Share

บทที่ 15

Penulis: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
เหลยเจิ้นอธิบายว่า “ข้าน้อยเพียงรู้สึกว่า องค์รัชทายาทสามารถหาวิธีที่จะควบคุมเป่ยเยี่ยนได้ ดังนั้นพระองค์อาจมีความคิดเกี่ยวกับการค้นหาผู้มีความสามารถจากทั่วใต้หล้าพ่ะย่ะค่ะ"

ฉินอู๋ต้าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นส่ายหัวเล็กน้อย

“ข้าควรถามเว่ยเจิงก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ ส่งคนไปจับตาดูเป่ยเยี่ยนอย่างใกล้ชิดด้วย ตอนนี้แม้ว่ามู่หรงฟู่จะถูกกักขังอยู่ที่นี่ แต่เราต้องระวังการเคลื่อนไหวที่เป็นอันตรายจากฝั่งเป่ยเยี่ยนด้วย”

“ข้าน้อยน้อมรับสั่งฝ่าบาท!”

เหลยเจิ้นโค้งคำนับเล็กน้อยแล้วถอยกลับเดินออกไป

……

ทางด้านของฉินซู

หลังจากที่เขาออกจากจวนตระกูลหลิน เขามิได้กลับไปที่ตำหนักบูรพา แต่มาที่โรงน้ำชาใกล้กับตลาดที่พลุกพล่านแทน

เมื่อพูดถึงการรวบรวมข้อมูล ไม่มีที่ไหนจะดีไปกว่านี้แล้ว

เขาพบที่นั่งริมหน้าต่างและนั่งลง ขณะดื่มชาเขาก็ตั้งใจฟังบทสนทนาที่ค่อนข้างมีเสียงดังในโรงน้ำชาด้วย

เนื่องจากเขาปลอมตัวออกมาประหนึ่งสามัญชนจึงไม่มีใครจำเขาได้

ในเวลานี้ ชายคนหนึ่งที่อยู่โต๊ะถัดไปถามสหายของเขาว่า “นี่ ๆ พวกเจ้าเคยได้ยินหรือไม่ เมื่อสองวันก่อนมีใครบางคนทำลายปราการเฮยเฟิงในคราวเดียว พวกผู้นำหัวหน้าต่างหนีกันกระเจิง!”

“ใช่รึ? ผู้ใดเป็นคนบอกเจ้า?”

อีกคนพูดด้วยความสงสัย “ไยข้ามิอยากจะเชื่อเรื่องนี้เลย! หัวหน้าของปราการเฮยเฟิงเป็นนักรบระดับซวนของแท้ เขาอยู่ในระดับสูงสุดแล้ว ในระดับเดียวกันถือว่าไร้คู่ต่อสู้ ใครจะจัดการเขาได้ หรือแม้กระทั่งทำลายปราการเฮยเฟิงก็เถอะ เจ้าโม้หรือไร?”

“เจ้าจะไปรู้อะไร? เท่าที่ข้ารู้ คนที่ทำลายปราการเฮยเฟิงคือ ศิษย์คนที่สามของสำนักหอดูดาวหลวง ตู๋กูโฉ่วเยวี่ย!”

“โอ้ ท่านจอมยุทธ์ตู๋กูเองรึ เช่นนั้นก็มิน่าแปลกใจแล้ว”

“ข้าคิดมิถึงเลยว่า ท่านจอมยุทธ์ตู๋กูจะลงมือด้วยตัวเอง กรณีนี้ที่ปราการเฮยเฟิงจะพังทลายลงมันก็สมเหตุสมผลแล้ว”

หลังจากได้ยินการสนทนาของพวกเขาฉินซูก็ถามอย่างสงสัย “พวกเจ้า ที่พวกเจ้าพูดถึงตู๋กูโฉ่วเยวี่ยอะไรนั่น แข็งแกร่งมากเลยหรือ?”

ในความทรงจำของเขา พูดได้ว่าเขาไม่มีความประทับใจต่อตู๋กูโฉ่วเยวี่ยเลย

คนเหล่านั้นมองดูฉินซูด้วยความประหลาดใจ จากนั้นถามว่า “พี่ชาย ท่านนี่มีความรู้แค่หางอึ่งรึ มาจากชนบทหรืออย่างไร? มิเคยได้ยินชื่อเสียงเรียงนามของท่านจอมยุทธ์ตู๋กูมาก่อนเลยรึ?”

“ใช่แล้ว ในหลงเฉิง มีผู้ใดมิรู้บ้างว่าท่านจอมยุทธ์ตู๋กูแข็งแกร่งแค่ไหน?”

"แน่นอนว่า ท่านจอมยุทธ์ตู๋กูแข็งแกร่ง เขาคือผู้ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับสามในบรรดาผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของหลงเฉิง!"

“ใช่แล้ว เขาลงมือด้วยตัวเอง มิต้องพูดถึงปราการเฮยเฟิงเลย แม้แต่สำนักใหญ่ ๆ เหล่านั้นก็ยังต้องยอมจำนน”

ทันทีที่เขาพูดจบก็มีเสียงเย็นชาดังมาจากทางเดิน

“ใครบอกว่าข้าเป็นผู้แข็งแกร่งเป็นอันดับสามในหลงเฉิง?”

เมื่อสิ้นประโยค บุรุษรูปหล่อวัยสามสิบก็เดินเข้ามา

เขาสวมอาภรณ์สีขาว บนเสื้อคลุมของเขามีการปักรูปดาวหมีใหญ่ส่องแสงประกายราวกับเกล็ดหิมะ

มีรอยแผลเป็นที่ยาวประมาณหนึ่งนิ้วบนใบหน้าของเขา เขาแบกดาบขนาดใหญ่ไว้บนหลัง

ผมยาวของเขาปลิวไสวได้อย่างอิสระไปตามสายลม

เส้นผมสยายกระจาย

ชายที่กำลังพูดเหลือบมองบุรุษรูปงามแล้วขมวดคิ้วถามว่า “พี่ชาย เรากำลังพูดถึงตู๋กูโฉ่วเยวี่ย อยากจะร่วมวงด้วยคนหรือไม่?"

ชายหนุ่มจับมือของเขาไว้หน้าหน้าอก ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดด้วยความภาคภูมิใจ “บังเอิญจริง ๆ ข้านี่แหละ ตู๋กูโฉ่วเยวี่ย!”

เมื่อได้ยินเช่นนี้คนเหล่านั้นก็ตกตะลึง!

แล้วก็มีคนหัวเราะออกมา

“พรวด! ฮ่าฮ่าฮ่า... นี่เจ้าแอบอ้างเป็นท่านจอมยุทธ์ตู๋กูรึ? ข้าคิดว่าคงเหนื่อยกับการใช้ชีวิตแล้วกระมัง”

“ถูกต้อง มันเป็นแค่ขี้โม้คุยโวต่อหน้าเรา หากข่าวไปถึงสำนักหอดูดาว เจ้าคงมิรู้ตัวด้วยซ้ำว่าตัวเองตายอย่างไร”

ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยคร้านเกินกว่าจะใส่ใจเรื่องไร้สาระ เขาชักดาบใหญ่บนหลังออกมาจากปลอก

(เสียงชักดาบ)

เสียงดาบราวกับเสียงมังกรคำราม แสงเย็นเยียบประกายส่อง น่าเกรงขามสะกดใจยิ่ง!

ที่โดดเด่นที่สุดคือมีลวดลายของกลุ่มดาวหมีใหญ่สลักอยู่บนหน้าดาบ

“ดาบเจ็ดดาว! ท่านคือท่านจอมยุทธ์ตู๋กูจริง ๆ!”

หลังจากที่คนเหล่านั้นรู้สึกตัวแล้ว พวกเขาก็รีบลุกขึ้นยืนพร้อมประสานมือโค้งคำนับด้วยความเคารพ

“ข้ามีตาแต่หาได้มองเห็นผู้ยิ่งใหญ่มิ หวังว่าท่านจอมยุทธ์ตู๋กูจะให้อภัยขอรับ”

ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยเลื่อนนิ้วสัมผัสดาบอันคมกริบ และถามอย่างสบาย ๆ “เมื่อครู่ เจ้าบอกว่าข้าแข็งแกร่งอันดับที่เท่าใดในหลงเฉิงนะ?”

ทั้งกลุ่มได้สบตากันและตอบอย่างลังเลว่า “ที่… ที่สาม”

ดวงตาของตู๋กูโฉ่วเยวี่ยเปลี่ยนเป็นเย็นชาและเขาพูดอย่างเคร่งขรึม “ผิด! อันดับที่สอง ภายใต้การดูแลของผู้ชอบธรรม ไร้คู่ต่อสู้!”

“แต่…แม่ทัพฉงเป็นอันดับที่สองมิใช่หรือขอรับ?”

“ตอนนี้นางมิได้อยู่ในหลงเฉิงเช่นนั้นข้าจึงเป็นอันดับสอง เจ้ามีข้อโต้แย้งใดหรือไม่?” ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยกล่าวพลางจ้องมองพวกเขาอย่างเย็นชา

คนเหล่านั้นตกใจจนตัวสั่น พลันฝืนยิ้ม

“ท่านจอมยุทธ์ตู๋กูล้อเล่นแล้ว เราจะกล้าคัดค้านได้อย่างไรขอรับ”

“ใช่แล้ว ท่านจอมยุทธ์ตู๋กู แข็งแกร่งเป็นอันดับสอง เป็นที่ยอมรับ”

"เมื่อเวลาผ่านไป เราเชื่อว่าท่านจอมยุทธ์ตู๋กูจะเหนือกว่าท่านใต้เท้าหัวหน้าโหรหลวง และกลายเป็นอันดับหนึ่งอย่างแน่นอนขอรับ”

เมื่อฟังคำพูดที่สรรเสริญเยินยอของพวกเขา ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยก็ยิ้มกว้างและพยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ต้องเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว!”

เขาหันไปหาเสี่ยวเอ้อร์(1)ที่อยู่ด้านข้างแล้วพูดว่า “ค่าชาของคนพวกนี้มาเก็บที่ข้า!”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ คนเหล่านั้นก็ดูประหลาดใจทันทีและพูดซ้ำไปซ้ำมาว่ามิเป็นไร

ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยขมวดคิ้วและพูดอย่างมิพอใจอย่างมาก “เหตุใดเล่า เจ้าคิดว่าข้า ตู๋กูโฉ่วเยวี่ย ไม่มีเงินจ่ายค่าชาหรือไร?”

“หามิได้ ๆ ขอรับ เราแค่มิอยากให้ท่านจอมยุทธ์ตู๋กูต้องเสียเงินให้เราขอรับ”

ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยโบกมือแล้วพูดอย่างเย่อหยิ่ง "มิต้องพูดอะไรแล้ว วันนี้ข้ามีความสุข ข้าจะจ่ายให้ทั้งโรงน้ำชา!"

“เอ่อ นี่…”

“พวกเจ้ามึนอยู่หาปะไร? รีบขอบคุณมากครับท่านจอมยุทธ์ตู๋กูเร็วเข้าสิ!”

หลังจากที่แขกโรงน้ำชาทุกคนได้สติแล้ว พวกเขาทั้งหมดก็โค้งคำนับให้ตู๋กูโฉ่วเยวี่ย และพูดพร้อมกัน “ขอบคุณท่านจอมยุทธ์ตู๋กู!”

เมื่อได้รับความชื่นชมจากผู้คนมากมายเช่นนี้ รอยยิ้มบนใบหน้าของตู๋กูโฉ่วเยวี่ยก็สดใสยิ่งขึ้น

เขากำลังจะหาที่นั่งลง เมื่อเขาดูเหมือนว่าจะมองเห็นอะไรบางอย่างจากหางตาจึงรีบหันไปมอง

เมื่อเขาเห็นฉินซูรอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็แข็งทื่อ จากนั้นเขาก็พูดกับฉินซูอย่างเชื่องช้า “องค์...“

ก่อนที่เขาจะพูดจบฉินซูก็ขมวดคิ้วพร้อมกับแสดงความตำหนิในสายตา

ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยเข้าใจทันทีและเปลี่ยนคำพูดอย่างรวดเร็ว “องค์เทพเจ้า! ขอบคุณท่านแล้ว โชคชะตาฟ้าลิขิต ฮ่าฮ่า บังเอิญนักที่เจอเจ้าที่นี่”

“หา? พี่ชาย ท่านเป็นสหายของท่านจอมยุทธ์ตู๋กูหรือ?”

“ฮ่าฮ่า เมื่อครู่เราคงทำให้ท่านมิพอใจเสียแล้ว เรายังบอกกับท่านด้วยว่าท่านมาจากชนบท”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ มุมปากของตู๋กูโฉ่วเยวี่ยก็กระตุกสองสามครั้ง และหน้าผากของเขาขึ้นเป็นรอยเส้น

จากชนบทหรือ?

หากพวกเขารู้ว่าบุรุษผู้นี้คือองค์รัชทายาทคงกลัวแทบตาย จะมิกลัวจนปัสสาวะรั่วเลยหรือ

เขาเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับองค์รัชทายาทมาก่อน จึงอดมิได้ที่จะกังวลเกี่ยวกับคนเหล่านี้

โชคดีที่ฉินซูเพิ่งโบกมือ และมิได้สนใจอะไรมาก

ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยรีบตะโกนบอกเสี่ยวเอ้อร์ “เสี่ยวเอ้อร์ เตรียมห้องส่วนตัวให้ข้าและคุณชายคนนี้ด้วย แล้วนำชาเหลืองเข็มเงินที่ดีที่สุดมาสองหม้อ!”

“ขอรับ ท่านจอมยุทธ์ตู๋กูเชิญทางนี้ขอรับ”

เสี่ยวเอ้อร์นำตู๋กูโฉ่วเยวี่ยและฉินซูเข้าไปในห้องส่วนตัวแล้วลงไปชั้นล่างเพื่อชงชา

จากนั้นตู๋กูโฉ่วเยวี่ยก็โค้งคำนับฉินซูแล้วพูดว่า “ถวายบังคมองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ!”

“มิจำเป็นต้องเป็นทางการ นั่งลงเถอะ ข้ามีเรื่องจะถาม”

หลังจากพูดจบฉินซูก็นำนั่งลงก่อน

ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยนั่งลงอย่างทำอะไรมิถูกและถามอย่างระมัดระวัง "องค์รัชทายาท ท่านทรงต้องการถามสิ่งใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

เสี่ยวเอ้อร์ หมายถึง บริกรหรือพนักงานในร้านอาหาร

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi
Komen (1)
goodnovel comment avatar
Nath Akara
อ่านต่อๆๆๆๆๆๆๆ
LIHAT SEMUA KOMENTAR

Bab terkait

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 16

    ฉินซูถามอย่างมิเป็นทางการ “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นยอดฝีมืออันดับสองของหลงเฉิง ตอนนี้เจ้ามีความแข็งแกร่ง หรือจะถามว่าเจ้าอยู่ในระดับใด?”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยเหลือบมองฉินซูอย่างสงสัย มิเข้าใจว่าเหตุใดองค์รัชทายาทจึงถามเรื่องนี้แต่เขาก็ยังคงตอบอย่างตรงไปตรงมา “ทูลองค์รัชทายาท กระหม่อมเป็นนักรบขั้นกลางระดับปฐพี”“ระดับปฐพี?”“พ่ะย่ะค่ะ ในวีถีแห่งวรยุทธ แบ่งระดับจากสูงไปต่ำคือ ระดับสวรรค์ ระดับปฐพี ระดับซวน(ลึกลับ) และระดับมนุษย์ แต่ละระดับแบ่งออกเป็นสามขั้นย่อยได้แก่ ขั้นต้น ขั้นกลาง และขั้นปลาย”ฉินซูขมวดคิ้วและถามว่า “เช่นนั้น เจ้านายของเจ้าเป็นนักรบระดับสวรรค์หรือ?"“ข้อนี้ กระหม่อมเองก็มิแน่ใจพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าหมายความเช่นไร ตามความเข้าใจของข้า เจ้าสำนักถือได้ว่าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของราชวงศ์ต้าเหยียนอันยิ่งใหญ่ของเรา ในระดับนี้แล้ว ความแข็งแกร่งมิน่าจะอยู่เพียงแค่ขั้นปลายระดับปฐพีได้เลย”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ตาเฒ่านั่น... อะแฮ่ม... กระหม่อมหมายถึงท่านผู้นั้นย่อมมิใช่เพียงแค่นักรบระดับปฐพี แต่เหตุผลที่เมื่อครู่กระหม่อมบอกว่า กระหม่อมมิแน่ใจก็เพราะกระหม่อมคิดว่าคว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 17

    ฉินหงเอามือไพล่หลัง ใบหน้าเย้ยหยัน‘ฉินซูนะฉินซู หากครั้งนี้เราจับเจ้าได้ แม้ว่าเจ้าคารมคมคายเพียงใด ก็ไม่มีทางแก้ตัวให้รอดไปได้’‘ตำหนักบูรพา ถึงคราวเปลี่ยนเจ้าของแล้ว!’เมื่อฉินหงกำลังกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ เหล่าองครักษ์ก็วิ่งกลับมาทีละคน“ทูลท่านอ๋องฉี ไม่มีใครอยู่ในร้านค้าเลยพ่ะย่ะค่ะ!”“ว่ากระไรนะ! ไม่มีใครเลยรึ?!”ฉินหงสะดุ้งอยู่ครู่หนึ่งและถามว่า “เจ้าค้นหาทุกซอกทุกมุมแล้วหรือยัง?”“ค้นอย่างละเอียดแล้ว ไม่มีใครอยู่จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ชิ่งกั๋วกงอย่างเซี่ยเหอก็รู้สึกกังวล “ทูลท่านอ๋องฉี เมื่อครู่เราได้ยินเสียงของเซี่ยหลานอย่างชัดเจน แต่ในพริบตาเดียว เหตุใดนางจึงหายไป? ส่งคนไปตามหานางเร็วเข้า!”ฉินหงรีบพยักหน้า พูดว่า “พวกเจ้า รีบตามหา ต่อให้ต้องแหวกแผ่นดินก็ต้องตามหาเซี่ยหลานให้เจอ!”“รับทราบพ่ะย่ะค่ะ!”ราชองครักษ์กระจายตัวไปทุกทิศทุกทาง แยกย้ายกันออกตามหาคนหลินซีพูดด้วยท่าทางสับสน “แปลกจริง เห็น ๆ อยู่ว่าตรอกนี้เป็นทางตัน ฉินซูจะพาเซี่ยหลานไปซ่อนที่ใดได้ หรือว่าเขาบินได้กัน?”เซี่ยเหอกังวลมาก เขากระทืบเท้าด้วยความโกรธ “ขอทีเถอะใต้เท้าหลิน โปรดหยุดคาด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 18

    ในตอนที่เซี่ยหลานพูดจบ ฉินซูก็หายตัวไปแล้ว“เจ้าเลว! เจ้าชั่ว! เจ้าคนสารเลว!”เซี่ยหลานกำหมัดของนางแรงจนข้อนิ้วเปลี่ยนซีดขาวนางก้มหน้าลงมองอาภรณ์ที่ฉินซูฉีกทึ้งจนมิเหลือชิ้นดี ความคับข้องใจและความมิเต็มใจปะทุขึ้นในใจนางจากนั้นนางก็ทนมิไหวอีกต่อไป หยาดน้ำตาหลั่งออกมาพร้อมเสียงสะอื้นไห้ “ฮือ”ตลอดชีวิตของนาง นางมิเคยถูกทำให้อับอายถึงเพียงนี้มาก่อนสำหรับนาง นี่เป็นความอัปยศอย่างยิ่ง!“ฉินซู ท่านคอยดูเถอะข้าจะให้ท่านต้องชดใช้สิ่งที่ท่านทำในวันนี้! ฮือ... เจ้าสารเลวกล้ามาทำให้ข้าอับอายเช่นนี้... ”นางหลั่งน้ำตา ร้องไห้มิหยุดหลังจากระบายความโกรธแล้ว นางก็หยิบเศษผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นวัดร้างขึ้นมาและคลุมร่างที่เปลือยเปล่าของนางจากนั้นก็ฉีกอีกชิ้นหนึ่งออกมาคลุมใบหน้าไว้นางอยู่ในสภาพอาภรณ์ขาดวิ่นเช่นนี้ มิกล้าสู้หน้าผู้คนจริง ๆ หลังจากทำตัวเองให้ดูมอมแมมแล้ว ก็ออกจากวัดร้างไปด้วยความสบายใจแถวนี้คนผ่านไปมาน้อย หากมิทำให้ตัวเองดูสกปรก นางก็เกรงว่าจะเจอภัยร้ายแต่นางก็ละเลยไปหนึ่งสิ่งนั่นคือแม้ว่าตอนนี้นางจะดูสกปรกมอมแมม แต่มิว่าอย่างไร รูปร่างอันสง่างามและอรชรอ้อนแอ้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 19

    ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยยิ้มและพูดว่า “อันที่จริงแล้ว กระหม่อมเพียงต้องการหางานทำร่วมกับองค์รัชทายาท!"“หา? อยากหางานทำร่วมกับข้า ข้าได้ยินมิผิดใช่หรือไม่?” ฉินซูตกตะลึงเล็กน้อยตู๋กูโฉ่วเยวี่ยพยักหน้าอย่างหนักแน่นและพูดอย่างเคร่งขรึม "พ่ะย่ะค่ะ ท่านทรงเป็นองค์รัชทายาทของแคว้น ดังคำกล่าวที่ว่า ผู้คนแสวงหาที่สูง สายน้ำไหลสู่ที่ต่ำ บุรุษผู้ทะเยอทะยานเช่นกระหม่อมย่อมต้องการที่จะบรรลุสิ่งยิ่งใหญ่เป็นเรื่องปกติ กระหม่อมจึงขอให้องค์รัชทายาททรงอนุญาต”ฉินซูกลอกตามาที่เขาและบ่นว่า “ขออภัยที่ข้าต้องบอกความจริงกับเจ้า ทุกคนต่างรู้ดีว่าวันชุนเฟินปีหน้าข้าจะถูกปลดจากตำแหน่งรัชทายาท เจ้ามาหาข้าเวลานี้ยังจะมาพูดว่าอยากสร้างผลงานยิ่งใหญ่ คิดจะหลอกใครกัน?”“เอ่อ… เรื่องนั้น… คือว่า..."เมื่อเห็นตู๋กูโฉ่วเยวี่ยอ้ำอึ้ง ฉินซูก็หรี่ตาลงแล้วถามว่า “หรือว่าอ๋องฉีหรือไม่ก็อ๋องจิ้นส่งเจ้ามาเป็นสายลับข้างกายข้า?”“แน่นอนว่ามิเป็นเช่นนั้น องค์รัชทายาท ท่านควรรู้ว่าพวกเราจากสำนักหอดูดาวหลวงต่างก็มีความชอบธรรมในตนเอง จะเป็นสายลับให้พวกเขาได้อย่างไร เราจะมิรักษาหน้าตัวเองได้หรือ!”“หากเจ้าถือว่าตัวเองเป็นคนชอบธรรมมา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 20

    ทว่าชูโม่ดึงแส้หนังออกจากอกเสื้อของนางแทน!ทันใดนั้นดวงตาของนางก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา ก่อนเหวี่ยงแส้ในมือฟาดใส่ฉินซูอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า!รูม่านตาของฉินซูหดตัวเล็กน้อย เขาเบี่ยงตัวไปด้านข้างโดยสัญชาตญาณ หลีกเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย“อ๊ะ?!”ชูโม่มีสีหน้าประหลาดใจ ในใจรู้สึกทึ่งเป็นอย่างมากการโจมตีนี้ดูเหมือนทำอย่างสบาย ๆ แต่ด้วยความแข็งแกร่งขั้นสูงสุดระดับปฐพีของนาง แม้ว่าจะโบกมือเบา ๆ ก็ตาม การจะหลบเลี่ยงมันก็เป็นเรื่องยากแล้วสำหรับจอมยุทธระดับซวนทั่วไปแต่องค์รัชทายาทไร้ค่าผู้นี้ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องหลงสุรามักมากในกามอารมณ์กลับรอดพ้นไปได้อย่างง่ายดายได้อย่างไร?นางแทบมิเชื่อสายตาตัวเอง!เมื่อชูโม่กำลังสงสัย ฉินซูก็เซจนหงายหลัง“โอ๊ย ข้ากลัวแทบตาย เจ้าทำอะไรของเจ้ากัน”เขาบ่นและลูบท้ายทอย ทำหน้าเหยเกอย่างเจ็บปวดเมื่อเห็นเช่นนี้ ชูโม่ก็อดมิได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย และบ่นในใจอีกครั้ง‘หรือว่าเมื่อครู่เป็นเพียงความบังเอิญ?’คิดเช่นนั้น นางจึงส่งเสียงฮึดฮัด ยกแส้ขึ้นและเตรียมฟาดออกไปอีกครั้งฉินซูยกฝ่ามือขึ้นแล้วตะโกน “ช้าก่อน!”ชูโม่เลิกคิ้วและถามด้วยสีหน้าเย็นชา “มีอะไรจะสั

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 21

    หางตาของฉินซูกระตุก หนีหัวซุกหัวซุนวิ่งพล่านไปทั่วลานตำหนักเขาวิ่งหลบไปมาท่ามกลางกลุ่มองครักษ์ สามารถหลีกเลี่ยงการถูกเฆี่ยนตีจากแส้ของชูโม่ได้หลายครั้งแต่สำหรับองครักษ์คือความทรมาน หลายคนถูกลูกหลงจากชูโม่ ร่างกายของพวกเขาฟกช้ำ ดูมิได้ในยามนั้น ที่ลานด้านหน้าของตำหนักบูรพาวุ่นวายอย่างที่สุดเมื่อเห็นว่าฉินซูหลบการโจมตีได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ชูโม่ก็เริ่มโมโหนางตะโกนขึ้นว่า “พวกที่มิเกี่ยวข้องรีบไปให้พ้น! มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิปรานี!”เมื่อได้ยินดังนั้น เหล่าราชองครักษ์ก็กัดฟันและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วฉินซูใช้ประโยชน์จากความสับสนวุ่นวาย แทรกตัวเข้าไปในกลุ่มคนแล้ววิ่งไปทางลานด้านหลังชูโม่ยิ้มเย้ยหยัน กระทืบพื้นด้วยเท้าข้างเดียว ก่อนที่ร่างของนางจะลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับลูกธนู!นางหมุนตัวกลางอากาศอย่างสง่างามสองครั้ง จากนั้นก็ร่อนลงต่อหน้าฉินซูอย่างมั่นคง พร้อมกับเหวี่ยงแส้ในมือของนางออกไปฉินซูเสียหลัก แต่ก็หลบแส้ไปได้อย่างบังเอิญอีกครั้ง“หืม?”ชูโม่ตกตะลึงอีกครั้ง แต่มิหยุดมือ นางฟาดแส้ไปทางฉินซูเร็วกว่าครั้งก่อนนางเห็นฉินซูสะดุดทำท่าจะล้มไปตลอดทาง และทุกครั้งที่เขาล้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 22

    ฉงชูโม่เย้ยหยันทันทีและพูดว่า “ทุกคนในใต้หล้ารู้ดีว่าหม่อมฉันฉงชูโม่ อุทิศตนเพื่อแคว้น มิเคยข้องเกี่ยวกับการเมืองภายใน ตอนนี้องค์รัชทายาทกลับมาป้ายสีว่าหม่อมฉันเล่นพรรคเล่นพวกกับอ๋องฉี ท่านมิคิดว่าสิ่งที่ท่านพูดมันน่าขำหรอกหรือ?”“ในเมื่อเจ้ามิได้เป็นคนที่อ๋องฉีส่งมา เหตุใดเจ้าจึงยืนหยัดเพื่อเซี่ยหลานเล่า?”“หึ! นางเป็นสหายของหม่อมฉันที่เติบโตมาด้วยกัน วันนี้ท่านทำให้นางอับอายอย่างหนัก หากหม่อมฉันทำเมินเฉย หม่อมฉันจะยังถือว่าเป็นมนุษย์อยู่อีกหรือ?”ทันใดนั้นฉินซูก็ตระหนักได้ “อ๋อ ที่แท้ก็เป็นสหายสนิทกันนี่เอง เช่นนั้นข้าก็มิแปลกใจแล้ว”ฉงชูโม่ขมวดคิ้วอีกครั้งและถามด้วยความสับสน “เมื่อครู่ท่านว่าสนิทกันอะไรนะ?”ฉินซูยักไหล่ “นั่นมิสำคัญหรอก สิ่งสำคัญก็คือ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว เรื่องนี้เป็นเซี่ยหลานต่างหากที่ทำตัวเองขายหน้า!”ฉงชูโม่เอ่ยเหน็บแนม “องค์รัชทายาททรงทำให้นางอับอายเพียงนั้น ตอนนี้กลับมาพูดว่านางทำตัวเองขายหน้าเอง ท่านนี่โยนความผิดให้ผู้อื่นเก่งจริง ๆ!”“จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เรื่องของเจ้า อย่างไรเรื่องนี้ข้าก็ไม่มีอะไรให้สำนึกผิด!”“ท่านมิรู้สึกผิดสินะ เช่นนั้นหม่อมฉันจะตี

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 23

    ฉินซูถามอย่างสงสัย “เสด็จพ่อจัดตำแหน่งอะไรให้เจ้า?”“หัวหน้าองครักษ์ตำหนักบูรพา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป องครักษ์ทั้งหมดในตำหนักบูรพาจะอยู่ภายใต้การควบคุมของกระหม่อม แน่นอนว่านี่รวมถึงความปลอดภัยขององค์รัชทายาทด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยกล่าวพร้อมกับยิ้มยินดีเล็กน้อยคิ้วของฉินซูขมวดแน่นยิ่งขึ้นจักรพรรดิส่งแม่ทัพชายแดนมาที่ตำหนักบูรพาเพื่อเป็นที่ปรึกษา และยังส่งลูกศิษย์ที่รักของหัวหน้าโหรหลวงเข้ามาด้วยตาเฒ่าคนนี้ต้องการทำอะไรกันแน่?เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฉินซูก็ถามอย่างสงสัย “ตู๋กูโฉ่วเยวี่ย เจ้ามาที่นี่เพื่อปกป้องข้าจริง ๆ หรือ?”“แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาทโปรดวางพระทัย มีกระหม่อมอยู่กับท่านที่นี่ ท่านจะต้องปลอดภัยหายห่วงแน่พ่ะย่ะค่ะ”“จริงรึ? แล้วฉงชูโม่เล่า?”“เอ่อ…” ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยยกมือขึ้นอย่างช่วยมิได้แล้วพูดว่า “องค์รัชทายาท กระหม่อมสู้นางมิได้ และนางก็มีพระบัญชาจากจักรพรรดิอยู่กับตัวด้วย ดังนั้นท่านทำตัวดี ๆ อย่าหาเรื่องเถิดพ่ะย่ะค่ะ”“หึ มิว่านางจะแข็งแกร่งเพียงใด นางก็เป็นแค่สตรี ตราบเท่าที่ข้าต้องการ ข้าก็มีหลายวิธีที่จะจัดการกับนาง”จู่ ๆ ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยก็กังวล

Bab terbaru

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 670

    “องค์รัชทายาท ทางนั้นมีกระไรผิดปกติหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ชิวก่วนเห็นฉินซูขมวดคิ้วมองไปยังฝูงชนฝั่งซ้ายก็เอ่ยถามขึ้นฉินซูยิ้มบาง ๆ “ไม่มีกระไร ออกเดินทางเถิด”เขาควบม้าเดินนำหน้าไปช้า ๆเมื่อครู่เขารับรู้ถึงกลิ่นอายสังหารเฉียบคมมาจากฝูงชน ทว่ามิได้ใส่ใจกระไรมากนักด้วยวรยุทธ์ในปัจจุบันของเขา ตราบใดที่มิใช่ยอดฝีมือระดับเดียวกับเจ้าสำนักหอดารารักษ์ เขาก็มั่นใจว่าจะรับมือได้เมื่อนึกถึงเจ้าสำนักหอดารารักษ์ ฉินซูก็รู้สึกเหนื่อยใจเล็กน้อย เพราะอีกมินานเขาก็ต้องเดินทางไปเป่ยเยี่ยนตามสัญญาแล้วเขาอดมิได้ที่จะพึมพำในใจ “มิรู้ว่าไปถึงหอดารารักษ์แล้ว นางปีศาจซ่างกวนอวิ๋นซีจะถลกหนังข้าหรือไม่ เฮ้อ หวังว่าก่อนเดินทางหัวหน้าโหรหลวงจะให้ของกำนัลที่มิคาดฝันแก่ข้าบ้าง”ฉินซูแทบจะมั่นใจได้ว่า วรยุทธ์ของเหลยเจิ้นนั้นมิได้ด้อยกว่าซ่างกวนอวิ๋นซีเป็นแน่ ดังนั้นเขาจึงฝากความหวังไว้กับหัวหน้าโหรหลวงเป็นส่วนใหญ่ หวังว่าอีกฝ่ายจะให้ของวิเศษไว้ป้องกันตัวบ้างจากนั้นเขาก็นึกถึงกู้เสวี่ยเจี้ยน และหวนถึงช่วงเวลาที่ทั้งคู่ใช้ชีวิตด้วยกันในถ้ำอย่างสงบและไร้กังวลในเวลาเดียวกันท่ามกลางฝูงชน จ้าวอวี้เสวียนเอ่ยลอ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 669

    ฉินซูเรียกแม่ทัพนายกองทัพหลักมา สั่งการเรื่องต่าง ๆ ที่จะตามมาให้พวกเขาเรียบร้อยแล้ว จึงหันไปสั่งชิวก่วนว่า “จงไปจัดสรรเงินจากคลังหลวงมาหนึ่งล้านตำลึง และเสบียงอาหารหนึ่งหมื่นต้าน เพื่อเป็นรางวัลแก่ทหารทั้งสามทัพ ส่วนที่เหลือทั้งหมดให้บรรจุหีบขนกลับหลงเฉิง!”“ข้าน้อยรับพระบัญชา!”แม่ทัพนายกองที่เหลือต่างก็ดีใจจนเนื้อเต้น คุกเข่าลงข้างหนึ่งแล้วกล่าวพร้อมกันว่า “ข้าน้อยขอขอบพระทัยองค์รัชทายาท!”เที่ยงวันนั้น ฉินซูก็พาชิวก่วนและทหารชั้นยอดห้าพันนายขนเงินและสิ่งของอื่น ๆ จากคลังหลวงแคว้นหนานเยวี่ยออกจากพระราชสถาน และเตรียมตัวเดินทางกลับต้าเหยียนทว่าเพิ่งออกมาจากพระราชสถาน ฉินซูก็พบว่าข้างนอกเต็มไปด้วยราษฎรแคว้นหนานเยวี่ยเมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินซูก็อดมิได้ที่จะขมวดคิ้ว นึกว่าราษฎรเหล่านั้นจะมาขว้างปาไข่เน่าใส่ตนแต่กลับพบว่า ทันทีที่เขาก้าวออกมา ราษฎรเหล่านั้นก็พากันคุกเข่าลงฉินซูชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็ถามหลิวผู่ว่า “เกิดกระไรขึ้นกับพวกเขา?”หลิวผู่ตอบด้วยความเคารพ “องค์รัชทายาท พระองค์ทรงมีพระบัญชาให้ยกเว้นภาษีและการเกณฑ์แรงงานในแคว้นหนานเยวี่ยเป็นเวลาสามปี ราษฎรเหล่านี้จึงตั้งใ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 668

    เพียงใช้กลอุบายเล็กน้อยก็ยึดครองแคว้นหนานเยวี่ยได้สำเร็จ เพียงยกมือขึ้นก็สามารถตบยอดฝีมือระดับปฐพีให้กลายเป็นหมอกเลือดได้หากองค์รัชทายาทเช่นนี้มิได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิองค์ต่อไป สวรรค์ก็ไร้แววอย่างแท้จริงในเวลานี้ ชิวก่วนมีแต่ความคิดที่จะติดตามรับใช้ฉินซูเท่านั้น นอกจากนั้นแล้วเขาก็ไม่มีความต้องการอื่นใดอีกฉินซูกล่าวด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้ามิได้ออกรบอยู่บ่อย ๆ มิจำเป็นต้องให้เจ้ามาคอยรับใช้ใกล้ชิด ทำหน้าที่ของเจ้าให้ดี ราชสำนักต้าเหยียนของข้าจะมิทำให้เจ้าผิดหวังแน่นอน”เมื่อชิวก่วนเห็นฉินซูปฏิเสธ ในใจก็อดมิได้ที่จะรู้สึกผิดหวังเล็กน้อยแต่เมื่อคิดอีกที ในภายภาคหน้าราชสำนักต้าเหยียนก็คงต้องฟังคำสั่งของฉินซูอยู่ดีมิใช่หรือ?นั่นหมายความว่า ตราบใดที่ตนตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ จักรพรรดิองค์ต่อไปนี้ก็จะมิทำให้ตนต้องลำบากเมื่อคิดได้ดังนั้น ชิวก่วนก็เผยสีหน้ายินดีปรีดาในทันทีพร้อมพยักหน้ารัว “องค์รัชทายาทโปรดวางพระทัย ข้าน้อยจะทุ่มเทสุดกำลังจนกว่าชีวิตจะหาไม่พ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซูมองชิวก่วนด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็มิได้พูดสิ่งใดอีกเขามองไปรอบ ๆ แล้วสั่งการ “ทำความสะอาดเสียหน่อยเถิด ข

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 667

    ตบฝ่ามือทีเดียวก็ทำให้คนกลายเป็นหมอกเลือด แม้แต่ยอดฝีมือระดับสวรรค์ก็ทำมิได้ แต่ฉินซูกลับทำได้อย่างง่ายดายราวกับพลิกฝ่ามือ หากมิใช่ผีแล้วจะเป็นกระไรไปได้เล่า?จอมยุทธ์หลายคนใช้วิชาตัวเบา พยายามเหาะข้ามหลังคาเพื่อหนีเอาตัวรอดทว่าร่างของพวกเขาเพิ่งจะทะยานขึ้นไปในอากาศ กระแสพลังฝ่ามืออันน่าสะพรึงกลัวจนขนลุกก็พุ่งเข้ามาพวกเขายังมิทันได้ร้องขอชีวิต ก็ถูกตบจนกลายเป็นหมอกเลือดไปเสียแล้วดังนั้นการต่อสู้ที่ดูเหมือนจะเป็นการล้อมโจมตี กลับกลายเป็นการสังหารหมู่แต่เพียงฝ่ายเดียว!ในเวลานี้ ผู้ที่ตายด้วยน้ำมือของฉินซูมีจำนวนมากถึงยี่สิบสามสิบคนซึ่งในจำนวนนั้นยังมียอดฝีมือระดับปฐพีอยู่มิน้อย“องค์รัชทายาท ข้าน้อยผิดไปแล้ว ขอร้อง ได้โปรดไว้ชีวิตข้าน้อยด้วย!”ชายวัยกลางคนผู้หนึ่งเห็นฝ่ามือของฉินซูกำลังพุ่งตรงมา ก็ตกใจจนรีบคุกเข่าลงร้องขอชีวิตฉินซูเก็บมือกลับจริง แล้วหันไปตบอีกคนที่หมายจะหนีจนตายตกไปหลายคนสังเกตเห็นภาพนั้น เมื่อเห็นว่าหนีไปก็ไร้หวัง พวกเขาจึงพากันเลียนแบบชายวัยกลางคน คุกเข่าลงร้องขอชีวิต“องค์รัชทายาท พวกข้าน้อยยอมแล้ว พวกข้าน้อยยอมแพ้แต่โดยดีแล้ว ขอพระองค์โปรดไว้ชีวิตพ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 666

    เมื่อเห็นการโจมตีที่ทรงพลัง เหล่าชาวยุทธภพหนานเยวี่ยก็อุทานด้วยความทึ่ง“สมแล้วที่เป็นเจ้าสำนักดาบพิฆาต วิชาดาบช่างทรงพลังยิ่งนัก!”“นึกมิถึงเลยว่า เพียงขั้นกลางระดับปฐพี กลับสามารถระเบิดพลังการต่อสู้ที่น่าสะพรึงเช่นนี้ออกมาได้ วิชาดาบพิฆาตสมชื่อจริง ๆ”“กระบวนท่าของเขา แม้แต่ยอดฝีมือระดับสวรรค์ก็คงมิกล้ารับดาบโดยตรงกระมัง?”“รัชทายาทผู้รอวันปลดนี่ต้องตายแน่ พวกเราคงมาเสียเที่ยวแล้ว”“...”ท่ามกลางเสียงอุทานของฝูงชน ฉินซูกลับเดินทอดน่องสบายอารมณ์ และตบฝ่ามือออกไปช้า ๆเมื่อเห็นภาพนั้น บางคนก็หัวเราะเยาะขึ้นมาทันที“รัชทายาทผู้รอวันปลดนี่คิดจะรับดาบด้วยมือเปล่ารึ? ช่างมิรู้ประสีประสาจริง ๆ!”“รนหาที่ตายก็ดีแล้ว อย่างน้อยความแค้นของแคว้นหนานเยวี่ยของพวกเราจะได้ถูกชำระล้าง”คนอื่น ๆ กำลังจะเอ่ยปากถมถุยตาม ทว่าบัดนั้นเอง...'ปุ้ง!'หลังจากสิ้นเสียงแผ่วเบา ร่างกำยำของเจ้าสำนักดาบพิฆาตก็ระเบิดออกเป็นหมอกเลือด!ทุกคนตกตะลึงกับภาพอันน่าเหลือเชื่อนี้ ต่างยืนงงงันอยู่กับที่ราวกับถูกสาปให้กลายเป็นหินรวมถึงชิวก่วนและพรรคพวกด้วยเช่นกัน!ตบฝ่ามือเดียวทำให้จอมยุทธ์ระดับปฐพีขั้นกลางกลา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 665

    แต่ในวินาทีต่อมา รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาก็แข็งค้างในทันที ร่างกายสั่นสะท้านก่อนจะหงายหลังล้มตึง!แม้แต่ถานซินหลานที่อยู่ข้าง ๆ ก็มิรอด พลันล้มลงจมกองเลือดด้วยสีหน้าคับแค้นใจร่างของศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสองเต็มไปด้วยรอยเข็มเล็ก ๆ นับมิถ้วนเลือดสีดำสนิทราวกับหมึกค่อย ๆ ไหลซึมออกมาจากบาดแผลเล็กจิ๋วเหล่านั้นทั้งสองสงสัยจนถึงลมหายใจเฮือกสุดท้ายว่า ฉินซูมิได้ขยับนิ้วแม้แต่น้อย เหตุใดเข็มพิษเหล่านั้นถึงพุ่งกลับมาเองโดยไร้สาเหตุเมื่อเดินออกจากตรอก เสียงฝีเท้าอึกทึกก็ดังใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ พร้อมกับเสียงกีบม้าบาดหู“ใครมาทะเลาะวิวาทกันแถวนี่?”กลุ่มทหารก็ปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าฉินซูพร้อมกับเสียงตวาดดังลั่นคนที่อยู่บนหลังม้าสวมชุดเกราะพร้อมถือหอกยาว ชิวก่วนนั่นเอง!เมื่อเขาเห็นฉินซูก็ชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็รีบลงจากม้าเพื่อทำความเคารพ“คารวะองค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ!”ฉินซูโบกมือ กล่าว “พวกเจ้ามาได้อย่างไร?”“ข้าน้อยลาดตระเวนยามวิกาลอยู่ทางฝั่งใต้ของเมือง และได้ยินเสียงเคลื่อนไหวทางนี้จึงนำคนมาพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาท ข้างนอกอันตราย พระองค์เสด็จกลับเถิดพ่ะย่ะค่ะ”“คนอื่น ๆ อุตส่าห์เดินทางมา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 664

    ฉินซูสะบัดแขน ภาพเหตุการณ์พลันหยุดนิ่ง!เห็นเพียงปลายกระบี่ของมือกระบี่ชุดดำถูกสกัดไว้ด้วยนิ้วชี้ของฉินซู!ปราณแห่งกระบี่รุนแรงที่แผ่ซ่านไปทั่วเมื่อครู่นั้นได้พลันอันตรธานหายไปในบัดดลมือกระบี่ชุดดำเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ใบหน้าเต็มไปด้วยความหวาดผวาในฐานะมือกระบี่ระดับปฐพีขั้นต้น เขาไร้คู่ต่อสู้ในหนานเยวี่ย ทว่าการโจมตีเต็มกำลังในครั้งนี้ กลับถูกอีกฝ่ายปัดป้องได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งยังใช้นิ้วเพียงนิ้วเดียวสกัดกระบี่ที่ทำจากเหล็กกล้าได้หากมิได้เห็นกับตา ใครเล่าจะเชื่อว่าภาพเหตุการณ์ตรงหน้าเป็นเรื่องจริง?“เจ้า อ่อนแอเกินไป!”น้ำเสียงเหยียดหยามของฉินซูดังขึ้น จากนั้นก็มีเสียง 'กร๊อบ กร๊อบ' ดังขึ้นสองครา กระบี่ยาวในมือมือกระบี่ชุดดำพลันหักเป็นท่อน ๆมือกระบี่ชุดดำได้สติกลับมาในทันทีพร้อมหมายจะถอยหนี ทว่าบัดนี้กลับรู้สึกถึงพลังอันน่าสะพรึงกลัวที่ทะลวงออกมาจากกระบี่ที่หักนั้น“แย่แล้ว!”รูม่านตาของเขาหดเล็กลงในทันใด ในใจร้องเตือนลางร้ายแต่เขายังมิทันได้ตอบสนองอะไร ร่างทั้งร่างก็ถูกพละกำลังมหาศาลอัดกระแทกจนกระเด็นออกไปส่วนแขนข้างที่เขากำกระบี่ไว้ก็กลายเป็นหมอกโลหิตไปแล้ว'โค

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 663

    ในเวลานี้ ฉินซูกำลังยืนไพล่หลังอยู่บนกำแพงเมืองพระราชวัง มองไปยังแสงไฟนับหมื่นดวงภายในเมืองถัวเฉิง!บัดนี้เขายึดครองแคว้นหนานเยวี่ยได้สำเร็จอย่างราบรื่น ทำให้เขารู้สึกราวกับเป็นราชันแห่งใต้หล้าในขณะนั้นเอง เขาสังเกตเห็นที่ประตูเมืองเบื้องล่าง กลุ่มทหารกำลังคุมตัวชายหลายคนเดินกลับมาเขาถามด้วยความสงสัย “ชิวก่วน พวกนั้นเป็นใคร?”ชิวก่วนตอบด้วยความหนักใจเล็กน้อย “ทูลองค์รัชทายาท ว่ากันว่าพวกนั้นเป็นชาวยุทธภพหนานเยวี่ย พวกเขาได้ยินว่าจ้าวควงตายด้วยน้ำมือของพระองค์ จึงมาที่ยังถัวเฉิงเพื่อลอบปลงพระชนม์แก้แค้นให้แก่ราชวงศ์จ้าวพ่ะย่ะค่ะยามนี้มิทราบแน่ชัดว่าในถัวเฉิงมีผู้ที่มีเจตนาร้ายซุ่มซ่อนตัวรอโอกาสลงมือมากน้อยเพียงใดฉะนั้นขอองค์รัชทายาทโปรดอย่าได้เสด็จออกไปข้างนอกในยามวิกาลเป็นอันขาดพ่ะย่ะค่ะ พระราชวังมีกำแพงสูงคูเมืองลึก อีกทั้งยังมีทหารรักษาการณ์แน่นหนา พวกชาวยุทธภพเหล่านั้นไม่มีทางบุกเข้ามาได้แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซูก็หัวเราะอย่างสนใจ “ในเมื่อชาวยุทธภพหนานเยวี่ยอยากจะสังหารข้า เช่นนั้นข้าก็จะให้โอกาสพวกเขาสักครา!”ชิวก่วนชะงักไป แล้วรีบห้ามปราม “เช่นนั้นมิคว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 662

    “ท่านอาจารย์ องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน ฉินซู นำทัพบุกยึดถัวเฉิง เสด็จและเชื้อพระวงศ์ทั้งหมดถูกสังหารด้วยน้ำมือของเขา ทหารรักษาการณ์ในแคว้นก็ยอมจำนนหมดแล้ว บัดนี้ศิษย์เหลือตัวคนเดียว ไร้ซึ่งกำลังและพวกพ้อง ขอท่านอาจารย์โปรดออกหน้าช่วยศิษย์ล้างแค้นให้วงศ์ตระกูลด้วยเถิดเจ้าค่ะ!”จ้าวอวี้เสวียนคุกเข่าลงกับพื้น กล่าวจบก็ร่ำไห้สะอึกสะอื้นด้วยความเศร้าโศกเมื่อได้ยินเช่นนั้น ซู่เสวียนก็ขมวดคิ้วพลางมองจ้าวอวี้เสวียนด้วยความมิพอใจเล็กน้อย“อวี้เสวียน ในเมื่อเจ้าได้เข้าสู่วิถีแห่งสำนักแล้วก็ควรตัดขาดจากตัณหา มุ่งมั่นบำเพ็ญเพียรเพียงอย่างเดียว เจ้าลืมคำสั่งสอนของอาจารย์ก่อนหน้านี้สิ้นแล้วหรือ?”จ้าวอวี้เสวียนกล่าวทั้งน้ำตา “ท่านอาจารย์ คำพูดของท่าน ศิษย์จดจำไว้ในใจเสมอ เพียงแต่ญาติสนิททั้งตระกูลถูกสังหารอย่างอนาถ ความแค้นใหญ่หลวงเช่นนี้หากมิได้ชำระ เกรงว่าภายหน้าต่อไปจะกินมิได้นอนมิหลับ ไหนเลยจะมีจิตตั้งมั่นบำเพ็ญเพียรบรรลุเซียนได้”“เจ้า… เฮ้อ!”ซู่เสวียนถอนหายใจยาว และหันหลังกลับไปด้วยความผิดหวังเล็กน้อยเมื่อเห็นเช่นนั้น จ้าวอวี้เสวียนก็อ้อนวอนอย่างสิ้นหวัง “ท่านอาจารย์ โปรดช่วยศิษย์ด้ว

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status