในมือมือกระบี่ชุดดำพลันหักเป็นท่อน ๆมือกระบี่ชุดดำได้สติกลับมาในทันทีพร้อมหมายจะถอยหนี ทว่าบัดนี้กลับรู้สึกถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ทะลวงออกมาจากกระบี่ที่หักนั้น“แย่แล้ว!”รูม่านตาของเขาหดเล็กลงในทันใด ในใจร้องเตือนลางร้ายแต่เขายังมิทันได้ตอบสนองอะไร ร่างทั้งร่างก็ถูกพละกำลังมหาศาลอัดกระแทกจนกระเด็นออกไปส่วนแขนข้างที่เขากำกระบี่ไว้ก็กลายเป็นหมอกโลหิตไปแล้ว'โค

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 663

    ในเวลานี้ ฉินซูกำลังยืนไพล่หลังอยู่บนกำแพงเมืองพระราชวัง มองไปยังแสงไฟนับหมื่นดวงภายในเมืองถัวเฉิง!บัดนี้เขายึดครองแคว้นหนานเยวี่ยได้สำเร็จอย่างราบรื่น ทำให้เขารู้สึกราวกับเป็นราชันแห่งใต้หล้าในขณะนั้นเอง เขาสังเกตเห็นที่ประตูเมืองเบื้องล่าง กลุ่มทหารกำลังคุมตัวชายหลายคนเดินกลับมาเขาถามด้วยความสงสัย “ชิวก่วน พวกนั้นเป็นใคร?”ชิวก่วนตอบด้วยความหนักใจเล็กน้อย “ทูลองค์รัชทายาท ว่ากันว่าพวกนั้นเป็นชาวยุทธภพหนานเยวี่ย พวกเขาได้ยินว่าจ้าวควงตายด้วยน้ำมือของพระองค์ จึงมาที่ยังถัวเฉิงเพื่อลอบปลงพระชนม์แก้แค้นให้แก่ราชวงศ์จ้าวพ่ะย่ะค่ะยามนี้มิทราบแน่ชัดว่าในถัวเฉิงมีผู้ที่มีเจตนาร้ายซุ่มซ่อนตัวรอโอกาสลงมือมากน้อยเพียงใดฉะนั้นขอองค์รัชทายาทโปรดอย่าได้เสด็จออกไปข้างนอกในยามวิกาลเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ พระราชวังมีกำแพงสูงคูเมืองลึก อีกทั้งยังมีทหารรักษาการณ์แน่นหนา พวกชาวยุทธภพเหล่านั้นไม่มีทางบุกเข้ามาได้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซูก็หัวเราะอย่างสนใจ “ในเมื่อชาวยุทธภพหนานเยวี่ยอยากจะสังหารข้า เช่นนั้นข้าก็จะให้โอกาสพวกเขาสักครา!”ชิวก่วนชะงักไป แล้วรีบห้ามปราม “เช่นนั้นมิคว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 662

    “ท่านอาจารย์ องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน ฉินซู นำทัพบุกยึดถัวเฉิง เสด็จและเชื้อพระวงศ์ทั้งหมดถูกสังหารด้วยน้ำมือของเขา ทหารรักษาการณ์ในแคว้นก็ยอมจำนนหมดแล้ว บัดนี้ศิษย์เหลือตัวคนเดียว ไร้ซึ่งกำลังและพวกพ้อง ขอท่านอาจารย์โปรดออกหน้าช่วยศิษย์ล้างแค้นให้วงศ์ตระกูลด้วยเถิดเจ้าค่ะ!”จ้าวอวี้เสวียนคุกเข่าลงกับพื้น กล่าวจบก็ร่ำไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเศร้าโศกเมื่อได้ยินเช่นนั้น ซู่เสวียนก็ขมวดคิ้วพลางมองจ้าวอวี้เสวียนด้วยความมิพอใจเล็กน้อย“อวี้เสวียน ในเมื่อเจ้าได้เข้าสู่วิถีแห่งสำนักแล้วก็ควรตัดขาดจากตัณหา มุ่งมั่นบำเพ็ญเพียรเพียงอย่างเดียว เจ้าลืมคำสั่งสอนของอาจารย์ก่อนหน้านี้สิ้นแล้วหรือ?”จ้าวอวี้เสวียนกล่าวทั้งน้ำตา “ท่านอาจารย์ คำพูดของท่าน ศิษย์จดจำไว้ในใจเสมอ เพียงแต่ญาติสนิททั้งตระกูลถูกสังหารอย่างอนาถ ความแค้นใหญ่หลวงเช่นนี้หากมิได้ชำระ เกรงว่าภายหน้าต่อไปจะกินมิได้นอนมิหลับ ไหนเลยจะมีจิตตั้งมั่นบำเพ็ญเพียรบรรลุเซียนได้”“เจ้า… เฮ้อ!”ซู่เสวียนถอนหายใจยาว และหันหลังกลับไปด้วยความผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเห็นเช่นนั้น จ้าวอวี้เสวียนก็อ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ท่านอาจารย์ โปรดช่วยศิษย์ด้ว

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status