Share

บทที่ 12

หลินชิงเหยายิ้มอย่างขมขื่นพลางหลับตารอความตาย

ดาบเคลื่อนลงมาอย่างรวดเร็ว ดูเหมือนว่าหลินชิงเหยากำลังจะพบกับจุดจบอันน่าเศร้า

ในช่วงเวลาวิกฤตินี้ มีร่างหนึ่งกระโดดลงจากหลังม้า!

ในขณะที่คนผู้นั้นนี้ยื่นมือออกเพื่อดึงหลินชิงเหยาออกมา มืออีกข้างของเขาก็คว้าดาบอย่างรวดเร็วและช่ำชอง

ในชั่วพริบตา ดาบในมือของฉินหงก็ถูกคนผู้นั้นคว้าไป ในเวลาเดียวกัน ดาบเย็นก็กดลงบนคอของเขาในทันใด!

หลังจากที่ฉินหงตระหนักได้ถึงสิ่งที่เกิดขึ้นเขาก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้าง!

“ฉินซู เหตุใดจึงเป็นเจ้า!”

เขาตกใจมาก!

ฉินซูผู้ไร้ประโยชน์มีทักษะถึงเพียงนี้ได้อย่างไร? เขาสามารถปลดอาวุธได้ด้วยมือเปล่าจริง ๆ หรือ?

องครักษ์ที่อยู่รอบ ๆ ฉินหงต่างก็ทำหน้าเคร่งขรึม พลันชักมีดออกมาพร้อมกัน!

ดวงตาของฉินซูเย็นชา ดาบในมือของเขากลายเป็นแสงสีขาว ฟันไปที่หัวหน้าองครักษ์ที่อยู่ด้านหน้า

ม่านตาของหัวหน้าองครักษ์หดตัวลงทันที และพยายามหลบเลี่ยงโดยสัญชาตญาณ

ทว่าก่อนที่เขาจะขยับเท้าได้ ดาบก็ฟาดลงมาแล้ว

“ฉึก!”

โลหิตพลันพุ่งออกมา ศีรษะของหัวหน้าองครักษ์ลอยขึ้นไปในอากาศ จากนั้นก็ร่วงหล่นลงมาและกลิ้งไปบนพื้นสองสามครั้งก่อนที่มันหยุดลง

ร่างที่ไร้ศีรษะของเขาสั่นสองครั้งก่อนที่จะล้มลง

เมื่อเห็นฉากนี้ หนังศีรษะของทุกคนก็ชาวาบ!

องค์รัชทายาทผู้ไร้ค่าที่เคยหมกมุ่นอยู่แต่กับสุราเคล้านารีทุกเมื่อเชื่อวันตลอด บัดนี้กำลังสังหารคนโดยมิแม้แต่กะพริบตา!

ความแตกต่างนี้ทำให้พวกเขาหวาดกลัวจริง ๆ

หลังจากที่ฉินหงฟื้นจากอาการตกใจ เขาก็ตะโกนถามว่า “ฉินซู เจ้าสังหารหัวหน้าองครักษ์ของตัวข้าด้วยเหตุใด?”

ฉินซูพูดอย่างเย็นชา “หึ กล้าถืออาวุธต่อหน้าข้า เหตุใดเล่า พวกเจ้าคิดจะกบฏรึ?”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ องครักษ์คนอื่น ๆ ก็รีบโยนดาบในมือทิ้งไป พลันคุกเข่าลงพร้อม ๆ กัน

ฉินซูยกดาบขึ้นฟาดฟันคนเหล่านั้น

คนที่เหลือต่างหวาดกลัวจนหน้าซีด และร้องขอความเมตตาซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“องค์รัชทายาท โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วยเถิด ข้าน้อยผิดไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

“ใช่แล้ว องค์รัชทายาท พวกเราเห็นพระองค์ทรงเอาดาบจ่อที่คอของท่านอ๋องฉี พวกเราหุนหันพลันแล่นจึงชักดาบออกมาโดยมิคิด พวกเรามิได้จะดูหมิ่นพระองค์แม้แต่น้อยพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินซูตะคอกเบา ๆ “หึ ครั้งนี้ตัวข้าจะมิทำเยี่ยงเดิมให้พวกเจ้าเห็น หากมีครั้งหน้า ตายสถานเดียว!”

“ขอบพระทัยองค์รัชทายาท ขอบพระทัยองค์รัชทายาทที่ไว้ชีวิตข้าน้อยพ่ะย่ะค่ะ”

เหล่าองครักษ์โขกหัวคำนับซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ฉินหงกัดฟันพูดอย่างดุ ๆ “ฉินซู ปล่อย…”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ ดาบในมือของฉินซูก็ถูกวางลงบนคอของเขาอีกครั้ง

เขาตกใจมากจนกลืนคำพูดกลับไป

หลินซีเตือนอย่างสั่นเทา “องค์รัชทายาท ท่านทั้งสองเป็นพี่น้องกัน ท่านมิอาจหุนหันพลันแล่น โปรดวางดาบลงเถิดพ่ะย่ะค่ะ มิเช่นนั้นจะเป็นการยากที่จะรายงานต่อองค์จักรพรรดิหนาพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินซูเยาะเย้ยอย่างสงบ “หากเสด็จพ่อตำหนิข้า ตัวข้าจะมีข้อแก้ตัวเอง!"

“ส่วนเจ้า ฉินหง ในแง่ของความอาวุโส ตัวข้าเป็นพี่ของเจ้า ในแง่ของสถานะ ตัวข้าเป็นองค์รัชทายาทแห่งตำหนักบูรพา”

“เจ้ามิทำความเคารพเมื่อเห็นข้า อีกทั้งยังกล้าปล่อยให้ผู้ใต้บังคับบัญชาของเจ้าจ่อดาบใส่ข้า เป็นเพราะเจ้ามิอยู่ในตำแหน่งจวิ้นอ๋อง เลยมิต้องทำความเคารพข้าหรือไร”

หลังจากได้ยินคำพูดของฉินซูแล้วฉินหงและหลินซีก็ตกตะลึง

หากพวกเขามิได้เห็นด้วยตาตนเอง พวกเขาคงไม่มีวันเชื่อว่า คำพูดเช่นนี้จะออกมาจากปากขององค์รัชทายาทไร้ค่าผู้นี้

ตามมารยาทแม้แต่องค์ชายรุ่นเดียวกันก็ต้องโค้งคำนับเมื่อพบกับองค์รัชทายาท

เพียงแต่ว่าก่อนหน้านี้ฉินหงและคนอื่น ๆ เห็นฉินซูหลงสุราเคล้านารี และอีกฝ่ายก็มิสนใจเรื่องนี้มากนัก เมื่อเวลาผ่านไป พวกเขาก็เริ่มนิสัยมิเคารพ

เมื่อเห็นฉินซูพูดถึงเรื่องนี้ฉินหงก็พูดมิออกอยู่ครู่หนึ่ง

ในทางกลับกันหลินซีคุกเข่าลงและโค้งคำนับด้วยความเคารพ “องค์รัชทายาท หาอย่าได้แปลกใจเลยพ่ะย่ะค่ะ เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นกะทันหัน เราจึงลืมเรื่องนี้ไปชั่วขณะ”

ฉินหงเหลือบมองดาบที่กดลงบนคอของตนแล้วกลืนน้ำลายอึกใหญ่

จากนั้นเขาก็งอเข่าและคุกเข่าลง

ฉินซูรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อยและพูดว่า “ฉินหง เราก็เป็นพี่น้องกัน แม้ว่าเจ้าจะต้องทำความเคารพ แค่ท่าทางที่เท่าเทียมกันก็เพียงพอแล้ว ไฉนต้องคุกเข่าทำความเคารพลงด้วยเล่า?

ฉินหงเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ และใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความลำบากใจ

เขาพูดด้วยสีหน้าเขินอาย “อะไรเล่า ข้ายืนนาน ขาของข้าก็เลยชา”

“ก็แค่นั้น ทว่าเวลากลางวันแสก ๆ เยี่ยงนี้ เจ้าคิดจะใช้ดาบสังหารบุตรีเสนาบดีกรมพระคลัง หากเสด็จพ่อทรงทราบเรื่องนี้ เจ้าคิดว่าเสด็จพ่อจัดการอย่างไรเล่า?

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของฉินหงก็ดูเคร่งขรึมขึ้นมา

เมื่อครู่เขาโกรธจนหน้ามืดตามัว

แต่ลึก ๆ แล้วเขามิได้อยากทำเช่นนั้น

ท้ายที่สุดแล้วหลินชิงเหยาเป็นบุตรีของเสนาบดี และแม้ว่าเขาฉินหงจะเป็นจวิ้นอ๋อง แต่เขามิสามารถใช้ความรุนแรงหรือสังหารใครโดยไร้เหตุผลได้

หากจักรพรรดิทราบเรื่องนี้ มิเพียงแต่ฉินหงจะถูกตำหนิอย่างรุนแรงเท่านั้น แต่เขาจะถูกเพิกเฉยและมิเป็นที่โปรดปรานอีกต่อไป

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ฉินหงก็รีบอธิบาย “เสด็จพี่องค์รัชทายาท ท่านเข้าใจผิดแล้ว ข้าแค่…”

ฉินซูโบกมือขัดจังหวะเขา “หาได้จำเป็นต้องอธิบายให้ข้าฟังไม่ ข้าเพียงเห็นเรื่องอยุติธรรมจึงได้เข้ามาแทรกแซง ข้าหวังว่าสิ่งที่ข้าเห็นจะเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิด"

หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็มองไปที่หลินชิงเหยาอย่างล้ำลึก แล้วหันหลังกลับเดินออกไป

เมื่อมองดูร่างที่จากไปของเขา หลินชิงเหยาก็ขยับริมฝีปากราวกับว่านางลังเลที่จะพูดอะไร

ในส่วนลึกของดวงตาคู่งามนั้นเต็มไปด้วยความเศร้าโศก

เมื่อสังเกตเห็นฉากนี้ฉินหงก็โกรธจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน!

ในเวลานี้ แม้แต่เด็กอายุสามขวบก็ยังเข้าใจอารมณ์ที่ปะปนอยู่ในแววตาของหลินชิงเหยาได้

ฉินหงระงับความโกรธและพูดว่า “ชิงเหยา บอกข้าสิ เจ้าอยู่กับฉินซู…”

“ใช่! หากท่านต้องการจะฆ่าหม่อมฉันก็ทำเลยเถิด หากไม่ หม่อมฉันก็ขอทูลลา”

หลินชิงเหยามองไปที่ฉินหงอย่างเย็นชา

ก่อนหน้านี้นางรู้สึกผิดกับฉินหง ทว่าหลังจากที่ฉินหงชักดาบออกมาใส่นาง หัวใจของนางก็ได้ตายไปแล้ว

ฉินหงโกรธมากจนตัวสั่นด้วย เขากำหมัดกำแน่น

หลินชิงเหยาเหลือบมองเขา จากนั้นก็หันหลังเดินออกไปอย่างเด็ดเดี่ยว

ฉินหงคำรามอย่างมิเต็มใจ “เหตุใด เหตุใดเจ้าจึงทรยศตัวข้า!”

“เพราะตั้งแต่แรกเริ่ม ท่านปฏิบัติต่อหม่อมฉันเหมือนเบี้ยที่จะถูกทิ้งเมื่อใดก็ได้ หากท่านมีหม่อมฉันอยู่ในใจจริง ๆ ท่านจะมิยอมใช้หม่อมฉันเป็นกับดักสำหรับองค์รัชทายาท”

เมื่อหลินชิงเหยาพูดจบ ร่างนั้นก็หายไปจากสุดสายตาของฉินหง

ฉินหงโกรธจนเลือดขึ้นหน้า

ไหล่ของเขาสั่นอย่างควบคุมมิได้ เห็นได้ชัดว่าเขาพยายามอย่างเต็มที่เพื่อระงับความโกรธที่โหมกระหน่ำในใจ

หลินซีรีบปลอบใจ “ท่านอ๋อง ชิงเหยาแค่พูดด้วยความโกรธ โปรดอย่าได้ใส่พระทัยเลยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะลองโน้มน้าวนางอีกครั้ง นางจะต้องเปลี่ยนใจเป็นแน่พ่ะย่ะค่ะ”

“มิจำเป็น! ด้วยสถานะของตัวข้า ยังต้องกังวลเรื่องไม่มีสตรีด้วยรึ? แต่ตัวเจ้า ใต้เท้าหลิน ตอนนี้บุตรีของเจ้าหันมาต่อต้านข้าแล้ว เจ้าในฐานะบิดา เจ้ามิควร... “

ก่อนที่เขาจะพูดจบหลินซีก็คุกเข่าลงและอธิบายอย่างจริงจัง

“ท่านอ๋อง กระหม่อมภักดีต่อท่านอย่างสุดหัวใจ ชัดเจนดั่งพระอาทิตย์และพระจันทร์ เหตุผลที่ชิงเหยาเป็นแบบนี้ก็เพราะว่านางยังเด็กและโง่เขลา ท่านอ๋อง องค์รัชทายาทจะถูกปลดก่อนถึงวันซุนเฟินในปีหน้า มิว่ากระหม่อมจะโง่เพียงใด กระหม่อมก็ไม่มีวันอยู่ข้างองค์รัชทายาทเป็นแน่”

อารมณ์ของฉินหงผ่อนคลายเล็กน้อย จากนั้นก็ถามว่า “ข้อตกลงกับชิ่งกั๋วกงเป็นอย่างไรบ้าง?”

“ท่านอ๋องโปรดวางพระทัย ชิ่งกั๋วกงได้เตรียมการทั้งหมดแล้ว และเซี่ยหลานก็เห็นด้วย ตอนนี้ทุกอย่างพร้อมแล้ว เพียงรอช่วงเวลาที่เหมาะสม!!"

“เซี่ยหลานผู้นั้น นางจะมิเป็นเหมือนบุตรีของเจ้ารึ?”

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status