ไห่ซานเข้ามาภายในเรือน เขามีท่าทางกระอักกระอ่วนอย่างชัดเจน แต่เมื่อเห็นสายตาคาดคั้นของเจ้านายตน เขาจึงต้องเอ่ยรายงาน
“องค์รัชทายาทแคว้นเป่ยจ้านติดต่อมาว่าอยากพบประมุขหอเทียบสวรรค์ขอรับ อีกอย่าง ฮ่องเต้ซีหนานก็ส่งเทียบเชิญให้นายท่านไปงานคัดเลือกราชบุตรเขยขององค์หญิงรอง”
“ไม่พบ ไม่ไป” ซินเค่อซีตอบรวดเร็ว เมื่อก่อนที่เขาเป็นเสิงโหย่วอ๋องที่เป่ยจ้านก็ไม่เห็นจะมีผู้ใดมารบกวนอยากเจอประมุขหอเทียบสวรรค์ เหตุใดพอเขากลับมาอยู่จวน แต่ละแคว้นจึงต้องการอยากพบเขานัก
“ฮ่องเต้ซีหนานอยากได้เจ้าเป็นราชบุตรเขยหรือเปล่า” เหอชุนหลานที่เปลี่ยนเสื้อผ้าและล้างหน้าทำผมเรียบร้อยแล้วเดินออกมาจากฉากกั้นแล้วเอ่ยแซวอารมณ์ดี
“ข้ามีฮูหยินคนเดียวพอแล้ว” ซินเค่อซีตอบ แต่คิ้วหนากลับขมวดครุ่นคิด
“ช่วงนี้ก็ไม่มีสงคราม ไม่มีภัยธรรมชาติ การเมืองของแต่ละแคว้นปกติ เรื่องภายในยุทธภพยิ่งไม่มีปัญหา แล้วพวกเขาต้องการพบข้าทำไม”
“สงสัยก็ไปพบเสียสิ” เหอชุนหลานกล่าว “แต่ถ้าไม่อยากรู้ก็ไม่ต้องไป ข้าคิดว่าฮ่องเต้ซีหนานอยากได้เจ้าเป็นราชบุตรเขย ส่วนรัชทายาทสยงฺคุนใกล้จะได้ขึ้นครองราชย์แล้ว บางทีเขาอาจจะอยากคบเจ้าเป็นสหายสำหรับภายภาคหน้า หรือบางทีเขาอาจสงสัยว่าเสิงโหย่วอ๋องเป็นเจ้าของหอเทียบสวรรค์”
“ฮูหยินของข้าเฉลียวฉลาดยิ่งนัก อาจจะเป็นเหตุผลนี้ก็ได้ คิดดูสิ ใครๆ ก็อยากพบข้า แต่ข้าตัวติดกับเจ้าคนเดียว เจ้าว่าควรมีรางวัลให้ข้าหรือไม่” ซินเค่อซีพูดพลางส่งสายตาเป็นประกายให้หญิงสาว
“ขอข้าคิดก่อนว่าจะให้อะไรเจ้าดี” เหอชุนหลานมองซ้ายขวาก่อนเดินไปหยิบองุ่นบนโต๊ะมาป้อนใส่ปากเขา
“เอ่อ ข้าน้อยขอตัวก่อนดีกว่า” ไห่ซานเห็นท่าทางหวานชื่นของบุรุษสตรี เขาก็อยากหนีออกจากที่ตรงนี้ทันที
“ข้าเปลี่ยนใจล่ะ ตกลงรับคำเชิญทั้งคู่” ซินเค่อซีเคี้ยวและกลืนองุ่นลงคอแล้วตอบน้ำเสียงเคร่งขรึม จากนั้นเขาก็ยิ้มหวานให้เหอชุนหลาน “เจ้าก็ต้องไปกับข้าด้วย”
~~~~~~~~
วังหลวงแคว้นซีหนาน
ฮ่องเต้ซีหนานต้อนรับซินเค่อซีกับเหอชุนหลานอย่างกระตือรือร้น ส่วนองค์หญิงรองได้แต่มุ่ยหน้าด้วยความไม่พอใจ
นางได้ยินมาว่าประมุขหอเทียบสวรรค์รูปงามราวกับเทพเซียนจึงอยากจะเห็นใบหน้าของเขา หากว่าถูกใจจะได้ขอเสด็จพ่อเป็นฮูหยินของเขา คิดว่าอีกฝ่ายก็คงต้องการตำแหน่งราชบุตรเขยมาใช้เป็นบารมี นึกไม่ถึงว่าบุรุษผู้นี้มีอำนาจมากล้นจนฮ่องเต้และองค์ชายทุกแคว้นต่างต้องพินอบพิเทา เท่านั้นยังไม่พอ เขายังพาฮูหยินท้องโตของตัวเองมาเปิดตัวในงานเลี้ยงคัดเลือกราชบุตรเขยด้วย
นี่เท่ากับไม่ไว้หน้านางผู้เป็นตัวเอกของงานชัดๆ
ขณะที่ผู้อื่นต่างดีใจที่ได้เจอประมุขหอเทียบสวรรค์ รัชทายาทสยงฺคุนกับเหอชิวจวี๋ต่างนั่งนิ่งเงียบแต่สายตาจ้องมองบุรุษสตรีที่สวมหน้ากากปิดบังใบหน้าไม่วางตา
“เจ้าของหอเทียบสวรรค์ต้องเป็นเจ้าจิ่งซีแน่นอน ข้าจำแววตาได้” บุรุษกระซิบบอกสตรีที่นั่งด้านข้างตนเอง
“ท่านขี้โม้มากไปแล้ว” เหอชิวจวี๋ยกมือขึ้นมาปิดปากเพื่อหัวเราะเขา “ถ้าบอกว่าจำแววตาของเหอชุนหลานได้ข้าจะไม่ว่าเลย” นางพูดพลางชำเลืองมองสตรีฝั่งตรงข้ามที่ดวงตาคล้ายกับตนเอง
“เสิงโหย่วอ๋อง ไม่สิ ซินเค่อซียอมมาพบโดยไม่กลัวว่าท่านจะเปิดโปงความลับ แสดงว่าเขาให้ความสำคัญกับท่านมากนะ”
“ก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว เล่นด้วยกันมาตั้งหลายปี” สยงฺคุนหัวเราะเบาๆ อย่างชอบอกชอบใจ
“คิดไม่ถึงเลยว่าประมุขหอเทียบสวรรค์จะมีฮูหยินแล้ว ท่านคงจัดงานแต่งเงียบๆ สินะ” องค์หญิงรองเอ่ยถามซินเค่อซี “แต่ท่านมีกิจการอยู่ทั่วดินแดน ไม่ว่าแคว้นไหนๆ ต่างก็มีหอเทียบสวรรค์และกิจการอื่นอีกนับไม่ถ้วน ตอนท่านแต่งงานก็น่าจะมีลดราคาให้ลูกค้าสักหน่อย” สตรีหัวเราะแล้วปรายสายตามองบุรุษที่ตนพูดคุยด้วย
ขณะที่ซินเค่อซีมุ่นคิ้วคิดหาคำตอบดีๆ เหอชุนหลานก็กระแอมแล้วเอ่ยตอบแทนเขาเสียงดัง
“พวกข้ายังไม่ได้แต่งงานกัน เพราะข้าอยากให้ลูกมาเป็นสักขีพยานในงานแต่งงานของพ่อกับแม่ จะได้ไม่ต้องตอบเขาว่าในวันแต่งงานเขาอยู่ที่ไหน” นางพูดพลางเอื้อมมือเรียวจับแขนของซินเค่อซี
“ท่านพี่ว่าเราจะมีลูกกันกี่คนก่อนแล้วถึงจัดงานดี”
ซินเค่อมองเหอชุนหลาน ริมฝีปากเรียวยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน “เช่นนั้นก็แต่งทุกครั้งหลังจากเจ้าคลอดดีหรือไม่ หอเทียบสวรรค์และกิจการอื่นๆ จะได้ลดราคาให้ลูกค้าทุกปี”
สยงฺคุนมององค์หญิงรองของซีหนานแล้วอมยิ้มชอบใจ “เช่นนั้นท่านประมุขคงต้องมีฮูหยินคนเดียว เพราะหากท่านมีฮูหยินหลายคน เกรงว่าหอเทียบสวรรค์อาจจะลดราคาบ่อยจนขาดทุนย่อยยับก็เป็นได้”
“ก็จริง” ซินเค่อซีหัวเราะแล้วหันหน้ามาจ้องสยงฺคุน “หากองค์รัชทายาทมีพระชายาคนเดียว วันใดที่พระโอรสพระธิดาประสูติ กระหม่อมก็จะให้หอเทียบสวรรค์และร้านอื่นๆ ในเป่ยจ้านลดราคาดีหรือไม่”
“ดี ข้าคงมีพระชายาคนเดียว แค่นี้ก็เหนื่อยพอแล้ว” สยงฺคุนหัวเราะเสียงดังจนเหอชิวจวี๋แอบหยิกแขนเขาอย่างแรง
เหอชุนหลานเอนตัวเข้าใกล้ซินเค่อซี นางกระซิบข้างหูเขา “รัชทายาทช่วยท่านน่ะ อย่าลืมตอบแทนด้วยล่ะ”
“อืม” ซินเค่อซีพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นจึงมองไปที่ฮ่องเต้ซีหนาน “พวกข้าพูดมากเกินไปแล้ว ทำให้เสียเวลาคัดเลือกราชบุตรเขยอยู่ไม่น้อย เช่นนั้นพวกเรารีบกินอาหารกันเถอะ”
“ได้ๆ” ฮ่องเต้ซีหนานตอบ เขามองพระธิดาของตนก่อนมองไปที่บรรดาองค์ชายจากแคว้นอื่น
“พวกท่านจำไว้นะ มีฮูหยินคนเดียวก็พอจะได้ไม่เหนื่อย หากเป็นราชบุตรเขยของข้าก็ห้ามรับสตรีเพิ่มล่ะ ไม่อย่างนั้นได้เหนื่อยทุกวันแน่นอน” ฮ่องเต้เอ่ยอารมณ์ดีก่อนกล่าวต่อ “ดื่มกินกันเต็มที่ แต่อย่าเพิ่งรีบเมา เดี๋ยวต้องขี่ม้ากับยิงธนู”
บรรดาองค์ชายต่างหัวเราะขำขัน “บางทีเมาแล้วอาจยิงธนูเข้าเป้าทุกดอกก็ได้”
~~~~~~~~
“เดี๋ยวก่อนสิ อย่าเพิ่งไป” สยงฺคุนร้องเรียกซินเค่อซีกับเหอชุนหลานที่ขึ้นรถม้าหลังจากเสร็จงานคัดเลือกราชบุตรเขย
เมื่อเห็นว่ารถม้าของพวกเขาไม่รอตน เขาจึงวิ่งไปขึ้นรถม้าตนเองแล้วสั่งให้ตามรถม้าของซินเค่อซีอย่างรวดเร็ว
“พวกเจ้าเล่นอะไรกันเนี่ย” เหอชุนหลานส่ายหน้าก่อนเอนกายหลับตานอนด้วยความอ่อนเพลีย
กลับมาถึงจวน ซินเค่อซีก็อุ้มเหอชุนหลานไปนอนในเรือน เมื่อเขาเปิดประตูเรือนออกมาเพื่อจะไปห้องหนังสือก็พบว่ารถม้าของสยงฺคุนมาถึงหน้าจวนแล้ว
“นายท่าน จะเอาอย่างไรดีขอรับ” ไห่ต้าถามเจ้านายสีหน้ากังวลใจ
“เฮ้อ ตามตื๊อขนาดนี้ ให้เขาเข้ามาเถอะ” ซินเค่อซีส่ายศีรษะก่อนเปลี่ยนใจเดินไปรอสยงฺคุนที่โถงรับแขกแทน
เขารอได้ไม่นานนัก บุรุษร่างสูงกับสตรีที่หน้าคล้ายกับเหอชุนหลานก็เข้ามาภายในโถงรับแขก
สยงฺคุนประคองเหอชิวจวี๋ไปนั่งทีเก้าอี้ ส่วนตัวเขาเองก็เดินมาใกล้กับซินเค่อซีที่ยังสวมหน้ากากปิดบังใบหน้าอยู่
บุรุษย่อตัวลงนั่งยองๆ ใกล้ซินเค่อซี เขายื่นหน้าตัวเองใกล้อีกฝ่ายจนซินเค่อซีต้องเบือนหน้าหนี
“รัชทายาทเป่ยจ้าน เจ้าจะทำอะไรน่ะ” ซินเค่อซีพูดพลางใช้มือดันใบหน้าสยงฺคุนให้ออกห่างตน
“เจ้ารู้หรือไม่ ตอนเจ้ามีชีวิตอยู่ข้าไม่เคยเห็นถึงความสำคัญของเจ้า พอเจ้าตายไป ข้าน่ะเสียใจมากเลยนะ” สยงฺคุนพูดพร้อมกับกระพริบตาถี่ๆ เพื่อบีบน้ำตาให้ไหลออกมา
“อย่าทำตัวน่ารำคาญ พูดความจริง” ซินเค่อซีไม่ได้ยอมรับฐานะของตน เขาใช้เสียงเข้มดุอีกฝ่ายให้เลิกล้อเล่นได้แล้ว
“ก็ได้” สยงฺคุนคว้าเก้าอี้ตัวที่อยู่ใกล้มาวางข้างซินเค่อซีก่อนที่ตนเองจะลงนั่ง เขามองซินเค่อซีด้วยสีหน้าจริงจัง “ข้าจะมาถามเรื่องแม่นางเหอ เหอของเจ้าน่ะ” บุรุษพูดน้ำเสียงเคร่งเครียดแทบจะทันที
“คราวก่อนจวี๋เอ๋อร์ข้าลงอาบน้ำในลำธาร อยู่ดีๆ ร่างของนางก็หายไปต่อหน้าต่อตาของข้า”
เหอชิวจวี๋รีบพูดต่อจากสยงฺคุน “ช่วงที่ลงน้ำนั้น ข้าก็หมดสติไป ตื่นขึ้นมาก็พบเมืองประหลาด ผู้คนก็แต่งกายไม่คุ้นเคย ราวกับเป็นโลกอีกใบที่ไม่มีอยู่จริง”
“แล้วก็มีคนเรียกข้าว่าเหอชุนหลาน เขาจะช่วยข้าขึ้นจากน้ำ แต่ข้าเกิดเสียหลักหงายหลังลงน้ำอีกครั้ง จึงกลับมาที่นี่”
“ข้าจึงคิดว่าเรื่องนี้อาจจะเกี่ยวข้องกับแม่นางเหอของเจ้า นางน่าจะรู้อะไรมากกว่านี้” สยงฺคุนกล่าวพร้อมกับกวาดตามองรอบห้องโถง
“นางไม่อยู่ที่นี่ กำลังหลับอยู่” ซินเค่อซีตอบเสียงไม่ดังนัก “รอพรุ่งนี้แล้วกัน ข้าจะให้คนเตรียมห้องพักสำหรับพวกเจ้า”
เมื่อเหอชุนหลานตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าซินเค่อซีนอนอยู่ด้านข้างจ้องมองใบหน้านางไม่วางตา สตรีเบี่ยงหน้าหลบด้วยความตกใจ เมื่อตั้งสติได้จึงหันไปส่งยิ้มหวานละมุนให้แก่เขา ซินเค่อซีเห็นดังนั้นก็อมยิ้ม เขาคว้าร่างบางให้แนบชิดกับกายแกร่งของตนเอง ริมฝีปากบางจุมพิตที่หน้าผากสตรีแล้วเลื่อนไปจุมพิตที่ริมฝีปากอวบอิ่มอย่างรักใคร่ “หลานหลาน สยงฺคุนกับเหอชิวจวี๋เล่าเรื่องที่นางได้พบให้ข้าฟัง” บุรุษเล่าเรื่องที่ตนพูดคุยให้กับเหอชุนหลานฟังด้วยสีหน้าอันเป็นกังวล เขากลัวว่าเหอชุนหลานกับลูกน้อยในท้องของตนอยู่ดีๆ จะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยดั่งเช่นคราวก่อน หากนางไม่อยู่กับเขา แล้วเขาจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรดี “เช่นนั้นพรุ่งนี้พวกเราไปหานักพรตตู้เสินกันเถอะ ข้าได้ยินมาว่าเขารอบรู้ทุกเรื่อง” เหอชิวหลานกล่าว นางทำท่าทางสบายใจเพื่อไม่ให้บุรุษรู้สึกวิตกกังวล ดีที่ระหว่างการเดินทาง ได้ยินว่านักพรตตู้เสินรู้สรรพสิ่งในใต้หล้า ไม่ว่าจะอดีต ปัจจุบันและอนาคต เหอชุนหลานจึงคิดตั้งแต่แรกแล้วว่าจะต้องไปหาเพื่อแก้ไขอนาคตที่ไม่อาจคาดการณ์ได้
“เจ้าหยุดปากมาคุยกับข้าก่อนได้ไหม” เหอชุนหลานบ่นซินเค่อซีที่ตอนนี้กำลังง่วนอยู่แถวหน้าอกอวบอิ่มของตน บุรุษเงยหน้าขึ้น แล้วส่งสายตาหวานเชื่อมแก่สตรีตรงหน้า “ข้าเตรียมพร้อมสำหรับลูกตัวน้อย เมื่อเขาเกิดมาจะได้มีเต้านมใหญ่ๆ น้ำนมไหลคล่องๆ” “ทะลึ่ง ทำตัวเป็นเครื่องปั๊มนมไปได้” เหอชุนหลานหัวเราะร่วน ก่อนใช้นิ้วเรียวบีบแก้มบุรุษของตน “เจ้าไม่พูดคุยร่ำสุรากับองค์รัชทายาทหรืออย่างไร ถึงได้ให้พวกเขาไปอยู่ที่เรือนแมกไม้ไกลขนาดนั้น” เหอชุนหลานเอ่ยถาม นางคิดว่าบุรุษทั้งสองไม่ได้เจอกันหลายเดือน น่าจะอยากสนทนากันมากกว่านี้ “เจ้าคิดว่าเรื่องของข้าสำคัญ หรือเรื่องของเหอชิวจวี๋สำคัญกว่ากันล่ะ ตอนนี้ในหัวของสยงฺคุนคงมีแต่เรื่องทำลูกให้ได้โดยเร็วที่สุด” ซินเค่อซีหัวเราะ สายตาจ้องมองหน้าอกอวบอิ่มไม่วางตา “ข้าก็ต้องขยันเช่นกัน รอลูกคนนี้คลอดออกมาก็จะได้มีคนต่อไปได้เลย” “ข้าไม่ใช่แม่พันธุ์นะ” เหอชุนหลานมองค้อนอีกฝ่าย นางกัดริมฝีปากก่อนเอื้อมมือบางไปที่จุดสำคัญของเขา “เจ้าเป็นพ่อพันธุ์หรืออย่างไร ขอข้าดูหน่อย” “ได้ ข้าจะให้เจ้าดูทั้งคืนแ
“อ๊ะ อ้า อืม” เสียงครางหวานจากปากสตรีที่ยังไม่ได้สติสัมปชัญญะดังขึ้นต่อเนื่อง ทำให้ร่างแกร่งที่คร่อมอยู่บนตัวนางขยับเอวสอบเร็วและแรงมากขึ้น“ขนาดหลับอยู่ยังตอบสนองดีขนาดนี้ คุณหนูสามสกุลเหอนี่เก่งเสียงจริง” บุรุษใบหน้าหล่อเหลาพูดขณะที่เหงื่อซึมออกทั่วสรรพางค์กายเขาเริ่มบรรเลงเพลงรักกับสตรีสกุลเหอ เหอชิวจวี๋ คุณหนูสามผู้ที่ขึ้นชื่อว่างดงามในระดับต้นๆ ของแคว้นเป่ยจ้านเมื่อได้ตัวนางมา แม้ว่านางจะยังไม่ฟื้น แต่เขาก็ไม่ลังเลลงมือ เพราะหากนางตื่นแล้วอาจจะรับมือยากขึ้นกว่านี้‘เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย ทั้งคับแน่นทั้งเสียว อื้อ’ สตรีที่กำลังอยู่ในภวังค์ นางยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง รู้เพียงแต่ว่าร่างกายในตอนนี้เสียวซ่านไปทั่วทั้งตัวร่างบางแอ่นหน้าอกอวบอิ่มลอยสูงขึ้น นัยน์ตาคมเข้มจ้องมองแล้วก้มลงดูดยอดถันสีชมพูหวานทั้งสองข้างสลับไปมาด้วยความพึงพอใจ“ข้าจะทำให้เจ้าสุขสมทั้งคืนแน่นอน” เขากระซิบข้างหูหญิงสาวก่อนที่จะจับนางเปลี่ยนท่าตามความชอบของตนช่วงสายของอีกวัน สตรีเรือนร่างอรชรที่มีรอยรักประทับทั่วเรือนร่างก็ลืมตาขึ้นช้าๆ นางกวาดสายตามองรอบห้องด้วยความงุนงง“นี่ที่ไหนกัน” หญิงสาวพูดพลา
จวนสกุลเหอ“นายท่าน มีคนนำกล่องไม้นี้มาให้ขอรับ บอกว่าเป็นของคุณหนูสาม” พ่อบ้านของจวนยื่นกล่องไม้ขนาดไม่ใหญ่นักส่งให้เหอตง ผู้นำสกุลเหอ ทั้งยังเป็นบิดาของเหอชิวจวี๋บุรุษวัยกลางคนรับกล่องไม้มาเปิดดูด้วยสีหน้าเคร่งเครียด เมื่อเห็นสิ่งของข้างในก็เขวี้ยงทิ้งลงพื้นแทบจะทันที“ใครกันมันบังอาจเช่นนี้ หยามหน้าข้าเหอตงผู้เป็นราชครูของฮ่องเต้ยิ่งนัก”“ท่านพี่ เกิดอะไรขึ้น” ฮูหยินใหญ่ของเหอตง ลู่หลิง เดินผ่านมาพอดีจึงเข้ามาถามด้วยความสงสัยนางเดินไปดูกล่องไม้และผ้าที่หล่นบนพื้น เมื่อสังเกตจนรู้ว่าคือสิ่งใด มือทั้งสองข้างก็ยกขึ้นมาปิดปากก่อนกรีดร้องออกมา“ไม่จริง จวี๋เอ๋อร์ของเราใช่หรือไม่” พวกเขาสามีภรรยาสกุลเหอฟูมฟักทนุถนอมเหอชิวจวี๋มาเป็นอย่างดี จนนางเป็นสตรีที่งามล่มเมือง ความรู้ความสามารถที่สตรีควรมีนางล้วนเป็นทุกอย่างและไม่เป็นรองผู้ใด พวกเขาหวังจะให้นางเป็นพระชายาขององค์รัชทายาท บุรุษผู้ที่ได้ชื่อว่าสมบูรณ์แบบที่สุดในแคว้นเป่ยจ้านแต่ตอนนี้สิ่งที่ได้เห็นคือผ้าเปื้อนเลือดพรหมจรรย์ของบุตรสาวตนเอง ไม่ว่าใครก็ย่อมตกใจและโกรธแค้นเป็นธรรมดายังดีที่องค์รัชทายาทตอนนี้ไม่ได้อยู่ในเมืองหลวง มิเช่น
เหอชุนหลานกลับถึงเรือนนอนของตนก็สั่งสาวใช้ให้เตรียมน้ำอุ่น จากนั้นนางก็อาบน้ำและทำความสะอาดแทบจะทุกซอกทุกมุมเสี่ยวเหมยเห็นดังนั้นก็ตกใจแต่ก็ต้องเก็บอาการ นางเพิ่งเคยเห็นนายท่านบ้านตนมีอะไรกับสตรีซ้ำครั้งที่สอง ทั้งยังกลางวันแสกๆ ในห้องหนังสือ นางรีบช่วยเหอชุนหลานอาบน้ำขัดผิวด้วยความตั้งใจเห็นทีคุณหนูเหอผู้นี้จะเป็นที่สนใจของนายท่านจริงๆ ไม่แน่ว่าต่อไปนางจะได้มาเป็นฮูหยินของจวนนี้“เสี่ยวเหมย ข้าอยากได้สมุดกับปากกา เอ่อ หมายถึงกระดาษกับพู่กันน่ะ ขอกระดาษหลายแผ่นหน่อยนะ” เหอชุนหลานบอกสาวใช้ตัวน้อย นางอยากได้มาจดรายรับรายจ่ายของตน ตอนนี้รายรับยังไม่มี แต่ถ้าไอ้รูปหล่อคนนั้นยังหื่นใส่อีก นางก็จะจดเพิ่มเงินไปเรื่อยๆผู้ใดจะกล่าวหาว่านางเป็นสตรีขายตัวก็ช่าง นางอยู่ในบ้านคนอื่นก็คงต้องหากินแบบนี้ไปก่อน หากมีที่มีทางอยู่ข้างนอกคงต้องคิดวิธีหาเงินใหม่พร้อมกับหาวิธีกลับบ้าน“เสี่ยวเหมย” ชุนเหอหลานเรียกสาวใช้อีกครั้ง “ข้าใบหน้าเหมือนคุณหนูสามเหอมากเลยหรือ” นางถามย้ำอีกครั้งเพื่อความแน่ใจสาวใช้ตัวน้อยยื่นหน้าเข้าใกล้เหอชุนหลาน ดวงตาจ้องทั่วหน้าและมองต่ำสำรวจเรือนร่าง“เหมือนมากเจ้าค่ะ ราวกับคน
‘ไอ้รูปหล่อเป็นท่านอ๋องหรอกหรือ แต่ผู้ชายมักมากไม่เห็นจะน่าคบสักนิด’ เหอชุนหลานดูแคลนบุรุษในใจ ยิ่งเห็นสตรีข้างกายเขาก็รู้สึกทั้งสงสารและสมเพชในเวลาเดียวกัน คิดดังนั้นก็จูงมือเสี่ยวเหมยให้รีบเดินออกห่างจากพวกเขาทันที “ตลาดกลางคืนมักขายอาหารกับเครื่องประดับ พวกของขวัญชิ้นเล็กๆ สินะ” เหอชุนหลานกวาดสายตามองโดยรอบเพื่อที่จะคิดธุรกิจของตนเองบ้าง พอได้เงินจากอ๋องหื่นกามมานางจะได้เอามาเป็นเงินทุนตรงนี้ นางเดินไปนั่งที่เก้าอี้หลบมุมตัวหนึ่ง พลางมองผู้คนที่เดินผ่านไปมา สังเกตเห็นว่ามีแต่คู่หนุ่มสาวที่มาด้วยกันเป็นส่วนใหญ่ “ข้าเย็บชุดชั้นในขายดีกว่า เอาแบบยั่วๆ ผู้หญิงซื้อใส่ยั่วผู้ชาย ส่วนผู้ชายก็ซื้อให้คนรัก สร้างกิจกรรมบนเตียงที่จืดชืดให้กลับมาเร่าร้อนเหมือนดั่งครั้งแรกที่ถึงเนื้อถึงตัวกัน” เหอชุนหลานยิ้มภูมิใจกับความคิดของตนเอง นางวางแผนไว้ว่าพรุ่งนี้จะต้องหาเวลาออกไปสำรวจตลาดผ้า จะได้เลือกแบบและลวดลายไว้ล่วงหน้า ~~~~~~~~เมื่อกลับมาถึงจวนไป๋หลิน เหอชุนหลานก็ลงอ่างแช่น้ำร้อนให้ร่างกายผ่อนคลาย ดีที่ท่านอ๋องเจ้าของจวนยังไม่กลับ นางจึ
ด้านบุรุษเมื่อเดินออกจากเรือนของเหอชุนหลาน ในหัวก็ครุ่นคิดแต่เรื่องของหญิงสาว“จูบปากยังหวานขนาดนี้ ไม่รู้ว่าตรงส่วนนั้นจะหวานขนาดไหน” เขาเคยมีสัมพันธ์กับสตรีหลายคนก็จริง แต่แทบไม่เคยใช้ปากกับผู้ใด เรียกได้ว่าเหอชุนหลานเป็นสตรีคนแรกที่เข้าใช้ปากเกือบทุกส่วนแล้ว เหลือเพียงสำรวจส่วนล่างที่อ่อนไหวที่สุดเท่านั้น "คราวหน้าข้าจะทำเต็มรูปแบบ" เขาพูดพลางเดินเข้าเรือนตนเอง “ทำอะไรเต็มรูปแบบหรือขอรับ” ไห่ต้าลูกน้องคนสนิทถามด้วยความสงสัย “จะปรับปรุงหอเทียบสวรรค์หรือขอรับ” บุรุษสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียง เขาถลึงตาใส่ไห่ต้ากลบเกลื่อนความเคอะเขิน “ก็ประมาณนั้น” ~~~~~~~~ เช้าตรู่ของอีกวัน เหอชุนหลานยังไม่ทันได้ตื่นนอน ไห่ต้าก็ส่งเสียงร้องเรียกจนเสี่ยวเหมยรีบมาเปิดประตูให้ “มีอะไรหรือ” สาวใช้ตัวน้อยถามบุรุษตัวใหญ่ด้วยความสงสัย ไห่ต้ายื่นกล่องไม้ในมือตนให้อีกฝ่ายทันที “นายท่านให้นำมามอบแก่คุณหนูเหอ ของอื่นๆ จะตามมาทีหลัง” เขาพูดโดยไม่อธิบายอะไรปล่อยเสี่ยวเหมยยืนงุนงงก่อนเดินกลับเข้าเรือน เมื่อเหอชุนหลา
“เจ้ามันพวกอันธพาล” เหอชุนหลานบ่นอุบก่อนเดินเข้าไปใกล้กับเตียง ดวงตางามกวาดมองเผื่อจะมีพวกตั่งยาวที่พอจะให้ตัวเองนอนได้ “ข้าจะนอนบนพื้น” สตรีพูดเมื่อไม่เห็นสิ่งที่หวัง “อยู่เตียงเดียวกับเจ้าคงไม่ได้นอน” “จะนอนบนพื้นให้ปวดหลังทำไม มานี่” บุรุษออกคำสั่งเสียงเข้ม เขาลุกจากเตียงเดินมาฉุดแขนเหอชุนหลานให้ไปที่เตียงกับเขา “ใส่ชุดที่เจ้าตัดเย็บให้ข้าดูหน่อย” เขาเปลี่ยนน้ำเสียงเป็นนุ่มนวลชวนขนลุกแทน เหอชุนหลานกรอกตาพร้อมส่ายหน้าปฏิเสธทันที “ข้าจะเอาไว้ขาย ไม่ได้เอามาใส่เล่น” “เช่นนั้นข้าซื้อ เจ้าใส่ให้ข้าดูจะเพิ่มราคาให้” “ข้าขอเพิ่มอีกอย่าง เจ้าตกลงชื่อแซ่อะไรกันแน่” เหอชุนหลานถาม นางรู้ว่าคนสมัยนี้มีหลายชื่อ จิ่งซีเป็นเพียงชื่อที่คนในครอบครัวและคนสนิทเรียกเท่านั้น นางจึงไม่เคยรู้ชื่อที่ผู้คนทั่วไปใช้เรียกเขาเลย ถ้ารู้ ต่อไปเมื่อได้ยินคนนินทาถึงเขาจะได้หยุดฟังได้ บุรุษยกยิ้มมุมปาก มือหนาคว้าร่างให้ล้มนั่งบนตักของตน ริมฝีปากจ่อที่ข้างหูหญิงสาว “ข้าชื่อซินเค่อซี แต่คนที่บ้านจะเรียกข้าว่าจิ่งซี ข้าบอก
“เจ้าหยุดปากมาคุยกับข้าก่อนได้ไหม” เหอชุนหลานบ่นซินเค่อซีที่ตอนนี้กำลังง่วนอยู่แถวหน้าอกอวบอิ่มของตน บุรุษเงยหน้าขึ้น แล้วส่งสายตาหวานเชื่อมแก่สตรีตรงหน้า “ข้าเตรียมพร้อมสำหรับลูกตัวน้อย เมื่อเขาเกิดมาจะได้มีเต้านมใหญ่ๆ น้ำนมไหลคล่องๆ” “ทะลึ่ง ทำตัวเป็นเครื่องปั๊มนมไปได้” เหอชุนหลานหัวเราะร่วน ก่อนใช้นิ้วเรียวบีบแก้มบุรุษของตน “เจ้าไม่พูดคุยร่ำสุรากับองค์รัชทายาทหรืออย่างไร ถึงได้ให้พวกเขาไปอยู่ที่เรือนแมกไม้ไกลขนาดนั้น” เหอชุนหลานเอ่ยถาม นางคิดว่าบุรุษทั้งสองไม่ได้เจอกันหลายเดือน น่าจะอยากสนทนากันมากกว่านี้ “เจ้าคิดว่าเรื่องของข้าสำคัญ หรือเรื่องของเหอชิวจวี๋สำคัญกว่ากันล่ะ ตอนนี้ในหัวของสยงฺคุนคงมีแต่เรื่องทำลูกให้ได้โดยเร็วที่สุด” ซินเค่อซีหัวเราะ สายตาจ้องมองหน้าอกอวบอิ่มไม่วางตา “ข้าก็ต้องขยันเช่นกัน รอลูกคนนี้คลอดออกมาก็จะได้มีคนต่อไปได้เลย” “ข้าไม่ใช่แม่พันธุ์นะ” เหอชุนหลานมองค้อนอีกฝ่าย นางกัดริมฝีปากก่อนเอื้อมมือบางไปที่จุดสำคัญของเขา “เจ้าเป็นพ่อพันธุ์หรืออย่างไร ขอข้าดูหน่อย” “ได้ ข้าจะให้เจ้าดูทั้งคืนแ
เมื่อเหอชุนหลานตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็พบว่าซินเค่อซีนอนอยู่ด้านข้างจ้องมองใบหน้านางไม่วางตา สตรีเบี่ยงหน้าหลบด้วยความตกใจ เมื่อตั้งสติได้จึงหันไปส่งยิ้มหวานละมุนให้แก่เขา ซินเค่อซีเห็นดังนั้นก็อมยิ้ม เขาคว้าร่างบางให้แนบชิดกับกายแกร่งของตนเอง ริมฝีปากบางจุมพิตที่หน้าผากสตรีแล้วเลื่อนไปจุมพิตที่ริมฝีปากอวบอิ่มอย่างรักใคร่ “หลานหลาน สยงฺคุนกับเหอชิวจวี๋เล่าเรื่องที่นางได้พบให้ข้าฟัง” บุรุษเล่าเรื่องที่ตนพูดคุยให้กับเหอชุนหลานฟังด้วยสีหน้าอันเป็นกังวล เขากลัวว่าเหอชุนหลานกับลูกน้อยในท้องของตนอยู่ดีๆ จะหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยดั่งเช่นคราวก่อน หากนางไม่อยู่กับเขา แล้วเขาจะใช้ชีวิตต่อไปอย่างไรดี “เช่นนั้นพรุ่งนี้พวกเราไปหานักพรตตู้เสินกันเถอะ ข้าได้ยินมาว่าเขารอบรู้ทุกเรื่อง” เหอชิวหลานกล่าว นางทำท่าทางสบายใจเพื่อไม่ให้บุรุษรู้สึกวิตกกังวล ดีที่ระหว่างการเดินทาง ได้ยินว่านักพรตตู้เสินรู้สรรพสิ่งในใต้หล้า ไม่ว่าจะอดีต ปัจจุบันและอนาคต เหอชุนหลานจึงคิดตั้งแต่แรกแล้วว่าจะต้องไปหาเพื่อแก้ไขอนาคตที่ไม่อาจคาดการณ์ได้
ไห่ซานเข้ามาภายในเรือน เขามีท่าทางกระอักกระอ่วนอย่างชัดเจน แต่เมื่อเห็นสายตาคาดคั้นของเจ้านายตน เขาจึงต้องเอ่ยรายงาน “องค์รัชทายาทแคว้นเป่ยจ้านติดต่อมาว่าอยากพบประมุขหอเทียบสวรรค์ขอรับ อีกอย่าง ฮ่องเต้ซีหนานก็ส่งเทียบเชิญให้นายท่านไปงานคัดเลือกราชบุตรเขยขององค์หญิงรอง” “ไม่พบ ไม่ไป” ซินเค่อซีตอบรวดเร็ว เมื่อก่อนที่เขาเป็นเสิงโหย่วอ๋องที่เป่ยจ้านก็ไม่เห็นจะมีผู้ใดมารบกวนอยากเจอประมุขหอเทียบสวรรค์ เหตุใดพอเขากลับมาอยู่จวน แต่ละแคว้นจึงต้องการอยากพบเขานัก “ฮ่องเต้ซีหนานอยากได้เจ้าเป็นราชบุตรเขยหรือเปล่า” เหอชุนหลานที่เปลี่ยนเสื้อผ้าและล้างหน้าทำผมเรียบร้อยแล้วเดินออกมาจากฉากกั้นแล้วเอ่ยแซวอารมณ์ดี “ข้ามีฮูหยินคนเดียวพอแล้ว” ซินเค่อซีตอบ แต่คิ้วหนากลับขมวดครุ่นคิด “ช่วงนี้ก็ไม่มีสงคราม ไม่มีภัยธรรมชาติ การเมืองของแต่ละแคว้นปกติ เรื่องภายในยุทธภพยิ่งไม่มีปัญหา แล้วพวกเขาต้องการพบข้าทำไม” “สงสัยก็ไปพบเสียสิ” เหอชุนหลานกล่าว “แต่ถ้าไม่อยากรู้ก็ไม่ต้องไป ข้าคิดว่าฮ่องเต้ซีหนานอยากได้เจ้าเป็นราชบุตรเขย ส่วนรัชทายาทสยงฺคุน
“หลานหลาน ตอนนั้นเจ้าตกแม่น้ำแล้วหายไปไหนมา ใครช่วยเจ้า อีกอย่างเจ้าเข้าไปในเมืองหลวงได้อย่างไร” ซินเค่อซีถามคำถามที่ค้างคาใจมานาน เขาส่งคนคอยสอดส่องค้นหานางในแต่ละเมือง แต่อยู่ดีๆ นางกลับปรากฏกายในเมืองหลวงโดยไม่มีผู้ใดพบเห็นเหอชุนหลานซึ่งนอนภายในอ้อมแขนของเขา นางยกมือขึ้นมาลูบอกแกร่งของบุรุษ ในหัวครุ่นคิดอย่างหนักว่าจะบอกเขาอย่างไรดี“ข้ามาจากที่แสนไกล ไกลเกินกว่าที่เจ้าจะจินตนาการถึง ข้าตกน้ำจากที่บ้านของข้า รู้สึกตัวอีกทีก็มาอยู่ที่นี่ ครั้งนั้นที่ข้าตกแม่น้ำ ข้าก็ได้กลับไปบ้านของข้า และที่ข้ากลับมาที่นี่อีกครั้ง....”เหอชุนหลานยังไม่ทันพูดจบ ซินเค่อซีก็พูดแทรกขึ้น “เพราะว่าเจ้าตกน้ำสินะ”“อืม” สตรีพยักหน้าตอบรับ “ข้าไม่รู้เหมือนกันว่าจะอยู่กับเจ้าได้อีกนานเท่าไหร่ หากข้าตกน้ำอีกครั้ง แล้วจากไปโดยที่กลับมาไม่ได้ ก็คงต้องฝากเจ้าดูแลลูกของเราด้วย”“ไม่ได้” บุรุษรีบปฏิเสธทันควัน “เจ้าต้องอยู่กับข้า ต้องอยู่ดูแลเลี้ยงลูกกับข้าไปจนแก่เฒ่า ไม่ได้ ข้าจะสั่งถมลำธารถมแม่น้ำภายในบริเวณจวนให้หมด” ซินเค่อซีรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว แต่เหอชุนหลานรีบดึงแขนของเขาเอาไว้“นี่มันดึกมากแล้ว เจ้าจะไปรบ
หลังจากทำพิธีเสร็จ สยงฺคุนก็รีบพาเหอชิวจวี๋จากไปด้วยความใจร้อน เรื่องเมื่อคืนเขาต้องรับผิดชอบนางอย่างเต็มที่ จึงจะไปขอฮ่องเต้ออกราชโองการพระราชทานงานมงคลให้เขาและเหอชิวจวี๋อีกอย่าง เขาได้ลิ้มลองความอ่อนนุ่มและหอมหวานของสตรีแล้ว จะให้เขามาอดทนรอวันแต่งงานนานๆ คงทนไม่ไหวรีบแต่งงานภายในเดือนสองเดือนเลยยิ่งดี“จิ่งซี ไว้ข้าแต่งงานเรียบร้อยแล้วจะรีบมาหาเจ้าทันที” เขาพูดหน้าสุสานก่อนจากไป~~~~~~~~หลังจากจัดการเรื่องราวต่างๆ เสร็จเรียบร้อย ซินเค่อซีก็เปลี่ยนชุดแล้วขึ้นมานั่งรถม้ากับเหอชุนหลาน เขาไม่รีบเดินทางกลับจวนตัวเอง แต่สั่งให้รถม้าแวะจอดแทบทุกเมืองที่ผ่านทางโรงเตี๊ยมเหม่ยสือห่าวจิ่วเหอชุนหลานนั่งถอนหายใจ สายตามองค้อนซินเค่อซีที่สั่งอาหารไม่ยอมหยุด“เจ้าจะสั่งอะไรเยอะนัก กินหมดอย่างนั้นหรือ” ตลอดทางที่ผ่านมาบุรุษผู้นี้ก็สั่งแต่อาหารขึ้นชื่อแล้วบังคับให้นางกินทุกอย่าง อ้างว่าลูกในท้องต้องได้กินแค่ของอร่อยตอนแรกนางก็ยอมกินอยู่หรอก แต่พอผ่านหลายเมืองเข้านางก็กินไม่ไหว ตอนนี้อาหารที่กินเข้าไปยังเต็มภายในกระเพาะอาหาร“ฮูหยินของข้าอยากกินอะไร อยากได้อะไรข้าก็สามารถหามาให้ได้ทุกอย่าง ข้า
“เดี๋ยวหาที่หยุดพัก กางกระโจมใหญ่หลายหลังหน่อย” ซินเค่อซีส่งเสียงออกคำสั่งดังออกมาจากโลงไม้ เขาคิดแผนการบางอย่างได้อย่างรวดเร็ว“ขอรับ” ไห่ต้ากับไห่ซานขานรับ แล้วแยกย้ายไปจัดการตามคำสั่งของเจ้านายตนเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งชั่วยาม รัชทายาทก็พาเหอชิวจวี๋มาถึงกระโจมที่พักของขบวนซินเค่อซี กระโจมหลังใหญ่ที่สุดวางโลงไม้ของซินเค่อซีไว้ตรงกลาง ส่วนกระโจมหลังอื่นตั้งอยู่รอบกระโจมนี้เหอชิวจวี๋เข้ามาภายในกระโจมก่อน นางมาคุกเข่าพูดกับโลงไม้ด้วยสีหน้าและท่าทางน่าสงสาร“เสิงโหย่วอ๋อง แม้ข้าจะจำเรื่องระหว่างเราไม่ได้ แต่ถ้าหากข้าเป็นสตรีของท่านแล้ว ข้าก็จะไม่ทิ้งท่านไปไหน”รัชทายาทเดินมาอยู่หลังหญิงสาว เขายกมือหนาขึ้นมาจับไหล่ปลอบใจนาง “เสิงโหย่วอ๋องไปดีแล้ว เจ้าอย่าทำให้น้ำตารั้งเขาไว้ เดี๋ยวเขาจะไปไม่สงบ เจ้าไปพักผ่อนก่อนเถอะ ตอนเช้าจะได้มีแรงเดินทาง”“เพคะ” เหอชิวจวี๋ไม่กล้าปฏิเสธความหวังดีของบุรุษ นางจึงตอบรับแล้วจากไปอย่างเงียบๆ“นี่เหอชิวจวี๋หรือ เหมือนข้าราวกับฝาแฝด” เหอชุนหลานที่แอบมองอยู่ดูสตรีอีกคนด้วยความประหลาดใจ “ที่จริงหน้าเหมือนก็ไม่เท่าไหร่ แต่ชื่อแซ่ดันใกล้เคียงกันน่ะสิ แปลกดีแฮะ”เ
“เจ้าไม่น่าอายุสั้นเช่นนี้” รัชทายาทที่เข้ามาดูศพซินเค่อซีนั่งจ้องมองใบหน้าซีดเผือกของบุรุษที่นอนบนเตียงพูดเสียงเบา‘เจ้านั่นแหละจะมานั่งจ้องข้าเช่นนี้ทำไม’ ซินเค่อซีบ่นในใจ เขาแกล้งนอนตายกลั้นลมหายใจมาหนึ่งเค่อ (สิบห้านาที) แล้ว รัชทายาทเจ้าปัญหาก็ยังไม่ยอมลุกไปไหนหากยังนั่งต่ออีกหนึ่งก้านธูปหรือหนึ่งชั่วยามความต้องแตกแน่นอน“เฮ้อ ข้าจะส่งเหอชิวจวี๋ไปเฝ้าสุสานเจ้าดีหรือไม่” รัชทายาทนั่งไขว่ห้างยกศอกขึ้นมาเท้าต้นขาแล้วส่งเสียงครุ่นคิด‘เฝ้าสุสานเจ้าน่ะสิ’ ซินเค่อซีโต้เถียงในใจ“นางเป็นของเจ้าแล้ว ข้าคงไม่เอานางมาดูแลต่อหรอก” รัชทายาทยังคงพูดไปเรื่อยๆ ไม่สังเกตร่างที่แกล้งไร้วิญญาณ‘นางยังไม่ได้เป็นของข้า เจ้าอยากเอาก็เอาไปสิ’ คิ้วของซินเค่อซีเริ่มขมวดเป็นปมจนไห่ซานสังเกตเห็น เขารีบกระแอมเตือนเสียงดัง“เอ่อ องค์รัชทายาท ตามธรรมเนียมของพวกเราแล้ว ต้องนำร่างของท่านอ๋องไปฝังที่เมืองเกิดภายในสามวันขอรับ หากไปช้าเดี๋ยวจะไม่ทัน”“งั้นหรือ ข้าไปด้วยละกัน” รัชทายาทหนุ่มลุกขึ้นหมายจะร่วมเดินทางเพื่อไปทำพิธีที่สุสาน“ไม่ต้องพะย่ะค่ะ ขบวนต้องการความเงียบเพื่อส่งผู้วายชนม์ไปสรวงสวรรค์” ไห่ต้าอธิบ
ในช่วงที่กลับมาอยู่ในยุคอดีตอีกครั้ง เหอชุนหลานก็ทยอยไปเอาเสื้อผ้าในกระสอบมาแอบขายที่ตลาดกลางคืน นางไม่รู้ว่าแคว้นเป่ยจ้านมีกฎหมายหรือข้อห้ามอะไรบ้าง จึงต้องทำลับๆ ล่อๆ ในช่วงแรก“ชุดของแม่นางเหอใส่ดีมาก ทำเอาสามีข้าขยันขึ้นเตียงทุกคืนเลย” เสียงชมของลูกค้าทำให้เหอชุนหลานดีใจจนตัวแทบลอย“แม่นางเหอน่าจะเอาชุดไปลองขายให้เสิงโหย่วอ๋องดูนะ อาจจะร่ำรวยจนตั้งตัวได้เลยทีเดียว”เหอชุนหลานยิ้มแหย ที่มีตอนนี้ก็ตั้งตัวได้อยู่แล้ว เพียงแค่ยังไม่กล้าไปเอาออกมาก็เท่านั้น“ข้าจะลองพิจารณาดู” เหอชุนหลานตอบก่อนที่จะเก็บร้านพรุ่งนี้ขบวนของซินเค่อซีต้องผ่านถนนใหญ่ด้านหน้าตลาดกลางคืน ทหารของเสิงโหย่วอ๋องจึงมาเดินตรวจตราตั้งแต่วันนี้~~~~~~~~“ข้าจะตายที่ไหน ตายอย่างไรดี” ซินเค่อซีนั่งรถม้าวนไปเวียนมา เพราะเขามัวแต่คิดถึงเหอชุนหลาน จนลืมคิดว่าแผนการของตนเองต้องมีรายละเอียดอย่างไร“จะตายที่ไหนก็ตายได้ คนที่มีดวงจะตาย เดินสะดุดเปลือกกล้วยก็ตายได้” ไห่ต้าได้ฟังก็พูดตอบออกมาอย่างลืมตัว“หุบปากไปซะ” ซินเค่อซีส่งเสียงตะคอกออกมาจากรถม้า “จอดรถ” เขาส่งเสียงดังในเวลาไล่เลี่ยกันจนรถม้าต้องหยุดอย่างกะทันหันเรือนกาย
หลังจากออกจากวังหลวง ซินเค่อซีก็สั่งให้รถม้าไปยังหอเทียบสวรรค์ หอเทียบสวรรค์นี้เขาก่อตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมข่าวสารสำคัญทั้งยุทธภพ ข้อมูลการบริหารปกครองของทุกๆ แคว้นในดินแดนซีเป่ย ทั้งยังมีกองกำลังที่คอยดูแลความสงบเรียบร้อย รักษาสมดุลอำนาจระหว่างแต่ละราชวงศ์และยุทธภพ เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ประชาชนมากที่สุด ดังนั้นเจ้าของหอเทียบสวรรค์จึงมีฐานะสูงส่ง แม้แต่ฮ่องเต้ของแต่ละแคว้นและประมุขยุทธภพต่างก็เกรงใจจนถึงขั้นเกรงกลัวไม่อยากมีปัญหาด้วย“หอเทียบสวรรค์ที่เป่ยจ้านก็มั่นคงแล้ว ข้าคงต้องกลับบ้านจริงๆ เสียที”ซินเค่อซีพูดพลางทอดถอนหายใจ เดิมเขาแค่อยากแกล้งรัชทายาทที่มักสร้างปัญหาให้เขาตลอดระยะหลายปีที่ผ่านมา เรื่องที่ร้ายแรงที่สุดคือ คู่หมั้นคนแรกของเขาถูกองค์รัชทายาทแย่งตัวไป แต่อีกฝ่ายก็ดูแลนางไม่ดีจนนางตกน้ำเสียชีวิต เขาจึงพยายามเอาคืนองค์รัชทายาท จนถึงขั้นจะแย่งเหอชิวจวี๋และพาไปด้วยกันกับเขาแต่เรื่องราวพลิกผันเมื่อเขาจับผิดคนจนมีความสัมพันธ์กับเหอชุนหลาน แผนการอื่นของเขาจึงต้องเปลี่ยนแปลงทุกอย่าง เขายังอยากอยู่ที่แคว้นเป่ยจ้านตามหาเหอชุนหลานที่หายตัวไป แต่ใจหนึ่งก็ไม่กล้าคาดหวั