Share

บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่
บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่
Author: ชวินเป่ยอี๋

บทที่ 1

Author: ชวินเป่ยอี๋
“ไม่อร่อยเลยสักนิด”

เมื่อได้เคี้ยวข้าวสาลีผสมถั่ว หวังหยวนวางชามดินเผาลง รู้สึกเหมือนกินแกลบไม่มีผิด

ตอนนี้ใครมาบอกว่าการข้ามกาลเวลามันดี เขาก็พร้อมที่จะบอกความในใจให้พวกเขา

ข้ามกาลเวลามาถึงช่วงราชวงศ์ต้าเย่ คล้ายช่วงยุคสมัยโบราณของจีน

เจ้าของร่างเดิมเป็นเป็นเจ้าของที่ดินเล็ก ๆ ตอนที่พ่อแม่ยังอยู่ ตอนเช้าได้กินข้าวต้มข้าวฟ่าง เที่ยงได้กินข้าวผสมข้าวฟ่าง ตอนเย็นได้กินเซาปิ่งพร้อมธัญพืชผสม ทุก ๆ สิบวันหลังจากกลับมาจากโรงเรียนในเมือง ถึงจะได้กลับมากินให้หายอยากได้

สำหรับคนทั่วไป แต่ละวันกินข้าวต้มข้าวฟ่าง หรือข้าวสาลีผสมถั่ว ส่วนเนื้อนั้นในช่วงปกติอย่าไปคิดถึงมันเลย คงมีแค่ช่วงฉลองตรุษจีนเท่านั้นถึงจะได้กินเนื้อบ้าง

ส่วนแป้งและข้าวสารนั้นเป็นที่นิยมของเจ้าของที่ดิน คหบดีและขุนนาง

นึกถึงพวกไข่ เนื้อหมู ไก่ ปลา บนโลกที่ถูกทิ้ง หวังหยวนอดที่จะตีตัวเองไม่ได้

น้ำเสียงที่ฟังดูขลาดกลัวของคน ๆ หนึ่งดังขึ้น “ท่านพี่ ขอโทษนะ ในบ้านไม่มีข้าวฟ่างแล้ว ให้ท่านที่เป็นบัณฑิตเพิ่งหายป่วยกินข้าวสาลีผสมถั่วเช่นนี้?”

แววตาของหวังหยวนมีประกายขึ้นมา สาวน้อยคนสวยที่ท่าทางขี้ขลาดยืนอยู่หน้าห้องโถง

อายุสักประมาณสิบเจ็ดสิบแปดปี ร่างนางสูงโปร่งน่าจะสักหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนได้ งดงามอ่อนช้อยเหมือนดั่งภาพวาด

นางสวมชุดตัวนอกสีแดง กระโปรงผ้าสีเขียว และรองเท้าปักลาย เธอแต่งตัวอย่างสุภาพด้วยเสน่ห์เรียบง่าย แต่ราวกับว่าเหมือนเดินออกมาจากภาพวาดในหนังสือที่ผ่านฝุ่นผงออกมาอย่างนุ่มนวล

แต่รูปหน้าเรียวเล็กเหมือนเม็ดแตงนั้นกลับซีดเซียว เส้นผมดูแห้งกรอบราวกับเป็นโรคขาดสารอาหาร

นี่คือภรรยาของเจ้าของร่างเดิม หลี่ซื่อหาน เป็นสาวงามอันดับหนึ่งในเมืองฝู เป็นคนที่เจ้าของร่างเดิมไม่อาจเอื้อมแต่งงานได้ด้วยซ้ำ

ในตอนนั้นตระกูลหลี่ประสบหายนะใหญ่ฆ่าล้างตระกูล จึงคิดให้ลูกสาวแต่งออกไป เพื่อหลีกเลี่ยงหายนะในครั้งนั้น

แต่ไม่มีใครในเมืองกล้าแต่งด้วย เว้นเสียแต่คนนั้นจะมีร่างกายเป็นเหล็ก

ผลคือในวันแต่งงานนั้น พ่อของหลี่ซื่อหานสามารถก้าวผ่านวิกฤตมาได้ และตระกูลหลี่ต้องการจะยกเลิกงานแต่ง

อย่างไรก็ตาม หลี่ซื่อหานปฏิเสธอย่างแน่วแน่ และตัดสินใจว่าสามีและภรรยาจะอยู่ด้วยกันจนกว่าชีวิตจะหาไม่

ไม่ว่าจะเป็นความตกใจของครอบครัวหลี่ที่ต้องการยุติการแต่งงาน หรือความเจ็บป่วยบางอย่างในร่างกายของบุคคลเดิม

ทั้งคู่แต่งงานมาสามปีแล้ว แต่ไม่เคยร่วมหอกันเลย!

เมื่อวานเจ้าของร่างเดิมจู่ ๆ ก็ป่วยหนัก หวังหยวนจึงได้เข้ามาครองร่างเขาเมื่อเช้านี้

มองเห็นสาวน้อยร้องไห้ขี้มูกโป่ง หวังหยวนจึงลุกขึ้นยื่นมือออกไป

“อ๊า!”

หลี่ซื่อหานคุกเข่าคู้ตัวเอามือกุมศีรษะไว้และร้องไห้ "ท่านพี่อย่าตีข้าเลย สินเดิมของข้าขายหมดแล้วจริง ๆ!"

มือของหวังหยวนหยุดค้างอยู่กลางอากาศ

บุคคลิกของเจ้าของร่างเดิมได้รับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ

ไม่เรียนหนังสือ สอบเป็นขุนนางเคอจวี่ วัน ๆ เอาแต่กินดื่มสำมะเลเทเมา ใช้จ่ายทรัพย์สินเงินทองอย่างสุรุ่ยสุร่าย

เขาข่มเหงรังแกภรรยาผู้งดงามของเขาด้วยวิธีต่าง ๆ นานา ไม่เพียงแต่ขายสินเดิม แต่ยังบังคับให้นางกลับไปที่บ้านแม่ของนาง เพื่อยืมเงินมาให้เขาไปใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่าย ทำให้นางทุกข์ทรมาน ร้องไห้น้ำตานองมาตลอด

หลี่ซื่อหานคิดว่านี่คือการร่วมสุขร่วมทุกข์ของชีวิตคู่

นางไม่เพียงไม่หนีหาย แต่ยังลากสังขารที่บาดเจ็บและอ่อนล้ามาปรนิบัติรับใช้เจ้าของร่างเดิม

"ท่านพี่อย่าตีข้า ข้าจะคิดหนทางหาเงินซื้อเหล้าซื้อเนื้อมาให้ท่าน!"

ใบหน้าเรียวเล็กเหมือนเม็ดแตงนั้นพนมมืออ้อนวอนขอร้อง หลี่ซื่อหานร้องไห้น้ำตาร่วงพรูเหมือนดอกสาลี่พรำฝน

"ข้าไม่อยากกินเหล้ากินเนื้อ จมูกเจ้าเปื้อน ข้าแค่จะช่วยเช็ดให้!”

เขาช่วยประคองหลี่ซื่อหานขึ้น หวังหยวนใช้แขนเสื้อเช็ดเขม่าถ่านที่เปื้อนจมูกนาง

หลี่ซื่อหานยิ่งรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้นไปอีก!

ในช่วงสามปีที่ผ่านมา สามีนางทั้งตบตีและดุด่า บางครั้งก็พูดจาไพเราะ เกลี้ยกล่อมให้นางเอาสินสอดไปจำนำ หรือให้นางกลับไปบ้านแม่เพื่อขอยืมเงิน!

วันนี้อ่อนโยนได้ขนาดนี้ ต้องไถ่เงินนางเป็นแน่!

หวังหยวนพูดขอโทษด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “เมื่อก่อนข้าผิดเอง วันหลังข้าจะไม่ตีเจ้าอีก!”

“ฮือ ๆ"

หลี่ซื่อหานน้ำตาคลอเบ้า “ท่านพี่ ท่านยืมเงินจากข้างนอกไปเท่าไหร่ ฤดูร้อนกลับบ้าน พี่ชายข้าบอกว่าจะไม่ให้ข้ายืมอีกแม้แต่แดงเดียว!”

หวังหยวนฝืนยิ้ม “ข้าไม่ได้ยืมเงินข้างนอก ไม่ให้เจ้ากลับบ้านแม่ไปยืมเงินด้วย!”

หลี่ซื่อหานยังคงสงสัยอยู่ “จริงรึ?”

หวังหยวนพยักหน้า “เชื่อข้าสิ!”

สาวน้อยที่ดีเช่นนี้ เอาตะเกียงส่องหาบนโลกก็ยังหาได้ยากยิ่ง

ทำไมเจ้าของร่างเดิมไม่รู้จักทะนุถนอมกันนะ

“ข้า ข้าจะเชื่อท่านอีกสักครั้ง!”

น้ำเสียงของหลี่ซื่อหานยังคงมีความขลาดกลัวอยู่

ทุกครั้งที่เชื่อคำหวานของสามี มักเสียใจภายหลังทุกที

หวังว่าครั้งนี้จะเป็นข้อยกเว้น

ปัง!

ประตูไม้ถูกผลักออกอย่างแรง

ชายวัยกลางคนสวมหมวกทรงสูงสีดำ และเสื้อคลุมดำคาดเข็มขัดสีแดง สวมรองเท้าบูทเดินเข้ามา

เขามองหลี่ซื่อหานตาเป็นมัน และมองไปทางชามดินเผาที่มีข้าวสาลีผสมถั่วและยิ้มฟันเหลืองออกมา “โอ้ น้องหวัง กินข้าวฟ่างจนเอียนแล้ว ก็เปลี่ยนรสชาติมากินข้าวสาลีผสมถั่ว ก็ใช่ หนึ่งวันกินข้าวต้มข้าวฟ่างสามมื้อ คงขับถ่ายออกมาแห้ง ๆ และลำบากเป็นแน่”

ในสมัยนี้หากจะอวดรวย กินข้าวต้มข้าวฟ่างได้ก็เอาไปอวดโม้ได้แล้ว

รู้สึกเหมือนคนคุ้นเคย แค่หวังหยวนกลับนึกไม่ออกว่าเจ้าของร่างเดิมเกี่ยวข้องอย่างไรกับเขา!

“หัวหน้าหลิว จะอวดร่ำอวดรวยว่าบ้านเจ้ามีเงินก็กลับไปที่หมู่บ้านเสี่ยวหลิวซะ อย่ามาเที่ยวอวดเบ่งที่หมู่บ้านต้าหวังของพวกเรา!”

หลี่ซื่อหานผู้งดงามมาอยู่ขวางหน้าหวังหยวนไว้ ราวกับว่าจะปกป้องเขา

“หัวหน้าหลิว!”

หวังหยวนนึกออกแล้ว

หลิวโหย่วไฉผู้ช่วยนายอำเภอ และยังเป็นหัวหน้าตำบลเป่ยผิง และหมู่บ้านใกล้เคียงอย่างหมู่บ้านเสี่ยวหลิวอีกด้วย

ทำหน้าที่รับผิดชอบในการจัดเก็บภาษีอากร ภาษีที่นา และภาษีเบ็ดเตล็ดของตำบลเป่ยผิง และนอกเวลางานให้ปล่อยกู้ยืมเงินดอกเบี้ยสูง

ครอบครัวใครก็ตามที่ป่วย หรือไม่จ่ายภาษีที่นา เขาจะมาที่บ้านเพื่อให้หยิบยืมเงิน

ด้วยวิธีการแบบนี้ เขาสามารถผนวกยึดครองที่ดินสามร้อยหมู่ และถือครองเป็นเจ้าของที่ดินขนาดเล็ก

“บ้านพวกเจ้า? นี่มันบ้านของข้า รวมถึงสาวน้อยน่ารักอย่างเจ้าด้วยในไม่ช้านี้ เบิกตาดูให้ชัด ๆ”

หลิวโหย่วไฉล้วงเอาเอกสารหลักฐานการกู้ยืมเงินออกมาจากแขนเสื้อ และคลี่มันออก

“บัณฑิตถงเซินหวังหยวน จากหมู่บ้านเสี่ยวหวัง ยืมเงินสามสิบกว้านจากหลิวโหย่วไฉแห่งหมู่บ้านต้าหลิว และจะคืนเงินต้นสี่สิบกว้านในหนึ่งเดือน โดยใช้ที่ดินบรรพบุรุษ ที่ดินสิบหมู่ทางตะวันออกของหน้าหมู่บ้าน และภรรยาหลี่ซื่อหานเป็นหลักประกัน ... "

เมื่อมองไปที่ลายมือที่เขียนชื่อลงไป ความทรงจำบางอย่างก็ปรากฏขึ้นมา หวังหยวนก็กัดฟันด้วยความเกลียดชัง

ครั้งหนึ่งเจ้าของร่างเดิมเคยเมาและถูกหลิวโหย่วไฉลากไปเล่นการพนันในเขตปกครอง แล้วเกิดอิจฉาตาร้อนจนต้องการยืมเงินและเขียนกู้ยืมเงิน

เพิ่งพูดจาดี ๆ กับหลี่ซื่อหาน เจ้าของร่างเดิมก็ทำเรื่องงามหน้าไม่ต่างจากพายุฝนฟ้าร้องเลย

ความเป็นอยู่ของผู้คนในเฉิงโจวนั้นยากจน และคนงานที่แข็งแรงสามารถหารายได้เพียงสามสิบหรือสี่สิบอีแปะต่อวันเท่านั้น

หนึ่งพันอีแปะเท่ากับหนึ่งกว้าน สามสิบกว้านไม่นับว่าเป็นดอกเบี้ย กรรมกรที่แข็งแรงต้องทำงานเป็นเวลาสามปี ไม่นับค่ากินดื่ม ค่าภาษีมหาโหด และการถูกเรียกเข้าเกณฑ์อีก

เงินจำนวนมากเช่นนี้ ทำให้เขาที่เรียนปริญญาเอกสองใบในสาขากลศาสตร์ และวัสดุศาสตร์ถึงกับต้องปวดหัว!

หลิวโหย่วไฉหรี่ตามองหลี่ซื่อหาน "สาวน้อย เจ้าหย่าแล้วมาแต่งกับข้าแล้ว ข้าประกันว่าให้เจ้าได้เลยว่า เจ้าจะกินดีอยู่ดี ไม่ต้องมาทนทุกข์ทรมานกับผู้ชายเสเพลคนนี้อีก!"

เพล้ง!

เพล้ง!

หลี่ซื่อหานหันกลับมามองหวังหยวน น้ำตาไหลอาบนองหน้านาง และทุบพื้นกระเบื้องนั้น

ที่สุดแล้วก็พลาดหลงเชื่อสามี!

สามีข่มเหงรังแกนางอย่างไรก็ได้ แต่นี่เขากลับใช้นางเป็นทรัพย์สินค้ำประกัน!

ในตอนนี้ หัวใจของนางเหมือนถูกมีดกรีด!

หวังหยวนไม่รู้จะปลอบนางอย่างไร เขาขมวดคิ้วมองหลิวโหย่วไฉ "เอาหลักฐานการยืมเงินมาและออกไปซะ!"

“ไอ้สารเลว เจ้าคิดจะหนีหนี้งั้นรึ?”

หลิวโหย่วไฉโบกหลักฐานการยืมเงินในมือและลุกขึ้น "เชื่อหรือไม่ว่า ข้ากลับไปที่หมู่บ้านเสี่ยวหลิว และสั่งให้คนสักสองร้อยคนมากระทืบเจ้า เจ้านายจะให้บ้าน ทุ่งนา และภรรยาของเจ้ากับข้าด้วย หลักฐานการยืมเงินแบบนี้ เจ้ากล้าที่จะหนีหนี้ อยากตายรึไง!"

หลี่ซื่อหานดึงแขนเสื้อของหวังหยวนและเช็ดน้ำตา "ท่านพี่หนีหนี้ไม่ได้นะ ข้าจะกลับไปบ้านแม่เพื่อยืมเงิน!"

หนีหนี้จะต้องไปที่ว่าการอำเภอทำการตัดสินก่อนโบย ร่างกายสามีนางเป็นแบบนี้ จะไปทนไหวได้อย่างไร!

"...ซื่อหาน ไม่จำเป็นต้องกลับไปยืมเงินที่บ้านแม่ ข้าจัดการเรื่องนี้ได้!"

หวังหยวนตกตะลึง

คิดไม่ถึงเลยว่าหลี่ซื่อหานยังยอมที่จะช่วยเจ้าของร่างเดิม

หลิวโหย่วไฉมองไปที่หวังหยวนอย่างเหยียดหยาม "ไอคนเสเพลอย่างเจ้า มีสิทธิ์อะไรจัดการมันได้! ถ้าข้าไม่เห็นสี่สิบกว้านในวันนี้ ข้าจะไม่ไปไหนทั้งนั้น"

หวังหยวนชี้ไปที่วันที่ในหลักฐานการยืมเงิน "เปิดตาสุนัขของเจ้าและมองให้ชัด ๆ ครบกำหนดหนึ่งเดือนแล้วหรือ?"

หลิวโหย่วไฉถึงกับสะอึก เขาได้ยินมาว่าหวังหยวนป่วยหนัก จึงรีบมาทวงหนี้ที่บ้าน ทะเลาะกันจนลืมไปเลยว่ายังเหลืออีกสามวันถึงจะครบกำหนดสัญญา “ข้าไม่เชื่อหรอกว่าไอคนเสเพลอย่างเจ้า ในสามวันจะมีปัญญาหาเงินสี่สิบกว้านมาได้?”

Comments (19)
goodnovel comment avatar
ออนกนก โพธิรักษ์
เปิดหน้าหลักได้ที่ไกนคะ
goodnovel comment avatar
ออนกนก โพธิรักษ์
ขอดูเรื่องที่อ่านค้างไว้
goodnovel comment avatar
Cynthia Galoso
make an English substitutions we can't read it.
VIEW ALL COMMENTS

Related chapters

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 2

    หวังหยวนเลิกคิ้ว "ถ้าข้าทำได้ล่ะ?" หลิวโย่วไฉเผยสีหน้าเจ้าเล่ห์ "ถ้าเจ้าทำได้ ข้าจะไม่คิดดอกเบี้ย! แต่ถ้าทำไม่ได้ เจ้าจะต้องขายตัวเองเป็นคนรับใช้นายของข้า ว่าอย่างไรบ้าง?" หลี่ซื่อหานหน้าถอดสี “ท่านพี่ อย่ารับปากนะ!” เจ้าของที่ใจดำคนนี้ต้องการให้เขาขายตัวเองเป็นทาส หวังหยวนโกรธมาก แต่เขาเดินไปเขียนสัญญาสองฉบับและหยิบแผ่นหมึกสีแดงออกมา "เขียนชื่อและประทับนิ้วซะ!" “ได้!” หลังจากเขียนชื่อด้วยลายมือน่าเกลียด และประทับลายนิ้วมือสีแดงแล้ว หลิวโย่วไฉก็เดินจากไปด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ้าเล่ห์ คนเสเพลเช่นนี้ เขาไม่มีหาเงินสี่สิบกว้านได้ภายในสามวันอย่างแน่นอน แม้ว่าครอบครัวของสาวน้อยจะร่ำรวย แต่พวกเขาก็อยากให้นางทิ้งคนเสเพลพรรค์นี้อยู่เสมอ ดังนั้นการยืมเงินคงจะเป็นไปไม่ได้แน่ การเดิมพันครั้งนี้ จะได้ทาสมาฟรี ๆ และสามารถขายได้ต่อในราคาหลายสิบกว้านด้วย! เข้าใกล้เป้าหมายที่ตระกูลหลิวจะครอบครองที่ดินพันหมู่ไปอีกหนึ่งเก้า 'สามีภรรยา' ยืนอยู่ตรงข้ามกันในลานบ้าน “ซื่อหาน” หวังหยวนอยากจะปลอบนาง หลี่ซื่อหานเช็ดน้ำตา และรีบวิ่งเข้าไปในห้องนอน หวังหยวนเข้าใจว่านี่เป็นทำร้าย

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 3

    งานที่เหลือใช้แรงออกน้อยกว่ามาก แค่ล้างรากหญ้าแล้วบดในครกหิน หลังจากทำงานยุ่งมานาน หวังหยวนรู้สึกเหนื่อยมากจนปวดหลังไปหมด เขาจึงเอารากหญ้าที่ตำใส่ถังน้ำ จึงค่อย ๆ เดินทอดน่องไปที่ริมแม่น้ำ หวังหยวนเห็นพวกปลาแหวกว่ายอยู่ใต้น้ำ เขาจึงโรยแป้งหมี่ถั่วเหลืองและน้ำลงไป ด้วยเหยื่อที่วางลงไป จำนวนปลาที่รุมเข้ามามากขึ้นเรื่อย ๆ หวังหยวนค่อย ๆ เทของเหลวที่ได้จากการตำรากหญ้าลงไปอย่างระมัดระวัง เมื่อน้ำที่ได้จากการตำรากหญ้านั้นกระจายตัว ปลาที่ค่อย ๆ ลอยหงายท้องขึ้นมาจากน้ำ หนึ่งตัว! สองตัว! ... หลังจากนั้นสักพัก หวังหยวนก็จับปลาตัวใหญ่ได้แปดตัว และตัวเล็กอีกสิบห้าตัว ปลาตัวใหญ่หนักประมาณสองกิโลครึ่ง ตัวเล็กหนักประมาณสองร้อยห้าสิบกรัม ปลาที่เล็กกว่านี้ก็ปล่อยมันไป เมื่อพระอาทิตย์ตกดิน หวังหยวนก็กลับบ้านด้วยของที่เต็มตะกร้า ผ่านกระท่อมมุงหลังคาจากสี่หลัง คอกวัวและลานเล็ก ๆ ที่ล้อมรั้วทางด้านตะวันออกของหมู่บ้าน “ลุงหานซาน!” หวังหยวนตะโกนเรียกเขา เด็กน้อยน่ารักที่เหมือนตุ๊กตาตัวน้อยสวมเสื้อคลุมยัดนุ่นวิ่งออกมาจากเรือน ไปมองดูหวังหยวนในชุดคลุมตัวอย่างสงสัยและเขินอาย "หวั

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 4

    ในโลกนี้มีการตกปลา ตกเบ็ด จับปลา แต่ยังไม่มีใครวางยาปลา หวังหยวนยิ้มและพูดว่า "ข้าค้นพบเคล็ดลับการตกปลาและก็จับปลากลับมาได้ตั้งเยอะ รีบกินเร็วเข้า ระวังถูกก้างทิ่มเอาล่ะ!" “เคล็ดลับการตกปลา!” หลี่ซื่อหานที่สงสัยอยู่แล้วนั้น ยิ่งเจอความเป็นห่วงเอาใจใส่ของหวังหยวน ทำให้หัวใจของเธอเต้นแรงราวกับกวางที่ตกใจอีกครั้ง ทั้งสองคนก็กินปลาต่อไป ไม่รู้ว่าเจ้าของร่างเดิมไม่ค่อยได้กินปลาหรือเปล่า หรือเป็นเพราะปลาสดใหม่ หวังหยวนพบว่าปลาที่ทอดในน้ำมันหมูสักพัก และใส่เกลืออบรอสักสิบห้านาที และโรยด้วยผักป่า มันจะอร่อยมากซะกินจนหมดเกลี้ยง มาดูทางหลี่ซื่อหาน นางกินเหมือนแมวดมไม่มีผิด กินไปเพียงแค่ครึ่งชิ้นเท่านั้น “ท่านพี่ ข้าอิ่มแล้ว อีกครึ่งตัวนี้ข้ายังไม่ได้แตะมัน!” เห็นหวังหยวนมองมาที่นาง หลี่ซื่อหานก็วางตะเกียบลงแล้วผลักจานปลานั้นมา “ข้ากินอิ่มแล้ว แค่มองเจ้ากินปลาแบบนี้ก็น่ามองแล้ว รีบกินเถอะ!” หวังหยวนลุกขึ้นและออกจากห้องโถง เมื่อใดก็ตามที่มีเนื้ออยู่ในบ้าน หลี่ซื่อหานลังเลไม่กล้ากินมัน ปล่อยให้เจ้าของร่างเดิมกินก่อนเสมอ นี่จึงทำให้นางผอมลงจนผอมซูบ จนความงามแต่เดิมของนางก็หายไ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 5

    หวังซื่อไห่เอามือจับชายแขนเสื้อตัวเองยืนน้ำลายไหลอยู่หน้าประตูบ้านหวังหยวน หวังหยวนถามว่า "เจ้าทำอะไรน่ะ?" ต้าหู่และเอ้อหู่ก้าวออกมาล้อมขนาบหวังซื่อไห่ทั้งซ้ายและขวา มายืนน้ำลายไหลบ้านพี่หยวนแต่เช้า เจ้าอันธพาลนี่ต้องคิดเรื่องไม่ดีอยู่แน่ ๆ หวังซื่อไห่ตกใจจนสะดุ้ง แล้วจึงรีบถอยออกไปจากประตู “ข้า ข้าอยากกินปลา!" ช่างหน้าด้านได้อย่างตรงไปตรงมา หวังหยวนส่ายหน้า “เจ้ามาช้าไป ปลาถูกกินหมดแล้ว!” “เช้ากินหมดแล้ว ยังมีตอนเย็นอีก แค่อยากกินปลาเอง ให้ข้าไปขุดรากหญ้ากับเจ้าก็ได้นะ ไม่มีปัญหา” เมื่อวานที่เดินเตร็ดเตร่อยู่นั้น พบว่าที่บ้านหวังหยวนนั้นกินปลา และบ้านหวังหานซานก็ได้กินปลาเช่นกัน เดินมาแต่เช้าก็พบว่าบ้านหวังหยวนก็กินปลา และพ่อลูกหวังหานซานด้วย เมื่อนึกถึงที่หวังหยวนพูดถึงประโยชน์ เขาเข้าใจแล้วว่าเขาพลาดอะไรไป ปลาสองมื้อ! หวังหยวนกระพริบตา "งั้นไปเอาไข่สองฟองก่อน" ในชนบทแม้ว่าจะมีผู้เลี้ยงไก่อยู่ไม่กี่ราย แต่ไข่ทั้งหมดจะถูกเก็บไว้และขายเป็นเงิน กว่าจะได้ไข่สองฟองไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ "...ตกลง!" หวังซื่อไห่กัดฟันและหันกลับมา หวังหานซานเตือนว่า "หวังหยว

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 6

    หวังหยวนยิ้มและพูดว่า "ท่านหัวหน้า ข้าแบ่งปลาให้ท่านได้ไม่มีปัญหา และข้านั้นจะแบ่งหนี้สี่สิบกว้านของข้าให้ท่านด้วย! ถ้าหากท่านไม่อยากใช้หนี้ ก็แบ่งที่ดินสองร้อยแปดสิบหมู่ของบ้านท่านให้ข้าสักสิบหมู่ ที่ดินของบ้านข้าติดจำนองอยู่" “ไอเด็กเจ้าเล่ห์!” หวังปี่จงเดินจากไปอย่างหงุดหงิด ข้าแค่อยากได้ปลาเจ้าตัวเดียว เจ้าจะให้ข้าแบกหนี้ไปด้วย และยังให้ข้าแบ่งที่ให้อีกหลายสิบหมู่อีก ไอคนเสเพลพรรค์นั้น ยังมีหน้าพูดออกมาได้อีก “ท่านหัวหน้า อย่างเพิ่งไปสิ ข้าแค่ล้อท่านเล่นเท่านั้น อย่าโมโหไปเลย!” หวังหยวนตะโกนไล่หลังมา จับปลาได้มากมาย หากมีใครขอแค่สักตัวสองตัว เขาย่อมให้ได้อยู่แล้ว แต่นี่มาใช้ศีลธรรมบีบบังคับเขาให้แบ่งปลาให้คนทั้งหมู่บ้าน แล้วตัวเองได้ความดีความชอบไป แบบนี้มันไม่ได้ หวังปี่จงโมโหกระฟัดกระเฟียดไม่หันกลับมา เมื่อเห็นแผนการของหวังหยวนแล้ว ชาวบ้านต่างโห่ร้องและหัวเราะออกมา เจ้าอยากได้ของของข้า ข้าก็อยากได้ของของเจ้า เจ้าไม่ให้ข้า ข้าจะให้เจ้าไปทำไม หวังหยวนยกมือแสดงความคารวะ "พ่อแม่ พี่น้อง ลุงป้า น้าอาทุกท่าน ตอนนี้ทุกคนต่างรู้เรื่องของข้า ปลาเหล่านี้ต้องนำไปขายเ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 7

    “อืม ท่านพี่!” “อย่าเรียกท่านพี่สิ เรียกเหล่ากง!” “...ไม่ได้!” “ทำไม?” “ท่านพี่ เหล่ากงคือคำใช้เรียกขันที ท่านแค่ป่วย หาหมอดูอาการก็ดีขึ้นแล้ว ทำไมต้องดูถูกตัวเองแบบนี้ด้วย!” "...เหล่ากงคือคำใช้เรียกขันที???” "คำใช้เรียกขันทีถูกเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละราชวงศ์ที่ผ่านมา พวกเขาเรียกขันทีอย่างเป็นทางการว่าหวางเหมินและเตียวตัง บางคนได้รับเกียรติยกย่องเป็นเน่ยกว้าน เน่ยเฉิง จงกว้าน และจงกุ้ย นอกจากนี้ยังมีชื่อที่เสื่อมเสียเช่น เน่ยซู่ เหยียนเฉิน ไท่เจี้ยน เหยียนเหริน และเหล่ากง ขันทีก็เรียกว่าเหล่ากงเจ้าค่ะ" “...ทำไมเจ้าถึงรู้เยอะนัก?” “...ตอนเด็ก ๆ มีหมอดูผ่านบ้านข้า บอกว่าข้ามีดวงชะตานางหงส์ ท่านพ่อจึงอบรมให้ข้าเป็นกุลสตรี สอนมารยาทและธรรมเนียมในวังให้ด้วย” “ดวงชะตานางหงส์?” “ท่านพี่อย่าโกรธไปเลย หมอดูคนนั้นเป็นนักต้มตุ๋น ข้าจะไปมีดวงชะตานางหงส์ได้อย่างไร! หลังจากแต่งงานกับท่านแล้ว ตราบใดที่สามียังต้องการข้า ข้าก็จะรับใช้ท่านตลอดไป” ...ในวันรุ่งขึ้น หวังหานซานขับเกวียนล่อขนปลาลงในถังไม้ขนาดใหญ่พวกเขาทั้งห้าก็เตรียมตัวออกเดินทาง หลี่ซื่อหานหยิบถุงผ้าสีแดงยัดใส่มื

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 8

    “เคารพเจ้าถิ่น?” เห็นท่าทางของคนกลุ่มนี้ หวังหยวนก็นึกขึ้นมาได้ "พวกเจ้ามาที่นี่เอาค่าคุ้มครองใช่ไหม?" ต้าหู่ เอ้อหู่กำหมัดแน่น และมายืนหลังหวังหยวน หวังหานซานขมวดคิ้วแน่น หวังซื่อไห่พูดเสียงทุ้มต่ำ “หวังหยวน ยุ่ง ๆ เลยไม่ได้บอกเจ้า นี่เป็นลูกพี่ใหญ่ค้าปลาของตลาดตะวันตก ‘น่าวซานเจียง’ มีลูกน้องตั้งสิบยี่สิบคน ไม่ว่าใครมาขายปลาต้องจ่ายส่วยให้เขาสองส่วนด้วยย” “สองส่วน?” หวังหยวนโกรธมาก “พวกเจ้าเก็บแพงกว่าทางการตั้งมากโข?” ลำบากลำบนทำงานอย่างหนักอยู่สองวันเพื่อจับปลา ตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเพื่อเข้าเมือง ทางการเก็บภาษีค้าขายแค่หนึ่งในสิบ แต่พวกอันธพาลเหล่านี้กล้าที่จะเก็บตั้งสองในสิบได้ เอ้อหู่จ้องเขม็งแม้แต่ต้าหู่ที่ใจเย็นและนิ่งอยู่เสมอยังกำมือแน่น จนเส้นเลือดปูดโปนไปหมด แท้จริงแล้วพวกอันธพาลเหล่านี้มีเอาเปรียบขูดเลือดขูดเนื้อได้โหดเหี้ยมมากกว่าทางการเสียอีก หวังหานซานจ้องไปที่ลูกชายทั้งสองแล้วส่ายหน้า “อยากขายปลาที่ตลาดนี้ก็ต้องจ่ายมาสองในสิบ นี่เป็นกฎของตระกูลซาที่นี่ ไม่งั้นก็ทิ้งปลาไว้ แล้วไสหัวไปซะ” น่าวซานเจียงยกมือขึ้นข่ม ทั้งแปดขึ้นที่ก้าวเข้ามา มีทั้งก

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 9

    มีชายวัยกลางคนเดินมาจากไกล ๆ เขาสวมหมวกทรงสูงขอบแดงสีดำ เสื้อสีน้ำเงินปักขอบสีแดง มีคำว่า "จับ" ที่ตรงกลางหน้าอก พร้อมด้วยรองเท้าบูทผ้าสีดำ และเหน็บดาบยาวที่เอว เขาไม่สูงไม่เตี้ย มีแววตาที่ดูเฉลียวฉลาดอยู่บ้าง โดยรวมแล้วก็ดูธรรมดาทั่วไป อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาปรากฏตัว ทั้งตลาดก็เงียบลง ความโกรธในดวงตาของพ่อค้าหายไปอย่างไร้ร่องรอย และรอยยิ้มที่ประจบสอพลอปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา นี่คือเจ้าหน้าที่สายตรวจในตลาดตะวันตก ใต้เท้าในสายตาทุกคน ชื่อจริงชื่อซิงซาน เจ้าหน้าที่สายตรวจคนหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ได้ใหญ่โตในเมืองนัก แต่ก็ไม่ใช่ใครไปลบหลู่ได้ นอกจากนายอำเภอ เจ้าหน้าที่ปกครอง ที่ว่าการอำเภอยังมีอีกแปดขั้น ส่วนที่เหลือเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย สายตรวจ เจ้าหน้าที่ในสำนักงาน... ล้วนเรียกรวมกันว่า "เจ้าหน้าที่" แม้ว่า 'เจ้าหน้าที่' เหล่านี้จะไม่มียศ แต่พวกเขาได้มีบันทึกชื่อในกรมข้าราชการพลเรือน มีอาชีพที่มั่นคง เมื่อพ่อตายก็สืบต่อให้ลูกได้ เจ้าหน้าที่แต่ละคนมีผู้ช่วยหลายสิบคน เพื่อช่วยงานราชการให้งานสำเร็จเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ไม่รับค่าตอบแทน แต่เมื่อพวกเขาอยากพึ่งพาก็ต้องเอาสิน

Latest chapter

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 2170

    หวังหยวนนิ่งเงียบไปครู่ใหญ่เขารักผู้ใต้บัญชาทุกคน รวมถึงคนขององค์กรเครือข่ายผีเสื้อ แต่น่าเสียดาย...พวกเขาต้องตายเพราะเขา!“ทั้งหมดเป็นความผิดของข้า!”“ไม่นึกเลยว่าเสี่ยวเต๋อจื่อจะทรยศข้า...”ไป๋อวิ๋นเฟยเดินเข้ามา อยากจะตบหน้าตัวเอง เพราะปัญหาเกิดจากเสี่ยวเต๋อจื่อ!“เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของเสี่ยวเต๋อจื่อ”“ข้าสืบมาแล้ว เสี่ยวเต๋อจื่อถูกจับไปหนึ่งวัน คงถูกทรมานหนักมากจึงยอมบอกเรื่องร้านอาหารชิงเหอ...”เกาเล่ออธิบายไป๋อวิ๋นเฟยจึงเข้าใจ หากเสี่ยวเต๋อจื่อคิดทรยศจะส่งจดหมายให้เขาตั้งแต่แรกได้อย่างไร?อีกอย่างคือเรื่องนี้เพิ่งจะมาเกิดขึ้นช่างไม่สมเหตุสมผล“ดูเหมือนว่าข้าจะเข้าใจเสี่ยวเต๋อจื่อผิด...”“แต่ข้าก็ทำให้เขาเดือดร้อน ไม่เช่นนั้นเสี่ยวเต๋อจื่อคงไม่เป็นเช่นนี้”“เขาคงตายไปแล้ว”ไป๋อวิ๋นเฟยถอนหายใจทุกอย่างเกิดจากเขา ผู้ใต้บัญชาของหวังหยวนถูกซือฟางจับ เสี่ยวเต๋อจื่อก็ตาย ล้วนเกี่ยวข้องกับเขาทั้งสิ้นหากต้าเย่ไม่วุ่นวาย เรื่องนี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร?ตอนนี้ยากที่จะแก้ไข“ยังไม่รู้ว่าเสี่ยวเต๋อจื่อเป็นตายร้ายดีอย่างไร แต่ข้าได้ข่าวว่าเขายังอยู่ในคุก...”เกาเล่อกล

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 2169

    “ใต้เท้า! ต้องมีเรื่องเข้าใจผิด! ท่านต้องตรวจสอบให้ดี!”เสี่ยวเต๋อจื่อร้องไห้ พยายามใช้แรงเฮือกสุดท้ายแก้ต่างให้ตัวเอง!เขารู้ดีว่าหากยอมรับ ชีวิตเขาคงไม่รอด จึงต้องถ่วงเวลารอให้ไป๋อวิ๋นเฟยมาช่วย!เขามีบุญคุณกับไป๋อวิ๋นเฟย ตอนนี้ไป๋อวิ๋นเฟยออกจากวังไปแล้ว และร่วมมือกับหวังหยวนจึงเหมือนปลาได้น้ำ!ตอนนี้มีแต่ไป๋อวิ๋นเฟยเท่านั้นที่ช่วยเขาได้!ในใจเขามีเพียงความคิดเดียว คือกัดฟัน ไม่ยอมปริปากพูด!ซือฟางหัวเราะเยาะ รับแส้จากทหาร แล้วฟาดลงบนตัวเสี่ยวเต๋อจื่อ!เสียงร้องโหยหวนของเสี่ยวเต๋อจื่อดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ช่างน่าเวทนายิ่งนัก!แต่คนรอบข้างกลับมีรอยยิ้มเย็นชา มองดูด้วยความสนุกสนาน ไม่มีใครสงสารเสี่ยวเต๋อจื่อเลยแม้แต่น้อยกล้าขัดขืนซือฟางย่อมมีจุดจบเช่นนี้!เสี่ยวเต๋อจื่อถูกใช้เป็นตัวอย่าง!“ท่านขุนพลใหญ่! ข้าเป็นแค่คนไร้ค่า ต่อให้ท่านฆ่าข้า ข้าก็ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้!”“ในเมื่อท่านเชื่อว่าข้าเกี่ยวข้องก็ฆ่าข้าให้ตายเสียเถิด!”ร่างกายเสี่ยวเต๋อจื่อทนการถูกโบยไม่ไหวแล้ว!ตอนนี้ขอแค่ตายอย่างรวดเร็วเพื่อหลุดพ้น...“หึ”ซือฟางหัวเราะเยาะ เดินไปหาเสี่ยวเต๋อจื่อ แล้วกระชากผ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 2168

    ไป๋ลั่วหลีถอนหายใจยาวนางต้องการช่วยเหลือไป๋อวิ๋นเฟยออกจากทะเลแห่งความทุกข์ยาก จะมีเวลาดูแลคนอื่นได้อย่างไร?“แล้วจะทำอย่างไรดี!”ไป๋อวิ๋นเฟยร้อนใจเหมือนมดบนกระทะร้อน“เจ้าไม่ต้องกังวล ตอนนั้นเสี่ยวเต๋อจื่อออกจากวังได้อย่างไร?”หวังหยวนถามไป๋อวิ๋นเฟยไม่กล้าปิดบัง รีบเล่าเรื่องทั้งหมดให้หวังหยวนฟัง“เช่นนั้นเอง...”“หากเป็นเช่นนี้ ข้าจะแจ้งคนของร้านอาหารชิงเหอ เมื่อเสี่ยวเต๋อจื่อมา ข้าจะให้คนพาเขาออกจากเมืองเพื่อความปลอดภัยของเขา”หวังหยวนโบกมือเรียกเกาเล่อ แล้วสั่งการทันทีร้านอาหารชิงเหอคือฐานที่มั่นสุดท้ายในเมืองหลวง และเป็นสถานที่รวบรวมข่าวสารคนที่นี่ล้วนเชื่อถือได้ หวังหยวนจึงบอกทุกอย่างโดยไม่ปิดบัง“ได้!”เกาเล่อรับคำ แล้วเดินออกไป“ขอบพระคุณท่านหวัง!”“ครั้งนี้ท่านช่วยข้าไว้มาก!”“ความหวังดีของเสี่ยวเต๋อจื่อ ข้าจะจดจำไว้ตลอดไป วันหน้าจะตอบแทนเขาอย่างดี!”“แต่พวกท่านก็มีน้ำใจกับข้า ข้าจะไม่ลืมบุญคุณนี้!”ไป๋อวิ๋นเฟยกล่าวขอบคุณอีกครั้งหวังหยวนยกยิ้มพลางโบกมือ แล้วกล่าวว่า “เอาล่ะ เราไม่ต้องสุภาพกันมากเกินไปแล้ว”“พวกเราจะไปเมืองเหอเน่ย เฉินซานเตา ขุนพลแห่งเหอ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 2167

    สีหน้าท่าทางของเกาเล่อ หลิ่วหรูเยียนและไฉจวิ้นไม่ได้เปลี่ยนแปลงมากนักแต่ที่พวกเขายังอยู่ที่นี่ก็เพราะหวังหยวนไม่เช่นนั้นพวกเขาจะสนใจรางวัลพวกนี้หรือ?หวังหยวนเข้าไปพยุงไป๋อวิ๋นเฟย ก่อนจะกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “วางใจเถิด ในเมื่อข้ารับปากจะช่วยท่านแล้ว ข้าจะไม่ล้มเลิกกลางคัน อีกอย่าง ข้าสนิทกับเสด็จแม่ของท่าน ข้าจะปล่อยให้แผ่นดินของราชวงศ์ไป๋ตกอยู่ในมือคนอื่นได้อย่างไร...”“พวกเราไม่ต้องกังวล แต่ตอนนี้ท่านต้องคิดให้ดี...”“สถานการณ์ขอท่านเริ่มอันตรายมากขึ้นเรื่อย ๆ”หืม?ไป๋อวิ๋นเฟยเลิกคิ้วมองหวังหยวนด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าจะสื่ออะไร“ตอนที่ท่านอยู่ในวังหลวง แม้จะถูกกักบริเวณ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าฆ่าท่าน เพราะเกรงว่าจะเสียชื่อเสียง”“แต่ตอนนี้ท่านออกมาพร้อมข้า จึงเป็นโอกาสของพวกเขา”“หากพวกเขาฆ่าท่าน แล้วโยนความผิดให้ข้า นอกจากจะกำจัดท่านได้แล้ว ยังทำให้คนในต้าเย่เกลียดข้าด้วย ถือว่าได้ประโยชน์สองต่อ!”หวังหยวนรู้ทันซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีสองคนนั้นเจ้าเล่ห์ คงไม่ปล่อยไป๋อวิ๋นเฟยไปง่าย ๆไม่เช่นนั้น ต่อไปไป๋อวิ๋นเฟยจะเป็นภัยต่อพวกเขา!“ท่านหวังยังไม่กลัว ข้าจะกลัวได้อย่างไร?”

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 2166

    ในเมื่อสวรรค์มอบเส้นทางใหม่ให้ เขาย่อมต้องใช้ชีวิตให้คุ้มค่าเพื่อตอบแทนบุญคุณของสวรรค์!“เช่นนั้นเอง...”“พี่ใหญ่ก็เป็นแค่คนธรรมดาเช่นกัน”ไฉจวิ้นหัวเราะ แล้วรีบเดินตามหวังหยวนไป ทุกคนมุ่งหน้าออกจากเมืองหลวงในวัดร้างแห่งหนึ่ง ห่างจากเมืองหลวงไปห้าสิบลี้หลังจากหวังหยวนและพรรคพวกหนีออกมาได้ เขาก็ส่งจดหมายถึงเกาเล่อให้นัดพบกันที่นี่เมืองหลวงของต้าเย่กลายเป็นสถานที่อันตราย ตอนนี้การรีบออกจากที่นี่คือทางออกที่ดีที่สุดภายในวัดร้าง ทุกคนต่างมารวมตัวกันสมาชิกขององค์กรเครือข่ายผีเสื้อกระจายกำลังกันไป บางส่วนอยู่ในเมืองหลวง บางส่วนอยู่รอบกายหวังหยวน แต่ซ่อนตัวอยู่ คอยสอดส่องสถานการณ์!เพื่อป้องกันการโจมตีกะทันหันของซือฟางตอนนี้พวกหวังหยวนไม่มีอะไรที่จะคุกคามซือฟางได้ อีกอย่างคือพวกเขายังพาไป๋อวิ๋นเฟยมาด้วย นั่นเป็นเหมือนระเบิดเวลาการดำรงอยู่ของไป๋อวิ๋นเฟยทำให้ซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีรู้สึกหวาดระแวงดังนั้นช่วงนี้คงจะไม่สงบสุขเสียแล้ว...“ท่านผู้นำ ต่อไปพวกเราจะทำอย่างไรดีขอรับ?”“จะกลับไปเมืองหลิงหรือจะอยู่ที่นี่เพื่อต่อกรกับซือฟางต่อ?”เกาเล่อเอ่ยถามไป๋อวิ๋นเฟยและไป๋ลั่วห

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 2165

    ทุกคนกำลังรอคอยจังหวะที่จะหลบหนี!หวังหยวนรอให้ซือฟางยอมหลีกทาง ส่วนซือฟางก็กำลังคิดว่าจะปล่อยหวังหยวนไปหรือไม่!“ถึงแม้จะเป็นเช่นนั้น แต่พวกเราก็คุกคามชีวิตหวังหยวน”“หมาจนตรอกยังกัด หวังหยวนจะยอมง่าย ๆ เชียวหรือ?”เจี๋ยงโฉ่วอีเดินไปข้างซือฟาง แล้วกระซิบว่า “ข้าเคยได้ยินว่าหวังหยวนเป็นคนรอบคอบ หากไม่มั่นใจ มันคงไม่กล้าเสี่ยง”“ตอนที่สู้กับพวกต้าเป่ยก็เห็นได้ชัดว่าหวังหยวนเป็นคนเช่นนี้จริง”“ด้วยเหตุนี้ ขุนพลใหญ่หานเทาของต้าเป่ยจึงหวาดกลัวหวังหยวน”“ดังนั้น ข้าคิดว่าพวกเราควรหลีกทางให้มันก่อนดีหรือไม่?”“ปล่อยหวังหยวนไปก็เท่ากับปล่อยพวกเราเองด้วย!”“พวกเรามีอำนาจทางการทหารของต้าเย่อยู่ในการควบคุม อนาคตสดใสรออยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเสี่ยงเพราะหวังหยวนแค่คนเดียว!”เจี๋ยงโฉ่วอีพยายามเกลี้ยกล่อมซือฟางแม้หวังหยวนจะเป็นคนรอบคอบ แล้วเจี๋ยงโฉ่วอีจะไม่รอบคอบได้อย่างไร?อีกอย่าง เจี๋ยงโฉ่วอีเข้าใจหลักการที่ว่าตราบใดที่ขุนเขาเขียวขจียังอยู่ อย่าได้กลัวไม่มีฟืนตราบใดที่ยังมีชีวิต ต่อให้พ่ายแพ้ก็ยังมีโอกาสแก้ตัว!เมื่อเจี๋ยงโฉ่วอีพูดเช่นนี้ ซือฟางจึงยอมปล่อยมือจากดาบ เดินไปด้านข้างด้ว

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 2164

    หากเป็นเช่นนั้น ต่อให้เขาขึ้นแทนที่ไป๋หมิงได้ย่อมจะถูกประชาชนติฉินนินทา!ช่างเป็นเรื่องยุ่งยาก!“หวังหยวน! เจ้าแค่บอกว่าอยากพบองค์ชาย ตอนนี้เจ้าได้พบแล้ว ข้าจะปล่อยให้เจ้าพาองค์ชายไปได้อย่างไร?”“องค์ชายเป็นถึงองค์ชายของต้าเย่! ตอนนี้บ้านเมืองกำลังวุ่นวาย ข้าจะปล่อยให้เจ้าพาองค์ชายไปไม่ได้! ต่อให้ต้องสละชีวิต ข้าก็จะขัดขวาง!”ซือฟางก้าวออกมา มือแตะที่ดาบข้างเอว เห็นได้ชัดว่าพร้อมจะลงมือได้ทุกเมื่อ!แม้หวังหยวนจะมีสัญญาณระเบิด แต่หากลงมือฆ่าหวังหยวนก่อนที่เขาจะจุดสัญญาณ แล้วให้คนไปค้นทั่วเมืองก็จะสามารถแก้ไขสถานการณ์ได้!แม้จะอันตราย แต่เพื่อความมั่งคั่งย่อมต้องยอมเสี่ยง!“ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา!”หวังหยวนส่ายหน้าก่อนยิ้มเยาะ ล้วงมือเข้าไปในอกหยิบสัญญาณระเบิดอีกอันออกมาแกว่งไปมาต่อหน้าซือฟางเขามองสายตาของซือฟางก็เดาความคิดได้แล้ว จึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หากข้าเดาไม่ผิด ตอนนี้เจ้าคงอยากแย่งสัญญาณระเบิดจากข้าใช่หรือไม่?”“ข้ายกสัญญาณทั้งหมดให้เจ้าก็ได้!”“หากภายในครึ่งชั่วยาม ข้าไม่ได้พบกับคนของข้า พวกเขาก็จะจุดระเบิดทั้งหมดอยู่ดี!”“สุดท้ายผลลัพธ์ไม่

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 2163

    ณ ที่แห่งหนึ่งในเมืองหลวงเกาเล่อและไป๋ลั่วหลียืนอยู่ด้วยกัน สายตาจับจ้องไปยังวังหลวงเมื่อครู่หลังจากได้รับสัญญาณ พวกเขาก็จุดระเบิดที่อยู่ใกล้เคียง แต่ไม่ได้สร้างความเสียหายมากนักหากไม่จำเป็น เกาเล่อจะไม่จุดระเบิดทั้งหมด เพราะจะทำให้มีผู้บาดเจ็บล้มตายจำนวนมากหวังหยวนแค่ลองเสี่ยง หากต้องสู้ตายค่อยจุดระเบิดทั้งหมดก็ไม่สาย!“ท่านเกา ท่านว่าซือฟางจะยอมปล่อยตัวองค์ชายหรือไม่?”ไป๋ลั่วหลีร้อนใจเหมือนมดบนกระทะร้อน เดินไปเดินมาไม่หยุด นางแทบจะอดทนไม่ไหวหากหวังหยวนไม่กลัวว่านางจะควบคุมอารมณ์ไม่อยู่คงพานางไปด้วยแล้วแต่ตอนนี้ทุกอย่างต้องขึ้นอยู่กับหวังหยวน นางไม่อาจทำตามใจตัวเอง ไม่เช่นนั้นจะทำลายแผนการของหวังหยวน“ตอนนี้ข้าก็ยังไม่รู้”“แต่ซือฟางและเจี๋ยงโฉ่วอีต่างก็รักษาหน้าตา ต่อให้พวกเขาคิดว่าท่านผู้นำโกหก ทหารพวกนั้นก็คงไม่กล้าทำอะไรท่านผู้นำ”“รอดูกันเถิด สถานการณ์ที่อันตรายกว่านี้ ข้ากับท่านผู้นำก็เคยผ่านมาแล้ว”เกาเล่ออดเป็นห่วงหวังหยวนไม่ได้ แต่ไม่อาจแสดงท่าทีใด ๆ เพราะต้องทำตัวให้เป็นคนเข้มแข็งเขาและหวังหยวนคือที่พึ่งของทุกคน ในเวลาแบบนี้ต้องห้ามหวั่นไหว จึงจะควบคุมสถ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 2162

    “รีบทำตามที่สามีข้าบอก!”“รีบพาองค์ชายใหญ่ออกมาพบพวกข้า ไม่เช่นนั้นอย่าหาว่าสามีข้าใจร้ายเพราะจุดพลุสัญญาณอีกครั้ง ข้าเตือนแล้วนะ ทั้งอาณาจักรจะหายไปในพริบตา!”“ไม่เพียงแต่พวกเจ้าจะตาย แม้แต่วังที่หรูหราแห่งนี้ก็จะพังทลายลงด้วย! นี่คืออานุภาพของดินปืน!”หลิ่วหรูเยียนตวาดหวังหยวนเคยใช้ปืนใหญ่ในสนามรบ อีกอย่างคือเขามีปืนคาบศิลา ทุกคนต่างก็รู้ถึงอานุภาพของดินปืน ใครบ้างจะกล้าต่อกรกับหวังหยวน?เหล่าทหารหยุดชะงัก ไม่มีใครกล้าก้าวเข้าไปพวกเขาล้วนกล้าหาญ แต่ก็มีครอบครัว พ่อแม่ ลูกเมีย บางคนก็อยู่ในเมืองหลวง!หากหวังหยวนพูดจริง แล้วพวกเขาลงมือ ครอบครัวของพวกเขาย่อมจะเดือดร้อน เมื่อถึงตอนนั้นคงสายเกินแก้!เมื่อเห็นทหารลังเล ซือฟางถึงกับโกรธจนกัดฟันกรอด เขาชี้ไปที่พวกทหารแล้วกล่าวว่า “พวกเจ้าเชื่อคำพูดของเขาหรือ?”“พวกเจ้าช่างโง่เขลา!”“พวกเจ้าไม่คิดบ้างหรือหากหวังหยวนจะระเบิดวังหลวงจริง เขาต้องใช้คนเตรียมการเยอะแค่ไหน?”“อย่าว่าแต่ไม่มีกำลังพลมากพอเลย ต่อให้มีก็ต้องใช้เวลาเตรียมการเป็นครึ่งเดือนจึงจะเสร็จสมบูรณ์!”“ข้าไม่รู้ว่าหวังหยวนกลับมาเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ที่แน่ ๆ คื

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status