แชร์

2/1 สวมรอย

ผู้เขียน: แอปเปิลโซดา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-12-18 15:50:52

เรื่องที่องค์หญิงเป็นฉู่ซีเย่นั้นไม่ใช่เรื่องที่สำคัญนัก เพราะตอนนี้อยู่ในระหว่างการถูกลักพาตัว โจรชุดดำควบรถม้าหนี ก่อนจะพุ่งลงเหวทิ้งตัวไปยังพื้นเนินเตี้ยๆ เหยาอี้เหยาเกาะพื้นแน่น แต่สุดท้ายก็กระแทกกับผนังจนมึนงงไปชั่วขณะ กระทั่งรถม้าหยุดลง นางถึงตั้งตัวได้

สถานการณ์คับขัน เหยาอี้เหยาลุกขึ้นมาเห็นแสงสว่างวาบที่ท้องฟ้า คนร้ายพุ่งมาเปิดประตู

"ซื่อจื่อ! เป็นท่านได้อย่างไร!” เพียงเห็นหน้าฉู่ซีเย่ คนร้ายก็พลันหน้าซีด ด้วยคิดจะมาปล้นรถม้าองค์หญิงจากเมืองหลวง

ไม่ใช่ฉู่ซื่อจื่อ!

“เคราะห์ร้ายของเจ้าแล้ว” ฉู่ซีเย่ยิ้มนิดๆ มีดสั้นพุ่งออกไปปักใส่หลังคนร้ายที่วิ่งหนี ล้มหงายกลิ้งตกเขาไปในที่สุด ส่วนอีกสองคนรับใช้วิชาซ่อนเงาหนีไป

เหยาอี้เหยาหยัดตัวลุกขึ้นจากพื้น ตอนนี้มั่นใจมากว่าเขาคือฉู่ซีเย่!

“คุณหนูเหยา ดูเหมือนข้าจะไม่ต้องเสียเวลาแนะนำตัวแล้ว เจ้ารู้ว่าข้าเป็นใครใช่หรือไม่”

“ซื่อจื่อ ท่านคือฉู่ซีเย่” เหยาอี้เหยามองเขาแวบเดียว ฉู่ซีเย่ไม่เหมือนผู้อื่นที่นางเคยพบเจอ เขาไม่ได้ดูน่ากลัว แต่เป็นคนที่ทำให้รู้สึกต้องเจียมตัว บนร่างของเขามีกลิ่นอายและความน่ายำเกรงที่ยากจะล่วงเกิน นางจึงไม่กล้าพูดหรือทำอะไร ทั้งๆ ที่สงสัยว่าเหตุใด ฉู่ซื่อจื่อจึงมาปลอมตัวเป็นองค์หญิง แต่จะเรียกว่าปลอมตัวก็ไม่ถูกนัก

เนื่องจากฉู่ซีเย่ไม่เคยแต่งกายราวกับสตรี เมื่อออกจากเมืองหลวงสู่เส้นทางสายใหม่ ซึ่งน่าจะเป็นตอนที่ฉู่ซีเย่เริ่มมาสวมรอยเป็นองค์หญิง เพราะก่อนหน้านี้องค์หญิงแต่งกายงดงามประณีต

แต่หลังจากนั้นก็สวมแต่ชุดบุรุษ กระนั้นไม่มีใครสงสัยหรือซักถาม ด้วยรู้กันดีว่าระยะทางขึ้นเหนือยาวไกลและลำบาก การแต่งกายทะมัดทะแมงหน่อย ย่อมสะดวกกว่า

“ดี ไม่ต้องเสียเวลาอธิบาย”

“อ๊ะ...”

ขณะนั้นเพลารถม้าหัก เหยาอี้เหยาไม่ทันตั้งตัว นางกลิ้งมาหยุดตรงเท้าฉู่ซีเย่ หน้าผากชนกับหัวเข่าของเขา

“ขออภัยเจ้าค่ะซื่อจื่อ ข้าน้อยไม่ได้ตั้งใจ ท่านเจ็บหรือไม่” นางรีบถอยห่าง เว้นระยะเอาไว้ แต่นางรีบร้อนไปหน่อยเลยเผลอทำตะเกียงล้ม ดีที่ฉู่ซีเย่หงายทันก่อนไฟจะติดพื้นรถม้า

“ซุ่มซ่าม” สุ่มเสี่ยงเขาไม่พอใจอยู่บ้าง

“ข้าน้อยผิดไปแล้วเจ้าค่ะ”

“ลงไป!”

“เจ้าค่ะ” เหยาอี้เหยาลงจากรถม้า พร้อมทั้งรีบคุกเข่ากลางพื้นเย็นเฉียบ ด้านนอกช่างหนาวเย็น “ซื่อจื่อ ข้าน้อยผิดไปแล้ว ได้โปรดให้อภัยข้าน้อยเถอะเจ้าค่ะ”

ประตูรถม้าเปิด ฉู่ซีเย่ก้าวออกลงมายืนบนพื้น เรือนกายสูงชะลูดราวกับต้นสนอันสง่างาม เขาในวัยสิบห้าปีมีเครื่องหน้าคม รับกันดีกับจมูกและริมฝีปากสีอ่อน

“มือเท้างุ่มง่าม คนเช่นนี้รึ ท่านหญิงแห่งต้าหย่ง เห็นทีฝ่าบาททรงตาบอด ไม่ก็อาจจะกินยาผิดสำแดงจนเพี้ยนถึงได้ส่งเจ้ามาเป็นราชทูต”

“ข้าน้อยจะปรับปรุงตัวเจ้าค่ะ” เหยาอี้เหยาไร้คำแก้ตัว นางไม่กล้าลุกขึ้นจึงคุกเข่าดังเดิม แต่หิมะเริ่มกัดจนนางเจ็บ

“ดีที่รู้ว่าต้องปรับปรุง” ฉู่ซีเย่หยิบเตาอุ่นมาถือไว้ในมือ เขาไม่ได้หนาว แค่อยากจะให้คนที่คุกเข่าจนตัวสั่น รู้สึกหนาวมากขึ้นกว่าเดิม

“เจ้าค่ะ ข้าน้อยจะเรียนรู้และปรับตัวตัว ครั้งหน้าจะไม่งุ่มง่ามอีกแล้ว ซื่อจื่อ ข้าน้อยเริ่มรู้สึกหนาวแล้ว อีกทั้งคนร้ายอาจจะตามมาอีก พวกเรารีบหนีกันเถอะนะเจ้าคะ” นางสังเกตว่าตอนนี้ตนเองอยู่กับฉู่ซีเย่โดยลำพัง รอบข้างไร้ผู้ใด แต่คนร้ายอาจตามมาทีหลังก็ได้ ตอนนี้ควรหนีก่อนมิใช่หรือ

ฉู่ซีเย่มองนาง “พวกเรารึ?”

“ท่านและข้า เป็นพวกเรามิใช่หรือเจ้าคะ”

“ข้าคือข้า ไม่มีข้าและเจ้า”

“ท่าน...ท่านจะทิ้งข้าหรือ”

“ข้าเคยพูดหรือว่าจะเก็บเจ้ากลับไป”

“ข้าน้อยไม่รู้ทาง อยากจะขอความเมตตาซื่อจื่อให้ข้าติดตามกลับไป”

“เจ้ามันตัวภาระ”

“ซื่อจื่อ…” เหยาอี้เหยาตัวแข็งทื่อ เมื่อมีลมปราณสายหนึ่งจากปลายนิ้วของฉู่ซีเย่พุ่งมาที่ตัวนาง ความเจ็บแปลบครู่หนึ่งกระจาย ก่อนที่นางจะขยับตัวไม่ได้แล้วล้มหงายลงกลางหิมะ นางขยับได้แค่ปาก หายใจ และกะพริบตา

“ท่าน…ท่านทำอะไรข้า” เหยาอี้เหยาหวาดกลัวจับจิต มองฉู่ซีเย่ย่ำหิมะหาม้าของตนที่วิ่งมาหา

“ไม่ต้องกังวล แค่สกัดจุดเล็กน้อย หนึ่งถ้วยชาเจ้าก็จะกลับมาเป็นปกติ”

“ซื่อจื่อ ข้าน้อยกลัว คลายจุดให้ข้าเถิด ข้ากลัวจริงๆ” เหยาอี้เหยาได้ยินเสียงหมาป่า และเสียงคนที่กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้

“คุณหนูเหยา เจ้าจำเรื่องเมื่อสามปีก่อนได้หรือไม่” สีหน้าฉู่ซีเย่เรียบเฉย มือลูบขนม้า “ปีนั้นเจ้าเสียท่านตาไปใช่หรือไม่ ข้าเอง ก็เสียท่านอาไป”

เหยาอี้เหยาเข้าใจแล้ว ฉู่ซีเย่ดูท่าจะแค้นนาง

“ซื่อจื่อ หากเป็นเพราะเรื่องในอดีตทำให้ท่านเคียดแค้น เช่นนั้นอย่าพึ่งด่วนตัดสินใจ ข้ามาที่นี้เพื่อมาขออภัยต่อสกุลของท่าน หากข้า…”

“ขออภัยด้วยคำพูด เกรงว่าคงไม่มีความหมาย ทางที่ดี ขออภัยด้วยการกระทำมิดีกว่ารึ” ฉู่ซีเย่ขึ้นม้า “คุณหนูเหยา อย่าเข้าใจข้าผิด เจตนาของข้าไม่ใช่การทำร้ายเจ้า แต่เป็นเพราะเจ้าคือทางเลือกเดียว”

“ข้าไม่เข้าใจ ซื่อจื่อ อย่าทิ้งข้าเลย เมตตาข้าเถอะ” เหยาอี้เหยาร้องไห้ มองเขาที่นั่งบนหลังม้าอย่างองอาจ เขาเหมือนพร้อมที่จะหันหลังจากไปทันที

ฉู่ซีเย่กำบังเหียน มีคนรู้ความลับเรื่ององค์หญิง เขาเลยต้องรีบตามไปฆ่าคนพวกนั้น ดังนั้นจะหิ้วนางไปเป็นภาระไม่ได้

“ซื่อจื่อ ท่านจะทิ้งข้าไว้ที่นี่ไม่ได้นะ”

“ข้าต้องทิ้งเจ้าแล้วไปฆ่าพวกมัน เพราะหากมีข่าวว่าองค์หญิงหายไปไม่รู้อยู่หรือตาย กงจิ้งต้องรับผิดชอบด้วยศีรษะ อีกทั้งความหวังที่จะเจริญสัมพันธไมตรี เป็นเรื่องฝันกลางวันเท่านั้น” ทางราชสำนักต้องคิดว่าชาวแดนเหนือลักพาตัวองค์หญิงเพื่อล้างแค้นเรื่องเมื่อสามปีก่อนแน่

เหยาอี้เหยาเข้าใจในสิ่งที่ฉู่ซีเย่พูด นางเข้าใจความร้ายแรงของการหายตัวไปขององค์หญิงที่จะกระทบต่อชาวรัฐหลู่ นางเชื่อว่ากงจิ้งเองก็รู้เรื่องนี้ดี เพราะเขาชอบหายตัวไปตอนเย็นถึงค่ำ อาจเพื่อตามหาองค์หญิง โดยที่ไม่อาจจะบอกใครและต้องเก็บงำไว้ เพราะเรื่องนี้กระทบกระเทือนความสัมพันธ์ระดับแผ่นดิน

เสียงคนเข้ามาใกล้แล้ว พลุเมื่อครู่คือการส่งสัญญาณว่าได้ตัวองค์หญิงแล้วเป็นแน่ นี่ก็คืออีกเหตุผลที่ฉู่ซีเย่ต้องทิ้งนางไว้

“หากข้าจัดการพวกมันได้เร็ว ข้าจะกลับมา แต่หากไม่ทัน คงต้องรบกวนเจ้าสวมรอยเป็นองค์หญิงไปก่อน”

เขารวบบังเหียน กระทุ้งท้องม้าให้ไป

“…เพราะเช่นนี้ท่านจึงซื้อชุดใหม่ให้ข้าหรือ ข้านึกว่าจะมีคนโปรดปรานข้าบ้างแล้วเสียอีก ที่แท้ก็ไม่ใช่หรือ”

ฉู่ซีเย่ได้ยิน แต่ไม่ตอบ จำเป็นต้องรีบไปสังหารคนร้ายที่รู้ว่าองค์หญิงเป็นตัวปลอม แรงควบขี่ที่พุ่งทะยานขึ้นเนินพร้อมวิ่งไปบนพื้นหิมะทำให้กำไลถักที่เหยาอี้เหยาเคยถักให้หลุดออก ตกลงไปในแม่น้ำที่เย็นยะเยือก

สองมือฉู่ซีเย่รั้งบังเหียนม้าสุดแรงเกิด บังคับให้ม้ากลับไปยังแม่น้ำที่ไหลผ่านเนิน ย่ำเท้าลงไปในน้ำ ใช้มือคว้านหา ทว่าเขาไม่เห็นกำไลแล้ว

มันหายไปแล้ว…

"บัดซบ!"

กงจิ้งพร้อมซ่างเจวี๋ยมาถึงจุดที่พลุส่งสัญญาณ รถม้าพังๆ อยู่อย่างหมิ่นเหม่บนเนินหิมะ ทั้งนอกและในไม่มีใคร เขาจึงให้กำลังคนออกค้นหาในระยะใกล้เคียง

หิมะโปรยปรายยามค่ำคืน ความหนาวเย็นเสียดแทงเข้ามาในปอด กงจิ้งเห็นรอยเท้ามากมายเลือนราง ติดตามไปก็ไม่พบเบาะแส แต่คาดว่าเหยาอี้เหยาถูกคนร้ายจับไปแล้วเป็นแน่ ส่วนฉู่ซีเย่ เขามั่นใจว่าโจรคงไม่สิ้นคิดขนาดที่จะจับฉู่ซีเย่

นอกจากอยากจะรนหาที่ตายแล้วจริงๆ

“แม่ทัพกง ทางนี้!” ซ่างเจวี๋ยเรียก ในมือหยิบรองเท้าที่เล็กกะทัดรัดไว้คู่หนึ่ง “ของอี้เหยา นางกับองค์หญิงต้องถูกจับตัวไปแล้วเป็นแน่”

กงจิ้งพยักหน้า เขาเก็บงำความจริงทั้งๆ ที่รู้ว่าองค์หญิงตัวจริงหายตัวไปนานแล้ว ที่อยู่ในรถม้ามาตลอดคือฉู่ซีเย่ และตอนนี้เขาก็ไม่รู้ว่าฉู่ซีเย่ไปไหน เขาทิ้งเหยาอี้เหยาแล้วเอาคัวรอดคนเดียวหรือเปล่า

“แม่ทัพกง เราควรขอกำลังเสริมจากทางการดีหรือไม่ เอาให้พวกมันต้องเสียใจที่อาจหาญมาลักพาตัวองค์หญิงกับอี้เหยา”

ในเวลาปกติ กงจิ้งก็คงทำเช่นนั้น แต่ตอนนี้ไม่ได้ ขอความช่วยเหลือจากทางการไม่ได้

“หากทำเช่นนั้น ข้าเกรงว่าพวกมันจะโมโหแล้วอาจพลั้งมือทำร้ายองค์หญิงกับอี้เหยา ข้าว่าทางที่ดีเรารออีกหน่อยดีกว่า แม่ทัพเหมาบอกว่าโจรพวกนี้ต้องการเรียกค่าไถ่ เราน่าจะพอจัดการได้”

กงจิ้งควบม้ากลับไป มุ่งหน้าไปยังจวนสกุลฉู่

ฉู่ซีเย่กลับมาถึงจวนในครึ่งชั่วยามด้วยเลือดทั้งร่าง จินเฟยให้สาวใช้เตรียมน้ำอุ่นให้พร้อม ระหว่างชำระร่างกายผลัดเปลี่ยนชุด จินเฟยเรียนว่าแม่ทัพกงมาขอพบ ตอนนี้คอยอยู่ที่ลาน

“บอกให้เขากลับไป พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”

ท้องฟ้าใกล้สางแล้ว ฉู่ซีเย่เขียนจดหมายหนึ่งฉบับ จินเฟยกลับมาอีกรอบ เรียนว่ากงจิ้งยังคอยอยู่ที่เดิม

“ให้เขาเข้ามา” กงจิ้งในชุดเปื้อนเลือดเปื้อนฝุ่นเข้ามาในห้องอันอบอุ่น เขาคารวะตามพิธีก่อนจะยืดตัวขึ้นเมื่อฉู่ซีเย่อนุญาต

“ท่านทิ้งอี้เหยาได้อย่างไร”

“ข้อแรก เพราะเราไม่มีตัวองค์หญิง ข้อสองเพราะข้าต้องสละเวลาไปฆ่าคนที่รู้ว่าเราไม่มีองค์หญิงในรถม้า ข้อสาม เพราะข้าให้ใครรู้ไม่ได้ว่าที่ผ่านมาองค์หญิงหายไป"

“มิจริง ท่านคิดไว้แล้ว ท่านรู้ว่าผ่านทางนั้นจะเกิดอะไรขึ้น” กงจิ้งกำมือแน่น ลมหายใจหนักอึ้ง “ท่านซื้อชุดให้อี้เหยา ในใจคิดจะให้นางสวมรอยเป็นองค์หญิงตั้งแต่แรก ทั้งๆ ที่ท่านก็รู้ว่าอี้เหยาจะต้องเจออะไรหากถูกจับตัวไป”

“แน่นอนว่าข้ารู้ แล้วท่านรู้รึไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้าทางวังหลวงทราบว่าองค์หญิงหายไป ท่านพร้อมรับผิดชอบรึ ถ้าเช่นนั้น ท่านคงไม่มาหาข้ากระมัง…”

กงจิ้งกำมือแน่นกว่าเดิม “องค์หญิงเพียงขอเวลาเที่ยวเล่นสักหน่อย อีกไม่กี่วันพระองค์กลับมาแน่”

“นางไม่กลับมาแล้ว นางรู้ว่าถ้ากลับมา นางจะต้องแต่งงานกับข้า” ฉู่ซีเย่หยิบจดหมายให้กงจิ้ง คณะทูตซึ่งเดินทางขึ้นเหนือมาคราวนี้ก็เพื่อเจริญสัมพันธไมตรี แล้วจะมีสิ่งใดที่สามารถกระชับความสัมพันธ์ได้อย่างดีเยี่ยมเท่าการแต่งงานอีก

“หย่งเยี่ยนตั้งครรภ์กับบัณฑิตฐานะปานกลาง นางเขียนจดหมายมาขอร้องให้ข้าเข้าใจ”

ฉู่ซีเย่ไม่เดือดร้อนเลย หากนางจะปฏิเสธงานแต่ง แต่นางต้องไม่เห็นแก่ตัวเช่นนี้ นางไม่รู้หรือว่าการที่นางหายตัวไปตั้งครรภ์กับสามัญชน ระหว่างเส้นทางสานสัมพันธ์ของสองดินแดนที่กำลังร้าวฉาน เป็นเรื่องร้ายแรงเพียงใด

แล้วนี่นางยังไม่สำนึก ยังส่งจดหมายมาบอกว่าให้ฉู่ซีเย่ทำเหมือนนางตายไปแล้ว

นางตายเป็นหมื่นครั้งเขาไม่สน แต่ต้องไม่ตายในระหว่างนี้!

“ข้าได้ที่อยู่องค์หญิงมาแล้ว เจ้าไปเชิญนางกลับมา ก่อนสัปดาห์หน้า"

“อี้เหยาเล่า ส่งคนไปช่วยนางเถิด” ด้วยสรรพกำลังของฉู่ซีเย่ เขารู้แน่ว่าคนร้ายพาเหยาอี้เหยาไปไว้ที่ไหน

“ไม่ได้ ตราบใดที่องค์หญิงตัวจริงไม่อยู่” ฉู่ซีเย่ตอบเรียบๆ “ไท่จื่อจะเดินทางมาที่นี่ในสัปดาห์หน้า เราจะให้ไท่จื่อรู้ไม่ได้ว่าคนที่ถูกจับไป ไม่ใช่องค์หญิง ถึงตอนนั้นจะโป้ปดไปว่าโจรเข้าใจผิดว่าเหยาอี้เหยาเป็นองค์หญิงก็ได้ แต่จะอธิบายอย่างไรว่าองค์หญิงไปไหน ท่านจะอธิบายกับซ่างเจวี๋ยและลู่หมิงอย่างไร ในเมื่อเขาทั้งสองคิดมาตลอดว่าองค์หญิงอยู่ในรถม้าและถูกจับไปแล้ว ไท่จื่อไม่ใช่คนเขลา ทรงรู้แน่ว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำ”

ราชวงศ์หน้าบางไม่มีทางยอมรับแน่ว่าองค์หญิงหย่งเยี่ยนสมัครใจหนีไปเอง แต่ต้องกระพือข่าวลือให้ร้ายทางแดนเหนือ ทำนองว่าระหว่างทางชาวแดนเหนือลอบสังหารองค์หญิงเพื่อล้างแค้นเรื่องในอดีตที่ชาวเมืองต้องสูญเสียเจ้าเมืองโจวอี้ แล้วสร้างข่าวลือเท็จว่านางหนีไป ฉู่ซีเย่จึงต้องพาตัวองค์หญิงมายืนยันให้ได้ด้วยปากของนางเอง

ระหว่างนั้นต้องทำให้ไม่มีใครรู้ความจริง...

“ข้าจะช่วยคุณหนูเหยาทันที เมื่อองค์หญิงกลับมาฉีกสัญญาแต่งงานด้วยตนเอง”

ฉู่ซีเย่จะไม่ยอมให้เกียรติของสกุลและแดนเหนือต้องด่างพร้อย แม้ต้องแลกด้วยชีวิตของเด็กคนนั้น…

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   2/2 สวมรอย

    ฉู่ซีเย่คล้ายคิดคำนวณไว้อย่างดี ไม่ให้จุดคลายก่อนโจรจะมาเหยาอี้เหยาหลับตาแสร้งว่าหมดสติไปแล้ว ปล่อยให้คนมัดมือนางแล้วโยนใส่รถม้า พวกโจรดูเบิกบานใจเมื่อคิดว่าสามารถจับตัวองค์หญิงแห่งต้าหย่งได้ โดยไม่รู้เลยว่านางคือตัวปลอมเท่านั้นเส้นทางที่ไม่คุ้นเคยและขรุขระทำนางเนื้อเขียว เหยาอี้เหยาไม่ส่งเสียงจนนางถูกหิ้วไปทิ้งไว้ในห้องขัง เครื่องประดับนางถูกริบไปหมด แม้แต่ปิ่นเงินของท่านแม่ห้องขังเย็นชื้นนัก เหยาอี้เหยานอนบนพื้นโคลนเหม็นฉุน นางลืมตาเมื่อเสียงคนย่ำเท้าเดินห่างออกไปแล้วเวลานั้นฟ้าสาง ความสว่างเผยให้เห็นห้องสี่เหลี่ยม ซึ่งมีคนอยู่ด้วย เป็นหญิงสาวจากเมืองชงและเมืองอื่นๆ ที่ถูกจับมาเช่นกันพวกนางดูหวาดกลัวและหิวโหย เกาะกลุ่มกันอยู่ที่มุมห้อง พร้อมจ้องมองชุดของเหยาอี้เหยาด้วยอาการสั่นเทา“หนาวรึ”พวกนางพยักหน้า ผ้าบนตัวไม่สามารถที่จะเรียกได้ว่าชุด เหยาอี้เหยาจึงถอดเสื้อคลุมซึ่งฉู่ซื่อจื่อเป็นคนซื้อให้ แบ่งให้กับพวกนาง รวมทั้งยังยินดีที่จะถอดเสื้อตัวนอกอีกชั้นให้พวกนางสวม ตอนนี้นางจึงเหลือเพียงชั้นในและเสื้อนอกอีกชั้นที่ไม่ค่อยกันหนาวนัก“อันนี้ให้เจ้า” เสื่อผุพังชิ้นหนึ่งถูกหยิบยื่นมา

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   2/3 สวมรอย

    ห้องขังสำหรับเหยาอี้เหยาเป็นเรือนหลังหนึ่งที่ปิดตาย นางได้รับเสื้อผ้าชาวเผ่าที่กันหนาวได้ดีและอาหารหนึ่งสำรับรสชาติของอาหารสมกับการเป็นอาหารแห้ง เนื้อวัวเหนียวจนกัดไม่ขาด ทั้งยังเหม็นหืนจนกินไม่ลง หญิงรับใช้นอกด้านนามว่าอามู่ จึงไปแอบตุ๋นน้ำแกงมาให้นางหนึ่งชามน้ำแกงอุ่นๆ รสชาติกลมกล่อมทำให้เหยาอี้เหยาพอจะคลายความตื่นกลัวและอบอุ่นขึ้นมาบ้างอามู่แม้จะพูดภาษาฮั่นไม่ได้ แต่นางดูแลเหยาอี้เหยาอย่างดี เห็นนางเครียดก็จุดกำยานกลิ่นหอม ทั้งยังเฝ้าอยู่ไม่ห่างพร้อมฮัมเพลงกล่อมเด็ก ความจริงใจของอามู่ทำให้นางผ่อนคลายและหลับไปได้บ้างทว่ากลางคืนเหยาอี้เหยาฝันร้าย นางเห็นภาพคนตายรายล้อม นางจึงวิ่ง ด้านหลังได้ยินเสียงอึกทึก ครั้นหันกลับไปมองก็เห็นจี๋เฉวียนที่ใบหน้าบิดเบี้ยวกำลังไล่หลังมา นางตกใจจนสะดุดล้ม มีดเล่มยาวที่จี๋เฉวียนยกขึ้นฟาดลงมาบนตัว แล้วนางก็ตื่นขึ้นบนเตียง“ไม่นะ!”เหยาอี้เหยารู้ตัวว่าเมื่อครู่เป็นแค่ฝันร้าย แต่นางกลัว หัวใจเต้นแรงและเหงื่อผุดพราวเต็มใบหน้า ยิ่งปิ่นของท่านแม่ไม่อยู่กับนาง นางก็ไม่รู้จะสงบใจได้อย่างไร“อามู่!” เหยาอี้เหยาร้องคำเดียว อามู่ที่นอนอยู่ด้านนอกรีบผลักประตูเป

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   3/1 เข้าหา

    “ท่านแน่ใจหรือ องค์หญิงทรงสิ้นพระชนม์แล้ว” สีหน้าท่าทางของจี๋เฉวียนบ่งบอกว่าเขาแน่ใจ องค์หญิงเจ็ดทรงสิ้นพระชนม์ที่เมืองจิงหลิง ส่วนสาเหตุยังไม่เป็นที่เปิดเผย“สถานการณ์เป็นอย่างไรบ้าง” ต้องเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้นเป็นแน่“ไท่จื่อแห่งต้าหย่งกำลังมา ชาวเมืองข้างเคียงส่งข่าวขบวนรถม้ามาหลายวันแล้ว ธงที่โบกสะบัดเป็นขององค์รัชทายาทไม่ผิดแน่”“ฉู่อ๋องมีท่าทีอย่างไรบ้าง จะยกทัพกลับมาหรือไม่” รัฐหลู่มีกองทัพเป็นของตนเองเพื่อปกป้องเมือง ทว่าเพื่อกันเสียงคนครหากบฏจึงตั้งทัพอยู่รอบชายแดน ไม่ยกเข้ามาในเมือง“ฉู่อ๋องไม่กลับจากแนวหน้า ทว่ามีการรายงานความเคลื่อนไหวของทัพเหนือของคุณชายฉู่” การเคลื่อนกำลังพลของกองทัพแห่งรัฐหลู่อึมครึม แนวคุ้มกันทอดยาวรักษาการณ์จรดแนวหน้าของด่านนอกเมือง“จะเกิดสงครามหรือ” การสิ้นพระชนม์ขององค์หญิงที่เมืองจิงหลิงมีน้ำหนักมากพอให้เกิดสงคราม ราชวงศ์ต้าหย่งย่อมต้องการคำตอบจากแดนเหนือว่าเหตุใดองค์หญิงถึงสิ้นพระชนม์ คิดแล้วเรื่องนี้ก็พลอยให้เหยาอี้เหยาคิดถึงเรื่องเมื่อสามปีก่อน ตอนนั้นราชวงศ์ต้องหาคำตอบให้ชาวเมืองโจวอี้ที่ต้องเสียเจ้าเมืองไป แต่หาคำอธิบายอันใดไม่ได้ ชดใช้อย่างไร

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   3/2 เข้าหา

    วันนี้อากาศหนาวแต่ไร้หิมะโปรยปรายฉู่ซีเย่ผู้คุ้นชินกับอากาศเป็นอย่างดีจึงไม่ได้สวมใส่อาภรณ์กันหนาว สวมเพียงเสื้อตัวนอกสีครามลายเมฆา เกลาผมด้วยปิ่นหยกร่างสูงแม้ยังอยู่ในวัยเยาว์กลับให้กลิ่นอายองอาจเหนือสามัญ นัยน์ตาคมที่หลุบลงดูสงบท่ามกลางหุบเขาที่กิ่งก้านโรยราในยามจำศีล ฉู่ซีเย่คล้ายหลับใหลไปในห้วงเวลาเหล่านั้นกระทั่งการมาถึงของชายผู้หนึ่ง ดาบคมวาวแหวกผ่านอากาศคล้ายอยากทักทาย ฉู่ซีเย่ขยับตัวอย่างเกียจคร้าน กระบวนท่าเข้มแข็งแต่ไร้จิตสังหาร เขาพลิกกายหลบพร้อมลืมตาขึ้นมาเอ่ยปาก“ท่านจงใจลอบสังหารข้าหรือ?”“มิกล้าๆ ข้าไหนเลยจะกล้าทำเรื่องเช่นนั้นกัน” ‘ฉู่ซีห่าว’ แย้มยิ้ม เสือกส่งดาบราวกับอยากทักทายลูกพี่ลูกน้องคนสนิทอย่างแนบชิด แล้วหยุดมือเมื่อเล่นพอประมาณแล้ว “ฝีมือเจ้าก้าวหน้าขึ้นมาก กลับไปข้าจะไปเรียนท่านปู่ แต่ยังไงเจ้าก็ยังเตี้ยกว่าข้าอยู่ดี”“ท่านปู่สบายดีหรือไม่” ฉู่ซีเย่ยืนใกล้ผาศิลา เวลานี้เขาสูงน้อยกว่าฉู่ซีห่าวหนึ่งช่วงศีรษะ รูปร่างแบบบางกว่าสักหน่อยเมื่อเทียบกับแม่ทัพหนุ่มซึ่งบึกบึนสมชายชาตรี“มีข้าอยู่ ท่านปู่ย่อมสบายที่สุด เจ้าวางใจเถิดอิ่นจื่อ ข้าไม่มีทางปล่อยให้ท่านปู่

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   3/3 เข้าหา

    เหยาอี้เหยาพยายามรักษาสีหน้าสงบเอาไว้เมื่อกงจิ้งกับจางลี่กลับมาแล้ว“ฉู่ซื่อจื่อพูดอันใดกับเจ้าบ้าง”“เขาอนุญาตให้ข้าอยู่ที่จวนได้ ทั้งยังกล่าวยินดีต้อนรับ”“ง่ายเช่นนี้เลย” คนอย่างฉู่ซีเย่ ใช่ว่าใครก็สั่งได้“ก็ไม่ง่ายนัก เขาคงมีแผนรับมือแล้วเป็นแน่” ไม่มีทางที่ฉู่ซีเย่จะไม่รู้ว่านางคือสายของไท่จื่อ สายตาของเขาบอกนางว่าเขารู้ดี แต่เกียจคร้านที่จะปฏิเสธจึงเล่นตามบทไปเท่านั้น“ฉู่ซื่อจื่อสติปัญญาเหนือสามัญ เขาย่อมรู้แน่อยู่แล้ว”“แล้วแผนนี้จะได้ผลหรือ ข้าว่า…” เหยาอี้เหยากำลังจะเสนอแผนการอื่นที่นางไม่ต้องเสี่ยงตาย แต่เวลานั้นเอง เสียงม้าด้านนอกจวนพลันดังขึ้น นางฟังจากเสียงบดของล้อกับพื้นหินแล้ว ไม่ได้มาคันเดียวเสียด้วยจวนสกุลฉู่ ไม่ใช่สถานที่ซึ่งคนทั่วไปจะแวะเวียนมาเมื่อไหร่ก็ย่อมได้ แต่เป็นสถานที่และอาณาเขตปกครองส่วนบุคคล แล้วต้องเป็นผู้ใด ถึงได้มาเยือนในเวลาเช่นนี้“ใครมากัน”เหยาอี้เหยาปีนขึ้นโต๊ะเพื่อดูขอบกำแพง เรือนหลังนี้อยู่ห่างจากกำแพงไม่มาก จึงพอมองเห็นความเป็นไปด้านนอกกำแพง นางยืดตัวขึ้นเห็นหลังคารถม้าที่คุ้นตาตั้งแต่เมื่อสามปีก่อน “รถม้าของเจ้าเมืองฉู่มาอยู่ที่นี้ได้ยังไง”

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   4/1 ข้าจะควักเครื่องในเจ้า

    ฉู่ซีเย่ยิ้ม พูดจาเสแสร้งกันไปหลายสิบตลบ ในที่สุดหย่งสวินก็พูดในสิ่งที่ต้องการออกมาแล้ว ทุกอย่างเป็นเหมือนที่เขาคาดการณ์เอาไว้ตั้งแต่ต้น หย่งสวินต้องการครอบครองเมืองโจวอี้ผ่านทางฉู่กวงเยี่ยน หลังจากแผนส่งองค์หญิงเจ็ดมาเป็นทองแผ่นเดียวกันล่ม“ไท่จื่อทรงคิดรอบคอบ ขนาดเรื่องของเมืองโจวอี้ของเรา ท่านก็คิดไว้แล้วว่าต้องจัดการอย่างไร เป็นข้าเสียอีก ที่นึกไม่ถึงเรื่องนี้”หย่งสวินฟังออกว่ากำลังถูกแดกดัน แต่เขายังยิ้มแย้ม “เจ้าอาจฟังแล้วรู้สึกว่าข้าก้าวก่ายมากไป แต่ฉู่ซื่อจื่อ บ้านเมืองไร้ผู้ปกครองยากจะเจริญก้าวหน้าอย่างมั่นคง วันหนึ่งวันใดหาถูกพวกนอกด่านไร้อารยะบุกโจมตี ใครเล่าจะปกป้องราษฎร ที่ข้าพูดเมื่อครู่เป็นเพราะหวังดีทั้งนั้น อีกอย่างข้าไม่ได้คิดตั้งตัวเป็นผู้ปกครองเอง แต่ให้คนในสกุลเจ้ามาช่วยเหลือ ทุกอย่างยังเป็นของสกุลฉู่ รอวันหน้าทุกอย่างเรียบร้อย ย่อมส่งคืนตำแหน่งให้ผู้สืบทอดตัวจริง”ฉู่ซีเย่ถาม ใบหน้าแสดงอารมณ์เท่าที่จำเป็น “พูดมาถึงตรงนี้ ในใจท่านคงมีคนที่เหมาะสมแล้วกระมัง”ตั้งแต่จัดการองค์หญิงเจ็ดที่ใช้งานไม่ได้ ไปจนถึงรวมกองทัพมากดดันฉู่ซีเย่ หย่งสวินปลุกระดมปั่นป่วนทุกอย่างเพ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   4/2 ข้าจะควักเครื่องในเจ้า

    “ดื่มซะ ไม่เช่นนั้นข้าจะควักเครื่องในเจ้ามาตุ๋นน้ำแกงกิน”ฉู่ซีเย่พูดอย่างเย็นยะเยือก ไม่มีวี่เเววล้อเล่น“ข้าดื่มแล้วเจ้าค่ะ กินบัดเดี๋ยวนี้” เหยาอี้เหยายกจอกเหล้าขึ้นจรดริมฝีปาก กลิ่นเฉพาะของสุรารสเลิศแทรกผ่านอากาศเข้าสู่จมูก ทว่าในตอนนั้นเอง นางกลับพึ่งนึกขึ้นมาได้ว่ายาพิษที่ไท่จื่อหย่งสวินให้นางกินนั้น ต้องหลีกเลี่ยงสุราช่วงระยะแรก ไม่เช่นนั้นอาการจะกำเริบขึ้นมาได้จนตาย“เหตุใดไม่กิน” ฉู่ซีเย่ถามเสียงเรียบ “หรือเจ้าแอบใส่ยาพิษให้ข้าจริงๆ”เหยาอี้เหยาคุกเข่าโดยพลัน นางสั่นสะท้านทั้งจากความหนาวเย็นและสายตาของฉู่ซีเย่ที่ทิ่มแทงยิ่ง “ไม่มีทางเจ้าค่ะ ข้าน้อยไม่มีความกล้าที่จะทำเช่นนั้นกับท่านแน่นอน เพียงแต่ข้าน้อยไม่เคยดื่มสุรา อีกทั้งสุราของท่านยังเป็นสุราชั้นเลิศ ข้าน้อยเลยไม่กล้าแตะต้อง”ไท่จื่อหย่งสวินให้นางกินยาพิษเพื่อป้องกันนางหลบหนีหรือหักหลังพระองค์ในภายหลัง ยาพิษนั้นเป็นแมลงคุณไสยที่มีชีวิต พระองค์จึงสั่งไว้ว่าในช่วงระยะแรกของการย้ายแมลงเข้ามาในตัวนาง นางต้องหลีกเลี่ยงอาหารบางจำพวกและสุรา ไม่เช่นนั้นยาระงับแมลงคุณไสยจะไม่ได้ผล เนื่องจากตัวแมลงไม่คุ้นชินกับร่างใหม่รอจนพ้นเดือ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18
  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   4/3 ข้าจะควักเครื่องในเจ้า

    เหยาอี้เหยาฟื้นจากพิษไข้ในวันถัดไป ซึ่งเป็นวันกำหนดการเดินทางของฉู่ซีเย่พอดี นางร้อนใจเพราะก่อนหน้านี้ไท่จื่อหย่งสวินบอกนางไว้ว่าให้นางติดตามฉู่ซีเย่ ทำให้เขาโปรดปรานนางให้ได้ แต่ถ้าหากฉู่ซีเย่ลงใต้ไปเมืองหลวง นางก็จะเสียโอกาสในการใกล้ชิดเขานางจึงรีบลุกขึ้นจากเตียงนอนแต่รุ่งสาง แต่งตัวแล้วรีบไปพบเขาแม้จะยังไม่หายดีเรือนของฉู่ซีเย่แยกตัวห่างจากทุกเรือน นางใช้เวลาพักใหญ่กว่าจะเดินถึงเรือนบูรพา แจ้งเจตนากับจินเฟยว่านางต้องการพบฉู่ซีเย่ จินเฟยบอกให้นางรออยู่ด้านนอกก่อน เขาจะไปเรียนนายท่านเหยาอี้เหยารอ นางรู้สึกยังอ่อนล้าอยู่บ้างจึงนั่งลงบนพื้นหิมะ ลานโดยรอบของเรือนฉู่ซีเย่ขาวโพลน ต้นไม้ซึ่งนางเดาไม่ออกว่าคือต้นอะไรยืนไร้ใบอยู่กลางลาน ภายในไม่มีสาวรับใช้ประจำเรือน จะว่าไปนางก็ไม่เคยเห็นสาวรับใช้ของฉู่ซีเย่ หรือเขาไม่มีกันนะ“คุณหนูเหยา ซื่อจื่ออนุญาตให้ท่านเข้าพบได้”“ขอบคุณเจ้าค่ะ”จินเฟยเปิดประตูให้นางเข้าไป เขารอจนนางข้ามธรณีประตูไปแล้วจึงปิดบานประตู ส่วนตนเองเฝ้าอยู่ด้านนอก ขณะนั้นฟ้ายังไม่สว่างดี ทุกอย่างยังขมุกขมัวไม่สดใสเหยาอี้เหยาเดินเข้าไปในเรือนผ่านประตูโค้งพระจันทร์ ทางเดินย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-12-18

บทล่าสุด

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   23/2 ความรักที่สุกงอม

    ฤดูใบไม้ผลิของแดนเหนืออบอุ่นและงดงาม ต้นไม้ที่หลับใหลในฤดูเหมันต์ผลิใบอ่อน แสงแดดลอดเงาผ่านช่องว่างต้นถั่วแดงเข้ามาเป็นลำแสง ต้นถั่วแดงหงฉู่โตวเป็นไม้ยืนต้นที่ใช้เวลาหลับใหลในฤดูหนาวเช่นกัน แต่เพราะมันเติบโตในแดนใต้ที่อากาศอุ่น ก่อนจะถูกขุดล้อมแล้วย้ายขึ้นมาที่เมืองโจวอี้ ต้นถั่วแดงจึงเจริญเติบโตขึ้นมาก เหยาอี้เหยามักจะมารดน้ำต้นถั่วด้วยตนเอง นางจำได้ว่าช่วงสามปีแรก ต้นถั่วโตช้ายิ่ง จนกระถางเล็กๆ ยังโตไม่เต็ม ครั้นลงดินที่อำเภอซานถง เพียงไม่นานก็สูงเอาๆ แต่พอมาคิดดู เหยาอี้เหยาคิดว่าสาเหตุที่ต้นถั่วโตช้าตอนอยู่ในกระถาง เพราะพื้นที่ไม่พอ สารอาหารขาดแคลน พอได้รับแสงแดด สายลม พื้นที่เหมาะสม พริบตาเดียวก็สูงขึ้นจนต้องแหนหน้ามองแล้ว ร่มเงาของกิ่งก้านที่แผ่ขยายออกเป็นพุ่มงาม ใบไม้เสียดสีเบาๆ ราวกับกำลังอวยพรให้นาง เหยาอี้เหยาพนมมือรับพรด้วยน้ำตา แต่คำอวยพรบางอย่างก็ไม่สามารถเกิดขึ้นได้... “อยู่นี่เอง” ฉู่ซีเย่เดินเข้ามาบริเวณสวนดอกไม้ ตรงกลางมีต้นถั่วยืนต้นโดดเด่น ใต้ร่มเงามีหญิงงามในชุดผ้าคลุมตัวยาว ช่วงนี้อากาศเริ่มร้อนแล้ว กระนั้นเหยาอี้เหยาก็ยังสวมชุดฤดูหนาว “ท่านหาข้าอยู่หรือ” เ

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   23/1 ความรักที่สุกงอม

    เดินทางจากอำเภอซานถงถึงแดนเหนือใช้เวลาสองสัปดาห์ เหยาอี้เหยาตกลงใจใช้ชีวิตอยู่กับฉู่ซีเย่ บางวันหวานชื่น บางวันรักร้อนแรง หรือทะเลาะกันบ้าง เพราะนางอยากออกไปทำงานสำรวจสำมโนครัวแบบเมื่อก่อน เพราะอยู่เฉยๆ เบื่อเกินไปฉู่ซีเย่คัดค้านหัวชนฝา เขาไม่อยากให้นางออกไปทำงานข้างนอก กลัวว่าจะมีคนมาชมชอบนาง ก็นางงามขนาดนี้ มีแต่คนตาบอดเท่านั้นที่ไม่มอง“แน่ใจนะว่าท่านไม่อนุญาต”“แน่นอน”“งั้นคืนนี้ท่านไปนอนที่อื่น”ฉู่ซีเย่ลุกพรึ่บ “ไม่ได้”“ได้ ก็นี่ห้องข้า เสียก็แต่ว่าท่านจะยึดคืน” เหยาอี้เหยาลุกขึ้น นางคว้าหมอนและผ้าห่มของฉู่ซีเย่ออกไปทิ้งด้านนอกห้อง“อี้เหยา” ฉู่ซีเย่ตามไปเก็บแล้ววางที่เดิม ก่อนจะประกาศก้อง “คืนนี้ข้าจะนอนที่นี้”“ท่านอ๋อง ท่านไม่สิทธิ์รุกล้ำพื้นที่นะ ยิ่งเจ้าของไม่อนุญาต ยิ่งไม่ได้”“แล้วไง ใครสน” ฉู่ซีเย่นั่งลงบนเตียง เขาเอนนอนเอาแขนชันศีรษะ “ข้าพอใจจะนอนที่นี้”“ก็ได้ งั้นข้าจะไปนอนที่อื่น” เหยาอี้เหยาเดินไปที่ประตู ฉู่ซีเย่ดีดตัวลุกขึ้นมาขวาง เขายืนขวางประตู ก่อนจะถอนหายใจ เขายอมถอยให้นาง“เอาล่ะ พอก่อน มาคุยกันดีๆ เถอะ”“ก็ได้” เหยาอี้เหยาเห็นเขายอมถอย นางก็ถอยหนึ่งก้าว “

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   22/2 แก้แค้นสิบปีก็ไม่สาย

    “เจ้าต้องเข้าใจว่าข้าไม่อาจสบายใจได้ ตราบใดที่มีเจ้า” หย่งสวินกล่าวอย่างลำบากใจ แต่ดวงตากลับเฝ้ารอ ในใจคงจินตนาการวันที่ได้ฆ่าฉู่ซีเย่มานับครั้งไม่ถ้วน“คนที่คิดจะฆ่าข้า ไม่ตายดีสักคน” ฉู่ซีเย่ไม่กลัวว่าหย่งสวินจะเอาดาบแทงตน เพราะคนเหลี่ยมจัดอย่างหย่งสวิน ไม่เล่นในเกมที่ตกเป็นรอง“เจ้าต้องมีชีวิตอยู่นานๆ หน่อย จะได้รู้ว่าข้าจะได้ตายดีหรือไม่ แต่น่าเสียดาย คงไม่มีวันนั้นแล้ว” หย่งสวินยกดาบขึ้น ก่อนจะฟันใส่แขนขวาจนขาด เขาส่งเสียงร้องโหยหวน“ช่วยข้าด้วย! ต้าเป่ยอ๋องจะสังหารข้า!”ประตูท้องพระโรงเปิดออกในยามรุ่งสาง ฉู่ซีเย่ถูกคุมตัวออกมามุ่งหน้าไปยังลานประหารในโทษฐานลอบทำร้ายประมุขของประเทศ ความรีบร้อนในการประหารเขาทันที เป็นความต้องการของหย่งสวินคลื่นลมในวังเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว ทุกคนต่างมั่นใจแน่แล้วว่าหย่งสวินจะได้เป็นฮ่องเต้องค์ต่อไป ด้วยไท่จื่อก็สิ้นแล้ว หย่งมู่ที่กลัวตายก็รีบหอบผ้าหนีเอาตัวรอด ดังนั้นจึงไม่มีใครกล้ากังขาหรือคัดค้านแม้เพียงนิดที่หย่งสวินคิดจะสังหารฉู่ซีเย่อย่างไรก็ตาม การประหารใช่จะทำได้เลยในทันที เพราะความวุ่นวายจากทางฝั่งของคนสนับสนุนไท่จื่อก็ไม่ยินยอมเช่นกัน

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   22/1 แก้แค้นสิบปีก็ไม่สาย

    “เจ้าไม่เป็นห่วงชายผู้นั้นของเจ้าหรือ”ชายผู้นั้นของกงจิ้ง ย่อมหมายถึงฉู่ซีเย่ “ได้ยินว่าทางวังกำลังเผชิญหน้ากับพายุใหญ่ ไม่แน่ว่าชายผู้นั้นของเจ้า อาจพบอันตรายร้ายแรง”“ก็อาจจะพบอันตราย แต่ข้าไม่ห่วงมากเท่าไหร่” นางล้างผัก ท่าทีผ่อนคลายกงจิ้งทำหน้าประหลาด เหยาอี้เหยาดูไม่ร้อนใจเท่าที่ควร“สามปี” เหยาอี้เหยาพูดขณะมองตรงไปหน้าผืนนา “เขาใช้เวลาสามปีวางแผนแก้แค้น ดังนั้นข้าจึงเชื่อมั่นว่าเขาจะไม่เป็นอะไร ต่อให้ถูกใครคิดปองร้าย ทุกอย่างก็อยู่ในการคาดเดาของเขา”กงจิ้งมองนาง “เป็นเจ้าที่เข้าใจเขาอย่างลึกซึ้ง”“ความจริงข้าไม่เข้าใจเขาหรอก ใครจะกล้าพูดว่าเข้าใจเขาได้”กงจิ้งเห็นด้วย “ข้าแปลกใจเสมอที่รู้ว่าเขาไม่อยากเป็นหนึ่งในผู้ชิงบัลลังก์"“ข้าไม่แปลกใจ”“เพราะอะไร” ขอเพียงมีใจนึกอยาก ไม่ใช่ว่าจะชิงมาไม่ได้“เขาเป็นคนเจ้าเล่ห์และยโสโอหังมาก แต่ก็เป็นคนที่รักษาคำสัตย์ยิ่งชีพมากเช่นกัน อะไรที่รับปากคนอื่นไว้แล้ว ต่อให้ดินถล่มฟ้าแหวกออก เขาก็จะทำให้ได้ ในงานพิธีรับตำแหน่งต้าเป่ยอ๋อง เขาชัดเจนแล้วว่าเลือกแดนเหนือ”“เข้าใจแล้ว”ฉู่ซีเย่ไม่ได้ให้คำสัตย์ว่าจะไม่ชิงบัลลังก์ แต่เขาให้คำสัตย์ว่าจะตา

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   21/2 ความรักที่งอกงาม

    ต้าหย่ง...ชายเสื้อปักดิ้นทองเคลื่อนไหวเพียงบางเบา แต่สามารถทำให้ตะเกียงบนโต๊ะด้านหน้าสั่นไหว เงาใหญ่ยักษ์ที่ทอดลงหลังฉากพระที่นั่งวิจิตรงดงาม แลดูแปลกตา ยิ่งเมื่อขยับเคลื่อนไหว เงาสีดำยิ่งชวนให้รู้สึกขนกายลุกพองหย่งฉียังคงทรงงานแม้จะค่อนคืนเข้าไปแล้ว พระขนงมีมีร่องรอยยับย่น หมึกเปื้อนพระหัตถ์เป็นปื้นสีดำทั้งสองข้าง ลามไปถึงชายแขนเสื้อที่ถูกหมึกสีดำทำลายความประณีตลงหลายเท่าตัวหลังตั้งตรงเริ่มตกลู่ หย่งฉีในปีนี้อายุเพียงสี่สิบกว่าปี ทว่าความเคร่งเครียดและการตรากตรำอยู่ในตำแหน่งมายาวนานกว่าสามสิบปี ทำให้ใบหน้านั้นแก่ชรา ริ้วรอยแห่งวัยทอดแนวอยู่บนหน้าพระพักตร์หมองคล้ำ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความวิตกกังวลครั้นมองลงมาภายในโถงพระที่นั่งอันหนาวเหน็บและช่างว่างเปล่า หย่งฉีคล้ายจะยิ้มเย้ยให้ตนเองอย่างสมเพชข้าวของมากมายหล่นเกลื้อนกลาดแทบเท้า ทุกสิ่งทุกอย่างพังไม่เป็นชิ้นดี กระนั้นท้องพระโรงที่เละเทะเช่นนี้ ก็ยังเทียบไม่ได้กับภายในจิตใจของเขาหย่งฉีทิ้งพู่กันในมือ เขาส่งเสียงออกมาอย่างเหนื่อยล้าราวกับแทบขาดใจ“ขันทีโม่...”โม่หานยืนก้มหน้าตามระเบียบประเพณี ในมือมีพวงแส้ม้านุ่มสลวย ทองคำซึ่งหลอมอยู

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   21/1 ความรักที่งอกงาม

    เหยาอี้เหยา “ก่อนจะให้ท่านพูดอธิบาย อยากจะขอรบกวนให้ท่านอาบน้ำล้างตัวเสียหน่อย” กลิ่นสาบจากตัวเขาทำให้ภายในบ้านถูกกลิ่นบูดรมควัน ดังนั้นนางจึงนำเสื้อผ้าที่เขาทิ้งไว้คราวก่อนออกมาให้เขา พร้อมชี้ทางว่าสามารถไปอาบน้ำที่ลำธารใกล้กับแปลงผักจี๋ฉายได้ ทั้งยังรุนหลัง ให้เขาไปไวๆ ฉู่ซีเย่ไม่อิดออด เขาก็เริ่มได้กลิ่นจากตัวเองเช่นกัน “ได้ ข้าจะไปอาบน้ำก่อนแล้วกัน หลังจากนั้นค่อยสนทนาเรื่องที่เข้าใจผิด” ถึงอย่างงั้นในใจของเขาก็มีความน้อยใจเล็กๆ ที่นางดูราวกับไม่ใส่ใจเขาเลย จะถามไถ่สักคำว่าเดินทางมาเหน็ดเหนื่อยหรือเปล่าก็ไม่มี ยังมีตบของนางอีก แม้แรงนางจะไม่ระคายผิวหนังหนาด้านของเขา แต่จิตใจบอบช้ำยิ่ง “ท่านอ๋อง” เหยาอี้เหยากล่าวรั้ง ใบหน้าคมกระหยิ่มยิ้มย่อง แต่เมื่อหันหน้ามาก็กลบเกลื่อนให้หมดสิ้น “ว่าอย่างไรรึ” ใบหน้าของฉู่ซีเย่ในตอนนี้สามารถพูดได้คำเดียวว่าเขาสำนึกผิดแล้ว “เมื่อครู่ข้าขอโทษที่ตบท่าน ท่านเจ็บมากหรือไม่” การตบตีเขาไม่เคยอยู่ในสมองนางมาก่อน แต่พอเห็นเขามายืนอยู่ตรงหน้า แรงอารมณ์ที่ถูกกดไว้ตลอดทั้งเดือนก็ปะทุ รู้ตัวอีกทีก็ตบเขาเสียฉาดใหญ่ “แรงเท่ามดของเจ้าจะทำอะไรข้าได้กัน”

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   20/3 เป็นแค่นางอุ่นเตียง

    การมาเยือนขององค์หญิงสิบเอ็ดเปลี่ยนบรรยากาศในบ้านไปในฉับพลัน มื้ออาหารที่ควรจะผ่อนคลายมีแต่ความเงียบงัน กงจิ้งลอบมองใบหน้าเหยาอี้เหยาด้วยความเห็นใจ แต่ก็ไม่รู้จะพูดอะไรเช่นกันกงจิ้งจำใบหน้าซีดเผือกของนางเมื่อเขากลับมาถึงบ้านได้ รวมทั้งสีหน้าสะอกสะใจขององค์หญิง ที่ได้เหยียมหยามนาง ทำเอากงจิ้งอยากไล่ตะเพิดไปไกลๆ“...” ลุงกู่เห็นเหยาอี้เหยาเศร้า ก็ตักน้ำแกงผักให้ชามใหญ่ เขาเอ็นดูนางมาก ไม่อยากเห็นนางเป็นทุกข์ใดๆเวลานั้นเอง เหยาอี้เหยาที่นั่งอยู่ตรงกันข้ามกลับหัวเราะออกมา เสียงหัวเราะของนางใสกังวาน รอยยิ้มที่เผยกว้างบ่งบอกว่านางไม่ได้เสแสร้ง แต่นางกำลังหัวเราะอย่างจริงใจ“เจ้าหัวเราะอะไร”หรือเสียใจจนเสียสติไปแล้ว?“ข้าเปล่านะ ข้าปกติดี” เหยาอี้เหยายกชามน้ำแกงดื่มจนหมดรวดเดียวก่อนจะยิ้มอีกรอบ “ข้าแค่ดีใจนะ ที่วันนี้แสดงละครได้ดี”กงจิ้งและลุงกู่พากันขมวดคิ้วเหยาอี้เหยาเฉลย “ข้ารู้เรื่องนางอยู่แล้ว แต่คิดว่าถ้าทำเป็นรู้อยู่แล้ว นางคงไม่พอใจเท่าไหร่ จนอาจจะลงไม้ลงมือกับข้าก็ได้”กงจิ้ง “แสดงว่าเมื่อครู่เจ้าแสดงละคร”“ก็ไม่ทั้งหมดนะเจ้าคะ ความจริงก็เจ็บอยู่” แรกทีเดียวนางก็แสดงละคร แต่หลั

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   20/2 เป็นแค่นางอุ่นเตียง

    “อดทนเพื่อข้าได้หรือไม่…” ฉู่ซีเย่จูบไซ้กลีบปากบางที่สั่นระริก ปลายจมูกคลอเคลียปลอบโยน เขาอดทนเพื่อให้นางเปิดใจ ต่อให้ร่างกายใกล้จะระเบิดเต็มที“งั้น…งั้นช้าๆ นะ” นางเห็นเม็ดเหงื่อผุดพราวทั่วใบหน้าเขา รวมทั้งสันกรามที่ถูกขบกัดจนนูน บ่งบอกว่าเขาเองก็ต้องอดทนมากเช่นกัน“แน่นอน…” ฉู่ซีเย่ไม่บุ่มบ่าม เขาค่อยๆ กดตัวตนเข้าไปหานางอย่างละมุนละม่อน ถึงยังงั้นเอวบางก็ขยับหนีตามสัญชาตญาณ เขาจึงรั้งเรียวขานางไว้แรงเสียดทานจากท่อนกายอันเข้มแข็งทำให้ความอ่อนนุ่มต้องเผชิญกับความท้าทายอันใหญ่หลวงความเจ็บร้าวที่แผ่ซ่านคลี่คลุมจนตัวชา ถึงอย่างนั้นจุมพิตขอโทษจากเขาก็ทำให้นางอดทน พร้อมโอบรับความแข็งแกร่งของเขาทั้งหมดสองมือเรียวเกาะไหล่หนา สองขาเรียวอยู่ระห่างเอวสอบที่กำลังเคลื่อนไหว“ท่าน…อื้อ!”“อีกนิดนะ…” เสียงเขาแหบพร่า ริมฝีปากงับไล่ติ่งหูสะอาด เขาโอบรัดคลุกเคล้ากับร่างกายนางทุกตารางนิ้ว“ได้…” นางสัมผัสได้ถึงความใส่ใจของเขา จึงเปิดเปลือยทุกความกังวลลง รองรับแก่นกายใหญ่โตเข้ามา“อี้เหยา…” แรงตอดรัดจากนางทำฉู่ซีเย่กลืนน้ำลายครั้งแล้วครั้งเล่า เขารวบเอวนางให้กดต่ำ สอดตัวเข้าไปหานาง…ไม่รุนแรง แต่นางห

  • ผู้ไม่เป็นที่โปรดปราน   20/1 เป็นแค่นางอุ่นเตียง

    “ซ่างเจวี๋ยไม่เป็นอะไรแล้ว “ฉู่ซีเย่พูด ถอนเข็มที่ปักอยู่ทั่วร่างออก เว้นเข็มบริเวณหน้าผาก เพื่อให้หลับต่อไป “แต่ก็อย่างที่เห็น ตอนนี้นางไม่สามารถใช้ชีวิตเร่ร่อนแล้วฝากยาไว้กับสำนักคุ้มภัยอีกแล้ว แบบนั้นไม่ปลอดภัย ดังนั้นเพื่อผลประโยชน์ของนางเอง ข้าแนะนำให้ส่งนางขึ้นเหนือ”กงจิ้งตอบ “ข้าเห็นด้วย แบบนั้นคงปลอดภัยกว่า”“แต่ทางเหนือหนาวเกินไป แม่ทัพซ่างจะไม่เป็นอะไรหรือ” ในฐานะที่เหยาอี้เหยามีประสบการณ์ตอนพิษกำเริบมาก่อน นางรู้ซึ้งดีเลยว่า อากาศหนาวของเเดนเหนือ ทำให้ทุกข์ทรมานเพิ่มอีกหลายเท่าแล้วพิษแมลงคุณไสยก็ยิ่งไม่ถูกกับอากาศหนาวอย่างยิ่ง นี่จึงอาจเป็นเหตุผลที่ซ่างเจวี๋ยเร่ร่อนไปทั่วทางใต้เพื่อลี้ภัยอากาศหนาว“เป็นแน่ แต่ไม่ตายหรอก” ฉู่ซีเย่ย้ำให้เห็นความจริง "นางจะตายถ้ายังเร่ร่อนอยู่ที่นี่มากกว่า"“ท่านอ๋อง ท่านยังไม่พบวิธีแก้พิษแมลงคุณไสยหรือ ข้าไม่อยากเห็นแม่ทัพซ่างบาดเจ็บอีกแล้ว”“เงื่อนไขของนางไม่เหมือนของเจ้า” ฉู่ซีเย่มองนาง “แต่เจ้าวางใจเถอะ แมลงในตัวซ่างเจวี๋ยว่าง่ายกว่าตอนอยู่ในตัวเจ้า ตราบใดที่กินยาเสมอไม่ขาด จะไม่ส่งผลร้ายใดๆ”เมื่อพูดถึงเรื่องกินยาอย่างสม่ำเสมอแล้ว ดูเหม

DMCA.com Protection Status