“นี่เธอเป็นแบบนี้จริงๆหรือต้องการกวนประสาทฉันแน่เนี่ย” ภูผามองตามหลังหญิงสาวร่างเล็กด้วยสายตาแปลกใจไม่หายไม่เข้าใจว่าที่เธอทำประชดเขาหรือว่าเธอกลัวเขารำคาญจริงๆ
“ยังไงก็แต่งก่อนที่ท้องหลานฉันมันจะป่องกว่านี้ส่วนสินสอดก็แล้วแต่พวกคุณฉันไม่บังคับ” เมื่อคุยกันได้พักใหญ่ก็เป็นอันว่าผู้ใหญ่สองฝ่ายตกลงกันได้ด้วยดีในส่วนของสินสอดพิกุลไม่ได้เรียกร้องเพราะบ้านเธอแม้จะดูไม่มีเท่าสายทองแต่เธอก็มีพออยู่พอกินเลี้ยงหลานเลี้ยงเหลนของเธอได้สบายอยู่แล้ว
“เป็นอาทิตย์หน้าเห็นจะดีหรือเปล่าล่ะ” สายทองเห็นด้วยกับพิกุลที่จะไม่ให้ผ้าแพรนั้นท้องป่องในงานแต่งเนื่องจากหลานชายของเธอก็ค่อนข้างมีหน้ามีตาไม่อยากให้ดูไม่ดีเช่นกัน
“ได้ก็ดีค่ะ” พิกุลเองก็คิดว่าจะจัดให้เร็วแต่ก็ไม่กล้าพูดออกไปแต่เมื่อสานทองเสนอมาเธอก็ไม่ขัดจะได้จบๆไปไม่ขายขี้หน้าคนอื่นนาน
“อย่างนั้นก็เป็นอันตกลงกันตามนี้” สายทองพยักหน้ากับพิกุลและหันมามองกับโสพิศที่เอาแต่นั่งเงียบเหตุด้วยคงเพราะอ่อนใจกับลูกชายเธอ
“เธอท้องกี่เดือนแล้วล่ะ” โสพิศเดินมาคุยกับผ้าแพรพร้อมกับสายทองก่อนจะกลับเพราะอยากทำความรู้จักกับลูกสะใภ้ของเธอให้มากขึ้น
“หมอบอกว่าสิบสัปดาห์แล้วค่ะ” ผ้าแพรมองหน้าผู้ใหญ่ทั้งสองเล็กน้อยพอพูดจบก็เอาแต่ก้มหน้าทั้งน้ำตาเจ้ากรรมก็ไหลลงมาอีกรอบ
“เธอนี่ก็จริงๆเลยนะรู้ทั้งรู้ว่าตาภูหมั้นอยู่กับหนูเพียงฟ้าก็ยังจะปล่อยให้ท้อง” โสพิศรู้ว่าเรื่องมันผ่านไปแล้วแต่เธอก็อดจะตำหนิหญิงสาวในเรื่องนี้ไม่ได้เพราะเธอรู้ว่าผ้าแพรเป็นพนักงานในร้านของเพียงฟ้าซึ่งเป็นคู่หมั้นของลูกชายเธอแต่ก็ยังมีสัมพันธ์กับลูกชายเธอจนเกิดท้องมาได้
“คือหนู...ม.. ไม่ได้ตั้งใจ” ผ้าแพรเริ่มสะอื้นขึ้นมาอีกรอบเธอยกมือไหว้ผู้ใหญ่ทั้งสองอย่างรู้สึกผิดเธอรู้ดีว่าเธอต้องถูกตำหนิเรื่องนี้แต่เรื่องคืนนั้นเธอไมได้ตั้งใจให้มันเกิดขึ้นจริงๆ
“ตบมือข้างเดียวดังหรือยังไงล่ะแม่โสพิศ” สายทองหันไปบอกกับโสพิศว่าจะโทษผ้าแพรคนเดียวก็ไม่ถูก
“.....” โสพิศมองไปยังลูกชายของเธอที่นั่งรออยู่ห่างๆอย่างอ่อนใจที่อายุจะเข้าเลขสามแล้วยังสร้างแต่ปัญหาเรื่องผู้หญิงไม่เลิกได้แต่หวังว่าการมีลุกมีเมียเป็นตัวเป็นตนครั้งนี้ของลูกเธอจะทำให้หยุดนิสัยเสเพลเรื่องผู้หญิงได้บ้าง
“หนูขอโทษค่ะ...น..หนูขอโทษจริงๆค่ะ ขอโทษนะคะ” ผ้าแพรสะอื้นตัวโยนเธอรู้ว่าเธอทำให้ทุกคนเดือดเนื้อร้อนใจคำที่ดีที่สุดที่เธอจะกล่าวกับทุกคนก็คือขอโทษคำเดียวเท่านั้น
“อ้าวๆสะอื้นตัวโยนเลยพอแล้วๆเรื่องมันเกิดมาแล้วนี่นะใช่ว่าหนูจะผิดคนเดียวตาภูก็ผิดเหมือนกัน” สายทองรีบเข้ามากอดปลอบสาวน้อยร่างบางเพราะดูจะสะอื้นหนักประเดี๋ยวจะเป็นลมเป็นแล้งไปพวกเธอจะถูกพิกุลตราหน้าว่าทำร้ายหลานของเจ้าตัวอีก
วันต่อมา
“คุณฟ้า” ผ้าแพรรู้ว่าเพียงฟ้ามาหาที่บ้านจึงรีบออกมาต้อนรับในช่วงเย็นเพราะวันนี้เธอขอเพียงฟ้านั้นลาหยุด
“เป็นยังไงบ้างแพรยังมีเวียนหัวอยู่หรือเปล่า” เพียงฟ้าหิ้วผลไม้กับขนมมาฝากผ้าแพรเต็มตะกร้าหวายเพราะอยากให้เธอบำรุงเยอะๆทั้งถามถึงอาการคลื่นไส้อาเจียนที่ผ้าแพรนั้นเคยเป็นก่อนหน้านี้ด้วย
“มีบ้างค่ะคุณฟ้า”
“ได้ข่าวว่าอาทิตย์หน้าเธอจะต้องแต่งงานดีใจด้วยนะ”
“แพรถามจริงๆนะคะ.. คุณฟ้าไม่โกรธแพรจริงๆใช่ไหมคะ” ผ้าแพรหน้าเจื่อนเล็กน้อยก่อนจะตัดสินใจถามเรื่องนี้กับเพียงฟ้าอีกครั้ง
“ฉันจะโกรธเธอทำไมล่ะบอกแล้วไงว่าฉันไม่ได้รักพี่ภูสักนิดต้องขอบใจเธอด้วยซ้ำที่ทำให้ฉันได้ถอนหมั้นเป็นอิสระเธอก็เหมือนน้องสาวของฉันฉันจะโกรธเธอลงได้ยังไง” เพียงฟ้ายังยืนยันคำเดิมว่าเธอไม่ได้รักภูผาที่หมั้นกันก็เพราะพ่อของเธอกับพ่อของภูผานั้นสัญญาในความเป็นเพื่อนกันเอาไว้เท่านั้น
แถมเธอยังคิดกับภูผาเป็นพี่ชายเพราะเห็นกันมาแต่เด็กๆภูผาเองก็คิดกับเธอเป็นน้องสาวเหมือนกันอีกอย่างเธอก็อยากหาเรื่องถอนหมั้นกับภูผานานแล้วด้วยเพราะเบื่อผู้หญิงของเขาที่ชอบตามรังควานเธอไม่หยุดไม่หย่อน
“ที่ฉันมาวันนี้ก็เพราะจะมาบอกว่าเธอไม่ต้องไปทำงานที่ร้านฉันแล้วคุณย่าสั่งมาให้เธอพัก”
“แต่แพรอยากทำงานนะคะแพรยังสามารถทำงานได้ทุกอย่างนะคะ” ผ้าแพรถึงกับส่ายหัวหงึกหงักการทำอาหารเป็นสิ่งที่เธอรักหากไม่ได้ทำเธอคงเฉาตายแน่
“อย่าให้ผู้ใหญ่เป็นห่วงสิแพร”
“ก็ได้ค่ะ” เจอประโยคดักเรื่องผู้ใหญ่แบบนี้มีหรือคนที่นอบน้อมอย่างผ้าแพรจะไม่ฟังและแล้วก็ต้องยอมจนได้
สามวันต่อมา
กรุงเทพมหานคร
บ้านริมน้ำ
บ้านริมน้ำเป็นบ้านหลังขนาดไม่ใหญ่มากนักเป็นบ้านสีขาวหลังใหญ่ราคาเหยียบร้อยล้านตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยามีเนื้อที่บริเวณรอบๆหลายสิบไร่เป็นของสายทองเธอละครอบครัวย้ายมาอยู่ที่นี่ตั้งแต่สุรัตน์พ่อของภูผาลูกชายของเธอเสียเธอก็ย้ายจากคฤหาสน์หลังโตมาอยู่ที่บ้านริมน้ำเพราะที่นี่ค่อนข้างสงบร่มเย็นแถมยังบรรยากาศดีด้วยเหมาะแก่การพักผ่อนในวัยเกษียณของเธอยิ่งนัก
“จะแต่งงานอยู่แล้วจะไปไหนอีกตาภู” สายทองนั่งจิบชายามบ่ายที่ห้องนั่งเล่นเห็นหลานชายของเธอแต่งตัวเสียเต็มยศคงไม่พ้นออกไปเตร็ดเตร่แน่นอนเธอจึงร้องทักเอาไว้ก่อน
“หาความสุขบ้างสิครับคุณย่า” ภูผาคิดว่าเวลานี้คุณย่าของเขาจะงีบหลับอยู่ที่หลังบ้านเสียอีกนับว่าเขาเลือกเวลาผิดเสียจริง
“หยุดเลยลูกคาท้องเมียแกอยู่แกจะไปไหน” สายทองเห็นทีจะปล่อยให้หลานของเธอทำตัวสบายใจแบบนี้ไมได้แล้วเพราะอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันแต่งงานหากมีข่าวเรื่องผู้หญิงของหลานชายของเธอออกมาตอนนี้มีหวังพิกุลคงไม่ยอมยกหลานสาวของเจ้าตัวให้พอดีนั่นเท่ากับว่าเธอก็จะไม่ได้เลี้ยงเหลนเองด้วย“โถ่คุณย่า” ภูผาถึงกับคอตกที่ย่าของเขายกเหตุผลนี้มาค้ำคอของเขาไม่ให้ออกไปสังสรรค์กับเพื่อนข้างนอก“กลับเข้าบ้านมาเดี๋ยวนี้เลยก่อนที่ฉันจะตัดบัตรแกอย่าคิดว่าแกเป็นผู้บริหารโรงแรมแล้วจะดื้อกับย่าได้นะ” สายทองจ้องหลานชายของเธอตาเขม็งดูซิจะกล้าแข็งคอกับเธออีกหรือเปล่า“คุณย่าทำไมทำกับผมแบบนี้ล่ะครับเพราะเธอคนเดียวเลยผ้าแพร” ภูผาจำต้องเดินคอตกกลับขึ้นห้องของตัวเองไปแม้เขาจะเป็นผู้บริหารแล้วแต่ย่าของเขาก็มองเขาเป็นเด็กอยู่ทุกทีไปทั้งบ่นอู้อี้ถึงตัวต้นเหตุเบาๆ“บ่นอะไร” สายทองส่ายหัวเบาๆที่หลานเธอนั้นบ่นถึงผ้าแพรทั้งที่เจ้าตัวนั่นที่เป็นตัวต้นเรื่องเชียงใหม่“ฮัดชิ่ว” ในขณะที่ผ้าแพรกำลังปอกผลไม้ที่เห็บมาจากสวนใส่กล่องเอาไว้ทานเธอก็เกิดจามขึ้นมาเพราะรู้สึกคัดจมูกกะทันหัน“หนูไม่สบายเหรอลูก” พิมพรรณมองหน้าหลานของเธอด้วยสีหน้าที่
“เจ้าบ่าวจะมาแล้วเตรียมตัวให้พร้อมล่ะ” พิกุลเดินมาบอกให้หลานของเธอเตรียมตัวให้พร้อมเพราะเมื่อเจ้าบ่าวมาถึงก็จะต้องออกไปทำพิธีตักบาตรแล้วผูกข้อไม้ข้อมือ“ค่ะยาย” ผ้าแพรผละออกจากอ้อมกอดพิมพรรณและเอ่ยเสียงตอบยายของเธอยอมรับเลยว่าตอนนี้ใจของเธอเต้นแทบจะหลุดออกมาจากอกอยู่แล้วเวลาผ่านไปจนถึงพิธีผูกข้อไม้ข้อมือในขณะที่สายทองและพิกุลผูกข้อมืออวยพรหลานทั้งสองเรียบร้อยแล้วก็มานั่งคุยกันตามประสา“หนูแพรแต่งนิดๆหน่อยๆก็ดูดีขึ้นมากเลยนะ” สายทองยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ที่ทุกคนต่างก็ชมว่าหลานสะใภ้ของเธอน่ารักน่าชังเหมาะสมกับภูผารวมไปถึงนักข่าวก็รัวภาพกันไม่หยุดเธอหวังว่าหลังจากข่าวนี้ออกไปผู้หญิงที่เข้าหาภูผาจะเลิกยุ่งกับหลานเธอเสียทีในเมื่อรู้ว่าหลานเธอนั้นแต่งงานมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนแล้วเธอจะได้เลิกปวดหัวกับข่าวการฉาวๆของภูผา“หลานฉันหน้าตาเหมือนแม่ไม่มีผิด” พิกุลนั่งมองหลานสาวของเธอด้วยรอยยิ้มอ่อนพรางนึกถึงพรทิพย์แม่ของผ้าแพรที่เมื่อวัยสาวก็สวยน่ารักแบบนี้ไม่มีผิดถ้าพิมพรรณเองไม่ปล่อยตัวจนอ้วนท้วมก็คงจะสวยเหมือนคนเป็นพี่แต่ก็เข้าใจลูกของเธอว่าไม่อยากให้ใครมาจีบจึงปล่อยตัวเพราะไม่อยากมีครอบครัวหลังจากที
“ยืนอยู่ทำไมเธอก็ตามไปสิ” โสพิศเห็นผ้าแพรยืนนิ่งตั้งแต่เมื่อครู่แล้วหากเป็นผู้หญิงคนอื่นคงโวยวายไปแล้วที่มีผู้หญิงคนอื่นมาควงเจ้าบ่าวตนออกไปแต่ผ้าแพรยังยืนนิ่งเป็นท่อนไม้จนเธอนั้นต้องรีบบอกให้ผ้าแพรตามออกไปดึงภูผากลับมา“หนูต้องตามไปด้วยเหรอคะ..แต่..เค้าน่าจะมีเรื่องต้องคุยกัน” ผ้าแพรมองโสพิศด้วยสายตาสงสัยว่าเธอควรตามออกไปจริงหรือไม่ในเมื่อสองคนนั้นมีเรื่องต้องคุยกันกลัวว่าเธอจะไปขัดแล้วจะเสียมารยาท“วันนี้งานแต่งเธอนะนั่นก็สามีพ่อของลูกในท้องเธอ” โสพิศขมวดคิ้วเป็นปมจับไหล่ลูกสะใภ้เธอแล้วย้ำให้ผ้าแพรได้ฟังว่าเจ้าตัวมีสิทธิ์ในตัวของภูผาทุกอย่างและจะปล่อยให้ผู้หญิงคนอื่นพาสามีตัวเองไปแบบนั้นไม่ได้“เอ่อ.. ก็ได้ค่ะคุณแม่” ผ้าแพรได้ฟังคำของโสพิศเธอก็รีบพยักหน้าและเดินตามสองคนนั้นออกไปทันที“โอ๊ย...ฉันได้ลูกสะใภ้แบบไหนมากันเนี่ย” โสพิศถึงกับยืนส่ายหัวแทบกุมขมับเรื่องแค่นี้เธอก็ต้องสอนลูกสะใภ้ของเธอด้วยหรือไง มองไม่ออกเลยว่าหากผ้าแพรยังเป็นแบบนี้จะเอาลูกชายเธออยู่หรือไม่ความหวังที่จะให้ลูกเธอมีภรรยาแล้วหยุดเจ้าชู้ดูริบหรี่เหลือเกิน“นี่ปล่อยพี่ภูนะ” เพียงฟ้าเห็นทับทิมพยายามจะลากภูผาขึ้นรถเ
“ฉันขอโทษนะคะที่ฉันเป็นต้นเหตุทำให้คุณทะเลาะกับผู้หญิงของคุณ” ผ้าแพรอยู่กับภูผาสองต่อสองในห้องหอเธอเหลือบมองชายหนุ่มจากด้านหลังของเขาในขณะที่เขายืนกอดอกมองออกไปนอกหน้าต่างและเอ่ยออกมาอย่างรู้สึกผิด“อะไรนะ นี่ฉันคิดว่าเธอจะโกรธฉันซะอีกนะเนี่ย” ภูผาขมวดคิ้วหันกลับหลังมามองหญิงสาวที่นั่งก้มหน้าอยู่บนเตียงที่เขายืนมองไปนอกหน้าต่างเพื่อทำสมาธิให้ใจเย็นก่อนที่จะถูกหญิงสาวต่อว่าเขาเสียอีก“ฉันจะโกรธคุณเรื่องอะไรล่ะคะ” คนที่นั่งอยู่ปลายเตียงหันมาส่ายหัวเธอไม่ได้โกรธอะไรเขาเลยหนำซ้ำยังกลัวว่าเขาจะต่อว่าเธอที่เป็นต้นเหตุทำให้ทะเลาะกับผู้หญิงของเขาด้วยซ้ำ“เปล่าๆ” ภูผารู้สึกว่าผ้าแพรจะแตกต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่เขาได้รู้จักเธอเหมือนเป็นคนที่ไม่ค่อยคิดถึงตัวเองเท่าไรนักกลับห่วงแต่ความรู้สึกคนอื่น“คุณหิวหรือเปล่าคะ” ผ้าแพรเดินเข้าไปเปิดกล่องหวายสานขนาดไม่ใหญ่มากนักใต้เตียงของเธอพร้อมค่อยๆยกออกมา“นิดหน่อย” ภูผามองหญิงสาวด้วยอาการแปลกใจว่าเธอกำลังทำอะไรที่ใต้เตียง“นี่ขนมฉันแอบยายกับน้าพิมเอามาไว้ในห้องค่ะเพราะรู้ว่าคุณจะต้องหิวบ้างทานสิคะ” หญิงสาวค่อยๆวางกล่องที่โต๊ะตั้งโคมไฟข้างหัวเตียงและเปิด
“อืม...ก็เราน่ะโตมีครอบครัวแล้วจะอ้อนยายไปตลอดก็ไม่ได้อยู่แล้ว” พิกุลเอ่ยด้วยรอยยิ้มแต่แววตาของเธอนั้นไหววูบเล็กน้อยจนพิมพรรณและภูผาที่นั่งตรงข้ามเห็นได้ชัดและรู้ดีว่าพิกุลนั้นคงใจเสียไม่น้อยที่หลานรักคนเดียวนั้นจะผละจากอ้อมอกไป“ว่ามีแต่ของโปรดยายสังขยาฟักทองของโปรดใครบางคนก็มีนะอยู่ในครัว” พิมพรรณเอ่ยบอกกับผ้าแพรเพราะรู้ดีว่านี่คือของโปรดหลานเธอจึงเร่งมือทำเมื่อช่วงบ่าย“เหรอคะน้าพิมเดี๋ยวแพรจะไปเอามาเดี๋ยวนี้” แมวน้อยขี้อ่อนที่เกาะอยู่กับขนของยายตาโพรงเมื่อได้รู้ว่าวันนี้มีของโปรดที่ไม่ได้ทานมานานซ้ำยังเป็นฝีมือของพิมพรรณที่ทำได้หวานถึงใจตนก็รีบลุกออกจากเก้าอี้หมายจะไปยกมาทานทันที“เดี๋ยวก่อนเรายังไม่ได้ทานข้าวเลยนะ” พิมพรรณต้องปรามหลานเธอเอาไว้เมื่อเห็นว่ายังไม่ได้ทานข้าวก็จะทานของหวานเสียแล้ว“อืม..ก็ได้ค่ะ” จากหน้าบานกลายเป็นหน้างอยทันทีเมื่อถูกห้ามให้ไปเอาของโปรด“รีบบอกทำไมล่ะแม่พิมเดี๋ยวก็ทานข้าวอย่างกับแมวดมขยักกระเพาะไว้ให้ขนมหวาน” พิกุลมองหน้าหลานของเธอที่กำลังหย่อนก้นนั่งที่เก้าอี้ข้างเธอตามเดิมด้วยสีหน้าหงอยๆ“นั่นสิคะแม่ฉันก็ลืมไปเลยว่าหลานคนนี้ชอบของหวานนักล่ะ” พิมพรรณ
“น้ากับยายของฉันเลี้ยงแพรมาค่ะแต่แพรก็อธิบายให้คุณฟังไม่ค่อยถูกซะด้วยพรุ่งนี้แพรจะถามวิธีจากยายแล้วก็น้าพิมนะคะเผื่อเอาไว้เลี้ยงลูกของเราด้วย” ร่างบางนอนทำหน้าครุ่นคิดเธอเห็นว่านิสัยของเธอนั้นส่วนมากมีแต่คนชมเธอเองก็อยากจะเลี้ยงลูกให้ได้เหมือนเธอเช่นกัน“ฉันว่าฉันเลี้ยงลูกในวิธีของฉันจะดีกว่า” ภูผาถึงกับต้องพูดตัดบทขึ้นมาก่อนหากให้ลูกนั้นเป็นเหมือนแม่เขาคงต้องห่วงมากเป็นแน่“อืม...แพรคิดว่าเลี้ยงแบบวิธีของแพรกับของคุณคนละครึ่งดีกว่านะคะ” ผ้าแพรหันมายิ้มให้ชายหนุ่มที่สีหน้าดูเหมือนจะคิดหนักอะไรอยู่ในใจ“เฮ้อ..” วันนี้เขาคิดว่ายังไม่คุยรายละเอียดลงลึกเรื่องนี้จะดีกว่าเลยทำได้แค่ถอนหายใจเบาๆแล้วล้มตัวลงนอนหงายคิดว่าอนาคตจะพูดกับเธออย่างไรให้เข้าใจดีว่าการที่ลูกเป็นเหมือนเธอจะถูกเอาเปรียบได้ง่าย“เป็นอะไรคะ..คุณภูร้อนหรือว่าอะไรคะ..เดี๋ยวแพรไปเร่งพัดลมให้ค่ะขอโทษนะคะที่บ้านแพรไม่มีแอคุณเลยดูลำบากเลย” เมื่อเสียงหายใจของชายหนุ่มถอนออกมาเฮือกใหญ่ความไม่สบายใจก็เกิดขึ้นกับหญิงสาวทันทีเพราะคิดว่าที่นี่อาจจะร้อนเกินไปสำหรับเขา“เปล่าอากาศที่นี่เย็นสบายดีอยู่แล้วฉันจะนอนแล้วเธอก็นอนเถอะ” มือหน
“ถ้าเค้าจะไปหาผู้หญิงเค้าจะบอกว่าไปหาเพื่อนทำไมล่ะคะคุณย่าอีกอย่างแพรก็ไม่ใช่คนที่คุณภูรักด้วย” ผ้าแพรเชื่อใจภูผาเป็นที่สุดไม่มีอะไรที่เธอต้องไม่เชื่อเพราะเขาไม่จำเป็นต้องโกหกเธอในเมื่อเธอและเขาไม่ได้มีความรู้สึกแบบชู้สาว“ถึงไม่ใช่แต่เราก็แต่งงานมีลูกด้วยกันคาท้องอยู่อย่างนี้หากวันนึงลูกเกิดมาจะต้องเห็นพ่อตัวเองไปหาผู้หญิงคนอื่นจะรู้สึกยังไง” สายทองมองหลานสะใภ้ของเธอด้วยสายตาเอ็นดูไม่รู้เลยว่าพิกุลนั้นเลี้ยงหลานมายังไงถึงได้จิตใจดีแบบนี้ แต่ยังไงเธอก็จะยอมให้ผ้าแพรนั้นคิดแบบนี้ต่อไปไม่ได้ในเมื่ออนาคตภูผาจะต้องเป็นผู้นำครอบครัวและตัวอย่างที่ดีให้แก่ลูกที่กำลังจะเกิดมา“ลูกก็จะต้องเสียใจแล้วแพรก็จะต้องเสียใจที่ลูกเสียใจแต่ถ้าบอกให้คุณภูห้ามยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นแพรคงทำไมได้ค่ะเพราะผู้หญิงของคุณภูมาก่อนแพรถ้าให้พวกเค้าเลิกกันทั้งที่ยังรักกันแพรทำแบบนั้นไม่ได้ค่ะคุณย่า” ผ้าแพรเงียบไปครู่หนึ่งเธอลองคิดตามที่สายทองพูดแล้วค่อยๆเอ่ยออกมาอย่างพินิจพิเคราะห์ไม่นานสายตาที่ไม่รู้สึกอะไรก็เริ่มก็จะไหววูบเพราะคิดไม่ตกเสียแล้ว“อืมๆ..ย่าว่าเดี๋ยวย่าคุยกับตาภูเองจะดีกว่า” สายทองมองหน้ากับดวงใจด้วยท่าท
“ท้องเหรอวะ” แดเนียลหนุ่มลูกครึ่งมาดขรึมที่เป็นตัวเบรกในความเจ้าชู้ของเพื่อนๆเพราะเขาไม่ค่อยชอบเรื่องผู้หญิงเท่าไรเขานั้นพอจะดูออกว่าเสืออย่างภูผายอมแต่งงานกะทันหันได้โดยที่ตั้งตนว่าจะอยู่เป็นโสดมีคู่นอนเท่านั้น คงมีเรื่องเดียวที่ทำให้ภูผายอมได้ แต่เขาก็ไม่ยักรู้ว่าคนที่รอบคอบอย่างภูผาจะมาพลาดเรื่องนี้ได้อย่างไร“อืม” ภูผาหันกลับมาพยักหน้าให้แดเนียลทั้งกระดกดื่มไวน์ในแก้วจนหมด“เสืออย่างภูผาพลาดได้ไงวะ” ปกรณ์ตบบ่าภูผาเบาๆทั้งเอ่ยด้วยน้ำเสียงหยอกเอิญเพราะเขาเคยพนันกับภูผาว่าใครแต่งงานก่อนคนนั้นแพ้“ช่างมันเถอะเรื่องเกิดแล้วยังไงฉันก็ต้องรับผิดชอบ” ภูผาเอ่ยออกมาด้วยสีหน้าค่อนข้างปลงและมีรอยยิ้มมุมปากเล็กน้อย“แหม...คำพูดแบบนี้ไม่น่าออกจากปากแกนะคนนี้ถูกใจแกไม่น้อยใช่ไหม” แดเนียลได้ยินคำพูดของภูผาเขาก็ถึงกับต้องผงะจนวางแก้วเครื่องดื่มในมือด้วยนึกว่าตัวเองหูฝาดเพราะหากเป็นภูผาที่เขารู้จักคงจะโวยวายหนักกว่านี้แน่เพราะขนาดมีข่าวหลุดเข้าโรงแรมกับนางแบบยังบ่นอุกจนเขาหูชา แต่ตอนนี้ต้องมารับผิดชอบผู้หญิงที่ทำเขาท้องอย่างไม่ได้ตั้งใจกลับดูเหมือนจะยอมรับแบบปลงง่ายๆเสียอย่างนั้นทั้งที่เรื่องนี้คื