แชร์

บทที่ 14

ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “ฮ่าฮ่า ๆ ขุนนางอาวุโสเฉิงพูดเกินไปแล้ว พวกเราแค่อยากให้องค์ชายของท่านอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน หาอย่าได้ต้องกังวล พวกเราจะดูแลองค์ชายอย่างดี”

เฉิงจืออี้สูดจมูกอย่างเย็นชาแล้วพูดกับมู่หรงฟู่ “องค์ชาย โปรดดูแลตัวเองด้วยพ่ะย่ะค่ะ ภายในสิบวัน องค์จักรพรรดิจะส่งคนไปรับท่านกลับอย่างแน่นอน"

“ไปเถอะ เดินทางปลอดภัย”

เฉิงจืออี้และคนอื่น ๆ ต่างก็อำลามู่หรงฟู่ จากนั้นจึงขึ้นรถม้าและออกจากเมืองไป

หลังจากดูพวกเขากลับไปแล้ว มู่หรงฟู่ก็ถามอย่างใจเย็น “พี่ชายตู๋กู ข้าขอถามหน่อยได้หรือไม่ว่า ข้าควรไปพบไทฮองไทเฮาของเจ้าตอนนี้หรือว่าอย่างไร?”

ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหัวเราะและพูดว่า "องค์ชายมู่หรงให้เกียรติกันเกินไปแล้ว ท่านมีสถานะที่สูงส่ง กระหม่อมมิกล้าให้ท่านเรียกว่าพี่ชายหรอก เรียกกระหม่อมว่าโฉ่วเยวี่ยเถิดพ่ะย่ะค่ะ"

“เข้าประเด็นกันเถิด!”

“เช่นนั้น องค์ชายมู่หลง โปรดมากับกระหม่อมมาเถิด เข้าเฝ้าไทฮองไทเฮาก่อน จากนั้น... กระหม่อมจะพาท่านไปยังที่พำนัก”

มู่หรงฟู่พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ขี่ม้าเคียงข้างกับตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไป

ระหว่างทาง เขาถามอย่างสงสัย “ว่าแต่ว่า พี่ตู๋กู เรื่องกักตัวข้าไว้เป็นตัวประกันเป็นความคิดผู้ใดหรือ?"

ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยเกาหัวด้วยความสับสน "ตัวประกัน ตัวประกันอะไรกันพ่ะย่ะค่ะ ไฉนกระหม่อมมิเข้าใจที่องค์ชายมู่หรงตรัสเลย"

“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วมิต้องปิดบังกันแล้ว ตัวข้าเป็นตัวประกัน พวกเจ้ามิสงสัยอะไรในใจเลยหรือ?”

“อ่า ฮ่าฮ่า หากองค์ชายมู่หลงตรัสเช่นนั้น กระหม่อมก็ไม่มีคำใดจะพูดแล้ว”

“เจ้าแค่ต้องบอกตัวข้าว่า นี่เป็นความคิดของใคร”

ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยกล่าวอย่างมิเป็นทางการ “ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทจะกล่าวถึงท่านต่อหน้าไทฮองไทเฮา กระหม่อมเองก็มิทราบรายละเอียด”

“ฉินซู?”

ใบหน้าของมู่หรงฟู่ซับซ้อนเล็กน้อย เขาคาดมิถึงเลยว่า การกักขังตนในฐานะตัวประกันจะเป็นความคิดของฉินซูองค์รัชทายาทที่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง

เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยและพ่นลมเบา ๆ “หึ ตบหน้าข้าอย่างเดียวมิพอ ยังวางแผนต่อต้านตัวข้าอีกรึ? องค์รัชทายาทของพวกเจ้าคิดว่าตัวข้ารังแกง่ายหรือไร?”

“องค์ชายมู่หรงตรัสเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาทและท่านหากมิขัดแย้งกันคงมิได้รู้จักกัน ยิ่งกว่านั้นเรื่องร้าย ๆ อาจจะกลายเป็นดี ท่านพำนักอยู่ต้าเหยียนของเราอาจจะมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ"

มู่หรงฟู่เยาะเย้ยและมิตอบ

……

ในห้องทรงพระอักษร

หัวโหรหลวงเหลยเจิ้นกำลังเล่นหมากรุกกับฉินอู๋ต้าว

เมื่อมองไปที่หมากรุกตรงหน้าเขา คิ้วของฉินอู๋ต้าวก็ค่อย ๆ ขมวดเข้าหากัน

หลังจากนั้นมินาน เขาก็โยนตัวหมากรุกกลับเข้าไปในโหลเก็บตัวหมากรุกอย่างหงุดหงิด

“พอแล้ว เจ้าชนะข้ามาหลายตาแล้ว ให้ข้าชนะบ้างมิได้หรือไร?”

เหลยเจิ้นหัวเราะเบา ๆ “ฝ่าบาท พระองค์ทรงปล่อยให้ข้าน้อยชนะ มิเช่นนั้น ด้วยเพียงทักษะของข้าน้อยแล้ว ข้าน้อยจะชนะพระองค์ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ"

“หยุดประจบข้าทีเถอะ ข้าชนะมิได้ก็คือชนะมิได้ อย่างน้อยข้าก็ตระหนักรู้ถึงตัวข้าเองดี

ฉินอู๋ต้าวจิบชาก่อนจะถามว่า “ข้าได้ยินมาว่า เฉิงจืออี้และคนอื่น ๆ กำลังเก็บข้าวของออกไป แน่ใจหรือไม่ว่าคนที่เจ้าส่งไปจะทำให้มู่หรงฟู่อยู่ต่อได้?

“โฉ่วเยวี่ยจะจัดการเรื่องนี้ ฝ่าบาทโปรดวางพระทัยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“ดีมาก ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าเป่ยเยี่ยนต้องการใช้กองทหารโจมตีเรา พวกเขาก็จะลังเล ต้องบอกว่ากลยุทธ์ขององค์รัชทายาทผู้นี้ถือได้ว่าเป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วนของเราต้าเหยียนแล้ว”

“องค์รัชทายาททรงเปี่ยมด้วยสติปัญญา ความเงียบของพระองค์ลึกซึ้ง เมื่อลั่นวาจาก็น่าทึ่งอย่างแท้จริง(1)” เหลยเจิ้นยิ้มอย่างรู้เท่าทัน ราวกับกำลังบอกเป็นนัยบางอย่าง

ฉินอู๋ต้าวพูดแบบสบาย ๆ “ข้ามิได้คาดหวังให้เขาน่าทึ่งอะไร ข้าจะขอบคุณสวรรค์หากเขามิสร้างปัญหาให้ข้าก่อนถึงวันซุนเฟินปีหน้า”

“ในเวลานี้ แม่ทัพฉงน่าจะเดินทางกลับได้แล้ว หากมีนางคอยดูแลองค์รัชทายาทก็มิน่ามีปัญหาใด ๆ พ่ะย่ะค่ะ”

ฉินอู๋ต้าวพยักหน้าเล็กน้อย ทันใดนั้นก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเปลี่ยนเรื่องและถามว่า “ใช่สิ เจ้าได้ตัดสินใจเลือกตัวแทนที่จะเข้าร่วมในการประชุมระหว่างแคว้นแล้วหรือยัง?”

สิ่งที่เรียกว่า การประชุมระหว่างแคว้นเป็นงานใหญ่ที่จัดขึ้นร่วมกันโดยแคว้นมหาอำนาจหลายในแผ่นดินเฉินโจว

จุดประสงค์คือ เพื่อเลือกแคว้นที่มีศักยภาพจากแคว้นต่าง ๆ สนับสนุนพวกเขา และร่วมกันต่อสู้กับแผ่นดินชื่อเหยียนในภายภาคหน้า

ตราบใดที่เป็นแคว้นในแผ่นดินเฉินโจว มิว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็สามารถส่งตัวแทนเข้าร่วมในการประชุมระหว่างแคว้นได้

การประชุมมีทั้งการแข่งขันทั้งทางด้านบุ๋นและบู๊ ซึ่งจัดขึ้นทุก ๆ ห้าปี ถือเป็นงานที่มีชีวิตชีวาและเป็นที่รอคอยมากที่สุดทั่วทั้งแผ่นดิน

ในด้านของต้าเหยียนนั้น หัวหน้าโหรหลวงเหลยเจิ้นมีหน้าที่คัดเลือกคนเข้าแข่งขันทางด้านบู๊มาโดยตลอด

สำหรับด้านบุ๋นนั้น ขุนนางอาวุโสเว่ยเจิงเป็นผู้รับผิดชอบในการคัดเลือก

เหลยเจิ้นพูดช้า ๆ “เดิมทีได้มีการคัดเลือกแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ตอนนี้แม่ทัพฉงต้องไปอยู่ในตำหนักบูรพาเพื่อดูแลองค์รัชทายาท เช่นนั้นข้าน้อยจะต้องหาคนมาแทนนางพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าจัดการเถอะ หากเรามิสามารถหาผู้สมัครที่เหมาะสมได้ ข้าจะให้องค์รัชทายาทไปกับเจ้า”

เมื่อได้ยินเช่น ส่วนลึกในดวงตาของเหลยเจิ้นก็ฉายแววเป็นประกาย จากนั้นเขาก็พยักหน้าช้า ๆ

“ดีอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นทั้งสองฝ่ายก็จะไม่มีสิ่งผิดพลาด ฝ่าบาทรงพิจารณาได้อย่างรอบคอบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินอู๋ต้าวกล่าวอย่างจริงจัง "ในการประชุมระหว่างแคว้นครั้งนี้ แคว้นสามสิบอันดับแรกจะมีสิทธิ์เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน เช่นนั้นในครั้งนี้เจ้าและเว่ยเจิงจึงต้องใช้ความพยายามมากเป็นพิเศษ ในปีก่อนพวกเราพลาดไปเพียงหวุดหวิดเท่านั้น"

“ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา โฉ่วเยวี่ยและคนอื่น ๆ ได้พัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นมาก อย่างน้อยข้าน้อยก็มั่นใจในด้านบู๊พ่ะย่ะค่ะ”

“อย่าได้ชะล่าใจ ในช่วงห้าปีนี้ พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น ผู้เข้าร่วมจากแคว้นอื่น ๆ ก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน หากเราได้รับอาวุธหรือเมล็ดพันธุ์จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนเช่นเดียวกับเมื่อสองร้อยปีก่อน ต้าเหยียนของเราจะกลายเป็นแคว้นผู้นำในมิช้า”

เมื่อสองร้อยปีที่แล้ว ต้าเหยียนเป็นเพียงแคว้นเล็ก ๆ ซึ่งมิเป็นที่นิยม

เป็นเพราะพวกเขาได้รับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระหว่างการทดลองในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน และเสนอมันให้กับแคว้นมหาอำนาจเหล่านั้นพวกเขาจึงจะได้รับการสนับสนุน

มิกี่ปีต่อมา แคว้นเล็ก ๆ ซึ่งมิเป็นที่รู้จักก็ได้มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

ปัจจุบันได้พัฒนาเป็นแคว้นอันดับสองแล้ว และเป็นเพียงโอกาสเดียวเท่านั้นที่จะกลายเป็นแคว้นผู้นำ

ปัจจุบันมีแคว้นมหาอำนาจห้าแห่งในแผ่นดินเฉินโจว และแคว้นผู้นำมีมากกว่ายี่สิบแคว้น

แคว้นมหาอำนาจและแคว้นผู้นำจะมิแข่งขันกับแคว้นที่อ่อนแอกว่าในการเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน

เพราะตามข้อบังคับ แคว้นผู้นำสามารถเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนได้ทุก ๆ สองปี

แคว้นมหาอำนาจสามารถเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนได้ปีละครั้ง

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนอุดมไปด้วยทรัพยากร นอกเหนือจากทักษะวิทยายุทธและอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เหมาะสำหรับนักรบแล้ว ยังมีพืชพรรณดอกไม้แปลกตา เครื่องยาสมุนไพรหายาก และเมล็ดพันธุ์พืชผลที่แตกต่างกัน

ด้วยเหตุผลบางประการ เมล็ดธัญพืชภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนนั้นให้ผลผลิตสูงอย่างน่าประหลาดใจ

เมื่อนำเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ออกมาปลูกแล้ว แคว้นก็สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในเวลาเพียงมิกี่ปี

ตอนนี้ราชวงศ์ต้าเหยียนต้องการที่จะกลายเป็นแคว้นผู้นำในคราวเดียว พวกเขาจำเป็นต้องได้รับอาวุธศักดิ์สิทธิ์และเสนอให้กับแคว้นมหาอำนาจเพื่อรับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง!

หรือหาเมล็ดพันธุ์พืชแล้วนำกลับมาปลูกอีกครั้ง

นอกจากนั้นไม่มีทางอื่นแล้ว

ฉินอู๋ต้าวมุ่งมั่นที่จะเป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์ ดังนั้นเขาจึงตั้งใจที่จะนำราชวงศ์ต้าเหยียน ขึ้นสู่แคว้นผู้นำในระหว่างที่เขาครองบัลลังก์

เหลยเจิ้นรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว

เขายืดตัวขึ้นและพูดว่า "ฝ่าบาทโปรกวางพระทัย ในด้านบู๊นั้น ข้าน้อยขอรับประกันได้ว่าไม่มีอะไรผิดพลาด ส่วนด้านบุ๋นนั้นขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของขุนนางอาวุโสเว่ย"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ฉินอู๋ต้าวก็พูดด้วยความกังวล “ในช่วงมิกี่ปีที่ผ่านมา ต้าเหยียนของเราดูเหมือนจะมิได้สร้างคนที่มีความสามารถพิเศษเลย เช่นนั้นเราจำต้องหาทางสรรหาคนที่มีความสามารถจากทั่วหล้า"

ทันทีที่เขาพูดจบ ก็ถอนหายใจอีกครั้งและพึมพำ “เพียงแต่ผู้ที่มีความรู้ความสามารถส่วนใหญ่มักจะถือตัวและหยิ่งในศักดิ์ศรี และอ้างว่าละกิเลส ทำให้ข้าปวดหัวเสียจริง”

“ฝ่าบาท เช่นนั้นเหตุไฉนมิเชิญองค์รัชทายาทเข้าวังเพื่อขอคำปรึกษาในเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นรึ? ถามเขารึ? เขาจะคิดวิธีได้รึ?”

มีความสามารถแต่ไม่แสดงออก

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status