แชร์

บทที่ 14

ผู้แต่ง: ชวินเป่ยอี๋
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-10-29 19:42:56
เกวียนล่อกลับเข้าเมือง

หวังหานซานขับเกวียนนำหน้า ต้าหู่ยืนอยู่ด้านหลัง ส่วนเอ้อหู่และหวังซื่อไห่เดินคุยกันตามมา

หวังหยวนอยู่บนเกวียน เขาเอนหลังเพื่อจะพักผ่อน เขายังไม่นอนตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ และเขาก็ทนไม่ไหวแล้ว

เอ้อหู่พูดอย่างตื่นเต้น "พี่ซื่อไห่ บอกข้าอีกครั้งซิว่าพี่หยวนขายน้ำตาลได้อย่างไร"

“เอ้อหู่ ข้าพูดไปแปดครั้งจนควันจะขึ้นคอแล้ว!”

หวังซือไห่ก้มศีรษะลง และสัมผัสเสื้อผ้าซาตินผืนใหม่ของตนเอง

“ไม่พูดก็ไม่พูด แต่โปรดอย่าลืมเรียกข้าว่าหวังโปลู นี่คือชื่อที่พี่หยวนเปลี่ยนให้ข้า”

เอ้อหู่ทำหน้าตาขึงขัง

หวังซือไห่ยกแขนเสื้อซาตินขึ้นมา "โปลู ทำไมเจ้าถึงไม่เปลี่ยนเสื้อซาตินตัวใหม่ของเจ้าล่ะ ผ้าซาตินสวมใส่สบายมาก สบายกว่าผ้าฝ้ายเสียอีก"

หลังจากออกจากร้านน้ำตาลของโจว หวังหยวนก็ซื้อของหลายอย่าง มีเสื้อผ้าซาตินสองชุดและรองเท้าสำหรับแต่ละคน

เอ้อหู่ชำเลืองมองพ่อซึ่งกำลังขับเกวียนอยู่

เขาจะเก็บเสื้อผ้าใหม่ไว้สวมใส่ในช่วงเทศกาลตรุษจีน แล้วค่อยเอามาอวดหวังซือไห่ตอนนั้น

ชายชราที่กำลังเข็นเกวียนโยนแส้ลงทันที ก่อนจะม้วนเก็บแล้วลากเกวียนเข้าบ้าน

"อา!"

หวังหยวนซึ่งกำลังหลับใหลอยู่ในเกวียนล่อตื่นขึ้นมาและไม่เห็นใครอยู่รอบ ๆ เขาเปิดกล่องทองและเงินก่อนจะพูดว่า "ลุงหานซาน รอสักครู่ ต้าหู่ เอ้อหู่ และซือไห่มานี่ พวกเจ้าเอาไปคนละห้าสิบกว้าน ส่วนลุงหานซานเหนื่อยที่สุด เอาไปหกสิบกว้าน ไม่มีใครคัดค้านใช่ไหม"

"ไม่ ไม่ครับ!"

หวังซือไห่พูดตะกุกตะกัก

เขานึกว่าหวังหยวนจะให้เงินแค่หนึ่งถึงสองกว้าน และมากสุดก็ห้ากว้านเท่านั้น

แต่กลับ...

"...ไม่ มันมากเกินไป หวังหยวน เจ้าซื้อของให้เรามากมาย เราพอใจแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องใช้เงินอีก!"

หวังหานซานส่ายหัว

ต้าหู่และเอ้อหู่แต่ละคนมีห้าสิบกว้าน และเขาได้รับหกสิบกว้าน ซึ่งรวมทั้งหมดเป็นหนึ่งร้อยหกสิบกว้าน

ไม่ว่าจะเป็นการตกปลา การตกปลาด้วยธนู หรือการทำน้ำตาลทรายขาว ล้วนแต่เป็นวิธีการลับของหวังหยวน

หากเขาต้องการหาคนงาน แค่จ้างวันละสามสิบอีแปะก็มีคนจำนวนมากที่อยากทำ

จะรับไว้มากมายขนาดนี้ได้อย่างไร

"ใช่ รับไว้ไม่ได้แล้ว!"

ต้าหู่และเอ้อหู่เองก็คิดเช่นเดียวกัน

แค่ช่วยเหลือพี่น้อง ได้กินเนื้อแล้ว แถมยังได้ผ้าซาตินผืนใหม่ ก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว

หวังซือไห่ยังกล่าวอีกว่า "หวังหยวน ข้าเป็นแค่นักเลงหัวไม้ ข้าไม่เคยกินอิ่ม และไม่เคยได้สวมเสื้อผ้าอุ่น ๆ เช่นนี้มาก่อน ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็เจอแต่คนดูถูก สองสามวันนี้ที่ติดตามเจ้า ข้าได้กินเนื้อ ได้ดื่มเหล้า และตอนนี้ข้ายังมีผ้าแพรให้สวมอีก ข้าพอใจแล้ว เงินนี่ข้าก็รับไว้ไม่ได้เช่นกัน"

ไม่ใช่ว่าไม่อยากได้ แต่ไม่สามารถรับไว้ได้แล้ว หากรับไว้อีก คงเอาชนะความรู้สึกผิดชอบชั่วดีในใจไม่ได้

หวังหยวนยิ้ม "ห้าสิบ หกสิบกว้านนี้เยอะแล้วงั้นรึ?"

ต้าหู่ เอ้อหู่ และหวังซือไห่พยักหน้าซ้ำ ๆ ส่วนหวังหานซานทำท่าครุ่นคิด

หวังหยวนกล่าวขึ้น "ที่ดินหนึ่งหมู่มีราคาประมาณห้ากว้าน หัวหน้าหมู่บ้านหลิวโหย่วไฉมีที่ดินสามร้อยหมู่ อย่างน้อยก็หนึ่งพันห้าร้อยกว้าน นี่ไม่นับเงินและอาหารของครอบครัวเขา ของพวกเรานั้นเทียบไม่ได้เลย"

ทั้งสี่พยักหน้าด้วยความประหลาดใจ

หกร้อยกว้านดูเหมือนเยอะ แต่ในความเป็นจริง ยังเทียบกับภูมิหลังครอบครัวของหลิวโหย่วไม่ได้เลย

"แต่ตราบใดที่ทุกคนทำงานร่วมกัน มันก็แค่เรื่องของเวลาก่อนที่จะแซงหน้าพวกเขา"

หวังหยวนเลิกคิ้วขึ้นและยิ้ม "อนาคตจะหกพัน หรือหกหมื่นกว้านก็ไม่ใช่ปัญหา"

"หกพันกว้าน! หกหมื่นกว้าน!"

หวังซือไห่นับนิ้วอย่างอึ้ง ๆ

เขารู้เพียงว่าพันและหมื่นเป็นตัวเลขที่เยอะมาก แต่เขาไม่รู้ว่ามันมากมายแค่ไหน

ต้าหู่และเอ้อหู่กำลังคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้

แม้แต่หวังหานชานที่สงบนิ่งอยู่เสมอก็รู้สึกมีพายุในใจ

“เงินนี้ไม่ได้จะให้พวกเจ้านำไปใช้จ่ายตามอำเภอใจ”

หวังหยวนยัดเงินให้กับคนทั้งสี่ และพูดอย่างจริงจัง "ซือไห่ ต้าหู่ เอ้อหู่ พวกเจ้าเองก็โตแล้ว ถึงเวลาสร้างครอบครัวแล้ว กลับไปสร้างบ้าน แล้วค่อยหาแม่สื่อเพื่อเลือกสะใภ้ที่สวยและนิสัยดี ถ้าเงินไม่พอ ข้าจะโปะให้ จำไว้ว่า เจ้าต้องสร้างบ้านอิฐแปดหลังพร้อมลานภายในบ้าน ข้าจะออกแบบรูปแบบบ้านให้พวกเจ้าเอง หากใครสร้างบ้านด้วยดินและฟาง อนาคตก็อย่าได้มาทำงานกับข้าเชียว"

"แต่งงานกับสะใภ้ และสร้างบ้านอิฐแปดหลัง"

ดวงตาของหวังซือไห่เบิกกว้าง น้ำตาไหลอาบใบหน้าอย่างกะทันหัน เขาคุกเข่าลงบนพื้นทันที "หวังหยวน ชีวิตของข้าเป็นของเจ้า จากนี้ไป หากเจ้าจะให้ข้าไปฆ่าคน หรืออะไรก็ได้ทั้งนั้น"

เขาไม่เคยคิดว่าในชีวิตนี้เขาจะสามารถกินอาหารสี่อย่าง ดื่มเหล้า นุ่งผ้าแพร สร้างบ้านอิฐ และแต่งงานกับภรรยาที่สวยงามได้ สิ่งเหล่านี้ห่างไกลจากความฝันของเขายิ่งนัก แต่หลังจากใช้เวลาสองวันติดตามหวังหยวน ความฝันทั้งหมดกลับกลายเป็นจริง

"พวกเราก็เช่นกัน!"

ต้าหู่และเอ้อหู่พูดขึ้นพร้อมกัน

แม้ว่าหวังหานซานจะไม่ได้พูดอะไร แต่เขาก็มองไปที่เงินในมือ และพยักหน้าเล็กน้อย

ในพื้นที่ชนบท พวกเขาแต่งงานกันตอนอายุสิบสามหรือสิบสี่ปี ต้าหู่กับเอ้อหู่ก็ถึงวัยที่จะแต่งงานแล้ว

พวกเขาเคยได้พูดคุยกับแม่สื่อ แต่ฝ่ายหญิงทราบถึงฐานะทางบ้าน ก็ไม่มีใครยอมตกลงแต่งงานด้วยเลย

หวังหานซานเองก็ต้องการทำงานหนักขึ้น เพื่อเก็บเงิน สร้างบ้านอิฐขึ้นอีกสองสามหลัง เพื่อเริ่มสร้างครอบครัวให้กับลูกชายทั้งสองคนของเขา

แต่ไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาก็มีลูกเพิ่มอีกสามคน ลูกชายทั้งสองคนฝึกศิลปะการต่อสู้กับเขา และพวกเขากินเยอะมาก ๆ หลังจากทำงานหนักหลายปี ครอบครัวเก็บเงินได้เพียงแค่สามกว้านเท่านั้น และลูกชายสองคนก็เข้าสู่วัยแต่งงานแล้ว ไม่รู้ว่าต้องรอถึงปีโหวหรือไม่

ตอนนี้เงินหนึ่งร้อยหกสิบกว้านจะช่วยให้ลูกชายสองคนเริ่มต้นครอบครัว และเริ่มต้นอาชีพได้

หวังหยวนพยุงหวังซือไห่ลุกขึ้นและพูดด้วยรอยยิ้ม "จะไปฆ่าใครกัน? เราทุกคนเป็นหนึ่งเดียวกัน ทำงานหนักเพื่อหาเงิน และมุ่งมั่นที่จะมีชีวิตที่ดีขึ้นด้วยกัน"

ทั้งสี่พยักหน้าด้วยความเชื่อมั่น การใช้ชีวิตที่ดีนั้นมีประสิทธิภาพมากกว่าการพูดเรื่องไร้สาระ

“ต้าหู่ เอ้อหู่!"

หวังหานชานมองไปที่เงินในมือของทั้งสอง "ข้าจะช่วยเก็บไว้ให้พวกเจ้าเอง!"

ต้าหู่ยิ้มและยื่นเงินให้พ่อ

เอ้อหูยื่นเงินให้และพึมพำว่า "ท่านพ่อ โปรดเรียกข้าว่าหวังโปลู!"

หวังหานซานยกแส้ขึ้น

เอ้อหู่กระโดดหลบด้วยความตกใจเหมือนลิง

มองไปที่ร่างที่กระฉับกระเฉงของเอ้อหู่ หวังหยวนจึงถามขึ้นว่า "ลุงหานซาน เอ้อหู่เอาชนะเก้าคนได้ในตงซื่อ และน่าวซันเจียงบอกว่าเขาเป็นลูกชายของสำนัก ท่านเป็นคนสอนเขาหรือ"

หวังซือไห่ก็อยากรู้เช่นกัน

หวังหานซานออกจากกองทัพมาห้าปีแล้ว และไม่เคยแสดงกังฟูของเขาเลย บางครั้งต้องแย่งน้ำกันในฤดูร้อนมีคนมาชี้หน้าด่าว่าเขา แต่เขาก็ไม่เคยใช้กำลังต่อหน้าต้าหู่และเอ้อหู่

"...อืม!"

หวังหานซานเงียบไปครู่หนึ่ง "ศิลปะการต่อสู้ที่สืบทอดมาจากผู้บัญชาการเก่าในกองทัพน่ะ!"

หวังหยวนถามด้วยความอยากรู้ "ถ้าอย่างนั้นลุงสามารถล้มได้กี่คน?"

หวังหานซานตอบ "มันก็พูดยาก ขึ้นอยู่กับเป็นคนธรรมดาที่ใช้มือเปล่า หรือว่าใช้อาวุธ หรือชุดเกราะ ตอนนี้ข้านั้นแก่ลงแล้ว น่าจะยังสามารถล้มคนธรรมดามือเปล่าได้สักสิบคน ถ้าคนธรรมดาถือมีดหรือปืน และข้าไม่มีอาวุธ ห้าหรือหกคนสามารถฆ่าข้าได้ ถ้าพวกเขาฝึกในชุดเกราะ สามคนสามารถเอาข้าลงได้แล้ว ดังนั้นในเมือง พวกเราพยายามไม่ลงมือ อันธพาลพวกนั้นมีทั้งมีดและปืน หากถูกล้อมมันจะเป็นอันตรายได้!"

"อืม!"

หวังหยวนมองไปที่ท้องฟ้า "พวกเรารีบไปกันเถอะ ต้องรีบกลับไปก่อนฟ้าจะมืด มิฉะนั้นหลิวโหย่วไฉจะมาทวงหนี้ ซื่อหานอยู่บ้านคนเดียวข้าเกรงว่าพวกมันจะทำอะไรพลการ

...

ปัง ปัง ปัง!

สมุนทั้งสี่เตะบ้านของหวังหยวน

หลิวโหย่วไฉตะโกนสุดเสียง "แซ่หวังเปิดประตูให้ไว วันนี้ได้เวลาชำระหนี้แล้ว อย่ามัวแต่ซ่อนตัวอยู่ที่บ้านเหมือนเต่า รีบออกมาจากบ้านของข้า ยอมเป็นคนรับใช้ของข้าซะดี ๆ และบอกภรรยาเจ้าอาบน้ำอาบท่าให้สะอาด คืนนี้ข้าจะเข้าไปในห้องเจ้าสาว”

สมุนทั้งสี่หัวเราะ

"หลิวโหย่วไฉ เวลาเที่ยงคืนเพิ่งจะเต็มเดือนเท่านั้น สามีของข้าออกไปขายปลา และเขาจะจ่ายคืนให้เมื่อเขากลับมาในตอนกลางคืน ตอนนี้ท่านกำลังบุกลุกพื้นที่ส่วนตัวของพวกข้า"

หลี่ซื่อหานใช้ไม้พองกันประตูเอาไว้

"ขายปลาใช้หนี้งั้นรึ!"

หลิวโหย่วไฉหัวเราะเยาะ "ถ้าเขาจับปลาได้ไม่ถึงหนึ่งหรือสองพันตัว เขาก็ไม่สามารถขายได้ในราคาสี่สิบกว้านหรอก อย่าหลอกข้าด้วยสิ่งนี้เลย รีบเปิดประตูแล้วจ่ายหนี้มาซะ หากไม่เปิด ข้าจะพังประตูเข้าไปแล้ว พังประตูซะ!"

ปัง ปัง ปัง!

สมุนสี่คนช่วยกันพังประตูเข้าไป!

บทที่เกี่ยวข้อง

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 15

    ประตูไม่ขยับเลยสักนิด !หลิวโหย่วไฉโบกมือ "หยุด มันถูกไม้ขัดอยู่ ปีนข้ามกำแพงไปเลย"สมุนทั้งสี่หยุดถีบประตู ก่อนจะซ้อนตัวกันแล้วกระโดดลงไปที่ลานบ้าน แล้วเปิดประตูออกหลิวโหย่วไฉเดินเข้ามาในบ้านหลี่ซื่อหานตื่นตระหนก และรีบวิ่งเข้าไปในห้องด้านในหลิวโหย่วไฉเดินไปอย่างสบาย ๆ "โฉมงาม ชายผู้ล้างผลาญเงินครอบครัวหนีไปโดยไม่ใช้หนี้ เจ้ายังตั้งใจตอบแทนมันอยู่อีกหรือ มารับใช้ข้าผู้ซึ่งมีจิตใจเมตตาไม่ดีกว่ารึ"“สามีข้าไม่ได้หนี เขาจะกลับมาใช้หนี้แน่ อย่าเข้ามานะ!”หลี่ซื่อหานดึงโต๊ะมุมไปกันประตูเอาไว้ "ชายผู้ล้างผลาญเงินครอบครัวมีดีอย่างไร คุ้มค่ากับสิ่งที่เจ้าทำเพื่อมันหรือ!"หลิวโหย่วไฉขยิบตาให้สมุนปัง!สมุนสองคนกระแทกประตูปึก!ประตูกระแทกโต๊ะเลื่อนไปด้านหลัง หลี่ซื่อหานเองก็ล้มตัวลงกับพื้น"ใช้แรง!"หลิวโหย่วไฉยิ้มอย่างน่ากลัวปัง ปัง!เสียงกระแทกประตูติดต่อกันสองครั้ง ก่อนที่ประตูจะเปิดออกหลิวโหย่วไฉเดินเข้าไปหาหลี่ซื่อหานด้วยใบหน้าที่น่ากลัว "โฉมงาม ในเมื่อชายผู้ผลาญเงินครอบครัวไม่ได้อยู่ที่นี่ งั้นเราก็เข้าห้องหอกันเถอะ ตามหลักฐานการยืมเงินแล้ว เจ้าป็นคนของข้า"หลี่ซ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 16

    ตามกฎของต้าเย่ หากชำระหนี้ก่อนเวลาจื่อจะถือว่าอยู่ในเวลาที่กำหนด หลิวโหย่วไฉทำอะไร? ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เห็นแต่ประตูบ้านพัง ดวงตาของหลี่ซื่อหานเต็มไปด้วยน้ำตา มือเล็ก ๆ ถึงกับบวมแดงกรรไกรและมีดทำครัวอที่อยู่ในมือลูกสมุน และพี่น้องตระกูลเดียวกันที่ถือไม้พลองอย่างโกรธจัดก็บอกเขาแล้วว่าน่าจะเกิดอะไรขึ้น!"ท่านพี่!"ใช้โอกาสตอนที่ลูกสมุนกำลังตะลึง หลี่ซื่อหานรีบออกมาจากห้อง และโผลตัวเข้าไปในอ้อมแขนของหวังหยวน พลางร้องไห้เสียงดัง“ไม่ต้องกลัว ข้ากลับมาแล้ว!”หวังหยวนลูบผมยาวของหลี่ซื่อหานเบา ๆ เพื่อปลอบโยน เขายกมือที่บวมแดงขึ้นมา "ยังเจ็บอยู่ไหม?""...ไม่เจ็บแล้วเจ้าค่ะ!"ด้วยความเจ็บปวด หลี่ซื่อหานฝืนยิ้มบนใบหน้า และเมื่อเห็นชาวบ้านมองมา นางก็รีบซ่อนตัวข้างหลังหวัง หยวนทันที ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นแดงระเรื่อในสายตาของทุกคน นางโผเข้าสู่อ้อมแขนของสามี และพูดคำที่อบอุ่นอายจนแทบบ้า!คนกลุ่มนั้นไม่สนใจเรื่องนี้ แต่กลับมองไปที่เสื้อคลุมผ้าไหมของหวังหยวน เสื้อผ้าใหม่ของต้าหู่ และซื่อไห่ที่เดินตามมา ในชนบทมีไม่กี่คนที่นุ่งผ้าป่านและผ้าฝ้าย แต่สามคนนี้กลับนุ่งผ้าไหม นี่พวกเขาร่ำรวยแล้ว

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 17

    ขณะที่ดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า แสงรอบข้างสาดส่องลงบนทองคำสิบสองตำลึง สีทองอ่อนสะท้อนสะดุดตาหลิวโหย่วไฉหยิบแท่งทองคำขึ้นมา ถูมันบนเสื้อผ้าของเขา ก่อนจะกัดฟันสองซี่ลงไป และใบหน้าของเขาก็ดูยุ่งเหยิงขึ้นกว่าเดิม "เจ้าไปเอามาจากไหน!"แท่งทองคำสิบสองตำลึง หนึ่งร้อยกว้านบวกกับเหรียญเงิน และเหรียญทองแดงอีกแปดสิบกว้าน รวมเป็นหนึ่งร้อยแปดสิบกว้าน เด็กคนนี้หาได้เงินมากมายขนาดนี้ได้อย่างไร!"เจ้าจะสนใจทำไม!"หวังหยวนพูดอย่างไม่เกรงใจ "ข้าถามเจ้าแค่คำเดียว มันคือทองใช่หรือไม่!"ชาวบ้านต่างก็ขนหัวลุกต้องการเงินก็ให้เงิน ต้องการทองแดงก็ให้ทองแดง ต้องการทองก็ให้ทองดูสิว่าเจ้าของที่สุนัขจิ้งจอกแก่ตัวนี้จะเล่นเล่ห์อะไรต่ออีก!“ทองก้อนนี้ค่อนข้างแข็ง มันต้องผสมทองแดงอยู่แน่ หากไม่ใช่ทองแท้ข้าก็จะไม่รับ!”หลิวโหย่วไฉกลอกตา โดยไม่สนใจรอยที่เขากัด และผุดความคิดขึ้นมาใหม่“ทองแดงผสม? คนแซ่หลิว ฟันสุนัขของเจ้าสามารถกัดทองแดงได้หรือ ช่างไร้ยางอายเสียจริง?ชาวบ้านต่างก็โกรธเคืองต้าหู่และซื่อไห่กำหมัดแน่น นี่มันรังแกกันเกินไปแล้ว“เจ้าคนใจดำ ต่อให้ข้าต้องติดคุก ข้าก็จะฆ่าเจ้าให้ตาย”ดวงตาของเ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 18

    หลิวโหย่วไฉร้องด้วยความเจ็บปวดไปทั่วร่างกาย ยกมือขึ้นกุมศีรษะ และร้องขอความช่วยเหลือ "ท่านหัวหน้าตระกูลหวัง ท่านแค่มองดูเขาทุบตีเจ้าหน้าที่แบบนี้รึ รอการเก็บพืชผลในปีหน้าเถิด""การเตะต้นเอื้อง!"เมื่อคิดถึงเรื่องสำคัญนี้ หวังปี่จงจึงรีบเกลี้ยกล่อมเขา "หวังหยวน สุภาพบุรษตกลงกันด้วยวาจา มีอะไรก็พูดกันดี ๆ อย่าได้ใช้กำลังเลย..."“หุบปาก ทำไมเมื่อกี้ท่านไม่ห้ามเขาให้คุยกับข้าดี ๆ!” หวังหยวนไม่หันแม้แต่ศีรษะ เขายังคงเตะไม่ยั้ง “...” หวังปี่จงสำลักและมองไปที่หลี่ซื่อหาน "เกลี้ยกล่อมสามีของเจ้าเถิด หากฆ่าคนตายจะเกิดเรื่องใหญ่"หลี่ซื่อหานเม้มริมฝีปากแน่น และไม่พูดอะไร สามีของนางไม่ได้โง่ขนาดจะทุบตีคนจนตายนางยังคงเฝ้าดู นอกจากหมัดแรกที่ชกไปที่หน้า นอกนั้นเขาก็เตะไปที่ขา ก้น และหลังของหลิวโหย่วไฉเท่านั้น และนี่ไม่อาจทำให้คนตายได้หวังปี่จงมองไปที่ต้าหู่ เอ้อหู่ และหวังซื่อไห่อีกครั้ง แต่ทั้งสามไม่แม้แต่จะสนใจเขาหวังปี่จงมองไปที่ชาวบ้านชาวบ้านต่างเฝ้าดูอย่างเดือดพล่าน รอแทบไม่ไหวที่จะได้ร่วมเตะสักทีสองทีการเก็บเกี่ยวธัญพืช การเรียกเก็บภาษีเบ็ดเตล็ดที่มากเกินไปในวันธรรมดา และการ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 19

    หลังจากที่หลิวโหย่วไฉจากไป ชาวบ้านส่วนใหญ่ก็หลั่งไหลมาที่ลานบ้าน จนแทบไม่มีที่ยืนเพราะใบกำกับภาษี ชาวบ้านจึงถูกหลิวโหย่วไฉรังแก ข่มขู่ และทุบตีแต่ไม่มีใครกล้าตีหลิวโหย่วไฉ จนเขาต้องร้องขอความเมตตาเหมือนที่หวังหยวนทำชาวบ้านต่างมองดูหวังหยวนด้วยความตกตะลึงเมื่อเห็นว่าหวังหยวนแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จึงสร้างบารมีในใจของชาวบ้านหวังปี่จงกล่าวว่า "หวังหยวน วันนี้เจ้าเอาชนะหัวหน้าหลิวได้ แต่เจ้าเคยคิดหรือไม่ว่า เขาเป็นสมาชิกของทางราชการ เขายอมยุติข้อพิพาทลงด้วยดีหรือ?"ชาวบ้านเองก็ดูหวาดกลัวอย่าว่าแต่การตีสมาชิกของทางราชการเลย แค่ไม่จ่ายภาษีพวกเขาก็ยังถูกฉี๋จ่างและเจ้าหน้าที่จับตัวไปกลางดึก พวกเขาจะถูกจับขังในเรือนจำของมณฑล หรือไม่ก็ส่งตัวไปใช้แรงงานหวังหยวนทุบตีหลิวโหย่วไฉอย่างรุนแรงเช่นนี้ เขาจะไม่ปล่อยไปอย่างแน่นอน"ทุกคนไม่ต้องเป็นกังวล!"เขาขอให้เอ้อหู่ยกเก้าอี้มา หวังหยวนยืนอยู่บนนั้น สูงกว่าชาวบ้านครึ่งตัว เขามองไปรอบ ๆ แล้วพูดว่า "หลิวโหย่วไฉเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน เขาใหญ่โตเฉพาะในหมู่บ้าน แต่ทุกคนทราบหรือไม่ว่าในเขต หัวหน้าหมู่บ้านนั้นมีอำนาจเท่าใดกัน?”ชาวบ้านส่ายหัวหว

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 20

    จะร่ำรวยแล้วหรือนี่!ไม่จำเป็นต้องอดทนหิวในฤดูหนาวแล้ว และทุกคนในครอบครัวสามารถสวมใส่ผ้าฝ้ายเพื่อหลีกเลี่ยงความหนาวเย็นได้แล้วสามารถกินเนื้อสัตว์ในช่วงเทศกาลปีใหม่ได้แล้ว!ชาวบ้านที่ยืนอยู่นอกประตูก็หลั่งน้ำตาด้วยความตื่นเต้น ต่างก็อยากจะคุกเข่าให้กับหวังหยวนในฤดูใบไม้ร่วงและฤดูหนาวจะมีอากาศหนาวเย็นจัด และพื้นดินกลายเป็นน้ำแข็ง ผักป่าในทุ่งก็เริ่มน้อย และนับวันยิ่งใช้ชีวิตลำบากขึ้นเรื่อย ๆ!ทุกปีมีชาวบ้านยากจนจำนวนมากไม่สามารถอยู่รอดได้ในฤดูหนาว บางคนต้องอดตายหรือหนาวตาย สวัสดีปีใหม่! เราจะผ่านไปได้!หวังปี่จงขมวดคิ้ว เด็กคนนี้ช่างฟุ่มเฟือยจริง ๆ ถึงได้กล้าจ่ายเงินเดือนให้พวกเขาสูงขนาดนี้ แต่เขาก็ยังเด็กอยู่ มันยากที่จะจับปลาหากแม่น้ำกลายเป็นน้ำแข็งในช่วงฤดูหนาว แม้ว่าเขาจะมีวิธีลับในการตกปลาก็เปล่าประโยชน์ ถึงตอนนั้น เมื่อถึงเวลานั้น หากใช้จ่ายหกสิบกว้านต่อเดือน ดูครอบครัวเจ้าจะอยู่ได้นานแค่ไหน"แต่ละครอบครัวเลือกคนที่จะเข้าร่วมทีมตกปลา และเราจะจัดการประชุมย่อยในภายหลัง"หวังหยวนพูดอีกครั้ง "ซื่อไห่ เอาน้ำตาลทรายแดงที่เราซื้อมาจากที่ว่าการอำเภอออกมา ต้าหู่ เอ้อหูพวกเจ้าช่ว

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 21

    หลี่ซื่อหานกระซิบ "อาจเป็นข้าราชการของมณฑลก็ได้"หวังหยวนส่ายหัว "ตอนที่หลิวโย่วไฉจากไป ประตูเมืองถูกปิดแล้ว เขาไม่สามารถไปเรียกคนจากที่ว่าการอำเภอในเวลานี้มาได้ หากพังประตูเข้ามาเช่นนี้ จะต้องเป็นหัวขโมยแน่ แต่ไม่รู้ว่าพวกมันมีกันกี่คน เจ้าลงไปซ่อนตัวที่ใต้เตียงก่อน!”หลี่ซื่อหานส่ายหัว "แม้ว่าข้าจะเป็นผู้หญิง แต่หากเอาไม่ตีลงบนหัว ก็ไม่มีใครทนได้ ข้าช่วยท่านได้"“เอาล่ะ พอประตูเปิดออก พวกเราก็พุ่งเข้าไปตีเลย!”หวังหยวนพยักหน้าด้วยเสียงต่ำทั้งสองไม่ได้จุดตะเกียง หยิบมีดพร้าและไม้เท้าออกมา และเดินเท้าเปล่าไปที่ห้องหลักแสงของดวงดาวและดวงจันทร์ส่องเข้ามา ปลายมีดมองเห็นได้ลาง ๆ และแสงเย็นส่องผ่านรอยแตกของประตูเอี๊ยด เอี๊ยด…กลอนประตูถูกผลักเปิดออกด้วยปลายมีดทีละน้อยทั้งสองกลั้นหายใจหวังหยวนต้องการจะใส่สลักเกลียวประตูดี ๆ จากนั้นก็ตะโกนเพื่อไล่โจรขโมยออกไปแต่ประตูไม่แข็งแรงนัก หากขโมยใจกล้า และไม่ออกไป กระแทกประตูแค่ไม่กี่ครั้ง ก็สามารถเปิดเข้ามาได้แล้วแม้จะระวังมากแค่ไหน แต่หากพวกมันพุ่งเข้ามา ก็ไม่สามารถเอาชนะพวกมันได้! การจู่โจมในตอนนี้ สามารถใช้ไม้ล้มได้แค่สองคนเท่าน

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 22

    เอ้อหู่ทำท่าทางถือปืนในอากาศ "นี่คือเฉียงจ้วงที่อาจารย์ของท่านพ่อส่งมอบให้แก่เขา นิ้วเท้าจับพื้น ฝ่าเท้าควรกลวง เข่าควรงอเล็กน้อย เอนก้นไปด้านหลัง ยกจุดหุ้ยอินขึ้น ปลายหางควรหย่อนลง และท้องควรหด อกควรเปิด มือควรถืออะไรบางอย่าง ไหล่ควรหนัก ข้อศอกควรงอ คางควรหด หูควรเงยขึ้น และศีรษะควรอยู่เหนือสิ่งต่าง ๆ หากยืนนาน ๆ ด้วยวิธีนี้ จะสามารถเพิ่มความแข็งแกร่งและตอบสนองได้อย่างรวดเร็ว และจะสามารถล้มคนได้หลายคน"หวังหยวนตกตะลึง นี่เป็นเหมือนท่ายืนสามร่างของจีนโบราณในยุคของการแพร่ระบาดของข้อมูลข่าวสาร ศิลปะการต่อสู้กำลังภายในทุกประเภทถูกโพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ตมีหลายคนที่ได้เห็นมัน แต่น้อยคนที่จะฝึกฝนได้“พี่หยวน นี่เป็นความลับ พ่อไม่บอกแม้กระทั่งลุงทั้งสองของข้าด้วยซ้ำ!”เอ้อหู่พูดเสียงต่ำ "ท่านพ่อบอกว่าท่านร่างกายไม่แข็งแรงนัก จึงให้ข้าถ่ายทอดเฉียงจ้วงให้แก่ท่าน เพื่อฝึกฝนร่างกายของท่าน แต่ท่านห้ามเผยแพร่ออกไปเด็ดขาด นี่คือทักษะลับของครอบครัวอาจารย์"“ข้าจะลองดู!”หวังหยวนเรียนรู้การวางท่า แต่เมื่อคำนึงถึงอันนี้ก็พลาดอันนั้น เขาไม่สามารถเข้าใจสาระสำคัญได้วางท่าอย่างลวก ๆ ยืนอยู่เพียงห้

บทล่าสุด

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1858

    เกาเล่อไม่ได้สนใจ เพียงแค่ดื่มสุราต่อไปในสายตาของเขา สิ่งเหล่านี้เป็นเพียงกลอุบายหลอกล่อลูกค้าเท่านั้นเพียงแค่เสนอราคาให้เหมาะสม เขาก็ไม่เชื่อหรอกว่าหญิงสาวที่นี่จะรักนวลสงวนตัว!มันเป็นเพียงเรื่องน่าขัน!ทันใดนั้นชายหลายคนจากโต๊ะข้าง ๆ ก็หัวเราะเยาะขึ้นมา“เจ้าคิดว่ามีเงินแล้วจะยิ่งใหญ่นักหรือ?”“ที่อื่นอาจจะได้ แต่ที่นี่ไม่ได้หรอกนะ!”“เจ้ารู้หรือไม่ว่ามีคนอยากดื่มสุราร่วมกับแม่นางหรูเยียนกี่คน?”“มากมายจนถ้าต่อแถวแล้ว แถวคงยาวออกไปนอกเมือง!”“ในบรรดาคนเหล่านั้นมีคุณชายจากตระกูลชั้นสูง แต่แม่นางหรูเยียนก็ไม่ได้สนใจพวกเขา”“ส่วนเจ้าก็คงไม่ต่างกัน!”ทุกคนต่างหัวเราะกันครื้นเครงหวังหยวนไม่ได้สนใจคำพูดของพวกเขา หลังจากเก็บทองบนโต๊ะกลับคืนมาแล้ว เขาก็โบกมือให้เสี่ยวเอ้อออกไปเสี่ยวเอ้อสบถ เดิมทีคิดว่าหวังหยวนจะให้เงินทอง แต่สุดท้ายกลับไม่ได้อะไรเลย…ช่างน่าโมโหนักหวังหยวนมองไปที่เกาเล่อ แล้วกระซิบว่า “เจ้าส่งคนไปสืบเรื่องราวของแม่นางหรูเยียนที ข้าค่อนข้างสนใจนาง”“ท่านผู้นำ ท่านไม่ได้ล้อเล่นใช่หรือไม่ขอรับ?”“ท่านเชื่อคำพูดไร้สาระของพวกเขาหรือ?”“ข้าสงสัยว่านางคนนั้น

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1857

    หวังหยวนประหลาดใจ ที่นี่มีกฎเกณฑ์ด้วยงั้นหรือ? ขณะที่เกาเล่อกำลังจะแสดงความไม่พอใจ แต่หวังหยวนรีบส่งสัญญาณให้เขาด้วยสายตา เกาเล่อจึงไม่พูดอะไรเพิ่มเติม ยังคงยืนแข็งทื่อราวกับรูปปั้นอยู่ด้านหลังของหวังหยวน แต่ดวงตาของเกาเล่อแสดงถึงความไม่สบอารมณ์“เหตุใด?”“หรือว่าเจ้าจะคิดทำร้ายคน?”หญิงสาวที่เพิ่งสนทนากับหวังหยวนเบ้ปากใส่เกาเล่อ แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “หากไม่ได้มาเพื่อความสนุกสนานก็จงรีบออกไปจากที่นี่เสีย!”“อย่ามาขวางทาง อย่าทำให้พวกข้าเสียเวลา!”“พวกข้ายังต้องทำมาหากิน!”หญิงคนนั้นก็ชนไหล่ของหวังหยวนแล้วเดินผ่านไปที่หน้าประตู หญิงสาวคนอื่น ๆ ที่ตามมาก็ทำเช่นเดียวกัน“พวกนางช่างไม่รู้ที่ต่ำที่สูง!”“หากพวกนางรู้ถึงตัวตนของท่าน คงต้องคุกเข่าขอความเมตตาจากท่าน”เกาเล่อบ่นพึมพำ“เช่นนั้นอย่าให้พวกนางรู้ถึงตัวตนของข้าดีกว่า”“ข้าไม่อยากมีเรื่องกับพวกนาง”หวังหยวนกล่าวติดตลกแล้วเดินเข้าไปด้านในพร้อมกับเกาเล่อ เลือกที่นั่งแล้วมองไปยังเวทีกลางพลางพิจารณาหอชิงสุ่ยอย่างละเอียดต้องยอมรับว่าที่นี่ตกแต่งได้อย่างหรูหราอลังการอาคารหลังนี้มีทั้งหมดสามชั้น ชั้นล่าง

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1856

    แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ใช่ว่าจะสำเร็จได้ในวันเดียวหากต้องการให้เมืองอู่เจียงกลายเป็นเมืองสำคัญทางคมนาคมคงต้องใช้เวลาอีกสองสามปีจึงจะสมบูรณ์หวังหยวนเองก็ไม่ปล่อยเวลาให้สูญเปล่า เขาพยายามค้นหาคนที่เหมาะจะเป็นผู้ว่าราชการคนใหม่ในเมืองอู่เจียง แต่ก็ยังหาไม่พบณ หอชิงสุ่ยเมื่อค่ำคืนนี้มาเยือน หวังหยวนกำลังไปเดินเล่นชมเมืองและบังเอิญมาถึงหอชิงสุ่ยที่นั่นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและผู้คนพลุกพล่าน“ที่นี่คือที่ใด?” หวังหยวนถามเกาเล่อผู้ติดตามอยู่ข้างกาย“ที่นี่คือสถานที่แห่งความสุขทางโลกขอรับ”“ท่านผู้นำสนใจจะเข้าไปดูหรือไม่ขอรับ?”เกาเล่อตอบด้วยรอยยิ้ม“ข้าไม่สนใจเรื่องเหล่านี้...”“อีกอย่างซื่อหานก็รอข้าอยู่ที่บ้าน หากข้ามมัวเมาสุราอยู่ที่นี่ แล้วพวกผู้หญิงในบ้านรู้เข้าคงต้องมีเรื่องวุ่นวายเป็นแน่”หวังหยวนส่ายหน้า หลี่ซื่อหานนั้นยังเข้าใจได้และจะไม่พูดอะไรมาก แต่สำหรับหวงเจียวเจียว...นั่นคือคนที่ยากจะรับมือเกาเล่อหัวเราะ แล้วกล่าวต่อ “ท่านผู้นำอาจเข้าใจผิด ที่นี่ไม่ใช่สถานที่ธรรมดาอย่างที่ท่านคิดหรอกนะขอรับ”“ข้าเคยสืบเรื่องที่นี่มาแล้ว”“เท่าที่ข้าทราบ เจ้าของที่นี่มีเบื้

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1855

    ในไม่ช้าหวังหยวนพร้อมคณะก็กลับมายังที่ว่าการเมืองอู่เจียงฉุนอวี๋อันเฝ้ารอมาพักใหญ่แล้ว“ท่านผู้นำ ข้าสั่งให้เหล่าแรงงานเตรียมพร้อมแล้ว พวกเขาพร้อมจะเริ่มงานได้ทุกเมื่อขอรับ!”“ข้าได้แจกจ่ายแบบแปลนให้แก่พวกเขาแล้ว แต่ว่าตอนนี้ยังมีปัญหาอยู่อย่างหนึ่ง...”ฉุนอวี๋อันพูดเพียงเท่านี้ก็เงียบไป สีหน้าบ่งบอกถึงความลำบากใจ“ต้องการเงินเท่าใด?”หวังหยวนทราบความคิดของเขาในทันทีจึงเอ่ยถามออกไป“ท่านผู้นำฉลาดหลักแหลมยิ่งนักขอรับ!”“ใช่แล้วขอรับ เพียงแค่ต้องการเงินจำนวนหนึ่ง!”“ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เมืองอู่เจียงไม่ได้มีเงินทองมากมาย จึงไม่เพียงพอที่จะใช้ในการก่อสร้างครั้งนี้”“ข้าจึงจำต้องมาแจ้งเรื่องนี้กับท่านผู้นำขอรับ...”ฉุนอวี๋อันรีบกล่าว“เจ้าไม่ต้องอ้อมค้อมแล้ว ต้องการเงินเท่าใดก็บอกมาเถิด เรื่องนี้ข้าจะจัดการให้”หวังหยวนไม่ได้ขาดแคลนเงินทองนั่นคือเรื่องเดียวที่เขาได้เปรียบในบรรดาอาณาจักรทั้งสี่ฉุนอวี๋อันรีบนำบัญชีรายรับรายจ่ายที่รวบรวมไว้มาให้หวังหยวน “ข้าได้รวบรวมรายละเอียดทั้งหมดไว้แล้ว ท่านผู้นำโปรดพิจารณา หากไม่มีปัญหาอะไรก็โปรดอนุมัติตามจำนวนนี้ด้วยขอรับ”หวังหยวนรับม

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1854

    ถ้อยคำของตงฟางฮั่นมีความหมายแฝงอยู่ แต่หวังหยวนก็เข้าใจในทันที“ข้าเข้าใจแล้ว ท่านหมายถึงพรรคทมิฬใช่หรือไม่?”ตงฟางฮั่นยิ้มอย่างพึงพอใจ แล้วพยักหน้า“ดูเหมือนว่าท่านจะไม่ได้ไร้เดียงสาเหมือนที่ข้าคิด สามารถสังเกตเห็นพรรคทมิฬได้เร็วถึงเพียงนี้!”เมื่อเอ่ยถึงชื่อนี้ สีหน้าของเกาเล่อก็เปลี่ยนไปเช่นกันหลังจากจับกุมสาวกของพรรคทมิฬได้หลายคน เกาเล่อและหวังหยวนก็รู้เรื่องของพรรคทมิฬมากขึ้น และในช่วงนี้เกาเล่อก็ได้ส่งคนจำนวนมากไปรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับพรรคทมิฬแต่ก็ยังไม่มีประโยชน์มากนักแสดงให้เห็นว่าคนของพรรคทมิฬนั้นเหมือนพวกหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด!การขุดคุ้ยเรื่องคนเหล่านี้ต้องใช้เวลา!“แล้วเหตุใดคนของพรรคทมิฬถึงได้ทำร้ายท่านเล่า?” “หรือว่าพวกท่านเคยมีเรื่องขัดแย้งกัน?”หวังหยวนเคาะโต๊ะเบา ๆ สายตาจ้องมองไปที่ตงฟางฮั่นอีกครั้งตงฟางฮั่นส่ายหน้าแล้วยิ้มเยาะ “ข้าจะไปเข้าร่วมกับคนพวกนั้นได้อย่างไร?” “ไม่รู้ว่าพวกเขาได้ยินชื่อของข้ามาจากไหน จึงได้มาติดต่อข้า หวังว่าข้าจะเข้าร่วมพรรคทมิฬ!” “แต่ข้าได้ปฏิเสธพวกเขามาหลายครั้งแล้ว” “แต่พวกเขาก็ยังคงตามติดไม่เลิก ก่อนหน้านี้พวกเขาย

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1853

    “มาเยือนโดยไม่ได้รับเชิญ ถือว่าเป็นแขกผู้มาเยือนได้หรือ?” ตงฟางฮั่นเอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่สบอารมณ์ “ในเมื่อเจ้าชอบสถานที่นี้ ก็จงดื่มสุราอยู่ที่นี่คนเดียวเถิด” “ลาก่อน”เพียงชั่วพริบตา ตงฟางฮั่นก็ลุกขึ้นยืน ขณะที่เขากำลังจะเดินสวนกับชายคนนั้น ก็ได้ยินเสียงชายคนนั้นเอ่ยขึ้นว่า “ท่านตงฟาง ท่านพร้อมจะวางเดิมพันไว้ที่หวังหยวน แต่กลับไม่คิดจะพบกับท่านประมุขของข้าหรือ?”“ฮึ” “พวกเจ้าก็เป็นเพียงพวกหนูที่อาศัยอยู่ในความมืดมิด” “ใครเล่าจะอยากร่วมมือกับพวกเจ้า?” ตงฟางฮั่นเย้ยหยัน ไม่ได้สนใจชายผู้อยู่เบื้องหลังอีกต่อไปสีหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไป มือหนึ่งคว้ามีดสั้นจากอกเสื้อ แล้วแทงเข้าที่หลังของตงฟางฮั่นอย่างรวดเร็ว! ว่องไวราวกับสายฟ้าแลบ!“ถ้าไม่เป็นมิตร ก็ต้องเป็นศัตรู!” “ไปลงนรกซะ!”สีหน้าของตงฟางฮั่นเปลี่ยนไป แต่ตอนนี้การหลบหลีกนั้นสายเกินไปแล้ว เพราะเขาไม่ได้ฝึกวิทยายุทธใด ๆ เลย!ในขณะที่เขาเตรียมใจยอมรับชะตากรรม ก็ได้ยินเสียงโลหะกระทบกัน ปรากฏว่าเกาเล่อผู้ซ่อนตัวอยู่ในที่มืดปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็ว และข้างกายเขายังมีสมาชิกขององค์กรเครือข่ายผีเสื้ออีกหลายคนมีกำลังคนม

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1852

    “ท่านทั้งหลายไปที่นั่นแล้วจะได้ลงทะเบียนทันที!”เมื่อทราบว่าหวังหยวนไม่ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ทุกคนจึงรีบขอลา แล้วมุ่งหน้าสู่ตลาดตะวันออกด้วยความเร่งรีบ การลงทะเบียนโดยเร็วจะช่วยคลายกังวลในใจได้!เมื่อเห็นเหล่าชาวบ้านมาเร็วไปเร็วเช่นนั้น ฉุนอวี๋อันจึงบ่นหลังถอนหายใจว่า “ประชาชนพวกนี้ช่างร้อนรนนัก!”“หากมีสิ่งใดขัดขวางความประสงค์ของพวกเขา พวกเขาก็จะก่อความวุ่นวายไม่หยุด!”“โชคดีที่ข้าไม่ใช่ผู้ว่าราชการเมืองเมืองนี้แล้ว จึงบรรเทาความกดดันลงได้บ้าง…”แต่หารู้ไม่ว่าหวังหยวนยังคงยืนอยู่ข้างกายฉุนอวี๋อันหันกลับไปเห็นหวังหยวนกำลังมองตนอยู่ ทันใดนั้นเขาก็ตัวสั่นเทา ตกใจกลัวจนถอยหลังไปสองก้าว และถึงกับหายใจติดขัด“ท่านผู้นำ…”“ข้าไม่ใช่หมายความเช่นนั้น”หวังหยวนเห็นท่าทีขลาดกลัวของเขาจึงส่ายหน้าแล้วยกยิ้มดูเหมือนการตัดสินใจของเขาจะถูกต้อง คนเช่นนี้จะสามารถเป็นใหญ่ในเมืองได้อย่างไร?หากปล่อยให้ฉุนอวี๋อันดำรงตำแหน่งผู้ว่าราชการเมืองต่อไป แม้การก่อสร้างระบบชลประทานจะแล้วเสร็จก็คงหาผลกำไรไม่ได้มากนักผลลัพธ์สุดท้ายก็คงเดาได้ไม่ยากไม่ช้าหวังหยวนและคณะก็เดินทางกลับระหว่างทางกลับ เ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1851

    “หืม?” หวังหยวนเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย จากนั้นก็เข้าใจทันที คงเป็นเพราะเรื่องเกณฑ์แรงงานจึงทำให้ประชาชนไม่พอใจ“ทุกคน!”“เรื่องนี้คงเกิดจากความเข้าใจผิดใช่หรือไม่?”“ข้าต้องการแรงงานมาช่วยทำงาน แต่ก็เพื่อการพัฒนาเมืองอู่เจียง!”“เมื่อการก่อสร้างระบบชลประทานเสร็จสมบูรณ์ ในฤดูฝน พวกเราก็ไม่ต้องกังวลว่าแม่น้ำจะเอ่อล้นอีกต่อไป และที่สำคัญที่สุด เวลาในการเดินทางระหว่างเมืองอู่เจียงกับเมืองต่าง ๆ ก็จะใกล้เคียงลงมาก!”“นับเป็นเรื่องที่ดีต่อแผ่นดินและประชาชน!”“ยิ่งไปกว่านั้น ข้าก็ไม่ได้ใช้แรงงานโดยไม่จ่ายค่าจ้าง ข้าจะจ่ายค่าจ้างให้เดือนละหนึ่งตำลึง!” หวังหยวนอธิบายสถานการณ์โดยย่อความจริงเป็นเช่นนั้น เมื่อการก่อสร้างระบบชลประทานเสร็จสมบูรณ์ เมืองอู่เจียงจะเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง! ในอนาคต แม้แต่เมืองหลวงก็อาจจะพัฒนาไม่ดีเท่าเมืองอู่เจียง! แต่ทั้งหมดนี้นั้นเป็นเพราะเมืองอู่เจียงมีแม่น้ำห้าสายไหลผ่าน หากไม่เป็นเช่นนี้จะมีโอกาสสร้างระบบชลประทานได้อย่างไร?“จ่ายค่าจ้างด้วยหรือ?”“ก่อนหน้านี้ไม่เคยได้ยินเช่นนั้นเลยไม่ใช่รึ?”“พวกเราคงจำผิดไปกระมัง?”“ใช่แล้ว! ข้าได้ยินมาว่าท่านผู้นำเ

  • บัณฑิตยอดนักคิดแห่งต้าเย่   บทที่ 1850

    “การเตรียมการต่าง ๆ เป็นอย่างไรบ้าง?”หวังหยวนยกถ้วยชาขึ้น สายตาจับจ้องไปยังเกาเล่อขณะเอ่ยถามเกาเล่อส่ายหน้าแล้วตอบว่า “ข้าได้ค้นหาคนผู้มีความสามารถอยู่เสมอ แต่ก็ไม่ราบรื่นดังที่คาดหวังไว้ขอรับ” “บางคนก็มีความรู้ความสามารถ บางคนก็ไม่อาจคาดเดาเจตนาได้ โดยสรุปแล้วก็ยังไม่พบผู้ใดที่เหมาะสมนัก”หวังหยวนพยักหน้า แท้จริงแล้ว การค้นหาคนที่ไว้ใจได้และมีความรู้ความสามารถนั้นจะเป็นเรื่องง่ายได้อย่างไร? เวลาเพียงสองวันนั้นย่อมไม่เพียงพอ“เช่นนั้นเจ้าจงค้นหาต่อไป” “อย่างไรเสียข้าก็ต้องอยู่ที่เมืองอู่เจียงต่อไปอีกนาน” “เรื่องต่าง ๆ ในที่นี้ ข้าจะรับผิดชอบเอง” “แต่ก่อนหน้านั้นเจ้ายังมีภารกิจสำคัญอีกอย่างหนึ่ง นั่นคือการจัดหาแรงงานเพื่อช่วยข้าขุดคลอง” หวังหยวนสั่งการเพิ่มเติมเกาเล่อรับคำแล้วก็จากไปหลังจากอยู่ในห้องมาสองวัน แผนที่ก็เสร็จสมบูรณ์แล้ว หวังหยวนจึงสั่งให้คนจัดเตรียมอาหารและเครื่องดื่ม เพื่อเป็นการฉลองความสำเร็จแม้ว่าฉุนอวี๋อันจะพ้นจากตำแหน่งแล้ว แต่ก็ยังคงอยู่เคียงข้างหวังหยวน เกาเล่อควบคุมข่าวสารต่าง ๆ แต่เรื่องราวภายในเมืองอู่เจียงนั้น ฉุนอวี๋อันย่อมรู้ดีกว่า

DMCA.com Protection Status