Share

บทที่ 14

Penulis: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “ฮ่าฮ่า ๆ ขุนนางอาวุโสเฉิงพูดเกินไปแล้ว พวกเราแค่อยากให้องค์ชายของท่านอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน หาอย่าได้ต้องกังวล พวกเราจะดูแลองค์ชายอย่างดี”

เฉิงจืออี้สูดจมูกอย่างเย็นชาแล้วพูดกับมู่หรงฟู่ “องค์ชาย โปรดดูแลตัวเองด้วยพ่ะย่ะค่ะ ภายในสิบวัน องค์จักรพรรดิจะส่งคนไปรับท่านกลับอย่างแน่นอน"

“ไปเถอะ เดินทางปลอดภัย”

เฉิงจืออี้และคนอื่น ๆ ต่างก็อำลามู่หรงฟู่ จากนั้นจึงขึ้นรถม้าและออกจากเมืองไป

หลังจากดูพวกเขากลับไปแล้ว มู่หรงฟู่ก็ถามอย่างใจเย็น “พี่ชายตู๋กู ข้าขอถามหน่อยได้หรือไม่ว่า ข้าควรไปพบไทฮองไทเฮาของเจ้าตอนนี้หรือว่าอย่างไร?”

ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหัวเราะและพูดว่า "องค์ชายมู่หรงให้เกียรติกันเกินไปแล้ว ท่านมีสถานะที่สูงส่ง กระหม่อมมิกล้าให้ท่านเรียกว่าพี่ชายหรอก เรียกกระหม่อมว่าโฉ่วเยวี่ยเถิดพ่ะย่ะค่ะ"

“เข้าประเด็นกันเถิด!”

“เช่นนั้น องค์ชายมู่หลง โปรดมากับกระหม่อมมาเถิด เข้าเฝ้าไทฮองไทเฮาก่อน จากนั้น... กระหม่อมจะพาท่านไปยังที่พำนัก”

มู่หรงฟู่พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ขี่ม้าเคียงข้างกับตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไป

ระหว่างทาง เขาถามอย่างสงสัย “ว่าแต่ว่า พี่ตู๋กู เรื่องกักตัวข้าไว้เป็นตัวประกันเป็นความคิดผู้ใดหรือ?"

ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยเกาหัวด้วยความสับสน "ตัวประกัน ตัวประกันอะไรกันพ่ะย่ะค่ะ ไฉนกระหม่อมมิเข้าใจที่องค์ชายมู่หรงตรัสเลย"

“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วมิต้องปิดบังกันแล้ว ตัวข้าเป็นตัวประกัน พวกเจ้ามิสงสัยอะไรในใจเลยหรือ?”

“อ่า ฮ่าฮ่า หากองค์ชายมู่หลงตรัสเช่นนั้น กระหม่อมก็ไม่มีคำใดจะพูดแล้ว”

“เจ้าแค่ต้องบอกตัวข้าว่า นี่เป็นความคิดของใคร”

ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยกล่าวอย่างมิเป็นทางการ “ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทจะกล่าวถึงท่านต่อหน้าไทฮองไทเฮา กระหม่อมเองก็มิทราบรายละเอียด”

“ฉินซู?”

ใบหน้าของมู่หรงฟู่ซับซ้อนเล็กน้อย เขาคาดมิถึงเลยว่า การกักขังตนในฐานะตัวประกันจะเป็นความคิดของฉินซูองค์รัชทายาทที่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง

เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยและพ่นลมเบา ๆ “หึ ตบหน้าข้าอย่างเดียวมิพอ ยังวางแผนต่อต้านตัวข้าอีกรึ? องค์รัชทายาทของพวกเจ้าคิดว่าตัวข้ารังแกง่ายหรือไร?”

“องค์ชายมู่หรงตรัสเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาทและท่านหากมิขัดแย้งกันคงมิได้รู้จักกัน ยิ่งกว่านั้นเรื่องร้าย ๆ อาจจะกลายเป็นดี ท่านพำนักอยู่ต้าเหยียนของเราอาจจะมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ"

มู่หรงฟู่เยาะเย้ยและมิตอบ

……

ในห้องทรงพระอักษร

หัวโหรหลวงเหลยเจิ้นกำลังเล่นหมากรุกกับฉินอู๋ต้าว

เมื่อมองไปที่หมากรุกตรงหน้าเขา คิ้วของฉินอู๋ต้าวก็ค่อย ๆ ขมวดเข้าหากัน

หลังจากนั้นมินาน เขาก็โยนตัวหมากรุกกลับเข้าไปในโหลเก็บตัวหมากรุกอย่างหงุดหงิด

“พอแล้ว เจ้าชนะข้ามาหลายตาแล้ว ให้ข้าชนะบ้างมิได้หรือไร?”

เหลยเจิ้นหัวเราะเบา ๆ “ฝ่าบาท พระองค์ทรงปล่อยให้ข้าน้อยชนะ มิเช่นนั้น ด้วยเพียงทักษะของข้าน้อยแล้ว ข้าน้อยจะชนะพระองค์ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ"

“หยุดประจบข้าทีเถอะ ข้าชนะมิได้ก็คือชนะมิได้ อย่างน้อยข้าก็ตระหนักรู้ถึงตัวข้าเองดี

ฉินอู๋ต้าวจิบชาก่อนจะถามว่า “ข้าได้ยินมาว่า เฉิงจืออี้และคนอื่น ๆ กำลังเก็บข้าวของออกไป แน่ใจหรือไม่ว่าคนที่เจ้าส่งไปจะทำให้มู่หรงฟู่อยู่ต่อได้?

“โฉ่วเยวี่ยจะจัดการเรื่องนี้ ฝ่าบาทโปรดวางพระทัยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“ดีมาก ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าเป่ยเยี่ยนต้องการใช้กองทหารโจมตีเรา พวกเขาก็จะลังเล ต้องบอกว่ากลยุทธ์ขององค์รัชทายาทผู้นี้ถือได้ว่าเป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วนของเราต้าเหยียนแล้ว”

“องค์รัชทายาททรงเปี่ยมด้วยสติปัญญา ความเงียบของพระองค์ลึกซึ้ง เมื่อลั่นวาจาก็น่าทึ่งอย่างแท้จริง(1)” เหลยเจิ้นยิ้มอย่างรู้เท่าทัน ราวกับกำลังบอกเป็นนัยบางอย่าง

ฉินอู๋ต้าวพูดแบบสบาย ๆ “ข้ามิได้คาดหวังให้เขาน่าทึ่งอะไร ข้าจะขอบคุณสวรรค์หากเขามิสร้างปัญหาให้ข้าก่อนถึงวันซุนเฟินปีหน้า”

“ในเวลานี้ แม่ทัพฉงน่าจะเดินทางกลับได้แล้ว หากมีนางคอยดูแลองค์รัชทายาทก็มิน่ามีปัญหาใด ๆ พ่ะย่ะค่ะ”

ฉินอู๋ต้าวพยักหน้าเล็กน้อย ทันใดนั้นก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเปลี่ยนเรื่องและถามว่า “ใช่สิ เจ้าได้ตัดสินใจเลือกตัวแทนที่จะเข้าร่วมในการประชุมระหว่างแคว้นแล้วหรือยัง?”

สิ่งที่เรียกว่า การประชุมระหว่างแคว้นเป็นงานใหญ่ที่จัดขึ้นร่วมกันโดยแคว้นมหาอำนาจหลายในแผ่นดินเฉินโจว

จุดประสงค์คือ เพื่อเลือกแคว้นที่มีศักยภาพจากแคว้นต่าง ๆ สนับสนุนพวกเขา และร่วมกันต่อสู้กับแผ่นดินชื่อเหยียนในภายภาคหน้า

ตราบใดที่เป็นแคว้นในแผ่นดินเฉินโจว มิว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็สามารถส่งตัวแทนเข้าร่วมในการประชุมระหว่างแคว้นได้

การประชุมมีทั้งการแข่งขันทั้งทางด้านบุ๋นและบู๊ ซึ่งจัดขึ้นทุก ๆ ห้าปี ถือเป็นงานที่มีชีวิตชีวาและเป็นที่รอคอยมากที่สุดทั่วทั้งแผ่นดิน

ในด้านของต้าเหยียนนั้น หัวหน้าโหรหลวงเหลยเจิ้นมีหน้าที่คัดเลือกคนเข้าแข่งขันทางด้านบู๊มาโดยตลอด

สำหรับด้านบุ๋นนั้น ขุนนางอาวุโสเว่ยเจิงเป็นผู้รับผิดชอบในการคัดเลือก

เหลยเจิ้นพูดช้า ๆ “เดิมทีได้มีการคัดเลือกแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ตอนนี้แม่ทัพฉงต้องไปอยู่ในตำหนักบูรพาเพื่อดูแลองค์รัชทายาท เช่นนั้นข้าน้อยจะต้องหาคนมาแทนนางพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าจัดการเถอะ หากเรามิสามารถหาผู้สมัครที่เหมาะสมได้ ข้าจะให้องค์รัชทายาทไปกับเจ้า”

เมื่อได้ยินเช่น ส่วนลึกในดวงตาของเหลยเจิ้นก็ฉายแววเป็นประกาย จากนั้นเขาก็พยักหน้าช้า ๆ

“ดีอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นทั้งสองฝ่ายก็จะไม่มีสิ่งผิดพลาด ฝ่าบาทรงพิจารณาได้อย่างรอบคอบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินอู๋ต้าวกล่าวอย่างจริงจัง "ในการประชุมระหว่างแคว้นครั้งนี้ แคว้นสามสิบอันดับแรกจะมีสิทธิ์เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน เช่นนั้นในครั้งนี้เจ้าและเว่ยเจิงจึงต้องใช้ความพยายามมากเป็นพิเศษ ในปีก่อนพวกเราพลาดไปเพียงหวุดหวิดเท่านั้น"

“ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา โฉ่วเยวี่ยและคนอื่น ๆ ได้พัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นมาก อย่างน้อยข้าน้อยก็มั่นใจในด้านบู๊พ่ะย่ะค่ะ”

“อย่าได้ชะล่าใจ ในช่วงห้าปีนี้ พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น ผู้เข้าร่วมจากแคว้นอื่น ๆ ก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน หากเราได้รับอาวุธหรือเมล็ดพันธุ์จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนเช่นเดียวกับเมื่อสองร้อยปีก่อน ต้าเหยียนของเราจะกลายเป็นแคว้นผู้นำในมิช้า”

เมื่อสองร้อยปีที่แล้ว ต้าเหยียนเป็นเพียงแคว้นเล็ก ๆ ซึ่งมิเป็นที่นิยม

เป็นเพราะพวกเขาได้รับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระหว่างการทดลองในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน และเสนอมันให้กับแคว้นมหาอำนาจเหล่านั้นพวกเขาจึงจะได้รับการสนับสนุน

มิกี่ปีต่อมา แคว้นเล็ก ๆ ซึ่งมิเป็นที่รู้จักก็ได้มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

ปัจจุบันได้พัฒนาเป็นแคว้นอันดับสองแล้ว และเป็นเพียงโอกาสเดียวเท่านั้นที่จะกลายเป็นแคว้นผู้นำ

ปัจจุบันมีแคว้นมหาอำนาจห้าแห่งในแผ่นดินเฉินโจว และแคว้นผู้นำมีมากกว่ายี่สิบแคว้น

แคว้นมหาอำนาจและแคว้นผู้นำจะมิแข่งขันกับแคว้นที่อ่อนแอกว่าในการเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน

เพราะตามข้อบังคับ แคว้นผู้นำสามารถเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนได้ทุก ๆ สองปี

แคว้นมหาอำนาจสามารถเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนได้ปีละครั้ง

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนอุดมไปด้วยทรัพยากร นอกเหนือจากทักษะวิทยายุทธและอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เหมาะสำหรับนักรบแล้ว ยังมีพืชพรรณดอกไม้แปลกตา เครื่องยาสมุนไพรหายาก และเมล็ดพันธุ์พืชผลที่แตกต่างกัน

ด้วยเหตุผลบางประการ เมล็ดธัญพืชภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนนั้นให้ผลผลิตสูงอย่างน่าประหลาดใจ

เมื่อนำเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ออกมาปลูกแล้ว แคว้นก็สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในเวลาเพียงมิกี่ปี

ตอนนี้ราชวงศ์ต้าเหยียนต้องการที่จะกลายเป็นแคว้นผู้นำในคราวเดียว พวกเขาจำเป็นต้องได้รับอาวุธศักดิ์สิทธิ์และเสนอให้กับแคว้นมหาอำนาจเพื่อรับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง!

หรือหาเมล็ดพันธุ์พืชแล้วนำกลับมาปลูกอีกครั้ง

นอกจากนั้นไม่มีทางอื่นแล้ว

ฉินอู๋ต้าวมุ่งมั่นที่จะเป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์ ดังนั้นเขาจึงตั้งใจที่จะนำราชวงศ์ต้าเหยียน ขึ้นสู่แคว้นผู้นำในระหว่างที่เขาครองบัลลังก์

เหลยเจิ้นรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว

เขายืดตัวขึ้นและพูดว่า "ฝ่าบาทโปรกวางพระทัย ในด้านบู๊นั้น ข้าน้อยขอรับประกันได้ว่าไม่มีอะไรผิดพลาด ส่วนด้านบุ๋นนั้นขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของขุนนางอาวุโสเว่ย"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ฉินอู๋ต้าวก็พูดด้วยความกังวล “ในช่วงมิกี่ปีที่ผ่านมา ต้าเหยียนของเราดูเหมือนจะมิได้สร้างคนที่มีความสามารถพิเศษเลย เช่นนั้นเราจำต้องหาทางสรรหาคนที่มีความสามารถจากทั่วหล้า"

ทันทีที่เขาพูดจบ ก็ถอนหายใจอีกครั้งและพึมพำ “เพียงแต่ผู้ที่มีความรู้ความสามารถส่วนใหญ่มักจะถือตัวและหยิ่งในศักดิ์ศรี และอ้างว่าละกิเลส ทำให้ข้าปวดหัวเสียจริง”

“ฝ่าบาท เช่นนั้นเหตุไฉนมิเชิญองค์รัชทายาทเข้าวังเพื่อขอคำปรึกษาในเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นรึ? ถามเขารึ? เขาจะคิดวิธีได้รึ?”

มีความสามารถแต่ไม่แสดงออก

Lanjutkan membaca buku ini secara gratis
Pindai kode untuk mengunduh Aplikasi

Bab terkait

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 15

    เหลยเจิ้นอธิบายว่า “ข้าน้อยเพียงรู้สึกว่า องค์รัชทายาทสามารถหาวิธีที่จะควบคุมเป่ยเยี่ยนได้ ดังนั้นพระองค์อาจมีความคิดเกี่ยวกับการค้นหาผู้มีความสามารถจากทั่วใต้หล้าพ่ะย่ะค่ะ"ฉินอู๋ต้าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นส่ายหัวเล็กน้อย“ข้าควรถามเว่ยเจิงก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ ส่งคนไปจับตาดูเป่ยเยี่ยนอย่างใกล้ชิดด้วย ตอนนี้แม้ว่ามู่หรงฟู่จะถูกกักขังอยู่ที่นี่ แต่เราต้องระวังการเคลื่อนไหวที่เป็นอันตรายจากฝั่งเป่ยเยี่ยนด้วย”“ข้าน้อยน้อมรับสั่งฝ่าบาท!”เหลยเจิ้นโค้งคำนับเล็กน้อยแล้วถอยกลับเดินออกไป…… ทางด้านของฉินซูหลังจากที่เขาออกจากจวนตระกูลหลิน เขามิได้กลับไปที่ตำหนักบูรพา แต่มาที่โรงน้ำชาใกล้กับตลาดที่พลุกพล่านแทนเมื่อพูดถึงการรวบรวมข้อมูล ไม่มีที่ไหนจะดีไปกว่านี้แล้วเขาพบที่นั่งริมหน้าต่างและนั่งลง ขณะดื่มชาเขาก็ตั้งใจฟังบทสนทนาที่ค่อนข้างมีเสียงดังในโรงน้ำชาด้วยเนื่องจากเขาปลอมตัวออกมาประหนึ่งสามัญชนจึงไม่มีใครจำเขาได้ในเวลานี้ ชายคนหนึ่งที่อยู่โต๊ะถัดไปถามสหายของเขาว่า “นี่ ๆ พวกเจ้าเคยได้ยินหรือไม่ เมื่อสองวันก่อนมีใครบางคนทำลายปราการเฮยเฟิงในคราวเดียว พวกผู้นำหัวหน้าต่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 16

    ฉินซูถามอย่างมิเป็นทางการ “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นยอดฝีมืออันดับสองของหลงเฉิง ตอนนี้เจ้ามีความแข็งแกร่ง หรือจะถามว่าเจ้าอยู่ในระดับใด?”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยเหลือบมองฉินซูอย่างสงสัย มิเข้าใจว่าเหตุใดองค์รัชทายาทจึงถามเรื่องนี้แต่เขาก็ยังคงตอบอย่างตรงไปตรงมา “ทูลองค์รัชทายาท กระหม่อมเป็นนักรบขั้นกลางระดับปฐพี”“ระดับปฐพี?”“พ่ะย่ะค่ะ ในวีถีแห่งวรยุทธ แบ่งระดับจากสูงไปต่ำคือ ระดับสวรรค์ ระดับปฐพี ระดับซวน(ลึกลับ) และระดับมนุษย์ แต่ละระดับแบ่งออกเป็นสามขั้นย่อยได้แก่ ขั้นต้น ขั้นกลาง และขั้นปลาย”ฉินซูขมวดคิ้วและถามว่า “เช่นนั้น เจ้านายของเจ้าเป็นนักรบระดับสวรรค์หรือ?"“ข้อนี้ กระหม่อมเองก็มิแน่ใจพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าหมายความเช่นไร ตามความเข้าใจของข้า เจ้าสำนักถือได้ว่าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของราชวงศ์ต้าเหยียนอันยิ่งใหญ่ของเรา ในระดับนี้แล้ว ความแข็งแกร่งมิน่าจะอยู่เพียงแค่ขั้นปลายระดับปฐพีได้เลย”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ตาเฒ่านั่น... อะแฮ่ม... กระหม่อมหมายถึงท่านผู้นั้นย่อมมิใช่เพียงแค่นักรบระดับปฐพี แต่เหตุผลที่เมื่อครู่กระหม่อมบอกว่า กระหม่อมมิแน่ใจก็เพราะกระหม่อมคิดว่าคว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 17

    ฉินหงเอามือไพล่หลัง ใบหน้าเย้ยหยัน‘ฉินซูนะฉินซู หากครั้งนี้เราจับเจ้าได้ แม้ว่าเจ้าคารมคมคายเพียงใด ก็ไม่มีทางแก้ตัวให้รอดไปได้’‘ตำหนักบูรพา ถึงคราวเปลี่ยนเจ้าของแล้ว!’เมื่อฉินหงกำลังกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ เหล่าองครักษ์ก็วิ่งกลับมาทีละคน“ทูลท่านอ๋องฉี ไม่มีใครอยู่ในร้านค้าเลยพ่ะย่ะค่ะ!”“ว่ากระไรนะ! ไม่มีใครเลยรึ?!”ฉินหงสะดุ้งอยู่ครู่หนึ่งและถามว่า “เจ้าค้นหาทุกซอกทุกมุมแล้วหรือยัง?”“ค้นอย่างละเอียดแล้ว ไม่มีใครอยู่จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ชิ่งกั๋วกงอย่างเซี่ยเหอก็รู้สึกกังวล “ทูลท่านอ๋องฉี เมื่อครู่เราได้ยินเสียงของเซี่ยหลานอย่างชัดเจน แต่ในพริบตาเดียว เหตุใดนางจึงหายไป? ส่งคนไปตามหานางเร็วเข้า!”ฉินหงรีบพยักหน้า พูดว่า “พวกเจ้า รีบตามหา ต่อให้ต้องแหวกแผ่นดินก็ต้องตามหาเซี่ยหลานให้เจอ!”“รับทราบพ่ะย่ะค่ะ!”ราชองครักษ์กระจายตัวไปทุกทิศทุกทาง แยกย้ายกันออกตามหาคนหลินซีพูดด้วยท่าทางสับสน “แปลกจริง เห็น ๆ อยู่ว่าตรอกนี้เป็นทางตัน ฉินซูจะพาเซี่ยหลานไปซ่อนที่ใดได้ หรือว่าเขาบินได้กัน?”เซี่ยเหอกังวลมาก เขากระทืบเท้าด้วยความโกรธ “ขอทีเถอะใต้เท้าหลิน โปรดหยุดคาด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 18

    ในตอนที่เซี่ยหลานพูดจบ ฉินซูก็หายตัวไปแล้ว“เจ้าเลว! เจ้าชั่ว! เจ้าคนสารเลว!”เซี่ยหลานกำหมัดของนางแรงจนข้อนิ้วเปลี่ยนซีดขาวนางก้มหน้าลงมองอาภรณ์ที่ฉินซูฉีกทึ้งจนมิเหลือชิ้นดี ความคับข้องใจและความมิเต็มใจปะทุขึ้นในใจนางจากนั้นนางก็ทนมิไหวอีกต่อไป หยาดน้ำตาหลั่งออกมาพร้อมเสียงสะอื้นไห้ “ฮือ”ตลอดชีวิตของนาง นางมิเคยถูกทำให้อับอายถึงเพียงนี้มาก่อนสำหรับนาง นี่เป็นความอัปยศอย่างยิ่ง!“ฉินซู ท่านคอยดูเถอะข้าจะให้ท่านต้องชดใช้สิ่งที่ท่านทำในวันนี้! ฮือ... เจ้าสารเลวกล้ามาทำให้ข้าอับอายเช่นนี้... ”นางหลั่งน้ำตา ร้องไห้มิหยุดหลังจากระบายความโกรธแล้ว นางก็หยิบเศษผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นวัดร้างขึ้นมาและคลุมร่างที่เปลือยเปล่าของนางจากนั้นก็ฉีกอีกชิ้นหนึ่งออกมาคลุมใบหน้าไว้นางอยู่ในสภาพอาภรณ์ขาดวิ่นเช่นนี้ มิกล้าสู้หน้าผู้คนจริง ๆ หลังจากทำตัวเองให้ดูมอมแมมแล้ว ก็ออกจากวัดร้างไปด้วยความสบายใจแถวนี้คนผ่านไปมาน้อย หากมิทำให้ตัวเองดูสกปรก นางก็เกรงว่าจะเจอภัยร้ายแต่นางก็ละเลยไปหนึ่งสิ่งนั่นคือแม้ว่าตอนนี้นางจะดูสกปรกมอมแมม แต่มิว่าอย่างไร รูปร่างอันสง่างามและอรชรอ้อนแอ้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 19

    ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยยิ้มและพูดว่า “อันที่จริงแล้ว กระหม่อมเพียงต้องการหางานทำร่วมกับองค์รัชทายาท!"“หา? อยากหางานทำร่วมกับข้า ข้าได้ยินมิผิดใช่หรือไม่?” ฉินซูตกตะลึงเล็กน้อยตู๋กูโฉ่วเยวี่ยพยักหน้าอย่างหนักแน่นและพูดอย่างเคร่งขรึม "พ่ะย่ะค่ะ ท่านทรงเป็นองค์รัชทายาทของแคว้น ดังคำกล่าวที่ว่า ผู้คนแสวงหาที่สูง สายน้ำไหลสู่ที่ต่ำ บุรุษผู้ทะเยอทะยานเช่นกระหม่อมย่อมต้องการที่จะบรรลุสิ่งยิ่งใหญ่เป็นเรื่องปกติ กระหม่อมจึงขอให้องค์รัชทายาททรงอนุญาต”ฉินซูกลอกตามาที่เขาและบ่นว่า “ขออภัยที่ข้าต้องบอกความจริงกับเจ้า ทุกคนต่างรู้ดีว่าวันชุนเฟินปีหน้าข้าจะถูกปลดจากตำแหน่งรัชทายาท เจ้ามาหาข้าเวลานี้ยังจะมาพูดว่าอยากสร้างผลงานยิ่งใหญ่ คิดจะหลอกใครกัน?”“เอ่อ… เรื่องนั้น… คือว่า..."เมื่อเห็นตู๋กูโฉ่วเยวี่ยอ้ำอึ้ง ฉินซูก็หรี่ตาลงแล้วถามว่า “หรือว่าอ๋องฉีหรือไม่ก็อ๋องจิ้นส่งเจ้ามาเป็นสายลับข้างกายข้า?”“แน่นอนว่ามิเป็นเช่นนั้น องค์รัชทายาท ท่านควรรู้ว่าพวกเราจากสำนักหอดูดาวหลวงต่างก็มีความชอบธรรมในตนเอง จะเป็นสายลับให้พวกเขาได้อย่างไร เราจะมิรักษาหน้าตัวเองได้หรือ!”“หากเจ้าถือว่าตัวเองเป็นคนชอบธรรมมา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 20

    ทว่าชูโม่ดึงแส้หนังออกจากอกเสื้อของนางแทน!ทันใดนั้นดวงตาของนางก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา ก่อนเหวี่ยงแส้ในมือฟาดใส่ฉินซูอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า!รูม่านตาของฉินซูหดตัวเล็กน้อย เขาเบี่ยงตัวไปด้านข้างโดยสัญชาตญาณ หลีกเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย“อ๊ะ?!”ชูโม่มีสีหน้าประหลาดใจ ในใจรู้สึกทึ่งเป็นอย่างมากการโจมตีนี้ดูเหมือนทำอย่างสบาย ๆ แต่ด้วยความแข็งแกร่งขั้นสูงสุดระดับปฐพีของนาง แม้ว่าจะโบกมือเบา ๆ ก็ตาม การจะหลบเลี่ยงมันก็เป็นเรื่องยากแล้วสำหรับจอมยุทธระดับซวนทั่วไปแต่องค์รัชทายาทไร้ค่าผู้นี้ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องหลงสุรามักมากในกามอารมณ์กลับรอดพ้นไปได้อย่างง่ายดายได้อย่างไร?นางแทบมิเชื่อสายตาตัวเอง!เมื่อชูโม่กำลังสงสัย ฉินซูก็เซจนหงายหลัง“โอ๊ย ข้ากลัวแทบตาย เจ้าทำอะไรของเจ้ากัน”เขาบ่นและลูบท้ายทอย ทำหน้าเหยเกอย่างเจ็บปวดเมื่อเห็นเช่นนี้ ชูโม่ก็อดมิได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย และบ่นในใจอีกครั้ง‘หรือว่าเมื่อครู่เป็นเพียงความบังเอิญ?’คิดเช่นนั้น นางจึงส่งเสียงฮึดฮัด ยกแส้ขึ้นและเตรียมฟาดออกไปอีกครั้งฉินซูยกฝ่ามือขึ้นแล้วตะโกน “ช้าก่อน!”ชูโม่เลิกคิ้วและถามด้วยสีหน้าเย็นชา “มีอะไรจะสั

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 21

    หางตาของฉินซูกระตุก หนีหัวซุกหัวซุนวิ่งพล่านไปทั่วลานตำหนักเขาวิ่งหลบไปมาท่ามกลางกลุ่มองครักษ์ สามารถหลีกเลี่ยงการถูกเฆี่ยนตีจากแส้ของชูโม่ได้หลายครั้งแต่สำหรับองครักษ์คือความทรมาน หลายคนถูกลูกหลงจากชูโม่ ร่างกายของพวกเขาฟกช้ำ ดูมิได้ในยามนั้น ที่ลานด้านหน้าของตำหนักบูรพาวุ่นวายอย่างที่สุดเมื่อเห็นว่าฉินซูหลบการโจมตีได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ชูโม่ก็เริ่มโมโหนางตะโกนขึ้นว่า “พวกที่มิเกี่ยวข้องรีบไปให้พ้น! มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิปรานี!”เมื่อได้ยินดังนั้น เหล่าราชองครักษ์ก็กัดฟันและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วฉินซูใช้ประโยชน์จากความสับสนวุ่นวาย แทรกตัวเข้าไปในกลุ่มคนแล้ววิ่งไปทางลานด้านหลังชูโม่ยิ้มเย้ยหยัน กระทืบพื้นด้วยเท้าข้างเดียว ก่อนที่ร่างของนางจะลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับลูกธนู!นางหมุนตัวกลางอากาศอย่างสง่างามสองครั้ง จากนั้นก็ร่อนลงต่อหน้าฉินซูอย่างมั่นคง พร้อมกับเหวี่ยงแส้ในมือของนางออกไปฉินซูเสียหลัก แต่ก็หลบแส้ไปได้อย่างบังเอิญอีกครั้ง“หืม?”ชูโม่ตกตะลึงอีกครั้ง แต่มิหยุดมือ นางฟาดแส้ไปทางฉินซูเร็วกว่าครั้งก่อนนางเห็นฉินซูสะดุดทำท่าจะล้มไปตลอดทาง และทุกครั้งที่เขาล้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 22

    ฉงชูโม่เย้ยหยันทันทีและพูดว่า “ทุกคนในใต้หล้ารู้ดีว่าหม่อมฉันฉงชูโม่ อุทิศตนเพื่อแคว้น มิเคยข้องเกี่ยวกับการเมืองภายใน ตอนนี้องค์รัชทายาทกลับมาป้ายสีว่าหม่อมฉันเล่นพรรคเล่นพวกกับอ๋องฉี ท่านมิคิดว่าสิ่งที่ท่านพูดมันน่าขำหรอกหรือ?”“ในเมื่อเจ้ามิได้เป็นคนที่อ๋องฉีส่งมา เหตุใดเจ้าจึงยืนหยัดเพื่อเซี่ยหลานเล่า?”“หึ! นางเป็นสหายของหม่อมฉันที่เติบโตมาด้วยกัน วันนี้ท่านทำให้นางอับอายอย่างหนัก หากหม่อมฉันทำเมินเฉย หม่อมฉันจะยังถือว่าเป็นมนุษย์อยู่อีกหรือ?”ทันใดนั้นฉินซูก็ตระหนักได้ “อ๋อ ที่แท้ก็เป็นสหายสนิทกันนี่เอง เช่นนั้นข้าก็มิแปลกใจแล้ว”ฉงชูโม่ขมวดคิ้วอีกครั้งและถามด้วยความสับสน “เมื่อครู่ท่านว่าสนิทกันอะไรนะ?”ฉินซูยักไหล่ “นั่นมิสำคัญหรอก สิ่งสำคัญก็คือ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว เรื่องนี้เป็นเซี่ยหลานต่างหากที่ทำตัวเองขายหน้า!”ฉงชูโม่เอ่ยเหน็บแนม “องค์รัชทายาททรงทำให้นางอับอายเพียงนั้น ตอนนี้กลับมาพูดว่านางทำตัวเองขายหน้าเอง ท่านนี่โยนความผิดให้ผู้อื่นเก่งจริง ๆ!”“จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เรื่องของเจ้า อย่างไรเรื่องนี้ข้าก็ไม่มีอะไรให้สำนึกผิด!”“ท่านมิรู้สึกผิดสินะ เช่นนั้นหม่อมฉันจะตี

Bab terbaru

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 654

    ภายในเมือง เสียงระเบิดดังสนั่น พร้อมกับเสียงลมแหวกอากาศของลูกธนูที่พุ่งผ่านดังมิขาดสายเสียงร้องโหยหวนยิ่งดังระงมมิหยุดหย่อน ต่อเนื่องเป็นระลอก!พื้นดินของเมืองอาบย้อมไปด้วยเลือดสีแดงฉาน สังหารหมู่ นี่คือการสังหารหมู่แต่เพียงฝ่ายเดียว!ในเวลานี้ ทหารหนานเยวี่ยที่ล้มลงจมกองเลือดมีจำนวนมากขึ้นเรื่อย ๆฉินซูเห็นเติ้งหม่างมิไหวติง จึงเตือนสติ “ทุกครั้งที่เจ้าลังเล จะมีทหารหนานเยวี่ยสังเวยชีวิตอีกนับมิถ้วน เจ้าจะเงียบต่อไปก็ได้ อย่างไรเสียก็มิใช่ทหารของข้า”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เติ้งหม่างก็มองไปยังสถานการณ์การรบอันน่าอนาถที่อยู่ไกลออกไป ในที่สุดก็ยอมรับความจริงที่ว่าสถานการณ์พลิกผันไปแล้วเขาถอนหายใจอย่างคนหมดอาลัยตายอยาก ตะโกนเสียงดัง “แม่ทัพนายกองทั้งหลายจงฟัง วางอาวุธลงยอมจำนนเสีย!”คำสั่งของเขาแพร่กระจายออกไปอย่างรวดเร็วกองทัพหนานเยวี่ยในเมืองพากันโยนอาวุธในมือทิ้งพร้อมยกมือขึ้นยอมจำนนส่วนทหารแห่งต้าเหยียนก็หยุดการกระทำ มิยิงธนูต่อไปมินาน ฉงชูโม่ก็นำทัพใหญ่บุกเข้าเมือง ควบคุมทหารหนานเยวี่ยของเติ้งหม่างไว้ได้ทั้งหมดเติ้งหม่างมองโจวฉางที่ถูกตงฟางไป๋จับมัดไว้พลางหัวเราะอย่างข

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 653

    เมื่อเห็นภาพตรงหน้า ทุกคนก็ตกตะลึงจนตาแทบถลนออกมา!กุนซือจะชิงตำแหน่งแม่ทัพหรือ?!เติ้งหม่างยืนงงไปครู่หนึ่ง ถามเสียงต่ำ “ท่านผู้อาวุโส ท่านหมายความว่าอย่างไร?”ฉินซูยิ้มอย่างใจเย็น “แม่ทัพเติ้ง เจ้ารู้จักคำกล่าวที่ว่า ทหารจะมิชิงชังกลอุบายหรือไม่?”ขณะพูด อีกมือหนึ่งก็กระชากบางอย่างออกจากใบหน้า!หน้ากากผิวหนังที่บางราวปีกแมลงทับบนใบหน้าถูกกระชากออกเผยให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขาเมื่อเห็นภาพนั้น เติ้งหม่างก็อุทานออกมา “ฉินซู! เป็นเจ้าเองรึ!!”ในฐานะแม่ทัพใหญ่แห่งแคว้นหนานเยวี่ย ภาพเหมือนของรัชทายาทแห่งแคว้นเพื่อนบ้าน มีหรือเขาจะจำมิได้ ดังนั้นเขาจึงจำฉินซูได้ในทันทีฉินซูหัวเราะในลำคอ “ตกใจหรือไม่เล่า? คาดมิถึงเลยใช่หรือไม่?”เติ้งหม่างโกรธจัดจนกระอักเลือดออกมาเป็นกระบุง!ตนพารัชทายาทของแคว้นศัตรูมาพบจักรพรรดิแห่งหนานเยวี่ย ซ้ำยังปล่อยให้อีกฝ่ายมาเป็นกุนซือของกองทัพตนอีก!บัดนี้ทหารนับแสนนายถูกล้อมอยู่ในเมืองเจียวโจว ถูกขังไร้ซึ่งทางหนี ชะตากรรมความเป็นความตายอยู่ในกำมือของอีกฝ่ายในใจของเติ้งหม่างเต็มไปด้วยไฟแค้น โกรธจนตัวสั่นเขาคำรามใส่ลูกน้อง “ยังยืนโง่อยู่อีก ทำกระไ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 652

    เมื่อได้ยินคำพูดของฉินซู เติ้งหม่างก็พยักหน้าหนักแน่น “ดี แม่ทัพนายกองทั้งหลายจงฟัง ตามข้าบุกโจมตีค่ายใหญ่ใจกลางกองทัพต้าเหยียน บุก!”เติ้งหม่างนำทัพเป็นคนแรก บุกตะลุยเข้าไปข้างในพวกเขาบุกตะลุยราวกับพายุตลอดทาง มิใช่สิ ต้องบอกว่าบุกเข้าไปถึงหน้าค่ายทหารใหญ่อย่างไร้อุปสรรคขัดขวางเติ้งหม่างเพิ่งจะสังเกตเห็นความผิดปกติ เขาโบกมือสั่งการ สั่งให้คนบุกเข้าไปทันทีแต่ผลปรากฏว่า ในค่ายทหารใหญ่ใจกลางกองทัพ กลับไม่มีแม้แต่เงาคน!“แย่แล้ว พวกเราติดกับแล้ว!”ถึงเติ้งหม่างจะมีปฏิกิริยาช้าไปบ้างแต่ในที่สุดก็ตระหนักได้แล้วเขาคำรามเสียงดังโดยมิลังเล “ทุกคนถอยทัพกลับ พวกเราติดกับแล้ว!”แต่ฉินซูโบกมือ “ถอยทัพเวลานี้ เท่ากับปล่อยให้ความสำเร็จกลายเป็นศูนย์ รีบแบ่งทหารไปประจำการยึดประตูเมืองทิศต่าง ๆ เมื่อสำเร็จ หากทำสำเร็จก็เท่ากับต้าเหยียนยกเมืองให้เราเปล่า ๆ เมืองหนึ่ง!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดวงตาของเติ้งหม่างก็เปล่งประกายวูบวาบขึ้นมา กล่าวชม “ท่านผู้อาวุโสพูดมีเหตุผล แม่ทัพนายกองทั้งหลายจงฟัง แบ่งทหารออกไปสี่ทิศ รีบบุกยึดประตูเมืองเจียวโจวทุกทิศโดยเร็วที่สุด!”"ขอรับ!"ทหารนับแสนนายรีบแบ่งอ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 651

    “ข้าน้อยเข้าใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”ช่ายเฟิงพยักหน้าหนักแน่น แล้วหันหลังกลับไปเตรียมคบเพลิงทางฝั่งที่ตั้งกองทัพใหญ่หนานเยวี่ย เติ้งหม่างมองไปที่กำแพงเมืองแวบหนึ่ง ในใจก็อดมิได้ที่จะกระวนกระวายใจเล็กน้อยเขากระซิบถามฉินซู “ท่านผู้อาวุโส ยามนี้ก็ยามโฉ่ว[footnoteRef:0]แล้ว แต่บนกำแพงเมืองหาได้มีความเคลื่อนไหวไม่ จะเป็นไปได้หรือไม่ที่อ๋องฉู่จะเปลี่ยนใจกะทันหัน?” [0: ยามโฉ่ว เริ่มนับตั้งแต่เวลา 01.00 – 03.00 น.] “อย่าเพิ่งใจร้อน รออีกเดี๋ยว อีกอย่าง ต่อให้อ๋องฉู่จุดคบเพลิงเป็นสัญญาณจริง พวกเราก็ต้องระวังตัวไว้บ้าง”เมื่อได้ยินเช่นนั้น เติ้งหม่างก็ถามด้วยความประหลาดใจ “ท่านผู้อาวุโสสงสัยว่าอ๋องฉู่จะหักหลังพวกเราหรือ?”“กันไว้ดีกว่าแก้ เมื่อมิกี่วันก่อนข้าเข้าไปสำรวจข้างในเจียวโจวมาบ้าง รู้สภาพข้างในคร่าว ๆ เดี๋ยวเข้าไปในเมืองแล้วเจ้าอย่าปล่อยให้ทัพใหญ่วิ่งพล่านโดยพลการ จะเป็นอันตรายเอาได้”“ในเมื่อท่านผู้อาวุโสคุ้นเคยกับผังเมืองภายใน เมื่อเข้าไปในเมืองแล้วขอฝากท่านผู้อาวุโสบัญชาการทัพต่อด้วย ตอนนี้ท่านคือกุนซือของเราแล้ว!”“ดี!”ในใจของฉินซูแทบจะระเบิดหัวเราะออกมาในเวลานี้เองบนกำแ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 650

    ต่อมา ฉินอวี่จึงใช้ทหารม้าหุ้มเกราะชั้นยอดของตนเข้ามาแทนที่ทหารม้าลาดตระเวนที่ฉงชูโม่เคยส่งออกไปก่อนหน้านี้มิว่าทางหนานเยวี่ยจะมีความเคลื่อนไหวผิดปกติหรือไม่ก็ตามทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับสิ่งที่พวกเขารายงานเมื่อทำภารกิจนี้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดี ฉินอวี่ก็อารมณ์ดีเป็นพิเศษ เขาอยู่ในค่ายทหาร รินสุราดื่มเองไปสองสามจอก.......นอกเมืองถัวเฉิงแคว้นหนานเยวี่ย เติ้งหม่างและฉินซูกำลังนำทัพใหญ่ออกเดินทางอีกครั้งมุ่งหน้าไปยังเมืองเจียวโจวอีกหนึ่งวันต่อมากองทัพใหญ่หหนานเยวี่ยเดินทัพถึงยามค่ำคืน เร่งฝีเท้าอย่างเต็มที่ ในที่สุดก็เดินทางมาถึงนอกเมืองเจียวโจวจนได้ จากนั้นจึงอาศัยความมืดซ่อนตัว"โจวฉาง ยามนี้ยามใดแล้ว" เติ้งหม่างจ้องมองกำแพงเมืองที่อยู่ไกลออกไป ถามโดยมิหันศีรษะกลับมาโจวฉางตอบด้วยความเคารพ "เรียนท่านแม่ทัพใหญ่ ยามนี้เป็นยามไฮ่[footnoteRef:0]แล้วขอรับ!" [0: ยามไฮ่ เริ่มนับตั้งแต่เวลา 21.00 – 23.00 น.] "เหลือเวลาอีกสองชั่วยาม ทุกคนจงเตรียมพร้อม พร้อมโจมตีได้ทุกเมื่อ!""น้อมรับบัญชา!"ในเวลาเดียวกันฉินอวี่ก็นำคนสนิทขึ้นไปบนเชิงเทินทหารป้อมปราการบนกำแพงเมืองก็ถูกเปลี่ยนเป็นค

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 649

    คนสนิทข้างกายฉินอวี่ได้ยินคำพูดดังกล่าว ก็ถึงกับบันดาลโทสะ!เขาชี้หน้าชิวก่วน ตวาดเสียงดัง "บังอาจ ท่านอ๋องฉู่ทรงเป็นถึงจวิ้นอ๋อง เจ้ายังอวดดีกล้าขวางรึ!"ชิวก่วนจ้องหน้าตอบโต้ฝ่ายตรงข้าม กล่าวด้วยเสียงเย็นชา "เจ้าต่างหากที่อวดดี กล่าวอ้างยศถาบรรดาศักดิ์ ข้าเป็นถึงรองแม่ทัพแห่งกองทัพแม่ทัพฉง ตำแหน่งขั้นสาม ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่คือแนวหน้าของสมรภูมิรบ ต่อให้จะเป็นท่านอ๋องฉู่ก็ต้องฟังคำสั่งทางทหาร เจ้าเป็นผู้ใดบังอาจมาแผดเสียงใส่หน้าข้า?""เจ้า..."ชายฉกรรจ์ผู้นั้นถึงกับพูดมิออก เถียงมิออกแม้แต่คำเดียวชิวก่วนประสานมือคารวะฉินอวี่ พร้อมกล่าวว่า "ทูลท่านอ๋องฉู่ ข้าน้อยเพียงแต่ทำตามบัญชา ขอท่านอ๋องอย่าทรงทำให้ข้าน้อยต้องลำบากใจเลยพ่ะย่ะค่ะ ขอเชิญเสด็จกลับไปเถิดพ่ะย่ะค่ะ"ฉินอวี่ขมวดคิ้วเล็กน้อย ทอดสายตาลึกล้ำไปยังคลังเก็บของผาดหนึ่ง จากนั้นก็คลี่ยิ้มออกมา"มิเป็นไร ข้าเพียงแต่เกิดนึกสงสัยเท่านั้น ในเมื่อชูโม่มิอนุญาตให้ผู้ใดเข้าไปด้านใน เช่นนั้นข้าก็จะมิดึงดันเข้าไป"กล่าวจบ เขาก็หันหลังเดินออกไประหว่างทาง บุรุษร่างกำยำกล่าวเสียงเบา "ท่านอ๋องฉู่ ในคลังเก็บของนั่นต้องเก็บระเบิดสายฟ้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 648

    หลังจากฉินอวี่เห็นฉงชูโม่ เขาก็เดินตรงเข้าไปหานางเมื่อเห็นดังนั้น ฉงชูโม่ก็รีบเดินเข้าไปต้อนรับ "ท่านอ๋องฉู่ เมื่อคืนลำบากท่านอ๋องแล้วเพคะ!"นางกล่าวพร้อมประสานมือคารวะฉินอวี่โบกมือเล็กน้อย "เป็นหน้าที่ มิบังอาจกล่าวว่าเหน็ดเหนื่อย"ฉงชูโม่กล่าวด้วยน้ำเสียงสงบราบเรียบ "เมื่อคืนท่านอ๋องทรงตรวจตราจนดึกดื่น ทรงค้นพบสิ่งใดบ้างหรือไม่เพคะ?"ฉินอวี่กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม "จากรายงานของทหารม้าลาดตระเวนของข้า ทางฝั่งหนานเยวี่ยกำลังเตรียมเสบียงอาหารและยุทโธปกรณ์ คาดว่าพวกมันจะยกทัพมารุกรานชายแดนต้าเหยียนของพวกเราอีกครา!"ฉงชูโม่เอ่ยถามโดยมิเปลี่ยนสีหน้า "เช่นนั้นท่านอ๋องฉู่มีข้อเสนอแนะดี ๆ บ้างหรือไม่เพคะ?"ฉินอวี่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวว่า "ดูท่าข้าคงต้องพำนักอยู่ที่เจียวโจวอีกหลายวัน หากหนานเยวี่ยยกทัพมารุกรานอีกครา ข้าจะนำทัพสังหารพวกมันให้สิ้นซาก!""กองทัพหนานเยวี่ยล้วนแต่กล้าหาญและเชี่ยวชาญในการพุ่งรบ หากหวังที่จะสังหารพวกมันให้สิ้นซาก ย่อมมิใช่เรื่องง่ายดาย""ชูโม่ เจ้ากล่าวเช่นนี้เห็นทีจะมิถูกต้อง ก่อนหน้านี้พวกเจ้าเพิ่งจะตีพวกมันจนแตกกระเจิงมิใช่หรือ?""ความสำเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 647

    ”ได้ รีบเข้ามาเถอะ”หลังจากที่ฉงชูโม่เชื้อเชิญให้ตงฟางไป๋เข้าไปในกระโจมแล้ว นางก็สอดส่ายสายตามองข้างนอกอีกสองสามคราเมื่อแน่ใจว่าไม่มีผู้คนภายนอกล่วงรู้ นางจึงปิดม่านประตูลงนางเอ่ยถามอย่างกระวนกระวาย "ตอนนี้องค์รัชทายาททรงเป็นเช่นไรบ้าง? ทรงตกอยู่ในอันตรายใด ๆ หรือไม่?""องค์รัชทายาททรงปลอดภัยดี อีกทั้งทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามที่พระองค์ทรงคาดการณ์ไว้ ดังนั้นท่านแม่ทัพชูโม่โปรดวางใจ"เมื่อได้ยินดังนั้น ฉงชูโม่ก็ผ่อนลมหายใจออกมายาวเหยียด ความกังวลในใจพลันคลายลงไปมิน้อยนางซักถามต่อไป "ไยองค์รัชทายาทต้องเสี่ยงภัยถึงเพียงนั้น พระองค์มิรู้หรือไรว่าดินแดนหนานเยวี่ยนั้นเป็นแดนอันตราย หากมีคนล่วงรู้สถานะที่แท้จริงของพระองค์ ผลลัพธ์ย่อมมิอาจคาดเดาได้!""ครานั้นข้าน้อยเองก็เคยทัดทานแล้ว หากแต่ทัดทานมิอยู่ องค์รัชทายาทตรัสว่า มิเข้าถ้ำเสือแล้วจะได้ลูกเสือได้อย่างไร โชคดีที่ในยามนี้ทุกสิ่งล้วนเป็นไปตามความคาดหมาย!""เช่นนั้นเจ้าเดินทางกลับมาในยามวิกาลเช่นนี้ เพราะพระองค์มีรับสั่งมาถึงข้าหรือ?"ตงฟางไป๋พยักหน้าเล็กน้อย ยื่นสาส์นฉบับหนึ่งออกมาจากอกเสื้อ "นี่คือสาส์นที่องค์รัชทายาททรงมีรับสั่งใ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 646

    บุรุษร่างกำยำกล่าวด้วยท่าทางจริงจัง "ท่านแม่ทัพเติ้ง นี่เป็นโอกาสทองที่สวรรค์ประทานมาให้ หากปล่อยให้หลุดลอยไป หนานเยวี่ยของพวกท่านจะหาโอกาสที่ดีถึงเพียงนี้มิได้อีกแล้ว"อีกคนกล่าวเสริมว่า "ถูกต้องแล้ว อีกอย่างยังมีเรื่องหนึ่งที่ท่านต้องเข้าใจ ท่านอ๋องฉู่ของพวกเรามิได้ทรงคาดหวังให้พวกท่านยกทัพไปฝ่ายเดียวจึงจะประสบความสำเร็จ แต่ให้คอยเวลาที่เหมาะสมกว่านี้ก็เท่านั้น ท่านจะร่วมมือหรือไม่ จงตอบมาตามตรง เราจะได้นำความกลับไปทูลรายงาน!"เมื่อได้ยินเช่นนั้น เติ้งหม่างก็เหลือบมองฉินซูอย่างลังเล "ท่านผู้อาวุโส ท่านมีความเห็นเช่นไร?"เมื่อเห็นว่าเติ้งหม่างผู้เป็นถึงแม่ทัพใหญ่แห่งกองทัพหนานเยวี่ย ในยามนี้กลับหันมาไต่ถามความคิดเห็นจากบุรุษหน้าตาธรรมดามิสะดุดตาผู้หนึ่ง คนสนิททั้งสองของฉินอวี่อดมิได้ที่จะพินิจพิจารณาบุรุษซึ่งเป็นฉินซูปลอมตัวมาอย่างละเอียดถี่ถ้วนอีกหลายคราฉินซูลูบเคราบนคางพลางแสร้งทำทีครุ่นคิดผ่านไปอึดใจหนึ่ง เขาก็พยักหน้าเล็กน้อย "สิ่งที่เขากล่าวมาเมื่อครู่ถูกต้องแล้ว ครานี้เป็นโอกาสทองที่สวรรค์ประทานมาให้ มิอาจปล่อยให้หลุดลอยไปได้ ท่านแม่ทัพเติ้งโปรดยินยอมให้ความร่วมมือกับพวกเ

Jelajahi dan baca novel bagus secara gratis
Akses gratis ke berbagai novel bagus di aplikasi GoodNovel. Unduh buku yang kamu suka dan baca di mana saja & kapan saja.
Baca buku gratis di Aplikasi
Pindai kode untuk membaca di Aplikasi
DMCA.com Protection Status