ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยมิรู้ว่าจะพูดอะไร ดังนั้นเขาจึงได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงตกฉงชูโม่เหลือบมองที่โถงใหญ่อีกครั้ง เอ่ยเหน็บแนม “องค์รัชทายาท ด้วยตำแหน่งของพระองค์ ทรงแอบฟังเช่นนี้ พระองค์มิรู้สึกละอายใจบ้างหรือเพคะ?”“ข้ามิได้แอบฟังเสียหน่อย เป็นพวกเจ้าที่พูดดังเกินไปต่างหาก ทำราวกับว่าข้าอยากได้ยินอย่างนั้น”ฉินซูเกาจมูกตัวเอง แล้วเดินกลับไปที่ห้องโถงด้านหลังด้วยความเขินอายตอนนี้เขามิสามารถไปยุ่มย่ามกับฉงชูโม่ที่มีอำนาจในราชสำนักได้ แต่อย่างน้อยเขาก็ยังสามารถซ่อนตัวจากนางได้ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนพูดว่า “ชูโม่ มันเหมาะสมที่สตรีเช่นเจ้าจะค้างคืนอยู่ในตำหนักบูรพาหรือ?”“ข้าจะมิเพียงแค่พักค้างคืนเท่านั้น แต่ข้าจะอยู่ในตำหนักบูรพาจนถึงวันชุนเฟินปีหน้า นี่คือพระประสงค์ขององค์จักรพรรดิ อีกอย่าง...”เมื่อฉงชูโม่พูดเช่นนี้ นางก็มองลึกเข้าไปในโถงใหญ่ และพูดต่ออย่างมีความหมายลึกซึ้งว่า “หากมีใครคิดจะทำอะไรมิดีกับข้า ข้าจะได้มีเหตุผลในการเอาคืน!”“เช่นนั้นแล้ว ข้าจะไปขออนุญาตจากองค์จักรพรรดิ ขอประจำอยู่ในตำหนักบูรพาด้วยเช่นกัน”“เจ้าเป็นเพียงหัวหน้าองครักษ์ของตำหนักบูรพา แต่เจ้
ครู่ต่อมา เสียงของหลินชิงเหยาก็ดังมาจากนอกโรงอาบน้ำ “องค์รัชทายาท หม่อมฉันมีเรื่องกราบทูลพระองค์เพคะ”ฉินซูเปิดประตูโรงอาบน้ำแล้วดึงนางเข้ามาจากนั้นเขาก็รีบปิดประตูอีกครั้งทีแรกหลินชิงเหยาสะดุ้งตกใจ จากนั้นจึงตระหนักได้ว่าฉินซูต้องการทำอะไรใบหน้าอันบอบบางและงดงามของนางแดงโดยมิรู้ตัว พลันก้มหน้าลงด้วยความเขินอายท่าทางอ่อนหวานนี้ทำให้ฉินซูรู้สึกคันยุบยิบที่หัวใจเขาเชยคางโค้งมนของหลินชิงเหยาขึ้น ตั้งใจจะจุมพิตลงริมฝีปากอันอ่อนนุ่มนั้นหลินชิงเหยาเอามือขาวนวลของนางปิดที่ปากของฉินซู แล้วพูดว่า "องค์รัชทายาท หม่อมฉันมีเรื่องด่วนจะกราบทูลพระองค์เพคะ"ฉินซูพูดอย่างมิอดทน “หากมีเรื่องอะไร ก็เอาไว้พูดกันทีหลัง!”“องค์รัชทายาท หม่อมฉันอยู่ที่นี่แล้ว เหตุใดพระองค์ต้องรีบร้อนเช่นนี้ อย่างมาก คืนนี้หม่อมฉันก็มิกลับไป”ทันทีที่หลินชิงเหยาพูดคำเหล่านี้ ใบหน้างดงามของนางก็แดงยิ่งขึ้นอีกฉินซูพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “เช่นนั้นก็รีบบอกข้ามาว่ามีเหตุด่วนอันใด”“ท่านอ๋องฉีสั่งให้พ่อของหม่อมฉันไปหาขุนนางอาวุโสเว่ยในฐานะผู้เจรจา และท่านพ่อของหม่อมฉันก็เห็นด้วยแล้วเพคะ”ฉินซูฟังด้วยสีหน้าจริงจัง
เมื่อเห็นฉากนี้ ใบหน้าอันงดงามของฉงชูโม่ก็แดงก่ำทันที ใบหูและคอแดงปื้น!นางมิคิดเลยว่าองค์รัชทายาทจะไร้ยางอายถึงขนาดทำเรื่องมิดีเช่นนี้ในบ่อน้ำร่วมกับสตรีอื่น!ยิ่งนางคิดมากเท่าไร นางก็ยิ่งโกรธ อดมิได้ที่จะอยากจะไปดุเขาสักสองสามคำแต่มันน่าอายอย่างยิ่งที่คิดว่านางมิได้สวมอะไรเลย และในสถานการณ์เช่นนี้ก็นับว่ายิ่งน่าอายเข้าไปใหญ่ดังนั้นนางจึงไม่มีทางเลือกนอกจากต้องระงับความโกรธไว้ แล้วถอยกลับไปอีกด้านอย่างเงียบ ๆทว่าขณะที่นางกำลังจะกลับไปอย่างงุ่มง่ามหลินชิงเหยาและฉินซูก็ยังพูดคุยเรื่องที่น่าอายต่อไปเมื่อได้ยินการสนทนาเหล่านี้ ฉงชูโม่ก็หน้าแดง รีบยกมือปิดหูทันทีใต้หล้านี้มีคนไร้ยางอายขนาดนี้ได้อย่างไร...ฉงชูโม่ที่ดูถูกเหยียดหยามในใจ ก็อดมิได้ที่จะรู้สึกอยากรู้อยากเห็น ดังนั้นจึงแอบมองไปอีกสองสามครั้งผ่านหมอกน้ำที่คลุมเครือ นางมองเห็นความสุขและความเพลิดเพลินบนใบหน้าของหลินชิงเหยานางอดมิได้ที่จะรู้สึกสับสน สัมพันธ์ระหว่างชายหญิง วิเศษเพียงนั้นจริง ๆ หรือ?ขณะที่นางคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ นางก็รู้สึกว่าเลือดในร่างกายเดือดพล่าน และค่อย ๆ ทรุดตัวลงในบ่อาบน้ำในขณะนี้ จิตใจข
ฉินซูมิทันได้ระวัง จึงถูกฉงชูโม่ตบอย่างแรงแรงตบอันทรงพลังทำให้เขาลอยกระเด็นออกไปหลายเมตรโครม!ถังไม้ในโรงอาบน้ำถูกกระแทกจนเป็นชิ้น ๆหลังจากที่ฉินซูล้มลงกับพื้น เขาก็ทำหน้าเหยเกด้วยความเจ็บปวดหากเขามิได้รับการปกป้องจากพลังชี่ที่แข็งแกร่ง เขาคงตายคาที่จากการตบของฉงชูโม่ไปแล้วฉงชูโม่ที่อยู่ในบ่ออาบน้ำก็ตกตะลึงไปครู่หนึ่งเช่นกันหลังจากตบออกไปเมื่อครู่นางโกรธมากจนออกแรงเต็มที่หลังจากสงบสติอารมณ์ได้แล้ว นางก็แอบกรีดร้องในใจว่าแย่แล้ว เผลอตบองค์รัชทายาทจนตายไปเสียได้!เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ นางก็ตื่นตระหนก ตะโกนไปทางอีกด้านของบาน้ำว "องค์รัชทายาท พระองค์… ยังสบายดีหรือไม่?"เมื่อได้ยินคำพูดที่ตื่นตระหนกของนาง ฉินซูก็คิดวางแผน ตัดสินใจแกล้งตายทันทีเมื่อมิได้รับการตอบกลับจากฉินซู ฉงชูโม่ก็ยิ่งตื่นตระหนกมากยิ่งขึ้น“องค์รัชทายาท... ฉินซู พระองค์เป็นอย่างไรบ้าง? ตอบหม่อมฉันหน่อยสิ!”ฉินซูยังคงมิตอบสนอง!ฉงชูโม่มิสนใจว่านางเปลือยเปล่าหรือไม่ รีบวิ่งไปทางที่ฉินซูลอยกระเด็นออกไปเมื่อนางเห็นฉินซูนอนนิ่งอยู่ในกองไม้แตกกระจาย ร่างกายของนางก็แข็งทื่อจบแล้ว นางเผลอตบองค์รัชทายาทจนตา
หลังจากกลับมาได้สติ นางก็ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติฉินซูมิได้ถูกฆ่าด้วยการโจมตีเต็มแรงของนางเมื่อครู่ แต่อย่างน้อยกระดูกช่วงอกของเขาควรจะหัก และควรจะบาดเจ็บภายในอย่างสาหัสมากแต่เมื่อครู่ฉินซูมิเพียงแต่สามารถพูดได้ แต่เสียงของเขาก็เต็มไปด้วยพลังมิเหมือนคนที่บาดเจ็บภายในเลยและตอนนี้เขายังโอบกอดนางด้วย!!เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ ฉงชูโม่ก็รีบผละตัวออกไปอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งยกมือปิดจุดสำคัญที่อยู่ข้างหน้า พลางตะโกนว่า “ฉินซู ท่านแกล้งตายเช่นนั้นหรือ?”“ข้าแกล้งตายตอนไหนกัน? โดนเจ้าตบอย่างแรง อวัยวะภายในของข้าเคลื่อนหมดแล้ว ทรมานจะแย่”เมื่อได้ยินฉินซูพูดได้อย่างมิติดขัด ฉงชูโม่จึงสรุปได้ฉินซูมิเป็นอะไรแต่อย่างใดฉงชูโม่กัดฟันด้วยความโกรธ คิดถึงเมื่อครู่ที่ถูกฉินซูเอาเปรียบอย่างมาก และตอนนี้ก็ถูกเขาเห็นหมดแล้วนางรีบดึงอาภรณ์ที่อยู่ข้าง ๆ เพื่อปกปิดร่างกายที่เปลือยเปล่าของตนเมื่อฉินซูเห็นสิ่งนี้ เขาก็พูดว่า “อ้าว นั่นมันอาภรณ์ของข้า…”“คนลามก กล้ามาเอาเปรียบหม่อมฉัน วันนี้หม่อมฉันจะหักขาสุนัขของท่านเพื่อองค์จักรพรรดิเอง!”ฉงชูโม่หยิบเศษไม้ขึ้นมาจากพื้น แล้วฟาดใส่ฉินซูอย่างแรง
“อ่า ข้ามิคิดว่ามือของเจ้าจะบอบบางขนาดนี้ ทั้งที่กรำศึกอยู่ทั้งปีทั้งชาติ จิ๊จิ๊ นวดจนข้ารู้สึกสบายดีจริง ๆ”ฉินซูเริ่มยิ้มแย้มแล้วเย้าหยอกขึ้นมาฉงชูโม่เลิกคิ้วและพูดด้วยความโกรธ “ถ้ามิอยากเป็นขันทีก็หุบปาก!”ฉินซูเอื้อมมือออกไปปกปิดส่วนสำคัญของตนตามสัญชาตญาณ และปิดปากของเขาอย่างชาญฉลาดเขารู้ดีว่าหากเขาเล่นมิเลิก ฉงชูโม่จะสู้กับเขาจนตายกันไปข้างหนึ่งอย่างแน่นอนหากเขาลงมือจริง ๆ แน่นอนว่าเขาจะมิกลัวอีกฝ่าย แต่เขาก็รู้ดีว่า หากเป็นศัตรูกับแม่ทัพขั้นหนึ่งอย่างฉงชูโม่ นั่นไม่มีประโยชน์ต่อเขาเลยเขาจึงยอมแพ้ และพูดว่า “เอาเถอะ เรื่องคืนนี้ ข้าจะมิบอกผู้ใด เจ้าไปได้แล้ว"ฉงชูโม่ตะลึงไปชั่วขณะ!เดิมทีนางคิดว่าฉินซูจะใช้โอกาสนี้เรียกร้องเรื่องเกินควรแต่ตอนนี้ฉินซูกลับให้นางออกไป นางก็เริ่มสงสัยว่าตนได้ยินผิดไปหรือไม่“ท่านยอมปล่อยหม่อมฉันไปจริง ๆ หรือ?”“มิเช่นนั้นแล้วจะอะไรได้ ข้ามิได้ตั้งใจทำให้เจ้าเดือดร้อน แต่เจ้าก็ต้องรับปากว่าจะมิเอาเรื่องนี้มาคิดบัญชีทีหลังอีก”ฉงชูโม่เงียบ ในใจรู้สึกโกรธเล็กน้อยเมื่อครู่นางถูกมองร่างเปลือยเปล่าตอนนี้อีกฝ่ายกลับไม่มีการกระทำที่เกินเล
เพียงแต่นางคิดอย่างไรก็คิดมิตกว่า เหตุใดฉินซูที่ถูกนางโจมตีอย่างหนัก ไฉนจึงมิได้รับบาดเจ็บเลยแม้แต่น้อย“ช่างเถอะ วันพรุ่งค่อยบีบคั้นถามอีกทีแล้วกัน คืนนี้ ก็ถือว่าคนเจ้าเล่ห์นั่นโชคเข้าข้างแล้วกัน!”หลังจากพึมพำด้วยความโกรธ นางก็ขึ้นเตียงพักผ่อนในอีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ฉินซูกลับมาที่เรือนนอน หลินชิงเหยาพูดอย่างน้อยใจว่า “องค์รัชทายาท เหตุใดท่านถึงใช้เวลานานนักเล่าเพคะ?”“อ๋อ การแช่น้ำร้อนช่วยคลายความเมื่อยล้าได้ ข้าก็เลยอดมิได้ที่จะแช่น้ำนานหน่อย”ขณะที่ฉินซูพูดเช่นนี้ เขาก็ปีนขึ้นไปบนเตียงและโอบกอดหลินชิงเหยาไว้ในอ้อมแขนของเขาหลินชิงเหยาเอนหัวพิงหน้าอกที่กว้างของเขาอย่างเชื่อฟังและพูดเบา ๆ ว่า “องค์รัชทายาท เมื่อไหร่พระองค์จะเสด็จไปขอหม่อมฉันกับท่านพ่อเล่าเพคะ?”ฉินซูถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “เจ้าก็น่าจะรู้ อีกมิกี่เดือนข้าก็จะถูกปลดจากตำแหน่ง เมื่อถึงเวลานั้นข้าก็อาจจะไม่มีแม้แต่ตำแหน่งจวิ้นอ๋อง(1)ด้วยซ้ำ เจ้าจะยังอยู่กับข้าอีกหรือ?"หลินชิงเหยาพูดอย่างจริงใจ “ตอนนี้หม่อมฉันเป็นขององค์รัชทายาทแล้ว มิว่าพระองค์จะถูกลดตำแหน่ง มิว่าพระองค์จะเป็นจวิ้นอ๋องหรือเป็นสามัญชน หม่อมฉั
หลินชิงเหยาปาดน้ำตาจากหางตา แล้วพูดว่า “ไม่มีอะไรเพคะ หม่อมฉันแค่รู้สึกซาบซึ้งใจเหลือเกินที่เห็นว่าองค์รัชทายาทมิหวาดระแวงในตัวหม่อมฉันเลย”“โอ้? เจ้าคิดว่าข้าควรจะกังวลเรื่องที่เจ้าวางยาพิษกับขนมอบพวกนี้หรือ?”“จริง ๆ แล้ว ตอนแรกหม่อมฉันก็กังวลอยู่ อย่างไรเสียท่านพ่อของหม่อมฉันก็สนิทกับอ๋องฉี และหม่อมฉันเองก็เคยช่วยท่านอ๋องฉีมาก่อน…”ฉินซูหัวเราะอย่างมิเชื่อหูและพูดว่า “เจ้าช่างเป็นสตรีที่โง่เขลาจริง ๆ อย่างที่เจ้าว่า ตอนนี้เจ้าเป็นคนของข้าแล้วหากข้ายังต้องระแวงเจ้า ข้าจะมิเหนื่อยแย่หรือ?”แม้ว่าเขาจะพูดเช่นนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความเชื่อมั่นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเขาคือความแข็งแกร่งในการบ่มเพาะตนของเขา ที่ระดับของเขาแล้วพิษธรรมดาไม่มีผลกับเขาเลยนอกจากนี้เขายังสามารถมองออกทันทีว่ามีพิษอยู่ในอาหารหรือไม่แต่มิว่าอะไรจะเกิดขึ้น หลินชิงเหยาก็ซาบซึ้งใจกับความไว้ใจอย่าง “ไม่มีเงื่อนไข” ของเขาในใจนางยิ่งมุ่งมั่นมากขึ้นว่านางจะติดตามฉินซูตลอดไปมิว่าภายภาคหน้าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตามฉินซูโบกมือให้นางแล้วพูดว่า “เจ้าอย่ามัวแต่ยืนนิ่งอยู่เลย มานั่งกินด้วยกันเถอะ”“เอ๋? องค์รัชทายาท นี่