Share

บทที่ 11

Author: ชวินเป่ยอี๋
เมื่อจ้าวชิงเหอและลุงของเขามาถึงร้านค้า พวกเขาเห็นหวังหยวนหยิบหม้อเหล็กขึ้นมา และกำลังเทน้ำเชื่อมที่ผสมไว้กับโคลนสีเหลืองลงในกรวยที่มีฟางเรียงราย

“ท่านพ่อ ดูนั่นสิ!”

จ้าวชิงเหอมุ่ยหน้า

ลุงมองด้วยความประหลาดใจ

ซู่ ซู่ว…

กากน้ำตาลสีดำไหลออกมาจากด้านล่าง และน้ำเชื่อมเริ่มแยกตัวออกจากกันในกรวย

ไม่นาน น้ำตาลทรายขาวก็ตกผลึกอยู่ด้านบน น้ำตาลทรายแดงอยู่ตรงกลาง และกากน้ำตาลดำอยู่ด้านล่าง

“น้ำตาลทรายแดง น้ำตาลทรายขาว”

ดวงตาของจ้าวชิงเหอแทบจะบินออกมาด้านนอก

น้ำตาลดำมีราคาถูกที่สุดคือจินละหนึ่งร้อยอีแปะ น้ำตาลทรายแดงจินละสามร้อยอีแปะ และยังไม่มีน้ำตาลทรายขาวขายในท้องตลาด

เมื่อดูอัตราส่วนของน้ำตาลสามสีในกรวยจะเห็นได้ว่ามีมีน้ำตาลทรายขาวห้าสิบเปอร์เซ็นต์ น้ำตาลทรายแดง สามสิบเปอร์เซ็นต์ และกากสีดำอีกยี่สิบเปอร์เซ็นต์

แค่น้ำตาลทรายแดงก็เกือบจะเทียบเท่าต้นทุนน้ำตาลดำแล้ว ส่วนเงินที่ขายน้ำตาลทรายขาวได้ก็ถือว่าเป็นกำไร

ลุง หวังหานชาน ต้าหู และหวังซื่อไห่รู้สึกประหลาดใจอย่างมาก พวกเขาไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร

เอ้อหูถามออกไปตรง ๆ "พี่หยวน ทำไมน้ำตาลดำผสมกับโคลนสีเหลืองแล้วถึงกลายเป็นน้ำตาลทรายแดงและน้ำตาลทรายขาวล่ะ?"

ทุกคนต่างก็รู้สึกสงสัย

หวังหยวนอธิบายง่าย ๆ ว่า "น้ำตาลดำมีสารเม็ดสีเจือปนอยู่ และโคลนสีเหลืองสามารถดูดซับสิ่งที่เป็นเม็ดสีเหล่านั้นออกมาได้ น้ำตาลทรายแดงและน้ำตาลทรายขาวจึงปรากฏขึ้น"

การผลิตน้ำตาลของต้าเย่นั้นอยู่ในระดับพื้นฐาน และในทางตอนใต้มีการปลูกอ้อยเพื่อทำน้ำตาลดำ

นอกจากนี้ยังมีคนไม่กี่คนที่ใช้เถ้าจากพืช และการลดสีของไข่เป็ดเพื่อทำน้ำตาลทรายแดง

และยังไม่มีใครค้นพบวิธีการทำน้ำตาลทรายขาว

วิธีการลดสีของโคลนสีเหลือง ซึ่งเป็นจุดสูงสุดของเทคโนโลยีการผลิตน้ำตาลของจีนโบราณ ถูกนำมาใช้จนถึงยุคอุตสาหกรรม

เขาคือนักศึกษาปริญญาเอกด้านเคมี สำหรับกระบวนการระดับต่ำนี้ เขาจึงเข้าใจเหตุผลชัดเจนว่าทำไม

“เม็ดสี?”

“สิ่งเจือปน?”

“ดูดซับ?”

ทุกคนไม่เข้าใจ!

หวังหยวนใช้นิ้วกวัดน้ำตาลทรายขาวขึ้นมา "ลองชิมดู"

ทั้งหกคนยืนล้อมรอบกรวย ค่อย ๆ กวัดน้ำตาลทรายขาวขึ้นมาอย่างระมัดระวัง แล้วใส่เข้าไปในปากของตนเอง

ดวงตาโตของจ้าวชิงเหอเป็นประกาย "มันหวานมาก หวานยิ่งกว่าน้ำตาลดำ และน้ำตาลทรายแดงเสียอีก!"

“อืม หวานกว่าน้ำตาลทรายแดงจริงด้วย”

หวังซื่อไห่เห็นด้วย ราวกับว่าเขาได้กินน้ำตาลทรายแดงจริง ๆ

น้ำตาลเป็นยาชูกำลัง แต่ชาวบ้านไม่มีกำลังจับจ่าย

จะมีก็แต่เวลาเยี่ยมญาติในช่วงเทศกาลวันหยุดเท่านั้นที่ชาวบ้านพอจะได้กินน้ำตาลดำบ้าง

น้ำตาลทรายแดงนั้นมีแต่คนรวยเท่านั้นที่จะได้กิน

"ข้าเคยกินแต่น้ำตาลดำ น้ำตาลทรายขาวนี้หวานกว่าน้ำตาลดำมาก"

เอ้อหู่ยังคงแสวงหาคำตอบ แต่พวกเขาไม่ได้เสแสร้งเป็นผู้อวดรู้

ลุง ลุงหานซาน และต้าหู่ชิมน้ำตาลทรายแดงอีกครั้ง เพื่อเปรียบเทียบก่อนจะพยักหน้าอย่างแรง

“น้ำตาลทรายขาวนั้นหวานกว่า แต่คุณค่าทางยานั้นไม่ดีเท่าน้ำตาลทรายแดง!”

หวังหยวนเหลือบมองจ้าวชิงเหอ "เมื่อหญิงสาวต้องการบำรุงเลือด ดีที่สุดคือดื่มน้ำน้ำตาลทรายแดง"

จ้าวชิงเหอหน้าแดง และมองหวังหยวนอย่างเขม็ง "ถุย พูดไปเรื่อยl!"

ลุง หวังหานซานไอแห้ง ๆ ต้าหู่ เอ้อหู่ และซื่อไห่ทำหน้ามึนงงอย่างไม่เข้าใจ

เอ้อหู่พูดอีกครั้ง "พี่หยวน พี่รู้วิธีนี้ได้อย่างไรกัน?"

“ยังต้องถามเหรอ?”

หวังซื่อไห่เงยหน้าขึ้นและพูดกับตัวเองว่า "หวังหยวนต้องเรียนรู้มาจากหนังสือน่ะสิ"

“ฉลาดมาก!”

หวังหยวนยกนิ้วให้ หวังซื่อไห่เป็นคนช่างจินตนาการ ทำให้เขาไม่ต้องคิดหาเหตุผล

“ไอ้โง่!”

เมื่อมองไปเห็นหวังซื่อไห่ที่กำลังทำสีหน้าภาคภูมิใจ จ้าวชิงเหอก็กลอกตามองบน

หากมีวิธีการทำน้ำตาลทรายขาวในหนังสือ มันก็ต้องมีขายในตลาดแล้วสิ ทำไมจะต้องรอจนกว่าลูกพี่ลูกน้องของฉันทำมันด้วยล่ะ!

“เจ้าหยวน!”

ลุงตัดประเด็น "เจ้าจะขายน้ำตาลทรายขาวนี้ในราคาจินละเท่าไหร่?"

เอ้อหู่ลูบหัวของตัวเอง "น้ำตาลทรายแดงขายได้สามร้อยเหวิน แต่น้ำตาลทรายขาวนี้ซึ่งหวานกว่าน้ำตาลทรายแดงก็คงต้องขายในราคาสี่ร้อยอีแปะแล้วล่ะ!"

ต้าหู่พยักหน้าซ้ำ ๆ น้ำตาลสี่ร้อยอีแปะเป็นเงินจำนวนมากแล้ว

“สี่ร้อยอีแปะถูกเกินไป!”

หวังซื่อไห่โบกมือของเขา ก่อนจะอ้าปากพูดต่อ "ข้าคิดว่า มันน่าจะขายได้ในราคาหกร้อยอีแปะ ซึ่งเป็นราคาสองเท่าของน้ำตาลทรายแดง!"

ลุงกับลุงหานซานส่ายหัวพร้อมกัน "น้ำตาลทรายขาวหวานกว่าน้ำตาลทรายแดงถึงสองเท่า หากขายในราคา หกร้อยอีแปะข้าคิดว่าถูกเกินไปหน่อย ควรจะขายในราคาแปดร้อยอีแปะต่อจิน!"

จ้าวชิงเหอกล้าหาญที่สุด "ราคาแปดร้อยอีแปะก็ต่ำไปเช่นกัน น้ำตาลทรายขาวนี้ไม่ได้ขายให้กับคนทั่วไป มีเพียงคนร่ำรวยเท่านั้นที่สามารถเพลิดเพลินกับมันได้ ข้าคิดว่ามันควรจะเพิ่มอีกสองร้อยอีแปะ หรือก็คือหนึ่งกว้าน พี่คิดว่าอย่างไร?”

"หนึ่งกว้านต่อหนึ่งจิน!"

ทุกคนอ้าปากค้าง

น้ำตาลดำขายหนึ่งร้อยอีแปะต่อหนึ่งจิน น้ำตาลทรายขาวขายหนึ่งกว้านต่อหนึ่งจิน เท่ากับขายนำตาลดำได้สิบจินแล้ว

“กินข้าวก่อนเถอะ!”

หวังหยวนไม่ได้พูดอะไรต่อ

แม้แต่ลูกพี่ลูกน้องที่มีหัวเป็นลูกคิดอย่างเธอ ก็ยังกล้าขายแค่ในราคาหนึ่งกว้าน กล่าวได้ว่าเพื่อนพ้องเหล่านี้ช่างไร้เดียงสาเสียจริง

อาหารกลางวันมากมายหลากหลาย

เซาปิ่ง ปลาตุ๋นเต้าหู้ เนื้อตุ๋นหัวไชเท้า ถั่วงอกผัดกระเทียมกับไข่ และกะหล่ำปลีราดน้ำส้มสายชู

ลุงจ้าวต้าโช่ยหยิบไวน์ผลไม้ออกมา

สิ่งนี้ทำให้ต้าหู่ เอ้อหู่ และหวังซื่อไห่รู้สึกปลื้มปิติยิ่งนัก

ตั้งแต่เด็กจนโต พวกเขาไม่เคยกินกับข้าวสี่จาน และไม่เคยดื่มไวน์เลย!

หวังหยวนจิบไวน์ผลไม้แล้ววางแก้วลง รสชาติมันแย่และขมเกินไป

นี่คือสารแทนนินในไวน์ผลไม้ ซึ่งจำเป็นต้องย่อยสลายโดยการเติมกลีเซอรีน มิฉะนั้นหากดื่มมากเกินไปจะไม่ดีต่อสุขภาพ

แต่คนสมัยนี้จะรู้เรื่องเหล่านี้ได้อย่างไร แค่มีไวน์ให้ดื่มก็ถือว่าเป็นวันที่ดีแล้ว

หลังอาหาร หวังหยวนสอนประเด็นสำคัญของการทำน้ำตาล

การต้มน้ำตาล อัตราส่วนของโคลนสีเหลืองกับน้ำ และเวลาที่จะเทลงในกรวย

หลังจากที่ทั้งห้าคนทำตามขั้นตอนอย่างถูกต้อง หวังหยวนก็เริ่มสระผม เปลี่ยนเสื้อผ้า และแต่งตัว

เมื่อเห็นลูกพี่ลูกน้องของเขาสวมชุดคลุมผ้าซาติน และมีหยกขาวห้อยลงมาจากเอว พร้อมกับถือพัดกระดาษ จ้าวชิงเหอก็ตกตะลึง ใบหน้าสวยของเธอร้อนผ่าว

เธอหันกลับมาอย่างรวดเร็ว "ก็แค่ขายน้ำตาล แต่งตัวซะเหมือนเจ้าบ่าวเชียว อย่างกับว่าถ้าแต่งตัวดี พวกเขาจะให้เงินเพิ่มงั้นแหละ"

“ต้องรู้จักตัดสินคนจากการแต่งตัวก่อนอันดับแรก หากเราแต่งตัวเป็นสามัญชนทั่วไป แม้ว่าเราจะเอาน้ำตาลทรายขาวไปขายในร้านขายน้ำตาล ก็จะโดนกดราคาเอาได้”

หวังหยวนกระพริบตา "ช่วยเล่นเป็นสาวใช้ข้าข้าหน่อยสิ!"

"เป็นสาวใช้ของพี่!"

จ้าวชิงเหอวางมือบนสะโพกของเธอ "หวังหยวนอย่าโลภไปหน่อยเลย!"

หวังหยวนเลิกคิ้ว "กำไลหยกคู่หนึ่ง ต่างหูเงินหนึ่งคู่ และปิ่นเงินอีกหนึ่งอัน!"

"ตกลง!"

จ้าวชิงเหอวิ่งเหยาะ ๆ และหันกลับมา

หวังหยวนร้องเรียกคนที่เหลือ "ต้าหู่ ซื่อไห่ มาล้างหน้าและสวมเสื้อผ้าใหม่ซะ"

ต้าหู่และหวังซื่อไห่รีบวิ่งไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเก่าที่มีกลิ่นคาวปลา และสวมผ้าแพรสองชุดพร้อมกับสวมรองเท้าใหม่

เมื่อเห็นดังนั้นเอ้อหู่ก็รู้สึกอิจฉา

ผ้าของต้าเย่มีทั้งผ้าไหม ผ้าซาติน ผ้าฝ้าย ผ้าลินิน ฯลฯ!

คนธรรมดาสวมผ้าลินิน ครอบครัวที่ฐานะดีขึ้นมาหน่อยสวมผ้าฝ้าย และครอบครัวคนร่ำรวยในเมืองจะสวมผ้าซาติน

ในชนบท เจ้าของบ้านทั่วไป หัวหน้าหมู่บ้าน ผู้เฒ่าผู้แก่ และหัวหน้าครัวเรือนส่วนใหญ่จะสวมผ้าแพรกัน

เขาสวมผ้าลินินมาตั้งแต่ยังเด็ก และเขาไม่เคยแม้แต่จะสวมใส่ผ้าฝ้าย หรือแม้แต่ผ้าซาติน

หวังซื่อไห่ที่สวมชุดผ้าซาตินเป็นครั้งแรก รู้สึกตื่นเต้นมากจนเดินเชิดหน้าเชิดอก

ต้าหู่เองก็ทำตัวจริงจังขึงขังขึ้นมา

หลังจากนั้นไม่นาน จ้าวชิงเหอก็เปลี่ยนเป็นชุดผ้าซาติน พร้อมกับสวมต่างหู และปิ่นปักผมสีเงิน คิ้วของเธอวาดยาวขึ้นเล็กน้อย แก้มของเธอนั้นมีเลือดฝาดอยู่แล้ว จึงทาแป้งแค่นิดหน่อย

ดวงตาของหวังหยวนเป็นประกาย และเขารู้สึกว่าลูกคิดตัวน้อยไม่ได้ด้อยไปกว่าหลี่ซื่อหานเลย

ต้าหู่ เอ้อหู่ และหวังซื่อไห่มองตรงไป

“มานี่ ข้าจะบอกว่าต้องทำอะไรบ้าง!”

หวังหยวนอธิบาย

ทั้งสามถามคำถามเป็นครั้งคราว

หลังจากนั้นไม่นาน ลุง ลุงหานซาน และเอ้อหู่ก็เคี่ยวน้ำตาลทั้งหมดเสร็จ

น้ำตาลทรายแดงห้าสิบจิน จะได้น้ำตาลทรายขาวยี่สิบห้าจิน น้ำตาลทรายแดงสิบห้าจิน และกากน้ำตาลอีกสิบจิน

กล่องไม้จันทน์สีแดงสองกล่องบรรจุน้ำตาลทรายขาวยี่สิบจินไปขายในตงซื่อ

น้ำตาลทรายขาวสามจิน และน้ำตาลทรายแดงห้าจินเหลือไว้ให้ลุงของเขา และคนอื่น ๆ นำกลับไปที่หมู่บ้าน

เจ็ดคนแบ่งออกเป็นสองทีมเพื่อไปที่ตงซื่อ

ตงซื่อมีขนาดใหญ่มาก นอกจากปลา เนื้อ ผัก ธัญพืช และน้ำมันแล้ว ยังมีของแห้ง อาหารทะเล และลูกอมอีกด้วย

ให้เงินลุงหนึ่งกว้าน ให้ลุงพาลุงหานซาน และเอ้อหู่ไปซื้อเสบียงมาไว้

ส่วนพวกเขาไปที่โรงรถ และจ้างรถม้า หวังหยวนและชิงเหอนั่งอยู่ในรถม้า ต้าหู่เป็นคนขับ และซื่อไห่วิ่งเหยาะ ๆ ตามมา พวกเขาทั้งหมดรู้สึกประหม่าและตื่นเต้น

รถม้ามาถึงร้านขายน้ำตาลของโจว ซึ่งเป็นร้านของตระกูลโจวที่มีอำนาจในเมืองฝู

Related chapters

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 12

    คนขับรถม้าหยิบบล็อกมาวางตรงประตู จ้าวชิงเหอก้าวออกจากรถ ก่อนจะช่วยประคองหวังหยวนตามลงมา ต้าหู่ และหวังซื่อไห่หอบกล่องไม้จันทน์สีแดงลงมาจากรถม้าทันทีที่พวกเขาทั้งสี่เข้าเดินเข้าไปในร้าน เสมียนก็เอ่ยทักทายพวกเขาด้วยรอยยิ้ม "นายน้อย มีธุระอะไรเหรอขอรับ?"เมื่อเห็นปฏิกิริยาของคู่หูต้าหู่และหวังซื่อไห่ ก็เข้าใจทันทีว่าหวังหยวนพูดว่า ต้องรู้จักตัดสินคนจากการแต่งตัวก่อนอันดับแรกนั้นหมายถึงอะไรตอนเช้าพวกเขาทั้งสี่คนสวมผ้าป่านไปซื้อของ แต่ยังไม่ทันได้เปิดปากพูดก็ถูกไล่ออกมาเสียก่อน ตอนนี้เสมียนคนนี้พอเห็นเสื้อผ้าของพวกเขา ก็ยิ้มต้อนรับเพื่อเอาใจทันทีหวังหยวนแทงเข้าที่หลังมือของเขา "ข้ามาหาเจ้าของร้าน ไปเรียกเขาออกมา!"“ข้าชื่อโจวฉางฟา ไม่ทราบว่าเพื่อนตัวน้อยของข้ามีชื่อเสียงเรียงนามว่าอย่างไร แล้วมาที่นี่ทำไมกัน?”โจวฉางฟา ลูกชายคนที่สามของตระกูลโจว เดินลงมาจากชั้นสอง มองไปที่หวังหยวนเป็นอันดับแรก ก่อนจะมองไปที่จ้าวชิงเหอ ต้าหู่ และหวังซื่อไห่ ก่อนจะยิ้มรับทันทีสาวใช้และคนรับใช้ล้วนสวมผ้าซาติน ภูมิหลังของครอบครัวของบุคคลนี้คงไม่ด้อยไปกว่าตระกูลโจวเป็นแน่"ข้าแซ่หวัง เจ้าของร้านโ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 13

    "เก็บไว้สิ!" หวังหยวนลุกขึ้นและโบกมือโดยไม่ดูทองและเงินเหล่านั้น "หากเงินและสินค้าตกลงกันเรียบร้อยแล้ว งั้นข้าก็ต้องขอตัวก่อน!"ต้าหู่หยิบกล่องเงิน จ้าวชิงเหอและซื่อไห่เดินตามข้างมา!“น้องหวัง เดี๋ยวก่อน!”เจ้าของร้านโจวไล่ตามมาและถามว่า "ท่านสามารถจัดหาน้ำตาลคริสตัลนี้ได้บ่อยแค่ไหน"“ขึ้นอยู่กับโชค!”หวังหยวนเลิกคิ้ว "การผลิตน้ำตาลคริสตัลมีน้อยอยู่แล้ว พ่อค้าจากภูมิภาคตะวันตกต้องข้ามดินแดนที่แห้งแล้งเพื่อไปยังพื้นที่ต้าเย่ ดินแดนที่แห้งแล้งนั้นอันตรายมาก ข้าไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะมาที่นี่ อาจจะสามเดือน หรืออาจจะเป็นปี ดังนั้นข้าไม่แน่ใจเรื่องเวลาของสินค้ารอบต่อไป”"โอ้!" โจวฉางฟาเหล่ตาของเขา และพูดอย่างประจบสอพลอ "ดูเหมือนว่าน้องหวังมีฐานะที่ไม่ธรรมดา เจ้าต้องมาจากครอบครัวใหญ่เป็นแน่ ข้าสงสัยว่าท่านเป็นลูกชายของตระกูลหวังในเมืองหลงใช่หรือไม่?" เมืองหลงเป็นเมืองหลวงแห่งหนึ่ง ห่างจากที่นี่สามร้อยไมล์ แต่ไม่มีตระกูลใหญ่ที่มีนามสกุลหวัง"ตระกูลข้าอยู่ในเมืองจิ่วซาน!"หวังหยวนโบกมืออย่างไม่สบอารมณ์ "หากเจ้าของร้านโจวนึกสงสัย เจ้าก็เอาเงินคืนไปเถิด ข้าจะหาคนอื่นมาแ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 14

    เกวียนล่อกลับเข้าเมืองหวังหานซานขับเกวียนนำหน้า ต้าหู่ยืนอยู่ด้านหลัง ส่วนเอ้อหู่และหวังซื่อไห่เดินคุยกันตามมาหวังหยวนอยู่บนเกวียน เขาเอนหลังเพื่อจะพักผ่อน เขายังไม่นอนตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ และเขาก็ทนไม่ไหวแล้วเอ้อหู่พูดอย่างตื่นเต้น "พี่ซื่อไห่ บอกข้าอีกครั้งซิว่าพี่หยวนขายน้ำตาลได้อย่างไร"“เอ้อหู่ ข้าพูดไปแปดครั้งจนควันจะขึ้นคอแล้ว!”หวังซือไห่ก้มศีรษะลง และสัมผัสเสื้อผ้าซาตินผืนใหม่ของตนเอง“ไม่พูดก็ไม่พูด แต่โปรดอย่าลืมเรียกข้าว่าหวังโปลู นี่คือชื่อที่พี่หยวนเปลี่ยนให้ข้า”เอ้อหู่ทำหน้าตาขึงขัง หวังซือไห่ยกแขนเสื้อซาตินขึ้นมา "โปลู ทำไมเจ้าถึงไม่เปลี่ยนเสื้อซาตินตัวใหม่ของเจ้าล่ะ ผ้าซาตินสวมใส่สบายมาก สบายกว่าผ้าฝ้ายเสียอีก"หลังจากออกจากร้านน้ำตาลของโจว หวังหยวนก็ซื้อของหลายอย่าง มีเสื้อผ้าซาตินสองชุดและรองเท้าสำหรับแต่ละคนเอ้อหู่ชำเลืองมองพ่อซึ่งกำลังขับเกวียนอยู่เขาจะเก็บเสื้อผ้าใหม่ไว้สวมใส่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน แล้วค่อยเอามาอวดหวังซือไห่ตอนนั้นชายชราที่กำลังเข็นเกวียนโยนแส้ลงทันที ก่อนจะม้วนเก็บแล้วลากเกวียนเข้าบ้าน"อา!"หวังหยวนซึ่งกำลังหลับใหลอยู่ใน

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 15

    ประตูไม่ขยับเลยสักนิด !หลิวโหย่วไฉโบกมือ "หยุด มันถูกไม้ขัดอยู่ ปีนข้ามกำแพงไปเลย"สมุนทั้งสี่หยุดถีบประตู ก่อนจะซ้อนตัวกันแล้วกระโดดลงไปที่ลานบ้าน แล้วเปิดประตูออกหลิวโหย่วไฉเดินเข้ามาในบ้านหลี่ซื่อหานตื่นตระหนก และรีบวิ่งเข้าไปในห้องด้านในหลิวโหย่วไฉเดินไปอย่างสบาย ๆ "โฉมงาม ชายผู้ล้างผลาญเงินครอบครัวหนีไปโดยไม่ใช้หนี้ เจ้ายังตั้งใจตอบแทนมันอยู่อีกหรือ มารับใช้ข้าผู้ซึ่งมีจิตใจเมตตาไม่ดีกว่ารึ"“สามีข้าไม่ได้หนี เขาจะกลับมาใช้หนี้แน่ อย่าเข้ามานะ!”หลี่ซื่อหานดึงโต๊ะมุมไปกันประตูเอาไว้ "ชายผู้ล้างผลาญเงินครอบครัวมีดีอย่างไร คุ้มค่ากับสิ่งที่เจ้าทำเพื่อมันหรือ!"หลิวโหย่วไฉขยิบตาให้สมุนปัง!สมุนสองคนกระแทกประตูปึก!ประตูกระแทกโต๊ะเลื่อนไปด้านหลัง หลี่ซื่อหานเองก็ล้มตัวลงกับพื้น"ใช้แรง!"หลิวโหย่วไฉยิ้มอย่างน่ากลัวปัง ปัง!เสียงกระแทกประตูติดต่อกันสองครั้ง ก่อนที่ประตูจะเปิดออกหลิวโหย่วไฉเดินเข้าไปหาหลี่ซื่อหานด้วยใบหน้าที่น่ากลัว "โฉมงาม ในเมื่อชายผู้ผลาญเงินครอบครัวไม่ได้อยู่ที่นี่ งั้นเราก็เข้าห้องหอกันเถอะ ตามหลักฐานการยืมเงินแล้ว เจ้าป็นคนของข้า"หลี่ซ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 16

    ตามกฎของต้าเย่ หากชำระหนี้ก่อนเวลาจื่อจะถือว่าอยู่ในเวลาที่กำหนด หลิวโหย่วไฉทำอะไร? ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เห็นแต่ประตูบ้านพัง ดวงตาของหลี่ซื่อหานเต็มไปด้วยน้ำตา มือเล็ก ๆ ถึงกับบวมแดงกรรไกรและมีดทำครัวอที่อยู่ในมือลูกสมุน และพี่น้องตระกูลเดียวกันที่ถือไม้พลองอย่างโกรธจัดก็บอกเขาแล้วว่าน่าจะเกิดอะไรขึ้น!"ท่านพี่!"ใช้โอกาสตอนที่ลูกสมุนกำลังตะลึง หลี่ซื่อหานรีบออกมาจากห้อง และโผลตัวเข้าไปในอ้อมแขนของหวังหยวน พลางร้องไห้เสียงดัง“ไม่ต้องกลัว ข้ากลับมาแล้ว!”หวังหยวนลูบผมยาวของหลี่ซื่อหานเบา ๆ เพื่อปลอบโยน เขายกมือที่บวมแดงขึ้นมา "ยังเจ็บอยู่ไหม?""...ไม่เจ็บแล้วเจ้าค่ะ!"ด้วยความเจ็บปวด หลี่ซื่อหานฝืนยิ้มบนใบหน้า และเมื่อเห็นชาวบ้านมองมา นางก็รีบซ่อนตัวข้างหลังหวัง หยวนทันที ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นแดงระเรื่อในสายตาของทุกคน นางโผเข้าสู่อ้อมแขนของสามี และพูดคำที่อบอุ่นอายจนแทบบ้า!คนกลุ่มนั้นไม่สนใจเรื่องนี้ แต่กลับมองไปที่เสื้อคลุมผ้าไหมของหวังหยวน เสื้อผ้าใหม่ของต้าหู่ และซื่อไห่ที่เดินตามมา ในชนบทมีไม่กี่คนที่นุ่งผ้าป่านและผ้าฝ้าย แต่สามคนนี้กลับนุ่งผ้าไหม นี่พวกเขาร่ำรวยแล้ว

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 17

    ขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า แสงรอบข้างสาดส่องลงบนทองคำสิบสองตำลึง สีทองอ่อนสะท้อนสะดุดตาหลิวโหย่วไฉหยิบแท่งทองคำขึ้นมา ถูมันบนเสื้อผ้าของเขา ก่อนจะกัดฟันสองซี่ลงไป และใบหน้าของเขาก็ดูยุ่งเหยิงขึ้นกว่าเดิม "เจ้าไปเอามาจากไหน!"แท่งทองคำสิบสองตำลึง หนึ่งร้อยกว้านบวกกับเหรียญเงิน และเหรียญทองแดงอีกแปดสิบกว้าน รวมเป็นหนึ่งร้อยแปดสิบกว้าน เด็กคนนี้หาได้เงินมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร!"เจ้าจะสนใจทำไม!"หวังหยวนพูดอย่างไม่เกรงใจ "ข้าถามเจ้าแค่คำเดียว มันคือทองใช่หรือไม่!"ชาวบ้านต่างก็ขนหัวลุกต้องการเงินก็ให้เงิน ต้องการทองแดงก็ให้ทองแดง ต้องการทองก็ให้ทองดูสิว่าเจ้าของที่สุนัขจิ้งจอกแก่ตัวนี้จะเล่นเล่ห์อะไรต่ออีก!“ทองก้อนนี้ค่อนข้างแข็ง มันต้องผสมทองแดงอยู่แน่ หากไม่ใช่ทองแท้ข้าก็จะไม่รับ!”หลิวโหย่วไฉกลอกตา โดยไม่สนใจรอยที่เขากัด และผุดความคิดขึ้นมาใหม่“ทองแดงผสม? คนแซ่หลิว ฟันสุนัขของเจ้าสามารถกัดทองแดงได้หรือ ช่างไร้ยางอายเสียจริง?ชาวบ้านต่างก็โกรธเคืองต้าหู่และซื่อไห่กำหมัดแน่น นี่มันรังแกกันเกินไปแล้ว“เจ้าคนใจดำ ต่อให้ข้าต้องติดคุก ข้าก็จะฆ่าเจ้าให้ตาย”ดวงตาของเ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 18

    หลิวโหย่วไฉร้องด้วยความเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย ยกมือขึ้นกุมศีรษะ และร้องขอความช่วยเหลือ "ท่านหัวหน้าตระกูลหวัง ท่านแค่มองดูเขาทุบตีเจ้าหน้าที่แบบนี้รึ รอการเก็บพืชผลในปีหน้าเถิด""การเตะต้นเอื้อง!"เมื่อคิดถึงเรื่องสำคัญนี้ หวังปี่จงจึงรีบเกลี้ยกล่อมเขา "หวังหยวน สุภาพบุรษตกลงกันด้วยวาจา มีอะไรก็พูดกันดี ๆ อย่าได้ใช้กำลังเลย..."“หุบปาก ทำไมเมื่อกี้ท่านไม่ห้ามเขาให้คุยกับข้าดี ๆ!” หวังหยวนไม่หันแม้แต่ศีรษะ เขายังคงเตะไม่ยั้ง “...” หวังปี่จงสำลักและมองไปที่หลี่ซื่อหาน "เกลี้ยกล่อมสามีของเจ้าเถิด หากฆ่าคนตายจะเกิดเรื่องใหญ่"หลี่ซื่อหานเม้มริมฝีปากแน่น และไม่พูดอะไร สามีของนางไม่ได้โง่ขนาดจะทุบตีคนจนตายนางยังคงเฝ้าดู นอกจากหมัดแรกที่ชกไปที่หน้า นอกนั้นเขาก็เตะไปที่ขา ก้น และหลังของหลิวโหย่วไฉเท่านั้น และนี่ไม่อาจทำให้คนตายได้หวังปี่จงมองไปที่ต้าหู่ เอ้อหู่ และหวังซื่อไห่อีกครั้ง แต่ทั้งสามไม่แม้แต่จะสนใจเขาหวังปี่จงมองไปที่ชาวบ้านชาวบ้านต่างเฝ้าดูอย่างเดือดพล่าน รอแทบไม่ไหวที่จะได้ร่วมเตะสักทีสองทีการเก็บเกี่ยวธัญพืช การเรียกเก็บภาษีเบ็ดเตล็ดที่มากเกินไปในวันธรรมดา และการ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 19

    หลังจากที่หลิวโหย่วไฉจากไป ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็หลั่งไหลมาที่ลานบ้าน จนแทบไม่มีที่ยืนเพราะใบกำกับภาษี ชาวบ้านจึงถูกหลิวโหย่วไฉรังแก ข่มขู่ และทุบตีแต่ไม่มีใครกล้าตีหลิวโหย่วไฉ จนเขาต้องร้องขอความเมตตาเหมือนที่หวังหยวนทำชาวบ้านต่างมองดูหวังหยวนด้วยความตกตะลึงเมื่อเห็นว่าหวังหยวนแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จึงสร้างบารมีในใจของชาวบ้านหวังปี่จงกล่าวว่า "หวังหยวน วันนี้เจ้าเอาชนะหัวหน้าหลิวได้ แต่เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่า เขาเป็นสมาชิกของทางราชการ เขายอมยุติข้อพิพาทลงด้วยดีหรือ?"ชาวบ้านเองก็ดูหวาดกลัวอย่าว่าแต่การตีสมาชิกของทางราชการเลย แค่ไม่จ่ายภาษีพวกเขาก็ยังถูกฉี๋จ่างและเจ้าหน้าที่จับตัวไปกลางดึก พวกเขาจะถูกจับขังในเรือนจำของมณฑล หรือไม่ก็ส่งตัวไปใช้แรงงานหวังหยวนทุบตีหลิวโหย่วไฉอย่างรุนแรงเช่นนี้ เขาจะไม่ปล่อยไปอย่างแน่นอน"ทุกคนไม่ต้องเป็นกังวล!"เขาขอให้เอ้อหู่ยกเก้าอี้มา หวังหยวนยืนอยู่บนนั้น สูงกว่าชาวบ้านครึ่งตัว เขามองไปรอบ ๆ แล้วพูดว่า "หลิวโหย่วไฉเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน เขาใหญ่โตเฉพาะในหมู่บ้าน แต่ทุกคนทราบหรือไม่ว่าในเขต หัวหน้าหมู่บ้านนั้นมีอำนาจเท่าใดกัน?”ชาวบ้านส่ายหัวหว

Latest chapter

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 2257

    “พวกเจ้าออกไปก่อน”เมื่อเห็นว่าคนเหล่านั้นหน้าดำคร่ำเครียด ซือหม่าอันจึงโบกมือให้พวกเขาออกไปในชั่วพริบตา คนเหล่านั้นก็จากไปด้วยความโล่งอกพวกเขาถึงกับกังวลว่าหานเทาจะสังหารพวกเขาเพราะความโกรธด้วยซ้ำ...“ท่านขุนพลหานไม่ต้องโมโห”“อันที่จริง เรื่องเหล่านี้ล้วนสมเหตุสมผล”“แม้ว่าจะไม่มีตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าแล้ว แต่ชื่อเสียงของพวกเราก็ไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจะเดินทางมาได้อย่างไร?”“ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็สร้างหอไร้เทียมทานขึ้นมาเอง ท่านคิดเห็นเช่นไร?”ซือหม่าอันหรี่ตาลง ตอนนี้เขานั่งอยู่บนเก้าอี้ สายตาจับจ้องไปที่หานเทาหานเทากลืนน้ำลาย เอ่ยถามขึ้นว่า “ท่านมีความคิดดี ๆ แล้วหรือ?”ซือหม่าอันกล่าวว่า “หลายปีมานี้ ผู้คนต่างก็เกลียดชังอาณาจักรต้าเป่ย ถึงกับคิดว่าต้นตอของสงครามในดินแดนทั้งเก้าก็คืออาณาจักรต้าเป่ยของพวกเรา ดังนั้นพวกเขาจึงไม่อยากเข้าร่วมกับพวกเรา”“เช่นนั้นพวกเราก็นำยอดฝีมือจำนวนมากจากภายนอกเข้ามาเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับตนเองสิ!”“ตามที่ข้ารู้ หวังหยวนมีน้องชายคนหนึ่งชื่อว่าไฉจวิ้น ทั้งสองไม่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือด ว่ากันว่าเป็นพี่น้องร่วมสาบาน”“ไฉ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 2256

    “เมื่อคืนข้าไม่ได้บอกเจ้าแล้วหรือ ว่าอีกสองวันพวกเราจะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง?”“ท่านถงและคนอื่น ๆ ล้วนอยู่ที่หมู่บ้านต้าหวัง พวกเราไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องราวที่นั่น”“เมื่อพวกเรากลับไปแล้ว ก็เพียงแค่ใช้ชีวิตให้มีความสุข”หวังหยวนไม่ใช่คนไร้ซึ่งความทะเยอทะยาน เพียงแต่ว่าเขาไม่ได้มีความรักชาติอันยิ่งใหญ่และคำนึงถึงปวงประชาเป็นหลัก!เขาเพียงต้องการดูแลครอบครัวของตนเอง รวมถึงสหายและพี่น้องที่อยู่เคียงข้าง!หากสามารถช่วยเหลือปวงประชาได้ ย่อมเป็นเรื่องดี แต่หากต้องเสียสละสิ่งใดจริง ๆ เกรงว่าเขาคงจะไม่ทำเช่นนั้น...แม้แต่การประชุมที่หอหลิวหลีในตอนนั้น ก็เป็นเพียงเพราะหวังหยวนต้องการความสงบสุข“ไม่ได้ ไม่ได้!”“ข้าไม่อยากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง!”“ข้าอยากจะติดตามท่านไปยังสถานที่ที่ผู้คนไม่พลุกพล่าน เมื่อข้าให้กำเนิดลูกแล้ว พวกเราค่อยกลับไปก็ได้ไม่ใช่หรือ?”หลิ่วหรูเยียนฉลาดยิ่งนักเมื่อกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง นางจะสามารถติดตามหวังหยวนได้ทุกวันได้อย่างไร?อย่าว่าแต่ต้องการจะมีลูกเป็นของตนเองเลย เกรงว่าแม้แต่พื้นที่ส่วนตัวของเขากับนางก็ยังแทบจะไม่มี!ในบ้านยังมีพี่สาวอีกหลายคน

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 2255

    หวังหยวนได้ตัดสินใจแล้ว เรื่องราวในเมืองอู่เจียงใกล้จะสิ้นสุด เขาเตรียมที่จะกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังในอีกสองวันครั้งนี้เขาออกมานานกว่าครึ่งปี แม้ว่าพวกหลี่ซื่อหานจะไม่ได้เร่งรัดให้เขากลับบ้าน แต่ด้วยนิสัยของพวกนาง เกรงว่าคงจะอยากมาตามหาเขาแล้วกระมัง?มีปัญหาน้อยดีกว่ามีปัญหามาก รีบกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวังย่อมดีกว่าอีกอย่างคือเมื่อมีคนรักใหม่แล้วจะลืมคนรักเก่าได้อย่างไร!ฝนตกทั่วฟ้าถึงจะถูกต้อง!“ท่านผู้นำ มีเรื่องสำคัญที่ต้องรายงานท่านขอรับ!”“ข้าเพิ่งได้รับข่าว หานเทาและซือหม่าอันได้ก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน ตอนนี้กำลังรวบรวมยอดฝีมือทั่วหล้า!”“นี่มันจงใจเป็นศัตรูกับพวกเราชัด ๆ”“ข้าจึงอยากจะถามว่า ต่อไปพวกเราต้องทำการตอบโต้หรือไม่ขอรับ?”หากเป็นเมื่อก่อน เกาเล่อย่อมต้องการความมั่นคง ไม่เคยทำเรื่องหุนหันพลันแล่นในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมไม่เลือกที่จะปะทะกับหานเทาโดยตรงแต่ยามนี้แตกต่างออกไป เมื่อก่อนหวังหยวนมีเพียงแคว้นเดียวเท่านั้น ตอนนี้แม้ว่าจะเป็นเช่นนั้น แต่เผ่าทางเหนือทั้งหมดก็อยู่ภายใต้การบัญชาของหวังหยวนแล้ว และท่านไท่สื่อก็เป็นคนของพวกเขาด้วย!ประกอบก

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 2254

    กองทัพทั่วหล้าตกอยู่ในมือของเขาแล้ว!หากเกิดสงครามกับหวังหยวน เขาก็ต้องเป็นแนวหน้า!ซือหม่าอันหรี่ตา จากนั้นเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยว่า “เรื่องที่ท่านขุนพลหานกังวล มีหรือที่ข้าจะไม่กังวล?”“ข้าได้กราบทูลเรื่องนี้กับฝ่าบาทแล้ว แต่ฝ่าบาทกลับไม่ได้ใส่ใจ ตอนนี้ท่านโปรดปรานการใช้ดินปืน ซ้ำยังให้คนไปคิดค้นอาวุธร้อนเพิ่มด้วย!”“เพียงแต่ว่าการจะพัฒนาอาวุธร้อนให้สมบูรณ์ ไม่ใช่เรื่องที่จะทำได้ในชั่วข้ามคืน!”หานเทาถอนหายใจยาว มีหรือที่เขาจะไม่เข้าใจหลักการนี้?น่าเสียดายที่ไม่สามารถพูดคุยกับฝ่าบาทให้เข้าใจได้!“เช่นนั้นตามความคิดเห็นของท่านซือหม่า ต่อไปพวกเราต้องทำอย่างไร?”หานเทาเอ่ยถามเขาเป็นเพียงขุนศึก ในสถานการณ์เช่นนี้ ย่อมต้องการความช่วยเหลือจากซือหม่าอันเมื่อทั้งสองปรึกษาหารือกัน อาจจะสามารถหาผลลัพธ์ที่ดีได้!ซือหม่าอันหรี่ตาลง ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ใช้นิ้วเคาะโต๊ะเบา ๆ จากนั้นกล่าวว่า “หรือว่าพวกเราจะก่อตั้งสถานที่ที่คล้ายกับหอไร้เทียมทาน จากนั้นก็ป่าวประกาศเรื่องนี้ให้ทั่ว ให้ผู้คนทั่วหล้าเดินทางมา เช่นนี้แล้ว ต่อให้พวกเราไม่สามารถรวบรวมยอดฝีมือได้มากมาย อย่างน้อยก็ไม่ปล่อยให้

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 2253

    “เจ้านี่นะ! ถึงกับหึงหวงเพราะผู้ชายเลยหรือ? หากกลับไปยังหมู่บ้านต้าหวัง เช่นนั้นข้าจะมีความสุขได้อย่างไร?”หวังหยวนส่ายหน้าอย่างจนใจ ที่บ้านเขายังมีภรรยาสาวสวยอีกหลายคน ท่าทางของหลิ่วหรูเยียนเช่นนี้ ช่างทำให้เขารู้สึกหวาดหวั่นที่สำคัญที่สุดก็คือ ภรรยาในบ้านแต่ละคนล้วนไม่ใช่คนธรรมดา!โดยเฉพาะหวงเจียวเจียว นิสัยของนางร้อนแรงยิ่งกว่าไฟ นอกจากหลี่ซื่อหานและคนอื่น ๆ แล้ว ก็เกรงว่าจะไม่ยอมรับใครอีกหากสตรีทั้งสองนี้มาพบกัน ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแต่ในเมื่อรับพวกนางมาเป็นภรรยาแล้ว ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในอนาคต เขาก็ต้องรับผิดชอบทั้งหมดเวลาสามวันผ่านไปอย่างรวดเร็ว ในช่วงสามวันนี้ หวังหยวนอยู่ในหอไร้เทียมทานต้องยอมรับว่าการก่อตั้งหอไร้เทียมทานได้ดึงดูดผู้มีความสามารถมากมายมาให้หวังหยวนที่สำคัญที่สุดก็คือหวังหยวนเป็นเพียงผู้ดูแล เรื่องราวทั้งหมดมอบให้เกาเล่อจัดการ โดยเพียงแค่ใช้ชื่อเสียงของหวังหยวนเท่านั้น!ต้องรู้ว่าหวังหยวนมีชื่อเสียงไปทั่วทั้งดินแดนทั้งเก้า เป็นเช่นนี้มาโดยตลอด แม้แต่ปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าก็เคารพหวังหยวน แล้วใครเล่าจะไม่อยากมาอยู่ใต้บัญชาของหวังหยวน?ยิ่งไป

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 2252

    การประลองย่อมต้องดำเนินต่อไปเพียงแต่ว่าตำแหน่งอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้านั้นมีมากมาย หวังหยวนจึงไม่ได้อยู่ดูการแข่งขันต่อคาดว่าในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า หอไร้เทียมทานคงจะคึกคักเป็นอย่างมากในไม่ช้า หวังหยวน ไฉจวิ้น และหลิ่วหรูเยียนทั้งสามก็กลับมาถึงห้อง ส่วนเรื่องภายนอกมอบให้เกาเล่อจัดการทันทีที่เดินเข้าห้อง หวังหยวนจึงรีบจับมือไฉจวิ้นมาตรวจดูอย่างละเอียด“พี่ใหญ่ ท่านไม่ต้องเป็นห่วงหรอกขอรับ ข้าสบายดี!”“ต่อให้ต้องประลองต่อ ข้าก็ยังไหว!”“เพียงแต่ข้าคิดไม่ถึงว่าเจ้านั่นจะยอมแพ้...”“เช่นนี้ก็ดี ทำให้ข้าไม่ต้องเปลืองแรง!”“อีกอย่าง หากต้องประลองกันต่อ เกรงว่าแม้แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจะสำเร็จหรือไม่...”นี่เป็นความจริงทุกคนรู้ว่าไฉจวิ้นมีพละกำลังมหาศาล ตัวเขาเองก็รู้ดีแก่ใจ แต่ขีดจำกัดของตนอยู่ที่ใด เกรงว่าแม้แต่เขาเองก็คงจะไม่รู้“เห็นว่าเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็โล่งใจ”“แต่ต่อไปเมื่อทำสิ่งใด ต้องใช้ความคิดให้มาก”“แม้ว่าเจ้าจะมีพละกำลังมหาศาล แต่เหนือฟ้ายังมีฟ้า เหนือคนยังมีคน เจ้าไม่มีทางรู้ได้ว่าคู่ต่อสู้ของเจ้าแข็งแกร่งเพียงใด”“ดังนั้นเมื่อทำสิ่งใด อย่าได้อวดดี เข้าใจหรือไม่?”

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 2251

    “ช่างมีพละกำลังมหาศาลจริง ๆ!”ขณะที่หวังหยวนกับพวกกำลังสนทนากัน สายตาของพวกเขาก็จับจ้องไปที่ดาร์เนล ซึ่งในตอนนี้ได้ยกติ่งหนักถึงเจ็ดร้อยชั่งขึ้นเหนือศีรษะบนเวทีเหลือเพียงไฉจวิ้นและดาร์เนลเมื่อดาร์เนลยกติ่งขึ้นได้ สายตาของทุกคนต่างจับจ้องไปที่ไฉจวิ้น ตอนนี้เขาคือความหวังของปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้า ตำแหน่งจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้าจะไปตกอยู่ในมือของชาวต่างชาติได้อย่างไร?เช่นนี้แล้ว ภายภาคหน้าปวงประชาแห่งดินแดนทั้งเก้าจะเชิดหน้าชูตาได้อย่างไร?ทางด้านสายตาของหวังหยวนนั้นจับจ้องไปที่ดาร์เนล ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่“ดูท่าแล้วไฉจวิ้นยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา ดาร์เนลมีความสามารถจริง ๆ ข้าเห็นว่าตอนที่เขายกติ่งขึ้นเมื่อครู่ไม่ได้มีความลังเลแม้แต่น้อย ช่างมีพละกำลังมหาศาลนัก หากบอกว่าคนผู้นี้คือจอมพลังอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า นั่นไม่ถือว่าเป็นการดูหมิ่นชื่อเสียงอันดับหนึ่งแห่งใต้หล้า”หลิ่วหรูเยียนที่อยู่ด้านข้างเอ่ยอย่างช้า ๆการกระทำทั้งหมดของดาร์เนลล้วนอยู่ในสายตาของพวกเขา นี่คือผู้ที่มีความสามารถอย่างแท้จริงหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น เกรงว่าจะไม่มีใครทำได้อย่างเข้าไม่ใช่หรือ?

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 2250

    แต่ทั้งหมดนี้นั้น นับว่าเป็นความดีความชอบของปู่ของไฉจวิ้นด้วย หากไม่ใช่เพราะมีปู่ช่วยเหลืออยู่ข้าง ๆ และใช้ชีวิตอยู่ในป่ามาหลายปี แล้วเขาจะมีพละกำลังแข็งแกร่งเพียงนี้ได้อย่างไร?เมื่อไฉจวิ้นยกติ่งใหญ่ขึ้น ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ก็ทยอยแสดงความสามารถของตนน่าเสียดาย ในท้ายที่สุดผู้ที่สามารถยกติ่งใหญ่ขึ้นได้ นอกจากไฉจวิ้นแล้วมีเพียงชาวต่างชาติที่มาจากต่างแดนเท่านั้นเสียงปรบมือดังกึกก้องจากข้างล่างเวที “คนผู้นี้มีความสามารถยิ่งนัก”หวังหยวนกอดอกมองชาวต่างชาติผู้นั้น พลางกวักมือเรียกเกาเล่อในชั่วพริบตา เกาเล่อก็มาอยู่ข้างกายหวังหยวน แต่สีหน้ากลับดูตึงเครียด“คนผู้นั้นคือชาวต่างชาติที่เจ้าเพิ่งพูดถึงหรือ?”หวังหยวนชี้ไปที่อีกคนบนเวที แล้วเอ่ยถามเกาเล่อพยักหน้า จากนั้นก็ขมวดคิ้วเอ่ยว่า “คนผู้นี้มีที่มาไม่ธรรมดา ก่อนหน้านี้ข้าได้บอกข้อมูลของเขาให้ท่านทราบแล้ว คนผู้นี้มีชื่อว่าดาร์เนล ว่ากันว่ามีพละกำลังมหาศาลตั้งแต่เด็ก และเคยต่อยเสือร้ายตายด้วยหมัดเดียว!”“เดิมทีคิดว่าทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล่า ตอนนี้ดูเหมือนว่าอาจจะไม่ใช่เรื่องโกหก...”สามารถยกติ่งใหญ่หนักห้าร้อยชั่งได้ นั่นก็

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 2249

    เขามีความมั่นใจในตัวน้องชายคนนี้ก่อนหน้านี้ หวังหยวนเคยเห็นความสามารถของไฉจวิ้นมาก่อน อย่าว่าแต่จะหาผู้ที่เทียบเทียมเขาในบรรดาคนรุ่นเดียวกันได้ยากเลย แม้แต่คนที่อายุมากกว่าเขาก็ยังไม่มีใครมีพละกำลังเท่าเขา!ยิ่งไปกว่านั้น หวังหยวนเองก็ยังไม่รู้ขีดจำกัดของไฉจวิ้น!ดูท่าแล้ววันนี้คงมีเรื่องสนุกให้ชมกันเกาเล่อกลับเอ่ยว่า “ข้าเห็นว่าไม่เป็นเช่นนั้น คนที่อยู่ข้างกายไฉจวิ้นล้วนไม่ใช่คนธรรมดา! หนึ่งในนั้นมาจากต่างแดน คนผู้นี้มีชื่อเสียงมานาน ว่ากันว่าสามารถยกหินใหญ่หนักสองร้อยจินได้ด้วยมือเดียว!”“หากใช้สองมือ คาดว่าของหนักห้าร้อยจินก็คงไม่คณนามือขอรับ!”นี่...หวังหยวนกลืนน้ำลาย คนเหล่านี้กินหินเป็นอาหารกันหรืออย่างไร?ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งถึงเพียงนี้เลยหรือ?อย่าว่าแต่ยกของหนักห้าร้อยจินเลย แม้แต่สองร้อยห้าสิบจิน เขาก็ยังยกไม่ขึ้น!“รอดูไปก่อน ข้าก็อยากจะรู้เหมือนกันว่าศักยภาพของไฉจวิ้นมีขีดจำกัดอยู่ที่ใด”“เจ้าจำไว้ว่าต้องไปเตือนเขาด้วยว่าอย่าได้มุทะลุดุดัน!”“เขายังเด็กนัก ภายภาคหน้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะพิสูจน์ตนเอง หากได้รับบาดเจ็บเพราะเรื่องนี้แล้วนั้น ย่อมไม่คุ้มค่า”ห

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status