ในตอนที่เซี่ยหลานพูดจบ ฉินซูก็หายตัวไปแล้ว“เจ้าเลว! เจ้าชั่ว! เจ้าคนสารเลว!”เซี่ยหลานกำหมัดของนางแรงจนข้อนิ้วเปลี่ยนซีดขาวนางก้มหน้าลงมองอาภรณ์ที่ฉินซูฉีกทึ้งจนมิเหลือชิ้นดี ความคับข้องใจและความมิเต็มใจปะทุขึ้นในใจนางจากนั้นนางก็ทนมิไหวอีกต่อไป หยาดน้ำตาหลั่งออกมาพร้อมเสียงสะอื้นไห้ “ฮือ”ตลอดชีวิตของนาง นางมิเคยถูกทำให้อับอายถึงเพียงนี้มาก่อนสำหรับนาง นี่เป็นความอัปยศอย่างยิ่ง!“ฉินซู ท่านคอยดูเถอะข้าจะให้ท่านต้องชดใช้สิ่งที่ท่านทำในวันนี้! ฮือ... เจ้าสารเลวกล้ามาทำให้ข้าอับอายเช่นนี้... ”นางหลั่งน้ำตา ร้องไห้มิหยุดหลังจากระบายความโกรธแล้ว นางก็หยิบเศษผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นวัดร้างขึ้นมาและคลุมร่างที่เปลือยเปล่าของนางจากนั้นก็ฉีกอีกชิ้นหนึ่งออกมาคลุมใบหน้าไว้นางอยู่ในสภาพอาภรณ์ขาดวิ่นเช่นนี้ มิกล้าสู้หน้าผู้คนจริง ๆ หลังจากทำตัวเองให้ดูมอมแมมแล้ว ก็ออกจากวัดร้างไปด้วยความสบายใจแถวนี้คนผ่านไปมาน้อย หากมิทำให้ตัวเองดูสกปรก นางก็เกรงว่าจะเจอภัยร้ายแต่นางก็ละเลยไปหนึ่งสิ่งนั่นคือแม้ว่าตอนนี้นางจะดูสกปรกมอมแมม แต่มิว่าอย่างไร รูปร่างอันสง่างามและอรชรอ้อนแอ้
ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยยิ้มและพูดว่า “อันที่จริงแล้ว กระหม่อมเพียงต้องการหางานทำร่วมกับองค์รัชทายาท!"“หา? อยากหางานทำร่วมกับข้า ข้าได้ยินมิผิดใช่หรือไม่?” ฉินซูตกตะลึงเล็กน้อยตู๋กูโฉ่วเยวี่ยพยักหน้าอย่างหนักแน่นและพูดอย่างเคร่งขรึม "พ่ะย่ะค่ะ ท่านทรงเป็นองค์รัชทายาทของแคว้น ดังคำกล่าวที่ว่า ผู้คนแสวงหาที่สูง สายน้ำไหลสู่ที่ต่ำ บุรุษผู้ทะเยอทะยานเช่นกระหม่อมย่อมต้องการที่จะบรรลุสิ่งยิ่งใหญ่เป็นเรื่องปกติ กระหม่อมจึงขอให้องค์รัชทายาททรงอนุญาต”ฉินซูกลอกตามาที่เขาและบ่นว่า “ขออภัยที่ข้าต้องบอกความจริงกับเจ้า ทุกคนต่างรู้ดีว่าวันชุนเฟินปีหน้าข้าจะถูกปลดจากตำแหน่งรัชทายาท เจ้ามาหาข้าเวลานี้ยังจะมาพูดว่าอยากสร้างผลงานยิ่งใหญ่ คิดจะหลอกใครกัน?”“เอ่อ… เรื่องนั้น… คือว่า..."เมื่อเห็นตู๋กูโฉ่วเยวี่ยอ้ำอึ้ง ฉินซูก็หรี่ตาลงแล้วถามว่า “หรือว่าอ๋องฉีหรือไม่ก็อ๋องจิ้นส่งเจ้ามาเป็นสายลับข้างกายข้า?”“แน่นอนว่ามิเป็นเช่นนั้น องค์รัชทายาท ท่านควรรู้ว่าพวกเราจากสำนักหอดูดาวหลวงต่างก็มีความชอบธรรมในตนเอง จะเป็นสายลับให้พวกเขาได้อย่างไร เราจะมิรักษาหน้าตัวเองได้หรือ!”“หากเจ้าถือว่าตัวเองเป็นคนชอบธรรมมา
ทว่าชูโม่ดึงแส้หนังออกจากอกเสื้อของนางแทน!ทันใดนั้นดวงตาของนางก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา ก่อนเหวี่ยงแส้ในมือฟาดใส่ฉินซูอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า!รูม่านตาของฉินซูหดตัวเล็กน้อย เขาเบี่ยงตัวไปด้านข้างโดยสัญชาตญาณ หลีกเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย“อ๊ะ?!”ชูโม่มีสีหน้าประหลาดใจ ในใจรู้สึกทึ่งเป็นอย่างมากการโจมตีนี้ดูเหมือนทำอย่างสบาย ๆ แต่ด้วยความแข็งแกร่งขั้นสูงสุดระดับปฐพีของนาง แม้ว่าจะโบกมือเบา ๆ ก็ตาม การจะหลบเลี่ยงมันก็เป็นเรื่องยากแล้วสำหรับจอมยุทธระดับซวนทั่วไปแต่องค์รัชทายาทไร้ค่าผู้นี้ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องหลงสุรามักมากในกามอารมณ์กลับรอดพ้นไปได้อย่างง่ายดายได้อย่างไร?นางแทบมิเชื่อสายตาตัวเอง!เมื่อชูโม่กำลังสงสัย ฉินซูก็เซจนหงายหลัง“โอ๊ย ข้ากลัวแทบตาย เจ้าทำอะไรของเจ้ากัน”เขาบ่นและลูบท้ายทอย ทำหน้าเหยเกอย่างเจ็บปวดเมื่อเห็นเช่นนี้ ชูโม่ก็อดมิได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย และบ่นในใจอีกครั้ง‘หรือว่าเมื่อครู่เป็นเพียงความบังเอิญ?’คิดเช่นนั้น นางจึงส่งเสียงฮึดฮัด ยกแส้ขึ้นและเตรียมฟาดออกไปอีกครั้งฉินซูยกฝ่ามือขึ้นแล้วตะโกน “ช้าก่อน!”ชูโม่เลิกคิ้วและถามด้วยสีหน้าเย็นชา “มีอะไรจะสั
หางตาของฉินซูกระตุก หนีหัวซุกหัวซุนวิ่งพล่านไปทั่วลานตำหนักเขาวิ่งหลบไปมาท่ามกลางกลุ่มองครักษ์ สามารถหลีกเลี่ยงการถูกเฆี่ยนตีจากแส้ของชูโม่ได้หลายครั้งแต่สำหรับองครักษ์คือความทรมาน หลายคนถูกลูกหลงจากชูโม่ ร่างกายของพวกเขาฟกช้ำ ดูมิได้ในยามนั้น ที่ลานด้านหน้าของตำหนักบูรพาวุ่นวายอย่างที่สุดเมื่อเห็นว่าฉินซูหลบการโจมตีได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ชูโม่ก็เริ่มโมโหนางตะโกนขึ้นว่า “พวกที่มิเกี่ยวข้องรีบไปให้พ้น! มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิปรานี!”เมื่อได้ยินดังนั้น เหล่าราชองครักษ์ก็กัดฟันและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วฉินซูใช้ประโยชน์จากความสับสนวุ่นวาย แทรกตัวเข้าไปในกลุ่มคนแล้ววิ่งไปทางลานด้านหลังชูโม่ยิ้มเย้ยหยัน กระทืบพื้นด้วยเท้าข้างเดียว ก่อนที่ร่างของนางจะลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับลูกธนู!นางหมุนตัวกลางอากาศอย่างสง่างามสองครั้ง จากนั้นก็ร่อนลงต่อหน้าฉินซูอย่างมั่นคง พร้อมกับเหวี่ยงแส้ในมือของนางออกไปฉินซูเสียหลัก แต่ก็หลบแส้ไปได้อย่างบังเอิญอีกครั้ง“หืม?”ชูโม่ตกตะลึงอีกครั้ง แต่มิหยุดมือ นางฟาดแส้ไปทางฉินซูเร็วกว่าครั้งก่อนนางเห็นฉินซูสะดุดทำท่าจะล้มไปตลอดทาง และทุกครั้งที่เขาล้
ฉงชูโม่เย้ยหยันทันทีและพูดว่า “ทุกคนในใต้หล้ารู้ดีว่าหม่อมฉันฉงชูโม่ อุทิศตนเพื่อแคว้น มิเคยข้องเกี่ยวกับการเมืองภายใน ตอนนี้องค์รัชทายาทกลับมาป้ายสีว่าหม่อมฉันเล่นพรรคเล่นพวกกับอ๋องฉี ท่านมิคิดว่าสิ่งที่ท่านพูดมันน่าขำหรอกหรือ?”“ในเมื่อเจ้ามิได้เป็นคนที่อ๋องฉีส่งมา เหตุใดเจ้าจึงยืนหยัดเพื่อเซี่ยหลานเล่า?”“หึ! นางเป็นสหายของหม่อมฉันที่เติบโตมาด้วยกัน วันนี้ท่านทำให้นางอับอายอย่างหนัก หากหม่อมฉันทำเมินเฉย หม่อมฉันจะยังถือว่าเป็นมนุษย์อยู่อีกหรือ?”ทันใดนั้นฉินซูก็ตระหนักได้ “อ๋อ ที่แท้ก็เป็นสหายสนิทกันนี่เอง เช่นนั้นข้าก็มิแปลกใจแล้ว”ฉงชูโม่ขมวดคิ้วอีกครั้งและถามด้วยความสับสน “เมื่อครู่ท่านว่าสนิทกันอะไรนะ?”ฉินซูยักไหล่ “นั่นมิสำคัญหรอก สิ่งสำคัญก็คือ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว เรื่องนี้เป็นเซี่ยหลานต่างหากที่ทำตัวเองขายหน้า!”ฉงชูโม่เอ่ยเหน็บแนม “องค์รัชทายาททรงทำให้นางอับอายเพียงนั้น ตอนนี้กลับมาพูดว่านางทำตัวเองขายหน้าเอง ท่านนี่โยนความผิดให้ผู้อื่นเก่งจริง ๆ!”“จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เรื่องของเจ้า อย่างไรเรื่องนี้ข้าก็ไม่มีอะไรให้สำนึกผิด!”“ท่านมิรู้สึกผิดสินะ เช่นนั้นหม่อมฉันจะตี
ฉินซูถามอย่างสงสัย “เสด็จพ่อจัดตำแหน่งอะไรให้เจ้า?”“หัวหน้าองครักษ์ตำหนักบูรพา ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป องครักษ์ทั้งหมดในตำหนักบูรพาจะอยู่ภายใต้การควบคุมของกระหม่อม แน่นอนว่านี่รวมถึงความปลอดภัยขององค์รัชทายาทด้วยพ่ะย่ะค่ะ” ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยกล่าวพร้อมกับยิ้มยินดีเล็กน้อยคิ้วของฉินซูขมวดแน่นยิ่งขึ้นจักรพรรดิส่งแม่ทัพชายแดนมาที่ตำหนักบูรพาเพื่อเป็นที่ปรึกษา และยังส่งลูกศิษย์ที่รักของหัวหน้าโหรหลวงเข้ามาด้วยตาเฒ่าคนนี้ต้องการทำอะไรกันแน่?เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฉินซูก็ถามอย่างสงสัย “ตู๋กูโฉ่วเยวี่ย เจ้ามาที่นี่เพื่อปกป้องข้าจริง ๆ หรือ?”“แน่นอนพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาทโปรดวางพระทัย มีกระหม่อมอยู่กับท่านที่นี่ ท่านจะต้องปลอดภัยหายห่วงแน่พ่ะย่ะค่ะ”“จริงรึ? แล้วฉงชูโม่เล่า?”“เอ่อ…” ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยยกมือขึ้นอย่างช่วยมิได้แล้วพูดว่า “องค์รัชทายาท กระหม่อมสู้นางมิได้ และนางก็มีพระบัญชาจากจักรพรรดิอยู่กับตัวด้วย ดังนั้นท่านทำตัวดี ๆ อย่าหาเรื่องเถิดพ่ะย่ะค่ะ”“หึ มิว่านางจะแข็งแกร่งเพียงใด นางก็เป็นแค่สตรี ตราบเท่าที่ข้าต้องการ ข้าก็มีหลายวิธีที่จะจัดการกับนาง”จู่ ๆ ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยก็กังวล
เซี่ยเหอถามซ้ำหลายครั้งติดต่อกัน แต่เซี่ยหลานยังคงนิ่งเงียบสิ่งนี้ทำให้พวกเขาวิตกกังวล โอวหยางฮุ่ย มารดาของนางกัดฟันและพูดว่า “นายท่าน เซี่ยหลานอยู่ข้างในมิรู้ว่าเป็นอย่างไรบ้าง ลองขอให้ใครสักคนเปิดประตูดูดีกว่า เกรงว่านางจะทำอะไรโง่ ๆ”“ดี ใครก็ได้ ช่วยเปิดประตูห้องของคุณหนูเร็วเข้า!”เซี่ยเหอออกคำสั่ง และบ่าวไพร่หลายคนจากตระกูลหลินก็วิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วพวกเขาถอยหลังไปสองสามก้าวเตรียมจะถีบประตูทันใดนั้น ประตูก็ถูกเปิดออกด้วยเสียง “เอี๊ยด” จากด้านในเซี่ยหลานพูดด้วยใบหน้าเศร้าโศก “ท่านแม่ ท่านปู่ พวกท่านจะทำอะไรกันหรือเจ้าคะ? ข้าแค่ต้องการอยู่เงียบ ๆ หน่อย พวกท่านเลิกโวยวายได้หรือไม่”“นี่มันกี่ยามกันแล้ว? เจ้ายังอยากเงียบ ๆ อยู่อีกรึ?”“ใช่ เร็วเข้า รีบตามท่านปู่ไปที่วัง แล้วร้องเรียนต่อองค์จักรพรรดิเสียเถิด!”หลังจากที่เซี่ยเหอพูดจบ เขาก็ดึงเซี่ยหลานออกไปเซี่ยหลานดึงมือของนางกลับและพูดด้วยความโกรธ “ท่านปู่ องค์รัชทายาทมิได้ทำร้ายข้า เขาแค่… แค่…”โอวหยางฮุ่ยกังวลมากจนกระทืบเท้าและเร่งเร้านางอย่างจริงจัง “โธ่ คุณหนูใหญ่ของแม่ เจ้าจะพูดอะไร รีบบอกข้ามาเร็ว ๆ ข้ากังวลจว
“ท่านปู่เซี่ย เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเถิด เชิญท่านออกไปก่อน แล้วข้าจะคุยกับเซี่ยหลานเอง”เซี่ยเหอพยักหน้า จากนั้นจึงหันหลังเดินออกไปพร้อมกับโอวหยางฮุ่ยและคนอื่น ๆ หลังจากที่พวกเขาออกไปเซี่ยหลานก็เอ่ยอย่างเหนื่อยใจ “พอข้าพูดความจริง ท่านปู่และคนอื่น ๆ ก็มิเชื่อ ราวกับว่าพวกท่านจะสบายใจหากข้าเสียความบริสุทธิ์ให้กับองค์รัชทายาท ในสายตาของพวกเขา ข้าเป็นตัวอะไรหรือ?”ฉงชูโม่กลอกตามองนางอย่างมิพอใจ “เลิกบ่นแล้วบอกข้ามาว่ามันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่”“จะเกิดเรื่องอันใดได้เล่า ท่านอ๋องฉีส่งใต้เท้าหลินมาที่นี่เมื่อวานนี้ จากนั้นก็วางแผนเรื่องนี้กับท่านปู่ คิดจะให้ข้าร่วมมือกับพวกเขาใส่ร้ายองค์รัชทายาท แต่เจ้าสารเลวนั่นกลับมองแผนการของเราออก แถมยังเล่นงานเรากลับอีก ส่วนเรื่องที่เกิดบนเขาชานเมือง เจ้าก็รู้แล้วนี่ว่าเรื่องราวเป็นเช่นไร”“สรุปว่าองค์รัชทายาทแค่ฉีกทึ้งอาภรณ์ของเจ้า และมิได้ทำอะไรเจ้าอีกเลยหรือ?”“ใช่ แต่ท่านปู่ของข้ามิเชื่อ พวกเขาจะทำให้ข้าเป็นบ้าตายอยู่แล้ว”ฉงชูโม่ขมวดคิ้วและพึมพำ “นี่มิถูกต้อง ทุกคนเล่าลือกันว่าองค์รัชทายาทวัน ๆ หลงสุรามัวเมานารี เขาฉีกอาภรณ์ข