ข้ามกาลเวลาไปสู่ครอบครัวตกยากในยุคโบราณ ครอบครัวทั้งยากจนและอดอยาก แค่เริ่มต้นหวังหยวนก็ทำครอบครัวล่มจมซะแล้ว! น้ำตาลทรายแดงผสมโคลน น้ำมันหมูผสมน้ำปูนใส การสกัดเกลือจากบ่อ การกลั่นเหล้าให้บริสุทธิ์ การเผาหางวัว และเห็นขอทานก็ให้เงินได้… วิธีแปลกประหลาดมากมายจากคนเสเพล ทำให้ทั้งราชวงศ์ เหล่าตระกูลที่มีอำนาจ ตระกูลชนชั้นสูง และผู้ดีชั้นสูงไม่สามารถทนอยู่เฉยได้ เพราะทุกย่างก้าวของคนเสเพลอย่างหวังหยวนนั้น แม้ว่าครอบครัวจะล่มจม แต่ก็ดันรวยขึ้นเรื่อย ๆ ไม่เพียงแต่รวยที่สุดในใต้หล้าเท่านั้น แต่ทั้งโลกยังต้องมาสยบให้กับเขา คุณชายเสเพลแห่งตระกูลตกอับเช่นนี้!
View More“ถึงเวลานั้นข้าจะแบ่งสันปันส่วนธุรกิจให้พวกท่าน”“ต่อไปพวกท่านจะได้ไม่ต้องแก่งแย่งกันจนต้องต่อสู้กันทั้งเปิดเผยและลับหลังอีก”หวังหยวนไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับความขุ่นเคืองส่วนตัว แต่นี่เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้หากสามตระกูลใหญ่สามารถอยู่ร่วมกันอย่างสงบสุข ทำธุรกิจที่ไม่ขัดแย้งกันก็ย่อมประหยัดเงินทองได้มากเงินทองเหล่านี้ย่อมตกเป็นของเขาเป็นประโยชน์อย่างมากต่อการทำศึกสงครามในอนาคต!หวังหยวนวางแผนไว้อย่างดีเจียงเซี่ยวอวิ๋นรู้สึกตื่นเต้น เขารู้เรื่องของตระกูลเฉินแล้ว หลังจากตระกูลซูล่มสลาย ตระกูลเฉินก็ยิ่งใหญ่ขึ้น!ในชั่วข้ามคืนก็ได้รับช่วงกิจการทั้งหมดของตระกูลซูจนมีอำนาจเจริญรุ่งเรืองมากขึ้น!เดิมทีเขาคิดว่าหวังหยวนจะสนับสนุนตระกูลเฉิน ให้ตระกูลเฉินขึ้นเป็นใหญ่ จากนั้นจึงค่อยกำจัดอีกสองตระกูลแต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าสถานการณ์จะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่เขาคิด ยังพอมีทางรอดอยู่ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนก็ไม่ใช่คนเห็นแก่ตัว ที่สนใจเพียงผลกำไรเท่านั้นดังนั้นทุกอย่างต้องพิสูจน์ด้วยตาตนเอง!ข่าวลืออาจไม่ใช่เรื่องจริง...เมื่อหวังหยวนออกจากคฤหาสน์ตระกูลเจียง เจียงเสี่ยวอวี๋ก็เดินออกมาจ
“เดินไม่เปลี่ยนชื่อ นั่งไม่เปลี่ยนแซ่”หวังหยวนมองเจียงเสี่ยวอวี๋ด้วยรอยยิ้ม ก่อนหน้านี้ตอนที่เขายังไม่มาถึง เขาตั้งใจจะสั่งสอนเจียงเสี่ยวอวี๋ไม่ว่าหญิงหรือชาย หากทำผิดก็ต้องถูกลงโทษ ยิ่งเจียงเสี่ยวอวี๋มีฐานะสูงส่ง ย่อมมีนิสัยเสียแบบลูกคนรวยแต่เมื่อเห็นเจียงเซี่ยวอวิ๋น หวังหยวนก็เข้าใจ ที่แท้เขาเข้าใจเจียงเสี่ยวอวี๋ผิดไป...นางเป็นเพียงเด็กสาวที่ชอบเล่นซุกซน ไม่ได้มีเจตนาร้ายแต่อย่างใดด้วยเหตุนี้ เขาจึงเปลี่ยนใจ“ลูกเอ๋ย รีบขอขมาท่านหวังเดี๋ยวนี้!”“ไม่ว่าเจ้าจะทำสิ่งใดลงไป พ่อรู้จักเจ้าดี เจ้าคงไปล่วงเกินท่านหวังเข้าเป็นแน่!”“ไม่เช่นนั้นท่านหวังคงไม่ตามเจ้ามาที่นี่!”เจียงเซี่ยวอวิ๋นตั้งสติได้แล้วรีบกล่าวขึ้นแม้เขาจะรู้จักหวังหยวนอยู่บ้างจากคำเล่าลือ แต่สิ่งที่เขารับรู้ก็เป็นเพียงข้อมูลผิวเผิน ยิ่งไปกว่านั้น ตระกูลซูเพิ่งล่มสลาย ท่านหวังจึงไม่อยากให้ตระกูลเจียงต้องพบจุดจบเช่นเดียวกัน…เจียงเสี่ยวอวี๋กัดริมฝีปากแน่น ไม่พูดไม่จาอยู่นาน สีหน้าของนางเหมือนจะร้องไห้“อะแฮ่ม...”หวังหยวนกระแอม ก่อนจะโบกมือให้สองพ่อลูกด้วยรอยยิ้ม “ไม่รู้ก็ไม่ผิด ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องที่เก
พ่อบ้านเป็นคนแรกที่ตั้งสติได้ เขามองหวังหยวนด้วยความสงสัยแล้วเอ่ยถามขึ้นแม้เจียงเสี่ยวอวี๋จะออกไปข้างนอกบ่อยครั้ง แต่ไม่เคยพาสหายกลับบ้าน“ท่านพ่อ!”“คนผู้นี้บอกว่ารู้จักท่าน อยากมาพบกับท่านเจ้าค่ะ!”“ข้าอยากรู้ว่าเขาเป็นสหายของท่านจริงหรือไม่!”เจียงเสี่ยวอวี๋เพิ่งนึกขึ้นได้ นางเกือบลืมเรื่องหวังหยวนไป จากนั้นจึงรีบกล่าวขึ้นพร้อมกับเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นบนถนนให้เจียงเซี่ยวอวิ๋นฟัง หนำซ้ำยังเติมแต่งเล็กน้อย“น้องชายเอ๋ย ขออภัยที่ข้าตาไม่ถึง พวกเราเคยพบกันมาก่อนหรือ?”“ไม่ทราบว่าเจ้าเป็นคุณชายตระกูลใดกัน?”หวังหยวนอายุมากกว่าเจียงเสี่ยวอวี๋เล็กน้อย แต่ในสายตาของเจียงเซี่ยวอวิ๋นที่อายุมากกว่าห้าสิบปี เขาก็เป็นเพียงเด็กคนหนึ่งหวังหยวนทำตัวราวกับอยู่บ้านของตัวเอง เขานั่งลงบนเก้าอี้แล้วถามด้วยรอยยิ้ม “ท่านจำข้าไม่ได้จริงหรือ?”“อืม...”เจียงเซี่ยวอวิ๋นครุ่นคิด สุดท้ายก็ส่ายหน้า เขาจำไม่ได้จริง ๆแต่เขาก็ไม่ได้แสดงความไม่เคารพ เพราะในเมืองอู่เจียง สี่ตระกูลใหญ่มีอำนาจเท่าเทียมกัน นี่เป็นเรื่องที่รู้กันทั่วปกติไม่มีใครกล้าล่วงเกินคนของสี่ตระกูลใหญ่ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการมาหลอกล
ทั้งสองเดินมาถึงหน้าคฤหาสน์ตระกูลเจียง“คุณหนูใหญ่ ท่านกลับมาแล้ว!”“ท่านหัวหน้าตระกูลตามหาท่านจนแทบบ้า โชคดีที่ท่านปลอดภัย ไม่เช่นนั้นพวกข้าคงต้องหัวหลุดจากบ่าเป็นแน่...”องครักษ์สองคนที่เฝ้าประตูรีบเข้ามากล่าว พร้อมกับแอบโล่งใจคุณหนูเอาแต่ใจผู้นี้ช่างเป็นคุณหนูที่น่ากลัวยิ่งนักปกตินางมักจะแอบหนีออกจากคฤหาสน์ ทำให้พวกเขาลำบากใจ ทุกครั้งที่นางออกไปมักจะนำความเดือดร้อนมาให้เสมอ สุดท้ายก็ต้องเป็นพวกเขาที่ต้องรับผิดชอบ...พวกองครักษ์ย่อมไม่มีความสุขแต่ทว่าไม่มีใครกล้ากล่าววาจาล่วงเกินเจียงเสี่ยวอวี๋ เพราะกลัวจะเดือดร้อน!มันไม่คุ้มเลย“พ่อข้าอยู่ที่ใด?”“ระหว่างทางข้าพบคนไร้มารยาทอยากมาพบพ่อข้า ข้าจึงพาเขามาด้วย”“ข้าอยากรู้ว่าที่เขาพูดเป็นความจริงหรือไม่ เขารู้จักพ่อข้าจริงหรือเปล่า!”เจียงเสี่ยวอวี๋บ่นพึมพำด้วยความโกรธ สายตาเหลือบมองหวังหยวนเป็นระยะองครักษ์ทั้งสองต่างเป็นห่วงหวังหยวน การล่วงเกินคุณหนูผู้นี้คงไม่ใช่เรื่องน่าสนุก...ทางด้านหวังหยวนกลับมีสีหน้าเรียบเฉย ดูไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย“ท่านหัวหน้าตระกูลกำลังโกรธอยู่ในห้องโถง คุณหนูใหญ่ เชิญท่านเข้าไปเถิดขอรับ...”“
เจียงเสี่ยวอวี๋ ลูกสาวคนเล็กของเจียงเซี่ยวอวิ๋น ผู้เป็นหัวหน้าตระกูลเจียงเจียงเสี่ยวอวี๋เป็นเด็กสาวเอาแต่ใจ ไม่มีใครในเมืองอู่เจียงกล้าขัดใจนางอย่างไรก็ตาม แม้นางจะชอบรังแกคนอื่นในบางครั้งแต่กลับแตกต่างจากคุณชายในตระกูลใหญ่ทั้งสี่เพราะนางไม่เคยกลั่นแกล้งผู้ยากไร้ และยิ่งไม่เคยทำเรื่องข่มเหงผู้ที่อ่อนแอกว่ากล่าวได้ว่านางชอบช่วยเหลือผู้คนเพื่อรักษาความเป็นธรรมเสียมากกว่าเป็นดั่งวีรสตรีคนหนึ่งแน่นอนว่านางมักจะเรียกตนเองว่าวีรสตรี เพียงแต่อารมณ์แปรปรวน จึงไม่ค่อยเป็นที่รักใคร่ประกอบกับฐานะอันสูงส่งย่อมมีคนอิจฉาริษยา ทำให้ชื่อเสียงของนางไม่ค่อยดีนัก“คนตระกูลเจียงหรือ?”หวังหยวนสนใจขึ้นมาทันทีตั้งแต่มาถึงเมืองอู่เจียง เขาได้พบกับสองตระกูลใหญ่แล้ว ทั้งยังกำจัดตระกูลซูไปแล้วอย่างง่ายดายส่วนอีกสองตระกูลที่เหลือคือตระกูลซูกับตระกูลเซียวเจียงเสี่ยวอวี๋ตรงหน้าเป็นคนของตระกูลเจียง ช่างเป็นโชคชะตากำหนดมาดวงตาของหวังหยวนเป็นประกาย ก่อนจะเดินไปหาเจียงเสี่ยวอวี๋ด้วยรอยยิ้ม “ที่แท้ก็เป็นคุณหนูตระกูลเจียง ขออภัยที่เสียมารยาท”“บังเอิญข้าเป็นสหายกับพ่อของเจ้า เจ้าช่วยพาข้าไปพบเ
“ฟึ่บ!”เดิมทีหวังหยวนเห็นว่าอีกฝ่ายเป็นสตรีจึงคิดจะเป็นสุภาพบุรุษ กล่าวขอโทษแล้วก็จากไปแต่ไม่นึกเลยว่านางจะพูดจาอวดดี หยิ่งยโสและไร้เหตุผลถึงเพียงนี้เลยหรือ?“เมื่อเจ้าถามข้าเช่นนี้ แสดงว่าเจ้าก็ตาบอดเช่นกัน”“หรือว่าเจ้าไม่เห็นดวงตาบนใบหน้าของข้าเล่า?”หวังหยวนตอบกลับอย่างไม่สบอารมณ์“เจ้า...”สตรีผู้นั้นขบฟันแน่นด้วยความโกรธ ชี้หน้าหวังหยวนและกล่าวว่า “ช่างปากคอเราะรายนัก!”“ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าจะขอโทษหรือไม่?”หวังหยวนไม่สนใจนางและกำลังจะผลักนางออก แต่นางกลับคว้ามือเขาไว้ก่อนที่เขาจะทันตั้งตัว นางเอามือเขาไปแตะหน้าอกตัวเองหวังหยวนตกใจกับการกระทำของนางนี่มันเรื่องอะไรกัน?จงใจให้เขาลวนลามนางหรือ?ต้องยอมรับว่านางมีรูปโฉมงดงาม ใบหน้ารูปไข่ ผิวพรรณขาวผ่องดุจหยก ดวงตากลมโตสดใส รูปร่างงามสมส่วนแม้จะไม่ถึงขั้นงามล่มเมือง แต่สวยเด่นกว่าหญิงสาวทั่วไป!คงไม่ใช่สตรีธรรมดาเป็นแน่“ลวนลาม!”ขณะที่หวังหยวนกำลังคิดก็มีเสียงดังขึ้นข้างหูผู้คนมากมายต่างมามุงดู ในพริบตาถนนต่างเต็มไปด้วยผู้คนสตรีผู้นั้นยังคงจับมือหวังหยวน แล้วตะโกนบอกทุกคน“ทุกคนเห็นหรือไม่?”
“ท่านอย่ากังวลใจมากเกินไปเลย”“ผู้อื่นอาจไม่รู้จักความสามารถของเกาเล่อ แต่ท่านยังไม่รู้จักเขาอีกหรือ?”“เขาเป็นคนแข็งแกร่ง ไม่ใช่ว่าใครจะมารังแกได้โดยง่าย”หวังหยวนพยักหน้า บางทีอาจเป็นเช่นนั้น...หลังจากส่งตงฟางฮั่นกลับไปแล้ว หวังหยวนยังคงกระวนกระวายจึงตรงไปยังคุกใต้ดินหลิ่วหรูเยียนถูกขังอยู่ในชั้นล่างสุดของใต้ดิน มือและเท้าถูกล่ามด้วยโซ่เหล็กหนา ภายในห้องมืดสนิท ไม่มีแสงส่องเข้ามานั่นเป็นเพราะนางไม่ใช่สตรีธรรมดา ยากที่จะรับมือหากประมาท นางอาจหาโอกาสหนีออกจากคุกที่แข็งแกร่งดุจกำแพงเหล็กแห่งนี้ได้!ประตูคุกเปิดออกช้า ๆ หลิ่วหรูเยียนที่ถูกล่ามโซ่อยู่เงยหน้าขึ้นมองหวังหยวนแม้จะไม่ได้ทรมานนาง แต่ผ่านไปครึ่งเดือน นางก็ไม่ได้พบแสงสว่างแม้แต่น้อย ใบหน้าของนางซีดเซียวไร้สีเลือด ดวงตาคู่สวยแดงก่ำ ไม่มีแววสดใสเหมือนก่อน“ท่านมาที่นี่เพื่ออะไร?”“หรือว่ามาดูข้าเหมือนเป็นตัวตลก?”หลิ่วหรูเยียนเอ่ยถามอย่างเย็นชา น้ำเสียงแหบพร่าหวังหยวนจ้องมองนางอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าปิดบังสิ่งใดจากข้าหรือไม่?”“จะหาตัวคนของพรรคทมิฬในเมืองผีทางตะวันตกเฉียงเหนือพบจริ
หวังหยวนเพียงแค่ยกยิ้ม ไม่ได้เอ่ยคำใดคำชมเช่นนี้เขาฟังจนเจนหูแล้วยิ่งไปกว่านั้น ต่อให้ตงฟางฮั่นไม่พูด เขาเองก็คิดเช่นเดียวกันหวังหยวนไม่ได้เป็นคนของโลกนี้ ความคิดย่อมแตกต่างจากคนอื่น เขาเข้าใจว่านอกจากโลกนี้แล้วยังมีโลกอื่นอีกแม้ใต้หล้าจะแบ่งเป็นดินแดนทั้งเก้า แต่นั่นเป็นเพียงความคิดของคนในดินแดนทั้งเก้า พวกเขาย่อมไม่รู้ว่านอกจากสี่อาณาจักรใหญ่แล้วยังมีอาณาจักรอื่น ๆ อีกมากมายดินแดนที่พวกเขาอาศัยอยู่ไม่ใช่ดินแดนเพียงแห่งเดียวในโลกหากต้องการให้ดินแดนทั้งเก้าพัฒนาจนก้าวขึ้นเป็นผู้นำ สิ่งสำคัญที่สุดคือต้องเสริมสร้างความแข็งแกร่งของตนเองก่อนเมื่อมีเส้นทางคมนาคมทางน้ำ ย่อมจะอำนวยความสะดวกให้ผู้คนในดินแดนทั้งเก้าเป็นอย่างมาก“อีกสองวันข้าจะออกเดินทาง”“ไปติดต่อคนของอาณาจักรต้าเย่ก่อน แล้วจึงไปพบไทเฮาเซียวและคนของอาณาจักรต้าเป่ย”“ข้าเชื่อว่าพวกเขาคงรับฟังข้อเสนอของข้า เพราะนี่เป็นความคิดที่ดี มีประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชน”หวังหยวนพูดด้วยรอยยิ้มเขาเตรียมการไว้พร้อมแล้ว ไม่จำเป็นต้องให้ตงฟางฮั่นเตือนตงฟางฮั่นกลับส่ายหน้ากล่าวว่า “เหตุใดต้องรออีกสองวัน? วันนี้เป็นวันด
ครึ่งเดือนต่อมา เหล่าคนงานที่ล้มป่วยต่างหายดีแล้วกลับมาทำงานสร้างเขื่อน เมืองอู่เจียงกลับมาสงบสุขอีกครั้งหากเป็นเช่นนี้ต่อไป คงใช้เวลาไม่ถึงครึ่งปี เมืองอู่เจียงก็จะสามารถเชื่อมต่อทางน้ำ กลายเป็นเมืองที่สำคัญที่สุดในใต้หล้าได้“ท่านหวัง ท่านตงฟางขอเข้าพบขอรับ”บ่าวรับใช้ที่เฝ้าอยู่หน้าห้องเคาะประตูเบา ๆ ก่อนจะรายงานทันที“ท่านตงฟางมาแล้วหรือ?”“ให้เขาไปรอที่ห้องโถงก่อน ข้าจะเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วออกไป”ขณะนี้หวังหยวนกำลังเพลิดเพลินอยู่กับหลี่ซื่อหาน แต่เมื่อได้ยินบ่าวรายงานก็จำต้องลุกขึ้นเขาบิดขี้เกียจ แล้วบีบแก้มหลี่ซื่อหานเบา ๆ พลางกล่าวว่า “ตอนนี้ข้าเข้าใจความสุขของฮ่องเต้แล้ว”“ไม่แปลกใจเลยที่มีฮ่องเต้หลายองค์ที่หลงใหลอิสตรี ความรู้สึกนี้ช่างหอมหวานเหลือเกิน”“หากไม่ใช่มีธุระ วันนี้ข้าคงไม่อยากลุกจากเตียง...”หลี่ซื่อหานที่กำลังแต่งตัวกลอกตามองหวังหยวนอย่างไม่พอใจ“ท่านหลงใหลในตัณหาตั้งแต่เมื่อไหร่?”หวังหยวนชะงัก “ตรงไหนกัน?”“การพูดคุยเรื่องบนเตียงกับฮูหยินไม่น่าจะเรียกว่าหลงใหลในตัณหาได้กระมัง?”“ข้าไม่ได้ออกไปเที่ยวเล่นที่ไหน”กล่าวจบ หวังหยวนจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้
“ไม่อร่อยเลยสักนิด”เมื่อได้เคี้ยวข้าวสาลีผสมถั่ว หวังหยวนวางชามดินเผาลง รู้สึกเหมือนกินแกลบไม่มีผิด ตอนนี้ใครมาบอกว่าการข้ามกาลเวลามันดี เขาก็พร้อมที่จะบอกความในใจให้พวกเขา ข้ามกาลเวลามาถึงช่วงราชวงศ์ต้าเย่ คล้ายช่วงยุคสมัยโบราณของจีน เจ้าของร่างเดิมเป็นเป็นเจ้าของที่ดินเล็ก ๆ ตอนที่พ่อแม่ยังอยู่ ตอนเช้าได้กินข้าวต้มข้าวฟ่าง เที่ยงได้กินข้าวผสมข้าวฟ่าง ตอนเย็นได้กินเซาปิ่งพร้อมธัญพืชผสม ทุก ๆ สิบวันหลังจากกลับมาจากโรงเรียนในเมือง ถึงจะได้กลับมากินให้หายอยากได้สำหรับคนทั่วไป แต่ละวันกินข้าวต้มข้าวฟ่าง หรือข้าวสาลีผสมถั่ว ส่วนเนื้อนั้นในช่วงปกติอย่าไปคิดถึงมันเลย คงมีแค่ช่วงฉลองตรุษจีนเท่านั้นถึงจะได้กินเนื้อบ้าง ส่วนแป้งและข้าวสารนั้นเป็นที่นิยมของเจ้าของที่ดิน คหบดีและขุนนาง นึกถึงพวกไข่ เนื้อหมู ไก่ ปลา บนโลกที่ถูกทิ้ง หวังหยวนอดที่จะตีตัวเองไม่ได้ น้ำเสียงที่ฟังดูขลาดกลัวของคน ๆ หนึ่งดังขึ้น “ท่านพี่ ขอโทษนะ ในบ้านไม่มีข้าวฟ่างแล้ว ให้ท่านที่เป็นบัณฑิตเพิ่งหายป่วยกินข้าวสาลีผสมถั่วเช่นนี้?” แววตาของหวังหยวนมีประกายขึ้นมา สาวน้อยคนสวยที่ท่าทางขี้ขลาดยืนอยู่หน้าห้องโ
Comments