Share

บทที่ 14

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม “ฮ่าฮ่า ๆ ขุนนางอาวุโสเฉิงพูดเกินไปแล้ว พวกเราแค่อยากให้องค์ชายของท่านอยู่ที่นี่อีกสองสามวัน หาอย่าได้ต้องกังวล พวกเราจะดูแลองค์ชายอย่างดี”

เฉิงจืออี้สูดจมูกอย่างเย็นชาแล้วพูดกับมู่หรงฟู่ “องค์ชาย โปรดดูแลตัวเองด้วยพ่ะย่ะค่ะ ภายในสิบวัน องค์จักรพรรดิจะส่งคนไปรับท่านกลับอย่างแน่นอน"

“ไปเถอะ เดินทางปลอดภัย”

เฉิงจืออี้และคนอื่น ๆ ต่างก็อำลามู่หรงฟู่ จากนั้นจึงขึ้นรถม้าและออกจากเมืองไป

หลังจากดูพวกเขากลับไปแล้ว มู่หรงฟู่ก็ถามอย่างใจเย็น “พี่ชายตู๋กู ข้าขอถามหน่อยได้หรือไม่ว่า ข้าควรไปพบไทฮองไทเฮาของเจ้าตอนนี้หรือว่าอย่างไร?”

ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยหัวเราะและพูดว่า "องค์ชายมู่หรงให้เกียรติกันเกินไปแล้ว ท่านมีสถานะที่สูงส่ง กระหม่อมมิกล้าให้ท่านเรียกว่าพี่ชายหรอก เรียกกระหม่อมว่าโฉ่วเยวี่ยเถิดพ่ะย่ะค่ะ"

“เข้าประเด็นกันเถิด!”

“เช่นนั้น องค์ชายมู่หลง โปรดมากับกระหม่อมมาเถิด เข้าเฝ้าไทฮองไทเฮาก่อน จากนั้น... กระหม่อมจะพาท่านไปยังที่พำนัก”

มู่หรงฟู่พยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นก็ขี่ม้าเคียงข้างกับตู๋กูโฉ่วเยวี่ยไป

ระหว่างทาง เขาถามอย่างสงสัย “ว่าแต่ว่า พี่ตู๋กู เรื่องกักตัวข้าไว้เป็นตัวประกันเป็นความคิดผู้ใดหรือ?"

ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยเกาหัวด้วยความสับสน "ตัวประกัน ตัวประกันอะไรกันพ่ะย่ะค่ะ ไฉนกระหม่อมมิเข้าใจที่องค์ชายมู่หรงตรัสเลย"

“ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้วมิต้องปิดบังกันแล้ว ตัวข้าเป็นตัวประกัน พวกเจ้ามิสงสัยอะไรในใจเลยหรือ?”

“อ่า ฮ่าฮ่า หากองค์ชายมู่หลงตรัสเช่นนั้น กระหม่อมก็ไม่มีคำใดจะพูดแล้ว”

“เจ้าแค่ต้องบอกตัวข้าว่า นี่เป็นความคิดของใคร”

ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยกล่าวอย่างมิเป็นทางการ “ดูเหมือนว่าองค์รัชทายาทจะกล่าวถึงท่านต่อหน้าไทฮองไทเฮา กระหม่อมเองก็มิทราบรายละเอียด”

“ฉินซู?”

ใบหน้าของมู่หรงฟู่ซับซ้อนเล็กน้อย เขาคาดมิถึงเลยว่า การกักขังตนในฐานะตัวประกันจะเป็นความคิดของฉินซูองค์รัชทายาทที่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง

เขาหรี่ตาลงเล็กน้อยและพ่นลมเบา ๆ “หึ ตบหน้าข้าอย่างเดียวมิพอ ยังวางแผนต่อต้านตัวข้าอีกรึ? องค์รัชทายาทของพวกเจ้าคิดว่าตัวข้ารังแกง่ายหรือไร?”

“องค์ชายมู่หรงตรัสเกินไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ องค์รัชทายาทและท่านหากมิขัดแย้งกันคงมิได้รู้จักกัน ยิ่งกว่านั้นเรื่องร้าย ๆ อาจจะกลายเป็นดี ท่านพำนักอยู่ต้าเหยียนของเราอาจจะมีเรื่องดี ๆ เกิดขึ้นก็ได้พ่ะย่ะค่ะ"

มู่หรงฟู่เยาะเย้ยและมิตอบ

……

ในห้องทรงพระอักษร

หัวโหรหลวงเหลยเจิ้นกำลังเล่นหมากรุกกับฉินอู๋ต้าว

เมื่อมองไปที่หมากรุกตรงหน้าเขา คิ้วของฉินอู๋ต้าวก็ค่อย ๆ ขมวดเข้าหากัน

หลังจากนั้นมินาน เขาก็โยนตัวหมากรุกกลับเข้าไปในโหลเก็บตัวหมากรุกอย่างหงุดหงิด

“พอแล้ว เจ้าชนะข้ามาหลายตาแล้ว ให้ข้าชนะบ้างมิได้หรือไร?”

เหลยเจิ้นหัวเราะเบา ๆ “ฝ่าบาท พระองค์ทรงปล่อยให้ข้าน้อยชนะ มิเช่นนั้น ด้วยเพียงทักษะของข้าน้อยแล้ว ข้าน้อยจะชนะพระองค์ได้อย่างไรพ่ะย่ะค่ะ"

“หยุดประจบข้าทีเถอะ ข้าชนะมิได้ก็คือชนะมิได้ อย่างน้อยข้าก็ตระหนักรู้ถึงตัวข้าเองดี

ฉินอู๋ต้าวจิบชาก่อนจะถามว่า “ข้าได้ยินมาว่า เฉิงจืออี้และคนอื่น ๆ กำลังเก็บข้าวของออกไป แน่ใจหรือไม่ว่าคนที่เจ้าส่งไปจะทำให้มู่หรงฟู่อยู่ต่อได้?

“โฉ่วเยวี่ยจะจัดการเรื่องนี้ ฝ่าบาทโปรดวางพระทัยเถิดพ่ะย่ะค่ะ”

“ดีมาก ด้วยวิธีนี้ แม้ว่าเป่ยเยี่ยนต้องการใช้กองทหารโจมตีเรา พวกเขาก็จะลังเล ต้องบอกว่ากลยุทธ์ขององค์รัชทายาทผู้นี้ถือได้ว่าเป็นการแก้ปัญหาเร่งด่วนของเราต้าเหยียนแล้ว”

“องค์รัชทายาททรงเปี่ยมด้วยสติปัญญา ความเงียบของพระองค์ลึกซึ้ง เมื่อลั่นวาจาก็น่าทึ่งอย่างแท้จริง(1)” เหลยเจิ้นยิ้มอย่างรู้เท่าทัน ราวกับกำลังบอกเป็นนัยบางอย่าง

ฉินอู๋ต้าวพูดแบบสบาย ๆ “ข้ามิได้คาดหวังให้เขาน่าทึ่งอะไร ข้าจะขอบคุณสวรรค์หากเขามิสร้างปัญหาให้ข้าก่อนถึงวันซุนเฟินปีหน้า”

“ในเวลานี้ แม่ทัพฉงน่าจะเดินทางกลับได้แล้ว หากมีนางคอยดูแลองค์รัชทายาทก็มิน่ามีปัญหาใด ๆ พ่ะย่ะค่ะ”

ฉินอู๋ต้าวพยักหน้าเล็กน้อย ทันใดนั้นก็นึกถึงบางอย่างขึ้นมาได้ จึงเปลี่ยนเรื่องและถามว่า “ใช่สิ เจ้าได้ตัดสินใจเลือกตัวแทนที่จะเข้าร่วมในการประชุมระหว่างแคว้นแล้วหรือยัง?”

สิ่งที่เรียกว่า การประชุมระหว่างแคว้นเป็นงานใหญ่ที่จัดขึ้นร่วมกันโดยแคว้นมหาอำนาจหลายในแผ่นดินเฉินโจว

จุดประสงค์คือ เพื่อเลือกแคว้นที่มีศักยภาพจากแคว้นต่าง ๆ สนับสนุนพวกเขา และร่วมกันต่อสู้กับแผ่นดินชื่อเหยียนในภายภาคหน้า

ตราบใดที่เป็นแคว้นในแผ่นดินเฉินโจว มิว่าจะเล็กหรือใหญ่ก็สามารถส่งตัวแทนเข้าร่วมในการประชุมระหว่างแคว้นได้

การประชุมมีทั้งการแข่งขันทั้งทางด้านบุ๋นและบู๊ ซึ่งจัดขึ้นทุก ๆ ห้าปี ถือเป็นงานที่มีชีวิตชีวาและเป็นที่รอคอยมากที่สุดทั่วทั้งแผ่นดิน

ในด้านของต้าเหยียนนั้น หัวหน้าโหรหลวงเหลยเจิ้นมีหน้าที่คัดเลือกคนเข้าแข่งขันทางด้านบู๊มาโดยตลอด

สำหรับด้านบุ๋นนั้น ขุนนางอาวุโสเว่ยเจิงเป็นผู้รับผิดชอบในการคัดเลือก

เหลยเจิ้นพูดช้า ๆ “เดิมทีได้มีการคัดเลือกแล้วพ่ะย่ะค่ะ แต่ตอนนี้แม่ทัพฉงต้องไปอยู่ในตำหนักบูรพาเพื่อดูแลองค์รัชทายาท เช่นนั้นข้าน้อยจะต้องหาคนมาแทนนางพ่ะย่ะค่ะ”

“เจ้าจัดการเถอะ หากเรามิสามารถหาผู้สมัครที่เหมาะสมได้ ข้าจะให้องค์รัชทายาทไปกับเจ้า”

เมื่อได้ยินเช่น ส่วนลึกในดวงตาของเหลยเจิ้นก็ฉายแววเป็นประกาย จากนั้นเขาก็พยักหน้าช้า ๆ

“ดีอย่างยิ่งพ่ะย่ะค่ะ เช่นนั้นทั้งสองฝ่ายก็จะไม่มีสิ่งผิดพลาด ฝ่าบาทรงพิจารณาได้อย่างรอบคอบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินอู๋ต้าวกล่าวอย่างจริงจัง "ในการประชุมระหว่างแคว้นครั้งนี้ แคว้นสามสิบอันดับแรกจะมีสิทธิ์เข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน เช่นนั้นในครั้งนี้เจ้าและเว่ยเจิงจึงต้องใช้ความพยายามมากเป็นพิเศษ ในปีก่อนพวกเราพลาดไปเพียงหวุดหวิดเท่านั้น"

“ฝ่าบาทโปรดวางพระทัย ในช่วงห้าปีที่ผ่านมา โฉ่วเยวี่ยและคนอื่น ๆ ได้พัฒนาความแข็งแกร่งขึ้นมาก อย่างน้อยข้าน้อยก็มั่นใจในด้านบู๊พ่ะย่ะค่ะ”

“อย่าได้ชะล่าใจ ในช่วงห้าปีนี้ พวกเขาแข็งแกร่งขึ้น ผู้เข้าร่วมจากแคว้นอื่น ๆ ก็แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน หากเราได้รับอาวุธหรือเมล็ดพันธุ์จากดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนเช่นเดียวกับเมื่อสองร้อยปีก่อน ต้าเหยียนของเราจะกลายเป็นแคว้นผู้นำในมิช้า”

เมื่อสองร้อยปีที่แล้ว ต้าเหยียนเป็นเพียงแคว้นเล็ก ๆ ซึ่งมิเป็นที่นิยม

เป็นเพราะพวกเขาได้รับอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระหว่างการทดลองในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน และเสนอมันให้กับแคว้นมหาอำนาจเหล่านั้นพวกเขาจึงจะได้รับการสนับสนุน

มิกี่ปีต่อมา แคว้นเล็ก ๆ ซึ่งมิเป็นที่รู้จักก็ได้มีความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว

ปัจจุบันได้พัฒนาเป็นแคว้นอันดับสองแล้ว และเป็นเพียงโอกาสเดียวเท่านั้นที่จะกลายเป็นแคว้นผู้นำ

ปัจจุบันมีแคว้นมหาอำนาจห้าแห่งในแผ่นดินเฉินโจว และแคว้นผู้นำมีมากกว่ายี่สิบแคว้น

แคว้นมหาอำนาจและแคว้นผู้นำจะมิแข่งขันกับแคว้นที่อ่อนแอกว่าในการเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียน

เพราะตามข้อบังคับ แคว้นผู้นำสามารถเข้าสู่ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนได้ทุก ๆ สองปี

แคว้นมหาอำนาจสามารถเข้าดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนได้ปีละครั้ง

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนอุดมไปด้วยทรัพยากร นอกเหนือจากทักษะวิทยายุทธและอาวุธศักดิ์สิทธิ์ที่เหมาะสำหรับนักรบแล้ว ยังมีพืชพรรณดอกไม้แปลกตา เครื่องยาสมุนไพรหายาก และเมล็ดพันธุ์พืชผลที่แตกต่างกัน

ด้วยเหตุผลบางประการ เมล็ดธัญพืชภายในดินแดนศักดิ์สิทธิ์เทียนเฉวียนนั้นให้ผลผลิตสูงอย่างน่าประหลาดใจ

เมื่อนำเมล็ดพันธุ์เหล่านี้ออกมาปลูกแล้ว แคว้นก็สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดดในเวลาเพียงมิกี่ปี

ตอนนี้ราชวงศ์ต้าเหยียนต้องการที่จะกลายเป็นแคว้นผู้นำในคราวเดียว พวกเขาจำเป็นต้องได้รับอาวุธศักดิ์สิทธิ์และเสนอให้กับแคว้นมหาอำนาจเพื่อรับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง!

หรือหาเมล็ดพันธุ์พืชแล้วนำกลับมาปลูกอีกครั้ง

นอกจากนั้นไม่มีทางอื่นแล้ว

ฉินอู๋ต้าวมุ่งมั่นที่จะเป็นที่จดจำในประวัติศาสตร์ ดังนั้นเขาจึงตั้งใจที่จะนำราชวงศ์ต้าเหยียน ขึ้นสู่แคว้นผู้นำในระหว่างที่เขาครองบัลลังก์

เหลยเจิ้นรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว

เขายืดตัวขึ้นและพูดว่า "ฝ่าบาทโปรกวางพระทัย ในด้านบู๊นั้น ข้าน้อยขอรับประกันได้ว่าไม่มีอะไรผิดพลาด ส่วนด้านบุ๋นนั้นขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของขุนนางอาวุโสเว่ย"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ฉินอู๋ต้าวก็พูดด้วยความกังวล “ในช่วงมิกี่ปีที่ผ่านมา ต้าเหยียนของเราดูเหมือนจะมิได้สร้างคนที่มีความสามารถพิเศษเลย เช่นนั้นเราจำต้องหาทางสรรหาคนที่มีความสามารถจากทั่วหล้า"

ทันทีที่เขาพูดจบ ก็ถอนหายใจอีกครั้งและพึมพำ “เพียงแต่ผู้ที่มีความรู้ความสามารถส่วนใหญ่มักจะถือตัวและหยิ่งในศักดิ์ศรี และอ้างว่าละกิเลส ทำให้ข้าปวดหัวเสียจริง”

“ฝ่าบาท เช่นนั้นเหตุไฉนมิเชิญองค์รัชทายาทเข้าวังเพื่อขอคำปรึกษาในเรื่องนี้พ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นรึ? ถามเขารึ? เขาจะคิดวิธีได้รึ?”

มีความสามารถแต่ไม่แสดงออก

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 15

    เหลยเจิ้นอธิบายว่า “ข้าน้อยเพียงรู้สึกว่า องค์รัชทายาทสามารถหาวิธีที่จะควบคุมเป่ยเยี่ยนได้ ดังนั้นพระองค์อาจมีความคิดเกี่ยวกับการค้นหาผู้มีความสามารถจากทั่วใต้หล้าพ่ะย่ะค่ะ"ฉินอู๋ต้าวครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นส่ายหัวเล็กน้อย“ข้าควรถามเว่ยเจิงก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ ส่งคนไปจับตาดูเป่ยเยี่ยนอย่างใกล้ชิดด้วย ตอนนี้แม้ว่ามู่หรงฟู่จะถูกกักขังอยู่ที่นี่ แต่เราต้องระวังการเคลื่อนไหวที่เป็นอันตรายจากฝั่งเป่ยเยี่ยนด้วย”“ข้าน้อยน้อมรับสั่งฝ่าบาท!”เหลยเจิ้นโค้งคำนับเล็กน้อยแล้วถอยกลับเดินออกไป…… ทางด้านของฉินซูหลังจากที่เขาออกจากจวนตระกูลหลิน เขามิได้กลับไปที่ตำหนักบูรพา แต่มาที่โรงน้ำชาใกล้กับตลาดที่พลุกพล่านแทนเมื่อพูดถึงการรวบรวมข้อมูล ไม่มีที่ไหนจะดีไปกว่านี้แล้วเขาพบที่นั่งริมหน้าต่างและนั่งลง ขณะดื่มชาเขาก็ตั้งใจฟังบทสนทนาที่ค่อนข้างมีเสียงดังในโรงน้ำชาด้วยเนื่องจากเขาปลอมตัวออกมาประหนึ่งสามัญชนจึงไม่มีใครจำเขาได้ในเวลานี้ ชายคนหนึ่งที่อยู่โต๊ะถัดไปถามสหายของเขาว่า “นี่ ๆ พวกเจ้าเคยได้ยินหรือไม่ เมื่อสองวันก่อนมีใครบางคนทำลายปราการเฮยเฟิงในคราวเดียว พวกผู้นำหัวหน้าต่าง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 16

    ฉินซูถามอย่างมิเป็นทางการ “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าเจ้าเป็นยอดฝีมืออันดับสองของหลงเฉิง ตอนนี้เจ้ามีความแข็งแกร่ง หรือจะถามว่าเจ้าอยู่ในระดับใด?”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยเหลือบมองฉินซูอย่างสงสัย มิเข้าใจว่าเหตุใดองค์รัชทายาทจึงถามเรื่องนี้แต่เขาก็ยังคงตอบอย่างตรงไปตรงมา “ทูลองค์รัชทายาท กระหม่อมเป็นนักรบขั้นกลางระดับปฐพี”“ระดับปฐพี?”“พ่ะย่ะค่ะ ในวีถีแห่งวรยุทธ แบ่งระดับจากสูงไปต่ำคือ ระดับสวรรค์ ระดับปฐพี ระดับซวน(ลึกลับ) และระดับมนุษย์ แต่ละระดับแบ่งออกเป็นสามขั้นย่อยได้แก่ ขั้นต้น ขั้นกลาง และขั้นปลาย”ฉินซูขมวดคิ้วและถามว่า “เช่นนั้น เจ้านายของเจ้าเป็นนักรบระดับสวรรค์หรือ?"“ข้อนี้ กระหม่อมเองก็มิแน่ใจพ่ะย่ะค่ะ”“เจ้าหมายความเช่นไร ตามความเข้าใจของข้า เจ้าสำนักถือได้ว่าเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของราชวงศ์ต้าเหยียนอันยิ่งใหญ่ของเรา ในระดับนี้แล้ว ความแข็งแกร่งมิน่าจะอยู่เพียงแค่ขั้นปลายระดับปฐพีได้เลย”ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยส่ายหน้าแล้วพูดว่า “ตาเฒ่านั่น... อะแฮ่ม... กระหม่อมหมายถึงท่านผู้นั้นย่อมมิใช่เพียงแค่นักรบระดับปฐพี แต่เหตุผลที่เมื่อครู่กระหม่อมบอกว่า กระหม่อมมิแน่ใจก็เพราะกระหม่อมคิดว่าคว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 17

    ฉินหงเอามือไพล่หลัง ใบหน้าเย้ยหยัน‘ฉินซูนะฉินซู หากครั้งนี้เราจับเจ้าได้ แม้ว่าเจ้าคารมคมคายเพียงใด ก็ไม่มีทางแก้ตัวให้รอดไปได้’‘ตำหนักบูรพา ถึงคราวเปลี่ยนเจ้าของแล้ว!’เมื่อฉินหงกำลังกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ เหล่าองครักษ์ก็วิ่งกลับมาทีละคน“ทูลท่านอ๋องฉี ไม่มีใครอยู่ในร้านค้าเลยพ่ะย่ะค่ะ!”“ว่ากระไรนะ! ไม่มีใครเลยรึ?!”ฉินหงสะดุ้งอยู่ครู่หนึ่งและถามว่า “เจ้าค้นหาทุกซอกทุกมุมแล้วหรือยัง?”“ค้นอย่างละเอียดแล้ว ไม่มีใครอยู่จริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ!”เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ชิ่งกั๋วกงอย่างเซี่ยเหอก็รู้สึกกังวล “ทูลท่านอ๋องฉี เมื่อครู่เราได้ยินเสียงของเซี่ยหลานอย่างชัดเจน แต่ในพริบตาเดียว เหตุใดนางจึงหายไป? ส่งคนไปตามหานางเร็วเข้า!”ฉินหงรีบพยักหน้า พูดว่า “พวกเจ้า รีบตามหา ต่อให้ต้องแหวกแผ่นดินก็ต้องตามหาเซี่ยหลานให้เจอ!”“รับทราบพ่ะย่ะค่ะ!”ราชองครักษ์กระจายตัวไปทุกทิศทุกทาง แยกย้ายกันออกตามหาคนหลินซีพูดด้วยท่าทางสับสน “แปลกจริง เห็น ๆ อยู่ว่าตรอกนี้เป็นทางตัน ฉินซูจะพาเซี่ยหลานไปซ่อนที่ใดได้ หรือว่าเขาบินได้กัน?”เซี่ยเหอกังวลมาก เขากระทืบเท้าด้วยความโกรธ “ขอทีเถอะใต้เท้าหลิน โปรดหยุดคาด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 18

    ในตอนที่เซี่ยหลานพูดจบ ฉินซูก็หายตัวไปแล้ว“เจ้าเลว! เจ้าชั่ว! เจ้าคนสารเลว!”เซี่ยหลานกำหมัดของนางแรงจนข้อนิ้วเปลี่ยนซีดขาวนางก้มหน้าลงมองอาภรณ์ที่ฉินซูฉีกทึ้งจนมิเหลือชิ้นดี ความคับข้องใจและความมิเต็มใจปะทุขึ้นในใจนางจากนั้นนางก็ทนมิไหวอีกต่อไป หยาดน้ำตาหลั่งออกมาพร้อมเสียงสะอื้นไห้ “ฮือ”ตลอดชีวิตของนาง นางมิเคยถูกทำให้อับอายถึงเพียงนี้มาก่อนสำหรับนาง นี่เป็นความอัปยศอย่างยิ่ง!“ฉินซู ท่านคอยดูเถอะข้าจะให้ท่านต้องชดใช้สิ่งที่ท่านทำในวันนี้! ฮือ... เจ้าสารเลวกล้ามาทำให้ข้าอับอายเช่นนี้... ”นางหลั่งน้ำตา ร้องไห้มิหยุดหลังจากระบายความโกรธแล้ว นางก็หยิบเศษผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นวัดร้างขึ้นมาและคลุมร่างที่เปลือยเปล่าของนางจากนั้นก็ฉีกอีกชิ้นหนึ่งออกมาคลุมใบหน้าไว้นางอยู่ในสภาพอาภรณ์ขาดวิ่นเช่นนี้ มิกล้าสู้หน้าผู้คนจริง ๆ หลังจากทำตัวเองให้ดูมอมแมมแล้ว ก็ออกจากวัดร้างไปด้วยความสบายใจแถวนี้คนผ่านไปมาน้อย หากมิทำให้ตัวเองดูสกปรก นางก็เกรงว่าจะเจอภัยร้ายแต่นางก็ละเลยไปหนึ่งสิ่งนั่นคือแม้ว่าตอนนี้นางจะดูสกปรกมอมแมม แต่มิว่าอย่างไร รูปร่างอันสง่างามและอรชรอ้อนแอ้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 19

    ตู๋กูโฉ่วเยวี่ยยิ้มและพูดว่า “อันที่จริงแล้ว กระหม่อมเพียงต้องการหางานทำร่วมกับองค์รัชทายาท!"“หา? อยากหางานทำร่วมกับข้า ข้าได้ยินมิผิดใช่หรือไม่?” ฉินซูตกตะลึงเล็กน้อยตู๋กูโฉ่วเยวี่ยพยักหน้าอย่างหนักแน่นและพูดอย่างเคร่งขรึม "พ่ะย่ะค่ะ ท่านทรงเป็นองค์รัชทายาทของแคว้น ดังคำกล่าวที่ว่า ผู้คนแสวงหาที่สูง สายน้ำไหลสู่ที่ต่ำ บุรุษผู้ทะเยอทะยานเช่นกระหม่อมย่อมต้องการที่จะบรรลุสิ่งยิ่งใหญ่เป็นเรื่องปกติ กระหม่อมจึงขอให้องค์รัชทายาททรงอนุญาต”ฉินซูกลอกตามาที่เขาและบ่นว่า “ขออภัยที่ข้าต้องบอกความจริงกับเจ้า ทุกคนต่างรู้ดีว่าวันชุนเฟินปีหน้าข้าจะถูกปลดจากตำแหน่งรัชทายาท เจ้ามาหาข้าเวลานี้ยังจะมาพูดว่าอยากสร้างผลงานยิ่งใหญ่ คิดจะหลอกใครกัน?”“เอ่อ… เรื่องนั้น… คือว่า..."เมื่อเห็นตู๋กูโฉ่วเยวี่ยอ้ำอึ้ง ฉินซูก็หรี่ตาลงแล้วถามว่า “หรือว่าอ๋องฉีหรือไม่ก็อ๋องจิ้นส่งเจ้ามาเป็นสายลับข้างกายข้า?”“แน่นอนว่ามิเป็นเช่นนั้น องค์รัชทายาท ท่านควรรู้ว่าพวกเราจากสำนักหอดูดาวหลวงต่างก็มีความชอบธรรมในตนเอง จะเป็นสายลับให้พวกเขาได้อย่างไร เราจะมิรักษาหน้าตัวเองได้หรือ!”“หากเจ้าถือว่าตัวเองเป็นคนชอบธรรมมา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 20

    ทว่าชูโม่ดึงแส้หนังออกจากอกเสื้อของนางแทน!ทันใดนั้นดวงตาของนางก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา ก่อนเหวี่ยงแส้ในมือฟาดใส่ฉินซูอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า!รูม่านตาของฉินซูหดตัวเล็กน้อย เขาเบี่ยงตัวไปด้านข้างโดยสัญชาตญาณ หลีกเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย“อ๊ะ?!”ชูโม่มีสีหน้าประหลาดใจ ในใจรู้สึกทึ่งเป็นอย่างมากการโจมตีนี้ดูเหมือนทำอย่างสบาย ๆ แต่ด้วยความแข็งแกร่งขั้นสูงสุดระดับปฐพีของนาง แม้ว่าจะโบกมือเบา ๆ ก็ตาม การจะหลบเลี่ยงมันก็เป็นเรื่องยากแล้วสำหรับจอมยุทธระดับซวนทั่วไปแต่องค์รัชทายาทไร้ค่าผู้นี้ซึ่งขึ้นชื่อในเรื่องหลงสุรามักมากในกามอารมณ์กลับรอดพ้นไปได้อย่างง่ายดายได้อย่างไร?นางแทบมิเชื่อสายตาตัวเอง!เมื่อชูโม่กำลังสงสัย ฉินซูก็เซจนหงายหลัง“โอ๊ย ข้ากลัวแทบตาย เจ้าทำอะไรของเจ้ากัน”เขาบ่นและลูบท้ายทอย ทำหน้าเหยเกอย่างเจ็บปวดเมื่อเห็นเช่นนี้ ชูโม่ก็อดมิได้ที่จะขมวดคิ้วเล็กน้อย และบ่นในใจอีกครั้ง‘หรือว่าเมื่อครู่เป็นเพียงความบังเอิญ?’คิดเช่นนั้น นางจึงส่งเสียงฮึดฮัด ยกแส้ขึ้นและเตรียมฟาดออกไปอีกครั้งฉินซูยกฝ่ามือขึ้นแล้วตะโกน “ช้าก่อน!”ชูโม่เลิกคิ้วและถามด้วยสีหน้าเย็นชา “มีอะไรจะสั

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 21

    หางตาของฉินซูกระตุก หนีหัวซุกหัวซุนวิ่งพล่านไปทั่วลานตำหนักเขาวิ่งหลบไปมาท่ามกลางกลุ่มองครักษ์ สามารถหลีกเลี่ยงการถูกเฆี่ยนตีจากแส้ของชูโม่ได้หลายครั้งแต่สำหรับองครักษ์คือความทรมาน หลายคนถูกลูกหลงจากชูโม่ ร่างกายของพวกเขาฟกช้ำ ดูมิได้ในยามนั้น ที่ลานด้านหน้าของตำหนักบูรพาวุ่นวายอย่างที่สุดเมื่อเห็นว่าฉินซูหลบการโจมตีได้ครั้งแล้วครั้งเล่า ชูโม่ก็เริ่มโมโหนางตะโกนขึ้นว่า “พวกที่มิเกี่ยวข้องรีบไปให้พ้น! มิเช่นนั้นอย่าหาว่าข้ามิปรานี!”เมื่อได้ยินดังนั้น เหล่าราชองครักษ์ก็กัดฟันและวิ่งหนีไปอย่างรวดเร็วฉินซูใช้ประโยชน์จากความสับสนวุ่นวาย แทรกตัวเข้าไปในกลุ่มคนแล้ววิ่งไปทางลานด้านหลังชูโม่ยิ้มเย้ยหยัน กระทืบพื้นด้วยเท้าข้างเดียว ก่อนที่ร่างของนางจะลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าราวกับลูกธนู!นางหมุนตัวกลางอากาศอย่างสง่างามสองครั้ง จากนั้นก็ร่อนลงต่อหน้าฉินซูอย่างมั่นคง พร้อมกับเหวี่ยงแส้ในมือของนางออกไปฉินซูเสียหลัก แต่ก็หลบแส้ไปได้อย่างบังเอิญอีกครั้ง“หืม?”ชูโม่ตกตะลึงอีกครั้ง แต่มิหยุดมือ นางฟาดแส้ไปทางฉินซูเร็วกว่าครั้งก่อนนางเห็นฉินซูสะดุดทำท่าจะล้มไปตลอดทาง และทุกครั้งที่เขาล้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 22

    ฉงชูโม่เย้ยหยันทันทีและพูดว่า “ทุกคนในใต้หล้ารู้ดีว่าหม่อมฉันฉงชูโม่ อุทิศตนเพื่อแคว้น มิเคยข้องเกี่ยวกับการเมืองภายใน ตอนนี้องค์รัชทายาทกลับมาป้ายสีว่าหม่อมฉันเล่นพรรคเล่นพวกกับอ๋องฉี ท่านมิคิดว่าสิ่งที่ท่านพูดมันน่าขำหรอกหรือ?”“ในเมื่อเจ้ามิได้เป็นคนที่อ๋องฉีส่งมา เหตุใดเจ้าจึงยืนหยัดเพื่อเซี่ยหลานเล่า?”“หึ! นางเป็นสหายของหม่อมฉันที่เติบโตมาด้วยกัน วันนี้ท่านทำให้นางอับอายอย่างหนัก หากหม่อมฉันทำเมินเฉย หม่อมฉันจะยังถือว่าเป็นมนุษย์อยู่อีกหรือ?”ทันใดนั้นฉินซูก็ตระหนักได้ “อ๋อ ที่แท้ก็เป็นสหายสนิทกันนี่เอง เช่นนั้นข้าก็มิแปลกใจแล้ว”ฉงชูโม่ขมวดคิ้วอีกครั้งและถามด้วยความสับสน “เมื่อครู่ท่านว่าสนิทกันอะไรนะ?”ฉินซูยักไหล่ “นั่นมิสำคัญหรอก สิ่งสำคัญก็คือ เจ้าเข้าใจผิดแล้ว เรื่องนี้เป็นเซี่ยหลานต่างหากที่ทำตัวเองขายหน้า!”ฉงชูโม่เอ่ยเหน็บแนม “องค์รัชทายาททรงทำให้นางอับอายเพียงนั้น ตอนนี้กลับมาพูดว่านางทำตัวเองขายหน้าเอง ท่านนี่โยนความผิดให้ผู้อื่นเก่งจริง ๆ!”“จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็เรื่องของเจ้า อย่างไรเรื่องนี้ข้าก็ไม่มีอะไรให้สำนึกผิด!”“ท่านมิรู้สึกผิดสินะ เช่นนั้นหม่อมฉันจะตี

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 512

    "ว่ากระไรนะ? เจ้าสำนักหอดารารักษ์?!"ฉินซูเบิกตากว้าง แทบมิเชื่อสายตา!ไฉนเจ้าสำนักหอดารารักษ์จึงได้อ่อนเยาว์เช่นนี้?ในดวงตาคู่สวยของซ่างกวนอวิ๋นซีเผยความประหลาดใจ นางเหลือบมองกู้เสวี่ยเจี้ยนเมื่อเห็นลายปักกลุ่มดาวหมีใหญ่ที่ปักอยู่บนชุดของนาง ก็แค่นเสียงหัวเราะเย็นชา "ตาเจ้ายังพอมีแววอยู่บ้าง มิเสียทีที่เป็นศิษย์ของตาเฒ่าเหลยเจิ้นนั่น!"กู้เสวี่ยเจี้ยนหัวใจเย็นวาบ รีบกระซิบบอกกับฉินซู "เจ้าสำนักหอดารารักษ์มีพลังลึกล้ำเกินหยั่งถึง ควานหาทั่วต้าเหยียน มีเพียงอาจารย์ของหม่อมฉันเท่านั้นที่ต้านทานนางได้ ท่านหนีไปเถิด หม่อมฉันจะพยายามถ่วงเวลานางไว้ให้นานที่สุด"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซูก็เผยรอยยิ้มขมขื่นตั้งแต่ที่ซ่างกวนอวิ๋นซีปรากฏตัว เขาก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดันรุนแรงที่แผ่ซ่านมาจากนางนี่แสดงให้เห็นว่า พลังของอีกฝ่ายแข็งแกร่งจนน่าตกใจกู้เสวี่ยเจี้ยนต้องการถ่วงเวลานางก็มิต่างกระไรจากเรื่องเพ้อฝันเมื่อเห็นฉินซูนิ่งเฉย กู้เสวี่ยเจี้ยนก็เร่งเร้าอย่างร้อนรน "ไยท่านยังยืนอยู่อีก รีบไปเร็วเข้า"ฉินซูส่ายหน้าอย่างจนปัญญา "เจ้าถ่วงเวลานางมิได้หรอก อีกทั้งเป้าหมายของนางคือข้า เจ้าหลบไป

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 511

    ฉินซูชะงักไป และจำใจต้องทำภารกิจอีกครั้งผ่านไปอีกกว่าสองเค่อ กู้เสวี่ยเจี้ยนจึงลุกขึ้นแต่งตัวอย่างพอใจนางมองฉินซูด้วยสายตาอ่อนโยน แล้วเร่งเร้า "ข้างนอกฝนหยุดแล้ว พวกเราเร่งเดินทางกันเถิด มิเช่นนั้นฟ้าจะมืดเสียก่อนไปถึงเป่ยเซียง"ดวงตาของฉินซูเป็นประกาย เขาเสนอ "หรือว่าเราจะออกเดินทางวันพรุ่งนี้?"กู้เสวี่ยเจี้ยนมองออกว่าฉินซูคิดอะไรอยู่ในใจ ทีแรกนางตั้งใจจะปฏิเสธ แต่แล้วกลับพยักหน้าตกลงอย่างน่าประหลาดเมื่อเห็นดังนั้นฉินซูก็ลิงโลด พลันรีบพูดต่อ "เช่นนั้นข้าจะไปจับกระต่ายป่าสักสองสามตัว คืนนี้พวกเรากินกระต่ายย่างกันเถอะ"ฉินซูรีบแต่งตัวแล้วเหาะออกไปกู้เสวี่ยเจี้ยนถอนหายใจเบา ๆ ดวงตาคู่งามเต็มไปด้วยความโศกเศร้ามินานฉินซูก็กลับมาพร้อมกับกระต่ายป่าที่ทำความสะอาดแล้วสองสามตัวหลังจากกินอิ่ม ท้องฟ้าก็มืดลงทั้งสองจึงนอนบนพื้นข้างกองไฟแต่ยังมิทันผล็อยหลับ กู้เสวี่ยเจี้ยนก็ปีนขึ้นคร่อมร่างฉินซูอีกครั้งคืนนั้น ฉินซูแทบมิได้นอนทั้งคืน!วันรุ่งขึ้นฉินซูขอบตาดำคล้ำและหาวมิหยุดส่วนกู้เสวี่ยเจี้ยนมีใบหน้าแดงเปล่งปลั่ง ดูสดชื่นกระปรี้กระเปร่าหลังจากออกจากถ้ำกู้เสวี่ยเจี้ยนก็ข

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 510

    ด้านนอกถ้ำ พายุฝนยังคงตกกระหน่ำอย่างต่อเนื่องภายในถ้ำ เวลาเหมือนจะหยุดนิ่งฉินซูนอนอยู่บนพื้นราวกับกลายเป็นหิน มือทั้งสองยังกอดเอวบางของกู้เสวี่ยเจี้ยนไว้ส่วนกู้เสวี่ยเจี้ยนทอดกายบนร่างของเขา ริมฝีปากแดงอ่อนหวานของนางแนบสนิทกับริมฝีปากของเขาเข้าพอดีทั้งสองสบตากัน รู้สึกได้ถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่เร็วขึ้นเรื่อย ๆ!อุณหภูมิระหว่างกันก็ยิ่งชัดเจน!ฉินซูกลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก กำลังจะทำอะไรบางอย่างแต่เมื่อสังเกตเห็นกระบี่ยาวข้าง ๆ กู้เสวี่ยเจี้ยน เขาก็เกิดลังเลหากเผลอทำให้กู้เสวี่ยเจี้ยนโกรธแล้วนางเกิดคิดฆ่าเขาขึ้นมาจะทำอย่างไร?เพราะท้ายที่สุดแล้ว นี่มิใช่ครั้งแรกกับกู้เสวี่ยเจี้ยน หากครั้งนี้ยังมิสามารถทำให้นางยอมจำนนด้วยใจจริงได้ ก็คงจะมีเพียงสวรรค์เท่านั้นที่รู้ว่านางจะทำเรื่องระห่ำอะไรออกมาแต่โอกาสดีเช่นนี้ ฉินซูมิอยากพลาดไปเลยจริง ๆในขณะที่เขากำลังลังเล ริมฝีปากแดงของกู้เสวี่ยเจี้ยนก็เริ่มขยับ!เห็นเพียงจมูกโด่งของนางเต็มไปด้วยลมหายใจร้อนระอุ ริมฝีปากคู่สวยจุมพิตลงบนริมฝีปากของฉินซูอย่างตะกละตะกลามฉินซูมีหรือจะทนไหว รีบตอบสนองอย่างกระตือรือร้นโดยมิรู้ตัว ทั้

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 509

    "อะแฮ่ม… อะไรกันเล่า ฝนจะตก หญิงสาวจะออกเรือน เป็นเรื่องที่ห้ามมิได้ เจ้าจะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟไปหาปะไร?""หม่อมฉันโกรธเพราะกระไร เจ้ามิรู้อยู่แก่ใจหรอกหรือ!""แค่ก ๆ ข้าไปหาฟืนแห้งมาดีกว่า"ฉินซูกล่าวจบก็เดินหลบไปตามผนังหินที่ยื่นออกมาด้านนอกถ้ำกู้เสวี่ยเจี้ยนแค่นเสียงเย็นชา "หึ ฝนตกหนักขนาดนี้ จะมีฟืนแห้งที่ไหน… ฮัดชิ้ว!"ยังมิทันสิ้นคำ นางก็จามออกมาช่วงต้นเหมันตฤดูผ่านไป อีกมิกี่วันก็จะเป็นช่วงหิมะโปรยปราย ดังนั้นเมื่อฝนตกจึงทำให้รู้สึกหนาวเป็นพิเศษกู้เสวี่ยเจี้ยนย่อตัวลงกับพื้น เอามือกอดอกแน่นลมหนาวพัดมาวูบหนึ่ง นางก็ตัวสั่นสะท้านอย่างห้ามมิได้นางอดมิได้ที่จะมองออกไปนอกถ้ำ ดวงตาคู่สวยเต็มไปด้วยความหวังแม้จะรู้สึกว่าเป็นไปได้ยาก ทว่ายามนี้นางก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าฉินซูจะหาฟืนแห้งมาจุดไฟได้มิฉะนั้นแม้ฝนข้างนอกจะหยุดตก ก็เป็นไปมิได้ที่จะเดินทางต่อด้วยอาภรณ์ที่เปียกชุ่มเช่นนี้ผ่านไปครู่หนึ่ง ฉินซูก็กลับมาเขาหอบฟืนแห้งกองใหญ่ในอ้อมแขนมาด้วย!เมื่อเห็นดังนั้น กู้เสวี่ยเจี้ยนก็ลุกขึ้นอย่างตื่นเต้น พลันรีบเร่งเร้า "เร็ว ๆ เข้า รีบจุดไฟเร็วเพคะ หม่อมฉันหนาวจะตายอยู่แล้ว!

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 508

    ซ่างกวนอวิ๋นซีร่ายมือ โล่สีเขียวอ่อนก่อตัวรวมกันอยู่ตรงหน้านางในทันใดทว่าปราณดัชนีที่เหลยเจิ้นปล่อยออกมา กลับมิสนใจโล่ตรงหน้านาง พลันผ่าทะลุเข้าไปภายใต้สายตาตกตะลึงของซ่างกวนอวิ๋นซี ปราณดัชนีนั้นหายวับเข้าไปในร่างของนางในพริบตาในชั่วพริบตาต่อมานั้น ซ่างกวนอวิ๋นซีก็รู้สึกว่ามีพลังต้องห้ามบางอย่างเพิ่มเข้ามาในร่างเมื่อได้สติกลับคืนมา นางก็กระทืบเท้าด้วยโทสะ "เหลยเจิ้น เจ้าเฒ่าไร้สัจจะ ปลิ้นปล้อนกลับกลอก!""ข้าเพียงแต่สะกดการบ่มเพาะตนของเจ้าไว้เท่านั้น มิได้บอกว่าจะมิให้เจ้าไปหาองค์รัชทายาท แล้วจะหาว่าข้ากลับกลอกได้อย่างไร?""เจ้า!!"ซ่างกวนอวิ๋นซีโมโหจนแทบจะระเบิดอารมณ์ ดวงตาเบิกกว้างจ้องมองเหลยเจิ้นเหลยเจิ้นยักไหล่ "แม้การบ่มเพาะตนของเจ้าจะถูกข้าสะกดไว้ แต่อย่างน้อยก็ยังสามารถใช้วรยุทธ์ระดับสวรรค์ได้ เท่านี้ก็เพียงพอให้เจ้าจัดการกับผู้ฝึกยุทธ์ระดับสวรรค์ที่อาจปรากฏตัวในต้าเหยียนได้แล้ว""แล้วองค์รัชทายาทผู้รอวันถูกปลดของพวกเจ้าเล่า? เขาอยู่ในระดับใดกันแน่?"เหลยเจิ้นครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้าซ่างกวนอวิ๋นซีขมวดคิ้ว ถามอย่างมิพอใจ "เจ้าส่ายหน้าหมายความว่าอย่างไร?"

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 507

    เหลยเจิ้นส่ายหน้าเบา ๆ “ขออภัย ทว่าคงทำเช่นนั้นมิได้”ใบหน้างดงามของซ่างกวนอวิ๋นซีเย็นชาลง นางกล่าวเสียงต่ำ “เจ้าจะบังคับให้ข้าลงมือใช่หรือไม่?”“ข้าเพียงต้องการเกลี้ยกล่อมให้เจ้ากลับไป หากเจ้าต้องการลงมือ ข้าก็พร้อมจะเป็นคู่มือ!”“ดี ถ้าเช่นนั้นข้าจะดูว่า วรยุทธ์ของเจ้าก้าวหน้าไปมากเพียงใดเมื่อเทียบกับห้าสิบปีก่อน!”เมื่อซ่างกวนอวิ๋นซีกล่าวจบ ก็ยื่นนิ้วเรียวสวยชี้ไปยังเหลยเจิ้นที่อยู่กลางเวหา!ทันใดนั้นพื้นที่โดยรอบก็ถูกบีบเข้าหากันอย่างกะทันหัน คล้ายกับกรงที่หดตัวเข้าหาเหลยเจิ้น“กลอุบายตื้น ๆ!”เหลยเจิ้นหัวเราะเยาะ เหยียบพื้นเบา ๆ ด้วยฝ่าเท้า“เคร้ง!”เสียงแตกดังขึ้น กรงไร้รูปธรรมของซ่างกวนอวิ๋นซีแตกสลายในทันใดเมื่อเห็นดังนั้น ดวงตาคู่งามของซ่างกวนอวิ๋นซีก็ฉายแววเคร่งขรึม ฉับพลันร่างของนางสั่นไหว กลายเป็นแสงพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้า!หลังจากหมุนตัวหนึ่งตลบ ก็พุ่งไปทางใต้เหลยเจิ้นส่งเสียงหึ ร่างของเขาก็กลายเป็นแสงวาบไล่ตามไปอย่างมิลดละ!บนห้วงเวหายามราตรีแสงสองสายคล้ายดาวตกไล่ตามดวงจันทร์พาดผ่านท้องฟ้าระหว่างนั้น แสงนุ่มนวลหลายสายพลันพุ่งออกมาจากแสงดาวตกสองสาย จากนั้นก็

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 506

    สวีหลายเอ่ยถาม “มีเรื่องอันใด?”เฉิงผิงครุ่นคิดเล็กน้อยก่อนจะค่อย ๆ ตอบ “มินานมานี้ทั้งในและนอกราชสำนักต่างร่ำลือกันว่า องค์จักรพรรดิจะทรงปลดองค์รัชทายาทออกจากตำแหน่งหลังจากวันชุนเฟินปีหน้า ข่าวลือนี้เป็นจริงหรือเท็จ?”“จริงแท้แน่นอน”“แต่ข้ามิเข้าใจ หากองค์รัชทายาทจะถูกปลดในปีหน้า เหตุใดอ๋องฉีและอ๋องซิ่นต้องเสียเวลาหาเรื่องใส่ร้ายองค์รัชทายาทด้วย? แค่รอให้ถึงวันชุนเฟินปีหน้าก็พอแล้วมิใช่หรือ?”เฉิงอิงกล่าว “คงเป็นเพราะช่วงนี้องค์รัชทายาททรงโดดเด่นขึ้นมา พวกเขาจึงอยู่เฉยมิได้กระมัง”สวีหลายพยักหน้าเล็กน้อย “ถูกต้อง สถานการณ์ในราชสำนักเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในพริบตา แม้ว่าฝ่าบาทจะทรงตัดสินพระทัยปลดองค์รัชทายาทออกจากตำแหน่งรัชทายาทหลังจากวันชุนเฟินปีหน้า ทว่าตราบใดที่วันนั้นยังมิมาถึง ทุกอย่างย่อมมีโอกาสพลิกผัน อ๋องซิ่นและอ๋องฉีจะร้อนใจก็เป็นเรื่องปกติ”เฉิงผิงขมวดคิ้วบ่นพึมพำ “แต่ข้ายังสงสัยอยู่ดี เหตุใดฝ่าบาทถึงทรงตัดสินพระทัยปลดองค์รัชทายาทในวันชุนเฟินปีหน้า? ในเมื่อทรงมีพระประสงค์เช่นนั้นแล้ว เหตุใดต้องรอถึงปีหน้า?”“ความคิดในพระทัยขององค์จักรพรรดิ ใครเลยจะคาดเดาได้”สวีหลายเ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 505

    กู้เสวี่ยเจี้ยนแค่นหัวเราะเบา ๆ "หึ ท่านก็พูดง่ายสิ ถานเหวยกับเซี่ยหลานมีพระราชโองการติดตัว จะกลับหลงเฉิงก่อนท่านได้อย่างไร หากองค์จักรพรรดิพิโรธขึ้นมา พวกเขาจะชี้แจงอย่างไร อย่างไรเสียท่านจะทำตามวิธีของหม่อมฉัน หรือพวกเราจะไปเป่ยเซียงด้วยกันทั้งแบบนี้ ท่านก็ตัดสินใจเอาแล้วกัน”เมื่อเห็นว่ากู้เสวี่ยเจี้ยนยืนกรานเช่นนี้ ฉินซูจึงจำต้องยอม“ก็ได้ ทำตามที่เจ้าว่า เจ้าส่งพวกเขากลับเหลียงโจวก่อน แล้ววันพรุ่งเราค่อยไปเป่ยเซียงด้วยกัน”เมื่อเห็นฉินชูตอบตกลง กู้เสวี่ยเจี้ยนจึงพยักหน้าอย่างพอใจ“เช่นนั้นก็มิควรรอช้า หม่อมฉันจะกลับไปแจ้งพวกเขาเดี๋ยวนี้”กู้เสวี่ยเจี้ยนกระโดดขึ้นหลังม้าและเตรียมจะจากไปฉินซูก็ถามขึ้นมาอย่างกะทันหัน "เจ้าไม่มีอะไรจะถามข้าอีกแล้วหรือ?"กู้เสวี่ยเจี้ยนชะงักไปเล็กน้อย ก่อนนึกอะไรบางอย่างได้ แล้วตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา "เรื่องวุ่นวายระหว่างท่านกับเซี่ยหลาน หม่อมฉันไม่มีความสนใจจะรู้"พูดจบ นางก็ขี่ม้าจากไปโดยมิเหลียวหลังเมื่อนึกถึงตอนที่ฉินซูยอมรับออกมาที่ลานหินแตกว่าเซี่ยหลานเป็นผู้หญิงของเขา ในใจของกู้เสวี่ยเจี้ยนก็รู้สึกขมขื่นยิ่งนางมิเคยคาดคิดเลยว่า ทั้งส

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 504

    ใบหน้าของฉินซูเต็มไปด้วยความประหลาดใจจากนั้นเขาก็ดูเหมือนจะนึกอะไรขึ้นได้ ก่อนจะถามด้วยความสงสัย "กู้เสวี่ยเจี้ยน เจ้าคงมิได้พูดเกินจริงไปใช่ไหม? เรื่องที่หนานกงจื่อชินตายด้วยน้ำมือข้า ข้าบอกเจ้าคนเดียวเท่านั้น ส่วนซือคงเหยียนก็ตายไปแล้ว เขาไม่มีทางเอาเรื่องนี้ไปแพร่งพรายได้"“พูดเช่นนี้ แปลว่าท่านคิดว่าเป็นหม่อมฉันที่ปล่อยข่าวนี้งั้นหรือ?" กู้เสวี่ยเจี้ยนสีหน้าบูดบึ้ง รู้สึกมิพอใจเล็กน้อยฉินซูพึมพำ "คนที่รู้เรื่องนี้ นอกจากตัวข้าก็มีแค่เจ้า หากมิใช่เจ้าแล้วจะเป็นใครได้อีกเล่า"“หึ หากหม่อมฉันเป็นคนปล่อยข่าวจริง เรื่องนี้จะกระจายไปเร็วขนาดนี้ได้อย่างไร? จากที่พ่อค้าและคนใช้บอกมา ตั้งแต่เมืองหลงเฉิงจนถึงเหลียงโจว เรื่องนี้ถูกเล่าขานกันจนทุกคนรู้กันหมดแล้ว”“เจ้าแน่ใจรึ? มิได้พูดเกินจริงไปใช่หรือไม่?”จนถึงตอนนี้ ฉินซูยังคงมิอยากจะเชื่อเพราะถึงอย่างไรเขาก็มั่นใจมากว่า ตอนที่สังหารหนานกงจื่อชิน ไม่มีใครอยู่รอบ ๆ เลยดังนั้นหากเขามิพูดเรื่องนี้ ย่อมไม่มีใครรู้แต่ตอนนี้กู้เสวี่ยเจี้ยนกลับบอกว่า เรื่องนี้แพร่กระจายออกไปแล้ว เขาจะมิตกใจได้อย่างไรกู้เสวี่ยเจี้ยนกล่าวด้วยสีหน้าจร

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status