แชร์

บทที่ 25

ผู้เขียน: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
“ท่านปู่เซี่ย เรื่องนี้ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของข้าเถิด เชิญท่านออกไปก่อน แล้วข้าจะคุยกับเซี่ยหลานเอง”

เซี่ยเหอพยักหน้า จากนั้นจึงหันหลังเดินออกไปพร้อมกับโอวหยางฮุ่ยและคนอื่น ๆ

หลังจากที่พวกเขาออกไปเซี่ยหลานก็เอ่ยอย่างเหนื่อยใจ “พอข้าพูดความจริง ท่านปู่และคนอื่น ๆ ก็มิเชื่อ ราวกับว่าพวกท่านจะสบายใจหากข้าเสียความบริสุทธิ์ให้กับองค์รัชทายาท ในสายตาของพวกเขา ข้าเป็นตัวอะไรหรือ?”

ฉงชูโม่กลอกตามองนางอย่างมิพอใจ “เลิกบ่นแล้วบอกข้ามาว่ามันเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่”

“จะเกิดเรื่องอันใดได้เล่า ท่านอ๋องฉีส่งใต้เท้าหลินมาที่นี่เมื่อวานนี้ จากนั้นก็วางแผนเรื่องนี้กับท่านปู่ คิดจะให้ข้าร่วมมือกับพวกเขาใส่ร้ายองค์รัชทายาท แต่เจ้าสารเลวนั่นกลับมองแผนการของเราออก แถมยังเล่นงานเรากลับอีก ส่วนเรื่องที่เกิดบนเขาชานเมือง เจ้าก็รู้แล้วนี่ว่าเรื่องราวเป็นเช่นไร”

“สรุปว่าองค์รัชทายาทแค่ฉีกทึ้งอาภรณ์ของเจ้า และมิได้ทำอะไรเจ้าอีกเลยหรือ?”

“ใช่ แต่ท่านปู่ของข้ามิเชื่อ พวกเขาจะทำให้ข้าเป็นบ้าตายอยู่แล้ว”

ฉงชูโม่ขมวดคิ้วและพึมพำ “นี่มิถูกต้อง ทุกคนเล่าลือกันว่าองค์รัชทายาทวัน ๆ หลงสุรามัวเมานารี เขาฉีกอาภรณ์ข
บทที่ถูกล็อก
อ่านต่อที่ GoodNovel
สแกนรหัสเพื่อดาวน์โหลดแอป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 26

    เมื่อเห็นบุคคลนี้ การแสดงออกของเซี่ยหลานก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย และระหว่างคิ้วของนางยังฉายท่าทีแปลกไปอีกด้วยแต่เนื่องจากสถานะอันสูงส่งของอีกฝ่าย นางจึงยังคงโค้งคำนับฉงชูโม่ยกมือขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นกลาง “หม่อมฉันกลับมาที่หลงเฉิง หม่อมฉันคงมิจำเป็นต้องรายงานต่อท่านอ๋องฉีหรอกกระมังเพคะ?"ฉินหงแสดงรอยยิ้มที่ตนคิดว่าเป็นมิตรมากออกมา และพูดว่า “แม่ทัพฉงล้อเล่นแล้ว เจ้าเป็นแม่ทัพชั้นหนึ่งที่ได้รับการแต่งตั้งจากเสด็จพ่อของข้า ในแง่ของตำแหน่งอย่างเป็นทางการนั้น เจ้าอยู่ต่ำกว่าข้าครึ่งอันดับสูงสุด เมื่อเจ้ากลับมา แน่นอนว่ามิจำเป็นต้องรายงานอะไรต่อตัวข้าอ๋องผู้นี้”“ท่านอ๋องฉีทรงทราบเช่นนั้นก็ดีแล้วเพคะ ชิ่งกั๋วกงน่าจะอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ ท่านอ๋องสามารถพบเขาที่นั่นเพคะ”“ตัวข้าได้พบกับชิ่งกั๋วกงแล้วและข้าก็ได้รู้เรื่องที่เกิดขึ้นจากเขาแล้วเช่นกัน เซี่ยหลาน คราวนี้ข้าขาดการพิจารณาทำให้เจ้าต้องทนทุกข์ทรมานกับความอัปยศอดสูเพราะฉินซู ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย”ฉินหงกล่าวและประสานมือคำนับเล็กน้อยไปทางเซี่ยหลานเซี่ยหลานรีบโบกมือแล้วพูดว่า “หามิได้เพคะ หม่อมฉันได้บอกท่านปู่แล้วว่า หม่อม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 27

    เมื่อมองด้านหลังของทั้งสองขณะเดินออกไป ฉินหงก็หรี่ตาลงเล็กน้อย กลิ่นกายความโหดเหี้ยมก็แวบขึ้นมาในส่วนลึกจากดวงตาของเขาเขาพึมพำกับตัวเองว่า “ฉงชูโม่ แค่เจ้าปฏิเสธความโปรดปรานของตัวข้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า นั่นก็เรื่องนี้ มาตอนนี้เจ้ายังกล้าทำหน้ามิพอใจต่อหน้าตัวข้าอีกรึ? หึ รอจนกว่าข้าจะนั่งตำแหน่งองค์รัชทายาทตำหนักบูรพา แล้วเจ้าจะต้องเสียใจ”พูดจบเขาก็สะบัดแขนเสื้อด้วยความโกรธแล้วหันหลังเดินออกไปเมื่อกลับมาที่ห้องโถงใหญ่ เซี่ยเหอก็รีบกล่าวขอโทษ “ท่านอ๋อง กระหม่อมขอประทานอภัยพ่ะย่ะค่ะ เซี่ยหลานถูกพวกเราตามใจมาตั้งแต่นางยังเป็นเด็ก เช่นนั้นนางคงจะ…”ยังมิทันที่เขาจะพูดจบฉินหงก็โบกมือและพูดอย่างมิใส่ใจ “ช่างเถอะ ครั้งนี้เป็นตัวข้าที่ประมาทไปจริง ๆ ใต้เท้าเซี่ย ใต้เท้าหลิน ตอนนี้เราทุกคนลงเรือลำเดียวกันแล้ว ข้าจะมิอ้อมค้อมอีก”ฉินหงหยุดชั่วขณะแล้วพูดอย่างจริงจัง “ตอนนี้จนกว่าจะถึงวันชุนเฟินปีหน้า อีกเพียงแค่ครึ่งปี ในช่วงเวลานี้ ข้าจะต้องสร้างความได้เปรียบให้มากที่สุด มิเช่นนั้น เมื่อองค์รัชทายาทถูกปลด คงจะเป็นการยากที่จะยึดเอาตำแหน่งมาได้สำเร็จ ดังนั้นช่วงเวลาเช่นนี้ข้าคงต้องพึ่งพาท่านใต้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 28

    เมื่อฉินซูมาถึงห้องทรงพระอักษร ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วเขาโค้งคำนับด้วยความเคารพ แต่ฉินอู๋ต้าวโบกมือแล้วพูดว่า “มิต้องมากพิธี ที่นี่ไม่มีคนนอก นั่งลงเถอะ”ฉินซูยังคงยืนอยู่โดยมิได้นั่งลง และถามอย่างใจเย็น “เสด็จพ่อ เมื่อท่านเรียกเอ๋อร์เฉิน(1)เข้าเฝ้า เสด็จพ่อมีรับสั่งอันใดหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ฉินอู๋ต้าวพูดเบา ๆ "เจ้าคงจะรู้เรื่องการประชุมระหว่างแคว้นใช่หรือไม่?”“เอ๋อร์เฉิน… พอรู้บ้างพ่ะย่ะค่ะ”ในความทรงจำของอดีตองค์รัชทายาท เขารู้ดีมิน้อยเลยเกี่ยวกับการประชุมระหว่างแคว้นนี้ฉินอู๋ต้าวพยักหน้าเล็กน้อยและพูดต่อ “เช่นนั้น ทางด้านบู๊ เหลยเจิ้นก็มีผู้สมัครของอยู่แล้ว แต่ทางด้านบุ๋น เว่ยเจิงยังมิได้ตัดสินใจเลือกผู้สมัคร ที่ข้าเรียกเจ้ามาก็เพื่อจะฟังความคิดของเจ้าคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้”“เสด็จพ่อ ขุนนางอาวุโสเว่ยมิสามารถหาผู้สมัครที่เหมาะสมได้หรือพ่ะย่ะค่ะ?”“แม้ว่าในช่วงมิกี่ปีที่ผ่านมาจะมีบัณฑิตชั้นยอดมากมาย แต่พวกเขายังขาดความสามารถในการเข้าร่วมการประชุมระหว่างแคว้นอยู่บ้าง”ฉินซูถามด้วยความสับสน “หากเป็นเช่นนั้น เหตุใดเสด็จพ่อมิออกประกาศรับสมัครผู้มีความสามารถจากทั่วหล้าหรือพ่ะย่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 29

    เว่ยเจิงออกมาอย่างช้า ๆ และกล่าวด้วยความเคารพ “ฝ่าบาท คำพูดขององค์รัชทายาทเป็นไปได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“ดี เฉาฉุน ร่างคำสั่งทันที ข้าจะเรียกบัณฑิตจากทั่วหล้ามารวมตัวกันที่เมืองหลงเฉิงในวันผู้สูงอายุ เพื่อแสดงความเคารพต่อขงจื๊อ!”“ข้าน้อยน้อมรับคำสั่ง!”หลังจากจัดเตรียมพระราชกฤษฎีกาแล้วฉินอู๋ต้าวก็ถามเว่ยเจิงอีกครั้ง “เว่ยเจิง เทียบกับเมื่อก่อนแล้วเจ้ารู้สึกหรือไม่ว่าองค์รัชทายาทดูแตกต่างมากทีเดียว?”“นี่…” เว่ยเจิงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง และในที่สุดก็พยักหน้า “ทูลฝ่าบาท จริงพ่ะย่ะค่ะ”“แล้วเจ้ารู้หรือไม่ว่า เหตุใดองค์รัชทายาทจึงเปลี่ยนไปมากถึงเพียงนี้?”“ข้าน้อยผู้นี้มิแน่ใจพ่ะย่ะค่ะ หรือบางทีองค์รัชทายาทอาจจะรู้สึกตัวขึ้นมากะทันหันก็เป็นได้พ่ะย่ะค่ะ”ฉินอู๋ต้าวยิ้มเยาะและพูดว่า “ว่ากันว่าภูมิแคว้นนั้นยังเปลี่ยนแปลงได้ แต่ธรรมชาติของมนุษย์นั้นยากแท้ที่จะเปลี่ยน ตั้งแต่เขาเติบใหญ่ เขามัวแต่หลงมึนเมาไปกับสุราเคล้าอยู่แต่กับนารี เขาจะรู้สึกตัวขึ้นมากะทันหันได้อย่างไร? ข้าสงสัยว่าจะมีที่ปรึกษาผู้มีทักษะสูงคอยชี้นำเขาจากเบื้องหลัง”ด้วยเหตุนี้ การจ้องมองของฉินอู๋ต้าวก็เฉียบคมขึ้นในขณะท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 30

    ฉงชูโม่เหลือบมองฉินซูและพูดอย่างมิสบอารมณ์ “หัวหน้าโหรหลวงกับหม่อมฉันมีความแค้นอันใดต่อกัน? แล้วเกี่ยวอันใดกับท่านมิทราบ?”“ไปกันใหญ่ ข้าคือองค์รัชทายาทแห่งตำหนักบูรพา แล้วเจ้าคุยกับตัวข้าผู้เป็นองค์รัชทายาทด้วยท่าทีเช่นนี้รึ?”ฉินซูรู้สึกอยู่เสมอว่าฉงชูโม่นั้นหยิ่งเกินไปฉงชูโม่ขมวดคิ้วและถามด้วยความสับสน “ท่านจะไปที่ใด?”ฉินซู “...”ฉงชูโม่ถกแขนเสื้อทั้งสองข้างขึ้นเผยให้เห็นแขนขาวใสดั่งหยก และพูดต่ออย่างภาคภูมิใจ “อย่าพยายามใช้ตำแหน่งองค์ชายแห่งตำหนักบูรพามาข่มขู่หม่อมฉัน นับประสาอะไรกับความจริงที่ว่า ท่านเป็นเพียงองค์รัชทายาทที่กำลังจะถูกปลด แม้ว่าจะมิใช่เช่นนั้น หม่อมฉันก็มิกลัวท่านหรอก”“เอาเถอะ ตัวข้าคร้านเกินกว่าจะพูดเรื่องไร้สาระกับเจ้า บอกข้าหน่อยสิ ดึกดื่นเพียงนี้เจ้ามาทำอันใดที่นี่?”“องค์รัชทายาทเอ่ยถามเช่นนี้ช่างแปลกพิลึก ตอนนี้หม่อมฉันเป็นอาจารย์แห่งตำหนักบูรพาของท่านแล้ว จากนี้ไป มิว่าจะกิน ดื่ม ใช้ชีวิต อาศัยอยู่ หม่อมฉันก็จะทำในตำหนักบูรพาแห่งนี้!”“มิใช่แล้วกระมัง? หากเจ้าอยู่ในตำหนักบูรพาทั้งวันทั้งคืนเช่นนี้ แล้วความเป็นส่วนตัวของตัวข้าเล่า?”“หึ องค์จักรพร

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 31

    ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยมิรู้ว่าจะพูดอะไร ดังนั้นเขาจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตกฉงชูโม่เหลือบมองที่โถงใหญ่อีกครั้ง เอ่ยเหน็บแนม “องค์รัชทายาท ด้วยตำแหน่งของพระองค์ ทรงแอบฟังเช่นนี้ พระองค์มิรู้สึกละอายใจบ้างหรือเพคะ?”“ข้ามิได้แอบฟังเสียหน่อย เป็นพวกเจ้าที่พูดดังเกินไปต่างหาก ทำราวกับว่าข้าอยากได้ยินอย่างนั้น”ฉินซูเกาจมูกตัวเอง แล้วเดินกลับไปที่ห้องโถงด้านหลังด้วยความเขินอายตอนนี้เขามิสามารถไปยุ่มย่ามกับฉงชูโม่ที่มีอำนาจในราชสำนักได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ยังสามารถซ่อนตัวจากนางได้ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพูดว่า “ชูโม่ มันเหมาะสมที่สตรีเช่นเจ้าจะค้างคืนอยู่ในตำหนักบูรพาหรือ?”“ข้าจะมิเพียงแค่พักค้างคืนเท่านั้น แต่ข้าจะอยู่ในตำหนักบูรพาจนถึงวันชุนเฟินปีหน้า นี่คือพระประสงค์ขององค์จักรพรรดิ อีกอย่าง...”เมื่อฉงชูโม่พูดเช่นนี้ นางก็มองลึกเข้าไปในโถงใหญ่ และพูดต่ออย่างมีความหมายลึกซึ้งว่า “หากมีใครคิดจะทำอะไรมิดีกับข้า ข้าจะได้มีเหตุผลในการเอาคืน!”“เช่นนั้นแล้ว ข้าจะไปขออนุญาตจากองค์จักรพรรดิ ขอประจำอยู่ในตำหนักบูรพาด้วยเช่นกัน”“เจ้าเป็นเพียงหัวหน้าองครักษ์ของตำหนักบูรพา แต่เจ้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 32

    ครู่ต่อมา เสียงของหลินชิงเหยาก็ดังมาจากนอกโรงอาบน้ำ “องค์รัชทายาท หม่อมฉันมีเรื่องกราบทูลพระองค์เพคะ”ฉินซูเปิดประตูโรงอาบน้ำแล้วดึงนางเข้ามาจากนั้นเขาก็รีบปิดประตูอีกครั้งทีแรกหลินชิงเหยาสะดุ้งตกใจ จากนั้นจึงตระหนักได้ว่าฉินซูต้องการทำอะไรใบหน้าอันบอบบางและงดงามของนางแดงโดยมิรู้ตัว พลันก้มหน้าลงด้วยความเขินอายท่าทางอ่อนหวานนี้ทำให้ฉินซูรู้สึกคันยุบยิบที่หัวใจเขาเชยคางโค้งมนของหลินชิงเหยาขึ้น ตั้งใจจะจุมพิตลงริมฝีปากอันอ่อนนุ่มนั้นหลินชิงเหยาเอามือขาวนวลของนางปิดที่ปากของฉินซู แล้วพูดว่า "องค์รัชทายาท หม่อมฉันมีเรื่องด่วนจะกราบทูลพระองค์เพคะ"ฉินซูพูดอย่างมิอดทน “หากมีเรื่องอะไร ก็เอาไว้พูดกันทีหลัง!”“องค์รัชทายาท หม่อมฉันอยู่ที่นี่แล้ว เหตุใดพระองค์ต้องรีบร้อนเช่นนี้ อย่างมาก คืนนี้หม่อมฉันก็มิกลับไป”ทันทีที่หลินชิงเหยาพูดคำเหล่านี้ ใบหน้างดงามของนางก็แดงยิ่งขึ้นอีกฉินซูพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “เช่นนั้นก็รีบบอกข้ามาว่ามีเหตุด่วนอันใด”“ท่านอ๋องฉีสั่งให้พ่อของหม่อมฉันไปหาขุนนางอาวุโสเว่ยในฐานะผู้เจรจา และท่านพ่อของหม่อมฉันก็เห็นด้วยแล้วเพคะ”ฉินซูฟังด้วยสีหน้าจริงจัง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 33

    เมื่อเห็นฉากนี้ ใบหน้าอันงดงามของฉงชูโม่ก็แดงก่ำทันที ใบหูและคอแดงปื้น!นางมิคิดเลยว่าองค์รัชทายาทจะไร้ยางอายถึงขนาดทำเรื่องมิดีเช่นนี้ในบ่อน้ำร่วมกับสตรีอื่น!ยิ่งนางคิดมากเท่าไร นางก็ยิ่งโกรธ อดมิได้ที่จะอยากจะไปดุเขาสักสองสามคำแต่มันน่าอายอย่างยิ่งที่คิดว่านางมิได้สวมอะไรเลย และในสถานการณ์เช่นนี้ก็นับว่ายิ่งน่าอายเข้าไปใหญ่ดังนั้นนางจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องระงับความโกรธไว้ แล้วถอยกลับไปอีกด้านอย่างเงียบ ๆทว่าขณะที่นางกำลังจะกลับไปอย่างงุ่มง่ามหลินชิงเหยาและฉินซูก็ยังพูดคุยเรื่องที่น่าอายต่อไปเมื่อได้ยินการสนทนาเหล่านี้ ฉงชูโม่ก็หน้าแดง รีบยกมือปิดหูทันทีใต้หล้านี้มีคนไร้ยางอายขนาดนี้ได้อย่างไร...ฉงชูโม่ที่ดูถูกเหยียดหยามในใจ ก็อดมิได้ที่จะรู้สึกอยากรู้อยากเห็น ดังนั้นจึงแอบมองไปอีกสองสามครั้งผ่านหมอกน้ำที่คลุมเครือ นางมองเห็นความสุขและความเพลิดเพลินบนใบหน้าของหลินชิงเหยานางอดมิได้ที่จะรู้สึกสับสน สัมพันธ์ระหว่างชายหญิง วิเศษเพียงนั้นจริง ๆ หรือ?ขณะที่นางคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางก็รู้สึกว่าเลือดในร่างกายเดือดพล่าน และค่อย ๆ ทรุดตัวลงในบ่อาบน้ำในขณะนี้ จิตใจข

บทล่าสุด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 608

    ด้วยอานุภาพของธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้า สถานการณ์การรบก็กลายเป็นการรุกไล่ฝ่ายเดียว!กองทัพหนานเยวี่ยแทบจะไร้พลังต้านทาน ได้แต่ถอยร่นกลับไปอย่างมิคิดชีวิตหูก่วงเซิงบุกตะลุยอยู่ครู่หนึ่งก็สังหารศัตรูจนเลือดขึ้นตา คลั่งด้วยความตื่นเต้นจนหัวเราะเสียงดังอย่างประหลาด!เขาร้องตะโกนใส่ตงฟางไป๋เสียงดัง "สหายตงฟาง อาวุธระเบิดพวกนั้น พวกท่านยังมีเหลืออีกเท่าไร?""เหลือเฟือ!"ตงฟางไป๋กล่าวพร้อมตบถุงผ้าตุง ๆ บนอานม้า!"ดี เช่นนั้นพวกเรามาฆ่าพวกเดนมนุษย์พวกนี้ให้สิ้นกันเถอะ!""ข้าก็คิดเช่นนั้น พวกเราคุ้มกันปีกข้าง พวกท่านบุกตะลุยไปเลย!""ดี ลุย!"ทั้งสองตกลงกันได้เป็นปี่เป็นขลุ่ย บุกตะลุยใส่กองทัพหนานเยวี่ยอีกครั้งเนื่องจากเหตุผลเรื่องอ๋องฉู่ แม้ว่าในใจหูก่วงเซิงจะดูหมิ่นฉินซู แต่เมื่อมีอาวุธทรงพลานุภาพเหล่านี้หนุนหลัง เขาก็ยิ่งรุกไล่สังหารศัตรูอย่างฮึกเหิมความรู้สึกที่ได้บดขยี้ศัตรูในแนวรบนั้น ช่างสะใจอย่างหาใดเปรียบเห็นเพียงหอกในมือของเขาฟาดฟันผ่าดงทหาร ข้าศึกล้มตายด้วยน้ำมือของเขาจำนวนนับมิถ้วนลูกน้องของเขาเองก็สังหารศัตรูจนเลือดขึ้นตาเช่นกัน ร่างกายทุกส่วนอาบไปด้วยเลือดสด ๆ ของ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 607

    เขาจ้องมองลูกธนูที่ตนยิงออกไปด้วยสายตาแน่วแน่ เห็นเพียงลูกธนูทะลุทะลวงเกราะหวายของข้าศึก สังหารศัตรูล้มลงกับพื้นเมื่อเห็นภาพนั้น เขาก็กระโดดโลดเต้นด้วยความตื่นเต้นดีใจ"สวรรค์! ถึงกับยิงทะลุเกราะหวายของพวกหนานเยวี่ยได้ง่ายดายถึงเพียงนี้ ธนูนี่มันอาวุธเทพชัด ๆ!"เมื่อเห็นดังนั้น ทุกคนต่างก็ขึ้นสายธนู พร้อมเล็งเป้าหมาย!ห่าฝนลูกธนูโหมกระหน่ำไปยังกองทัพหนานเยวี่ยที่กำลังถอยทัพไปโดยมิยั้งหลังห่าฝนลูกธนูผ่านพ้นไป กองทัพหนานเยวี่ยก็ล้มลงเป็นจำนวนมาก!แม่ทัพหม่าเมื่อเห็นดังนั้น ก็รีบตะโกนเสียงดัง "ถอยทัพ เร่งถอยทัพเร็วเข้า!""บัดซบ ธนูของฝั่งต้าเหยียนร้ายกาจถึงเพียงนี้ตั้งแต่เมื่อไร ถึงกับยิงทะลุเกราะหวายของพวกเราได้!""อานุภาพร้ายแรงเกินไป พวกเราจงอยู่ห่างจากกำแพงเมืองอย่างน้อยหกเจ็ดสิบจั้ง พวกมันยังทำร้ายพวกเราได้""ถอย ถอยเร็วเข้า หากมิเร็วกว่านี้พวกเราคงต้องตายอยู่ที่นี่!""..."ทหารแคว้นหนานเยวี่ยร้องลั่น เร่งฝีเท้าถอยร่นกลับไปฉินซูหันไปมองหูก่วงเซิงพร้อมกับกล่าวยิ้ม ๆ "รองแม่ทัพหู ทหารม้าของพวกเจ้ามิได้ชื่อว่าเป็นกองทัพไร้พ่ายหรอกรึ ตอนนี้มิฉวยโอกาสรุกไล่ แล้วจะรอถึงเมื่อ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 606

    เมื่อเห็นภาพนั้น สีหน้าของหูก่วงเซิงและชิวก่วนก็แข็งทื่อไปในทันทีส่วนหลูเฟิงและคนอื่น ๆ ต่างตะลึงงัน!แม้แต่ใบหน้างดงามของฉงชูโม่ยังปรากฏแววตกตะลึงอย่างยิ่ง!เป็นเพราะอานุภาพของระเบิดสายฟ้านี้ ร้ายแรงกว่าที่นางเคยเห็นด้วยตาเมื่อครั้งก่อนมากนัก!เมื่อนางตั้งสติได้ ก็ถามอย่างเร่งร้อน "องค์รัชทายาท ของสิ่งนี้ พระองค์ทรงนำติดตัวมาเท่าไรเพคะ?"ฉินซูหัวเราะน้อย ๆ "มิต้องห่วง มีเหลือเฟือ"พูดจบ ก็หันไปสั่งตงฟางไป๋และคนอื่น ๆ "พวกเจ้ารอกระไรอยู่อีก ลงมือได้แล้ว ให้กองทัพหนานเยวี่ยพวกนั้นได้เห็นฤทธิ์เดชเสียบ้าง"ตงฟางไป๋และคนอื่น ๆ หัวเราะอย่างมีเลศนัย จุดชนวนระเบิดสายฟ้าไม้ไผ่ในมือแล้วโยนใส่กองทัพหนานเยวี่ยเบื้องล่างตูม!ตูม ตูม ตูม!หลังจากเสียงระเบิดดังสนั่นต่อเนื่องกันกว่าสิบครั้ง แนวทัพหน้าของกองทัพหนานเยวี่ยก็ถูกแรงระเบิดอัดจนกระจัดกระจาย!ทหารจำนวนมากเห็นสหายร่วมรบของตนถูกแรงระเบิดจนร่างแหลกจนจำสภาพเดิมมิได้ แต่ละคนก็ขวัญกระเจิงราวกับคนเสียสติ รีบก้มหน้าลงวิ่งหนีเอาชีวิตรอดอย่างบ้าคลั่ง ไร้ใจจะสู้รบอีกต่อไปพวกเขากลับหลังหันหนี เปิดช่องโล่งด้านหลังพลธนูบนกำแพงเมืองฉวยโอกา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 605

    เมื่อได้ยินดังนั้น พลธนูเหล่านั้นก็เล็งหัวธนูไปยังเครื่องกระทุ้งและยิงธนูออกไปอย่างต่อเนื่อง"โล่หวาย ปกป้องเครื่องกระทุ้ง!"ในกองทัพหนานเยวี่ยมีคนตะโกนเสียงดัง ทหารเกราะหวายที่อยู่ใกล้เคียงรีบยกโล่หวายในมือขึ้นสูง ป้องกันสหายร่วมรบที่กำลังเข็นเครื่องกระทุ้งอยู่ฉึก ฉึก ฉึก!ลูกธนูเหล่านั้นพุ่งปักลงบนโล่หวาย แต่มิอาจทะลุเข้าไปได้ความเร็วของเครื่องกระทุ้งมิได้รับผลกระทบแม้แต่น้อยเมื่อเห็นดังนั้น หูก่วงเซิงก็พลันหันไปกล่าวกับฉินซู "องค์รัชทายาท พระองค์มีอาวุธลับอยู่มิใช่หรือ เหตุใดจึงมิใช้เสียตอนนี้เล่าพ่ะย่ะค่ะ?"น้ำเสียงของเขามีความประชดประชันแฝงอยู่ ทว่าฉินซูในเวลานี้คร้านจะถือสาหาความกับเขา เขาเดินไปยังอีกด้านหนึ่งของกำแพงเมือง ทอดสายตามองออกไปเห็นสองพี่น้องตงฟางไป๋นำทหารหลายสิบนายลากธนูทดกำลังและระเบิดสายฟ้าไม้ไผ่มาถึงใต้กำแพงเมืองและกำลังเดินขึ้นมาบนกำแพงเมืองเมื่อเห็นฉินซูมิตอบสนอง หูก่วงเซิงก็กล่าวอีก "องค์รัชทายาท เครื่องกระทุ้งของกองทัพหนานเยวี่ยมาประชิดแล้ว พระองค์ทรงรอกระไรอยู่ ไหนพระองค์ตรัสว่าจะปราบกองทัพหนานเยวี่ยให้ราบคาบ จากนั้นจะบุกตะลุยต่อ และยึดครองทัพหนา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 604

    สีหน้าของฉงชูโม่เคร่งเครียดขึ้นทันที หันกายรีบเดินไปยังเชิงเทินหลูเฟิง ชิวก่วน และคนอื่น ๆ รีบติดตามไปฉินซูก็ตามไปเช่นกัน แต่ก่อนที่จะขึ้นไปบนกำแพงเมือง เขาหันไปกระซิบกับตงฟางไป๋และตงฟางโซ่วสองสามคำทั้งสองจึงแยกตัวเดินไปยังอีกด้านหนึ่งฉินซูขึ้นมาบนกำแพงเมืองเมื่อกวาดสายตามองออกไป จะเห็นกองทัพหนานเยวี่ยที่หนาแน่นไปหมดกำลังโจมตีมาทางนี้ทัพหน้าที่เดินนำมาคือทหารเกราะหวายที่ทำให้กองทหารรักษาการณ์เมืองเจียวโจวปวดเศียรเวียนเกล้า ลูกธนูยิงทะลุเกราะหวายของพวกเขามิได้ ยากที่จะรับมือเกราะหวายนี้สูงเท่าตัวคน อีกทั้งยังกว้างจนบังร่างชายร่างใหญ่สองคนได้มิดเมื่อเห็นว่าภายใต้เกราะหวายที่ป้องกันอยู่นั้นกลับเป็นพลธนู มุมปากของฉินซูก็เผยรอยยิ้มเยาะเย้ยด้านหลังทหารเกราะหวายและพลธนูคือทหารราบที่ถือเกราะหวายและหอกถัดไปด้านหลังคือทหารม้าที่สวมเกราะสีเงินยวงพวกเขาทุกคนถือหอก ม้าศึกใต้ร่างก็สวมเครื่องป้องกัน เรียกได้ว่าสง่างามน่าเกรงขาม!ส่วนเครื่องยิงหินกว่าสิบคันกำลังเคลื่อนพลรุดหน้าอย่างช้า ๆ ด้านหลังทหารม้าเหล่านี้ในสมัยโบราณ นี่คืออาวุธหนักที่ขาดมิได้ในการโจมตีเมืองขณะมองดูกองท

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 603

    "แสนห้าหมื่น? มิใช่หนึ่งแสนรึ?""หนึ่งแสนนั่นมันหลายวันก่อน เมื่อมิกี่วันก่อนพวกเราได้รับรายงานจากหน่วยสอดแนมว่า ทางฝั่งกองทัพหนานเยวี่ยส่งกำลังพลมาเสริมอีกห้าหมื่นนาย ตอนนี้มีทั้งหมดแสนห้าหมื่นนายเพคะ"ฉินซูขมวดคิ้วถาม "แล้วฝั่งเราตอนนี้มีกำลังพลเท่าไร?""หากมินับพวกที่บาดเจ็บ ก็เหลือประมาณแปดหมื่นกว่านายได้เพคะ"เมื่อได้ยินเช่นนั้น มุมปากของฉินซูกระตุกเล็กน้อยเผชิญหน้ากับข้าศึกที่มีจำนวนมากกว่าถึงสองเท่า ซ้ำยังมีเกราะหวายที่ทนทาน มิน่าเล่าฉงชูโม่ถึงยังขับไล่ข้าศึกไปมิได้"เอาเถอะ พระองค์รีบกลับหลงเฉิงเสียเถิด ที่นี่มิใช่ที่ที่พระองค์จะอยู่ได้"ฉงชูโม่กล่าวอย่างจริงจังฉินซูส่ายหน้าน้อย ๆ "ในเมื่อข้ามาถึงแล้ว ย่อมต้องหาวิธีช่วยเจ้าขับไล่กองทัพหนานเยวี่ยพวกนี้ให้จงได้"ฉงชูโม่กวาดสายตาสำรวจอีกฝ่ายตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า ร้องอุทานด้วยความประหลาดใจ "องค์รัชทายาทเจ้าสำราญ ทรงคิดหาวิธีดี ๆ ได้ด้วยหรือเพคะ?""ข้ามีความรู้ทั้งในเรื่องดาราศาสตร์ ภูมิศาสตร์ แม้จะมิได้เก่งถึงขั้นวางแผนกลยุทธ์แล้วชนะข้าศึกที่อยู่ห่างไกลพันลี้ได้ แต่ตำราพิชัยสงครามก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง เจ้าบอกเล่าสถานการณ์ป

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 602

    หลูเฟิงขมวดคิ้วกล่าว "ธนูพวกนี้รูปร่างประหลาดถึงเพียงนี้ จะใช้สังหารศัตรูได้หรือไม่ก็ยังมิรู้ ของพวกนี้คงปราบกองทัพหนานเยวี่ยแสนนายที่อยู่นอกประตูเมืองทิศเหนือมิได้หรอกกระมัง?""หึหึ ท่านแม่ทัพหลูยังมิทราบสินะ องค์รัชทายาทของเราตรัสว่า การมาเจียวโจวครั้งนี้ของพระองค์มิเพียงแต่จะปราบกองทัพหนานเยวี่ยแสนนายให้ราบคาบ แต่ยังจะบุกเข้าไปในใจกลางหนานเยวี่ยแล้วยึดครองหนานเยวี่ยทั้งแคว้นในคราเดียว!""กระไรนะ? ยึดครองหนานเยวี่ยทั้งแคว้นในคราเดียว?!"สีหน้าของหลูเฟิงยิ่งทวีความประหลาดใจมากขึ้น จากนั้นจึงกล่าวอย่างเคลือบแคลง "ท่านรองแม่ทัพหู ท่านมิได้พูดจาเลื่อนลอยใช่หรือไม่ องค์รัชทายาทจะตรัสคำพูดไร้สาระเช่นนั้นได้อย่างไร?"หูก่วงเซิงหัวเราะน้อย ๆ "ข้าเป็นแค่รองแม่ทัพต่ำต้อย จะกล้ากุข่าวลือเรื่ององค์รัชทายาทได้อย่างไรคำพูดเหล่านี้เป็นความจริงที่องค์รัชทายาทตรัสด้วยพระองค์เอง อีกทั้งยังตรัสในท้องพระโรงต่อหน้าพระพักตร์ฝ่าบาทและขุนนางน้อยใหญ่ทั้งราชสำนัก"หลูเฟิงบ่นพึมพำอย่างอดมิได้ "องค์รัชทายาททรงเห็นเรื่องสนามรบเป็นเรื่องง่ายเกินไปกระมังพวกเราประจันหน้ากับกองทัพหนานเยวี่ยที่อยู่ด้านนอกมาน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 601

    มินานนัก ตี๋จิ่งก็ถีบเท้าออกจากอานม้า ร่างพุ่งทะยานออกไปราวกับลูกธนูเขาพลิกตัวกลางอากาศ ลงมายืนอยู่หน้ามู่หรงจื่อเยียนได้อย่างมั่นคงม้าของมู่หรงจื่อเยียนตกใจ รีบหยุดลงทันที"ท่านหญิง เจียวโจวเป็นสมรภูมิรบ ท่านจะไปที่นั่นมิได้พ่ะย่ะค่ะ!""ท่านลุงจิ่ง ข้าต้องไปเจียวโจวให้ได้ หากท่านขวางข้า ข้าจะตายต่อหน้าท่าน!"มู่หรงจื่อเยียนพูดจบก็หยิบกริชออกมาจ่อที่คอของตนเมื่อเห็นดังนั้น ตี๋จิ่งก็ตกใจหน้าซีด รีบโบกมือกล่าว "ท่านหญิงอย่าร้อนใจไปพ่ะย่ะค่ะ""เช่นนั้นท่านก็อย่าขวางทางข้า หากท่านกล้าสกัดจุดข้าแล้วพาข้ากลับไป ข้าหลุดพ้นเมื่อไร ข้าจะฆ่าตัวตายทันที!"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ตี๋จิ่งและคนอื่น ๆ ก็เหงื่อแตกพลั่กทันใดพวกเขาเพิ่งรู้ว่ามู่หรงจื่อเยียนมีนิสัยแข็งกร้าวถึงเพียงนี้ตี๋จิ่งถามอย่างระมัดระวัง "ท่านหญิง ที่ท่านหญิงไปเจียวโจว ก็เพื่อฉินซูผู้นั้นหรือพ่ะย่ะค่ะ?"มู่หรงจื่อเยียนเม้มริมฝีปากแดงระเรื่อ มิได้กล่าวสิ่งใดเมื่อเห็นมู่หรงจื่อเยียนยอมรับโดยนัย ตี๋จิ่งและพวกก็แสดงสีหน้าแตกต่างกันไปทว่าเวลานี้ หากคิดจะพามู่หรงจื่อเยียนกลับไปโดยใช้กำลัง เห็นทีคงเป็นไปมิได้เมื่อจนปัญญา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 600

    มู่หรงฟู่เชื่อมั่นอย่างแน่วแน่ว่าเกิดเรื่องขึ้นที่เป่ยเยี่ยนจริง ๆ มิฉะนั้นเสด็จพ่อของเขาคงมิส่งคนนำจดหมายฉบับนั้นมาให้เขาหรอกและคงมิปล่อยให้เขาพักพิงอยู่ในต้าเหยียนต่อไปเช่นนี้ตี๋จิ่งและคนอื่น ๆ ต่างแสดงสีหน้าขมขื่น กล่าวว่ามิกล้า ๆ ซ้ำ ๆมู่หรงฟู่แค่นเสียงในลำคอ "มิกล้าก็ดี วันนี้อากาศดีจริง ๆ จื่อเยียน พวกเราออกไปเดินเล่นกันดีกว่า"มู่หรงจื่อเยียนพยักหน้าแล้วเดินตามมู่หรงฟู่ออกจากโรงเตี๊ยมไปตี๋จิ่งและพรรคพวกมองหน้ากันไปมา สุดท้ายก็เดินตามไปด้วยหน้าที่ของพวกเขาคือปกป้องมู่หรงจื่อเยียนเมื่อถึงตลาดมู่หรงจื่อเยียนก็ได้ยินจากชาวบ้านว่า ฉินซูนำทหารม้าหุ้มเกราะชั้นยอดลงใต้ไปช่วยเหลือเมืองเจียวโจวแล้ว!นางรีบหันไปถามมู่หรงฟู่ "เสด็จพี่ห้า กองทัพหนานเยวี่ยเก่งกาจมากหรือไม่เพคะ?"มู่หรงฟู่ยักไหล่ "หนานเยวี่ยอยู่ห่างจากเป่ยเยี่ยนของเราโดยมีต้าเหยียนขวางกั้น ข้าจะไปรู้ได้อย่างไรว่าพวกเขามีกำลังพลเท่าไร"ตี๋จิ่งกล่าวเสริม "ท่านหญิง กองทัพหนานเยวี่ยเชี่ยวชาญการขี่ม้า ยิงธนู อีกทั้งเกราะหวายและโล่ยังทนทานต่อคมหอกคมดาบอย่างยิ่ง นับว่าเป็นศัตรูที่รับมือได้ยากอย่างแท้จริง กองทัพต้าเหยี

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status