Share

บทที่ 2

Author: ใบไม้ร่วงในเมืองร้าง
เห็นสระเลือดอยู่มิไกลเบื้องหน้า!

ฉินเหยี่ยนพูดด้วยความมิเชื่อ “เลือดพวกนี้ หรือว่าเป็นของคนพี่สี่?”

คนสนิทคนหนึ่งโบกมือแล้วสั่งคนที่อยู่ข้างหลังว่า “ไปสำรวจบริเวณรอบ ๆ เดี๋ยวนี้!”

เหล่าบรรดาองครักษ์แยกย้าย!

หลังจากนั้นมินานพวกเขาก็รีบวิ่งกลับ แต่ละคนส่ายหัวแล้วพูดว่า “องค์ชาย นอกจากที่นี่แล้วไม่มีร่องรอยเลือดที่อื่นเลยพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินเหยี่ยนขมวดคิ้วและพึมพำ “เป็นไปได้อย่างไร? หรือว่าพวกเขาทั้งหมดถูกไอ้สารเลวฉินซูนั่นฆ่าตายหมดแล้ว?”

“องค์ชาย พวกที่ท่านอ๋องซิ่นส่งมาล้วนเป็นยอดฝีมือทั้งสิ้น องค์รัชทายาทมัวเมาในสุราเคล้านารีอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่มีกำลังพอที่จะฆ่าคนพวกนั้นได้ กระหม่อมจึงมั่นใจว่า ต้องมียอดฝีมือคอยแอบช่วยเหลืออยู่เป็นแน่ มิเช่นนั้น องค์รัชทายาทย่อมมิอาจอยู่รอดปล่อยภัยได้แน่พ่ะย่ะค่ะ!”

หลังจากได้ยินสิ่งนี้ฉินเหยี่ยนก็พยักหน้าช้า ๆ “ตัวข้าก็สงสัยอยู่ว่า เหตุใดฉินซูถึงกล้าฆ่าเฉินฉวิน ที่แท้เขาอาศัยความช่วยเหลือจากยอดฝีมือในเงามืด เดิมทีข้าวางแผนที่จะรอให้คนของอ๋องซิ่นฆ่าฉินซูแล้วคอยจับมือสังหารเหล่านั้น ยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว!”

“เช่นนั้นเราควรทำอย่างไรดีหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

“ไปกันเถอะ แม้ว่าฉินซูจะผ่านด่านนี้ไป แต่พี่สามก็ได้ดำเนินการไปแล้ว เรามารอดูการแสดงกันดีกว่า”

จากนั้นทั้งกลุ่มก็ลงจากภูเขาตามไป

……

ครึ่งชั่วยามต่อมา

ฉินซูกลับไปยังตำหนักบูรพา

ในเวลานี้ ลึกเข้าไปในตำหนักบูรพา หน้าห้องบรรทมของฉินซู

มีร่างหญิงงามยืนอยู่

นางสวมอาภรณ์ฝ่ายในสีเขียวอ่อน และรูปร่างของนางก็สง่างามได้สัดส่วน!

บนใบหน้าที่งดงามน่าทึ่งนั้น ใบหน้ามีความสมดุลอย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเป็นดวงตากลมโต หัวตาเรียว หางตาชี้ขึ้น คิ้วโค้งเรียวดั่งใบหลิว ริมฝีปากแดงอมชมพู และฟันขาวสะอาด

มุมปากมีรอยยิ้มบาง ๆ ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และงดงาม

ชื่อของนางคือหลินชิงเหยา นางเป็นบุตรีของหลินซี ซึ่งเป็นเสนาบดีกรมพระคลัง นางเป็นคนรักขององค์ชายสาม อ๋องฉี ทั้งสองมีใจให้กัน

เพียงแต่ด้วยสถานะของนางที่ตอนนี้มาปรากฏตัวในห้องบรรทมองค์รัชทายาทเป็นเรื่องที่น่าสงสัยมิน้อย

ทันใดนั้น ขันทีน้อยก็วิ่งเข้ามาด้วยความตื่นตระหนก

“คุณหนูหลิน แย่แล้ว ท่านอ๋องฉีถูกองค์จักรพรรดิเรียกตัวเรียกตัวเข้าเฝ้าด่วน เขาสั่งให้ข้าน้อยมาแจ้งให้ท่านทราบว่าแผนการถูกยกเลิก ท่านควรออกไปทางประตูหลังให้เร็วที่สุดขอรับ”

หลินชิงเหยาตกตะลึงและอุทานขึ้น “ว่ากระไรนะ?! เหตุใดกะทันหันเช่นนี้?"

“ข้าน้อยมิทราบขอรับ คาดว่าคงมีเรื่องด่วน ก่อนที่องค์รัชทายาทจะเสด็จกลับมา กรุณาออกไปทางประตูหลังก่อนเถิดขอรับ”

“ได้!”

หลังจากที่หลินชิงเหยารู้สึกตัว นางก็หันหลังกลับเดินไปที่ประตูหลัง

แต่ทันใดนั้นเอง กลับมีร่างหนึ่งขวางทางนางไว้

เมื่อพวกเขาเห็นรูปร่างหน้าตาของบุคคลนั้นอย่างชัดเจน หลินชิงเหยาและขันทีน้อยก็ตกใจจนหน้าซีด!

ขันทีน้อยคุกเข่าลง เอ่ยด้วยเสียงสั่นเครือว่า “องค์รัชทายาท คือ... คือ…”

ฉินซูยิ้มอย่างเย็นชา คว้าคอของอีกฝ่ายแล้วยกเขาขึ้น

“กินบนเรือน ขี้รดบนหลังคา!”

ทันทีที่พูดจบ เขาก็หักคอของอีกฝ่ายและเหวี่ยงร่างนั้นออกไป

หลินชิงเหยาหวาดกลัว นางถอยหลังไปสองสามก้าวโดยมิรู้ตัว พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือว่า “องค์รัชทายาท พระองค์... พระองค์จะทรงทำอะไรเพคะ?”

ฉินซูยิ้มเจ้าเล่ห์และถามว่า “เจ้าคิดว่าอย่างไรเล่า?”

“หม่อมฉัน... เดิมทีหม่อมฉันมีบางสิ่งที่อยากทูลขอคำปรึกษากับองค์รัชทายาท แต่ตอนนี้หม่อมฉันมีเรื่องด่วน ต้องขอทูลลาไปก่อนเพคะ”

หลินชิงเหยาพูดเช่นนั้นก็เตรียมผละจากไป

“เจ้ามีอะไรจะถามข้าแต่กลับมายืนหน้าห้องบรรทมข้า เจ้าปิดบังอะไรไว้? ยังต้องให้ตัวข้าพูดอีกรึ?”

หลังจากที่ฉินซูพูดจบด้วยท่าทีขี้เล่น ด้วยการเคลื่อนไหวที่รวดเร็วของเขาเพียงครั้งเดียวก็ดึงนางเข้ามาสู่ในอ้อมแขน

หลินชิงเหยาตกใจมากจนใบหน้าของนางซีดเผือด นางพยายามดิ้นรนอย่างสุดกำลัง

“องค์รัชทายาท ท่านโปรดอย่าทำเช่นนี้ หากอ๋องฉีรู้เข้า…”

ก่อนที่นางจะพูดจบ ฉินซูก็ตะคอกสวนไปอย่างเย็นชา “กล้าวางกับดักข้า ตัวข้าจะให้เขารู้ว่าการตัดสินใจของเขานั้นโง่เขลาเพียงใด!"

ฉินซูมิรอช้า อุ้มหลินชิงเหยาเดินตรงไปที่ห้องบรรทม

เมื่อมาถึงห้องบรรทม เขาก็โยนหลินชิงเหยาลงบนเตียงแล้วกระโดดขึ้นไปบนตัวนาง

หลินชิงเหยาตื่นตระหนก พูดอย่างรีบร้อนว่า “องค์รัชทายาท ท่านทรงทำเช่นนี้มิได้ หม่อมฉันยังมีเรื่องจะพูดอีก… อื้อ…”

ก่อนที่นางจะทันได้พูดจบ ฉินซูก็ประกบจูบกับปากของนาง

นางที่ยังมิเคยผ่านเรื่องเช่นนี้มาก่อน สมองพลันว่างเปล่าในทันที

จบแล้ว คราวนี้เนื้อเข้าปากเสือเป็นที่เรียบร้อย

กว่านางจะรู้สึกตัว ฉินซูก็เปลื้องอาภรณ์ของนางจนเปลือยเปล่า

ในเวลานี้ นางตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ อ้อนวอนว่า “องค์รัชทายาท ช้าก่อนเพคะ ท่านทำเช่นนี้มิได้!”

“หึหึ จุดประสงค์ในการมาที่นี่ของเจ้าก็เพราะต้องการให้ข้าทำเรื่องเช่นนี้ เพื่อให้อ๋องฉีจับได้คาหนังคาเขามิใช่รึ? ข้าให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีแล้วเจ้ายังต้องการอะไรอีกรึ?!”

หลังจากที่ฉินซูพูดจบ เขาก็จูบนางอีกครั้ง มือไม้ซุกซนไปทั่ว

หลินชิงเหยาพยายามต่อต้านอย่างสิ้นหวังแต่ก็มิเป็นผล

ภายใต้การรุกรานของฉินซู ความปรารถนาในใจนางก็ถูกกระตุ้นขึ้น นางค่อย ๆ หยุดต่อต้าน และจากนั้นก็เริ่มตอบสนองเขาแทนเสียด้วย

เมื่อเห็นเช่นนี้ ฉินซูก็มิลังเลอีก ตรงเข้าประเด็นหลักทันที!

ประมาณสามในสี่ของชั่วยามต่อมา ฉินซูนอนลงบนเตียงด้วยสีหน้าพึงพอใจ มือใหญ่ของเขาลูบไล้แผ่นหลังนุ่มนวลและเรียบเนียนดั่งหยกของหลินชิงเหยาอย่างคิดมิตก

หลินชิงเหยานอนเหงื่อชุ่มอยู่ในอ้อมแขนของฉินซู ใบหน้าสวยของนางแดงระเรื่อ สีหน้าที่แสดงซับซ้อนอย่างยิ่ง

เดิมทีตามแผนการของอ๋องฉี นางมาที่นี่เพื่อจัดฉากให้ฉินซูตกหลุมพราง จะได้โค่นเขาลงโดยเร็วที่สุด

ไหนเลยจะคิดว่าตอนนี้กลับกลายเป็นฉินซูที่กำชัย

สิ่งที่ทำให้นางสับสนมากยิ่งขึ้นก็คือ ทักษะอันน่าอัศจรรย์เมื่อครู่ของฉินซู มันทำให้นางได้ลิ้มรสในความสุขสมของการเป็นสตรีอย่างลึกซึ้ง

ความรู้สึกที่ยากจะต้านทาน ทำให้นางหลงใหลจนถอนตัวมิขึ้น

นางมิเสียใจเลยที่ได้มอบความบริสุทธิ์นี้ให้กับฉินซู

เมื่อเห็นความสับสนบนใบหน้าของนาง ฉินซูจึงพูดอย่างใจเย็น “อย่ามาเล่นละครต่อหน้าข้า ตอนนี้เจ้าก็กลับไปรายงานกับอ๋องฉีได้แล้ว”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ หลินชิงเหยาก็รู้สึกเจ็บปวดในใจอย่างอธิบายมิถูก หยาดน้ำตาไหลริน

แม้ว่าเดิมทีนางจะถูกบังคับ ทว่าต่อมานางก็ตอบสนองด้วยความเต็มใจ แล้วไฉนตอนนี้เขาจึงพูดออกมาอย่างไร้ความปรานีเช่นนี้!

ครู่หนึ่งหลินชิงเหยารู้สึกถึงความคับข้องใจอย่างท่วมท้น

แต่ในใจของฉินซูนั้นมิรู้สึกอะไรเลย ยังคงมองอีกฝ่ายด้วยสีหน้าเย็นชา

หลินชิงเหยามองฉินซูด้วยสีหน้าขุ่นเคือง จากนั้นจึงสวมอาภรณ์อย่างเงียบ ๆ แล้วลงจากเตียงไป

ก่อนออกไป นางหยุดฝีเท้ามองย้อนกลับไปที่ฉินซู

ในใจที่แตกสลาย มีความเกลียดชังปะปนอยู่ด้วย

“ฉินซู ข้าเกลียดท่าน!”

หลังจากพูดอย่างนั้นนางก็เปิดประตูแล้วเดินออกไป

ฉินซูมิสนใจ บุตรีคนเดียวของเสนาบดีกรมพระคลัง ย่อมมิสามารถก่อปัญหาอะไรใหญ่โตได้

ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเห็นได้ว่า หลินชิงเหยารู้สึกสั่นไหวในใจแล้ว เพียงรอเวลา นางก็จะตีตัวออกหากจากอ๋องฉีเอง

หลังจากสวมอาภรณ์เสร็จเขาก็เดินออกจากห้องบรรทมไปด้วย

ในเวลานี้ มีขันทีน้อยคนหนึ่งเดินเข้ามา หลังจากเห็นร่างของขันทีน้อยอีกคนหนึ่งอยู่บนพื้น ใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวลงอย่างมาก!

ฉินซูเหลือบมองเขาแล้วถามเบา ๆ “มีอะไร?”

ขันทีน้อยสงบสติอารมณ์แล้วกล่าวด้วยความเคารพว่า “องค์รัชทายาท องค์จักรพรรดิมีพระบัญชาให้ท่านเสด็จไปเข้าเฝ้าเพื่อหารือเรื่องสำคัญโดยเร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ”

ฉินซูพยักหน้าเล็กน้อย “เข้าใจแล้ว จัดการศพของเขาด้วย และเตือนทุกคนในตำหนักบูรพา ว่าใครก็ตามที่คิดจะทรยศข้าแม้แต่นิด จะต้องถูกฆ่าอย่างไร้ความปรานีโดยมิละเว้น!”

หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็เดินออกไปอย่างรวดเร็ว

ขันทีน้อยตกใจมากจนเหงื่อไหลเย็น องค์รัชทายาทกลายเป็นคนที่น่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร?

Related chapters

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 3

    ในพระตำหนักจินหลวนอันอันสง่างามและโอ่อ่าฉินอู๋ต้าว จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ต้าเหยียน สวมฉลองพระองค์ลายมังกร นั่งอยู่บนบัลลังก์มังกรพระพักตร์ดูสง่างาม มิมีแววโกรธแต่ยังดูทรงอำนาจมิว่าจะเป็นขมับที่ขาวโพลน หรือรอยย่นสามเส้นบนหน้าผาก ล้วนแต่บอกเล่าถึงความเหนื่อยล้าจากการทรงงานราชการตลอดทั้งวันใต้บันไดหยก มีเก้าอี้ไม้หนานมู่เนื้อทองสองตัวอยู่ทางซ้ายและขวา มีชายชราสองคนนั่งอยู่บนเก้าอี้เหล่านั้นคนทางซ้ายสวมชุดขุนนางสีม่วง และเข็มขัดสีทองลายดอกไม้เลื้อยรอบเอวแม้ว่าเขาจะอายุเกินเจ็ดสิบปีแล้วแต่เขาก็เต็มไปด้วยพลังและกระปรี้กระเปร่า!มิใช่ใครอื่นนอกจากผู้อาวุโสแห่งสำนักขุนนางใหญ่!คนทางขวามีอายุเท่าเว่ยเจิงสวมชุดนักปราชญ์ บนคางมีหนวดเคราสีเทายาวประมาณสามนิ้ว ในมือถือเข็มทิศหยกขาวไว้เสื้อคลุมสีเทาของเขาปักลวดลายของกลุ่มดาวหมีใหญ่ทั้งเจ็ดดวง!แววตาของเขาดูลึกซึ้งและสงบ แต่การเคลื่อนไหวเฉียบคมราวกับสามารถมองทะลุทุกสิ่งในใต้หล้าได้ในพริบตามิใช่ใครอื่นนอกจากเหลยเจิ้น หัวหน้าโหรหลวงแห่งสำนักหอดูดาวหลวง!ชายสองคนนี้เป็นทั้งขุนนางที่มีอิทธิพลอย่างมากในราชวงศ์ต้าเหยียน และได้รับความไว้วา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 4

    ดูเหมือนหนิวจินจะมิตระหนักถึงความร้ายแรงของเรื่องนี้ เขาถือดาบและตะโกนด้วยเสียงทุ้ม “ฉินซูปล่อยองค์ชายของกระหม่อมเดี๋ยวนี้!"ฉินซูยิ้มอย่างดูแคลนและมองเขาราวกับว่าเขากำลังมองร่างไร้วิญญาณ!ทันใดนั้นใบหน้าของเฉิงจืออี้มืดครึ้มลงทันที เขาสังหรณ์ใจมิดีเสียแล้ว!เขากำลังจะขอให้หนิวจินวางดาบลงแต่ทันใดนั้นเอง ก็มีเสียงแหลมดังขึ้น“ฉึก!”เลือดพุ่งออกมาบนหน้าผากของหนิวจินทันทีจากนั้นก็หงายหลังล้มลงในแอ่งเลือด!หลังจากขุนนางทั้งหมดตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่งก็หันไปมองที่เหลยเจิ้นบุคคลเดียวที่สามารถฆ่านักรบอันดับหนึ่งของเป่ยเยี่ยนได้อย่างง่ายดาย คงมีเพียงหัวหน้าโหรหลวงเท่านั้นฉินซูยังลอบเหลือบมองเหลยเจิ้น และแอบพยักหน้าในใจสามารถใช้กำลังภายในฆ่าคนได้โดยมิเผยกำลังภายนอกเช่นนี้ หัวหน้าโหรหลวงผู้นี้เป็นยอดฝีมือระดับแนวหน้าอย่างแท้จริงเขาอยากรู้มากว่าความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเหลยเจิ้นไปถึงขั้นไหนแล้วตั้งแต่ที่เขาเดินทางข้ามมิติมาจนถึงตอนนี้ เขายังมิได้เข้าใจระบบการบ่มเพาะของใต้หล้านี้เลยส่วนเจ้าของร่างดั้งเดิมขององค์รัชทายาทนั้น มิรู้อะไรเลยเกี่ยวกับวรยุทธ ดังนั้นฉินซูจึงมิได้รับข้อม

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 5

    ฉินอู๋ต้าวเหลือบมองฉินซู และถามอย่างใจเย็น “องค์รัชทายาท เจ้ามีแผนการดี ๆ จริงรึ?”ฉินซูพูดอย่างใจเย็น “ทูลเสด็จพ่อ กระหม่อมไม่มีความคิดดีๆ เลยพ่ะย่ะค่ะ"ทันทีที่เขาพูดจบ ฉินเหยี่ยนก็พูดด้วยความเย้ยหยัน “เมื่อเสด็จพี่องค์รัชทายาท ตอนท่านวิจารณ์ทูตของเป่ยเยี่ยน ดูดุดันมากเพียงนั้น ตอนนี้กลับบอกว่าไม่มีความคิดดี ๆ อะไรเลย นี่มิไร้สาระไปหน่อยหรือ?"“เช่นนั้น หากไม่มีแผนดี ๆ แล้วท่านยังจะเสนอให้ทำสงครามอีกหรือท่านอยากเห็นต้าเหยียนของเราตกที่นั่งลำบาก หรือท่านอยากอวดตัวต่อหน้าเหล่าขุนนางในท้องพระโรงกันแน่?”ฉินหงก็สนับสนุนทันที เขามิอยากพลาดโอกาสที่จะได้เหยียบย่ำองค์รัชทายาทต่อหน้าขุนนางทั้งหลายเช่นนี้หลินซียังถามอีกว่า “ในเมื่อองค์รัชทายาทไม่มีแผนการในใจ เหตุใดท่านถึงมิเห็นด้วยกับการคืนเมืองชิ่งโจวให้กับเป่ยเยี่ยนเล่า?”ฉินซูวางมือไพล่หลังและส่งเสียงฮึมฮัม “หึ เมืองชิ่งโจวเดิมทีเป็นดินแดนของต้าเหยียน เหล่าทหารพยายามอย่างยากลำบากกว่าจะยึดกลับคืนมาได้ แต่พวกเจ้ากลับต้องการคืนชิ่งโจวให้เป่ยเยี่ยน การกระทำเช่นนี้มิเพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของเราเท่านั้น แต่ยังบ่อนทำลายขวัญกำลังใจ

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 6

    ฉินหงขมวดคิ้วและถามว่า “ไฉนท่านมองข้าเช่นนั้นเล่า?”ฉินซูยิ้มอย่างสงบและพูดว่า “ไม่มีอะไร ข้าแค่อยากจะบอกว่า หากมู่หรงฟู่มิชอบก็ยังมีหลินชิงเหยามิใช่รึ?”บุตรีสุดที่รักของใต้เท้าหลินเป็นหนึ่งในห้าของสาวงามแห่งหลงเฉิงของเรา ด้วยความงามเช่นนี้ ตราบใดที่มู่หรงฟู่มิใช่ขันที ก็คงไม่มีทางที่เขาจะมิถูกนางล่อลวงหรอกใช่หรือไม่?”ครั้นได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของฉินหงก็แสดงถึงความมิพอใจทันใด!ขุนนางคนอื่น ๆ ก็มีการแสดงออกที่แตกต่างกันออกไปมีผู้ใดมิรู้บ้างเล่าว่า หลินชิงเหยาเป็นคนรักของอ๋องฉี ฉินหง เมื่อฉินซูพูดเช่นนี้ เห็นได้ชัดว่าเขาอยากมีปัญหากับอ๋องฉีใช่หรือไม่?สีหน้าหลินซีดูมิพอใจ เขาประสานมือและโค้งคำรับไปทางฉินอู๋ต้าว “ฝ่าบาท บุตรีของข้าน้อยมีคนที่นางรักอยู่แล้ว ข้าน้อยมั่นใจว่าฝ่าบาทจะมิ…”ยังมิทันที่เขาจะพูดจบฉินอู๋ต้าวก็โบกมือและขัดจังหวะเขา“เสนาบดีหลิน เรื่องยังมิไปถึงขั้นนั้น ไฉนเจ้าต้องตื่นตระหนกนัก?”“ข้าน้อย… ข้าน้อยเพียงกังวล…”“มีสิ่งใดให้กังวลนัก? แม้ว่านางจะแต่งงานกับมู่หรงฟู่โดยมีข้าสนับสนุน เช่นนั้นเจ้าก็กลัวว่ามู่หรงฟู่จะกล้ารังแกนางรึ? อีกอย่างข้าเพิ่งบอกว่าเรื่องยั

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 7

    เหลยเจิ้นมิตอบทันที แต่ชี้ไปที่หัวของตนฉินอู๋ต้าวขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้าหมายถึงอะไร?”“ทูลฝ่าบาท ปีนี้ดาวแห่งจักรพรรดิจะเข้าสู่วังชีวิต ทำลายอิทธิพลชั่วร้าย ดาวดวงอื่น ๆ หลับใหล นี่เป็นตัวบ่งบอกถึงจำนวนภัยพิบัติ อย่างไรก็ตาม เมื่อดาวไท่เวยอยู่ข้าง ๆ วังชีวิต เคราะห์ร้ายก็คลายกังวล หลังจากวันชุนเฟินในปีหน้า ครั้นดาวทุกดวงกลับคืนสู่ตำแหน่ง ไทเว่ยก็จะถูกขับออกจากตำแหน่ง"“เจ้ากำลังบอกว่า องค์รัชทายาทคือกุญแจสำคัญที่ช่วยป้องกันข้าจากเคราะห์ร้ายรึ?”เหลยเจิ้นพยักหน้าเล็กน้อยแล้วกล่าวว่า “พ่ะย่ะค่ะ ก่อนที่ดวงดาวจะกลับสู่ตำแหน่ง ต้องมิรบกวนไท่เวย มิเช่นนั้นโชคร้ายร่วงหล่นจากสวรรค์ ทั่วหล้าโกลาหลวุ่นวาย แคว้นจะตกอยู่ในอันตรายพ่ะย่ะค่ะ!”การแสดงออกของฉินอู๋ต้าวเริ่มจริงจังหากมีใครพูดเช่นนี้เขาคงจะสั่งให้ลากคนผู้นั้นออกไปตัดศีรษะแล้วทว่ายามนี้คำพูดที่มาจากปากของหัวหน้าโหรหลวงแห่งสำนักหอดูดาวหลวง เขาก็มิกล้าที่จะนิ่งนอนใจท้ายที่สุดแล้ว ความสามารถของเขาในการขึ้นสู่บัลลังก์นั้นขึ้นอยู่กับวิธีการทำนายที่ลึกลับยากจะคาดเดาของเหลยเจิ้นสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คำทำนายทั้งหมดของเหลยเจิ้นนั้นเป็

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 8

    ฉินหงตะลึงตัวแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่งและรีบอธิบายว่า “มิใช่เป็นแน่ ตอนนั้นข้าเตรียมทุกอย่างไว้แล้ว ข้าจะมิยอมให้อะไรเกิดขึ้นกับเจ้าเด็ดขาด”หลินชิงเหยาเยาะเย้ยในใจ คร้านจะพูดอะไรกับเขามากกว่านี้ฉินหงพูดกับตัวเองว่า “วันนี้ตัวข้าอารมณ์ดี ไปล่องเรือในทะเลสาบกันเถอะ”หลินชิงเหยาส่ายหัวด้วยสีหน้าเย็นชา "หม่อมฉันขออภัยเพคะ วันนี้หม่อมฉันรู้สึกมิสบายนิดหน่อย หม่อมฉันคงไปกับท่านอ๋องมิได้ โปรดประทานอภัยให้หม่อมฉันด้วยเพคะ"ฉินหงถามด้วยความเป็นห่วง “เจ้าเป็นอะไรไป? ให้ข้าเรียกหมอมาดีหรือไม่?"“มิเป็นไรเพคะ หม่อมฉันแค่เวียนหัวนิดหน่อย เพียงต้องพักผ่อนเพคะ”“ก็ได้ เช่นนั้นเจ้าพักผ่อนก่อน หลังจากโค่นฉินซูองค์รัชทายาทไร้ประโยชน์ลงได้แล้ว ข้าจะพาเจ้าไปเที่ยวชมสถานที่ดี ๆ”หลังจากพูดเพิ่มเติมเล็กน้อย เขาก็หันหลังกลับเดินออกไปอย่างมิเต็มใจเมื่อมองดูร่างที่จากไปของเขา ดวงตาของหลินชิงเหยาก็สั่นไหว หัวใจของนางดิ้นรนกับอารมณ์ที่ขัดแย้งกันหลินชิงเหยา สวมเสื้อคลุมสีดำ เดินออกจากประตูหลังจวนอย่างเงียบ ๆ และมุ่งตรงไปยังตำหนักบูรพา……ตำหนักบูรพาขันทีน้อยหลายคนยืนเฝ้าอยู่ด้านนอกห้องทรงพระอักษรด้วย

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 9

    หลังจากที่หลินชิงเหยาได้สติ นางก็หัวเราะกับตัวเอง “ดูเหมือนว่าหม่อมฉันจะเข้าไปยุ่งโดยมิจำเป็น วางพระทัยเถิดเพคะ องค์รัชทายาท หม่อมฉันจะมิเข้ามารบกวนท่านอีก"นางดูหดหู่ใจ ความโศกเศร้าจาง ๆ ยังคงอยู่บนใบหน้าอันบอบบางของนาง หลังจากพูดเช่นนั้นแล้วนางก็หันหลังเดินจากไปสตรีผู้นี้มีความรู้สึกต่อเขาอย่างเห็นได้ชัด!ฉินซูยิ้มอย่างมีเสน่ห์ พลันคว้าแขนขาวดั่งหยกอันละเอียดอ่อนของหลินชิงเหยาแล้วดึงนางเข้าไปในอ้อมอกร่างกายที่บอบบางของหลินชิงเหยาสั่นสะท้าน และตกตะลึงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้เมื่อตระหนักรู้ตัวได้เช่นนั้นนางก็พยายามจะแยกตัวออกนางเริ่มตะโกน“องค์รัชทายาท ท่านจะทำอะไร ปล่อยหม่อมฉันเดี๋ยวนี้!”ฉินซูยื่นมือออกมาเชยคางของนางแล้วจ้องมองเมื่อสบกับสายตาเจ้าเสน่ห์ของฉินซู หลินชิงเหยาก็อดมิได้ที่จะตะลึงเล็กน้อยตอนนั้นเองที่นางสังเกตเห็นรูปลักษณ์อันหล่อเหลาขององค์รัชทายาทไร้ค่า คิ้วคมโดดเด่น และดวงตาที่น่าดึงดูดและนี่เป็นครั้งแรกที่มีคนมองนางด้วยสายตาอันลึกซึ้งเช่นนี้ก่อนหน้านี้ แม้ว่าอ๋องฉีฉินหงจะบอกว่าเขารักนางก็ตามแต่เขามักจะมองนางด้วยท่าทางวางตัวราวกับว่าคว

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 10

    เฉิงจืออี้กล่าวอย่างมีความหมาย “หลังจากมาถึงหลงเฉิงแล้ว กระหม่อมได้ยินมาหลายครั้งว่า เหล่าองค์ชายและองค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียนมิลงรอยกัน ศัตรูของศัตรูก็คือมิตร องค์ชาย หากท่านประสงค์ทวงคืนศักดิ์ศรี ท่านสามารถร่วมมือกับเหล่าองค์ชายแห่งต้าเหยียนได้พ่ะย่ะค่ะ”“เป็นความคิดที่ดี!”มู่หรงฟู่ตบต้นขาของตนในทันใด และลุกพรวดขึ้นมาด้วยความตื่นเต้นแต่หลังจากสงบลงแล้วเขาก็ถอนหายใจด้วยความหดหู่ “วันนี้เราก่อความวุ่นวายในราชสำนักต้าเหยียน องค์ชายแห่งต้าเหยียนเหล่านี้คงเกลียดเราแล้วจะมีใครร่วมมือกับเราอีกหรือ?”“องค์ชาย หาอย่าได้ประมาทความยั่วยุของตำหนักบูรพา องค์ชายเหล่านั้นต่างรอมิไหวที่จะได้เหยียบย่ำฉินซูพ่ะย่ะค่ะ”“แล้วตามที่ขุนนางอาวุโสเฉิงบอก เราควรร่วมมือกับองค์ชายคนใดดีเล่า?”เฉิงจืออี้ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “องค์ชายสามฉินหงหรือองค์ชายหกฉินเหยี่ยนแห่งต้าเหยียน ทั้งสองเผชิญหน้ากับฉินซูในราชสำนักในวันนี้ พวกเขาจะตกลงร่วมมือกับเราอย่างแน่นอน”มู่หรงฟู่พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “เรื่องนี้มิควรล่าช้า เราไปคุยกับพวกเขาตอนนี้เถิดพ่ะย่ะค่ะ”“องค์ชาย หากออกไปเช่นนี้จะถูกดึงดูดความสนใจ

Latest chapter

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 534

    อาจารย์สอนหนังสือทั้งสามคนตกใจจนแทบสิ้นสติ ขาอ่อนทรุดลงกับพื้น!เห็นดาบกำลังจะฟันลงบนร่างพวกเขาแต่ในขณะนั้นเอง เสียงแหวกอากาศแหลมคมก็ดังขึ้น'ฟิ้ว!'ลูกธนูแหวกอากาศอย่างรวดเร็ว ปักเข้าที่หน้าอกของอวี๋เฟิงอย่างแม่นยำ!ร่างของอวี๋เฟิงไหวเอน หันกลับไปมองอย่างยากลำบากเห็นเพียงข้างหลังมิไกล อ้ายเถียนง้างธนูยิงออกมาอีกดอก!หลังจากอวี๋เฟิงถูกยิงอีกดอก ก็ล้มลงกับพื้น พลันสิ้นใจทันใด!เมื่อเห็นดังนั้น อาจารย์สอนหนังสือทั้งสามก็คุกเข่าลงกับพื้น ขอบคุณฉินเหยี่ยนและพรรคพวก"ขอบพระคุณท่านวีรบุรุษที่ช่วยชีวิต ขอบพระคุณท่านวีรบุรุษที่ช่วยชีวิต!"ฉินเหยี่ยนโบกมือ ถามเสียงเรียบ "บอกมา เหตุใดอ๋องหนิงจึงส่งคนมาสังหารพวกเจ้า?""เอ่อ..."อาจารย์สอนหนังสือทั้งสามมองหน้ากัน มีความกังวลฉินเหยี่ยนคำราม "ตัวข้าช่วยพวกเจ้าได้ ก็ฆ่าพวกเจ้าได้ บอกความจริงมา!"เมื่อเห็นฉินเหยี่ยนเรียกแทนตัวว่า 'ตัวข้า’ ทั้งสามก็เข้าใจในทันใดว่า คนตรงหน้าคือองค์ชาย!จึงรีบเล่าเรื่องการเลียนแบบลายมือ คัดลอกจดหมายให้แก่อ๋องหนิงจนหมดเปลือกเมื่อรู้ว่าจดหมายที่คัดลอกเป็นถ้อยความหมิ่นเบื้องสูง ฉินเหยี่ยนก็มีสีหน้าเคร่ง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 533

    "แต่ท่านอ๋อง..."ก่อนที่เขาจะพูดจบ ฉินเซียวก็กล่าวแทรกขึ้นมาก่อน "มิคัดลอกก็ตาย พวกเจ้าเลือกเอาเอง!"เมื่อฉินเซียวพูดจบ องครักษ์หน้าประตูก็ชักดาบรบออกมาเมื่อได้ยินเสียงดาบแหลมคม นักปราชญ์ทั้งสามก็หน้าซีด ตัวอ่อนปวกเปียกทรุดลงกับพื้นฉินเซียวพูดด้วยน้ำเสียงที่ผ่อนคลายลง "ข้าเพียงต้องการให้พวกเจ้าเลียนแบบลายมือบนนั้นแล้วคัดลอกเท่านั้น อีกอย่างเรื่องนี้ก็มีแค่พวกเราที่รู้ ข้าจะมิแพร่งพรายเรื่องนี้ออกไป พวกเจ้าจะกลัวหาปะไร!""ที่สำคัญ ตราบใดที่พวกเจ้าทำตามที่ข้าบอก ทองเหล่านี้ก็จะเป็นของพวกเจ้า เมื่อมีเงินเหล่านี้ก็พอที่จะใช้ชีวิตบั้นปลายอย่างสุขสบาย หรือแม้แต่รับอนุภรรยาอีกสักสองสามคนก็ยังเหลือเฟือ พวกเจ้าจะลังเลกระไรเล่า?"เมื่อได้ยินฉินเซียวพูดเช่นนี้ พวกเขาทั้งสามก็มองหน้ากันแล้วพยักหน้า"พ่ะย่ะค่ะ พวกเราจะทำตามที่ท่านอ๋องบัญชา!""ดีมาก ใครก็ได้ จัดเตรียมพู่กันและหมึกให้ที!"จากนั้นอาจารย์สอนเขียนอักษรทั้งสามคนก็เลียนแบบลายมือบนจดหมายหลังจากผ่านไปครึ่งวัน พวกเขาก็เลียนแบบลายมือบนนั้นได้สำเร็จ คัดลอกออกมาคนละชุดฉินเซียวมองดูแล้วพยักหน้าอย่างพอใจ "ดีมาก ลำบากพวกเจ้าแล้ว ทอง

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 532

    เกาส่วงมิเข้าใจความหมายของฉินซู แต่ตอนนี้เขามิกล้าโกหกอีก จึงทำได้เพียงพยักหน้า"ตอนที่ข้าน้อยอยู่จวนอ๋องหนิง ข้าน้อยเป็นผู้ดูแลจวน ดังนั้นลายมือของอ๋องหนิง ข้าน้อยรู้จักดีพ่ะย่ะค่ะ"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซูก็นำจดหมายที่ได้มาจากทั่วป๋าเฮ่าออกมา จากนั้นเขาก็แสดงให้ดูเพียงบางส่วน แล้วถามว่า "นี่ใช่ลายมือของฉินเซียวหรือไม่?"เกาส่วงมองดูแล้วตอบ "ใช่แน่ ๆ พ่ะย่ะค่ะ""ดีมาก!"ฉินซูพยักหน้าอย่างพอใจแล้วพูดกับสวีเซี่ยงเฉียนว่า "ดูแลพวกเขาให้ดี หากพวกเขาตาย เจ้าก็เอาหัวมาประเคนข้าได้เลย!"สวีเซี่ยงเฉียนจิตใจกระตุกวูบ รีบกล่าว "องค์รัชทายาทโปรดวางพระทัย รับรองว่าจะไม่มีอะไรผิดพลาดแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!"เมื่อพูดจบ เขาก็เรียกให้ลูกน้องมัดเกาส่วงและคนอื่น ๆ เอาไว้ตงฟางไป๋สอบถาม "องค์รัชทายาท จะจัดการกับโจรป่าเหล่านี้อย่างไรดีพ่ะย่ะค่ะ?"ฉินซูตั้งใจจะฆ่าพวกเขาทั้งหมด แต่เมื่อใคร่ครวญแล้วก็กล่าวว่า "เจ้านำคนไปส่งยังที่ว่าการอำเภอเหยียนอัน ให้ผู้ว่าการอำเภอเอาตัวพวกมันไปตัดหัวประจานกลางตลาดเสีย"ถานเหวยกล่าวสรรเสริญ "องค์รัชทายาททรงพระปรีชาสามารถ ด้วยวิธีนี้ ยังทำให้พวกคนต่ำช้าที่มีใจคิดคดหวาด

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 531

    ความรู้สึกเช่นนี้ทรมานเสียยิ่งกว่าความตายเพียงครู่เดียว คนชุดดำก็ถูกทรมานจนหน้าซีดเผือด เหงื่อเย็นเม็ดใหญ่ไหลลงมาตามแก้มมิหยุดและสิ่งที่ทำให้เขาทนมิได้มากที่สุดคือ บัดนี้เขาขยับร่างกายมิได้แม้แต่น้อย อยากจะเอื้อมมือไปเกาก็ทำมิได้เขาทนมิไหวอีกต่อไป รีบพูด "หยุด... ขอร้องหยุดเถิด ข้าน้อยจะพูด ข้าน้อยจะพูดทุกอย่าง รีบหยุดเถิด..."ฉินซูโบกมือ!เข็มเงินที่ปักอยู่ที่จุดเจียนอวี๋บนไหล่ของเขาก็บินกลับมาที่มือของตนหลังจากเข็มเงินหลุดออก คนชุดดำก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก และหายใจหอบหนัก"พูดมา หากเจ้ากล้าปดแม้แต่ครึ่งคำ ข้าจะให้เจ้าได้ลิ้มลองบทลงโทษที่โหดร้ายกว่านี้"เมื่อได้ยินฉินซูพูดเช่นนี้ คนชุดดำก็อกสั่นขวัญแขวน!เมื่อครู่เขายังรู้สึกเหมือนตายทั้งเป็นแล้ว เขามิกล้าลิ้มลองบทลงโทษที่โหดร้ายกว่านั้นเมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็รีบพูด "ข้าน้อย... ข้าน้อยเป็นหนึ่งในขันทีผู้ดูแลสำนักขันทีฝ่ายพิธีการ นามว่าเกาส่วง ได้รับคำสั่งจากพระสนมเสียนเฟยให้มาลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาทพ่ะย่ะค่ะ"เกาส่วงกลัวว่าฉินซูจะทรมานเขาต่อไป จึงพูดหมดเปลือกเมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินซูหรี่ตาลงเล็กน้อย เลิกคิ้วถาม "สำน

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 530

    'ฉึก!'เสียงหนึ่งดังขึ้นอย่างแผ่วเบา เข่าซ้ายของคนชุดดำถูกปราณดัชนีของฉินซูเจาะทะลุเลือดสีแดงสดพุ่งออกมา!และคนชุดดำก็เสียหลักทรุดลงไปสีหน้าเขาเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก ตะลึงจนพูดมิออก!หลังจากตั้งสติได้ เขาก็กระแทกฝ่ามือลงบนพื้น ร่างก็พุ่งออกไป!เขางอนิ้วทั้งสิบ มือทั้งสองราวกับกรงเล็บอินทรี จิกเข้าที่คอของฉินซูอย่างแรงด้วยปราณบริสุทธิ์อันแข็งแกร่ง นิ้วทั้งสิบของเขามีความแข็งแกร่งเทียบเท่าเหล็กกล้า!"แมลงหวังโค่นต้นไม้ใหญ่ มิเจียมตัว!"ฉินซูหัวเราะเยาะ ยื่นมือออกไป จับข้อมือของคนชุดดำไว้ได้อย่างรวดเร็วจากนั้นก็ออกแรงอย่างรุนแรง!'กร๊อบ กร๊อบ!'หลังจากเสียงดังกรอบแกรบสองครั้ง กระดูกข้อมือของคนชุดดำก็แตก!กระดูกแหลมคมแทงทะลุเนื้อออกมา น่าขนลุกขนพอง"อ๊าก! มือข้า!!"คนชุดดำร้องโหยหวน หลังจากตั้งสติได้ เขาก็พูดด้วยเสียงสั่นเครือ "ท่าน ท่านเป็นผู้มีพลังระดับสวรรค์จริง ๆ!"เหตุผลที่เขาพูดเช่นนี้เป็นเพราะเขาเองเป็นผู้ฝึกยุทธ์ระดับปฐพีขั้นสูงสุดพลังระดับนี้ แต่กลับไร้แรงต่อต้านเมื่อเผชิญหน้ากับฉินซู นี่แสดงให้เห็นว่า พลังของฉินซูแข็งแกร่งกว่าระดับปฐพี นั่นก็คือระดับสวรรค์

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 529

    ในขณะนั้นเสียงของฉินซูก็ดังมาจากป่าข้าง ๆ"ไว้ชีวิต!"เมื่อได้ยินเช่นนั้น ดาบที่พวกตงฟางโซ่วสองคนฟันลงมาครึ่งทางก็หยุดชะงักคนชุดดำทั้งสองก็ตกใจจนเหงื่อเย็นเยียบไหลรินออกมา ราวกับได้เดินผ่านประตูนรกสวีเซี่ยงเฉียนพูดกับตงฟางโซ่ว "เจ้าเฝ้าพวกมันไว้ ข้าจะไปช่วยองค์รัชทายาท!""มิต้อง องค์รัชทายาทมียอดฝีมือช่วยเหลืออยู่ วรยุทธ์ของเราเข้าไปก็มีแต่จะสร้างความวุ่นวายเปล่า ๆ คอยคุ้มครองพวกใต้เท้าเซี่ยเถิด""ก็ได้ ข้าอยากจะเห็นเหมือนกันว่า ใครกันที่บังอาจลอบปลงพระชนม์องค์รัชทายาท!"สวีเซี่ยงเฉียนพูดจบ ก็เอื้อมมือไปดึงผ้าปิดหน้าของคนชุดดำทั้งสองออกและได้เห็นว่าคนทั้งสองมีใบหน้าขาวสะอาด ไม่มีหนวดเครา ลักษณะอ้อนแอ้นเหมือนสตรีเมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของคนทั้งสอง สวีเซี่ยงเฉียนก็ชะงักไปเขายื่นมือไปจับที่เป้าของคนทั้งสอง จากนั้นก็อุทาน "ให้ตายสิ พวกเจ้าเป็นขันทีจากสำนักขันทีฝ่ายพิธีการ!!"เมื่อครู่เขายังรู้สึกว่าคนทั้งสองคุ้นหน้ามาก รู้สึกเหมือนเคยเจอที่ใดมาก่อนยามนี้เมื่อรู้ว่าคนทั้งสองเป็นขันที เขาก็นึกขึ้นได้ทันทีว่าเคยเจอพวกเขาที่สำนักขันทีฝ่ายพิธีการขันทีจากสำนักขันทีฝ่ายพิธีการก

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 528

    "น้องสอง สวีเซี่ยงเฉียน พวกเจ้าสองคนอยู่คุ้มครององค์รัชทายาทและพวกใต้เท้าถาน ส่วนที่เหลือตามข้ามา!"ตงฟางไป๋พูดจบ ก็ยกดาบรบขึ้นฟ้า นำหน้าพุ่งเข้าโรมรันหลังจากพุ่งเข้าไปในกลุ่มศัตรู ดาบรบในมือของเขาก็ฟาดฟันอย่างรุนแรง ฟันคนไปหลายคนราวกับผ่าแตงคนอื่น ๆ ก็ตามเข้าไปต่อสู้กับโจรป่าที่บ้าคลั่งเหล่านี้แม้ว่าวรยุทธ์ของโจรป่าเหล่านี้จะมิแข็งแกร่งนัก แต่ก็มีจำนวนมากแม้ตงฟางไป๋กล้าหาญถึงเพียงนี้ แต่ก็มิสามารถฆ่าพวกมันให้หมดได้ในคราวเดียวตงฟางโซ่วและสวีเซี่ยงเฉียนที่เฝ้าอยู่หน้ารถม้า จ้องมองการต่อสู้อย่างมิกะพริบตา ดาบรบในมือของพวกเขาพร้อมที่จะฟาดฟันได้ทุกเมื่อในขณะที่การต่อสู้กำลังดุเดือด จู่ ๆ ก็มีร่างคนสองร่างพุ่งออกมาจากป่าข้าง ๆ !ทั้งสองปิดหน้า สวมชุดดำ คนหนึ่งกระโดดเข้ามา โจมตีฉินซูที่อยู่ข้างรถม้า"บังอาจนักเจ้าพวกโจร!!"ตงฟางโซ่วคำราม พลันกระทืบเท้ากับพื้น ร่างพุ่งออกไปราวกับกระสุนปืนใหญ่สวีเซี่ยงเฉียนก็มิยอมแพ้ โบกดาบรบในมือใส่ชายชุดดำอีกคนในขณะที่พวกเขากำลังต่อสู้ตะลุมบอนกับคนชุดดำ ร่างหนึ่งก็พุ่งออกมาจากราวป่าหลังจากปรากฏตัว เท้าทั้งสองของเขาก็เหยียบหินก้อนใหญ่ข้า

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 527

    เมื่อได้ยินเช่นนั้น ตงฟางไป๋และคนอื่น ๆ ก็หยุดทันทีสวีเซี่ยงเฉียนถามอย่างระมัดระวัง "องค์รัชทายาท หยุดด้วยเหตุใดหรือ ที่นี่มิควรอยู่เป็นเวลานาน พวกเราควรรีบผ่านไปให้เร็วที่สุดพ่ะย่ะค่ะ"ฉินซูกล่าวสิ่งที่น่าตกใจ "ข้างหน้ามีการซุ่มโจมตี!""หา?!"สวีเซี่ยงเฉียนและคนอื่น ๆ ตกใจมาก รีบมองไปข้างหน้าเห็นเพียงตรงทางเลี้ยวข้างหน้าเป็นเนินดิน บนเนินดินเต็มไปด้วยพุ่มไม้ เหมาะแก่การซ่อนตัวตงฟางไป๋หยิบธนูขึ้นมายิงไปทางนั้นสองดอก!"อ๊าก!!"เสียงร้องโหยหวนดังขึ้น ร่างหนึ่งกลิ้งลงมาจากเนินดิน!เมื่อเห็นดังนั้น สวีเซี่ยงเฉียนและคนอื่น ๆ ก็ตกตะลึง!บนเนินดินนั้นมีคนจริง ๆ !!"บัดซบ โดนจับได้แล้ว รีบยิงธนูเร็วเข้า!"สิ้นเสียงผรุสวาท เสียงสายธนูจำนวนมากก็ดังขึ้นฉับพลัน ตามด้วยเสียงแหวกอากาศดังมามิขาดสาย!เมื่อสังเกตให้ดี ลูกธนูจำนวนนับมิถ้วนกำลังพุ่งออกมาจากเชิงเขา!ลูกธนูโปรยปรายลงมาราวกับห่าฝน!ตงฟางไป๋ตะโกนเสียงดัง "เกราะหวาย ป้องกัน!"เมื่อสิ้นเสียง ทุกคนก็หยุดฝีเท้า ยกเกราะหวายในมือขึ้นเหนือศีรษะพรึ่บพรั่บ ป้องกันรถม้าที่ฉินซูอยู่ไว้อย่างแน่นหนา'ฉึก ฉึก ฉึก...'ในพริบตา เกราะหวา

  • องค์รัชทายาทแห่งต้าเหยียน   บทที่ 526

    เมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าของซ่างกวนอวิ๋นซีก็มืดมนลงทันใด!นางเพียงแค่นเสียงเย็นชา กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ "หึ มันเป็นใครกัน หากกล้าพูดถึงเรื่องนี้ ข้ายินดีจะสังหารมันให้สิ้นเสีย!"มู่หรงเซี่ยวเทียนรีบโบกมือ พยายามโน้มน้าวอย่างขันแข็ง "ท่านเซียนซ่างกวนอย่าเพิ่งใจร้อน บิดาของหยวนหัวคืออ๋องเซียงหยางแห่งแคว้นใหญ่ มีอำนาจและอิทธิพลมาก อีกทั้งยังมีวรยุทธ์สูง แคว้นเล็ก ๆ อย่างพวกเรามิอาจแข็งขืนต่อพวกเขาได้!""พูดเช่นนี้ แสดงว่าท่านทรงต้องการให้ข้าแต่งงานด้วยหรือ?""ท่านเซียนซ่างกวน อิทธิพลของแคว้นใหญ่นั้นมิอาจมองข้ามได้ หากท่านแต่งงานย่อมเป็นผลดีมากกว่าผลเสีย ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อได้รับการสนับสนุนจากแคว้นใหญ่ การบ่มเพาะตนของท่านจะต้องก้าวหน้าไปอีกขั้น สถานะของเป่ยเยี่ยนของพวกเราจะสูงขึ้นตามอย่างแน่นอน""หึ องค์รัชทายาทช่างวางแผนเก่งเหลือเกิน พูดไปพูดมาก็เพื่อเป่ยเยี่ยนของท่านเอง!"มู่หรงเซี่ยวเทียนยิ้มประจบ "ข้าในฐานะจักรพรรดิแห่งเป่ยเยี่ยน ย่อมคิดถึงบ้านเมืองอยู่เสมอ อีกทั้งเรื่องนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีประโยชน์แก่ตัวท่าน ข้าหวังว่าเมื่อหยวนหัวพูดถึงเรื่องแต่งงาน ท่านจะพยักหน้าตกลง""ข้าไ

Scan code to read on App
DMCA.com Protection Status