แชร์

บทที่ 5

ผู้แต่ง: ชวินเป่ยอี๋
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
หวังซื่อไห่เอามือจับชายแขนเสื้อตัวเองยืนน้ำลายไหลอยู่หน้าประตูบ้านหวังหยวน

หวังหยวนถามว่า "เจ้าทำอะไรน่ะ?"

ต้าหู่และเอ้อหู่ก้าวออกมาล้อมขนาบหวังซื่อไห่ทั้งซ้ายและขวา

มายืนน้ำลายไหลบ้านพี่หยวนแต่เช้า เจ้าอันธพาลนี่ต้องคิดเรื่องไม่ดีอยู่แน่ ๆ

หวังซื่อไห่ตกใจจนสะดุ้ง แล้วจึงรีบถอยออกไปจากประตู “ข้า ข้าอยากกินปลา!"

ช่างหน้าด้านได้อย่างตรงไปตรงมา หวังหยวนส่ายหน้า “เจ้ามาช้าไป ปลาถูกกินหมดแล้ว!”

“เช้ากินหมดแล้ว ยังมีตอนเย็นอีก แค่อยากกินปลาเอง ให้ข้าไปขุดรากหญ้ากับเจ้าก็ได้นะ ไม่มีปัญหา”

เมื่อวานที่เดินเตร็ดเตร่อยู่นั้น พบว่าที่บ้านหวังหยวนนั้นกินปลา และบ้านหวังหานซานก็ได้กินปลาเช่นกัน

เดินมาแต่เช้าก็พบว่าบ้านหวังหยวนก็กินปลา และพ่อลูกหวังหานซานด้วย

เมื่อนึกถึงที่หวังหยวนพูดถึงประโยชน์ เขาเข้าใจแล้วว่าเขาพลาดอะไรไป

ปลาสองมื้อ!

หวังหยวนกระพริบตา "งั้นไปเอาไข่สองฟองก่อน"

ในชนบทแม้ว่าจะมีผู้เลี้ยงไก่อยู่ไม่กี่ราย แต่ไข่ทั้งหมดจะถูกเก็บไว้และขายเป็นเงิน

กว่าจะได้ไข่สองฟองไม่ใช่เรื่องง่ายเลยจริง ๆ

"...ตกลง!"

หวังซื่อไห่กัดฟันและหันกลับมา

หวังหานซานเตือนว่า "หวังหยวน เจ้าคิดจะใช้ไข่เพื่อให้ซื่อไห่ล่าถอย แต่เขาคนนี้หน้าหนา และหากเขาได้ไข่มาแล้วจริง ๆ ถ้าหากไปพูดมากกับคนอื่นมากเกินไป เคล็ดลับการตกปลาจะถูกเปิดเผยได้โดยง่ายเอานะ”

หวังหยวนยิ้มและพูดว่า "ลุงหานซาน ตกปลาต้องการไข่ ถ้าเขาสามารถทำมันได้จริง ให้เขาเข้าร่วมด้วยเถอะ คนยิ่งเยอะก็ยิ่งมีประสิทธิภาพ!"

เคล็ดลับการตกปลาเป็นแค่การพลิกผันเท่านั้น เขาไม่หวังว่ามันสามารถตั้งหลักตั้งตัวได้อยู่แล้ว

ทั้งสี่คนออกเดินทาง

ไม่นานมากนั้น

บ้านหวังซานไห่ก็ตะโกนเสียงดังเหมือนราชสีห์เหอตงคำรามออกมาว่า “หวังซื่อไห่ เจ้าอันธพาลกินฟรี แม่ให้เจ้ากินดื่ม เจ้ากลับกล้าขโมยไข่ไก่ของแม่ คนอย่างเจ้าอย่าได้กลับมาบ้านนี้อีก ไม่งั้นแม่จะตีขาสุนัขของเจ้าซะ”

"เฮ้ ๆ ข้าได้ไข่มาแล้ว ข้าเข้าร่วมกลุ่มตกปลาของหวังหยวน และจะกินปลาคืนนี้"

หวังซื่อไห่ถือไข่ทั้งสองมือ และรีบวิ่งออกไปเจอหวังหยวนที่นอกหมู่บ้านต้าหวัง

ไข่ไก่ทั้งสองฟองเป็นหลักประกันว่าหวังซื่อไห่ได้เข้าร่วมกลุ่มตกปลาอย่างเป็นทางการ

เริ่มจากขุดรากหญ้า ในกลุ่มมีหวังหานซานและเอ้อหู่ ส่วนต้าหู่และหวังซื่อไห่นั้นอยู่อีกกลุ่มหนึ่ง

ส่วนหวังหยวนมีหน้าที่ล้างรากหญ้า และบดมันด้วยครกหิน

เมื่อเห็นว่าเขาทำงานช้าเกินไป งานเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้จึงถูกต้าหู่และเอ้อหู่คว้าไปทำแทน

ระหว่างทางชาวบ้านบางคนมองดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่หลังจากดูได้สักพักหนึ่ง พวกเขาก็รู้สึกเบื่อและจากไป

สำหรับมื้อกลางวัน เขากินเซาปิ่งที่ทำในตอนเช้า ทำให้หวังซื่อไห่ผิดหวังนิดหน่อย เขายังไม่ได้กินปลาเลย

หลังจากทำงานจนถึงบ่าย ทั้งห้าคนก็มาถึงริมแม่น้ำจิงพร้อมกับน้ำยารากหญ้าสิบถัง

หาบริเวณแถวน้ำลึกที่มีปลาอาศัยอยู่

หวังหยวนตอกไข่ใส่แป้งถั่วที่ใช้ทำบะหมี่ แล้วป่น ๆ มันให้เป็นผง แล้วโรยลงไปในแม่น้ำ

หวังหานซานและทั้งสี่ที่เห็นรู้สึกเศร้าใจ ไข่ผสมกับแป้ง ผู้คนยังลังเลที่จะกินเลย แต่นี่กลับโยนมันลงแม่น้ำได้โดยไม่กระพริบตา

เมื่อมีไข่เป็นเหยื่อ มีปลาว่ายอยู่ที่ก้นแม่น้ำ ก็แห่ว่ายขึ้นมา และมีปลามากขึ้นเรื่อย ๆ!

ต้าหู่และเอ้อหู่ฟังคำสั่งของหวังหยวน และเทน้ำยารากหญ้านั้นทั้งหมดลงไปในแม่น้ำ

หลังจากนั้นไม่นาน เมื่อน้ำรากหญ้ากระจายตัว ปลาก็ลอยหงายท้องขึ้นมา

ทั้งสี่คนประหลาดใจมาก จนแทบหยุดหายใจ

นี่คือเคล็ดลับการตกปลาของหวังหยวน ที่สามารถเรียนรู้และนำไปใช้ได้โดยง่าย

"รีบจับปลาเร็วเข้า หลังจากหมดฤทธิ์ยาสลบ ปลาจะว่ายอีกครั้ง!"

หวังหยวนพูดเร่งเร้าทุกคน

รากราชาวดี มีพิษมากเพียงพอที่จะทำให้ปลาสลบได้

ยังไม่มีใครในต้าเย่ค้นพบประโยชน์ของมัน

ชาวบ้านขุดเจอต้นราชาวดีตามปกตินั้น ต่างโยนมันลงไปในน้ำเช่นเดียวกัน

แต่หากไม่บดมันให้ละเอียด พิษจะทำงานได้ไม่เต็มที่ และทำให้ฤทธิ์ของมันไม่ถึงตัวปลาได้

ทุกคนรีบจับปลา

ปลาตัวใหญ่เต็มสิบถังไม้ และปลาตัวเล็กที่ห้อยแขวนมัดกับเถาวัลย์เต็มทั้งสี่ไม้หาบ

หวังหยวนเริ่มแบ่งปลา "ลุงหานซาน ต้าหู่ เอ้อหู่ ซื่อไห่ ข้าจะขายปลาตัวใหญ่เพื่อใช้หนี้ แล้วแบ่งปลาตัวเล็กให้พวกเจ้า?"

หวังซื่อไห่รีบพยักหน้า

ปลาตัวเล็กหนักห้าสิบกิโล เขาได้แบ่งมันมาสักสิบหรือสิบห้ากิโล ก็ถือว่ากำไรมากแล้ว

หวังหานซานส่ายหน้า "ไม่เป็นไร แม้ว่าปลาตัวเล็กจะไม่ได้ราคาอะไรมากมาย แต่ถ้าขายเยอะ ๆ ก็คงขายได้สักสองสามกว้าน เจ้าเป็นหนี้สี่สิบกว้าน ถ้าเจ้าขายแค่ปลาตัวใหญ่พวกนี้ คงไม่พอหรอกนะ!"

เอ้อหู่ใจแข็งโบกมือปฏิเสธ “พี่หยวน ปลาตัวเล็กท่านเอาไปขายเถอะ เอาปลาตัวใหญ่สองตัวเมื่อวานที่ท่านให้ไปขายด้วย ด้วยวิธีตกปลาของท่าน วันหลังเราก็ไม่ขาดปลากินแล้ว!”

ต้าหู่พยักหน้าเห็นด้วยและมองไปที่หวังซื่อไห่

หวังซื่อไห่หัวเราะแห้ง “ได้สิ แต่ข้าต้องเอาปลาตัวเล็กสองตัวกลับไป ข้าขโมยไข่สองฟองมาจากพี่สะใภ้ในตอนเช้า และถ้าข้าไม่เอาอะไรไปให้นางคืนนี้ นางจะไม่ยอมให้ข้านอนในคอกวัว”

ฮ่าฮ่าฮ่า!

เอ้อหู่หัวเราะเสียงดัง ส่วนหวังต้าซานและต้าหู่นั้นกลั้นขำอยู่

เป็นอันธพาลมันไม่ง่ายเลย ซื่อไห่อาศัยอยู่ที่บ้านของซานไห่ เขาถูกพี่สะใภ้ดุด่าว่าขอทานกินไปเป็นประจำ และตอนกลางคืนได้แต่นอนในคอกวัว เขาดูเจ๋ง แต่ที่จริงช่างยากลำบาก และเป็นทุกข์อย่างยิ่ง

“ไม่มีปัญหา ปลาที่เหลือจะขายทั้งหมดด้วยกันในวันพรุ่งนี้ จากนั้นก็จะแบ่งเงินให้พวกเจ้าด้วย!”

หวังหยวนยิ้มและเปลี่ยนหัวข้อ “แต่พรุ่งนี้ขายปลาต้องลำบากพวกเจ้าทุกคนแล้ว”

หมู่บ้านต้าหวังอยู่ห่างจากอำเภอสี่สิบลี้ ถนนขรุขระและไม่เรียบ ถ้าต้องขนปลาหลายร้อยตัวด้วยตัวเอง สิบวันเขาก็คงขนไปไม่ถึง

หวังหานชานขมวดคิ้ว "คนกันเอง พูดอะไรเกรงใจไปได้ คืนนี้ข้าจะกลับไปยืมเกวียนล่อมา และพวกเราจะไปที่อำเภอก่อนรุ่งสาง พยายามขายให้ได้ราคาดี ๆ"

หวังหยวนยังกล่าวอีกว่า "วิธีการจับปลานี้จะไม่เผยแพร่สู่ภายนอกในตอนนี้ ข้าได้วางแผนไว้แล้ว"

หวังหานซานพยักหน้า "เข้าใจแล้ว รากหญ้านั้นและแม่น้ำมีปลาอยู่มากมาย ถ้ามีคนรู้วิธีนี้ การตกปลาของพวกเราตกจะน้อยลง และยากขึ้นด้วย!"

หวังซื่อไห่พูดเตือนว่า "ลุงหานซาน ข้าจะไม่บอกพี่ชายข้า และท่านก็ไม่ต้องบอกป้าหงเหมือนกัน หากพี่ชายบอกพี่สะใภ้ ป้าหงบอกบ้านแม่ของนาง ในไม่ช้าเคล็ดลับนี้ก็จะแพร่กระจายไปทั่วตำบลเป่ยผิง ตอนนั้นถึงพวกเราจับปลาได้ ก็จะขายไม่ได้ราคา จงเก็บความลับของการตกปลาไว้สักสองสามปี พวกเราก็สามารถซื้อที่ดิน และเป็นเจ้าของที่ดินได้”

ดวงตาของต้าหู่และเอ้อหู่เป็นประกาย

เป็นเจ้าของที่ดิน ให้คนอื่นทำงาน เก็บอาหารด้วยตัวเองและไม่เคยอดอยาก

หวังหานซาน พยักหน้า "พวกเราห้าคนทำได้ วิธีการลับในการตกปลานี้หวังหยวนเป็นคนคิดขึ้นมา หวังหยวนเป็นหัวเรี่ยวหัวแรง ส่วนเราเป็นลูกมือ"

หวังซื่อไห่พยักหน้าเห็นด้วย

แม้ว่าหวังหยวนจะทำงานได้นิดหน่อย แต่ถ้าไม่มีเคล็ดการตกปลาของเขา แม้ว่าพวกเขาทั้งสี่จะมีพละกำลังมากเพียงใด มันก็ไร้ประโยชน์

หวังหานซานพูดอีกว่า "พรุ่งนี้ขายปลาใช้หนี้แล้ว หวังหยวนเจ้าควรเรียนต่อ! คนเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงตกปลาครั้งนี้คือเจ้า ต้องเรียนสอบเป็นขุนนางเท่านั้นถึงจะเป็นเกียรติให้บรรพบุรุษของเจ้าได้"

ต้าหู่ เอ้อหู่ และหวังซื่อไห่มองไปที่หวังหยวนด้วยความยำเกรง

ในหมู่บ้านใกล้เคียงหลายแห่ง หวังหยวนเป็นถงเซินคนเดียวที่สามารถสอบเข้าเป็นขุนนางได้!

เคล็ดลับการตกปลานี้ดูเหมือนจะไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้า แต่จริง ๆ แล้วมันคือการวางแผนหาอาหารจากพื้นดิน

หวังหยวนยิ้มโดยไม่พูดอะไรสักคำ

ทั้งห้าคนแบกปลากลับไปที่หมู่บ้าน

หวังหยวนเดินไปได้สองก้าวก็หยุดเดิน เพราะปวดไหล่จนทนไม่ไหว

เอ้อหู่จึงยื่นมือไปหยินเครื่องมือทั้งหมดขึ้นมาคนเดียว แล้วแบกปลาสี่ถังและเดินเร็วราวกับบินได้

คนทั้งห้ากลับไปถึงหมู่บ้านต้าหวัง และถังปลาสิบถังได้ดึงดูดความสนใจให้ชาวบ้านจำนวนมากล้อมรอบพวกเขา

“ปลาเยอะแยะอะไรขนาดนี้?”

“ขายได้เงินเยอะแน่!”

"บ้านบรรพบุรุษของหวังหยวน ภรรยา และทุ่งนารอดแล้ว!"

“ไม่แน่สักหน่อย สี่สิบกว้านเลยนะ ปลาพวกนี้ไม่พอขายแน่!”

"พวกเจ้าจับมายังไง?”

ชาวบ้านมีทั้งอิจฉา พูดถึงหนี้สินของหวังหยวน และมีคนถามถึงเคล็ดลับในการตกปลา

วิธีการหาปลาแบบดั้งเดิม ทั้งการทอดอวน การหย่อนเบ็ดตกปลา

ตาข่ายทอด้วยเชือกป่าน หลังจากการแช่น้ำเป็นเวลานานจะเน่าได้ง่าย ดังนั้นต้องใช้เวลาสามวันจับปลา สองวันตากแห ในหนึ่งวันได้ปลาสองสามตัวนับว่าใช้ได้แล้ว

สายเบ็ดนั้นไม่แข็งแรง และสายเบ็ดก็ขาดง่าย ถ้าตกปลาตัวใหญ่ คงจะตกได้เฉพาะปลาตัวเล็กเท่านั้น

ทั้งห้าคนทักทายกันด้วยรอยยิ้ม และพวกเขาไม่ได้พูดคุยกับใครเลยที่ถามถึงเคล็ดลับในการตกปลา!

"หวังหยวน เจ้าจับได้ปลามามากมาย ยังไม่แบ่งให้แต่ละครอบครัวเลย แม่น้ำจิ้งเป็นของทุกคน เจ้าจะกินคนเดียวไม่ได้!"

ทันใดนั้น ชายชราคนหนึ่งก็เดินเอามือไพล่หลังย่างเข้ามา

เขาแก้มตอบ ตาเรียวแหลม ไว้เคราะแพะ สวมชุดคลุมยาวสีขาว สวมหมวกบัณฑิตดูแตกต่างจากชาวบ้าน

หัวหน้าหมู่บ้านต้าหวัง หวังปี่จงเป็นเจ้าของที่ดินสองร้อยแปดสิบหมู่

"ใช่ แบ่งบ้านละตัว!”

บางคนเห็นด้วยแต่มีจำนวนน้อยมาก

จริงอยู่ว่าหวังหยวนมีปลามากมาย แต่ด้วยหนี้สินที่ติดค้างอยู่สี่สิบกว้าน แค่ขายปลาอาจจะไม่พอ

หวังหยวนขมวดคิ้วและมองไปที่หวังปี่จง

หัวหน้าตระกูลนี้เรียนหนังสือมาสี่สิบปี สอบไม่ผ่านสักที

เจ้าของร่างเดิมสอบเป็นถงเซิงเมื่ออายุสิบห้าปี ซึ่งเท่ากับว่าตบใบหน้าชราของเขาไม่มีผิด

เขาไม่น้อยหน้าใครในเรื่องที่พูดไม่ดีกับเจ้าของร่างเดิมอย่างเปิดเผย และลับๆ ในช่วงสามปีที่ผ่านมา

หวังหานชานเตือนด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา "ตาเฒ่าชอบฉวยโอกาส มอบปลาตัวเล็กสองตัวให้เขา อย่าให้เขาก่อความวุ่นวายกับทุกคน พาลจะทำให้เจ้าเสียชื่อเปล่า ๆ"

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 6

    หวังหยวนยิ้มและพูดว่า "ท่านหัวหน้า ข้าแบ่งปลาให้ท่านได้ไม่มีปัญหา และข้านั้นจะแบ่งหนี้สี่สิบกว้านของข้าให้ท่านด้วย! ถ้าหากท่านไม่อยากใช้หนี้ ก็แบ่งที่ดินสองร้อยแปดสิบหมู่ของบ้านท่านให้ข้าสักสิบหมู่ ที่ดินของบ้านข้าติดจำนองอยู่" “ไอเด็กเจ้าเล่ห์!” หวังปี่จงเดินจากไปอย่างหงุดหงิด ข้าแค่อยากได้ปลาเจ้าตัวเดียว เจ้าจะให้ข้าแบกหนี้ไปด้วย และยังให้ข้าแบ่งที่ให้อีกหลายสิบหมู่อีก ไอคนเสเพลพรรค์นั้น ยังมีหน้าพูดออกมาได้อีก “ท่านหัวหน้า อย่างเพิ่งไปสิ ข้าแค่ล้อท่านเล่นเท่านั้น อย่าโมโหไปเลย!” หวังหยวนตะโกนไล่หลังมา จับปลาได้มากมาย หากมีใครขอแค่สักตัวสองตัว เขาย่อมให้ได้อยู่แล้ว แต่นี่มาใช้ศีลธรรมบีบบังคับเขาให้แบ่งปลาให้คนทั้งหมู่บ้าน แล้วตัวเองได้ความดีความชอบไป แบบนี้มันไม่ได้ หวังปี่จงโมโหกระฟัดกระเฟียดไม่หันกลับมา เมื่อเห็นแผนการของหวังหยวนแล้ว ชาวบ้านต่างโห่ร้องและหัวเราะออกมา เจ้าอยากได้ของของข้า ข้าก็อยากได้ของของเจ้า เจ้าไม่ให้ข้า ข้าจะให้เจ้าไปทำไม หวังหยวนยกมือแสดงความคารวะ "พ่อแม่ พี่น้อง ลุงป้า น้าอาทุกท่าน ตอนนี้ทุกคนต่างรู้เรื่องของข้า ปลาเหล่านี้ต้องนำไปขายเ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 7

    “อืม ท่านพี่!” “อย่าเรียกท่านพี่สิ เรียกเหล่ากง!” “...ไม่ได้!” “ทำไม?” “ท่านพี่ เหล่ากงคือคำใช้เรียกขันที ท่านแค่ป่วย หาหมอดูอาการก็ดีขึ้นแล้ว ทำไมต้องดูถูกตัวเองแบบนี้ด้วย!” "...เหล่ากงคือคำใช้เรียกขันที???” "คำใช้เรียกขันทีถูกเรียกแตกต่างกันไปในแต่ละราชวงศ์ที่ผ่านมา พวกเขาเรียกขันทีอย่างเป็นทางการว่าหวางเหมินและเตียวตัง บางคนได้รับเกียรติยกย่องเป็นเน่ยกว้าน เน่ยเฉิง จงกว้าน และจงกุ้ย นอกจากนี้ยังมีชื่อที่เสื่อมเสียเช่น เน่ยซู่ เหยียนเฉิน ไท่เจี้ยน เหยียนเหริน และเหล่ากง ขันทีก็เรียกว่าเหล่ากงเจ้าค่ะ" “...ทำไมเจ้าถึงรู้เยอะนัก?” “...ตอนเด็ก ๆ มีหมอดูผ่านบ้านข้า บอกว่าข้ามีดวงชะตานางหงส์ ท่านพ่อจึงอบรมให้ข้าเป็นกุลสตรี สอนมารยาทและธรรมเนียมในวังให้ด้วย” “ดวงชะตานางหงส์?” “ท่านพี่อย่าโกรธไปเลย หมอดูคนนั้นเป็นนักต้มตุ๋น ข้าจะไปมีดวงชะตานางหงส์ได้อย่างไร! หลังจากแต่งงานกับท่านแล้ว ตราบใดที่สามียังต้องการข้า ข้าก็จะรับใช้ท่านตลอดไป” ...ในวันรุ่งขึ้น หวังหานซานขับเกวียนล่อขนปลาลงในถังไม้ขนาดใหญ่พวกเขาทั้งห้าก็เตรียมตัวออกเดินทาง หลี่ซื่อหานหยิบถุงผ้าสีแดงยัดใส่มื

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 8

    “เคารพเจ้าถิ่น?” เห็นท่าทางของคนกลุ่มนี้ หวังหยวนก็นึกขึ้นมาได้ "พวกเจ้ามาที่นี่เอาค่าคุ้มครองใช่ไหม?" ต้าหู่ เอ้อหู่กำหมัดแน่น และมายืนหลังหวังหยวน หวังหานซานขมวดคิ้วแน่น หวังซื่อไห่พูดเสียงทุ้มต่ำ “หวังหยวน ยุ่ง ๆ เลยไม่ได้บอกเจ้า นี่เป็นลูกพี่ใหญ่ค้าปลาของตลาดตะวันตก ‘น่าวซานเจียง’ มีลูกน้องตั้งสิบยี่สิบคน ไม่ว่าใครมาขายปลาต้องจ่ายส่วยให้เขาสองส่วนด้วยย” “สองส่วน?” หวังหยวนโกรธมาก “พวกเจ้าเก็บแพงกว่าทางการตั้งมากโข?” ลำบากลำบนทำงานอย่างหนักอยู่สองวันเพื่อจับปลา ตื่นตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเพื่อเข้าเมือง ทางการเก็บภาษีค้าขายแค่หนึ่งในสิบ แต่พวกอันธพาลเหล่านี้กล้าที่จะเก็บตั้งสองในสิบได้ เอ้อหู่จ้องเขม็งแม้แต่ต้าหู่ที่ใจเย็นและนิ่งอยู่เสมอยังกำมือแน่น จนเส้นเลือดปูดโปนไปหมด แท้จริงแล้วพวกอันธพาลเหล่านี้มีเอาเปรียบขูดเลือดขูดเนื้อได้โหดเหี้ยมมากกว่าทางการเสียอีก หวังหานซานจ้องไปที่ลูกชายทั้งสองแล้วส่ายหน้า “อยากขายปลาที่ตลาดนี้ก็ต้องจ่ายมาสองในสิบ นี่เป็นกฎของตระกูลซาที่นี่ ไม่งั้นก็ทิ้งปลาไว้ แล้วไสหัวไปซะ” น่าวซานเจียงยกมือขึ้นข่ม ทั้งแปดขึ้นที่ก้าวเข้ามา มีทั้งก

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 9

    มีชายวัยกลางคนเดินมาจากไกล ๆ เขาสวมหมวกทรงสูงขอบแดงสีดำ เสื้อสีน้ำเงินปักขอบสีแดง มีคำว่า "จับ" ที่ตรงกลางหน้าอก พร้อมด้วยรองเท้าบูทผ้าสีดำ และเหน็บดาบยาวที่เอว เขาไม่สูงไม่เตี้ย มีแววตาที่ดูเฉลียวฉลาดอยู่บ้าง โดยรวมแล้วก็ดูธรรมดาทั่วไป อย่างไรก็ตาม ทันทีที่เขาปรากฏตัว ทั้งตลาดก็เงียบลง ความโกรธในดวงตาของพ่อค้าหายไปอย่างไร้ร่องรอย และรอยยิ้มที่ประจบสอพลอปรากฏขึ้นบนใบหน้าของพวกเขา นี่คือเจ้าหน้าที่สายตรวจในตลาดตะวันตก ใต้เท้าในสายตาทุกคน ชื่อจริงชื่อซิงซาน เจ้าหน้าที่สายตรวจคนหนึ่ง แม้ว่าจะไม่ได้ใหญ่โตในเมืองนัก แต่ก็ไม่ใช่ใครไปลบหลู่ได้ นอกจากนายอำเภอ เจ้าหน้าที่ปกครอง ที่ว่าการอำเภอยังมีอีกแปดขั้น ส่วนที่เหลือเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อย สายตรวจ เจ้าหน้าที่ในสำนักงาน... ล้วนเรียกรวมกันว่า "เจ้าหน้าที่" แม้ว่า 'เจ้าหน้าที่' เหล่านี้จะไม่มียศ แต่พวกเขาได้มีบันทึกชื่อในกรมข้าราชการพลเรือน มีอาชีพที่มั่นคง เมื่อพ่อตายก็สืบต่อให้ลูกได้ เจ้าหน้าที่แต่ละคนมีผู้ช่วยหลายสิบคน เพื่อช่วยงานราชการให้งานสำเร็จเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ไม่รับค่าตอบแทน แต่เมื่อพวกเขาอยากพึ่งพาก็ต้องเอาสิน

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 10

    หวังหยวนมาที่ร้านช่างตีเหล็กของตระกูลจ้าวในเป่ยซื่อ ซึ่งเป็นบ้านของจ้าวต้าซุย ลุงของเจ้าของร่างเดิม เจ้าของร่างเดิมตอนอายุสิบขวบมาเรียนหนังสือในเมือง และอาศัยอยู่ที่บ้านของลุงของเขา ป้าสะใภ้คลอดน้องสาวออกมาได้ยากมาก ทั้งลุงและน้องจึงพึ่งพากัน และดีต่อเจ้าของร่างเดิมมาก แต่เมื่อสามปีก่อน เจ้าของร่างเดิมอยากจะแต่งงานกับหลี่ซื่อหาน และลุงได้คัดค้านในฐานะผู้อาวุโส มีข่าวลือว่าตระกูลหลี่กำลังจะถูกกำจัด และลุงก็กลัวว่าจะโดนร่างแหไปด้วย เจ้าของร่างเดิมไม่ฟังคำห้ามปราม ดังนั้นความสัมพันธ์ระหว่างลุงกับหลานชายจึงเย็นชาขึ้น เจ้าของร่างเดิมไม่ได้เชิญลุงมางานแต่งงาน และไม่ได้ไปเยี่ยมบ้านลุงมาสามปีแล้ว เห็นร้านช่างตีเหล็กที่คุ้นเคย หวังหยวนจึงเดินเข้าไป "ใครน่ะ!" มีเสียงมาจากสวนหลังบ้าน และหญิงสาวคนหนึ่งก็ออกมา เมื่อเห็นว่าเป็นหวังหยวนก็ตกใจ นางเม้มริมฝีปากอยู่ครู่หนึ่ง “หลังแต่งงานก็ลืมลุงของเจ้าไปแล้ว คนใจร้ายอย่างเจ้ามาที่ทำไมอีก!" เด็กสาวอายุสิบเจ็ดหรือสิบแปดปี ใบหน้ารูปไข่มัดผมหางม้า ตัวไม่สูงนัก มีกระบนใบหน้า ตาโต มีฟันเขี้ยวเล็ก ๆ สองซี่ นางดูสวยและดูโดดเด่น หวังหยวนไม่โ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 11

    เมื่อจ้าวชิงเหอและลุงของเขามาถึงร้านค้า พวกเขาเห็นหวังหยวนหยิบหม้อเหล็กขึ้นมา และกำลังเทน้ำเชื่อมที่ผสมไว้กับโคลนสีเหลืองลงในกรวยที่มีฟางเรียงราย“ท่านพ่อ ดูนั่นสิ!”จ้าวชิงเหอมุ่ยหน้าลุงมองด้วยความประหลาดใจ ซู่ ซู่ว…กากน้ำตาลสีดำไหลออกมาจากด้านล่าง และน้ำเชื่อมเริ่มแยกตัวออกจากกันในกรวย ไม่นาน น้ำตาลทรายขาวก็ตกผลึกอยู่ด้านบน น้ำตาลทรายแดงอยู่ตรงกลาง และกากน้ำตาลดำอยู่ด้านล่าง“น้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทรายขาว”ดวงตาของจ้าวชิงเหอแทบจะบินออกมาด้านนอกน้ำตาลดำมีราคาถูกที่สุดคือจินละหนึ่งร้อยอีแปะ น้ำตาลทรายแดงจินละสามร้อยอีแปะ และยังไม่มีน้ำตาลทรายขาวขายในท้องตลาดเมื่อดูอัตราส่วนของน้ำตาลสามสีในกรวยจะเห็นได้ว่ามีมีน้ำตาลทรายขาวห้าสิบเปอร์เซ็นต์ น้ำตาลทรายแดง สามสิบเปอร์เซ็นต์ และกากสีดำอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์ แค่น้ำตาลทรายแดงก็เกือบจะเทียบเท่าต้นทุนน้ำตาลดำแล้ว ส่วนเงินที่ขายน้ำตาลทรายขาวได้ก็ถือว่าเป็นกำไรลุง หวังหานชาน ต้าหู และหวังซื่อไห่รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก พวกเขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไรเอ้อหูถามออกไปตรง ๆ "พี่หยวน ทำไมน้ำตาลดำผสมกับโคลนสีเหลืองแล้วถึงกลายเป็

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 12

    คนขับรถม้าหยิบบล็อกมาวางตรงประตู จ้าวชิงเหอก้าวออกจากรถ ก่อนจะช่วยประคองหวังหยวนตามลงมา ต้าหู่ และหวังซื่อไห่หอบกล่องไม้จันทน์สีแดงลงมาจากรถม้าทันทีที่พวกเขาทั้งสี่เข้าเดินเข้าไปในร้าน เสมียนก็เอ่ยทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้ม "นายน้อย มีธุระอะไรเหรอขอรับ?"เมื่อเห็นปฏิกิริยาของคู่หูต้าหู่และหวังซื่อไห่ ก็เข้าใจทันทีว่าหวังหยวนพูดว่า ต้องรู้จักตัดสินคนจากการแต่งตัวก่อนอันดับแรกนั้นหมายถึงอะไรตอนเช้าพวกเขาทั้งสี่คนสวมผ้าป่านไปซื้อของ แต่ยังไม่ทันได้เปิดปากพูดก็ถูกไล่ออกมาเสียก่อน ตอนนี้เสมียนคนนี้พอเห็นเสื้อผ้าของพวกเขา ก็ยิ้มต้อนรับเพื่อเอาใจทันทีหวังหยวนแทงเข้าที่หลังมือของเขา "ข้ามาหาเจ้าของร้าน ไปเรียกเขาออกมา!"“ข้าชื่อโจวฉางฟา ไม่ทราบว่าเพื่อนตัวน้อยของข้ามีชื่อเสียงเรียงนามว่าอย่างไร แล้วมาที่นี่ทำไมกัน?”โจวฉางฟา ลูกชายคนที่สามของตระกูลโจว เดินลงมาจากชั้นสอง มองไปที่หวังหยวนเป็นอันดับแรก ก่อนจะมองไปที่จ้าวชิงเหอ ต้าหู่ และหวังซื่อไห่ ก่อนจะยิ้มรับทันทีสาวใช้และคนรับใช้ล้วนสวมผ้าซาติน ภูมิหลังของครอบครัวของบุคคลนี้คงไม่ด้อยไปกว่าตระกูลโจวเป็นแน่"ข้าแซ่หวัง เจ้าของร้านโ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 13

    "เก็บไว้สิ!" หวังหยวนลุกขึ้นและโบกมือโดยไม่ดูทองและเงินเหล่านั้น "หากเงินและสินค้าตกลงกันเรียบร้อยแล้ว งั้นข้าก็ต้องขอตัวก่อน!"ต้าหู่หยิบกล่องเงิน จ้าวชิงเหอและซื่อไห่เดินตามข้างมา!“น้องหวัง เดี๋ยวก่อน!”เจ้าของร้านโจวไล่ตามมาและถามว่า "ท่านสามารถจัดหาน้ำตาลคริสตัลนี้ได้บ่อยแค่ไหน"“ขึ้นอยู่กับโชค!”หวังหยวนเลิกคิ้ว "การผลิตน้ำตาลคริสตัลมีน้อยอยู่แล้ว พ่อค้าจากภูมิภาคตะวันตกต้องข้ามดินแดนที่แห้งแล้งเพื่อไปยังพื้นที่ต้าเย่ ดินแดนที่แห้งแล้งนั้นอันตรายมาก ข้าไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะมาที่นี่ อาจจะสามเดือน หรืออาจจะเป็นปี ดังนั้นข้าไม่แน่ใจเรื่องเวลาของสินค้ารอบต่อไป”"โอ้!" โจวฉางฟาเหล่ตาของเขา และพูดอย่างประจบสอพลอ "ดูเหมือนว่าน้องหวังมีฐานะที่ไม่ธรรมดา เจ้าต้องมาจากครอบครัวใหญ่เป็นแน่ ข้าสงสัยว่าท่านเป็นลูกชายของตระกูลหวังในเมืองหลงใช่หรือไม่?" เมืองหลงเป็นเมืองหลวงแห่งหนึ่ง ห่างจากที่นี่สามร้อยไมล์ แต่ไม่มีตระกูลใหญ่ที่มีนามสกุลหวัง"ตระกูลข้าอยู่ในเมืองจิ่วซาน!"หวังหยวนโบกมืออย่างไม่สบอารมณ์ "หากเจ้าของร้านโจวนึกสงสัย เจ้าก็เอาเงินคืนไปเถิด ข้าจะหาคนอื่นมาแ

บทล่าสุด

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1858

    เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1857

    หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1856

    แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1855

    ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1854

    ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1853

    “มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญ ถือว่าเป็นแขกผู้มาเยือนได้หรือ?” ตงฟางฮั่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ในเมื่อเจ้าชอบสถานที่นี้ ก็จงดื่มสุราอยู่ที่นี่คนเดียวเถิด” “ลาก่อน”เพียงชั่วพริบตา ตงฟางฮั่นก็ลุกขึ้นยืน ขณะที่เขากำลังจะเดินสวนกับชายคนนั้น ก็ได้ยินเสียงชายคนนั้นเอ่ยขึ้นว่า “ท่านตงฟาง ท่านพร้อมจะวางเดิมพันไว้ที่หวังหยวน แต่กลับไม่คิดจะพบกับท่านประมุขของข้าหรือ?”“ฮึ” “พวกเจ้าก็เป็นเพียงพวกหนูที่อาศัยอยู่ในความมืดมิด” “ใครเล่าจะอยากร่วมมือกับพวกเจ้า?” ตงฟางฮั่นเย้ยหยัน ไม่ได้สนใจชายผู้อยู่เบื้องหลังอีกต่อไปสีหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไป มือหนึ่งคว้ามีดสั้นจากอกเสื้อ แล้วแทงเข้าที่หลังของตงฟางฮั่นอย่างรวดเร็ว! ว่องไวราวกับสายฟ้าแลบ!“ถ้าไม่เป็นมิตร ก็ต้องเป็นศัตรู!” “ไปลงนรกซะ!”สีหน้าของตงฟางฮั่นเปลี่ยนไป แต่ตอนนี้การหลบหลีกนั้นสายเกินไปแล้ว เพราะเขาไม่ได้ฝึกวิทยายุทธใด ๆ เลย!ในขณะที่เขาเตรียมใจยอมรับชะตากรรม ก็ได้ยินเสียงโลหะกระทบกัน ปรากฏว่าเกาเล่อผู้ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และข้างกายเขายังมีสมาชิกขององค์กรเครือข่ายผีเสื้ออีกหลายคนมีกำลังคนม

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1852

    “ท่านทั้งหลายไปที่นั่นแล้วจะได้ลงทะเบียนทันที!”เมื่อทราบว่าหวังหยวนไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ทุกคนจึงรีบขอลา แล้วมุ่งหน้าสู่ตลาดตะวันออกด้วยความเร่งรีบ การลงทะเบียนโดยเร็วจะช่วยคลายกังวลในใจได้!เมื่อเห็นเหล่าชาวบ้านมาเร็วไปเร็วเช่นนั้น ฉุนอวี๋อันจึงบ่นหลังถอนหายใจว่า “ประชาชนพวกนี้ช่างร้อนรนนัก!”“หากมีสิ่งใดขัดขวางความประสงค์ของพวกเขา พวกเขาก็จะก่อความวุ่นวายไม่หยุด!”“โชคดีที่ข้าไม่ใช่ผู้ว่าราชการเมืองเมืองนี้แล้ว จึงบรรเทาความกดดันลงได้บ้าง…”แต่หารู้ไม่ว่าหวังหยวนยังคงยืนอยู่ข้างกายฉุนอวี๋อันหันกลับไปเห็นหวังหยวนกำลังมองตนอยู่ ทันใดนั้นเขาก็ตัวสั่นเทา ตกใจกลัวจนถอยหลังไปสองก้าว และถึงกับหายใจติดขัด“ท่านผู้นำ…”“ข้าไม่ใช่หมายความเช่นนั้น”หวังหยวนเห็นท่าทีขลาดกลัวของเขาจึงส่ายหน้าแล้วยกยิ้มดูเหมือนการตัดสินใจของเขาจะถูกต้อง คนเช่นนี้จะสามารถเป็นใหญ่ในเมืองได้อย่างไร?หากปล่อยให้ฉุนอวี๋อันดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองต่อไป แม้การก่อสร้างระบบชลประทานจะแล้วเสร็จก็คงหาผลกำไรไม่ได้มากนักผลลัพธ์สุดท้ายก็คงเดาได้ไม่ยากไม่ช้าหวังหยวนและคณะก็เดินทางกลับระหว่างทางกลับ เ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1851

    “หืม?” หวังหยวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจทันที คงเป็นเพราะเรื่องเกณฑ์แรงงานจึงทำให้ประชาชนไม่พอใจ“ทุกคน!”“เรื่องนี้คงเกิดจากความเข้าใจผิดใช่หรือไม่?”“ข้าต้องการแรงงานมาช่วยทำงาน แต่ก็เพื่อการพัฒนาเมืองอู่เจียง!”“เมื่อการก่อสร้างระบบชลประทานเสร็จสมบูรณ์ ในฤดูฝน พวกเราก็ไม่ต้องกังวลว่าแม่น้ำจะเอ่อล้นอีกต่อไป และที่สำคัญที่สุด เวลาในการเดินทางระหว่างเมืองอู่เจียงกับเมืองต่าง ๆ ก็จะใกล้เคียงลงมาก!”“นับเป็นเรื่องที่ดีต่อแผ่นดินและประชาชน!”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็ไม่ได้ใช้แรงงานโดยไม่จ่ายค่าจ้าง ข้าจะจ่ายค่าจ้างให้เดือนละหนึ่งตำลึง!” หวังหยวนอธิบายสถานการณ์โดยย่อความจริงเป็นเช่นนั้น เมื่อการก่อสร้างระบบชลประทานเสร็จสมบูรณ์ เมืองอู่เจียงจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง! ในอนาคต แม้แต่เมืองหลวงก็อาจจะพัฒนาไม่ดีเท่าเมืองอู่เจียง! แต่ทั้งหมดนี้นั้นเป็นเพราะเมืองอู่เจียงมีแม่น้ำห้าสายไหลผ่าน หากไม่เป็นเช่นนี้จะมีโอกาสสร้างระบบชลประทานได้อย่างไร?“จ่ายค่าจ้างด้วยหรือ?”“ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินเช่นนั้นเลยไม่ใช่รึ?”“พวกเราคงจำผิดไปกระมัง?”“ใช่แล้ว! ข้าได้ยินมาว่าท่านผู้นำเ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1850

    “การเตรียมการต่าง ๆ เป็นอย่างไรบ้าง?”หวังหยวนยกถ้วยชาขึ้น สายตาจับจ้องไปยังเกาเล่อขณะเอ่ยถามเกาเล่อส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ข้าได้ค้นหาคนผู้มีความสามารถอยู่เสมอ แต่ก็ไม่ราบรื่นดังที่คาดหวังไว้ขอรับ” “บางคนก็มีความรู้ความสามารถ บางคนก็ไม่อาจคาดเดาเจตนาได้ โดยสรุปแล้วก็ยังไม่พบผู้ใดที่เหมาะสมนัก”หวังหยวนพยักหน้า แท้จริงแล้ว การค้นหาคนที่ไว้ใจได้และมีความรู้ความสามารถนั้นจะเป็นเรื่องง่ายได้อย่างไร? เวลาเพียงสองวันนั้นย่อมไม่เพียงพอ“เช่นนั้นเจ้าจงค้นหาต่อไป” “อย่างไรเสียข้าก็ต้องอยู่ที่เมืองอู่เจียงต่อไปอีกนาน” “เรื่องต่าง ๆ ในที่นี้ ข้าจะรับผิดชอบเอง” “แต่ก่อนหน้านั้นเจ้ายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือการจัดหาแรงงานเพื่อช่วยข้าขุดคลอง” หวังหยวนสั่งการเพิ่มเติมเกาเล่อรับคำแล้วก็จากไปหลังจากอยู่ในห้องมาสองวัน แผนที่ก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว หวังหยวนจึงสั่งให้คนจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จแม้ว่าฉุนอวี๋อันจะพ้นจากตำแหน่งแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่เคียงข้างหวังหยวน เกาเล่อควบคุมข่าวสารต่าง ๆ แต่เรื่องราวภายในเมืองอู่เจียงนั้น ฉุนอวี๋อันย่อมรู้ดีกว่า

DMCA.com Protection Status