เมื่อเหอชุนหลานตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าซินเค่อซีนอนอยู่ด้านข้างจ้องมองใบหน้านางไม่วางตา สตรีเบี่ยงหน้าหลบด้วยความตกใจ เมื่อตั้งสติได้จึงหันไปส่งยิ้มหวานละมุนให้แก่เขา
ซินเค่อซีเห็นดังนั้นก็อมยิ้ม เขาคว้าร่างบางให้แนบชิดกับกายแกร่งของตนเอง ริมฝีปากบางจุมพิตที่หน้าผากสตรีแล้วเลื่อนไปจุมพิตที่ริมฝีปากอวบอิ่มอย่างรักใคร่
“หลานหลาน สยงฺคุนกับเหอชิวจวี๋เล่าเรื่องที่นางได้พบให้ข้าฟัง” บุรุษเล่าเรื่องที่ตนพูดคุยให้กับเหอชุนหลานฟังด้วยสีหน้าอันเป็นกังวล
เขากลัวว่าเหอชุนหลานกับลูกน้อยในท้องของตนอยู่ดีๆ จะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยดั่งเช่นคราวก่อน
หากนางไม่อยู่กับเขา แล้วเขาจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรดี
“เช่นนั้นพรุ่งนี้พวกเราไปหานักพรตตู้เสินกันเถอะ ข้าได้ยินมาว่าเขารอบรู้ทุกเรื่อง” เหอชิวหลานกล่าว นางทำท่าทางสบายใจเพื่อไม่ให้บุรุษรู้สึกวิตกกังวล
ดีที่ระหว่างการเดินทาง ได้ยินว่านักพรตตู้เสินรู้สรรพสิ่งในใต้หล้า ไม่ว่าจะอดีต ปัจจุบันและอนาคต เหอชุนหลานจึงคิดตั้งแต่แรกแล้วว่าจะต้องไปหาเพื่อแก้ไขอนาคตที่ไม่อาจคาดการณ์ได้
เมื่อได้ยินเรื่องราวของเหอชิวจวี๋ ความคิดนี้จึงถูกเลื่อนมาให้เร็วขึ้น
“อืม ข้าจะให้คนไปแจ้งแก่สยงฺคุน เขาจะได้เตรียมตัวสำหรับการเดินทาง” ซินเค่อซีรับคำแล้วสั่งไห่ซานให้ไปแจ้งทันที
~~~~~~~~
สำนักชิงเทียน
ซินเค่อซี เหอชุนหลาน สยงฺคุนและเหอชิวจวี๋เดินทางโดยรถม้ามาที่สำนักชิงเทียนตั้งแต่เช้า เมื่อลงจากรถม้าก็พบว่านักพรตตู้เสินส่งคนมารอรับที่หน้าประตูทางเข้าอยู่ก่อนแล้ว
“นักพรตตู้รอบรู้สมดังคำร่ำลือจริงๆ รู้ว่าพวกเราจะมาล่วงหน้าด้วย” เหอชุนหลานพูดชมจากใจ ดวงตากลมโตกวาดตามองบรรยากาศโดยรอบของสำนักชิงเทียน ท้องฟ้ากว้างใหญ่ อารามแต่ละหลังตั้งตระหง่านท่ามกลางต้นไม้จำนวนมากให้ความร่มรื่นแทบทุกพื้นที่
พวกเขาทั้งสี่เดินดูสองข้างทางอย่างเพลิดเพลิน เมื่อถึงที่นั่งรอในเรือนรับรองของสำนักชิงเทียนได้ไม่นาน นักพรตตู้เสินก็มา
บุรุษวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ แต่ใบหน้าประหนึ่งชายหนุ่มวัยยี่สิบปีเศษเดินเข้ามาด้วยท่าทางสง่าผ่าเผย เขามองผ่านซินเค่อซีและสยงฺคุน ก่อนที่สายตาจะหยุดลงตรงสตรีสองคนที่มีหน้าตาคล้ายกันราวกับฝาแฝด
ไม่ต้องรอให้เอ่ยถาม นักพรตตู้เสินก็นั่งลงเก้าอี้ตำแหน่งประธาน เขาพูดกับเหอชุนหลานและเหอชิวจวี๋ทันทีโดยไม่ปิดบัง “พวกเจ้าสองคนเดิมต้องอยู่กันคนละโลก เมื่อคนหนึ่งเดินทางมา อีกคนก็ต้องเดินทางไป”
ได้ยินดังนั้นซินเค่อซีก็สบตามองเหอชุนหลานทันใด
“แสดงว่าช่วงที่ข้ามาอยู่ที่โลกนี้ตอนแรก เหอชิวจวี๋ก็ข้ามไปยังโลกปัจจุบันอย่างนั้นหรือ พอข้าตกน้ำย้อนกลับไป เหอชิวจวี๋ถึงกลับมาที่นี่ แต่ทำไมตอนที่เหอชิวจวี๋อยู่โลกนี้แล้วข้าถึงยังย้อนกลับมาอีกได้” เหอชุนหลานเอ่ยถามข้อสงสัยของตน
“แล้วจะทำอย่างไรให้พวกนางสองคนอยู่ร่วมกันได้” ซินเค่อซีถามแทบจะพร้อมกันกับเหอชุนหลาน
“ต้องให้พวกนางกลายเป็นคนของโลกนี้ทั้งคู่ อย่างน้อยก็ต้องให้กำเนิดเด็กสักคน” นักพรตตู้เสินปรายสายตาไปที่หน้าท้องนูนของเหอชุนหลาน “ที่เจ้าได้กลับมาที่นี่ก็เพราะว่าตั้งครรภ์” เขามองต่อไปที่เหอชิวจวี๋ “ส่วนเจ้าสามารถไปยังโลกนั้นได้ตลอดเวลา”
“ฮู่ว” ซินเค่อซีถอนหายใจโล่งอก เขาส่งยิ้มละมุนให้กับเหอชุนหลาน “โชคดีที่ข้าแข็งแรง เจ้าถึงตั้งครรภ์ง่ายเช่นนี้”
“อะไรกัน” เหอชุนหลานเปลี่ยนเป็นเสียงสูง นางเบ้ปากแล้วพูดกับบุรุษด้านข้าง “ต้องบอกว่าข้าแข็งแรงถึงตั้งท้องง่ายขนาดนี้”
“เอาล่ะๆ พวกเจ้าแข็งแรงทั้งคู่” นักพรตตู้เสินกล่าวตัดบทอย่างรวดเร็ว แล้วพูดกับสยงฺคุนที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวด “ไม่เช่นนั้นต้องทำให้มีคนในโลกนี้คิดถึงนาง รักนาง หรือไม่ก็ให้ความเคารพแบบรู้สึกว่าขาดไม่ได้ เป็นการสร้างพันธนาการเหนี่ยวรั้งพวกนางให้กลายเป็นคนที่นี่อย่างเต็มตัว”
สยงฺคุนลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาพูดกับเหอชิวจวี๋ “เจ้าต้องท้องได้แล้ว อีกอย่าง ข้าจะรีบเป็นฮ่องเต้ เจ้าจะได้เป็นฮองเฮา เป็นแม่แห่งแผ่นดิน” บุรุษพูดจบก็ยิ้มมุมปากให้ซินเค่อซีอย่างมีชัยชนะ
“เหอะ กว่าเหอชิวจวี๋จะตั้งครรภ์ หลานหลานก็คงคลอดลูกคนแรกแล้ว” ซินเค่อซีพูดพร้อมกับเชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจ “แล้วก็จะมีคนที่สองสามต่ออีกทันที”
“ถ้าพวกเจ้าวางแผนกันเองได้แล้วข้าก็ขอตัวล่ะ” นักพรตตู้เสินส่ายหน้า เขาลุกจากเก้าอี้แล้วจากไปโดยไม่ร่ำลา นักพรตหนุ่มน้อยอีกสองคนที่ติดตามเขาจึงต้องก้มตัวให้ซินเค่อซีและสยงฺคุนเพื่อบอกลาแทน
~~~~~~~~
จวนของซินเค่อซี เรือนแมกไม้
เรือนหลังไม่ใหญ่มากนักแต่แฝงตัวอยู่ท่ามกลางต้นไม้นานาพรรณ สงบเงียบและแยกตัวออกมาไกลจากเรือนอื่นๆ พอสมควร
เรือนแมกไม้นี้ด้านหลังใกล้กับภูเขาจึงมองเห็นน้ำตกอยู่ไม่ไกลนัก เสียงของน้ำที่กระทบลงบนหินดังมาถึงที่เรือนให้ความรู้สึกสดชื่นและผ่อนคลาย
สยงฺคุนขอซินเค่อซีพักที่เรือนแห่งนี้ ซินเค่อซีแค่ได้ฟังก็เข้าใจวัตถุประสงค์ของอีกฝ่ายเขาจึงอนุญาตแทบจะทันที ทั้งยังสั่งไม่ให้ผู้ใดไปรบกวนพวกเขา
“ท่านนี่หน้าไม่อายเสียจริง ไปขอที่พักของพวกเขามาทำแบบนี้” เหอชิวจวี๋บ่นพร้อมกับหลับตาพริ้มรับความสุขที่สยงฺคุนมอบให้
บุรุษที่ถูกต่อว่าไม่สนใจเสียงของสตรีแม้แต่นิดเดียว เพราะว่าเขาตอนนี้มัวแต่ใช้ลิ้นเลียวนที่กลีบดอกไม้ชุ่มชื้นด้านล่างของนาง
ตั้งแต่รู้ว่าต้องทำให้นางตั้งครรภ์โดยเร็วที่สุด สยงฺคุนก็ลืมเรื่องหน้าที่การงานไปจนหมด เมื่อกลับมาถึงจวนของซินเค่อซีก็ตรงดิ่งมาที่เรือนแมกไม้ แล้วจับเหอชิวจวี๋ขึ้นเตียงพร้อมกับถอดเสื้อผ้าของสตรีและของตัวเองออกโดยไม่รีรอ
“อื้อ ข้าชอบ” เหอชิวจวี๋พูด มือเรียวยกจับศีรษะของบุรุษไว้แน่นราวกับกลัวว่าเขาจะเงยหน้าหนีส่วนอ่อนไหวของตน
สยงฺคุนเห็นดังนั้นจึงเร่งความเร็วลิ้น เขาทั้งเลียกลีบนุ่มฝั่งซ้ายขวาและเกร็งลิ้นแหย่เข้าออกโพรงรักจนน้ำหวานใสของสตรีหลั่งออกมาจำนวนมาก
“สยงฺคุน อื้มม” เหอชิวจวี๋พูดได้แค่นี้ ร่างบางก็สั่นเกร็งบ่งบอกว่านางถึงฝั่งฝันแล้ว
บุรุษเงยหน้าพร้อมกับเลียริมฝีปากปากของตน แววตาเจ้าเล่ห์ของเขามองเรือนร่างอรชรที่นอนหายใจหอบเหนื่อยก็ยิ้มชอบใจ
“ข้าจะต่อล่ะนะ” เขาจับขาเรียวอ้าออกกว้างแล้วแทรกกายเข้าไปตรงกลางหว่างขาของหญิงสาว มือหนาจับแก่นกายที่พร้อมออกศึกสอดเข้าปากโพรงรักช้าๆ
“อืม” สตรีส่งเสียงครางพึงพอใจออกจากลำคอเบาๆ นางแอ่นสะโพกลอยสูงขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่บุรุษให้เขาสอดใส่เข้าลึกยิ่งขึ้น
สยงฺคุนอมยิ้ม เขาขยับเอวสอบทันทีเมื่อลำใหญ่เข้าไปจนสุด บุรุษเร่งจังหวะและเพิ่มความแรงตามสัญชาตญาณเมื่อโพรงนุ่มร้อนและชุ่มชื้นโอบรัดแก่นกายของเขาราวกับต้องการจะรีดน้ำรักออกมาจนหมด
“จวี๋เอ๋อร์ เรามามีลูกกันเถอะ” เขาพูดน้ำเสียงอ่อนโยน
ก่อนหน้านี้เขาร่วมรักกับนางคิดแค่เรื่องแต่งงานกับการบริหารบ้านเมือง ยังไม่เคยคิดไปไกลถึงเรื่องมีลูก แต่เมื่อฟังนักพรตตู้เสินเขาจึงตระหนักได้ว่า ยามที่คนสองคนแต่งงานกันก็ต้องมีการสร้างครอบครัว และครอบครัวที่สมบูรณ์แบบก็ยิ่งต้องมีเด็กน้อยมาเชื่อมสัมพันธ์ของคนในครอบครัว
ความรักของคนในครอบครัว สายสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นย่อมต้องเหนี่ยวรั้งซึ่งกันและกัน เขาจึงไม่แปลกใจเลยที่นักพรตตู้เสินแนะนำเช่นนี้
ดังนั้นตั้งแต่วันนี้เขาจะให้ความสำคัญกับเรื่องความรัก ครอบครัว พอๆ กับประเทศชาติที่ต้องดูแล
เหอชิวจวี๋ที่ครางเสียงหวานอยู่ใต้ร่างแกร่งของเขาสังเกตเห็นอารมณ์ที่เปลี่ยนไปของสยงฺคุน นางจึงเอื้อมมือเรียวขึ้นโน้มคอชายหนุ่มให้เขาก้มหน้าเข้าใกล้ตนเอง ริมฝีปากอวบอิ่มประทับกับริมฝีปากของเขาอย่างนุ่มนวล
“ข้าจะมีลูกให้เจ้า สักสามคนพอหรือไม่” นางถอนจุมพิต แล้วเอ่ยถามลองใจเขา
“ไม่พอ ห้าคนกำลังดี” สยงฺคุนตอบ สายตาจริงจังจ้องมองใบหน้าสตรีก่อนที่จะซุกจมูกอยู่ที่ซอกคอระหงของนาง
“คืนนี้ข้าขอลูกชายนะ” เขากระซิบข้างใบหูของเหอชิวจวี๋ ส่วนเอวสอบก็ขยับไม่หยุด ดั่งกับคนที่ไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อย
“ก็ได้ ถ้าเจ้ามีความสามารถนั้น” หญิงสาวหยุดร้องครางแล้วตอบเสียงหวาน นางยกมือเรียวขึ้นโอบรอบตัวของบุรุษขณะที่พูด “เจ้าอย่าเหนื่อยง่ายละกัน”
“ท้าทายใช่หรือไม่ ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นเอง” สยงฺคุนหัวเราะเสียงดัง คืนนี้เขาจะทำให้นางเหนื่อยจนเพลียแน่นอน
“เจ้าหยุดปากมาคุยกับข้าก่อนได้ไหม” เหอชุนหลานบ่นซินเค่อซีที่ตอนนี้กำลังง่วนอยู่แถวหน้าอกอวบอิ่มของตน บุรุษเงยหน้าขึ้น แล้วส่งสายตาหวานเชื่อมแก่สตรีตรงหน้า “ข้าเตรียมพร้อมสำหรับลูกตัวน้อย เมื่อเขาเกิดมาจะได้มีเต้านมใหญ่ๆ น้ำนมไหลคล่องๆ” “ทะลึ่ง ทำตัวเป็นเครื่องปั๊มนมไปได้” เหอชุนหลานหัวเราะร่วน ก่อนใช้นิ้วเรียวบีบแก้มบุรุษของตน “เจ้าไม่พูดคุยร่ำสุรากับองค์รัชทายาทหรืออย่างไร ถึงได้ให้พวกเขาไปอยู่ที่เรือนแมกไม้ไกลขนาดนั้น” เหอชุนหลานเอ่ยถาม นางคิดว่าบุรุษทั้งสองไม่ได้เจอกันหลายเดือน น่าจะอยากสนทนากันมากกว่านี้ “เจ้าคิดว่าเรื่องของข้าสำคัญ หรือเรื่องของเหอชิวจวี๋สำคัญกว่ากันล่ะ ตอนนี้ในหัวของสยงฺคุนคงมีแต่เรื่องทำลูกให้ได้โดยเร็วที่สุด” ซินเค่อซีหัวเราะ สายตาจ้องมองหน้าอกอวบอิ่มไม่วางตา “ข้าก็ต้องขยันเช่นกัน รอลูกคนนี้คลอดออกมาก็จะได้มีคนต่อไปได้เลย” “ข้าไม่ใช่แม่พันธุ์นะ” เหอชุนหลานมองค้อนอีกฝ่าย นางกัดริมฝีปากก่อนเอื้อมมือบางไปที่จุดสำคัญของเขา “เจ้าเป็นพ่อพันธุ์หรืออย่างไร ขอข้าดูหน่อย” “ได้ ข้าจะให้เจ้าดูทั้งคืนแ
“อ๊ะ อ้า อืม” เสียงครางหวานจากปากสตรีที่ยังไม่ได้สติสัมปชัญญะดังขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ร่างแกร่งที่คร่อมอยู่บนตัวนางขยับเอวสอบเร็วและแรงมากขึ้น“ขนาดหลับอยู่ยังตอบสนองดีขนาดนี้ คุณหนูสามสกุลเหอนี่เก่งเสียงจริง” บุรุษใบหน้าหล่อเหลาพูดขณะที่เหงื่อซึมออกทั่วสรรพางค์กายเขาเริ่มบรรเลงเพลงรักกับสตรีสกุลเหอ เหอชิวจวี๋ คุณหนูสามผู้ที่ขึ้นชื่อว่างดงามในระดับต้นๆ ของแคว้นเป่ยจ้านเมื่อได้ตัวนางมา แม้ว่านางจะยังไม่ฟื้น แต่เขาก็ไม่ลังเลลงมือ เพราะหากนางตื่นแล้วอาจจะรับมือยากขึ้นกว่านี้‘เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ทั้งคับแน่นทั้งเสียว อื้อ’ สตรีที่กำลังอยู่ในภวังค์ นางยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง รู้เพียงแต่ว่าร่างกายในตอนนี้เสียวซ่านไปทั่วทั้งตัวร่างบางแอ่นหน้าอกอวบอิ่มลอยสูงขึ้น นัยน์ตาคมเข้มจ้องมองแล้วก้มลงดูดยอดถันสีชมพูหวานทั้งสองข้างสลับไปมาด้วยความพึงพอใจ“ข้าจะทำให้เจ้าสุขสมทั้งคืนแน่นอน” เขากระซิบข้างหูหญิงสาวก่อนที่จะจับนางเปลี่ยนท่าตามความชอบของตนช่วงสายของอีกวัน สตรีเรือนร่างอรชรที่มีรอยรักประทับทั่วเรือนร่างก็ลืมตาขึ้นช้าๆ นางกวาดสายตามองรอบห้องด้วยความงุนงง“นี่ที่ไหนกัน” หญิงสาวพูดพลา
จวนสกุลเหอ“นายท่าน มีคนนำกล่องไม้นี้มาให้ขอรับ บอกว่าเป็นของคุณหนูสาม” พ่อบ้านของจวนยื่นกล่องไม้ขนาดไม่ใหญ่นักส่งให้เหอตง ผู้นำสกุลเหอ ทั้งยังเป็นบิดาของเหอชิวจวี๋บุรุษวัยกลางคนรับกล่องไม้มาเปิดดูด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อเห็นสิ่งของข้างในก็เขวี้ยงทิ้งลงพื้นแทบจะทันที“ใครกันมันบังอาจเช่นนี้ หยามหน้าข้าเหอตงผู้เป็นราชครูของฮ่องเต้ยิ่งนัก”“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้น” ฮูหยินใหญ่ของเหอตง ลู่หลิง เดินผ่านมาพอดีจึงเข้ามาถามด้วยความสงสัยนางเดินไปดูกล่องไม้และผ้าที่หล่นบนพื้น เมื่อสังเกตจนรู้ว่าคือสิ่งใด มือทั้งสองข้างก็ยกขึ้นมาปิดปากก่อนกรีดร้องออกมา“ไม่จริง จวี๋เอ๋อร์ของเราใช่หรือไม่” พวกเขาสามีภรรยาสกุลเหอฟูมฟักทนุถนอมเหอชิวจวี๋มาเป็นอย่างดี จนนางเป็นสตรีที่งามล่มเมือง ความรู้ความสามารถที่สตรีควรมีนางล้วนเป็นทุกอย่างและไม่เป็นรองผู้ใด พวกเขาหวังจะให้นางเป็นพระชายาขององค์รัชทายาท บุรุษผู้ที่ได้ชื่อว่าสมบูรณ์แบบที่สุดในแคว้นเป่ยจ้านแต่ตอนนี้สิ่งที่ได้เห็นคือผ้าเปื้อนเลือดพรหมจรรย์ของบุตรสาวตนเอง ไม่ว่าใครก็ย่อมตกใจและโกรธแค้นเป็นธรรมดายังดีที่องค์รัชทายาทตอนนี้ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง มิเช่น
เหอชุนหลานกลับถึงเรือนนอนของตนก็สั่งสาวใช้ให้เตรียมน้ำอุ่น จากนั้นนางก็อาบน้ำและทำความสะอาดแทบจะทุกซอกทุกมุมเสี่ยวเหมยเห็นดังนั้นก็ตกใจแต่ก็ต้องเก็บอาการ นางเพิ่งเคยเห็นนายท่านบ้านตนมีอะไรกับสตรีซ้ำครั้งที่สอง ทั้งยังกลางวันแสกๆ ในห้องหนังสือ นางรีบช่วยเหอชุนหลานอาบน้ำขัดผิวด้วยความตั้งใจเห็นทีคุณหนูเหอผู้นี้จะเป็นที่สนใจของนายท่านจริงๆ ไม่แน่ว่าต่อไปนางจะได้มาเป็นฮูหยินของจวนนี้“เสี่ยวเหมย ข้าอยากได้สมุดกับปากกา เอ่อ หมายถึงกระดาษกับพู่กันน่ะ ขอกระดาษหลายแผ่นหน่อยนะ” เหอชุนหลานบอกสาวใช้ตัวน้อย นางอยากได้มาจดรายรับรายจ่ายของตน ตอนนี้รายรับยังไม่มี แต่ถ้าไอ้รูปหล่อคนนั้นยังหื่นใส่อีก นางก็จะจดเพิ่มเงินไปเรื่อยๆผู้ใดจะกล่าวหาว่านางเป็นสตรีขายตัวก็ช่าง นางอยู่ในบ้านคนอื่นก็คงต้องหากินแบบนี้ไปก่อน หากมีที่มีทางอยู่ข้างนอกคงต้องคิดวิธีหาเงินใหม่พร้อมกับหาวิธีกลับบ้าน“เสี่ยวเหมย” ชุนเหอหลานเรียกสาวใช้อีกครั้ง “ข้าใบหน้าเหมือนคุณหนูสามเหอมากเลยหรือ” นางถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจสาวใช้ตัวน้อยยื่นหน้าเข้าใกล้เหอชุนหลาน ดวงตาจ้องทั่วหน้าและมองต่ำสำรวจเรือนร่าง“เหมือนมากเจ้าค่ะ ราวกับคน
‘ไอ้รูปหล่อเป็นท่านอ๋องหรอกหรือ แต่ผู้ชายมักมากไม่เห็นจะน่าคบสักนิด’ เหอชุนหลานดูแคลนบุรุษในใจ ยิ่งเห็นสตรีข้างกายเขาก็รู้สึกทั้งสงสารและสมเพชในเวลาเดียวกัน คิดดังนั้นก็จูงมือเสี่ยวเหมยให้รีบเดินออกห่างจากพวกเขาทันที “ตลาดกลางคืนมักขายอาหารกับเครื่องประดับ พวกของขวัญชิ้นเล็กๆ สินะ” เหอชุนหลานกวาดสายตามองโดยรอบเพื่อที่จะคิดธุรกิจของตนเองบ้าง พอได้เงินจากอ๋องหื่นกามมานางจะได้เอามาเป็นเงินทุนตรงนี้ นางเดินไปนั่งที่เก้าอี้หลบมุมตัวหนึ่ง พลางมองผู้คนที่เดินผ่านไปมา สังเกตเห็นว่ามีแต่คู่หนุ่มสาวที่มาด้วยกันเป็นส่วนใหญ่ “ข้าเย็บชุดชั้นในขายดีกว่า เอาแบบยั่วๆ ผู้หญิงซื้อใส่ยั่วผู้ชาย ส่วนผู้ชายก็ซื้อให้คนรัก สร้างกิจกรรมบนเตียงที่จืดชืดให้กลับมาเร่าร้อนเหมือนดั่งครั้งแรกที่ถึงเนื้อถึงตัวกัน” เหอชุนหลานยิ้มภูมิใจกับความคิดของตนเอง นางวางแผนไว้ว่าพรุ่งนี้จะต้องหาเวลาออกไปสำรวจตลาดผ้า จะได้เลือกแบบและลวดลายไว้ล่วงหน้า ~~~~~~~~เมื่อกลับมาถึงจวนไป๋หลิน เหอชุนหลานก็ลงอ่างแช่น้ำร้อนให้ร่างกายผ่อนคลาย ดีที่ท่านอ๋องเจ้าของจวนยังไม่กลับ นางจึ
ด้านบุรุษเมื่อเดินออกจากเรือนของเหอชุนหลาน ในหัวก็ครุ่นคิดแต่เรื่องของหญิงสาว“จูบปากยังหวานขนาดนี้ ไม่รู้ว่าตรงส่วนนั้นจะหวานขนาดไหน” เขาเคยมีสัมพันธ์กับสตรีหลายคนก็จริง แต่แทบไม่เคยใช้ปากกับผู้ใด เรียกได้ว่าเหอชุนหลานเป็นสตรีคนแรกที่เข้าใช้ปากเกือบทุกส่วนแล้ว เหลือเพียงสำรวจส่วนล่างที่อ่อนไหวที่สุดเท่านั้น "คราวหน้าข้าจะทำเต็มรูปแบบ" เขาพูดพลางเดินเข้าเรือนตนเอง “ทำอะไรเต็มรูปแบบหรือขอรับ” ไห่ต้าลูกน้องคนสนิทถามด้วยความสงสัย “จะปรับปรุงหอเทียบสวรรค์หรือขอรับ” บุรุษสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียง เขาถลึงตาใส่ไห่ต้ากลบเกลื่อนความเคอะเขิน “ก็ประมาณนั้น” ~~~~~~~~ เช้าตรู่ของอีกวัน เหอชุนหลานยังไม่ทันได้ตื่นนอน ไห่ต้าก็ส่งเสียงร้องเรียกจนเสี่ยวเหมยรีบมาเปิดประตูให้ “มีอะไรหรือ” สาวใช้ตัวน้อยถามบุรุษตัวใหญ่ด้วยความสงสัย ไห่ต้ายื่นกล่องไม้ในมือตนให้อีกฝ่ายทันที “นายท่านให้นำมามอบแก่คุณหนูเหอ ของอื่นๆ จะตามมาทีหลัง” เขาพูดโดยไม่อธิบายอะไรปล่อยเสี่ยวเหมยยืนงุนงงก่อนเดินกลับเข้าเรือน เมื่อเหอชุนหลา
“เจ้ามันพวกอันธพาล” เหอชุนหลานบ่นอุบก่อนเดินเข้าไปใกล้กับเตียง ดวงตางามกวาดมองเผื่อจะมีพวกตั่งยาวที่พอจะให้ตัวเองนอนได้ “ข้าจะนอนบนพื้น” สตรีพูดเมื่อไม่เห็นสิ่งที่หวัง “อยู่เตียงเดียวกับเจ้าคงไม่ได้นอน” “จะนอนบนพื้นให้ปวดหลังทำไม มานี่” บุรุษออกคำสั่งเสียงเข้ม เขาลุกจากเตียงเดินมาฉุดแขนเหอชุนหลานให้ไปที่เตียงกับเขา “ใส่ชุดที่เจ้าตัดเย็บให้ข้าดูหน่อย” เขาเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นนุ่มนวลชวนขนลุกแทน เหอชุนหลานกรอกตาพร้อมส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ข้าจะเอาไว้ขาย ไม่ได้เอามาใส่เล่น” “เช่นนั้นข้าซื้อ เจ้าใส่ให้ข้าดูจะเพิ่มราคาให้” “ข้าขอเพิ่มอีกอย่าง เจ้าตกลงชื่อแซ่อะไรกันแน่” เหอชุนหลานถาม นางรู้ว่าคนสมัยนี้มีหลายชื่อ จิ่งซีเป็นเพียงชื่อที่คนในครอบครัวและคนสนิทเรียกเท่านั้น นางจึงไม่เคยรู้ชื่อที่ผู้คนทั่วไปใช้เรียกเขาเลย ถ้ารู้ ต่อไปเมื่อได้ยินคนนินทาถึงเขาจะได้หยุดฟังได้ บุรุษยกยิ้มมุมปาก มือหนาคว้าร่างให้ล้มนั่งบนตักของตน ริมฝีปากจ่อที่ข้างหูหญิงสาว “ข้าชื่อซินเค่อซี แต่คนที่บ้านจะเรียกข้าว่าจิ่งซี ข้าบอก
“องค์รัชทายาทรู้ว่านายท่านพักที่นี่เลยแวะเข้ามาทักทายขอรับ” “ดีจริง ข้าจะไปหาเขาแต่ยังไปไม่ถึง เขากลับมาหาข้าเสียเอง เจ้าให้รัชทายาทรอที่ห้องด้านข้างสักครู่ กั้นฉากบังตาไว้ เดี๋ยวข้าออกไปทั้งอย่างนี้” ซินเค่อซีสั่งสั้นๆ แต่ไห่ต้ารับคำเข้าใจสิ่งที่เจ้านายบ้านตนต้องการทันที “ไปหาทั้งอย่างนี้ คืออะไร ปล่อยข้าลงนะ” เหอซีหลานได้สติจึงดิ้นหวังจะลงจากแขนแกร่งของเขา นางไม่ยินยอมที่จะมีสัมพันธ์ทางกายต่อสายตาผู้อื่น เรื่องเช่นนี้ต้องทำกันในที่ส่วนตัว การทำเช่นนี้ถือว่าไม่ให้เกียรตินางอย่างมาก “อย่าดิ้น” บุรุษดุ เขาปล่อยมือข้างหนึ่งเพื่อเปิดประตูแล้วเดินออกไปข้างนอกโดยไม่สนใจสิ่งที่สตรีร้องขอ เหอชุนหลานโมโหมาก ได้แต่ซุกหน้าอยู่ที่อกแกร่งของชายหนุ่ม ทั้งยังหลับตาเพราะไม่ต้องการให้ผู้อื่นได้เห็นใบหน้าของตน ดังนั้นนางจึงไม่รู้เลยว่าไห่ต้าให้คนมากางผ้าบดบังสายตาไม่ให้ผู้อื่นมองเห็นเรียบร้อยแล้ว ซินเค่อซีเดินเข้าห้องด้านข้าง เมื่อเห็นเงาหลังฉากกั้นก็เอ่ยทักทายตามมรรยาท “ต้องขออภัยที่ต้อนรับเช่นนี้ รัชทายาทมาหากระหม่
“เจ้าหยุดปากมาคุยกับข้าก่อนได้ไหม” เหอชุนหลานบ่นซินเค่อซีที่ตอนนี้กำลังง่วนอยู่แถวหน้าอกอวบอิ่มของตน บุรุษเงยหน้าขึ้น แล้วส่งสายตาหวานเชื่อมแก่สตรีตรงหน้า “ข้าเตรียมพร้อมสำหรับลูกตัวน้อย เมื่อเขาเกิดมาจะได้มีเต้านมใหญ่ๆ น้ำนมไหลคล่องๆ” “ทะลึ่ง ทำตัวเป็นเครื่องปั๊มนมไปได้” เหอชุนหลานหัวเราะร่วน ก่อนใช้นิ้วเรียวบีบแก้มบุรุษของตน “เจ้าไม่พูดคุยร่ำสุรากับองค์รัชทายาทหรืออย่างไร ถึงได้ให้พวกเขาไปอยู่ที่เรือนแมกไม้ไกลขนาดนั้น” เหอชุนหลานเอ่ยถาม นางคิดว่าบุรุษทั้งสองไม่ได้เจอกันหลายเดือน น่าจะอยากสนทนากันมากกว่านี้ “เจ้าคิดว่าเรื่องของข้าสำคัญ หรือเรื่องของเหอชิวจวี๋สำคัญกว่ากันล่ะ ตอนนี้ในหัวของสยงฺคุนคงมีแต่เรื่องทำลูกให้ได้โดยเร็วที่สุด” ซินเค่อซีหัวเราะ สายตาจ้องมองหน้าอกอวบอิ่มไม่วางตา “ข้าก็ต้องขยันเช่นกัน รอลูกคนนี้คลอดออกมาก็จะได้มีคนต่อไปได้เลย” “ข้าไม่ใช่แม่พันธุ์นะ” เหอชุนหลานมองค้อนอีกฝ่าย นางกัดริมฝีปากก่อนเอื้อมมือบางไปที่จุดสำคัญของเขา “เจ้าเป็นพ่อพันธุ์หรืออย่างไร ขอข้าดูหน่อย” “ได้ ข้าจะให้เจ้าดูทั้งคืนแ
เมื่อเหอชุนหลานตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าซินเค่อซีนอนอยู่ด้านข้างจ้องมองใบหน้านางไม่วางตา สตรีเบี่ยงหน้าหลบด้วยความตกใจ เมื่อตั้งสติได้จึงหันไปส่งยิ้มหวานละมุนให้แก่เขา ซินเค่อซีเห็นดังนั้นก็อมยิ้ม เขาคว้าร่างบางให้แนบชิดกับกายแกร่งของตนเอง ริมฝีปากบางจุมพิตที่หน้าผากสตรีแล้วเลื่อนไปจุมพิตที่ริมฝีปากอวบอิ่มอย่างรักใคร่ “หลานหลาน สยงฺคุนกับเหอชิวจวี๋เล่าเรื่องที่นางได้พบให้ข้าฟัง” บุรุษเล่าเรื่องที่ตนพูดคุยให้กับเหอชุนหลานฟังด้วยสีหน้าอันเป็นกังวล เขากลัวว่าเหอชุนหลานกับลูกน้อยในท้องของตนอยู่ดีๆ จะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยดั่งเช่นคราวก่อน หากนางไม่อยู่กับเขา แล้วเขาจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรดี “เช่นนั้นพรุ่งนี้พวกเราไปหานักพรตตู้เสินกันเถอะ ข้าได้ยินมาว่าเขารอบรู้ทุกเรื่อง” เหอชิวหลานกล่าว นางทำท่าทางสบายใจเพื่อไม่ให้บุรุษรู้สึกวิตกกังวล ดีที่ระหว่างการเดินทาง ได้ยินว่านักพรตตู้เสินรู้สรรพสิ่งในใต้หล้า ไม่ว่าจะอดีต ปัจจุบันและอนาคต เหอชุนหลานจึงคิดตั้งแต่แรกแล้วว่าจะต้องไปหาเพื่อแก้ไขอนาคตที่ไม่อาจคาดการณ์ได้
ไห่ซานเข้ามาภายในเรือน เขามีท่าทางกระอักกระอ่วนอย่างชัดเจน แต่เมื่อเห็นสายตาคาดคั้นของเจ้านายตน เขาจึงต้องเอ่ยรายงาน “องค์รัชทายาทแคว้นเป่ยจ้านติดต่อมาว่าอยากพบประมุขหอเทียบสวรรค์ขอรับ อีกอย่าง ฮ่องเต้ซีหนานก็ส่งเทียบเชิญให้นายท่านไปงานคัดเลือกราชบุตรเขยขององค์หญิงรอง” “ไม่พบ ไม่ไป” ซินเค่อซีตอบรวดเร็ว เมื่อก่อนที่เขาเป็นเสิงโหย่วอ๋องที่เป่ยจ้านก็ไม่เห็นจะมีผู้ใดมารบกวนอยากเจอประมุขหอเทียบสวรรค์ เหตุใดพอเขากลับมาอยู่จวน แต่ละแคว้นจึงต้องการอยากพบเขานัก “ฮ่องเต้ซีหนานอยากได้เจ้าเป็นราชบุตรเขยหรือเปล่า” เหอชุนหลานที่เปลี่ยนเสื้อผ้าและล้างหน้าทำผมเรียบร้อยแล้วเดินออกมาจากฉากกั้นแล้วเอ่ยแซวอารมณ์ดี “ข้ามีฮูหยินคนเดียวพอแล้ว” ซินเค่อซีตอบ แต่คิ้วหนากลับขมวดครุ่นคิด “ช่วงนี้ก็ไม่มีสงคราม ไม่มีภัยธรรมชาติ การเมืองของแต่ละแคว้นปกติ เรื่องภายในยุทธภพยิ่งไม่มีปัญหา แล้วพวกเขาต้องการพบข้าทำไม” “สงสัยก็ไปพบเสียสิ” เหอชุนหลานกล่าว “แต่ถ้าไม่อยากรู้ก็ไม่ต้องไป ข้าคิดว่าฮ่องเต้ซีหนานอยากได้เจ้าเป็นราชบุตรเขย ส่วนรัชทายาทสยงฺคุน
“หลานหลาน ตอนนั้นเจ้าตกแม่น้ำแล้วหายไปไหนมา ใครช่วยเจ้า อีกอย่างเจ้าเข้าไปในเมืองหลวงได้อย่างไร” ซินเค่อซีถามคำถามที่ค้างคาใจมานาน เขาส่งคนคอยสอดส่องค้นหานางในแต่ละเมือง แต่อยู่ดีๆ นางกลับปรากฏกายในเมืองหลวงโดยไม่มีผู้ใดพบเห็นเหอชุนหลานซึ่งนอนภายในอ้อมแขนของเขา นางยกมือขึ้นมาลูบอกแกร่งของบุรุษ ในหัวครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะบอกเขาอย่างไรดี“ข้ามาจากที่แสนไกล ไกลเกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการถึง ข้าตกน้ำจากที่บ้านของข้า รู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ที่นี่ ครั้งนั้นที่ข้าตกแม่น้ำ ข้าก็ได้กลับไปบ้านของข้า และที่ข้ากลับมาที่นี่อีกครั้ง....”เหอชุนหลานยังไม่ทันพูดจบ ซินเค่อซีก็พูดแทรกขึ้น “เพราะว่าเจ้าตกน้ำสินะ”“อืม” สตรีพยักหน้าตอบรับ “ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าจะอยู่กับเจ้าได้อีกนานเท่าไหร่ หากข้าตกน้ำอีกครั้ง แล้วจากไปโดยที่กลับมาไม่ได้ ก็คงต้องฝากเจ้าดูแลลูกของเราด้วย”“ไม่ได้” บุรุษรีบปฏิเสธทันควัน “เจ้าต้องอยู่กับข้า ต้องอยู่ดูแลเลี้ยงลูกกับข้าไปจนแก่เฒ่า ไม่ได้ ข้าจะสั่งถมลำธารถมแม่น้ำภายในบริเวณจวนให้หมด” ซินเค่อซีรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เหอชุนหลานรีบดึงแขนของเขาเอาไว้“นี่มันดึกมากแล้ว เจ้าจะไปรบ
หลังจากทำพิธีเสร็จ สยงฺคุนก็รีบพาเหอชิวจวี๋จากไปด้วยความใจร้อน เรื่องเมื่อคืนเขาต้องรับผิดชอบนางอย่างเต็มที่ จึงจะไปขอฮ่องเต้ออกราชโองการพระราชทานงานมงคลให้เขาและเหอชิวจวี๋อีกอย่าง เขาได้ลิ้มลองความอ่อนนุ่มและหอมหวานของสตรีแล้ว จะให้เขามาอดทนรอวันแต่งงานนานๆ คงทนไม่ไหวรีบแต่งงานภายในเดือนสองเดือนเลยยิ่งดี“จิ่งซี ไว้ข้าแต่งงานเรียบร้อยแล้วจะรีบมาหาเจ้าทันที” เขาพูดหน้าสุสานก่อนจากไป~~~~~~~~หลังจากจัดการเรื่องราวต่างๆ เสร็จเรียบร้อย ซินเค่อซีก็เปลี่ยนชุดแล้วขึ้นมานั่งรถม้ากับเหอชุนหลาน เขาไม่รีบเดินทางกลับจวนตัวเอง แต่สั่งให้รถม้าแวะจอดแทบทุกเมืองที่ผ่านทางโรงเตี๊ยมเหม่ยสือห่าวจิ่วเหอชุนหลานนั่งถอนหายใจ สายตามองค้อนซินเค่อซีที่สั่งอาหารไม่ยอมหยุด“เจ้าจะสั่งอะไรเยอะนัก กินหมดอย่างนั้นหรือ” ตลอดทางที่ผ่านมาบุรุษผู้นี้ก็สั่งแต่อาหารขึ้นชื่อแล้วบังคับให้นางกินทุกอย่าง อ้างว่าลูกในท้องต้องได้กินแค่ของอร่อยตอนแรกนางก็ยอมกินอยู่หรอก แต่พอผ่านหลายเมืองเข้านางก็กินไม่ไหว ตอนนี้อาหารที่กินเข้าไปยังเต็มภายในกระเพาะอาหาร“ฮูหยินของข้าอยากกินอะไร อยากได้อะไรข้าก็สามารถหามาให้ได้ทุกอย่าง ข้า
“เดี๋ยวหาที่หยุดพัก กางกระโจมใหญ่หลายหลังหน่อย” ซินเค่อซีส่งเสียงออกคำสั่งดังออกมาจากโลงไม้ เขาคิดแผนการบางอย่างได้อย่างรวดเร็ว“ขอรับ” ไห่ต้ากับไห่ซานขานรับ แล้วแยกย้ายไปจัดการตามคำสั่งของเจ้านายตนเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยาม รัชทายาทก็พาเหอชิวจวี๋มาถึงกระโจมที่พักของขบวนซินเค่อซี กระโจมหลังใหญ่ที่สุดวางโลงไม้ของซินเค่อซีไว้ตรงกลาง ส่วนกระโจมหลังอื่นตั้งอยู่รอบกระโจมนี้เหอชิวจวี๋เข้ามาภายในกระโจมก่อน นางมาคุกเข่าพูดกับโลงไม้ด้วยสีหน้าและท่าทางน่าสงสาร“เสิงโหย่วอ๋อง แม้ข้าจะจำเรื่องระหว่างเราไม่ได้ แต่ถ้าหากข้าเป็นสตรีของท่านแล้ว ข้าก็จะไม่ทิ้งท่านไปไหน”รัชทายาทเดินมาอยู่หลังหญิงสาว เขายกมือหนาขึ้นมาจับไหล่ปลอบใจนาง “เสิงโหย่วอ๋องไปดีแล้ว เจ้าอย่าทำให้น้ำตารั้งเขาไว้ เดี๋ยวเขาจะไปไม่สงบ เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ ตอนเช้าจะได้มีแรงเดินทาง”“เพคะ” เหอชิวจวี๋ไม่กล้าปฏิเสธความหวังดีของบุรุษ นางจึงตอบรับแล้วจากไปอย่างเงียบๆ“นี่เหอชิวจวี๋หรือ เหมือนข้าราวกับฝาแฝด” เหอชุนหลานที่แอบมองอยู่ดูสตรีอีกคนด้วยความประหลาดใจ “ที่จริงหน้าเหมือนก็ไม่เท่าไหร่ แต่ชื่อแซ่ดันใกล้เคียงกันน่ะสิ แปลกดีแฮะ”เ
“เจ้าไม่น่าอายุสั้นเช่นนี้” รัชทายาทที่เข้ามาดูศพซินเค่อซีนั่งจ้องมองใบหน้าซีดเผือกของบุรุษที่นอนบนเตียงพูดเสียงเบา‘เจ้านั่นแหละจะมานั่งจ้องข้าเช่นนี้ทำไม’ ซินเค่อซีบ่นในใจ เขาแกล้งนอนตายกลั้นลมหายใจมาหนึ่งเค่อ (สิบห้านาที) แล้ว รัชทายาทเจ้าปัญหาก็ยังไม่ยอมลุกไปไหนหากยังนั่งต่ออีกหนึ่งก้านธูปหรือหนึ่งชั่วยามความต้องแตกแน่นอน“เฮ้อ ข้าจะส่งเหอชิวจวี๋ไปเฝ้าสุสานเจ้าดีหรือไม่” รัชทายาทนั่งไขว่ห้างยกศอกขึ้นมาเท้าต้นขาแล้วส่งเสียงครุ่นคิด‘เฝ้าสุสานเจ้าน่ะสิ’ ซินเค่อซีโต้เถียงในใจ“นางเป็นของเจ้าแล้ว ข้าคงไม่เอานางมาดูแลต่อหรอก” รัชทายาทยังคงพูดไปเรื่อยๆ ไม่สังเกตร่างที่แกล้งไร้วิญญาณ‘นางยังไม่ได้เป็นของข้า เจ้าอยากเอาก็เอาไปสิ’ คิ้วของซินเค่อซีเริ่มขมวดเป็นปมจนไห่ซานสังเกตเห็น เขารีบกระแอมเตือนเสียงดัง“เอ่อ องค์รัชทายาท ตามธรรมเนียมของพวกเราแล้ว ต้องนำร่างของท่านอ๋องไปฝังที่เมืองเกิดภายในสามวันขอรับ หากไปช้าเดี๋ยวจะไม่ทัน”“งั้นหรือ ข้าไปด้วยละกัน” รัชทายาทหนุ่มลุกขึ้นหมายจะร่วมเดินทางเพื่อไปทำพิธีที่สุสาน“ไม่ต้องพะย่ะค่ะ ขบวนต้องการความเงียบเพื่อส่งผู้วายชนม์ไปสรวงสวรรค์” ไห่ต้าอธิบ
ในช่วงที่กลับมาอยู่ในยุคอดีตอีกครั้ง เหอชุนหลานก็ทยอยไปเอาเสื้อผ้าในกระสอบมาแอบขายที่ตลาดกลางคืน นางไม่รู้ว่าแคว้นเป่ยจ้านมีกฎหมายหรือข้อห้ามอะไรบ้าง จึงต้องทำลับๆ ล่อๆ ในช่วงแรก“ชุดของแม่นางเหอใส่ดีมาก ทำเอาสามีข้าขยันขึ้นเตียงทุกคืนเลย” เสียงชมของลูกค้าทำให้เหอชุนหลานดีใจจนตัวแทบลอย“แม่นางเหอน่าจะเอาชุดไปลองขายให้เสิงโหย่วอ๋องดูนะ อาจจะร่ำรวยจนตั้งตัวได้เลยทีเดียว”เหอชุนหลานยิ้มแหย ที่มีตอนนี้ก็ตั้งตัวได้อยู่แล้ว เพียงแค่ยังไม่กล้าไปเอาออกมาก็เท่านั้น“ข้าจะลองพิจารณาดู” เหอชุนหลานตอบก่อนที่จะเก็บร้านพรุ่งนี้ขบวนของซินเค่อซีต้องผ่านถนนใหญ่ด้านหน้าตลาดกลางคืน ทหารของเสิงโหย่วอ๋องจึงมาเดินตรวจตราตั้งแต่วันนี้~~~~~~~~“ข้าจะตายที่ไหน ตายอย่างไรดี” ซินเค่อซีนั่งรถม้าวนไปเวียนมา เพราะเขามัวแต่คิดถึงเหอชุนหลาน จนลืมคิดว่าแผนการของตนเองต้องมีรายละเอียดอย่างไร“จะตายที่ไหนก็ตายได้ คนที่มีดวงจะตาย เดินสะดุดเปลือกกล้วยก็ตายได้” ไห่ต้าได้ฟังก็พูดตอบออกมาอย่างลืมตัว“หุบปากไปซะ” ซินเค่อซีส่งเสียงตะคอกออกมาจากรถม้า “จอดรถ” เขาส่งเสียงดังในเวลาไล่เลี่ยกันจนรถม้าต้องหยุดอย่างกะทันหันเรือนกาย
หลังจากออกจากวังหลวง ซินเค่อซีก็สั่งให้รถม้าไปยังหอเทียบสวรรค์ หอเทียบสวรรค์นี้เขาก่อตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมข่าวสารสำคัญทั้งยุทธภพ ข้อมูลการบริหารปกครองของทุกๆ แคว้นในดินแดนซีเป่ย ทั้งยังมีกองกำลังที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อย รักษาสมดุลอำนาจระหว่างแต่ละราชวงศ์และยุทธภพ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนมากที่สุด ดังนั้นเจ้าของหอเทียบสวรรค์จึงมีฐานะสูงส่ง แม้แต่ฮ่องเต้ของแต่ละแคว้นและประมุขยุทธภพต่างก็เกรงใจจนถึงขั้นเกรงกลัวไม่อยากมีปัญหาด้วย“หอเทียบสวรรค์ที่เป่ยจ้านก็มั่นคงแล้ว ข้าคงต้องกลับบ้านจริงๆ เสียที”ซินเค่อซีพูดพลางทอดถอนหายใจ เดิมเขาแค่อยากแกล้งรัชทายาทที่มักสร้างปัญหาให้เขาตลอดระยะหลายปีที่ผ่านมา เรื่องที่ร้ายแรงที่สุดคือ คู่หมั้นคนแรกของเขาถูกองค์รัชทายาทแย่งตัวไป แต่อีกฝ่ายก็ดูแลนางไม่ดีจนนางตกน้ำเสียชีวิต เขาจึงพยายามเอาคืนองค์รัชทายาท จนถึงขั้นจะแย่งเหอชิวจวี๋และพาไปด้วยกันกับเขาแต่เรื่องราวพลิกผันเมื่อเขาจับผิดคนจนมีความสัมพันธ์กับเหอชุนหลาน แผนการอื่นของเขาจึงต้องเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง เขายังอยากอยู่ที่แคว้นเป่ยจ้านตามหาเหอชุนหลานที่หายตัวไป แต่ใจหนึ่งก็ไม่กล้าคาดหวั