พี่ชายที่ดีต้องทำตัวเป็นแบบอย่างที่ดีให้น้องชาย แต่ภาพลักษณ์ชื่อเสียงบัดซบของเปิ่นหวางต้องเก็บให้มิด อย่าให้น้องน้อยได้รู้เด็ดขาด เพื่อหลีกหนีบัลลังก์ เขาจึงเลือกเป็นคนบัดซบที่สุดในแผ่นดิน เพราะเขาไม่ใช่คนของแผ่นดินผืนนี้ กลับเป็น… จอมเวทหนุ่มวัยสามสิบจะถูกบีบ จดต้องหนีตาย แต่ดันไม่ตายกลับมาอาศัยร่างที่หน้าตาเหมือนกับวัยเด็กของตนราวกับฝาแฝด ใช่แล้ว...เขากลายเป็นเด็กหนุ่ม ที่แปะป้ายด้วยตำแหน่งท่านอ๋อง แถมมีโอกาสถูกลากไปฆ่าได้ทุกเวลา แค่นั้นไม่คณามือจอมเวทผู้นี้ เขาจะหาทางกลับบ้านไปให้ได้ ไปไล่เตะตาแก่บ้าอำนาจคนนั้นให้ได้ สัญญาด้วยเกียรติของเจ้าบ้านตระกูลวินเซอร์ที่เขาเพิ่งได้ตำแหน่งมาสองวันเลย งานนี้จากคุณชายผู้หยิ่งยโสกลายเป็นท่านอ๋องสถุล เสเพล หาคำชมไม่ได้ ในแผ่นดินไม่มีใครรู้จักคำว่าคนบัดซบที่ดีเป็นยังไงเท่าชินอ๋องผู้นี้ จนพังพอนเหลืองจับเขายัดเข้าสำนักฝึกยุทธ แต่เขาก็จะเป็นท่านจอมยุทธบัดซบให้ดู
もっと見るสถานการณ์ในการประลองเปลี่ยนไป เมื่อหวงฉีตงจู่ ๆ ก็เพิ่มพลังระดับปราณยุทธฉับพลัน จากปราณยุทธระดับปรมาจารย์ยุทธขั้นสี่เป็นระดับอัคราจาร์ยยุทธขั้นสี่ เพิ่มขั้นมาหนึ่งระดับขั้นไม่ต้องคาดเดาก็รู้ได้ว่าอีกฝ่ายเล่นแง่ ใช้โอสถเพิ่มลมปราณให้กับตัวเอง ถึงแม้ว่าจะไม่มีข้อห้าม แต่คนส่วนใหญ่ไม่มีใครทำกัน เพราะมันมีข้อเสียมากกว่าข้อดี และเป็นการไม่ให้เกียรติตัวเองหวงฉีตงไม่ได้ใช้โอสถกับตัวเองแต่เพียงผู้เดียว มันกลับใช้ยาพิษผงโปรยใส่เสิ่นเยี่ยนในตอนที่ประชิดตัว เพื่อหวังบั่นทอนพละกำลังและสกัดกั้นลมปราณของอีกฝ่ายอย่างหน้าด้าน ๆ แล้วขว้างมีดบินใส่ทีเผลอ ทั้งยังแทงทวนพุ่งโจมตี บ่งบอกนิสัยเลวทรามของตัวเองเสิ่นเยี่ยนรู้ว่าตัวเองถูกพิษ กล้ำกลืนเลือดพิษในลำคอลงท้องหึ...เขาคาดไว้แล้วว่าอีกฝ่ายต้องมาไม้นี้ แต่คาดไม่ถึงว่าจะใช้พิษที่รุนแรงและหายากหลายชนิดเช่นนี้หนึ่งในนั้นเป็นพิษโลกันตร์แผดเผา พิษที่จะตรวจหาก็ไม่พบ เหยื่อจะถูกทำลายจากภายในเหมือนถูกเผาทั้งเป็นจนกว่าจะตาย ที่เขารู้ก็เพราะบิดาเขาก็ตายด้วยพิษนี้ มันจะค่อย ๆ กัดกินร่างกายร้อนผ่าวในบางช่วงเวลา ตอนนี้เขาแสบร
“บ้า! ข้าจะไปมีญาติได้ไง แซ่สกุลของข้าตั้งมั่ว ๆ ขึ้นมา เจ้ารู้ดียังมีหน้ามาแขวะข้าอีก” หวงฉีเจิ้งเบ้ปากใส่ท่านอ๋อง ที่รู้ความจริงอยู่แล้ว ยังพูดไร้สาระกวนประสาทเขาอีก“เฮอะ...ถ้าข้าเป็นญาติคนผู้นั้น ป่านนี้ข้าคงเป็นลูกหลานตระกูลแม่ทัพอาณาจักรเหลียงฟู่ นอนตีพุงอยู่กินสุขสบายไปแล้ว ไม่ต้องมารีดไถเงินทองของเจ้าเหมือนขอทานหรอก!!! หึ...” คุณชายแซ่หวงโต้กลับ“ฮ่า ฮ่า ฮ่า...เจ้าอย่าจิตใจคับแคบนักเลย คิดเล็กคิดน้อยเป็นสตรีสูงวัยไปได้” เยี่ยหยางหัวเราะอย่างไม่รักษาภาพพจน์ วันนี้เขาได้แขวะหวงฉีเจิ้งแล้ว คืนนี้คงหลับสบายสองสหายซี้พูดคุยกันไม่กังวลแม้แต่น้อยว่าตัวเองก็ต้องขึ้นไปอยู่บนเวทีประลอง“เจ้าว่าใครจะชนะ?” เยี่ยหยางถามขึ้นอย่างคนไม่มีอะไรให้ทำ“ข้าว่าสูสี แต่สุดท้ายเสิ่นเยี่ยนจะได้ชัยมาครอง”หวงฉีเจิ้งมองแวบเดียวก็ประเมินคู่ต่อสู้บนสนามประลองได้อย่างเฉียบขาด ตอบท่านอ๋องที่กำลังใส่ใจภาพลักษณ์คนบัดซบจนรู้สึกว่าหนังหน้าตัวเองบางเกินไปแล้ว ตอนนี้รอบด้านไม่มีใครกล้านั่งข
ในที่สุดก็ถึงการทดสอบที่สำคัญที่สุดที่ศิษย์เทียนถูหวู่ต่างรอคอย ก็มาถึง เป็นการทดสอบยุทธโดยการประลองฝีมือที่ชี้ชัดให้เห็นถึงความสามารถความแข็งแกร่งที่แจ้งจริงการทดสอบที่แล้วมาไม่สำคัญเท่าการประลองนี้ได้ เพราะเหล่าศิษย์ต้องใช้ทักษะ ความรู้ และไหวพริบทั้งหมดที่มีในการดวลวัดฝีมือกับฝ่ายตรงข้ามโดยตรงการดวลประลองจะจับคู่สู้ในศิษย์ระดับเดียวกันแบบสุ่ม เช่นศิษย์สายนอกก็จะแข่งกับศิษย์สายนอกเท่านั้น และยากที่เห็นการประลองข้ามระดับ ถ้าคนผู้นั้นไม่ได้แข็งแกร่งจริง ๆ โดยรายชื่อของคู่ประลองจะติดประกาศอยู่กลางลานกว้างของเทียนถูหวู่ที่เคยจัดงานเลี้ยงต้อนรับตอนนี้ศิษย์พี่ศิษย์น้องต่างเบียดเสียดกัน เพื่อมาดูชื่อของคู่แข่งในสนามของตัวเองเยี่ยหยางที่เพิ่งทดสอบการปรุงโอสถเสร็จสิ้นเมื่อวานรู้สึกเหนื่อยไม่น้อย หากใครหลายคนได้ยินคำบ่นนี้เข้า คงยกมือยกเท้ามาทักทายให้รู้ผลกันไปข้าง เพราะพวกเขาเหนื่อยมาก แทบจะถ่ายตับไตไส้พุงออกมาอยู่แล้วผู้ที่ตกเป็นเหยื่อของท่านอ๋องต่างมีแรงลากสังขารไปดูรายชื่อของตัวเอง หลังจากเดินหน้าซีดอ่อนเปี้ยเดินดาหน้าไปรับยากับอาจารย์จ้าวถิงเซียว
เยี่ยหยางเบิกตากว้าง ขนลุกซู่จนอยากอ้วกออกมา เขาไม่คิดว่าจะมีคนอั้นไม่อยู่จน...เป็นแบบนี้ ฝีมือเขาช่างสูงส่งยิ่งนักอาจารย์จ้าวผู้เยือกเย็นเบือนหน้าหนีภาพทุเรศลูกตา อยากเอามือกุมขมับ ไม่รู้จะสงสารศิษย์ผู้โชคร้ายผู้นี้อย่างไรดีเขาไม่สามารถจัดการกับลูกศิษย์บัดซบคนนี้ได้ เมื่ออีกฝ่ายไม่เหลือหลักฐานใด ๆ หลงเหลือ ทุกอย่างที่เห็นเหมือนกับเป็นแค่อุบัติเหตุแต่สัญชาตญาณตรวจจับชี้ตัวก่อเหตุเป็นลูกศิษย์ยศอ๋องของเขา จึงได้แต่คาดโทษอีกฝ่ายไว้ในใจรอวันชำระโทษคืนวันหลัง แล้วปิดจมูกสั่งการเก็บกวาดความวุ่นวายที่เกิดขึ้นแต่ผู้โดนฤทธิ์เดชท่านอ๋องมีไม่น้อย และฤทธิ์ยาก็ออกฤทธิ์เต็มที่แล้ว ต่างพุ่งออกไปโดยไม่สนใจใครไม่ขออนุญาตคนเป็นอาจารย์อย่างจ้าวถิงเซียวแม้แต่นิดเดียวต่างมุ่งหน้ามุ่งมั่นไปแย่งชิงสถานที่ปลดปล่อยที่มีอยู่ในตำหนักแห่งนี้ที่มีอย่างจำกัดจำนวนแน่นอนว่าสถานที่แบบนั้นมีไม่เพียงพอกับความต้องการในการใช้งานขณะนี้ส่วนผู้ที่ตบตีแย่งชิงโถปลดทุกข์ไม่ได้ก็ยิ่งทุกข์หนักยิ่งกว่าเดิม เพราะต้องแบกสังขารหูรูดของร่างกายที่ทรยศ ไปหาโถปลดที่พวกเขาต้องการเ
“ใคร!!!”สีหน้าของอาจารย์สอนปรุงโอสถมืดครึ้มแทบคั้นเป็นน้ำหมึก กวาดสายตาเหี้ยมโหดพร้อมรังสีสังหารกระทืบคน ครั้งนี้เขาโดนลูบคมอย่างแรง ไม่เคยมีใครยั่วโทสะเขาได้มากเท่านี้ผู้ร่วมเหตุการณ์ทุกคนต่างก้มหน้าก้มตาทำตัวสงบเสงี่ยมเจี๋ยมเจี้ยม ต่างกลับท่านอ๋องบัดซบกลับหันซ้ายหันขวาเหมือนกับจะช่วยหาตัวคนร้ายอย่างไรอย่างงั้น แต่ทุกคนแทบจะปิดหน้ายกมือชี้มาที่เจ้าตัวอย่างระบุตัวเฉพาะเจาะจง“ไม่ใช่ข้า ข้าไม่ได้ทำสักนิดเดียว” ผู้ถูกชี้ตัวโบกไม้โบกมือปฏิเสธความผิดด้วยใบหน้าซื่อ ๆ ไม่รู้ไม่ชี้ไม่ทำสิ่งใดทั้งสิ้น สีหน้าช่างชวนประทับฝ่าเท้าประดับไว้ไม่น้อย…เหอะ ๆ เยี่ยหยาง เจ้าไม่ได้ทำเรื่องเล็กสักนิดเดียว แต่เจ้าก่อเรื่องวินาศสันตะโรใหญ่โตสุด ๆ ไปเลย ฉีเจิ้งสั่นหัวกับการกลั่นแกล้งผู้คนของเพื่อนรัก“มู่หรงเยี่ยหยาง!!!”“ขอรับอาจารย์จ้าว” เยี่ยหยางเสียวสันหลังวูบด้วยเสียงเรียกและสายตาที่แช่แข็งคนได้ของจ้าวถิงเซียวข้าก่อเรื่องเ
เตาปรุงโอสถเตาใหม่ที่ตั้งใจปรุงขึ้นอย่างดีด้วยเจตนาแอบแฝงถูกจุดด้วยปราณยุทธของกิเลนเทวะ ความร้อนค่อย ๆ เพิ่มระดับขึ้นในเวลาไม่กี่ลมหายใจด้วยพลังปราณที่แข็งแกร่งกว่าระดับศิษย์นอกทั่วไปเมื่อขั้นตอนอุ่นเตาโอสถเสร็จสมบูรณ์ สมุนไพรหลายชนิดถูกใส่ตามลำดับขั้นตอนที่ถูกแก้ไขให้ฤทธิ์รุนแรงขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าเหมือนกำลังละเลงศิลปะที่งดงาม สีหน้าคนอยู่หน้าเตาโอสถแววตาวิบวับเป็นประกาย มือกวนโอสถในหม้อ แต่สายตากะคำนวณระยะของระเบิดสมุนไพรชีวภาพ...หึหึหึสายตาเจ้าเล่ห์เหลือบไปเห็นในกองสมุนไพรที่จัดเตรียมไว้ให้บรรดาศิษย์ทดสอบโอ้ ใส่หญ้าหอมร้อยลี้เพิ่มหน่อยดีกว่าฤทธิ์สมุนไพรที่ส่งกลิ่นหอมที่เหล่าสตรีชมชอบถูกความคิดพิเรนทร์ของเยี่ยหยางดัดแปลงพลิกคุณสมบัติกลับตาลปัตร กลายเป็นเหม็นร้อยลี้แทน เพิ่มฤทธิ์เดชโอสถบัดซบให้ขจรไกลยิ่งกว่าเดิมลู่เฉินที่รู้นิสัยของญาติผู้พี่เป็นอย่างดี ตลอดเวลาที่เขาปรุงโอสถก็คอยลอบมองชินอ๋องราชอาณาจักรซีเว่ยผู้นี้เป็นระยะ ๆ ว่าจะสร้างเรื่องอะไรหรือไม่เพราะเจ้าตัวไม่ได้ก่อเรื่องมานานเกิน ไม่รู้ว่าจะอดกลั้นอดใจได้ถึงเมื่อไหร่
เมื่อเตรียมสมุนไพรเสร็จ ก็เริ่มตั้งไฟตั้งเตายาที่อาจารย์เตรียมไว้ให้เพื่อความเท่าเทียมกันในเรื่องวัตถุดิบและอุปกรณ์ไฟสีส้มแดงธรรมดาเหมือนไฟหุงหาอาหารทั่วไปค่อยเปลี่ยนเป็นไฟสีน้ำเงินพลิ้วไหวราวกับสีของอัญมณีแทนซาไนท์[1]กำลังเต้นระบำด้วยพลังเวทของเยี่ยหยาง ออร่าประกายเวทแผ่ออกมาจากร่างเป็นแสงสีฟ้าน้ำเงินเรืองรองปกคลุมรอบเตายาปลายนิ้วหยิบใส่สมุนไพรลงในหม้อที่อุ่นด้วยเวทมนตร์อย่างแผ่วเบาราวกับบรรเลงพิณทีละอย่างตามลำดับ ต้มรวมกับหยาดเหงื่อของยูนิคอร์น และหยดน้ำตาของนกฟีนิกซ์เพลิงที่เขาเปิดกุคลังวัตถุดิบส่วนตัวแทนน้ำอมฤตจากสวรรค์ชั้นฟ้าสาเหตุส่วนหนึ่งที่โอสถนิพพานหวนคืนเป็นโอสถหายาก และไม่มีผู้ใดคิดที่จะปรุงมันขึ้นมา เพราะน้ำอมฤตจากสวรรค์ชั้นฟ้าเป็นส่วนผสมสำคัญที่มนุษย์ธรรมดาเดินดินที่ไม่ใช่เทพเซียนจะหามาได้ส่วนผสมทั้งหมดเคี่ยวกลั่นในเตายาที่ธรรมดาสามัญ ผสานกับพลังเวทและ…‘ฉงฉง เจ้าทำอะไรอยู่’ เยี่ยหยางส่งกระแสจิตผ่านพันธะเวทไปหาฉงหยิ๋น‘กินขนมเป็นเพื่อนท่านแม่’ กิเลนตะกละตอบกลับมา‘ข้าขอย
เสียงสัญญาณให้เข้าเตรียมทดสอบความรู้ทฤษฎีเกี่ยวกับสมุนไพรและการปรุงโอสถได้เริ่มขึ้น สถานที่ทดสอบเป็นห้องกว้างขวางที่บรรจุศิษย์ได้หลายร้อยคนศิษย์ที่ต้องทำการทดสอบต่างเดินเข้ามาประจำที่ของตัวเอง การทดสอบนี้จะต่างกับวิชาภาคทฤษฎีวิชาอื่นเล็กร้อยตรงที่วิชาอื่นจะเป็นโต๊ะเก้าอี้แคบที่พอสำหรับนั่งเขียนเท่านนั้นแต่สำหรับวิชาปรุงโอสถกลับเป็นโต๊ะยาวที่บนโต๊ะเต็มไปด้วยตัวอย่างสมุนไพรมากมายที่วางอยู่รวมกันพร้อมชุดคำถามสำหรับทดสอบเยี่ยหยางกระดิกนิ้วสั่งให้คราบร่างของตัวเองเดินตามมา เพราะเขาใช้คาถาเล็กน้อยจัดการให้ตำแหน่งที่นั่งของชินอ๋องและเส้าหยางอยู่ใกล้กันที่สุด เพื่อความสะดวกสำหรับการทำข้อสองชุดเหมือนวิชาอื่น ๆ ก่อนหน้าผู้ที่ต้องเหนื่อยกว่าใครสองเท่าเริ่มลงมือทำแบบทดสอบในนามของชินอ๋องก่อน และสั่งให้คราบร่างของเขาแสดงท่าทางเหมือนกำลังทดสอบ ข้อเสียของพวกโฮมุนครูสคือไร้ปัญญาสมบูรณ์แบบ เขาต้องสั่งและควบคุมมันสมุนไพรของศิษย์แต่ละคนได้รับต่างกันไป และ แบบทดสอบสองชุดของเขาไม่เหมือนกันแม้แต่น้อย เยี่ยหยางหยิบรากไม้ดำขึ้นมาดม แยกสมุนไพรออกเป็นแต่ละประเภทตามความเ
ส่วนสหายหญิงที่เมินเพื่อนหนุ่มตัวเหม็นอยู่ในร่างจิ้งจอกน้อยล่อลวงญาติผู้น้องของสหายที่ริมทะเลสาบยามอัสดงอันเงียบสงบเงาร่างผ่าเผยนั่งพิงต้นไม้ใหญ่อยู่กับจิ้งจอกขนแดงที่นอนอยู่บนตัก คือ รัชทายาทราชอาณาจักรซีเว่ยที่อ่านตำราทวนซ้ำ(อีกรอบ)อย่างตั้งใจแม้มู่หรงลู่เฉินยังใช้ลมปราณได้ไม่เต็มที่ เนื่องจากพิษของเทาเทีย ทำให้เขาใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการอ่านตำรา แต่ก็ยังไม่ทิ้งการฝึกยุทธ เพียงแต่ฝึกโดยไม่ใช้ลมปราณในตอนเช้าของทุกวันอย่างขยันขันแข็งมือเรียวข้อนิ้วเด่นชัดเปิดพลิกเปลี่ยนหน้าหนังสือ อีกมือลูบไล้ขนนุ่มนิ่มจิ้งจอกของเขาอย่างเอ็นดูหูลี่เซียนนอนรับลมเย็น ๆ อย่างพึงพอใจยิ่ง นางไม่รู้สึกสงบใจเช่นนี้มานานเท่าไหร่แล้วกาลก่อนที่ถูกสาปเพียงเพราะต้องเอาตัวรอด ไม่เคยได้อยู่เป็นสุขสักวัน ตอนนี้มีทั้งลู่เฉิน มีทั้งเยี่ยหยาง ฉีเจิ้งเพื่อนนางอยู่พร้อมก็ดีไม่น้อยแล้วนางรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้ลู่เฉิน แต่มันคงไม่ใช่ความรู้สึกรักลึกซึ้งเชิงชู้สาว รักเป็นเช่นไรนางคงบอกไม่ได้อุ้งเท้าหน้าของจิ้งจอกแดงสะกิดเรียกเด็กหนุ่ม ที่ทวนตำราจนลืมเวลานาง
จูเฉิงเยว่ไม่ต้องการเรียกพี่ชายผิดคน เขากระโจนเข้าจัดการจู่โจมว่าที่พี่ชายอย่างไม่ให้ตั้งตัว ฉุดกระชากเปลื้องผ้า จนคนที่บอกว่าเป็นพี่ชายถึงกลับเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ท่อนบนเปลือยเปล่ายืนมึนงงไม่เข้าใจการกระทำของน้องชายตัวเอง ว่าที่น้องชายหมุนตัวว่าพี่ชาย จดจ้องไปที่เอวด้านหลังขวาตาเขม็ง บริเวณนั้นปรากฏปานแดงขนาดประมาณหนึ่งฝ่ามือรูปร่าง คล้ายไม่คล้ายพยัคฆ์ไม่คล้ายสิงห์ รูปดั่งเช่นกิเลนผงาด เหมือนที่มารดาบอกไม่ผิดเพี้ยน ไม่ผิดคนแน่!!!ทันทีที่ยืนยันตัวตนถูกต้อง น้ำตาหยดใหญ่ร่วงใส่หลักฐานที่ยืนยันความจริงต่อหน้าเฉิงเยว่ เขานึกจินตนาการอยู่ตลอด ภาพในความฝันที่มีพี่ชายคอยปกป้องเขา พี่ชายที่ต่อยตีกับผู้อื่นที่มารังแกเขา ภาพที่พี่ชายปกป้องเขา ภาพที่พี่ชายเล่นสนุกกับเขา เขามีพี่ชายแล้วจริง ๆ “ต้าเกอ!!!”เยี่ยหยางที่รอน้องน้อยยอมรับความสัมพันธ์ จู่ ๆ ก็ถูกเปลื้องผ้า พลิกซ้ายพลิกขวา จากนั้นก็ร้องไห้โฮใส่ จนคนเพิ่งเป็นพี่ชายหมาด ๆ มึนงง รับมือไม่ถูก ได้แต่ดึงตัวมากอดปลอบ“โอ๋ ๆ ลูกผู้ชายไม่เสียน้ำตาง่าย ๆ หรอกนะ” มือคู่กุมใบหน้าเฉิงเยว่ นิ้วโป้งปาดน้ำตาใสที่ร้องไห้โฮกลายเป็นเด็กน้อย “แก้ผ้าพี่เ...
コメント