แชร์

บทที่ 2

ผู้เขียน: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-07-23 14:58:48
เห็นสระเลือดอยู่มิไกลเบื้องหน้า!

ฉินเหยี่ยนพูดด้วยความมิเชื่อ “เลือดพวกนี้ หรือว่าเป็นของคนพี่สี่?”

คนสนิทคนหนึ่งโบกมือแล้วสั่งคนที่อยู่ข้างหลังว่า “ไปสำรวจบริเวณรอบ ๆ เดี๋ยวนี้!”

เหล่าบรรดาองครักษ์แยกย้าย!

หลังจากนั้นมินานพวกเขาก็รีบวิ่งกลับ แต่ละคนส่ายหัวแล้วพูดว่า “องค์ชาย นอกจากที่นี่แล้วไม่มีร่องรอยเลือดที่อื่นเลยพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเหยี่ยนขมวดคิ้วและพึมพำ “เป็นไปได้อย่างไร? หรือว่าพวกเขาทั้งหมดถูกไอ้สารเลวฉินซูนั่นฆ่าตายหมดแล้ว?”

“องค์ชาย พวกที่ท่านอ๋องซิ่นส่งมาล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น องค์รัชทายาทมัวเมาในสุราเคล้านารีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่มีกำลังพอที่จะฆ่าคนพวกนั้นได้ กระหม่อมจึงมั่นใจว่า ต้องมียอดฝีมือคอยแอบช่วยเหลืออยู่เป็นแน่ มิเช่นนั้น องค์รัชทายาทย่อมมิอาจอยู่รอดปล่อยภัยได้แน่พ่ะย่ะค่ะ!”

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ฉินเหยี่ยนก็พยักหน้าช้า ๆ “ตัวข้าก็สงสัยอยู่ว่า เหตุใดฉินซูถึงกล้าฆ่าเฉินฉวิน ที่แท้เขาอาศัยความช่วยเหลือจากยอดฝีมือในเงามืด เดิมทีข้าวางแผนที่จะรอให้คนของอ๋องซิ่นฆ่าฉินซูแล้วคอยจับมือสังหารเหล่านั้น ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!”

“เช่นนั้นเราควรทำอย่างไรดีหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“ไปกันเถอะ แม้ว่าฉินซูจะผ่านด่านนี้ไป แต่พี่สามก็ได้ดำเนินการไปแล้ว เรามารอดูการแสดงกันดีกว่า”

จากนั้นทั้งกลุ่มก็ลงจากภูเขาตามไป

……

ครึ่งชั่วยามต่อมา

ฉินซูกลับไปยังตำหนักบูรพา

ในเวลานี้ ลึกเข้าไปในตำหนักบูรพา หน้าห้องบรรทมของฉินซู

มีร่างหญิงงามยืนอยู่

นางสวมอาภรณ์ฝ่ายในสีเขียวอ่อน และรูปร่างของนางก็สง่างามได้สัดส่วน!

บนใบหน้าที่งดงามน่าทึ่งนั้น ใบหน้ามีความสมดุลอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นดวงตากลมโต หัวตาเรียว หางตาชี้ขึ้น คิ้วโค้งเรียวดั่งใบหลิว ริมฝีปากแดงอมชมพู และฟันขาวสะอาด

มุมปากมีรอยยิ้มบาง ๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และงดงาม

ชื่อของนางคือหลินชิงเหยา นางเป็นบุตรีของหลินซี ซึ่งเป็นเสนาบดีกรมพระคลัง นางเป็นคนรักขององค์ชายสาม อ๋องฉี ทั้งสองมีใจให้กัน

เพียงแต่ด้วยสถานะของนางที่ตอนนี้มาปรากฏตัวในห้องบรรทมองค์รัชทายาทเป็นเรื่องที่น่าสงสัยมิน้อย

ทันใดนั้น ขันทีน้อยก็วิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก

“คุณหนูหลิน แย่แล้ว ท่านอ๋องฉีถูกองค์จักรพรรดิเรียกตัวเรียกตัวเข้าเฝ้าด่วน เขาสั่งให้ข้าน้อยมาแจ้งให้ท่านทราบว่าแผนการถูกยกเลิก ท่านควรออกไปทางประตูหลังให้เร็วที่สุดขอรับ”

หลินชิงเหยาตกตะลึงและอุทานขึ้น “ว่ากระไรนะ?! เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?"

“ข้าน้อยมิทราบขอรับ คาดว่าคงมีเรื่องด่วน ก่อนที่องค์รัชทายาทจะเสด็จกลับมา กรุณาออกไปทางประตูหลังก่อนเถิดขอรับ”

“ได้!”

หลังจากที่หลินชิงเหยารู้สึกตัว นางก็หันหลังกลับเดินไปที่ประตูหลัง

แต่ทันใดนั้นเอง กลับมีร่างหนึ่งขวางทางนางไว้

เมื่อพวกเขาเห็นรูปร่างหน้าตาของบุคคลนั้นอย่างชัดเจน หลินชิงเหยาและขันทีน้อยก็ตกใจจนหน้าซีด!

ขันทีน้อยคุกเข่าลง เอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือว่า “องค์รัชทายาท คือ... คือ…”

ฉินซูยิ้มอย่างเย็นชา คว้าคอของอีกฝ่ายแล้วยกเขาขึ้น

“กินบนเรือน ขี้รดบนหลังคา!”

ทันทีที่พูดจบ เขาก็หักคอของอีกฝ่ายและเหวี่ยงร่างนั้นออกไป

หลินชิงเหยาหวาดกลัว นางถอยหลังไปสองสามก้าวโดยมิรู้ตัว พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “องค์รัชทายาท พระองค์... พระองค์จะทรงทำอะไรเพคะ?”

ฉินซูยิ้มเจ้าเล่ห์และถามว่า “เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”

“หม่อมฉัน... เดิมทีหม่อมฉันมีบางสิ่งที่อยากทูลขอคำปรึกษากับองค์รัชทายาท แต่ตอนนี้หม่อมฉันมีเรื่องด่วน ต้องขอทูลลาไปก่อนเพคะ”

หลินชิงเหยาพูดเช่นนั้นก็เตรียมผละจากไป

“เจ้ามีอะไรจะถามข้าแต่กลับมายืนหน้าห้องบรรทมข้า เจ้าปิดบังอะไรไว้? ยังต้องให้ตัวข้าพูดอีกรึ?”

หลังจากที่ฉินซูพูดจบด้วยท่าทีขี้เล่น ด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของเขาเพียงครั้งเดียวก็ดึงนางเข้ามาสู่ในอ้อมแขน

หลินชิงเหยาตกใจมากจนใบหน้าของนางซีดเผือด นางพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง

“องค์รัชทายาท ท่านโปรดอย่าทำเช่นนี้ หากอ๋องฉีรู้เข้า…”

ก่อนที่นางจะพูดจบ ฉินซูก็ตะคอกสวนไปอย่างเย็นชา “กล้าวางกับดักข้า ตัวข้าจะให้เขารู้ว่าการตัดสินใจของเขานั้นโง่เขลาเพียงใด!"

ฉินซูมิรอช้า อุ้มหลินชิงเหยาเดินตรงไปที่ห้องบรรทม

เมื่อมาถึงห้องบรรทม เขาก็โยนหลินชิงเหยาลงบนเตียงแล้วกระโดดขึ้นไปบนตัวนาง

หลินชิงเหยาตื่นตระหนก พูดอย่างรีบร้อนว่า “องค์รัชทายาท ท่านทรงทำเช่นนี้มิได้ หม่อมฉันยังมีเรื่องจะพูดอีก… อื้อ…”

ก่อนที่นางจะทันได้พูดจบ ฉินซูก็ประกบจูบกับปากของนาง

นางที่ยังมิเคยผ่านเรื่องเช่นนี้มาก่อน สมองพลันว่างเปล่าในทันที

จบแล้ว คราวนี้เนื้อเข้าปากเสือเป็นที่เรียบร้อย

กว่านางจะรู้สึกตัว ฉินซูก็เปลื้องอาภรณ์ของนางจนเปลือยเปล่า

ในเวลานี้ นางตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ อ้อนวอนว่า “องค์รัชทายาท ช้าก่อนเพคะ ท่านทำเช่นนี้มิได้!”

“หึหึ จุดประสงค์ในการมาที่นี่ของเจ้าก็เพราะต้องการให้ข้าทำเรื่องเช่นนี้ เพื่อให้อ๋องฉีจับได้คาหนังคาเขามิใช่รึ? ข้าให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีแล้วเจ้ายังต้องการอะไรอีกรึ?!”

หลังจากที่ฉินซูพูดจบ เขาก็จูบนางอีกครั้ง มือไม้ซุกซนไปทั่ว

หลินชิงเหยาพยายามต่อต้านอย่างสิ้นหวังแต่ก็มิเป็นผล

ภายใต้การรุกรานของฉินซู ความปรารถนาในใจนางก็ถูกกระตุ้นขึ้น นางค่อย ๆ หยุดต่อต้าน และจากนั้นก็เริ่มตอบสนองเขาแทนเสียด้วย

เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉินซูก็มิลังเลอีก ตรงเข้าประเด็นหลักทันที!

ประมาณสามในสี่ของชั่วยามต่อมา ฉินซูนอนลงบนเตียงด้วยสีหน้าพึงพอใจ มือใหญ่ของเขาลูบไล้แผ่นหลังนุ่มนวลและเรียบเนียนดั่งหยกของหลินชิงเหยาอย่างคิดมิตก

หลินชิงเหยานอนเหงื่อชุ่มอยู่ในอ้อมแขนของฉินซู ใบหน้าสวยของนางแดงระเรื่อ สีหน้าที่แสดงซับซ้อนอย่างยิ่ง

เดิมทีตามแผนการของอ๋องฉี นางมาที่นี่เพื่อจัดฉากให้ฉินซูตกหลุมพราง จะได้โค่นเขาลงโดยเร็วที่สุด

ไหนเลยจะคิดว่าตอนนี้กลับกลายเป็นฉินซูที่กำชัย

สิ่งที่ทำให้นางสับสนมากยิ่งขึ้นก็คือ ทักษะอันน่าอัศจรรย์เมื่อครู่ของฉินซู มันทำให้นางได้ลิ้มรสในความสุขสมของการเป็นสตรีอย่างลึกซึ้ง

ความรู้สึกที่ยากจะต้านทาน ทำให้นางหลงใหลจนถอนตัวมิขึ้น

นางมิเสียใจเลยที่ได้มอบความบริสุทธิ์นี้ให้กับฉินซู

เมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของนาง ฉินซูจึงพูดอย่างใจเย็น “อย่ามาเล่นละครต่อหน้าข้า ตอนนี้เจ้าก็กลับไปรายงานกับอ๋องฉีได้แล้ว”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หลินชิงเหยาก็รู้สึกเจ็บปวดในใจอย่างอธิบายมิถูก หยาดน้ำตาไหลริน

แม้ว่าเดิมทีนางจะถูกบังคับ ทว่าต่อมานางก็ตอบสนองด้วยความเต็มใจ แล้วไฉนตอนนี้เขาจึงพูดออกมาอย่างไร้ความปรานีเช่นนี้!

ครู่หนึ่งหลินชิงเหยารู้สึกถึงความคับข้องใจอย่างท่วมท้น

แต่ในใจของฉินซูนั้นมิรู้สึกอะไรเลย ยังคงมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเย็นชา

หลินชิงเหยามองฉินซูด้วยสีหน้าขุ่นเคือง จากนั้นจึงสวมอาภรณ์อย่างเงียบ ๆ แล้วลงจากเตียงไป

ก่อนออกไป นางหยุดฝีเท้ามองย้อนกลับไปที่ฉินซู

ในใจที่แตกสลาย มีความเกลียดชังปะปนอยู่ด้วย

“ฉินซู ข้าเกลียดท่าน!”

หลังจากพูดอย่างนั้นนางก็เปิดประตูแล้วเดินออกไป

ฉินซูมิสนใจ บุตรีคนเดียวของเสนาบดีกรมพระคลัง ย่อมมิสามารถก่อปัญหาอะไรใหญ่โตได้

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเห็นได้ว่า หลินชิงเหยารู้สึกสั่นไหวในใจแล้ว เพียงรอเวลา นางก็จะตีตัวออกหากจากอ๋องฉีเอง

หลังจากสวมอาภรณ์เสร็จเขาก็เดินออกจากห้องบรรทมไปด้วย

ในเวลานี้ มีขันทีน้อยคนหนึ่งเดินเข้ามา หลังจากเห็นร่างของขันทีน้อยอีกคนหนึ่งอยู่บนพื้น ใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวลงอย่างมาก!

ฉินซูเหลือบมองเขาแล้วถามเบา ๆ “มีอะไร?”

ขันทีน้อยสงบสติอารมณ์แล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า “องค์รัชทายาท องค์จักรพรรดิมีพระบัญชาให้ท่านเสด็จไปเข้าเฝ้าเพื่อหารือเรื่องสำคัญโดยเร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย “เข้าใจแล้ว จัดการศพของเขาด้วย และเตือนทุกคนในตำหนักบูรพา ว่าใครก็ตามที่คิดจะทรยศข้าแม้แต่นิด จะต้องถูกฆ่าอย่างไร้ความปรานีโดยมิละเว้น!”

หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว

ขันทีน้อยตกใจมากจนเหงื่อไหลเย็น องค์รัชทายาทกลายเป็นคนที่น่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร?

บทที่เกี่ยวข้อง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 3

    ในพระตำหนักจินหลวนอันอันสง่างามและโอ่อ่าฉินอู๋ต้าว จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ต้าเหยียน สวมฉลองพระองค์ลายมังกร นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรพระพักตร์ดูสง่างาม มิมีแววโกรธแต่ยังดูทรงอำนาจมิว่าจะเป็นขมับที่ขาวโพลน หรือรอยย่นสามเส้นบนหน้าผาก ล้วนแต่บอกเล่าถึงความเหนื่อยล้าจากการทรงงานราชการตลอดทั้งวันใต้บันไดหยก มีเก้าอี้ไม้หนานมู่เนื้อทองสองตัวอยู่ทางซ้ายและขวา มีชายชราสองคนนั่งอยู่บนเก้าอี้เหล่านั้นคนทางซ้ายสวมชุดขุนนางสีม่วง และเข็มขัดสีทองลายดอกไม้เลื้อยรอบเอวแม้ว่าเขาจะอายุเกินเจ็ดสิบปีแล้วแต่เขาก็เต็มไปด้วยพลังและกระปรี้กระเปร่า!มิใช่ใครอื่นนอกจากผู้อาวุโสแห่งสำนักขุนนางใหญ่!คนทางขวามีอายุเท่าเว่ยเจิงสวมชุดนักปราชญ์ บนคางมีหนวดเคราสีเทายาวประมาณสามนิ้ว ในมือถือเข็มทิศหยกขาวไว้เสื้อคลุมสีเทาของเขาปักลวดลายของกลุ่มดาวหมีใหญ่ทั้งเจ็ดดวง!แววตาของเขาดูลึกซึ้งและสงบ แต่การเคลื่อนไหวเฉียบคมราวกับสามารถมองทะลุทุกสิ่งในใต้หล้าได้ในพริบตามิใช่ใครอื่นนอกจากเหลยเจิ้น หัวหน้าโหรหลวงแห่งสำนักหอดูดาวหลวง!ชายสองคนนี้เป็นทั้งขุนนางที่มีอิทธิพลอย่างมากในราชวงศ์ต้าเหยียน และได้รับความไว้วา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-23
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 4

    ดูเหมือนหนิวจินจะมิตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ เขาถือดาบและตะโกนด้วยเสียงทุ้ม “ฉินซูปล่อยองค์ชายของกระหม่อมเดี๋ยวนี้!"ฉินซูยิ้มอย่างดูแคลนและมองเขาราวกับว่าเขากำลังมองร่างไร้วิญญาณ!ทันใดนั้นใบหน้าของเฉิงจืออี้มืดครึ้มลงทันที เขาสังหรณ์ใจมิดีเสียแล้ว!เขากำลังจะขอให้หนิวจินวางดาบลงแต่ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงแหลมดังขึ้น“ฉึก!”เลือดพุ่งออกมาบนหน้าผากของหนิวจินทันทีจากนั้นก็หงายหลังล้มลงในแอ่งเลือด!หลังจากขุนนางทั้งหมดตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก็หันไปมองที่เหลยเจิ้นบุคคลเดียวที่สามารถฆ่านักรบอันดับหนึ่งของเป่ยเยี่ยนได้อย่างง่ายดาย คงมีเพียงหัวหน้าโหรหลวงเท่านั้นฉินซูยังลอบเหลือบมองเหลยเจิ้น และแอบพยักหน้าในใจสามารถใช้กำลังภายในฆ่าคนได้โดยมิเผยกำลังภายนอกเช่นนี้ หัวหน้าโหรหลวงผู้นี้เป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าอย่างแท้จริงเขาอยากรู้มากว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเหลยเจิ้นไปถึงขั้นไหนแล้วตั้งแต่ที่เขาเดินทางข้ามมิติมาจนถึงตอนนี้ เขายังมิได้เข้าใจระบบการบ่มเพาะของใต้หล้านี้เลยส่วนเจ้าของร่างดั้งเดิมขององค์รัชทายาทนั้น มิรู้อะไรเลยเกี่ยวกับวรยุทธ ดังนั้นฉินซูจึงมิได้รับข้อม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-23
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 5

    ฉินอู๋ต้าวเหลือบมองฉินซู และถามอย่างใจเย็น “องค์รัชทายาท เจ้ามีแผนการดี ๆ จริงรึ?”ฉินซูพูดอย่างใจเย็น “ทูลเสด็จพ่อ กระหม่อมไม่มีความคิดดีๆ เลยพ่ะย่ะค่ะ"ทันทีที่เขาพูดจบ ฉินเหยี่ยนก็พูดด้วยความเย้ยหยัน “เมื่อเสด็จพี่องค์รัชทายาท ตอนท่านวิจารณ์ทูตของเป่ยเยี่ยน ดูดุดันมากเพียงนั้น ตอนนี้กลับบอกว่าไม่มีความคิดดี ๆ อะไรเลย นี่มิไร้สาระไปหน่อยหรือ?"“เช่นนั้น หากไม่มีแผนดี ๆ แล้วท่านยังจะเสนอให้ทำสงครามอีกหรือท่านอยากเห็นต้าเหยียนของเราตกที่นั่งลำบาก หรือท่านอยากอวดตัวต่อหน้าเหล่าขุนนางในท้องพระโรงกันแน่?”ฉินหงก็สนับสนุนทันที เขามิอยากพลาดโอกาสที่จะได้เหยียบย่ำองค์รัชทายาทต่อหน้าขุนนางทั้งหลายเช่นนี้หลินซียังถามอีกว่า “ในเมื่อองค์รัชทายาทไม่มีแผนการในใจ เหตุใดท่านถึงมิเห็นด้วยกับการคืนเมืองชิ่งโจวให้กับเป่ยเยี่ยนเล่า?”ฉินซูวางมือไพล่หลังและส่งเสียงฮึมฮัม “หึ เมืองชิ่งโจวเดิมทีเป็นดินแดนของต้าเหยียน เหล่าทหารพยายามอย่างยากลำบากกว่าจะยึดกลับคืนมาได้ แต่พวกเจ้ากลับต้องการคืนชิ่งโจวให้เป่ยเยี่ยน การกระทำเช่นนี้มิเพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของเราเท่านั้น แต่ยังบ่อนทำลายขวัญกำลังใจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-23
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 6

    ฉินหงขมวดคิ้วและถามว่า “ไฉนท่านมองข้าเช่นนั้นเล่า?”ฉินซูยิ้มอย่างสงบและพูดว่า “ไม่มีอะไร ข้าแค่อยากจะบอกว่า หากมู่หรงฟู่มิชอบก็ยังมีหลินชิงเหยามิใช่รึ?”บุตรีสุดที่รักของใต้เท้าหลินเป็นหนึ่งในห้าของสาวงามแห่งหลงเฉิงของเรา ด้วยความงามเช่นนี้ ตราบใดที่มู่หรงฟู่มิใช่ขันที ก็คงไม่มีทางที่เขาจะมิถูกนางล่อลวงหรอกใช่หรือไม่?”ครั้นได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของฉินหงก็แสดงถึงความมิพอใจทันใด!ขุนนางคนอื่น ๆ ก็มีการแสดงออกที่แตกต่างกันออกไปมีผู้ใดมิรู้บ้างเล่าว่า หลินชิงเหยาเป็นคนรักของอ๋องฉี ฉินหง เมื่อฉินซูพูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาอยากมีปัญหากับอ๋องฉีใช่หรือไม่?สีหน้าหลินซีดูมิพอใจ เขาประสานมือและโค้งคำรับไปทางฉินอู๋ต้าว “ฝ่าบาท บุตรีของข้าน้อยมีคนที่นางรักอยู่แล้ว ข้าน้อยมั่นใจว่าฝ่าบาทจะมิ…”ยังมิทันที่เขาจะพูดจบฉินอู๋ต้าวก็โบกมือและขัดจังหวะเขา“เสนาบดีหลิน เรื่องยังมิไปถึงขั้นนั้น ไฉนเจ้าต้องตื่นตระหนกนัก?”“ข้าน้อย… ข้าน้อยเพียงกังวล…”“มีสิ่งใดให้กังวลนัก? แม้ว่านางจะแต่งงานกับมู่หรงฟู่โดยมีข้าสนับสนุน เช่นนั้นเจ้าก็กลัวว่ามู่หรงฟู่จะกล้ารังแกนางรึ? อีกอย่างข้าเพิ่งบอกว่าเรื่องยั

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-23
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 7

    เหลยเจิ้นมิตอบทันที แต่ชี้ไปที่หัวของตนฉินอู๋ต้าวขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าหมายถึงอะไร?”“ทูลฝ่าบาท ปีนี้ดาวแห่งจักรพรรดิจะเข้าสู่วังชีวิต ทำลายอิทธิพลชั่วร้าย ดาวดวงอื่น ๆ หลับใหล นี่เป็นตัวบ่งบอกถึงจำนวนภัยพิบัติ อย่างไรก็ตาม เมื่อดาวไท่เวยอยู่ข้าง ๆ วังชีวิต เคราะห์ร้ายก็คลายกังวล หลังจากวันชุนเฟินในปีหน้า ครั้นดาวทุกดวงกลับคืนสู่ตำแหน่ง ไทเว่ยก็จะถูกขับออกจากตำแหน่ง"“เจ้ากำลังบอกว่า องค์รัชทายาทคือกุญแจสำคัญที่ช่วยป้องกันข้าจากเคราะห์ร้ายรึ?”เหลยเจิ้นพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “พ่ะย่ะค่ะ ก่อนที่ดวงดาวจะกลับสู่ตำแหน่ง ต้องมิรบกวนไท่เวย มิเช่นนั้นโชคร้ายร่วงหล่นจากสวรรค์ ทั่วหล้าโกลาหลวุ่นวาย แคว้นจะตกอยู่ในอันตรายพ่ะย่ะค่ะ!”การแสดงออกของฉินอู๋ต้าวเริ่มจริงจังหากมีใครพูดเช่นนี้เขาคงจะสั่งให้ลากคนผู้นั้นออกไปตัดศีรษะแล้วทว่ายามนี้คำพูดที่มาจากปากของหัวหน้าโหรหลวงแห่งสำนักหอดูดาวหลวง เขาก็มิกล้าที่จะนิ่งนอนใจท้ายที่สุดแล้ว ความสามารถของเขาในการขึ้นสู่บัลลังก์นั้นขึ้นอยู่กับวิธีการทำนายที่ลึกลับยากจะคาดเดาของเหลยเจิ้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คำทำนายทั้งหมดของเหลยเจิ้นนั้นเป็

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-23
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 8

    ฉินหงตะลึงตัวแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่งและรีบอธิบายว่า “มิใช่เป็นแน่ ตอนนั้นข้าเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว ข้าจะมิยอมให้อะไรเกิดขึ้นกับเจ้าเด็ดขาด”หลินชิงเหยาเยาะเย้ยในใจ คร้านจะพูดอะไรกับเขามากกว่านี้ฉินหงพูดกับตัวเองว่า “วันนี้ตัวข้าอารมณ์ดี ไปล่องเรือในทะเลสาบกันเถอะ”หลินชิงเหยาส่ายหัวด้วยสีหน้าเย็นชา "หม่อมฉันขออภัยเพคะ วันนี้หม่อมฉันรู้สึกมิสบายนิดหน่อย หม่อมฉันคงไปกับท่านอ๋องมิได้ โปรดประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ"ฉินหงถามด้วยความเป็นห่วง “เจ้าเป็นอะไรไป? ให้ข้าเรียกหมอมาดีหรือไม่?"“มิเป็นไรเพคะ หม่อมฉันแค่เวียนหัวนิดหน่อย เพียงต้องพักผ่อนเพคะ”“ก็ได้ เช่นนั้นเจ้าพักผ่อนก่อน หลังจากโค่นฉินซูองค์รัชทายาทไร้ประโยชน์ลงได้แล้ว ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวชมสถานที่ดี ๆ”หลังจากพูดเพิ่มเติมเล็กน้อย เขาก็หันหลังกลับเดินออกไปอย่างมิเต็มใจเมื่อมองดูร่างที่จากไปของเขา ดวงตาของหลินชิงเหยาก็สั่นไหว หัวใจของนางดิ้นรนกับอารมณ์ที่ขัดแย้งกันหลินชิงเหยา สวมเสื้อคลุมสีดำ เดินออกจากประตูหลังจวนอย่างเงียบ ๆ และมุ่งตรงไปยังตำหนักบูรพา……ตำหนักบูรพาขันทีน้อยหลายคนยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกห้องทรงพระอักษรด้วย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-23
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 9

    หลังจากที่หลินชิงเหยาได้สติ นางก็หัวเราะกับตัวเอง “ดูเหมือนว่าหม่อมฉันจะเข้าไปยุ่งโดยมิจำเป็น วางพระทัยเถิดเพคะ องค์รัชทายาท หม่อมฉันจะมิเข้ามารบกวนท่านอีก"นางดูหดหู่ใจ ความโศกเศร้าจาง ๆ ยังคงอยู่บนใบหน้าอันบอบบางของนาง หลังจากพูดเช่นนั้นแล้วนางก็หันหลังเดินจากไปสตรีผู้นี้มีความรู้สึกต่อเขาอย่างเห็นได้ชัด!ฉินซูยิ้มอย่างมีเสน่ห์ พลันคว้าแขนขาวดั่งหยกอันละเอียดอ่อนของหลินชิงเหยาแล้วดึงนางเข้าไปในอ้อมอกร่างกายที่บอบบางของหลินชิงเหยาสั่นสะท้าน และตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้เมื่อตระหนักรู้ตัวได้เช่นนั้นนางก็พยายามจะแยกตัวออกนางเริ่มตะโกน“องค์รัชทายาท ท่านจะทำอะไร ปล่อยหม่อมฉันเดี๋ยวนี้!”ฉินซูยื่นมือออกมาเชยคางของนางแล้วจ้องมองเมื่อสบกับสายตาเจ้าเสน่ห์ของฉินซู หลินชิงเหยาก็อดมิได้ที่จะตะลึงเล็กน้อยตอนนั้นเองที่นางสังเกตเห็นรูปลักษณ์อันหล่อเหลาขององค์รัชทายาทไร้ค่า คิ้วคมโดดเด่น และดวงตาที่น่าดึงดูดและนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนมองนางด้วยสายตาอันลึกซึ้งเช่นนี้ก่อนหน้านี้ แม้ว่าอ๋องฉีฉินหงจะบอกว่าเขารักนางก็ตามแต่เขามักจะมองนางด้วยท่าทางวางตัวราวกับว่าคว

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-23
  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 10

    เฉิงจืออี้กล่าวอย่างมีความหมาย “หลังจากมาถึงหลงเฉิงแล้ว กระหม่อมได้ยินมาหลายครั้งว่า เหล่าองค์ชายและองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียนมิลงรอยกัน ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร องค์ชาย หากท่านประสงค์ทวงคืนศักดิ์ศรี ท่านสามารถร่วมมือกับเหล่าองค์ชายแห่งต้าเหยียนได้พ่ะย่ะค่ะ”“เป็นความคิดที่ดี!”มู่หรงฟู่ตบต้นขาของตนในทันใด และลุกพรวดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นแต่หลังจากสงบลงแล้วเขาก็ถอนหายใจด้วยความหดหู่ “วันนี้เราก่อความวุ่นวายในราชสำนักต้าเหยียน องค์ชายแห่งต้าเหยียนเหล่านี้คงเกลียดเราแล้วจะมีใครร่วมมือกับเราอีกหรือ?”“องค์ชาย หาอย่าได้ประมาทความยั่วยุของตำหนักบูรพา องค์ชายเหล่านั้นต่างรอมิไหวที่จะได้เหยียบย่ำฉินซูพ่ะย่ะค่ะ”“แล้วตามที่ขุนนางอาวุโสเฉิงบอก เราควรร่วมมือกับองค์ชายคนใดดีเล่า?”เฉิงจืออี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “องค์ชายสามฉินหงหรือองค์ชายหกฉินเหยี่ยนแห่งต้าเหยียน ทั้งสองเผชิญหน้ากับฉินซูในราชสำนักในวันนี้ พวกเขาจะตกลงร่วมมือกับเราอย่างแน่นอน”มู่หรงฟู่พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เรื่องนี้มิควรล่าช้า เราไปคุยกับพวกเขาตอนนี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ”“องค์ชาย หากออกไปเช่นนี้จะถูกดึงดูดความสนใจ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-07-23

บทล่าสุด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 440

    ภายในจวนอ๋องฉี ฉินหงกำลังอยู่กับหลินซี เซี่ยเหอ และคนอื่น ๆ ในห้องประชุมเพื่อถกกันเรื่องกิจราชการทันใดนั้น บ่าวรับใช้คนหนึ่งเดินเข้ามาอย่างเร่งด่วน “ท่านอ๋อง อ๋องซิ่นเสด็จมาแล้วบอกว่ามีเรื่องด่วน…” เขาพูดยังมิทันจบ ก็พลันเห็นฉินหยางสาวเท้าเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ฉินหงและคนอื่น ๆ เห็นดังนั้นก็ลุกขึ้นต้อนรับ เมื่อสังเกตเห็นฉินหยางหน้านิ่วคิ้วขมวด ฉินหงจึงซักถามว่า “เสด็จพี่สาม เหตุใดจึงดูเป็นกังวลมากเช่นนี้ เกิดเรื่องอันใดขึ้นงั้นหรือ?” “เมื่อครู่มีข่าวมาจากในวังว่ารัชทายาทได้สร้างผลงานยิ่งใหญ่ในมณฑลเหลียงโจว ขนาดที่ขุนนางอาวุโสเว่ยและเหลยเจิ้นยังชื่นชม น้องสี่และคนของเจ้ายังมิรู้เรื่องนี้งั้นหรือ?” “ว่ากระไรนะ? มีเรื่องเช่นนี้จริงหรือ?!” ใบหน้าของฉินหงเต็มไปด้วยความประหลาดใจหลินซีถามอย่างสับสน “ท่านอ๋องซิ่น องค์รัชทายาทเดินทางไปมณฑลเหลียงโจวเพียงเพื่อตรวจเยี่ยมพื้นที่ภัยพิบัติเท่านั้น อย่างมากก็แค่ทำเป็นพิธี เขาจะสร้างผลงานยิ่งใหญ่ได้อย่างไร?” เซี่ยเหอเสริมว่า “นั่นสิ เขาเสกข้าวและอาหารในอากาศมิได้หรอกกระมัง?” ฉินหยางแค่นเสียงเย็นชา “หึ เจ้าก็พูดถูกนั่นแหละ แต่รัชทายา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 439

    “มิต้องมากพิธีลุกขึ้นเถอะ” อย่างไรก็ตามไม่มีใครยืนขึ้นแม้แต่คนเดียวฉินซูขมวดคิ้วและถามว่า “พวกเจ้ามีความคับข้องใจอันใดหรือไม่? หากมี พูดได้เต็มที่ ข้าจะจัดการให้พวกเจ้าเอง” “องค์รัชทายาท ท่านทรงช่วยพวกเรากำจัดเฉินจาง โจวเซินและขุนนางทุจริตอีกหลายคนและยังทรงชดเชยส่วนต่างราคาข้าวที่พวกขุนนางเหล่านั้นบังคับซื้อคืนมาให้พวกเรา พวกเราจะมีความทุกข์อะไรได้อีกพ่ะย่ะค่ะ” “ใช่แล้วองค์รัชทายาท ท่านทรงทำให้เหลียงโจวของพวกเราสงบสุขอีกครั้ง นับว่าเป็นพระคุณอันยิ่งใหญ่ ท่านคือมีผู้พระคุณของพวกเราชาวเหลียงโจวพ่ะย่ะค่ะ!” “องค์รัชทายาทโปรดรับการคำนับจากพวกเราด้วย!” จากนั้นพวกเขาทั้งหมดก็ก้มหัวคำนับอย่างพร้อมเพรียง ฉินซูรู้สึกซาบซึ้งใจยิ่งนัก หลังจากที่เดินทางข้ามเวลามานานถึงเพียงนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้รับความรักและการยกย่องจากผู้คน เขาโบกมือเล็กน้อยพร้อมกล่าวว่า “พี่น้องทั้งหลาย นี่คือสิ่งที่ตัวข้าควรทำแล้ว พวกเจ้ารีบลุกขึ้นเถิด” ขณะที่เขาพูด เขาก็ก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวและช่วยประคองชายชราคนหนึ่งลุกขึ้นชายชราที่ได้รับความรักอันคาดมิถึงก็รู้สึกซาบซึ้งจนน้ำตาคลอเบ้าครั้นแล้วชายช

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 438

    ฉินซูครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วส่ายหัว“ตอนนี้ยังต้องคุ้มกันขบวนขนเสบียงไปยังอำเภอที่ประสบภัย เราไม่มีคนเหลือพอ เงินเหล่านี้ฝากไว้ในคลังของที่ว่าการมณฑลก่อน รอจนข้าตรวจพื้นที่ภัยพิบัติเสร็จแล้วค่อยนำกลับไปพร้อมกัน” ถานเหวยคิดแล้วก็เห็นด้วยเช่นกัน จึงทำการตรวจสอบเงินและเก็บเข้าคลังทันที เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น เขาก็รีบเขียนรายงานมิหยุดแล้วส่งคนให้นำไปส่งที่วังในชั่วข้ามคืน ในขณะเดียวกันนั้นเอง ภายใต้คำสั่งของฉินซู ตงฟางไป๋ ตงฟางโซ่ว รวมทั้งสวีเซี่ยงเฉียน พวกเขาทั้งสามก็นำคณะของตนเร่งคุ้มกันส่งเสบียงไปยังสามอำเภอได้แก่ อำเภอเหรากู่ ฉงซานและเป่ยเซียงในชั่วข้ามคืน ยามค่ำ ภายในห้องประชุมของที่ว่าการมณฑล ในเวลานี้เซี่ยหลานกำลังเขียนบันทึกอย่างขะมักเขม้น โดยจดบันทึกทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในเหลียงโจวตลอดสองวันที่ผ่านมา หลังจากเขียนเสร็จแล้ว นางหันไปถามฉินซูว่า “องค์รัชทายาทเพคะ ท่านช่วยดูหน่อยว่าหม่อมฉันเขียนเช่นนี้ใช้ได้หรือไม่?” ฉินซูอ่านแล้วขมวดคิ้วทันที เห็นดังนั้น เซี่ยหลานจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “ท่านขมวดคิ้ว หรือว่าที่หม่อมฉันเขียนมีปัญหางั้นหรือเพคะ?” “ตอนต้นหาได้ปัญ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 437

    จากนั้นตงฟางไป๋ก็ให้คนนำตัวพ่อค้าข้าวเหล่านั้นออกไป สองชั่วยามต่อมา ภายใต้การนำของสวีหลาย กลุ่มของสำนักสักการะระบี่ก็ขนข้าวแปดพันต้านรวมถึงเงินหกแสนตำลึงขึ้นเรือล่องแม่น้ำไปทางใต้ เมื่อมองเรือสินค้าที่เต็มไปด้วยเสบียงข้าวและเงินบรรเทาภัยพิบัติแล่นจากไป ถานเหวยก็ถอนหายใจและเอ่ยว่า “หวังว่าพวกเขาจะไปถึงหลิงหนานโดยเร็วที่สุด ผู้คนจะได้อดตายน้อยลง” ฉินซูเหลือบมองถานเหวยอย่างลึกซึ้งพร้อมกับพยักหน้าในใจ ถานเหวยเป็นคนซื่อสัตย์ตรงไปตรงมาและมิเข้าร่วมความขัดแย้งทางการเมืองใด ๆ ท่ามกลางสถานการณ์ความวุ่นวายในราชสำนักตอนนี้ นับว่าเป็นแหล่งน้ำอันบริสุทธิ์ เมื่อคิดถึงตรงนี้ เขาก็ถามอย่างใจเย็นว่า “ใต้เท้าถาน เจ้าในฐานะรองเสนาบดีกรมพระคลัง เจ้าน่าจะรู้เรื่องงานในกรมพระคลังเป็นอย่างดีใช่หรือไม่?” “ถือว่าใช่พ่ะย่ะค่ะ ระยะนี้ท่านเสนาบดีหลินมิค่อยได้ดูแลกิจการงานกรมพระคลัง ภาระทั้งหมดนี้จึงตกมาที่ตัวข้าน้อยพ่ะย่ะค่ะ” “หลินซีครองตำแหน่งแต่กลับมิทำงาน เจ้ามิเคยพร่ำบ่นเลยหรือ?” ถานเหวยส่ายหน้าเล็กน้อย พร้อมกับกล่าวอย่างรู้สึกปลงว่า “ใต้เท้าหลินเป็นผู้บังคับบัญชาของข้าน้อย การช่วยแบ่งเบาภาร

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 436

    เหล่าพ่อค้าข้าวคุกเข่าลงบนพื้นอย่างสั่นสะท้าน ตัวสั่นไปทั้งตัวราวกับถูกเขย่า เมื่อเห็นเช่นนั้น ตงฟางไป๋ก็เตะพวกเขาล้มลงบนพื้นอีกครั้ง! “เจ้าพวกสารเลว องค์องค์รัชทายาทกำลังตรัสถามพวกเจ้าอยู่ เป็นใบ้กันหมดแล้วหรือไร?” ถูกตงฟางไป๋ตะคอกเช่นนี้ ความกล้าหาญของพวกเขาก็เกือบพังทลายด้วยความกลัว ชายแซ่เฝิงผู้นั้นถามด้วยเสียงสั่นเทาว่า “องค์องค์รัชทายาท พวกเราก็ขายข้าวสามตำลึงหนึ่งต้านแล้วมิใช่หรือพ่ะย่ะค่ะ ขอบังอาจทูลถามว่า พวกเรามีความผิดอันใดหรือพ่ะย่ะค่ะ?” “ใช่แล้วองค์รัชทายาท พวกเราทุกคนล้วนเป็นพ่อค้าที่ปฏิบัติตามกฎหมาย ทั้งเมื่อคืนนี้ที่จวนใต้เท้าเฉิน ท่านยังทรงชมเชยว่าพวกเราเป็นผู้จิตใจดีงามอยู่เลย” “องค์รัชทายาท เหล่าผู้น้อยเป็นผู้บริสุทธิ์ ขอพระองค์โปรดทรงพิจารณาด้วยพ่ะย่ะค่ะ” คนอื่น ๆ ที่เหลือพากันแก้ตัว ฉินซูพ่นเสียงหัวเราะเย้ยหยัน “หึ ๆ ยังมิยอมรับอีกสินะ? ข้าจะบอกความจริงกับพวกเจ้า เรื่องชั่วร้ายที่พวกเจ้าสมคบคิดทำกันตลอดหลายปีที่ผ่านมา เจ้าขุนนางชั่วเฉินจางสารภาพจนหมดแล้ว ข้าไต่สวนพวกเจ้าในวันนี้ ก็เพียงเพื่อให้โอกาสพวกเจ้าสารภาพผิดและลดโทษให้เท่านั้น ในเมื่อพวกเจ้าม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 435

    “ไยต้องถาม สับคอมันเสีย!” กู้เสวี่ยเจี้ยนยกกระบี่ขึ้น หมายจะลงมือ ฉินซูรีบดึงนางกลับ “อย่าได้รีบร้อน ซักถามพวกเขาก่อนว่า พวกเขากระทำความผิดมากน้อยเพียงใดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จากนั้นค่อยตัดหัวพวกเขาก็มิสาย นอกจากนี้เจ้ายังเป็นสตรี เรื่องตัดหัวสุนัขของพวกเขามิจำเป็นต้องให้เจ้าลงมือ มองดูอย่างอุ่นใจก็พอ” “เช่นนั้นก็ได้เพคะ หม่อมฉันจะไปคุยกับศิษย์พี่รอง” กู้เสวี่ยเจี้ยนเก็บกระบี่แล้วเดินเข้าไปทักทายสวีหลายที่อยู่อีกด้าน ภายใต้คำสั่งของฉินซู เฉินจางและโจวเซินพร้อมด้วยคนอื่น ๆ ถูกนำตัวไปยังศาลาว่าการมณฑลเหลียงโจว โดยมีถานเหวยและขุนนางอีกหลายคนจากหลงเฉิงร่วมดำเนินการสอบสวน ภายในเวลามิถึงครึ่งวัน เหล่าขุนนางกังฉินก็ล้วนสารภาพจนหมดสิ้น หลังจากทราบจำนวนเงินที่พวกเขายักยอก ถานเหวยและคนอื่นถึงกับตกตะลึงอย่างยิ่ง จากนั้นถานเหวยจึงทำการรายงานต่อฉินซู “องค์รัชทายาท พวกเขาสารภาพแล้วว่า หลายปีมานี้เฉินจางได้ทำการยักยอกเงินทั้งหมดเป็นจำนวนมากกว่าสามล้านตำลึง หนึ่งในนั้นเป็นการใช้จ่ายสุรุ่ยสุร่ายหนึ่งล้านตำลึง เงินที่ถูกขโมยไปไว้ในห้องลับของเขามีจำนวนสองล้านหนึ่งแสนสามหมื่นตำลึงและเครื่อ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 434

    “เสวี่ยเจี้ยน คุ้มกันองค์รัชทายาทให้ดี!” หนึ่งในนั้นส่งเสียงดังขึ้นก่อนที่ร่างนั้นจะพุ่งลงไปยังกลุ่มคนของกลุ่มยักษ์รากษสครั้นแล้วก็เห็นเขาสะบัดกระบี่เจ็ดดาวในมือแล้วคนหลายคนก็ล้มลงในทันที คนอื่น ๆ ก็ลงมือแล้วเช่นกัน เพียงชั่วพริบตาก็ถูกฟันล้มลงเป็นกลุ่มใหญ่! “ศิษย์… ศิษย์พี่รองงั้นหรือ?!” กู้เสวี่ยเจี้ยนมองไปที่สวีหลายท่ามกลางฝูงชนอย่างมิอยากเชื่อ!ภายใต้การนำของสวีหลายและเฉิงอิง คนของสำนักกระบี่สักการะพุ่งเข้าโจมตีอย่างดุเดือดพวกเขาฟันคนของกลุ่มยักษ์รากษสล้มลงบนพื้นราวกับฟันแตงและผัก กลุ่มยักษ์รากษสเหล่านั้นมิอาจต้านทานได้เลย และต่างวิ่งหนีหัวซุกหัวซุนไปอย่างรวดเร็ว เห็นดังนั้น โจวเซินรีบร้องตะโกนไปยังห้องโถงด้านหลังว่า “ผู้อาวุโสหวาง พวกท่านมิลงมือตอนนี้แล้วจะลงมือตอนไหน!” “ฮึ่ม กลุ่มยักษ์รากษสนี้ช่างไร้ค่า!” พร้อมกับเสียงดูถูก ร่างสี่ร่างก็กระโดดออกมาจากทิศทางของห้องโถงด้านหลัง!พวกเขาทั้งสี่เป็นชายวัยสี่สิบถึงห้าสิบ ดวงตาประกายเฉียบคม ร่างกายเต็มไปด้วยมวลพลังงาน ล้วนเป็นจอมยุทธ์ที่แข็งแกร่งอย่างแท้จริง! สองคนในนั้นมองหน้ากัน ต่างพุ่งไปทางฉินซูโดยมิต้องเอ่ยวา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 433

    เฉินจางรู้ตัวดีว่ามิอาจแก้ตัวได้จึงหลับตาลงทั้งสองข้าง ถานเหวยกล่าวอย่างจริงจังว่า “องค์รัชทายาท เฉินจางยักยอกเงินจำนวนมากเช่นนี้ โจวเซินในฐานะผู้ช่วยมณฑลเหลียงโจวต้องยักยอกส่วนตัวไปมิน้อยด้วยเป็นแน่ ข้าน้อยขอวิงวอนองค์รัชทายาทโปรดทำการสอบสวนโจวเซินและเหล่าขุนนางของที่ว่าการมณฑลอย่างละเอียดด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!” “ข้าน้อยเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”“ข้าน้อยเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ!” จี้ซิงเสียนและคนอื่น ๆ ต่างพากันสนับสนุน ฉินซูแค่นเสียงเบา “วางใจเถอะ จะไม่มีใครรอดไปได้สักคนเดียว!” “องค์รัชทายาท เมื่อครู่โจวเซินเพิ่งเข้ามาด้วย แต่ว่าตอนนี้เขากลับชิงออกไปก่อน คาดว่าคิดหลบหนีพ่ะย่ะค่ะ” “พวกเรารีบออกไปกันเถอะ จับตัวได้แล้วค่อยว่ากัน!” หลังจากนั้น พวกเขาก็ออกจากห้องลับ ส่วนเฉินจาง เขาถูกสวีเซี่ยงเฉียนจับมัดมือไพล่หลังไว้นานแล้ว หลังจากกลับมาถึงสวนหลังบ้าน จู่ ๆ ก็มีเสียงฝีเท้าสับสนวุ่นวายก็ดังขึ้นที่ด้านนอกกำแพง ทันใดนั้น คนกลุ่มใหญ่ก็พุ่งมาจากทุกทิศทางล้อมรอบฉินซูและคนอื่น ๆ เอาไว้อย่างแน่นหนา ดูจากขนาดแล้ว อย่างน้อยต้องมีสี่ถึงห้าร้อยคน! คนเหล่านี้สวมชุดผ้าสีดำ บนหน้าอกปักด้วยด้าย

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 432

    เฉินจางมีสีหน้าลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเอ่ยเสียงเบาว่า “ส่งคนไปแจ้งกลุ่มยักษ์รากษสและคนอื่น ๆ ให้รีบไปแอบซุ่มอยู่ที่จวนของข้าให้ดีแล้วรอฟังคำสั่งข้า” “ขอรับ!” โจวเซินตอบรับทันทีก่อนส่งสัญญาณทางสายตาให้ชายคนหนึ่งที่อยู่ข้าง ๆ ชายคนนั้นจึงลอบถอนตัวออกจากกลุ่มและไปแจ้งข่าว เมื่อมาถึงหน้าประตูจวนผู้ว่าการมณฑล เฉินจางก็แสร้งยิ้มและต้อนรับฉินซูกับคนอื่น ๆ เข้าไปด้านใน เขากำลังคิดจะพาทุกคนเข้าไปในห้องโถงใหญ่ แต่กลับพบว่าฉินซูนำคนเดินตรงไปยังลานหลังจวนทันที เมื่อเห็นภาพนี้ หัวใจของเฉินจางก็แทบล่วงลงตาตุ่ม! หรือว่า ความลับของตนจะถูกเปิดเผยแล้ว?! เขาถามอย่างกระวนกระวายใจว่า “องค์รัชทายาท เส้นทางนี้นำไปยังสวนหลังบ้าน ท่านจะไปทำอะไรที่นั่นหรือพ่ะย่ะค่ะ?” ฉินซูหรี่ตาลงแล้วถามกลับว่า “เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?” “เอ่อ… ความคิดขององค์รัชทายาท ข้าน้อยจะมิอาจล่วงรู้พ่ะย่ะค่ะ”เฉินจางแสร้งทำเป็นจิตใจสงบ แต่ในใจกลับร้อนรนอย่างยิ่ง เขารู้ว่าการที่ฉินซูพาคนไปยังสวนหลังบ้านเวลานี้ ย่อมมิใช่เรื่องธรรมดาเป็นแน่ ครั้นแล้วก็เห็นฉินซูยิ้มบาง ๆ “มิต้องร้อนใจไป อีกเดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง” ขณะที่พูด

DMCA.com Protection Status