“เจ้าหยุดปากมาคุยกับข้าก่อนได้ไหม” เหอชุนหลานบ่นซินเค่อซีที่ตอนนี้กำลังง่วนอยู่แถวหน้าอกอวบอิ่มของตน
บุรุษเงยหน้าขึ้น แล้วส่งสายตาหวานเชื่อมแก่สตรีตรงหน้า “ข้าเตรียมพร้อมสำหรับลูกตัวน้อย เมื่อเขาเกิดมาจะได้มีเต้านมใหญ่ๆ น้ำนมไหลคล่องๆ”
“ทะลึ่ง ทำตัวเป็นเครื่องปั๊มนมไปได้” เหอชุนหลานหัวเราะร่วน ก่อนใช้นิ้วเรียวบีบแก้มบุรุษของตน
“เจ้าไม่พูดคุยร่ำสุรากับองค์รัชทายาทหรืออย่างไร ถึงได้ให้พวกเขาไปอยู่ที่เรือนแมกไม้ไกลขนาดนั้น” เหอชุนหลานเอ่ยถาม นางคิดว่าบุรุษทั้งสองไม่ได้เจอกันหลายเดือน น่าจะอยากสนทนากันมากกว่านี้
“เจ้าคิดว่าเรื่องของข้าสำคัญ หรือเรื่องของเหอชิวจวี๋สำคัญกว่ากันล่ะ ตอนนี้ในหัวของสยงฺคุนคงมีแต่เรื่องทำลูกให้ได้โดยเร็วที่สุด” ซินเค่อซีหัวเราะ สายตาจ้องมองหน้าอกอวบอิ่มไม่วางตา “ข้าก็ต้องขยันเช่นกัน รอลูกคนนี้คลอดออกมาก็จะได้มีคนต่อไปได้เลย”
“ข้าไม่ใช่แม่พันธุ์นะ” เหอชุนหลานมองค้อนอีกฝ่าย นางกัดริมฝีปากก่อนเอื้อมมือบางไปที่จุดสำคัญของเขา “เจ้าเป็นพ่อพันธุ์หรืออย่างไร ขอข้าดูหน่อย”
“ได้ ข้าจะให้เจ้าดูทั้งคืนและดูทุกวันเลย” บุรุษเงยหน้าจ้องตาสตรีอย่างเจ้าเล่ห์ เขาปลดผ้าคาดเอวของตนและถอดอาภรณ์ออกอย่างรวดเร็ว “ข้าเปลือยกายให้เจ้าเช่นนี้ เจ้าจะจับจะดูจะดูดก็ตามสบาย”
“ทะลึ่ง” สตรีหัวเราะก่อนเป็นฝ่ายเอาใจเขาตลอดทั้งคืน
~~~~~~~~
เก้าเดือนผ่านไป
หอเทียบสวรรค์และกิจการร้านค้าต่างๆ ภายใต้การดูแลต่างก็ลดราคามากที่สุดเป็นประวัติการณ์ เพราะว่าเป็นเดือนที่พระราชโอรสของฮ่องเต้สยงฺคุณแห่งแคว้นเป่ยจ้านประสูติ และบุตรชายของประมุขเทียบสวรรค์มีอายุครบห้าเดือนพอดี
ในเวลานี้เหอชุนหลานกับเหอชิวจวี๋ต่างก็ถูกบำรุงเต็มที่ทั้งอาหารและสมุนไพรราคาแพงต่างๆ เพื่อให้ร่างกายได้รับการฟื้นฟูแข็งแรงพร้อมกับการตั้งครรภ์ในครั้งต่อไป
ซินเค่อซีและสยงฺคุนต่างวางแผนที่จะมีลูกหัวปีท้ายปีสักห้าหกคน ดังนั้นพวกเขาจึงเชิญหมอชื่อดังที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นหมอเทวดามาเปิดยาให้ เพราะร่างกายของพวกนางมีค่ามากกว่าทองคำทั้งเหมือง
จวนกลางหุบเขาของซินเค่อซี
บรรดาของขวัญจากฮ่องเต้แต่ละแคว้น ประมุขยุทธภพ รวมถึงบุคคลสำคัญต่างๆ ถูกทยอยส่งมาที่จวนเป็นจำนวนมาก พวกเขาส่งของขวัญมากันแทบทุกเดือน นอกจากจะเป็นการประจบเอาใจซินเค่อซีแล้ว ยังถือว่าตอบแทนที่หอเทียบสวรรค์ลดราคาทุกเดือน
แม้เหอชุนหลานจะบ่นว่าซินเค่อซีเห่อลูกมากเกินไป ไม่ควรลดราคาและแจกของแถมบ่อยขนาดนี้ แต่บุรุษก็ไม่สนใจ เขาชอบอ่านคำอวยพรที่มอบแก่บุตรชายของตนอย่างมาก
“ลูกชายข้าหล่อกว่าลูกชายของเจ้า” ซินเค่อซีอุ้มลูกชายวัยห้าเดือนของตนไว้ในอ้อมอก เขาชำเลืองมองดูพระโอรสของสยงฺคุณที่นอนหลับอยู่ในเปล
“ไม่ใช่ล่ะ ลูกข้าเพิ่งเกิดมาได้ไม่กี่วันก็มองออกว่ารูปงามมาก” สยงฺคุนมองค้อนซินเค่อซีก่อนจ้องมองบุตรชายตนด้วยสายตาปลาบปลื้ม
“พวกเจ้าคิดว่าลูกชายใครหล่อกว่ากัน” บุรุษที่อุ้มเด็กน้อยหันไปถามไห่ซานกับไห่ต้าที่ยืนเฝ้าอยู่ไม่ไกล
“เอ่อ” ไห่ซานกับไห่ต้ามองหน้ากัน พวกเขามีท่าทางลำบากใจอย่างเห็นได้ชัด
“พวกเขาสองคนหล่อเหมือนกัน เพราะพวกเขาต่างก็ได้ความงามจากแม่ทั้งคู่” เหอชุนหลานตอบแทนชายหนุ่มทั้งสอง มีเหอชิวจวี๋นั่งหัวเราะพยักหน้าเห็นด้วยอยู่ด้านข้าง
“ลูกชายคนแรกหน้าเหมือนแม่ และแม่ของพวกเขาก็ใบหน้าคล้ายกัน ดังนั้นพวกท่านรอลูกคนต่อไปละกัน” เหอชิวจวี๋พยายามพูดประนีประนอมให้ผู้เป็นพ่อทั้งสองเลิกโต้เถียงกัน
นางฟังซินเค่อซีกับสามีของตนเถียงกันถึงเรื่องนี้มาหลายวันแล้ว ถ้าไม่ติดที่ว่าลูกน้อยยังเล็กไม่สมควรเดินทางไกลและต้องอยู่บำรุงร่างกายที่นี่คงชวนสยงฺคุนกลับเป่ยจ้าน
“ถูกต้อง ช่วงนี้พวกเจ้าเก็บแรงทำงานและดูแลพวกข้าดีกว่า” เหอชุนหลานพูดพลางยื่นมือไปรับลูกน้อยจากซินเค่อซีมาอุ้มแทน
“ก็จริง ข้าต้องบำรุงร่างกายของตนเองเช่นกัน จะได้มีแรงปั้นก้อนแป้งทุกวัน” ซินเค่อซีลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างรวดเร็ว “ท่านหมอๆ เปิดยาบำรุงให้ข้าที” เขาส่งเรียกร้องเรียกขณะที่เดินไปยังเรือนรับรองของบรรดาหมอเทวดา
“ข้าไปด้วย” สยงฺคุนรีบเดินตามซินเค่อซี “ข้าก็ต้องบำรุงตั้งแต่เนิ่นๆ ท่านหมอๆ เปิดยาให้ข้าด้วย”
เหอชุนหลานกับเหอชิวจวี๋มองตามร่างสามีตนเองแล้วถอนหายใจพร้อมกัน จากนั้นพวกนางก็จ้องหน้ากันแล้วหัวเราะร่วนเสียงดัง
“ขอบคุณนะที่เจ้ามาที่นี่ ข้าถึงได้มีครอบครัวอบอุ่นเช่นนี้” เหอชิวจวี๋บอกกับสตรีที่ใบหน้าคล้ายตนเอง
“ขอบคุณเจ้าเช่นกัน หากที่นี่ไม่มีเจ้า ข้าก็คงไม่ได้ย้อนมาเจอกับสามีหื่นกามคนนี้” เหอชุนหลานเอ่ยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสุข
“หื่นกามแล้วอย่างไร เป็นชายที่เจ้ารักก็พอ” ซินเค่อซีส่งเสียงดังจนเหอชุนหลานสะดุ้ง เขาไปหาท่านหมอเสร็จก็แจ้นกลับมาหาครอบครัวตนเองด้วยความว่องไว
“ชิวจวี๋ เสี่ยวเหมย ฝากบุตรชายของข้าชั่วครู่ ข้าต้องปรนนิบัติฮูหยินให้สมกับเป็นคนหื่นกามสักหน่อย” ซินเค่อซีบอกเหอชิวจวี๋และสาวใช้ตัวน้อย มือแกร่งของเขาโอบร่างอรชรของเหอชุนหลานไปยังเรือนกล้วยไม้ทันที
“เจ้าบ้านี่ หื่นกามจริงๆ” สยงฺคุนที่ตามมาทีหลังตะโกนใส่หลังคนทั้งสอง
~~~~~~~~
เรือนกล้วยไม้
ซินเค่อซีอุ้มเหอชุนหลานวางลงบนเตียงอย่างนุ่มนวล เขาปลดเสื้อผ้าของนางออกช้าๆ แล้วไล่จุมพิตนางตั้งแต่ริมฝีปากอวบอิ่มไปจนถึงกลีบเนื้อนุ่มแสนหวาน
“อื้ม จิ่งซี พอได้แล้ว” เหอชุนหลานครางเสียงหลงเมื่อช่องทางรักถูกริมฝีปากและลิ้นร้อนแหย่เข้าออกแล้วตวัดกินน้ำใสที่เอ่อล้นออกมา
บุรุษไม่ทำตามที่นางร้องขอในทันที เขาใช้ลิ้นร้ายของตนกับสตรีจนนางถึงฝั่งฝันจึงถอนริมฝีปากอย่างเสียไม่ได้
“หลานหลาน พอลูกของเราอายุครบหนึ่งขวบพวกเรามาแต่งงานกันนะ หลังจากนั้นเราก็จะแต่งงานทุกครั้งหลังจากที่ลูกแต่ละคนอายุครบขวบปี”
เหอชุนหลานข่มอาการเสียวซ่านของร่างกายพร้อมกับพยายามพูดน้ำเสียงปกติ “ไม่ต้องถึงขั้นนั้นก็ได้ ใครเขาแต่งงานหลายครั้งกัน”
“ข้ากับเจ้าอย่างไรล่ะ ข้าเคยพูดไว้แล้วก็ต้องทำให้ได้ หลานหลานเรามามีลูกกันอีกคนเถอะ” บุรุษส่งสายตาหวานเชื่อมให้แก่สตรี
“ไม่ได้ ช่วงนี้ข้ายังต้องบำรุงร่างกาย ยังมีลูกคนต่อไปไม่ได้ เจ้ารอก่อนละกัน” เหอชุนหลานส่ายหน้าปฏิเสธด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ นางยิ้มกรุ้มกริ่มแล้วเป็นฝ่ายเริ่มใช้ปากกับซินเค่อซีแทน
“หลานหลาน ข้ารักเจ้า” ซินเค่อซีคว้าร่างอรชรมากอดในอ้อมแขนจนเหอชุนหลานที่กำลังยุ่งอยู่กับแก่นกายของเขาต้องเงยหน้าส่งยิ้มหวานให้เขา
“ข้าก็รักเจ้าเช่นกัน จิ่งซี คนบ้ากามของข้า”
~~~~~~~~
ห้าปีผ่านไป
ซินซีโหย่วบุตรชายคนโตของเหอชุนหลานกับซินเค่อซีแอบไปยังตาน้ำบนภูเขาทิศตะวันตกโดยไม่มีผู้ใดเห็น เขาก้าวลงที่ตาน้ำจากนั้นร่างทั้งร่างก็หายไปทันที
เวลาผ่านไปครึ่งชั่วยามร่างของเขาจึงปรากฏขึ้นเหนือตาน้ำอีกครั้ง
“ไปคราวนี้ดีจริงๆ ข้าได้น้ำอัดลมมาฝากท่านแม่ด้วย” เด็กน้อยวัยห้าขวบครึ่งพูดด้วยความดีใจ เขาเดินกลับอย่างร่าเริง ยังไม่ทันถึงเรือนกล้วยไม้ก็พบกับมารดาของตนนั่งถลึงตาโตจ้องมาทางตน
เด็กชายหดคอแล้วส่งสายตาออดอ้อนขอความเห็นใจ “ท่านแม่ ข้าไปแป๊บเดียวจริงๆ นะ ดูสิ มีของฝากมาให้ท่านด้วย”
เหอชุนหลานเห็นท่าทางของบุตรชายก็โกรธไม่ลง นางยกมือเรียวให้เขาเข้ามาใกล้แล้วกอดด้วยความรัก “เสี่ยวโหย่ว เจ้าอย่าไปที่นั่นบ่อย แม่กลัวว่าเจ้าจะกลับมาไม่ได้อีก”
เด็กน้อยยกมือเล็กลูบแก้มของมารดาตนแล้วพยักหน้ารับคำ “ข้ารู้ท่านแม่ ตาน้ำตรงนั้นเป็นที่เดียวที่ข้าสามารถเดินทางไปกลับได้ ท่านอย่าห่วงนักเลย ไม่แน่ว่าพอข้ามีลูกก็ไปไม่ได้แล้ว”
“เพิ่งจะห้าขวบพูดเรื่องมีลูกแล้วหรือ” ซินเค่อซีอุ้มเด็กหญิงวัยขวบครึ่งในอ้อมแขนเดินเข้ามาพอดี นัยน์ตาคมมองขวดน้ำอัดลมที่วางอยู่บนโต๊ะแล้วก็ขมวดคิ้ว “ห้าขวบยังกล้าดีไปต่างที่ สิบห้าปีไม่พาสตรีกลับมาเลยหรือ”
เหอชุนหลานหัวเราะขำขัน “ที่นั่นผู้หญิงอายุสิบห้าปียังถือว่าเด็กมาก แต่งงานไม่ได้ พวกนางไม่ตามมาหรอก อีกอย่างเสี่ยวเหยาและเสี่ยวหยุนก็ใกล้จะรู้ความแล้ว พวกเขาคงคุมพี่ชายตัวเองได้”
“ข้ากลัวว่าลูกชายสามคนจะชวนกันไปน่ะสิ” ซินเค่อซีถอนหายใจสีหน้ากังวล แต่เมื่อนึกขึ้นว่าแต่ละคนล้วนมีชะตาชีวิตเป็นของตัวเอง เขาจึงปล่อยวางเรื่องนี้ลงได้
เขาเดินไปหาเหอชุนหลาน มือหนาส่งเด็กน้อยให้นางอุ้ม จากนั้นจึงกอดนางด้วยความรักใคร่ “เรามีลูกกันเยอะๆ นะ ขอแค่เจ้าอยู่ที่นี่ ลูกแต่ละคนใครอยากอยู่ก็อยู่ ใครอยากไปก็ไป”
บุรุษยังไม่ทันพูดจบก็ถูกร่างเล็กของซินซีโหย่วกอดทางด้านข้าง “โอ๋ๆ ท่านพ่ออย่างอนนะ เสี่ยวโหย่วจะเป็นเด็กดี ท่านพ่อก็แบ่งท่านแม่ให้พวกข้าพี่น้องบ้าง”
“ฮ่าๆ” เหอชุนหลานกับซินเค่อซีหัวเราะพร้อมกัน พวกเขาทั้งคู่อุ้มลูกทั้งสองคนเดินกลับเรือนกล้วยไม้เพื่อไปหาลูกอีกสองคนที่กำลังนอนกลางวันกันอยู่
เหอชุนหลานยิ้มกว้างกว่าผู้ใด นางอยู่ในยุคปัจจุบันตัวคนเดียว เมื่อมาอยู่ที่ยุคนี้นางมีความสุขและอบอุ่นใจมาก การมีครอบครัวมีความสุขแบบนี้นี่เอง
จบบริบูรณ์
“อ๊ะ อ้า อืม” เสียงครางหวานจากปากสตรีที่ยังไม่ได้สติสัมปชัญญะดังขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ร่างแกร่งที่คร่อมอยู่บนตัวนางขยับเอวสอบเร็วและแรงมากขึ้น“ขนาดหลับอยู่ยังตอบสนองดีขนาดนี้ คุณหนูสามสกุลเหอนี่เก่งเสียงจริง” บุรุษใบหน้าหล่อเหลาพูดขณะที่เหงื่อซึมออกทั่วสรรพางค์กายเขาเริ่มบรรเลงเพลงรักกับสตรีสกุลเหอ เหอชิวจวี๋ คุณหนูสามผู้ที่ขึ้นชื่อว่างดงามในระดับต้นๆ ของแคว้นเป่ยจ้านเมื่อได้ตัวนางมา แม้ว่านางจะยังไม่ฟื้น แต่เขาก็ไม่ลังเลลงมือ เพราะหากนางตื่นแล้วอาจจะรับมือยากขึ้นกว่านี้‘เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ทั้งคับแน่นทั้งเสียว อื้อ’ สตรีที่กำลังอยู่ในภวังค์ นางยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง รู้เพียงแต่ว่าร่างกายในตอนนี้เสียวซ่านไปทั่วทั้งตัวร่างบางแอ่นหน้าอกอวบอิ่มลอยสูงขึ้น นัยน์ตาคมเข้มจ้องมองแล้วก้มลงดูดยอดถันสีชมพูหวานทั้งสองข้างสลับไปมาด้วยความพึงพอใจ“ข้าจะทำให้เจ้าสุขสมทั้งคืนแน่นอน” เขากระซิบข้างหูหญิงสาวก่อนที่จะจับนางเปลี่ยนท่าตามความชอบของตนช่วงสายของอีกวัน สตรีเรือนร่างอรชรที่มีรอยรักประทับทั่วเรือนร่างก็ลืมตาขึ้นช้าๆ นางกวาดสายตามองรอบห้องด้วยความงุนงง“นี่ที่ไหนกัน” หญิงสาวพูดพลา
จวนสกุลเหอ“นายท่าน มีคนนำกล่องไม้นี้มาให้ขอรับ บอกว่าเป็นของคุณหนูสาม” พ่อบ้านของจวนยื่นกล่องไม้ขนาดไม่ใหญ่นักส่งให้เหอตง ผู้นำสกุลเหอ ทั้งยังเป็นบิดาของเหอชิวจวี๋บุรุษวัยกลางคนรับกล่องไม้มาเปิดดูด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อเห็นสิ่งของข้างในก็เขวี้ยงทิ้งลงพื้นแทบจะทันที“ใครกันมันบังอาจเช่นนี้ หยามหน้าข้าเหอตงผู้เป็นราชครูของฮ่องเต้ยิ่งนัก”“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้น” ฮูหยินใหญ่ของเหอตง ลู่หลิง เดินผ่านมาพอดีจึงเข้ามาถามด้วยความสงสัยนางเดินไปดูกล่องไม้และผ้าที่หล่นบนพื้น เมื่อสังเกตจนรู้ว่าคือสิ่งใด มือทั้งสองข้างก็ยกขึ้นมาปิดปากก่อนกรีดร้องออกมา“ไม่จริง จวี๋เอ๋อร์ของเราใช่หรือไม่” พวกเขาสามีภรรยาสกุลเหอฟูมฟักทนุถนอมเหอชิวจวี๋มาเป็นอย่างดี จนนางเป็นสตรีที่งามล่มเมือง ความรู้ความสามารถที่สตรีควรมีนางล้วนเป็นทุกอย่างและไม่เป็นรองผู้ใด พวกเขาหวังจะให้นางเป็นพระชายาขององค์รัชทายาท บุรุษผู้ที่ได้ชื่อว่าสมบูรณ์แบบที่สุดในแคว้นเป่ยจ้านแต่ตอนนี้สิ่งที่ได้เห็นคือผ้าเปื้อนเลือดพรหมจรรย์ของบุตรสาวตนเอง ไม่ว่าใครก็ย่อมตกใจและโกรธแค้นเป็นธรรมดายังดีที่องค์รัชทายาทตอนนี้ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง มิเช่น
เหอชุนหลานกลับถึงเรือนนอนของตนก็สั่งสาวใช้ให้เตรียมน้ำอุ่น จากนั้นนางก็อาบน้ำและทำความสะอาดแทบจะทุกซอกทุกมุมเสี่ยวเหมยเห็นดังนั้นก็ตกใจแต่ก็ต้องเก็บอาการ นางเพิ่งเคยเห็นนายท่านบ้านตนมีอะไรกับสตรีซ้ำครั้งที่สอง ทั้งยังกลางวันแสกๆ ในห้องหนังสือ นางรีบช่วยเหอชุนหลานอาบน้ำขัดผิวด้วยความตั้งใจเห็นทีคุณหนูเหอผู้นี้จะเป็นที่สนใจของนายท่านจริงๆ ไม่แน่ว่าต่อไปนางจะได้มาเป็นฮูหยินของจวนนี้“เสี่ยวเหมย ข้าอยากได้สมุดกับปากกา เอ่อ หมายถึงกระดาษกับพู่กันน่ะ ขอกระดาษหลายแผ่นหน่อยนะ” เหอชุนหลานบอกสาวใช้ตัวน้อย นางอยากได้มาจดรายรับรายจ่ายของตน ตอนนี้รายรับยังไม่มี แต่ถ้าไอ้รูปหล่อคนนั้นยังหื่นใส่อีก นางก็จะจดเพิ่มเงินไปเรื่อยๆผู้ใดจะกล่าวหาว่านางเป็นสตรีขายตัวก็ช่าง นางอยู่ในบ้านคนอื่นก็คงต้องหากินแบบนี้ไปก่อน หากมีที่มีทางอยู่ข้างนอกคงต้องคิดวิธีหาเงินใหม่พร้อมกับหาวิธีกลับบ้าน“เสี่ยวเหมย” ชุนเหอหลานเรียกสาวใช้อีกครั้ง “ข้าใบหน้าเหมือนคุณหนูสามเหอมากเลยหรือ” นางถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจสาวใช้ตัวน้อยยื่นหน้าเข้าใกล้เหอชุนหลาน ดวงตาจ้องทั่วหน้าและมองต่ำสำรวจเรือนร่าง“เหมือนมากเจ้าค่ะ ราวกับคน
‘ไอ้รูปหล่อเป็นท่านอ๋องหรอกหรือ แต่ผู้ชายมักมากไม่เห็นจะน่าคบสักนิด’ เหอชุนหลานดูแคลนบุรุษในใจ ยิ่งเห็นสตรีข้างกายเขาก็รู้สึกทั้งสงสารและสมเพชในเวลาเดียวกัน คิดดังนั้นก็จูงมือเสี่ยวเหมยให้รีบเดินออกห่างจากพวกเขาทันที “ตลาดกลางคืนมักขายอาหารกับเครื่องประดับ พวกของขวัญชิ้นเล็กๆ สินะ” เหอชุนหลานกวาดสายตามองโดยรอบเพื่อที่จะคิดธุรกิจของตนเองบ้าง พอได้เงินจากอ๋องหื่นกามมานางจะได้เอามาเป็นเงินทุนตรงนี้ นางเดินไปนั่งที่เก้าอี้หลบมุมตัวหนึ่ง พลางมองผู้คนที่เดินผ่านไปมา สังเกตเห็นว่ามีแต่คู่หนุ่มสาวที่มาด้วยกันเป็นส่วนใหญ่ “ข้าเย็บชุดชั้นในขายดีกว่า เอาแบบยั่วๆ ผู้หญิงซื้อใส่ยั่วผู้ชาย ส่วนผู้ชายก็ซื้อให้คนรัก สร้างกิจกรรมบนเตียงที่จืดชืดให้กลับมาเร่าร้อนเหมือนดั่งครั้งแรกที่ถึงเนื้อถึงตัวกัน” เหอชุนหลานยิ้มภูมิใจกับความคิดของตนเอง นางวางแผนไว้ว่าพรุ่งนี้จะต้องหาเวลาออกไปสำรวจตลาดผ้า จะได้เลือกแบบและลวดลายไว้ล่วงหน้า ~~~~~~~~เมื่อกลับมาถึงจวนไป๋หลิน เหอชุนหลานก็ลงอ่างแช่น้ำร้อนให้ร่างกายผ่อนคลาย ดีที่ท่านอ๋องเจ้าของจวนยังไม่กลับ นางจึ
ด้านบุรุษเมื่อเดินออกจากเรือนของเหอชุนหลาน ในหัวก็ครุ่นคิดแต่เรื่องของหญิงสาว“จูบปากยังหวานขนาดนี้ ไม่รู้ว่าตรงส่วนนั้นจะหวานขนาดไหน” เขาเคยมีสัมพันธ์กับสตรีหลายคนก็จริง แต่แทบไม่เคยใช้ปากกับผู้ใด เรียกได้ว่าเหอชุนหลานเป็นสตรีคนแรกที่เข้าใช้ปากเกือบทุกส่วนแล้ว เหลือเพียงสำรวจส่วนล่างที่อ่อนไหวที่สุดเท่านั้น "คราวหน้าข้าจะทำเต็มรูปแบบ" เขาพูดพลางเดินเข้าเรือนตนเอง “ทำอะไรเต็มรูปแบบหรือขอรับ” ไห่ต้าลูกน้องคนสนิทถามด้วยความสงสัย “จะปรับปรุงหอเทียบสวรรค์หรือขอรับ” บุรุษสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียง เขาถลึงตาใส่ไห่ต้ากลบเกลื่อนความเคอะเขิน “ก็ประมาณนั้น” ~~~~~~~~ เช้าตรู่ของอีกวัน เหอชุนหลานยังไม่ทันได้ตื่นนอน ไห่ต้าก็ส่งเสียงร้องเรียกจนเสี่ยวเหมยรีบมาเปิดประตูให้ “มีอะไรหรือ” สาวใช้ตัวน้อยถามบุรุษตัวใหญ่ด้วยความสงสัย ไห่ต้ายื่นกล่องไม้ในมือตนให้อีกฝ่ายทันที “นายท่านให้นำมามอบแก่คุณหนูเหอ ของอื่นๆ จะตามมาทีหลัง” เขาพูดโดยไม่อธิบายอะไรปล่อยเสี่ยวเหมยยืนงุนงงก่อนเดินกลับเข้าเรือน เมื่อเหอชุนหลา
“เจ้ามันพวกอันธพาล” เหอชุนหลานบ่นอุบก่อนเดินเข้าไปใกล้กับเตียง ดวงตางามกวาดมองเผื่อจะมีพวกตั่งยาวที่พอจะให้ตัวเองนอนได้ “ข้าจะนอนบนพื้น” สตรีพูดเมื่อไม่เห็นสิ่งที่หวัง “อยู่เตียงเดียวกับเจ้าคงไม่ได้นอน” “จะนอนบนพื้นให้ปวดหลังทำไม มานี่” บุรุษออกคำสั่งเสียงเข้ม เขาลุกจากเตียงเดินมาฉุดแขนเหอชุนหลานให้ไปที่เตียงกับเขา “ใส่ชุดที่เจ้าตัดเย็บให้ข้าดูหน่อย” เขาเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นนุ่มนวลชวนขนลุกแทน เหอชุนหลานกรอกตาพร้อมส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ข้าจะเอาไว้ขาย ไม่ได้เอามาใส่เล่น” “เช่นนั้นข้าซื้อ เจ้าใส่ให้ข้าดูจะเพิ่มราคาให้” “ข้าขอเพิ่มอีกอย่าง เจ้าตกลงชื่อแซ่อะไรกันแน่” เหอชุนหลานถาม นางรู้ว่าคนสมัยนี้มีหลายชื่อ จิ่งซีเป็นเพียงชื่อที่คนในครอบครัวและคนสนิทเรียกเท่านั้น นางจึงไม่เคยรู้ชื่อที่ผู้คนทั่วไปใช้เรียกเขาเลย ถ้ารู้ ต่อไปเมื่อได้ยินคนนินทาถึงเขาจะได้หยุดฟังได้ บุรุษยกยิ้มมุมปาก มือหนาคว้าร่างให้ล้มนั่งบนตักของตน ริมฝีปากจ่อที่ข้างหูหญิงสาว “ข้าชื่อซินเค่อซี แต่คนที่บ้านจะเรียกข้าว่าจิ่งซี ข้าบอก
“องค์รัชทายาทรู้ว่านายท่านพักที่นี่เลยแวะเข้ามาทักทายขอรับ” “ดีจริง ข้าจะไปหาเขาแต่ยังไปไม่ถึง เขากลับมาหาข้าเสียเอง เจ้าให้รัชทายาทรอที่ห้องด้านข้างสักครู่ กั้นฉากบังตาไว้ เดี๋ยวข้าออกไปทั้งอย่างนี้” ซินเค่อซีสั่งสั้นๆ แต่ไห่ต้ารับคำเข้าใจสิ่งที่เจ้านายบ้านตนต้องการทันที “ไปหาทั้งอย่างนี้ คืออะไร ปล่อยข้าลงนะ” เหอซีหลานได้สติจึงดิ้นหวังจะลงจากแขนแกร่งของเขา นางไม่ยินยอมที่จะมีสัมพันธ์ทางกายต่อสายตาผู้อื่น เรื่องเช่นนี้ต้องทำกันในที่ส่วนตัว การทำเช่นนี้ถือว่าไม่ให้เกียรตินางอย่างมาก “อย่าดิ้น” บุรุษดุ เขาปล่อยมือข้างหนึ่งเพื่อเปิดประตูแล้วเดินออกไปข้างนอกโดยไม่สนใจสิ่งที่สตรีร้องขอ เหอชุนหลานโมโหมาก ได้แต่ซุกหน้าอยู่ที่อกแกร่งของชายหนุ่ม ทั้งยังหลับตาเพราะไม่ต้องการให้ผู้อื่นได้เห็นใบหน้าของตน ดังนั้นนางจึงไม่รู้เลยว่าไห่ต้าให้คนมากางผ้าบดบังสายตาไม่ให้ผู้อื่นมองเห็นเรียบร้อยแล้ว ซินเค่อซีเดินเข้าห้องด้านข้าง เมื่อเห็นเงาหลังฉากกั้นก็เอ่ยทักทายตามมรรยาท “ต้องขออภัยที่ต้อนรับเช่นนี้ รัชทายาทมาหากระหม่
“คุณคะ” เสียงเรียกรวมถึงร่างกายที่ถูกเขย่าเบาๆ ทำให้เหอชุนหลานฟื้นขึ้น ดวงตาคู่สวยมองรอบบริเวณ เห็นคนที่ถามเธอสวมใส่เสื้อผ้าสีขาวที่ดูคุ้นตา “นี่ข้า เอ่อ ฉันกลับมาปัจจุบันแล้วสินะ” เธอพึมพำเสียงเบาจนผู้เรียกก็ไม่ได้ยิน “คุณคะ จำชื่อตัวเองได้หรือเปล่าคะ” เมื่อถูกถามอีกครั้ง เหอชุนหลานจึงหันมองหน้าคนถาม “คุณพยาบาลคะ ฉันหลับไปกี่วัน วันนี้วันที่เท่าไหร่ปีอะไรหรือคะ” เธอถามน้ำเสียงแหบแห้ง “คุณสลบไปสามวัน วันนี้วันที่สิบเอ็ดเดือนสิบเอ็ดค่ะ” พยาบาลตอบก่อนตรวจประเมินอาการเบื้องต้นแล้วถามเหอชุนหลานอีกครั้ง “คุณจำชื่อตัวเองได้หรือเปล่าคะ” “ฉันชื่อเหอชุนหลาน” “คุณเหอชุนหลานคะ เดี๋ยวฉันจะตามคุณหมอมาตรวจดูอาการนะคะ หากต้องการอะไรกดปุ่มสีแดงตรงหัวเตียงเรียกฉันได้” พยาบาลยิ้มให้เธออย่างอ่อนโยนก่อนออกนอกห้อง~~~~~~~~เรือนไม้ริมน้ำหลังเล็กใกล้ลำธารแห่งหนึ่ง คนของซินเค่อซีเดินทางมาถึงก็พบกับสตรีนางหนึ่งที่มีใบหน้าคล้ายกับเหอชุนหลานมาก พวกเขาเข้าใจว่าคือสตรีที่เจ้านายบ้านตนต้องการตามหาจึงพาตัวนางกลับจวนไป๋หลินจวนไป๋หลินซินเค่อซี
“เจ้าหยุดปากมาคุยกับข้าก่อนได้ไหม” เหอชุนหลานบ่นซินเค่อซีที่ตอนนี้กำลังง่วนอยู่แถวหน้าอกอวบอิ่มของตน บุรุษเงยหน้าขึ้น แล้วส่งสายตาหวานเชื่อมแก่สตรีตรงหน้า “ข้าเตรียมพร้อมสำหรับลูกตัวน้อย เมื่อเขาเกิดมาจะได้มีเต้านมใหญ่ๆ น้ำนมไหลคล่องๆ” “ทะลึ่ง ทำตัวเป็นเครื่องปั๊มนมไปได้” เหอชุนหลานหัวเราะร่วน ก่อนใช้นิ้วเรียวบีบแก้มบุรุษของตน “เจ้าไม่พูดคุยร่ำสุรากับองค์รัชทายาทหรืออย่างไร ถึงได้ให้พวกเขาไปอยู่ที่เรือนแมกไม้ไกลขนาดนั้น” เหอชุนหลานเอ่ยถาม นางคิดว่าบุรุษทั้งสองไม่ได้เจอกันหลายเดือน น่าจะอยากสนทนากันมากกว่านี้ “เจ้าคิดว่าเรื่องของข้าสำคัญ หรือเรื่องของเหอชิวจวี๋สำคัญกว่ากันล่ะ ตอนนี้ในหัวของสยงฺคุนคงมีแต่เรื่องทำลูกให้ได้โดยเร็วที่สุด” ซินเค่อซีหัวเราะ สายตาจ้องมองหน้าอกอวบอิ่มไม่วางตา “ข้าก็ต้องขยันเช่นกัน รอลูกคนนี้คลอดออกมาก็จะได้มีคนต่อไปได้เลย” “ข้าไม่ใช่แม่พันธุ์นะ” เหอชุนหลานมองค้อนอีกฝ่าย นางกัดริมฝีปากก่อนเอื้อมมือบางไปที่จุดสำคัญของเขา “เจ้าเป็นพ่อพันธุ์หรืออย่างไร ขอข้าดูหน่อย” “ได้ ข้าจะให้เจ้าดูทั้งคืนแ
เมื่อเหอชุนหลานตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าซินเค่อซีนอนอยู่ด้านข้างจ้องมองใบหน้านางไม่วางตา สตรีเบี่ยงหน้าหลบด้วยความตกใจ เมื่อตั้งสติได้จึงหันไปส่งยิ้มหวานละมุนให้แก่เขา ซินเค่อซีเห็นดังนั้นก็อมยิ้ม เขาคว้าร่างบางให้แนบชิดกับกายแกร่งของตนเอง ริมฝีปากบางจุมพิตที่หน้าผากสตรีแล้วเลื่อนไปจุมพิตที่ริมฝีปากอวบอิ่มอย่างรักใคร่ “หลานหลาน สยงฺคุนกับเหอชิวจวี๋เล่าเรื่องที่นางได้พบให้ข้าฟัง” บุรุษเล่าเรื่องที่ตนพูดคุยให้กับเหอชุนหลานฟังด้วยสีหน้าอันเป็นกังวล เขากลัวว่าเหอชุนหลานกับลูกน้อยในท้องของตนอยู่ดีๆ จะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยดั่งเช่นคราวก่อน หากนางไม่อยู่กับเขา แล้วเขาจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรดี “เช่นนั้นพรุ่งนี้พวกเราไปหานักพรตตู้เสินกันเถอะ ข้าได้ยินมาว่าเขารอบรู้ทุกเรื่อง” เหอชิวหลานกล่าว นางทำท่าทางสบายใจเพื่อไม่ให้บุรุษรู้สึกวิตกกังวล ดีที่ระหว่างการเดินทาง ได้ยินว่านักพรตตู้เสินรู้สรรพสิ่งในใต้หล้า ไม่ว่าจะอดีต ปัจจุบันและอนาคต เหอชุนหลานจึงคิดตั้งแต่แรกแล้วว่าจะต้องไปหาเพื่อแก้ไขอนาคตที่ไม่อาจคาดการณ์ได้
ไห่ซานเข้ามาภายในเรือน เขามีท่าทางกระอักกระอ่วนอย่างชัดเจน แต่เมื่อเห็นสายตาคาดคั้นของเจ้านายตน เขาจึงต้องเอ่ยรายงาน “องค์รัชทายาทแคว้นเป่ยจ้านติดต่อมาว่าอยากพบประมุขหอเทียบสวรรค์ขอรับ อีกอย่าง ฮ่องเต้ซีหนานก็ส่งเทียบเชิญให้นายท่านไปงานคัดเลือกราชบุตรเขยขององค์หญิงรอง” “ไม่พบ ไม่ไป” ซินเค่อซีตอบรวดเร็ว เมื่อก่อนที่เขาเป็นเสิงโหย่วอ๋องที่เป่ยจ้านก็ไม่เห็นจะมีผู้ใดมารบกวนอยากเจอประมุขหอเทียบสวรรค์ เหตุใดพอเขากลับมาอยู่จวน แต่ละแคว้นจึงต้องการอยากพบเขานัก “ฮ่องเต้ซีหนานอยากได้เจ้าเป็นราชบุตรเขยหรือเปล่า” เหอชุนหลานที่เปลี่ยนเสื้อผ้าและล้างหน้าทำผมเรียบร้อยแล้วเดินออกมาจากฉากกั้นแล้วเอ่ยแซวอารมณ์ดี “ข้ามีฮูหยินคนเดียวพอแล้ว” ซินเค่อซีตอบ แต่คิ้วหนากลับขมวดครุ่นคิด “ช่วงนี้ก็ไม่มีสงคราม ไม่มีภัยธรรมชาติ การเมืองของแต่ละแคว้นปกติ เรื่องภายในยุทธภพยิ่งไม่มีปัญหา แล้วพวกเขาต้องการพบข้าทำไม” “สงสัยก็ไปพบเสียสิ” เหอชุนหลานกล่าว “แต่ถ้าไม่อยากรู้ก็ไม่ต้องไป ข้าคิดว่าฮ่องเต้ซีหนานอยากได้เจ้าเป็นราชบุตรเขย ส่วนรัชทายาทสยงฺคุน
“หลานหลาน ตอนนั้นเจ้าตกแม่น้ำแล้วหายไปไหนมา ใครช่วยเจ้า อีกอย่างเจ้าเข้าไปในเมืองหลวงได้อย่างไร” ซินเค่อซีถามคำถามที่ค้างคาใจมานาน เขาส่งคนคอยสอดส่องค้นหานางในแต่ละเมือง แต่อยู่ดีๆ นางกลับปรากฏกายในเมืองหลวงโดยไม่มีผู้ใดพบเห็นเหอชุนหลานซึ่งนอนภายในอ้อมแขนของเขา นางยกมือขึ้นมาลูบอกแกร่งของบุรุษ ในหัวครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะบอกเขาอย่างไรดี“ข้ามาจากที่แสนไกล ไกลเกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการถึง ข้าตกน้ำจากที่บ้านของข้า รู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ที่นี่ ครั้งนั้นที่ข้าตกแม่น้ำ ข้าก็ได้กลับไปบ้านของข้า และที่ข้ากลับมาที่นี่อีกครั้ง....”เหอชุนหลานยังไม่ทันพูดจบ ซินเค่อซีก็พูดแทรกขึ้น “เพราะว่าเจ้าตกน้ำสินะ”“อืม” สตรีพยักหน้าตอบรับ “ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าจะอยู่กับเจ้าได้อีกนานเท่าไหร่ หากข้าตกน้ำอีกครั้ง แล้วจากไปโดยที่กลับมาไม่ได้ ก็คงต้องฝากเจ้าดูแลลูกของเราด้วย”“ไม่ได้” บุรุษรีบปฏิเสธทันควัน “เจ้าต้องอยู่กับข้า ต้องอยู่ดูแลเลี้ยงลูกกับข้าไปจนแก่เฒ่า ไม่ได้ ข้าจะสั่งถมลำธารถมแม่น้ำภายในบริเวณจวนให้หมด” ซินเค่อซีรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เหอชุนหลานรีบดึงแขนของเขาเอาไว้“นี่มันดึกมากแล้ว เจ้าจะไปรบ
หลังจากทำพิธีเสร็จ สยงฺคุนก็รีบพาเหอชิวจวี๋จากไปด้วยความใจร้อน เรื่องเมื่อคืนเขาต้องรับผิดชอบนางอย่างเต็มที่ จึงจะไปขอฮ่องเต้ออกราชโองการพระราชทานงานมงคลให้เขาและเหอชิวจวี๋อีกอย่าง เขาได้ลิ้มลองความอ่อนนุ่มและหอมหวานของสตรีแล้ว จะให้เขามาอดทนรอวันแต่งงานนานๆ คงทนไม่ไหวรีบแต่งงานภายในเดือนสองเดือนเลยยิ่งดี“จิ่งซี ไว้ข้าแต่งงานเรียบร้อยแล้วจะรีบมาหาเจ้าทันที” เขาพูดหน้าสุสานก่อนจากไป~~~~~~~~หลังจากจัดการเรื่องราวต่างๆ เสร็จเรียบร้อย ซินเค่อซีก็เปลี่ยนชุดแล้วขึ้นมานั่งรถม้ากับเหอชุนหลาน เขาไม่รีบเดินทางกลับจวนตัวเอง แต่สั่งให้รถม้าแวะจอดแทบทุกเมืองที่ผ่านทางโรงเตี๊ยมเหม่ยสือห่าวจิ่วเหอชุนหลานนั่งถอนหายใจ สายตามองค้อนซินเค่อซีที่สั่งอาหารไม่ยอมหยุด“เจ้าจะสั่งอะไรเยอะนัก กินหมดอย่างนั้นหรือ” ตลอดทางที่ผ่านมาบุรุษผู้นี้ก็สั่งแต่อาหารขึ้นชื่อแล้วบังคับให้นางกินทุกอย่าง อ้างว่าลูกในท้องต้องได้กินแค่ของอร่อยตอนแรกนางก็ยอมกินอยู่หรอก แต่พอผ่านหลายเมืองเข้านางก็กินไม่ไหว ตอนนี้อาหารที่กินเข้าไปยังเต็มภายในกระเพาะอาหาร“ฮูหยินของข้าอยากกินอะไร อยากได้อะไรข้าก็สามารถหามาให้ได้ทุกอย่าง ข้า
“เดี๋ยวหาที่หยุดพัก กางกระโจมใหญ่หลายหลังหน่อย” ซินเค่อซีส่งเสียงออกคำสั่งดังออกมาจากโลงไม้ เขาคิดแผนการบางอย่างได้อย่างรวดเร็ว“ขอรับ” ไห่ต้ากับไห่ซานขานรับ แล้วแยกย้ายไปจัดการตามคำสั่งของเจ้านายตนเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยาม รัชทายาทก็พาเหอชิวจวี๋มาถึงกระโจมที่พักของขบวนซินเค่อซี กระโจมหลังใหญ่ที่สุดวางโลงไม้ของซินเค่อซีไว้ตรงกลาง ส่วนกระโจมหลังอื่นตั้งอยู่รอบกระโจมนี้เหอชิวจวี๋เข้ามาภายในกระโจมก่อน นางมาคุกเข่าพูดกับโลงไม้ด้วยสีหน้าและท่าทางน่าสงสาร“เสิงโหย่วอ๋อง แม้ข้าจะจำเรื่องระหว่างเราไม่ได้ แต่ถ้าหากข้าเป็นสตรีของท่านแล้ว ข้าก็จะไม่ทิ้งท่านไปไหน”รัชทายาทเดินมาอยู่หลังหญิงสาว เขายกมือหนาขึ้นมาจับไหล่ปลอบใจนาง “เสิงโหย่วอ๋องไปดีแล้ว เจ้าอย่าทำให้น้ำตารั้งเขาไว้ เดี๋ยวเขาจะไปไม่สงบ เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ ตอนเช้าจะได้มีแรงเดินทาง”“เพคะ” เหอชิวจวี๋ไม่กล้าปฏิเสธความหวังดีของบุรุษ นางจึงตอบรับแล้วจากไปอย่างเงียบๆ“นี่เหอชิวจวี๋หรือ เหมือนข้าราวกับฝาแฝด” เหอชุนหลานที่แอบมองอยู่ดูสตรีอีกคนด้วยความประหลาดใจ “ที่จริงหน้าเหมือนก็ไม่เท่าไหร่ แต่ชื่อแซ่ดันใกล้เคียงกันน่ะสิ แปลกดีแฮะ”เ
“เจ้าไม่น่าอายุสั้นเช่นนี้” รัชทายาทที่เข้ามาดูศพซินเค่อซีนั่งจ้องมองใบหน้าซีดเผือกของบุรุษที่นอนบนเตียงพูดเสียงเบา‘เจ้านั่นแหละจะมานั่งจ้องข้าเช่นนี้ทำไม’ ซินเค่อซีบ่นในใจ เขาแกล้งนอนตายกลั้นลมหายใจมาหนึ่งเค่อ (สิบห้านาที) แล้ว รัชทายาทเจ้าปัญหาก็ยังไม่ยอมลุกไปไหนหากยังนั่งต่ออีกหนึ่งก้านธูปหรือหนึ่งชั่วยามความต้องแตกแน่นอน“เฮ้อ ข้าจะส่งเหอชิวจวี๋ไปเฝ้าสุสานเจ้าดีหรือไม่” รัชทายาทนั่งไขว่ห้างยกศอกขึ้นมาเท้าต้นขาแล้วส่งเสียงครุ่นคิด‘เฝ้าสุสานเจ้าน่ะสิ’ ซินเค่อซีโต้เถียงในใจ“นางเป็นของเจ้าแล้ว ข้าคงไม่เอานางมาดูแลต่อหรอก” รัชทายาทยังคงพูดไปเรื่อยๆ ไม่สังเกตร่างที่แกล้งไร้วิญญาณ‘นางยังไม่ได้เป็นของข้า เจ้าอยากเอาก็เอาไปสิ’ คิ้วของซินเค่อซีเริ่มขมวดเป็นปมจนไห่ซานสังเกตเห็น เขารีบกระแอมเตือนเสียงดัง“เอ่อ องค์รัชทายาท ตามธรรมเนียมของพวกเราแล้ว ต้องนำร่างของท่านอ๋องไปฝังที่เมืองเกิดภายในสามวันขอรับ หากไปช้าเดี๋ยวจะไม่ทัน”“งั้นหรือ ข้าไปด้วยละกัน” รัชทายาทหนุ่มลุกขึ้นหมายจะร่วมเดินทางเพื่อไปทำพิธีที่สุสาน“ไม่ต้องพะย่ะค่ะ ขบวนต้องการความเงียบเพื่อส่งผู้วายชนม์ไปสรวงสวรรค์” ไห่ต้าอธิบ
ในช่วงที่กลับมาอยู่ในยุคอดีตอีกครั้ง เหอชุนหลานก็ทยอยไปเอาเสื้อผ้าในกระสอบมาแอบขายที่ตลาดกลางคืน นางไม่รู้ว่าแคว้นเป่ยจ้านมีกฎหมายหรือข้อห้ามอะไรบ้าง จึงต้องทำลับๆ ล่อๆ ในช่วงแรก“ชุดของแม่นางเหอใส่ดีมาก ทำเอาสามีข้าขยันขึ้นเตียงทุกคืนเลย” เสียงชมของลูกค้าทำให้เหอชุนหลานดีใจจนตัวแทบลอย“แม่นางเหอน่าจะเอาชุดไปลองขายให้เสิงโหย่วอ๋องดูนะ อาจจะร่ำรวยจนตั้งตัวได้เลยทีเดียว”เหอชุนหลานยิ้มแหย ที่มีตอนนี้ก็ตั้งตัวได้อยู่แล้ว เพียงแค่ยังไม่กล้าไปเอาออกมาก็เท่านั้น“ข้าจะลองพิจารณาดู” เหอชุนหลานตอบก่อนที่จะเก็บร้านพรุ่งนี้ขบวนของซินเค่อซีต้องผ่านถนนใหญ่ด้านหน้าตลาดกลางคืน ทหารของเสิงโหย่วอ๋องจึงมาเดินตรวจตราตั้งแต่วันนี้~~~~~~~~“ข้าจะตายที่ไหน ตายอย่างไรดี” ซินเค่อซีนั่งรถม้าวนไปเวียนมา เพราะเขามัวแต่คิดถึงเหอชุนหลาน จนลืมคิดว่าแผนการของตนเองต้องมีรายละเอียดอย่างไร“จะตายที่ไหนก็ตายได้ คนที่มีดวงจะตาย เดินสะดุดเปลือกกล้วยก็ตายได้” ไห่ต้าได้ฟังก็พูดตอบออกมาอย่างลืมตัว“หุบปากไปซะ” ซินเค่อซีส่งเสียงตะคอกออกมาจากรถม้า “จอดรถ” เขาส่งเสียงดังในเวลาไล่เลี่ยกันจนรถม้าต้องหยุดอย่างกะทันหันเรือนกาย
หลังจากออกจากวังหลวง ซินเค่อซีก็สั่งให้รถม้าไปยังหอเทียบสวรรค์ หอเทียบสวรรค์นี้เขาก่อตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมข่าวสารสำคัญทั้งยุทธภพ ข้อมูลการบริหารปกครองของทุกๆ แคว้นในดินแดนซีเป่ย ทั้งยังมีกองกำลังที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อย รักษาสมดุลอำนาจระหว่างแต่ละราชวงศ์และยุทธภพ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนมากที่สุด ดังนั้นเจ้าของหอเทียบสวรรค์จึงมีฐานะสูงส่ง แม้แต่ฮ่องเต้ของแต่ละแคว้นและประมุขยุทธภพต่างก็เกรงใจจนถึงขั้นเกรงกลัวไม่อยากมีปัญหาด้วย“หอเทียบสวรรค์ที่เป่ยจ้านก็มั่นคงแล้ว ข้าคงต้องกลับบ้านจริงๆ เสียที”ซินเค่อซีพูดพลางทอดถอนหายใจ เดิมเขาแค่อยากแกล้งรัชทายาทที่มักสร้างปัญหาให้เขาตลอดระยะหลายปีที่ผ่านมา เรื่องที่ร้ายแรงที่สุดคือ คู่หมั้นคนแรกของเขาถูกองค์รัชทายาทแย่งตัวไป แต่อีกฝ่ายก็ดูแลนางไม่ดีจนนางตกน้ำเสียชีวิต เขาจึงพยายามเอาคืนองค์รัชทายาท จนถึงขั้นจะแย่งเหอชิวจวี๋และพาไปด้วยกันกับเขาแต่เรื่องราวพลิกผันเมื่อเขาจับผิดคนจนมีความสัมพันธ์กับเหอชุนหลาน แผนการอื่นของเขาจึงต้องเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง เขายังอยากอยู่ที่แคว้นเป่ยจ้านตามหาเหอชุนหลานที่หายตัวไป แต่ใจหนึ่งก็ไม่กล้าคาดหวั