Share

บทที่ 14

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
last update Last Updated: 2024-07-23 14:58:48
ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “ฮ่าฮ่า ๆ ขุนนางอาวุโสเฉิงพูดเกินไปแล้ว พวกเราแค่อยากให้องค์ชายของท่านอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน หาอย่าได้ต้องกังวล พวกเราจะดูแลองค์ชายอย่างดี”

เฉิงจืออี้สูดจมูกอย่างเย็นชาแล้วพูดกับมู่หรงฟู่ “องค์ชาย โปรดดูแลตัวเองด้วยพ่ะย่ะค่ะ ภายในสิบวัน องค์จักรพรรดิจะส่งคนไปรับท่านกลับอย่างแน่นอน"

“ไปเถอะ เดินทางปลอดภัย”

เฉิงจืออี้และคนอื่น ๆ ต่างก็อำลามู่หรงฟู่ จากนั้นจึงขึ้นรถม้าและออกจากเมืองไป

หลังจากดูพวกเขากลับไปแล้ว มู่หรงฟู่ก็ถามอย่างใจเย็น “พี่ชายตู๋กู ข้าขอถามหน่อยได้หรือไม่ว่า ข้าควรไปพบไทฮองไทเฮาของเจ้าตอนนี้หรือว่าอย่างไร?”

ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหัวเราะและพูดว่า "องค์ชายมู่หรงให้เกียรติกันเกินไปแล้ว ท่านมีสถานะที่สูงส่ง กระหม่อมมิกล้าให้ท่านเรียกว่าพี่ชายหรอก เรียกกระหม่อมว่าโฉ่วเยวี่ยเถิดพ่ะย่ะค่ะ"

“เข้าประเด็นกันเถิด!”

“เช่นนั้น องค์ชายมู่หลง โปรดมากับกระหม่อมมาเถิด เข้าเฝ้าไทฮองไทเฮาก่อน จากนั้น... กระหม่อมจะพาท่านไปยังที่พำนัก”

มู่หรงฟู่พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ขี่ม้าเคียงข้างกับตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไป

ระหว่างทาง เขาถามอย่างสงสัย “ว่าแต่ว่า พี่ตู๋กู เรื่องกักตัวข้าไว้เป็นตัวประกันเป็นความคิดผู้ใดหรือ?"

ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยเกาหัวด้วยความสับสน "ตัวประกัน ตัวประกันอะไรกันพ่ะย่ะค่ะ ไฉนกระหม่อมมิเข้าใจที่องค์ชายมู่หรงตรัสเลย"

“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วมิต้องปิดบังกันแล้ว ตัวข้าเป็นตัวประกัน พวกเจ้ามิสงสัยอะไรในใจเลยหรือ?”

“อ่า ฮ่าฮ่า หากองค์ชายมู่หลงตรัสเช่นนั้น กระหม่อมก็ไม่มีคำใดจะพูดแล้ว”

“เจ้าแค่ต้องบอกตัวข้าว่า นี่เป็นความคิดของใคร”

ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยกล่าวอย่างมิเป็นทางการ “ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทจะกล่าวถึงท่านต่อหน้าไทฮองไทเฮา กระหม่อมเองก็มิทราบรายละเอียด”

“ฉินซู?”

ใบหน้าของมู่หรงฟู่ซับซ้อนเล็กน้อย เขาคาดมิถึงเลยว่า การกักขังตนในฐานะตัวประกันจะเป็นความคิดของฉินซูองค์รัชทายาทที่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง

เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยและพ่นลมเบา ๆ “หึ ตบหน้าข้าอย่างเดียวมิพอ ยังวางแผนต่อต้านตัวข้าอีกรึ? องค์รัชทายาทของพวกเจ้าคิดว่าตัวข้ารังแกง่ายหรือไร?”

“องค์ชายมู่หรงตรัสเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาทและท่านหากมิขัดแย้งกันคงมิได้รู้จักกัน ยิ่งกว่านั้นเรื่องร้าย ๆ อาจจะกลายเป็นดี ท่านพำนักอยู่ต้าเหยียนของเราอาจจะมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ"

มู่หรงฟู่เยาะเย้ยและมิตอบ

……

ในห้องทรงพระอักษร

หัวโหรหลวงเหลยเจิ้นกำลังเล่นหมากรุกกับฉินอู๋ต้าว

เมื่อมองไปที่หมากรุกตรงหน้าเขา คิ้วของฉินอู๋ต้าวก็ค่อย ๆ ขมวดเข้าหากัน

หลังจากนั้นมินาน เขาก็โยนตัวหมากรุกกลับเข้าไปในโหลเก็บตัวหมากรุกอย่างหงุดหงิด

“พอแล้ว เจ้าชนะข้ามาหลายตาแล้ว ให้ข้าชนะบ้างมิได้หรือไร?”

เหลยเจิ้นหัวเราะเบา ๆ “ฝ่าบาท พระองค์ทรงปล่อยให้ข้าน้อยชนะ มิเช่นนั้น ด้วยเพียงทักษะของข้าน้อยแล้ว ข้าน้อยจะชนะพระองค์ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ"

“หยุดประจบข้าทีเถอะ ข้าชนะมิได้ก็คือชนะมิได้ อย่างน้อยข้าก็ตระหนักรู้ถึงตัวข้าเองดี

ฉินอู๋ต้าวจิบชาก่อนจะถามว่า “ข้าได้ยินมาว่า เฉิงจืออี้และคนอื่น ๆ กำลังเก็บข้าวของออกไป แน่ใจหรือไม่ว่าคนที่เจ้าส่งไปจะทำให้มู่หรงฟู่อยู่ต่อได้?

“โฉ่วเยวี่ยจะจัดการเรื่องนี้ ฝ่าบาทโปรดวางพระทัยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“ดีมาก ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าเป่ยเยี่ยนต้องการใช้กองทหารโจมตีเรา พวกเขาก็จะลังเล ต้องบอกว่ากลยุทธ์ขององค์รัชทายาทผู้นี้ถือได้ว่าเป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วนของเราต้าเหยียนแล้ว”

“องค์รัชทายาททรงเปี่ยมด้วยสติปัญญา ความเงียบของพระองค์ลึกซึ้ง เมื่อลั่นวาจาก็น่าทึ่งอย่างแท้จริง(1)” เหลยเจิ้นยิ้มอย่างรู้เท่าทัน ราวกับกำลังบอกเป็นนัยบางอย่าง

ฉินอู๋ต้าวพูดแบบสบาย ๆ “ข้ามิได้คาดหวังให้เขาน่าทึ่งอะไร ข้าจะขอบคุณสวรรค์หากเขามิสร้างปัญหาให้ข้าก่อนถึงวันซุนเฟินปีหน้า”

“ในเวลานี้ แม่ทัพฉงน่าจะเดินทางกลับได้แล้ว หากมีนางคอยดูแลองค์รัชทายาทก็มิน่ามีปัญหาใด ๆ พ่ะย่ะค่ะ”

ฉินอู๋ต้าวพยักหน้าเล็กน้อย ทันใดนั้นก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเปลี่ยนเรื่องและถามว่า “ใช่สิ เจ้าได้ตัดสินใจเลือกตัวแทนที่จะเข้าร่วมในการประชุมระหว่างแคว้นแล้วหรือยัง?”

สิ่งที่เรียกว่า การประชุมระหว่างแคว้นเป็นงานใหญ่ที่จัดขึ้นร่วมกันโดยแคว้นมหาอำนาจหลายในแผ่นดินเฉินโจว

จุดประสงค์คือ เพื่อเลือกแคว้นที่มีศักยภาพจากแคว้นต่าง ๆ สนับสนุนพวกเขา และร่วมกันต่อสู้กับแผ่นดินชื่อเหยียนในภายภาคหน้า

ตราบใดที่เป็นแคว้นในแผ่นดินเฉินโจว มิว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็สามารถส่งตัวแทนเข้าร่วมในการประชุมระหว่างแคว้นได้

การประชุมมีทั้งการแข่งขันทั้งทางด้านบุ๋นและบู๊ ซึ่งจัดขึ้นทุก ๆ ห้าปี ถือเป็นงานที่มีชีวิตชีวาและเป็นที่รอคอยมากที่สุดทั่วทั้งแผ่นดิน

ในด้านของต้าเหยียนนั้น หัวหน้าโหรหลวงเหลยเจิ้นมีหน้าที่คัดเลือกคนเข้าแข่งขันทางด้านบู๊มาโดยตลอด

สำหรับด้านบุ๋นนั้น ขุนนางอาวุโสเว่ยเจิงเป็นผู้รับผิดชอบในการคัดเลือก

เหลยเจิ้นพูดช้า ๆ “เดิมทีได้มีการคัดเลือกแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ตอนนี้แม่ทัพฉงต้องไปอยู่ในตำหนักบูรพาเพื่อดูแลองค์รัชทายาท เช่นนั้นข้าน้อยจะต้องหาคนมาแทนนางพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าจัดการเถอะ หากเรามิสามารถหาผู้สมัครที่เหมาะสมได้ ข้าจะให้องค์รัชทายาทไปกับเจ้า”

เมื่อได้ยินเช่น ส่วนลึกในดวงตาของเหลยเจิ้นก็ฉายแววเป็นประกาย จากนั้นเขาก็พยักหน้าช้า ๆ

“ดีอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นทั้งสองฝ่ายก็จะไม่มีสิ่งผิดพลาด ฝ่าบาทรงพิจารณาได้อย่างรอบคอบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินอู๋ต้าวกล่าวอย่างจริงจัง "ในการประชุมระหว่างแคว้นครั้งนี้ แคว้นสามสิบอันดับแรกจะมีสิทธิ์เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน เช่นนั้นในครั้งนี้เจ้าและเว่ยเจิงจึงต้องใช้ความพยายามมากเป็นพิเศษ ในปีก่อนพวกเราพลาดไปเพียงหวุดหวิดเท่านั้น"

“ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา โฉ่วเยวี่ยและคนอื่น ๆ ได้พัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นมาก อย่างน้อยข้าน้อยก็มั่นใจในด้านบู๊พ่ะย่ะค่ะ”

“อย่าได้ชะล่าใจ ในช่วงห้าปีนี้ พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น ผู้เข้าร่วมจากแคว้นอื่น ๆ ก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน หากเราได้รับอาวุธหรือเมล็ดพันธุ์จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนเช่นเดียวกับเมื่อสองร้อยปีก่อน ต้าเหยียนของเราจะกลายเป็นแคว้นผู้นำในมิช้า”

เมื่อสองร้อยปีที่แล้ว ต้าเหยียนเป็นเพียงแคว้นเล็ก ๆ ซึ่งมิเป็นที่นิยม

เป็นเพราะพวกเขาได้รับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระหว่างการทดลองในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน และเสนอมันให้กับแคว้นมหาอำนาจเหล่านั้นพวกเขาจึงจะได้รับการสนับสนุน

มิกี่ปีต่อมา แคว้นเล็ก ๆ ซึ่งมิเป็นที่รู้จักก็ได้มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

ปัจจุบันได้พัฒนาเป็นแคว้นอันดับสองแล้ว และเป็นเพียงโอกาสเดียวเท่านั้นที่จะกลายเป็นแคว้นผู้นำ

ปัจจุบันมีแคว้นมหาอำนาจห้าแห่งในแผ่นดินเฉินโจว และแคว้นผู้นำมีมากกว่ายี่สิบแคว้น

แคว้นมหาอำนาจและแคว้นผู้นำจะมิแข่งขันกับแคว้นที่อ่อนแอกว่าในการเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน

เพราะตามข้อบังคับ แคว้นผู้นำสามารถเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนได้ทุก ๆ สองปี

แคว้นมหาอำนาจสามารถเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนได้ปีละครั้ง

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนอุดมไปด้วยทรัพยากร นอกเหนือจากทักษะวิทยายุทธและอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เหมาะสำหรับนักรบแล้ว ยังมีพืชพรรณดอกไม้แปลกตา เครื่องยาสมุนไพรหายาก และเมล็ดพันธุ์พืชผลที่แตกต่างกัน

ด้วยเหตุผลบางประการ เมล็ดธัญพืชภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนนั้นให้ผลผลิตสูงอย่างน่าประหลาดใจ

เมื่อนำเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ออกมาปลูกแล้ว แคว้นก็สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในเวลาเพียงมิกี่ปี

ตอนนี้ราชวงศ์ต้าเหยียนต้องการที่จะกลายเป็นแคว้นผู้นำในคราวเดียว พวกเขาจำเป็นต้องได้รับอาวุธศักดิ์สิทธิ์และเสนอให้กับแคว้นมหาอำนาจเพื่อรับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง!

หรือหาเมล็ดพันธุ์พืชแล้วนำกลับมาปลูกอีกครั้ง

นอกจากนั้นไม่มีทางอื่นแล้ว

ฉินอู๋ต้าวมุ่งมั่นที่จะเป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์ ดังนั้นเขาจึงตั้งใจที่จะนำราชวงศ์ต้าเหยียน ขึ้นสู่แคว้นผู้นำในระหว่างที่เขาครองบัลลังก์

เหลยเจิ้นรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว

เขายืดตัวขึ้นและพูดว่า "ฝ่าบาทโปรกวางพระทัย ในด้านบู๊นั้น ข้าน้อยขอรับประกันได้ว่าไม่มีอะไรผิดพลาด ส่วนด้านบุ๋นนั้นขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของขุนนางอาวุโสเว่ย"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ฉินอู๋ต้าวก็พูดด้วยความกังวล “ในช่วงมิกี่ปีที่ผ่านมา ต้าเหยียนของเราดูเหมือนจะมิได้สร้างคนที่มีความสามารถพิเศษเลย เช่นนั้นเราจำต้องหาทางสรรหาคนที่มีความสามารถจากทั่วหล้า"

ทันทีที่เขาพูดจบ ก็ถอนหายใจอีกครั้งและพึมพำ “เพียงแต่ผู้ที่มีความรู้ความสามารถส่วนใหญ่มักจะถือตัวและหยิ่งในศักดิ์ศรี และอ้างว่าละกิเลส ทำให้ข้าปวดหัวเสียจริง”

“ฝ่าบาท เช่นนั้นเหตุไฉนมิเชิญองค์รัชทายาทเข้าวังเพื่อขอคำปรึกษาในเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นรึ? ถามเขารึ? เขาจะคิดวิธีได้รึ?”

มีความสามารถแต่ไม่แสดงออก

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 15

    เหลยเจิ้นอธิบายว่า “ข้าน้อยเพียงรู้สึกว่า องค์รัชทายาทสามารถหาวิธีที่จะควบคุมเป่ยเยี่ยนได้ ดังนั้นพระองค์อาจมีความคิดเกี่ยวกับการค้นหาผู้มีความสามารถจากทั่วใต้หล้าพ่ะย่ะค่ะ"ฉินอู๋ต้าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นส่ายหัวเล็กน้อย“ข้าควรถามเว่ยเจิงก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ ส่งคนไปจับตาดูเป่ยเยี่ยนอย่างใกล้ชิดด้วย ตอนนี้แม้ว่ามู่หรงฟู่จะถูกกักขังอยู่ที่นี่ แต่เราต้องระวังการเคลื่อนไหวที่เป็นอันตรายจากฝั่งเป่ยเยี่ยนด้วย”“ข้าน้อยน้อมรับสั่งฝ่าบาท!”เหลยเจิ้นโค้งคำนับเล็กน้อยแล้วถอยกลับเดินออกไป…… ทางด้านของฉินซูหลังจากที่เขาออกจากจวนตระกูลหลิน เขามิได้กลับไปที่ตำหนักบูรพา แต่มาที่โรงน้ำชาใกล้กับตลาดที่พลุกพล่านแทนเมื่อพูดถึงการรวบรวมข้อมูล ไม่มีที่ไหนจะดีไปกว่านี้แล้วเขาพบที่นั่งริมหน้าต่างและนั่งลง ขณะดื่มชาเขาก็ตั้งใจฟังบทสนทนาที่ค่อนข้างมีเสียงดังในโรงน้ำชาด้วยเนื่องจากเขาปลอมตัวออกมาประหนึ่งสามัญชนจึงไม่มีใครจำเขาได้ในเวลานี้ ชายคนหนึ่งที่อยู่โต๊ะถัดไปถามสหายของเขาว่า “นี่ ๆ พวกเจ้าเคยได้ยินหรือไม่ เมื่อสองวันก่อนมีใครบางคนทำลายปราการเฮยเฟิงในคราวเดียว พวกผู้นำหัวหน้าต่าง

    Last Updated : 2024-07-23
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 16

    ฉินซูถามอย่างมิเป็นทางการ “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นยอดฝีมืออันดับสองของหลงเฉิง ตอนนี้เจ้ามีความแข็งแกร่ง หรือจะถามว่าเจ้าอยู่ในระดับใด?”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยเหลือบมองฉินซูอย่างสงสัย มิเข้าใจว่าเหตุใดองค์รัชทายาทจึงถามเรื่องนี้แต่เขาก็ยังคงตอบอย่างตรงไปตรงมา “ทูลองค์รัชทายาท กระหม่อมเป็นนักรบขั้นกลางระดับปฐพี”“ระดับปฐพี?”“พ่ะย่ะค่ะ ในวีถีแห่งวรยุทธ แบ่งระดับจากสูงไปต่ำคือ ระดับสวรรค์ ระดับปฐพี ระดับซวน(ลึกลับ) และระดับมนุษย์ แต่ละระดับแบ่งออกเป็นสามขั้นย่อยได้แก่ ขั้นต้น ขั้นกลาง และขั้นปลาย”ฉินซูขมวดคิ้วและถามว่า “เช่นนั้น เจ้านายของเจ้าเป็นนักรบระดับสวรรค์หรือ?"“ข้อนี้ กระหม่อมเองก็มิแน่ใจพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าหมายความเช่นไร ตามความเข้าใจของข้า เจ้าสำนักถือได้ว่าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของราชวงศ์ต้าเหยียนอันยิ่งใหญ่ของเรา ในระดับนี้แล้ว ความแข็งแกร่งมิน่าจะอยู่เพียงแค่ขั้นปลายระดับปฐพีได้เลย”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ตาเฒ่านั่น... อะแฮ่ม... กระหม่อมหมายถึงท่านผู้นั้นย่อมมิใช่เพียงแค่นักรบระดับปฐพี แต่เหตุผลที่เมื่อครู่กระหม่อมบอกว่า กระหม่อมมิแน่ใจก็เพราะกระหม่อมคิดว่าคว

    Last Updated : 2024-07-23
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 17

    ฉินหงเอามือไพล่หลัง ใบหน้าเย้ยหยัน‘ฉินซูนะฉินซู หากครั้งนี้เราจับเจ้าได้ แม้ว่าเจ้าคารมคมคายเพียงใด ก็ไม่มีทางแก้ตัวให้รอดไปได้’‘ตำหนักบูรพา ถึงคราวเปลี่ยนเจ้าของแล้ว!’เมื่อฉินหงกำลังกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ เหล่าองครักษ์ก็วิ่งกลับมาทีละคน“ทูลท่านอ๋องฉี ไม่มีใครอยู่ในร้านค้าเลยพ่ะย่ะค่ะ!”“ว่ากระไรนะ! ไม่มีใครเลยรึ?!”ฉินหงสะดุ้งอยู่ครู่หนึ่งและถามว่า “เจ้าค้นหาทุกซอกทุกมุมแล้วหรือยัง?”“ค้นอย่างละเอียดแล้ว ไม่มีใครอยู่จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ชิ่งกั๋วกงอย่างเซี่ยเหอก็รู้สึกกังวล “ทูลท่านอ๋องฉี เมื่อครู่เราได้ยินเสียงของเซี่ยหลานอย่างชัดเจน แต่ในพริบตาเดียว เหตุใดนางจึงหายไป? ส่งคนไปตามหานางเร็วเข้า!”ฉินหงรีบพยักหน้า พูดว่า “พวกเจ้า รีบตามหา ต่อให้ต้องแหวกแผ่นดินก็ต้องตามหาเซี่ยหลานให้เจอ!”“รับทราบพ่ะย่ะค่ะ!”ราชองครักษ์กระจายตัวไปทุกทิศทุกทาง แยกย้ายกันออกตามหาคนหลินซีพูดด้วยท่าทางสับสน “แปลกจริง เห็น ๆ อยู่ว่าตรอกนี้เป็นทางตัน ฉินซูจะพาเซี่ยหลานไปซ่อนที่ใดได้ หรือว่าเขาบินได้กัน?”เซี่ยเหอกังวลมาก เขากระทืบเท้าด้วยความโกรธ “ขอทีเถอะใต้เท้าหลิน โปรดหยุดคาด

    Last Updated : 2024-07-23
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 18

    ในตอนที่เซี่ยหลานพูดจบ ฉินซูก็หายตัวไปแล้ว“เจ้าเลว! เจ้าชั่ว! เจ้าคนสารเลว!”เซี่ยหลานกำหมัดของนางแรงจนข้อนิ้วเปลี่ยนซีดขาวนางก้มหน้าลงมองอาภรณ์ที่ฉินซูฉีกทึ้งจนมิเหลือชิ้นดี ความคับข้องใจและความมิเต็มใจปะทุขึ้นในใจนางจากนั้นนางก็ทนมิไหวอีกต่อไป หยาดน้ำตาหลั่งออกมาพร้อมเสียงสะอื้นไห้ “ฮือ”ตลอดชีวิตของนาง นางมิเคยถูกทำให้อับอายถึงเพียงนี้มาก่อนสำหรับนาง นี่เป็นความอัปยศอย่างยิ่ง!“ฉินซู ท่านคอยดูเถอะข้าจะให้ท่านต้องชดใช้สิ่งที่ท่านทำในวันนี้! ฮือ... เจ้าสารเลวกล้ามาทำให้ข้าอับอายเช่นนี้... ”นางหลั่งน้ำตา ร้องไห้มิหยุดหลังจากระบายความโกรธแล้ว นางก็หยิบเศษผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นวัดร้างขึ้นมาและคลุมร่างที่เปลือยเปล่าของนางจากนั้นก็ฉีกอีกชิ้นหนึ่งออกมาคลุมใบหน้าไว้นางอยู่ในสภาพอาภรณ์ขาดวิ่นเช่นนี้ มิกล้าสู้หน้าผู้คนจริง ๆ หลังจากทำตัวเองให้ดูมอมแมมแล้ว ก็ออกจากวัดร้างไปด้วยความสบายใจแถวนี้คนผ่านไปมาน้อย หากมิทำให้ตัวเองดูสกปรก นางก็เกรงว่าจะเจอภัยร้ายแต่นางก็ละเลยไปหนึ่งสิ่งนั่นคือแม้ว่าตอนนี้นางจะดูสกปรกมอมแมม แต่มิว่าอย่างไร รูปร่างอันสง่างามและอรชรอ้อนแอ้

    Last Updated : 2024-07-23
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 19

    ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยยิ้มและพูดว่า “อันที่จริงแล้ว กระหม่อมเพียงต้องการหางานทำร่วมกับองค์รัชทายาท!"“หา? อยากหางานทำร่วมกับข้า ข้าได้ยินมิผิดใช่หรือไม่?” ฉินซูตกตะลึงเล็กน้อยตู๋กูโฉ่วเยวี่ยพยักหน้าอย่างหนักแน่นและพูดอย่างเคร่งขรึม "พ่ะย่ะค่ะ ท่านทรงเป็นองค์รัชทายาทของแคว้น ดังคำกล่าวที่ว่า ผู้คนแสวงหาที่สูง สายน้ำไหลสู่ที่ต่ำ บุรุษผู้ทะเยอทะยานเช่นกระหม่อมย่อมต้องการที่จะบรรลุสิ่งยิ่งใหญ่เป็นเรื่องปกติ กระหม่อมจึงขอให้องค์รัชทายาททรงอนุญาต”ฉินซูกลอกตามาที่เขาและบ่นว่า “ขออภัยที่ข้าต้องบอกความจริงกับเจ้า ทุกคนต่างรู้ดีว่าวันชุนเฟินปีหน้าข้าจะถูกปลดจากตำแหน่งรัชทายาท เจ้ามาหาข้าเวลานี้ยังจะมาพูดว่าอยากสร้างผลงานยิ่งใหญ่ คิดจะหลอกใครกัน?”“เอ่อ… เรื่องนั้น… คือว่า..."เมื่อเห็นตู๋กูโฉ่วเยวี่ยอ้ำอึ้ง ฉินซูก็หรี่ตาลงแล้วถามว่า “หรือว่าอ๋องฉีหรือไม่ก็อ๋องจิ้นส่งเจ้ามาเป็นสายลับข้างกายข้า?”“แน่นอนว่ามิเป็นเช่นนั้น องค์รัชทายาท ท่านควรรู้ว่าพวกเราจากสำนักหอดูดาวหลวงต่างก็มีความชอบธรรมในตนเอง จะเป็นสายลับให้พวกเขาได้อย่างไร เราจะมิรักษาหน้าตัวเองได้หรือ!”“หากเจ้าถือว่าตัวเองเป็นคนชอบธรรมมา

    Last Updated : 2024-07-23
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 20

    ทว่าชูโม่ดึงแส้หนังออกจากอกเสื้อของนางแทน!ทันใดนั้นดวงตาของนางก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา ก่อนเหวี่ยงแส้ในมือฟาดใส่ฉินซูอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า!รูม่านตาของฉินซูหดตัวเล็กน้อย เขาเบี่ยงตัวไปด้านข้างโดยสัญชาตญาณ หลีกเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย“อ๊ะ?!”ชูโม่มีสีหน้าประหลาดใจ ในใจรู้สึกทึ่งเป็นอย่างมากการโจมตีนี้ดูเหมือนทำอย่างสบาย ๆ แต่ด้วยความแข็งแกร่งขั้นสูงสุดระดับปฐพีของนาง แม้ว่าจะโบกมือเบา ๆ ก็ตาม การจะหลบเลี่ยงมันก็เป็นเรื่องยากแล้วสำหรับจอมยุทธระดับซวนทั่วไปแต่องค์รัชทายาทไร้ค่าผู้นี้ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องหลงสุรามักมากในกามอารมณ์กลับรอดพ้นไปได้อย่างง่ายดายได้อย่างไร?นางแทบมิเชื่อสายตาตัวเอง!เมื่อชูโม่กำลังสงสัย ฉินซูก็เซจนหงายหลัง“โอ๊ย ข้ากลัวแทบตาย เจ้าทำอะไรของเจ้ากัน”เขาบ่นและลูบท้ายทอย ทำหน้าเหยเกอย่างเจ็บปวดเมื่อเห็นเช่นนี้ ชูโม่ก็อดมิได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย และบ่นในใจอีกครั้ง‘หรือว่าเมื่อครู่เป็นเพียงความบังเอิญ?’คิดเช่นนั้น นางจึงส่งเสียงฮึดฮัด ยกแส้ขึ้นและเตรียมฟาดออกไปอีกครั้งฉินซูยกฝ่ามือขึ้นแล้วตะโกน “ช้าก่อน!”ชูโม่เลิกคิ้วและถามด้วยสีหน้าเย็นชา “มีอะไรจะสั

    Last Updated : 2024-07-23
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 21

    หางตาของฉินซูกระตุก หนีหัวซุกหัวซุนวิ่งพล่านไปทั่วลานตำหนักเขาวิ่งหลบไปมาท่ามกลางกลุ่มองครักษ์ สามารถหลีกเลี่ยงการถูกเฆี่ยนตีจากแส้ของชูโม่ได้หลายครั้งแต่สำหรับองครักษ์คือความทรมาน หลายคนถูกลูกหลงจากชูโม่ ร่างกายของพวกเขาฟกช้ำ ดูมิได้ในยามนั้น ที่ลานด้านหน้าของตำหนักบูรพาวุ่นวายอย่างที่สุดเมื่อเห็นว่าฉินซูหลบการโจมตีได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ชูโม่ก็เริ่มโมโหนางตะโกนขึ้นว่า “พวกที่มิเกี่ยวข้องรีบไปให้พ้น! มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิปรานี!”เมื่อได้ยินดังนั้น เหล่าราชองครักษ์ก็กัดฟันและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วฉินซูใช้ประโยชน์จากความสับสนวุ่นวาย แทรกตัวเข้าไปในกลุ่มคนแล้ววิ่งไปทางลานด้านหลังชูโม่ยิ้มเย้ยหยัน กระทืบพื้นด้วยเท้าข้างเดียว ก่อนที่ร่างของนางจะลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับลูกธนู!นางหมุนตัวกลางอากาศอย่างสง่างามสองครั้ง จากนั้นก็ร่อนลงต่อหน้าฉินซูอย่างมั่นคง พร้อมกับเหวี่ยงแส้ในมือของนางออกไปฉินซูเสียหลัก แต่ก็หลบแส้ไปได้อย่างบังเอิญอีกครั้ง“หืม?”ชูโม่ตกตะลึงอีกครั้ง แต่มิหยุดมือ นางฟาดแส้ไปทางฉินซูเร็วกว่าครั้งก่อนนางเห็นฉินซูสะดุดทำท่าจะล้มไปตลอดทาง และทุกครั้งที่เขาล้

    Last Updated : 2024-07-23
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 22

    ฉงชูโม่เย้ยหยันทันทีและพูดว่า “ทุกคนในใต้หล้ารู้ดีว่าหม่อมฉันฉงชูโม่ อุทิศตนเพื่อแคว้น มิเคยข้องเกี่ยวกับการเมืองภายใน ตอนนี้องค์รัชทายาทกลับมาป้ายสีว่าหม่อมฉันเล่นพรรคเล่นพวกกับอ๋องฉี ท่านมิคิดว่าสิ่งที่ท่านพูดมันน่าขำหรอกหรือ?”“ในเมื่อเจ้ามิได้เป็นคนที่อ๋องฉีส่งมา เหตุใดเจ้าจึงยืนหยัดเพื่อเซี่ยหลานเล่า?”“หึ! นางเป็นสหายของหม่อมฉันที่เติบโตมาด้วยกัน วันนี้ท่านทำให้นางอับอายอย่างหนัก หากหม่อมฉันทำเมินเฉย หม่อมฉันจะยังถือว่าเป็นมนุษย์อยู่อีกหรือ?”ทันใดนั้นฉินซูก็ตระหนักได้ “อ๋อ ที่แท้ก็เป็นสหายสนิทกันนี่เอง เช่นนั้นข้าก็มิแปลกใจแล้ว”ฉงชูโม่ขมวดคิ้วอีกครั้งและถามด้วยความสับสน “เมื่อครู่ท่านว่าสนิทกันอะไรนะ?”ฉินซูยักไหล่ “นั่นมิสำคัญหรอก สิ่งสำคัญก็คือ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว เรื่องนี้เป็นเซี่ยหลานต่างหากที่ทำตัวเองขายหน้า!”ฉงชูโม่เอ่ยเหน็บแนม “องค์รัชทายาททรงทำให้นางอับอายเพียงนั้น ตอนนี้กลับมาพูดว่านางทำตัวเองขายหน้าเอง ท่านนี่โยนความผิดให้ผู้อื่นเก่งจริง ๆ!”“จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เรื่องของเจ้า อย่างไรเรื่องนี้ข้าก็ไม่มีอะไรให้สำนึกผิด!”“ท่านมิรู้สึกผิดสินะ เช่นนั้นหม่อมฉันจะตี

    Last Updated : 2024-07-23

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 444

    ในเวลาเดียวกันณ ศาลาว่าการมณฑล ถานเหวยกับจี้ซิงเสียนและคนอื่น ๆ ยังคงจัดการดูแลงานปกครองขณะนั้นเจ้าหน้าที่คนหนึ่งก็รีบเดินเข้ามา “ใต้เท้าถาน มีจดหมายจากสำนักขุนนางใหญ่ขอรับ”พูดจบ เขาก็ยื่นจดหมายในมือมาให้ถานเหวยรับมาเปิดอ่าน จากนั้นเขาก็ขมวดคิ้วทันทีเมื่อสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของอีกฝ่าย จี้ซิงเสียนก็อดมิได้ที่จะถามว่า “ใต้เท้าถาน มีเรื่องอันใดหรือขอรับ?”“ไม่ ไม่มีอะไร แค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ”เมื่อได้ยินเช่นนั้น จี้ซิงเสียนกับซุนเยวี่ยและคนอื่น ๆ ก็มองหน้ากันอยู่ครู่หนึ่งหากเป็นแค่เรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ ทางสำนักขุนนางใหญ่จะอุตส่าห์ส่งจดหมายข้ามคืนมาเพื่ออะไร?แต่เมื่อเห็นว่าถานเหวยมิยอมพูดให้ชัดเจน พวกเขาจึงมิกล้าถามอะไรไปมากกว่านี้เกือบจะในเวลาเดียวกันกับที่ถานเหวยได้รับจดหมาย กู้เสวี่ยเจี้ยนและเซี่ยหลานก็ได้รับจดหมายเช่นกันในห้องรับรองด้านหลังของที่ว่าการมณฑล เซี่ยหลานวางจดหมายไว้ตรงหน้าฉินซู“องค์รัชทายาทดูสิเพคะ ท่านปู่ของหม่อมฉันเลอะเลือนไปแล้วจริง ๆ ถึงได้ยังไปเข้าพวกกับอ๋องฉี ซ้ำยังถามเป็นนัย ๆ มาด้วยว่าระหว่างทางพวกเราเผชิญอันตรายใด ๆ หรือไม่เห็นได้ชัดว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 443

    เถ้าแก่ดีใจมากและฉีกยิ้มกว้างจนถึงหู“กรุณารอสักครู่ขอรับ ข้าน้อยจะรีบไปเชิญแขกคนอื่น ๆ ที่มากินข้าวออกไปประเดี๋ยวนี้ขอรับ”ขณะนั้น มู่หรงจื่อเยียนก็กล่าวว่า “มิจำเป็น แค่ไปนำอาหารและเครื่องดื่มขึ้นชื่อของที่นี่มาอย่างละชุดก็พอ”เถ้าแก่พยักหน้ารัว ๆ แล้วหันหลังเดินกลับเข้าไปในครัวเพื่อเตรียมการหนานกงจื่อชินขมวดคิ้วเบา “จื่อเยียน ท่านมิชอบเสียงอึกทึกนี่ เหตุใดมิไล่พวกเขาออกไปเล่า?”“ท่านพี่จื่อชิน ฉินซูมาที่เมืองเหลียงโจวได้หลายวันแล้ว พวกเราแค่มาสอบถามพวกเขาเรื่องตำแหน่งที่อยู่ของฉินซูและคนอื่น ๆ เช่นนี้พวกเราจะได้มิเปลืองแรงเปลืองเวลามากนัก”“ท่านรอบคอบใช้ได้”หลังจากนั้นทั้งสองก็หาที่นั่งตอนนี้มีแขกหลายโต๊ะนั่งอยู่ในห้องโถงของโรงเตี๊ยมขณะที่กำลังกินข้าวอยู่นั้น แขกเหล่านั้นก็พูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นราวกับมิกลัวว่าจะมีใครได้ยิน“สหาย เมื่อครู่เจ้าพูดจริงหรือ องค์รัชทายาทผู้นั้นกำจัดกลุ่มขุนนางทุจริตของเฉินจางภายในคราวเดียวน่ะหรือ? ไฉนข้ามิอยากจะเชื่อเลย”“ข้าก็มิเชื่อ เฉินจางเป็นถึงผู้ว่าการมณฑล องค์รัชทายาทเพิ่งมาที่เมืองเหลียงโจวได้มิกี่วันแต่กลับปราบปรามพวกเขาได้น่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 442

    “ท่านอ๋อง ข้าน้อยคิดว่าควรจะระมัดระวังเรื่องการแพร่ข่าวให้มากพ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยินสิ่งที่เซี่ยเหอพูด ฉินหงก็สับสนยิ่งกว่าเดิม “มันก็เป็นแค่การเผยแพร่ข่าว จำเป็นต้องระมัดระวังปานนั้นเลยรึ? หากเจ้าสามรู้เข้า ต้องหัวเราะเยาะที่ข้าขี้ขลาดแน่”เซี่ยเหอพูดอย่างจริงจัง “ท่านอ๋อง ความมิประมาททำให้ชีวิตอยู่รอดปลอดภัย การเตรียมพร้อมรับมือสิ่งเลวร้ายที่อาจเกิดขึ้นย่อมดีเสมอ เพื่อเป็นการเผื่อไว้ก่อน พวกเราหาคนภายนอกสักสองสามคนมาจัดการเรื่องนี้ หลังจากเสร็จเรื่องก็ค่อย…”พูดจบ เซี่ยเหอก็ทำท่าทางเชือดคอตัวเองแสดงความชั่วร้ายออกมาหลินซีพูดเสริม “แผนการของท่านใต้เท้าเซี่ยช่างมั่นคงและรอบคอบนัก เรียกได้ว่าไร้ที่ติเลยทีเดียว ข้าขอชื่นชม! ด้วยวิธีนี้ แม้องค์จักรพรรดิจะทรงตรวจสอบเรื่องนี้อย่างละเอียดในภายหลัง ก็คงจะสาวมามิถึงพวกเราอย่างแน่นอน”ฉินหงพยักหน้าเบา ๆ “พวกท่านก็รอบคอบใช้ได้”หลังจากนั้นเขาก็กำชับคนสนิทของตนในเรื่องนี้และสั่งให้เขาไปหาคนข้างนอกหลังจากทำตามคำแนะนำเรียบร้อยแล้ว ฉินหงก็พูดกับเซี่ยเหอ “ใต้เท้าเซี่ย ช่วงนี้เซี่ยหลานส่งจดหมายมาบ้างหรือไม่?”“หามิได้พ่ะย่ะค่ะ เหตุใดจู่ ๆ ท่

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 441

    หากฉินซูมีตำแหน่งมั่นคงในตำหนักบูรพา ต่อจากนี้องค์ชายคนอื่น ๆ ที่เหลือก็จะใช้ชีวิตลำบาก!เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ฉินหงก็ถามว่า “เสด็จพี่สาม ที่ท่านรีบร้อนมาที่นี่คาดว่าคงมีแผนตอบโต้ในใจแล้ว บอกทีว่าท่านคิดจะทำอย่างไร ขอเพียงตัดอนาคตขององค์รัชทายาทได้ ข้าก็จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่”“ข้าได้ยินมาว่า ฉินซูจัดสรรเงินหกแสนตำลึงและเสบียงแปดพันต้านลงไปช่วยบรรเทาภัยพิบัติทางใต้โดยมิได้รับอนุญาต พวกเราอาจลองใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้ดูได้”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลินซีก็รู้ฮึกเหิมขึ้นมาทันใด “เงินหกแสนตำลึง เสบียงแปดพันต้าน ช่างเป็นจำนวนที่น่าตกใจนัก องค์รัชทายาททำนอกเหนืออำนาจที่ได้รับ การประชุมหารือในราชสำนักในเช้าวันพรุ่ง พวกเราต้องกล่าวโทษเขาให้หนัก!”“ถูกต้อง หากเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง ครั้งนี้องค์รัชทายาทจะต้องเสียเปรียบอย่างแน่นอน!”ฉินหยางเหลือบมองหลินซีและเซี่ยเหอพลางยิ้มเยาะ “แม้การกระทำขององค์รัชทายาทจะค่อนข้างมิเหมาะสม แต่จุดเริ่มต้นก็คือเพื่อบรรเทาภัยพิบัติและดูแลราษฎรผู้ประสบภัย ถึงพวกเจ้าจะกล่าวโทษก็มิเป็นผล เพราะเสด็จพ่อคงจะมิทรงลงโทษเขาเพราะเรื่องนี้หรอก”หลินซีมิเข้าใจ “เหตุใด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 440

    ภายในจวนอ๋องฉี ฉินหงกำลังอยู่กับหลินซี เซี่ยเหอ และคนอื่น ๆ ในห้องประชุมเพื่อถกกันเรื่องกิจราชการทันใดนั้น บ่าวรับใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเร่งด่วน “ท่านอ๋อง อ๋องซิ่นเสด็จมาแล้วบอกว่ามีเรื่องด่วน…” เขาพูดยังมิทันจบ ก็พลันเห็นฉินหยางสาวเท้าเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ฉินหงและคนอื่น ๆ เห็นดังนั้นก็ลุกขึ้นต้อนรับ เมื่อสังเกตเห็นฉินหยางหน้านิ่วคิ้วขมวด ฉินหงจึงซักถามว่า “เสด็จพี่สาม เหตุใดจึงดูเป็นกังวลมากเช่นนี้ เกิดเรื่องอันใดขึ้นงั้นหรือ?” “เมื่อครู่มีข่าวมาจากในวังว่ารัชทายาทได้สร้างผลงานยิ่งใหญ่ในมณฑลเหลียงโจว ขนาดที่ขุนนางอาวุโสเว่ยและเหลยเจิ้นยังชื่นชม น้องสี่และคนของเจ้ายังมิรู้เรื่องนี้งั้นหรือ?” “ว่ากระไรนะ? มีเรื่องเช่นนี้จริงหรือ?!” ใบหน้าของฉินหงเต็มไปด้วยความประหลาดใจหลินซีถามอย่างสับสน “ท่านอ๋องซิ่น องค์รัชทายาทเดินทางไปมณฑลเหลียงโจวเพียงเพื่อตรวจเยี่ยมพื้นที่ภัยพิบัติเท่านั้น อย่างมากก็แค่ทำเป็นพิธี เขาจะสร้างผลงานยิ่งใหญ่ได้อย่างไร?” เซี่ยเหอเสริมว่า “นั่นสิ เขาเสกข้าวและอาหารในอากาศมิได้หรอกกระมัง?” ฉินหยางแค่นเสียงเย็นชา “หึ เจ้าก็พูดถูกนั่นแหละ แต่รัชทายา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 439

    “มิต้องมากพิธีลุกขึ้นเถอะ” อย่างไรก็ตามไม่มีใครยืนขึ้นแม้แต่คนเดียวฉินซูขมวดคิ้วและถามว่า “พวกเจ้ามีความคับข้องใจอันใดหรือไม่? หากมี พูดได้เต็มที่ ข้าจะจัดการให้พวกเจ้าเอง” “องค์รัชทายาท ท่านทรงช่วยพวกเรากำจัดเฉินจาง โจวเซินและขุนนางทุจริตอีกหลายคนและยังทรงชดเชยส่วนต่างราคาข้าวที่พวกขุนนางเหล่านั้นบังคับซื้อคืนมาให้พวกเรา พวกเราจะมีความทุกข์อะไรได้อีกพ่ะย่ะค่ะ” “ใช่แล้วองค์รัชทายาท ท่านทรงทำให้เหลียงโจวของพวกเราสงบสุขอีกครั้ง นับว่าเป็นพระคุณอันยิ่งใหญ่ ท่านคือมีผู้พระคุณของพวกเราชาวเหลียงโจวพ่ะย่ะค่ะ!” “องค์รัชทายาทโปรดรับการคำนับจากพวกเราด้วย!” จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ก้มหัวคำนับอย่างพร้อมเพรียง ฉินซูรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก หลังจากที่เดินทางข้ามเวลามานานถึงเพียงนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับความรักและการยกย่องจากผู้คน เขาโบกมือเล็กน้อยพร้อมกล่าวว่า “พี่น้องทั้งหลาย นี่คือสิ่งที่ตัวข้าควรทำแล้ว พวกเจ้ารีบลุกขึ้นเถิด” ขณะที่เขาพูด เขาก็ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวและช่วยประคองชายชราคนหนึ่งลุกขึ้นชายชราที่ได้รับความรักอันคาดมิถึงก็รู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาคลอเบ้าครั้นแล้วชายช

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 438

    ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว“ตอนนี้ยังต้องคุ้มกันขบวนขนเสบียงไปยังอำเภอที่ประสบภัย เราไม่มีคนเหลือพอ เงินเหล่านี้ฝากไว้ในคลังของที่ว่าการมณฑลก่อน รอจนข้าตรวจพื้นที่ภัยพิบัติเสร็จแล้วค่อยนำกลับไปพร้อมกัน” ถานเหวยคิดแล้วก็เห็นด้วยเช่นกัน จึงทำการตรวจสอบเงินและเก็บเข้าคลังทันที เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาก็รีบเขียนรายงานมิหยุดแล้วส่งคนให้นำไปส่งที่วังในชั่วข้ามคืน ในขณะเดียวกันนั้นเอง ภายใต้คำสั่งของฉินซู ตงฟางไป๋ ตงฟางโซ่ว รวมทั้งสวีเซี่ยงเฉียน พวกเขาทั้งสามก็นำคณะของตนเร่งคุ้มกันส่งเสบียงไปยังสามอำเภอได้แก่ อำเภอเหรากู่ ฉงซานและเป่ยเซียงในชั่วข้ามคืน ยามค่ำ ภายในห้องประชุมของที่ว่าการมณฑล ในเวลานี้เซี่ยหลานกำลังเขียนบันทึกอย่างขะมักเขม้น โดยจดบันทึกทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเหลียงโจวตลอดสองวันที่ผ่านมา หลังจากเขียนเสร็จแล้ว นางหันไปถามฉินซูว่า “องค์รัชทายาทเพคะ ท่านช่วยดูหน่อยว่าหม่อมฉันเขียนเช่นนี้ใช้ได้หรือไม่?” ฉินซูอ่านแล้วขมวดคิ้วทันที เห็นดังนั้น เซี่ยหลานจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านขมวดคิ้ว หรือว่าที่หม่อมฉันเขียนมีปัญหางั้นหรือเพคะ?” “ตอนต้นหาได้ปัญ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 437

    จากนั้นตงฟางไป๋ก็ให้คนนำตัวพ่อค้าข้าวเหล่านั้นออกไป สองชั่วยามต่อมา ภายใต้การนำของสวีหลาย กลุ่มของสำนักสักการะระบี่ก็ขนข้าวแปดพันต้านรวมถึงเงินหกแสนตำลึงขึ้นเรือล่องแม่น้ำไปทางใต้ เมื่อมองเรือสินค้าที่เต็มไปด้วยเสบียงข้าวและเงินบรรเทาภัยพิบัติแล่นจากไป ถานเหวยก็ถอนหายใจและเอ่ยว่า “หวังว่าพวกเขาจะไปถึงหลิงหนานโดยเร็วที่สุด ผู้คนจะได้อดตายน้อยลง” ฉินซูเหลือบมองถานเหวยอย่างลึกซึ้งพร้อมกับพยักหน้าในใจ ถานเหวยเป็นคนซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาและมิเข้าร่วมความขัดแย้งทางการเมืองใด ๆ ท่ามกลางสถานการณ์ความวุ่นวายในราชสำนักตอนนี้ นับว่าเป็นแหล่งน้ำอันบริสุทธิ์ เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็ถามอย่างใจเย็นว่า “ใต้เท้าถาน เจ้าในฐานะรองเสนาบดีกรมพระคลัง เจ้าน่าจะรู้เรื่องงานในกรมพระคลังเป็นอย่างดีใช่หรือไม่?” “ถือว่าใช่พ่ะย่ะค่ะ ระยะนี้ท่านเสนาบดีหลินมิค่อยได้ดูแลกิจการงานกรมพระคลัง ภาระทั้งหมดนี้จึงตกมาที่ตัวข้าน้อยพ่ะย่ะค่ะ” “หลินซีครองตำแหน่งแต่กลับมิทำงาน เจ้ามิเคยพร่ำบ่นเลยหรือ?” ถานเหวยส่ายหน้าเล็กน้อย พร้อมกับกล่าวอย่างรู้สึกปลงว่า “ใต้เท้าหลินเป็นผู้บังคับบัญชาของข้าน้อย การช่วยแบ่งเบาภาร

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 436

    เหล่าพ่อค้าข้าวคุกเข่าลงบนพื้นอย่างสั่นสะท้าน ตัวสั่นไปทั้งตัวราวกับถูกเขย่า เมื่อเห็นเช่นนั้น ตงฟางไป๋ก็เตะพวกเขาล้มลงบนพื้นอีกครั้ง! “เจ้าพวกสารเลว องค์องค์รัชทายาทกำลังตรัสถามพวกเจ้าอยู่ เป็นใบ้กันหมดแล้วหรือไร?” ถูกตงฟางไป๋ตะคอกเช่นนี้ ความกล้าหาญของพวกเขาก็เกือบพังทลายด้วยความกลัว ชายแซ่เฝิงผู้นั้นถามด้วยเสียงสั่นเทาว่า “องค์องค์รัชทายาท พวกเราก็ขายข้าวสามตำลึงหนึ่งต้านแล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ ขอบังอาจทูลถามว่า พวกเรามีความผิดอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?” “ใช่แล้วองค์รัชทายาท พวกเราทุกคนล้วนเป็นพ่อค้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย ทั้งเมื่อคืนนี้ที่จวนใต้เท้าเฉิน ท่านยังทรงชมเชยว่าพวกเราเป็นผู้จิตใจดีงามอยู่เลย” “องค์รัชทายาท เหล่าผู้น้อยเป็นผู้บริสุทธิ์ ขอพระองค์โปรดทรงพิจารณาด้วยพ่ะย่ะค่ะ” คนอื่น ๆ ที่เหลือพากันแก้ตัว ฉินซูพ่นเสียงหัวเราะเย้ยหยัน “หึ ๆ ยังมิยอมรับอีกสินะ? ข้าจะบอกความจริงกับพวกเจ้า เรื่องชั่วร้ายที่พวกเจ้าสมคบคิดทำกันตลอดหลายปีที่ผ่านมา เจ้าขุนนางชั่วเฉินจางสารภาพจนหมดแล้ว ข้าไต่สวนพวกเจ้าในวันนี้ ก็เพียงเพื่อให้โอกาสพวกเจ้าสารภาพผิดและลดโทษให้เท่านั้น ในเมื่อพวกเจ้าม

DMCA.com Protection Status